เมื่อรถไฟไทยดอทคอม ไปเยือน แขวงรถจักรอุตรดิตถ์

[black_express]

ครับ..เลยต้องรีบนำลงให้หมดคราวนี้แหละ



ออกจากอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวคณะออกเดินทางไปเที่ยว อ.ลับแล โดยเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอินใจมี ซึ่งขนานตามนามเดิมของพระศรีพนมมาศ อดีตเจ้าเมืองลับแล ซึ่งเป็นหัวแรงสำคัญนำชาวบ้านพัฒนาถนนสายนี้เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองบางโพท่าอิด และเมืองลับแล เมื่อปี พ.ศ.2444 โดยไม่ใช้เงินจากทางราชการเลย

ด้วยระยะทางจากสี่แยกหน้าชุมสายโทรศัพท์อุตรดิตถ์เพียง 6 กม. เราก็มาถึงบริเวณ อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ แล้วล่ะครับ สำหรับเกียรติประวัติคุณงามความดีของท่านที่มีต่อประชาชนชาว อ.ลับแล ที่อยู่ดีกินดี มีฐานะมั่นคงทุกวันนี้ ท่านที่สนใจทราบรายละเอียด สามารถคลิ๊กได้ที่ชื่อของท่าน เข้าสู่เวปไซต์ของกองทัพบกได้เลยครับ



สำหรับผู้ช่างสังเกต อาจพิศวงว่าทำไมเสาไฟฟ้าริมถนนในเขตเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ ถึงได้ทำสีเขียว- เหลืองทุกต้นนั้น



ขออธิบายเป็นเบื้องต้นว่าแถบสีดังกล่าว ทางเทศบาลตำบลศรีพนมมาศได้ทำเป็นที่ระลึกเหตุการณ์น้ำป่าไหลท่วมเมืองลับแล และตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อปี 2549 ครับ สร้างความเสียหายมากมาย แก่ทรัพย์สินและทางเศรษฐกิจของชาวเมืองอุตรดิตถ์ โดยสีเขียวแสดงถึงระดับน้ำท่วมสูงสุดในช่วงเวลาดังกล่าว ไว้เตือนใจชาวลับแลให้ระวังภัยธรรมชาติ ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมหลบภัยไปบนที่สูงได้ทันการ





ในบางพื้นที่โดยเฉพาะหน้าที่ทำการไปรษณีย์ลับแลนั้น จะเห็นว่า แถบสีเขียวแสดงระดับน้ำท่วมอยู่สูงจนแทบมิดตู้ไปรษณีย์ เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานของจังหวัดเข้าไปถึงล่าช้า เนื่องจากระดับน้ำท่วมปิดเส้นทางเข้าสู่ตัวเมืองลับแลตรงบริเวณนี้เอง



จากอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ เส้นทางจะลัดเลาะผ่านชุมชนบ้านต่างๆ ซึ่งตั้งประชิดภูเขาทั้งสองด้าน ขนานไปกับห้วยแม่พร่อง แม่พูล และสวนผลไม้ต่างๆ ที่อยู่ประชิดถนน ด้วยระยะทางอีก 16 กม. ก็สุดทางที่น้ำตกแม่พูล เปิดโอกาสให้ชาวคณะผ่อนคลายอิริยาบทกับธรรมชาติที่นี่จนเป็นที่พอใจทั่วหน้าครับ



แถมช่วยกระจายเงินในกระเป๋าเข้าสู่มือชาวบ้านอีกด้วย



เหล่าเงือกน้อย กำลังสนุกสนานเต็มที่กับน้ำตกแม่พูล

น้ำตกแม่พูลนี้ เล่าว่า ตามสภาพเดิมนั้น ไม่ได้ตกเป็นม่านน้ำแบบนี้ครับ ทางจังหวัดอุตรดิตถ์มาปรับปรุงภูมิทัศน์ก่อหินดาดซีเมนต์เพิ่มเติมจนเห็นอยู่ทุกวันนี้ โชคดีที่ยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติออกมาบังคับใช้ในขณะนั้น ลักษณะน้ำตกอาจเปลี่ยนแปลงเป็นอีกรูปหนึ่งจากที่เราเห็นก็ได้

หากใครเก็บภาพน้ำตกในวันนั้นไว้ ลองเปรียบเทียบกับสภาพน้ำตกแม่พูล คราวน้ำป่าหลากครั้งใหญ่เมื่อปี 2549 สิครับ











ดูแล้วทึ่งจริงๆ ว่า เขาสามารถฟื้นฟูน้ำตกแม่พูลเข้าสู่สภาพเดิมได้ดีเยี่ยมมากๆ ครับ

[black_express]

กลับจากน้ำตกแม่พูล ชาวคณะกลับเส้นทางเดิม แต่ผ่านหน้าอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ ล่องมาทางใต้ ผ่านที่ว่าการอำเภอลับแล ค่ายศรีพนมมาศ (ป.พัน 20) ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล มาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 102 ที่ วัดพระแท่นศิลาอาสน์

(ข้อมูลใน วิกิพีเดียไทย)



คุณนพ (paknampho) คงสมปรารถนาในคำอธิษฐานคราวนี้กระมัง ?



เอื้อมให้เห็นกันชัดๆ กับตัวพระแท่นซึ่งเป็นศิลาแลง แต่ถูกก่อกำแพงขึ้นมาล้อมรอบจนมองไม่เห็นตามปกติครับ



หลังจากนมัสการพระแท่นเสร็จ มีการประลองกำลังแขนเพื่อเสี่ยงทายคำอธิษฐานกันเล็กน้อย แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน



เป็นที่น่ายินดีสำหรับผู้มีความเชื่อมั่นในพละกำลังของตนครับ เพราะสอบผ่านไปได้ทุกคน และทุกเรื่องที่อธิษฐาน แถมมีการยกองค์พระคราวละ 3 ครั้งด้วยสิ ยกเว้นองค์ใหญ่ด้านขวามืออีกองค์เดียวเท่านั้นที่ไม่มีใครกล้าลอง

[black_express]

ก่อนกลับเข้าตัวเมืองในช่วงเย็นวันนั้น ชาวคณะยังได้มีโอกาสแวะชม วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับวัดพระแท่นศิลาอาสน์ด้วยครับ

แต่ด้วยตัวอุโบสถอยู่ระหว่างการบูรณะโดยกรมศิลปากร ยังไม่สวยเท่าที่ควร ต้องรอถึงช่วงกลางปี 2552 ถึงจะได้มีโอกาสชื่นชมได้อย่างเต็มที่ครับ



สำหรับวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง แห่งนี้ มีประเพณีพื้นบ้านทางศาสนาที่สำคัญในช่วงวันวิสาขบูชา คือ พิธีอัฐมีบูชารำลึก (พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจำลองพระพุทธเจ้า) ซึ่งจัดขึ้นในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี หากท่านใดสนใจ สามารถไปร่วมพิธีดังกล่าวได้ที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง นะครับ

(ข้อมูล-ภาพจากบล็อก ใช้ชีวิตแบบหมี : บ้านหมีใหญ่).

ตอนนี้ก็กลับเข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า ก่อนเตรียมตัวทานอาหารมื้อเย็นที่ย่านศิลาอาสน์ และขึ้น ข.108 กลับกรุงเทพฯ ล่ะครับ

แต่บางส่วนยังสมัครใจค้างที่อุตรดิตถ์ ก่อนท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้น

[black_express]

หลังจากอิ่มหนำกับมื้อเย็นร่วมกับชาวคณะสำรวจเส้นทางสายสวรรคโลกที่กลับมาสมทบ ที่ร้านป้าสำราญ แล้ว ก็ออกเก็บภาพยามค่ำรอเวลา ข.108 เด่นชัย - กรุงเทพ ที่ย่านสถานีศิลาอาสน์





เป็นความสุขอีกครั้งหนึ่งสำหรับกิจกรรมร่วมกันของชาวคณะที่มาศึกษาดูงานในพื้นที่ภูมิภาคแบบนี้ และยังได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจของหน่วยงานทางภาคเหนือ และความรู้จากสถานที่จริงจากตัวจังหวัด ความสนุกสนานจากการพบปะพูดคุยกันต่อหน้าระหว่างสมาชิกและทีมงาน รวมถึงทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานการรถไฟฯ อีกด้วย

หวังว่า เราคงมีโอกาสร่วมกิจกรรมใหญ่ๆ กันอีกในคราวหน้านะครับ

........................

ขอขอบคุณ
- การรถไฟแห่งประเทศไทย
- กองลากเลื่อนเขตอุตรดิตถ์ , แขวงโรงงานอุตรดิตถ์ , แขวงรถจักรอุตรดิตถ์ และพนักงานทุกท่าน
- ช.นก และ ช.โกวิท (แขวงฯ สม.) ที่สละเวลาไปรอรับคณะดูงานที่สถานีอุตรดิตถ์ตั้งแต่เช้ามืด
- ทีมงานและสมาชิกทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจจนกิจกรรมครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

[nathapong]

^
^
ย้อนกลับไปที่วัดพระแท่น ฯ...

ราว ๆ เกือบ 10 ปีผ่านไปมีความเปลี่ยนแปลง คือ บริเวณหน้าโบสถ์ จะมีรูปปั้น ช้าง ม้า วัว อย่างละคู่...

แต่ปัจจุบัน เหลือ รูปปั้นช้าง เชือกเดียว... และย้ายไปด้านข้าง ๆ วัด เสียด้วย

แหะ ๆ คงรบกวนน้อง ยูเรนัส นำมาให้ชมด้วยนะครับ เพราะไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้...

[Kukku]

[Wisarut]

คุณ Kukku เจอ รถอัดหิน บดหิน ล้างหิน ที่อุตรดิตถ์หรือครับ?

แก้ไขคำผิดโดย beer45 ครับน้าหมี

[nttang]

[pattharachai]

[Compressor]