Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟสายมหาชัย-แม่กลอง
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43930
Location: NECTEC
Posted: 21/08/2012 12:33 pm Post subject:
สื่อจีนตีข่าวครึกโครม "ไทย: แชมป์ตลาดหวาดเสียวสุดในโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2555 08:40 น.
จากภาพ สมญานาม "ตลาดหวาดเสียวที่สุดในโลก" ที่จีนมอบให้ มิใช่ประเทศไกลอื่น นั่นคือ "ไทย" เรานี่เอง ภาพเมื่อ 19 ส.ค. (ภาพเหอซุ่น)
เอเยนซี--ผ่านมากว่า 20 ปี ไทยยังคงครองแชมป็ ตลาดหวาดเสียวที่สุดในโลก กางๆ หุบๆ หลบรถไฟกว่า 8 เที่ยว/วัน ตลาดแห่งนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
สื่อจีนรายงาน (16 ส.ค.) ผ่านไปอย่างไรก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น ตลาดแม่กลอง ในอ.แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ยังคงครองตำแหน่ง ตลาดหวาดเสียวที่สุดในโลก มาโดยตลอด ด้วยต้องหลบรถไฟวันละถึง 8 เที่ยว
ภายในตลาดแม่กลองเต็มไปด้วยร้านค้ามากกว่า 300 ร้าน เลียบทางรถไฟยาวกว่า 500 เมตร พอรถไฟผ่านมาจะชะลอความเร็ว วิ่งด้วย 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนพ่อค้าแม่ค้ารีบเก็บร้าน และหุบร่มของตน เมื่อขบวนรถผ่านไป จึงจะกางร่ม ซึ่งระยะห่างระหว่างรถไฟกับแผงร้านค้ายังไม่ถึง 2 เมตร ในประเทศไทยจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ตลาดร่มหุบ
ชมภาพบรรยากาศ ตลาดร่มหุบ ในประเทศไทยที่ผ่านหลายปี สื่อจีนยังคงสมญานามว่า ตลาดหวาดเสียวที่สุดในโลก นอกจากจะไม่เหมือนตลาดที่ใดในโลกแล้ว ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมด้วย (ภาพเอเยนซี)
Back to top
thanaratKK
2nd Class Pass (Air) Joined: 07/04/2011 Posts: 778
Location: มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย
Posted: 21/08/2012 6:29 pm Post subject:
อ่านความเห็นตามลิงค์แล้ว บางส่วนคงไม่เคยไปเห็น บางส่วนไปเที่ยวเมืองนอกที่เจริญกว่าจนชินตา บางส่วนอยู่ในสังคมที่อนามัยจัด บางส่วนเห็นเป็นแค่ที่ท่องเที่ยว
นานาจิตตังครับ จะให้ย้ายสถานีออกไป ก็คงต้องย้ายออกไปไกล อีกอย่างชาวบ้านบางส่วนเขายังคงใช้บริการเพื่อเข้ามาซื้อข้าวของอยู่ตลอด
Back to top
digimontamer
3rd Class Pass (Air) Joined: 12/05/2009 Posts: 487
Posted: 21/08/2012 9:05 pm Post subject:
เคยมีผู้ว่าหรือนายกเทศบาลเมืองแม่กลองนี่แลครับ ดำริจะย้ายสถานีรถไฟออกไป แต่โดนชาวบ้านต่อต้านกันหนักมาก
ตอนนี้ตลาดหุบร่ม กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของแม่กลอง คู่กับปลาทู และ แฝดอิน-จัน ไปแล้วครับ ใครกล้าแตะโดนชาวบ้านถล่มแหลก
Back to top
newdriver
3rd Class Pass Joined: 06/06/2007 Posts: 37
Location: หนามแดง สมุทรปราการ
Posted: 22/08/2012 12:34 pm Post subject:
ผมใช้รถไฟสายนี้อยู่บ่อยๆได้เห็นว่านี่คือวิถีชีวิตตามปกติของคนที่นี่ไม่มีประเทศใดในโลกจะเข้าใจเราแท้จริงหรือแม้แต่คนในประเทศเราที่เป็นคนต่างถิ่นก็เถอะ ผมอยากให้ใครที่ไม่เข้าใจมองที่นี่เป็นเพียงวิถีการดำเนินชีวิตของคนในท้องถิ่นเป็นเรื่องปกติของคนที่นั่น อย่าได้แคร์สื่อต่างชาติครับ _________________ สุดปลายทางแล้วแต่การเดินทางยังไม่จบจนกว่าจะหมดลมหายใจ
Back to top
black_express
1st Class Pass (Air) Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
Posted: 24/08/2012 12:05 pm Post subject:
ค้าขายบนทางรถไฟ ต้องรู้จักปรับตัวให้สอดคล้องกับการเดินรถอยู่แล้ว สื่อจีนอาจตีข่าวว่าไม่ปลอดภัย แต่นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น เกาหลีกลับบอกทึ่ง กลายเป็น Unseen Thailand เรียบร้อยแล้ว
หากรถไฟช่วงบ้านแหลม - แม่กลอง เดินวันละ 40 ขบวนสิ ตลาดร่มหุบที่ไหนๆ ก็อยู่ไม่ทนหรอกครับ
Back to top
thanaratKK
2nd Class Pass (Air) Joined: 07/04/2011 Posts: 778
Location: มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย
Posted: 24/08/2012 12:57 pm Post subject:
แถวสถานีมหาชัยนี่ก็หุบๆ ย่อมๆ เหมือนกันนะครับ ตลาดที่ทับรางที่ 3 ของสถานี ทะลักออกมาบรรจบกับย่านค้าขายถนนหน้าสถานีเหมือนล้อมสถานีไว้เลยครับ
แต่มหาชัยรถเข้าออกเยอะ และมีการสับเปลี่ยน
Back to top
kikoo
1st Class Pass (Air) Joined: 01/02/2010 Posts: 1667
Location: มอ.ตรัง และ สถานีตรัง
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47119
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/09/2012 10:08 am Post subject:
ชาวพม่ามาทัศนศึกษารถไฟสายแม่กลอง แล้วบอกว่าคิดถึงบ้านที่พม่า เพราะหลาย ๆ อย่างคล้ายกัน แต่ค่ารถไฟ 10 บาท (300 จั๊ต) แพงกว่าที่พม่ามาก
A journey filed with thoughts of home
elevenmyanmar.com Published on Thursday, 06 September 2012 07:01 Written by Lin Lin Khaing
During our exciting study tour to the Nation Multimedia Group in Bangkok -- a signed-partner of the Eleven Media Group in Myanmar -- we visited Maeklong market in Samut Songkhram Providence to cover our first narrative story in Thailand. We were accompanied by amicable and charming Ms. Ina Parlina, a reporter from the Jakarta Post, attached with Asia News Network (ANN).
The outing started at 6 a.m. on a beautiful morning, and we first took the bus to a BTS station. Then, we stepped on the BTS on two different lines and arrived at Wongwian Yai. From there, we took the train to Maharchai. Seeing the clean and neat condition of the seats on the train, it reminded me of the circular railway back in our country that still lack a proper system.
The ticket was 10 bahts (equivalent to 300 Myanmar kyats) for each passenger; therefore it is costlier here than in Myanmar.
The wide area of land seen on the way to Maharchai is not that different from the scenes in Myanmar. The location of the houses which are too close to the rail tracks, dump sites, and small stalls on the platforms of the train stations were the same like in Myanmar.
After arriving at the Maharchai train station, we crossed the river by boat. My mind rushed to the Myanmar migrant workers living in Mahachai, but I pushed my thoughts aside as our main destination still lay ahead. I noted to myself to come back to Mahachai at another time.
Crabs, prawns, various kinds of fish, and dried shrimps were seen selling around the Mahachai train station. To my amazement, I saw that the prices were much cheaper than in Myanmar. I cant help but feel sad, thinking about the hardship of our Myanmar migrant workers employed in business of catching fish.
On the way to another train station after crossing the river, I felt a lump inside my heart when I saw a sign board written in Myanmar language, recruiting workers to peel crab shells. How many Myanmar citizens are doing downtrodden jobs like this? Why the recruitment was written in Myanmar? How many Myanmar are already working here? These unresolved questions kept popping up in my head.
From the Ban Laem Station, we jumped on the train again to the Maeklong Station to see the market scene. I noticed that most of the passengers on the train were tourists rather than Thai nationals. The landscape seen from the panoramic window on the way was similar to the countryside seen on various regions of Myanmar. I saw many thick tall grasses and wide open fields. I read on the internet that there are many salt farms in this area so I assumed that those fields I saw were salt farms. I also saw a few cold storage factories and seeing the Myanmar name Ma Pan Aye on the wall of a factory made me pathetic.
As the train got nearer to the Maeklong train station, the passengers on the train started to stir and prepare their cameras. A moment later, the train started passing through the market and I saw from the train window many foreigners near the rail tracts were squeezing around on the narrow space between the stalls and taking photos of the passing train.
When the train stopped at the station, we got off and look around the stalls on the train tracks. A wide variety of produce were sold mostly on trays near the tracks. Chicken, pork, prawns, crabs, cuttlefish, and various types of fishes were seen along with cabbage, peppers, onions, tomatoes, and other vegetables at the market. I also saw a few souvenir shops and clothes stores.
The selling trays were placed near the rail tracks and the shop vendors pulled back the canopy and the merchandise at the signal of the approaching train. Once the train passes by, the sunshade and produce are pushed to the fore to their original places beside the tracks and everything goes back to normal. As the train only passes through three or four times a day, the shopkeepers can mind their own business peacefully.
It is for this reason that tourists landed at the market just to watch in amazement at the temporary busy lives of the vendor as they hurry to get off the tracks before the train approach.
The Maeklong scene made me feel uncomfortable when my mind flashes back to the countryside of Myanmar. I imagine the possible reactions of the tourists if they were to see the vendors rushing inside the trains, jumping off while the trains were still moving, and young peddlers jostling around the train windows during the short stops at the stations in Myanmar. At the same time, my heart felt heavy when I thought about the street vendors being arrested for selling assorted items on the restricted areas back in Yangon.
During the sojourn in Bangkok for media coverage, my first experience at the Maeklong market has left me with lastingly imprint in my mind with motley assortment of questions about my country.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47119
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/05/2013 7:59 am Post subject:
นั่งรถไฟลง ตลาดมหาชัย เที่ยวไปถึงท่าฉลอม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2556 15:30 น.
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660884
สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ที่ตั้งต้นรถไฟสายมหาชัย
พี่อยู่ไกลถึงท่าฉลอม แต่พี่ไม่ตรอมเพราะรักพะยอมยามยาก ออกทะเลจะหาปลามาฝาก แม่คุณขวัญใจคนยาก รับของฝากจากพี่ได้ไหม... เพลงท่าฉลอม ที่ขับร้องโดยชรินทร์ นันทนาคร ฉันได้ฟังจนติดหูมาตั้งแต่จำความได้ โดยเฉพาะเมื่อฟังถึงท่อนที่ว่า ท่าฉลอมกับมหาชัย จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า ก็ทำให้สงสัยมานานแล้วว่า ท่าฉลอมกับมหาชัยนั้นจะไกลกันสักแค่ไหนเชียว
พอสบโอกาส มีเวลาว่าง ก็ต้องไปเยือนให้เห็นกับตาตัวเองให้ได้ แต่ถ้าจะให้ได้สัมผัสบรรยากาศแบบลูกทุ่งหน่อยๆ ก็ต้องเลือกการเดินทางโดยรถไฟไทย สายวงเวียนใหญ่-มหาชัย ซึ่งต้องบอกว่าสะดวกสบายสุดๆ ไม่ต้องไปผจญกับรถติดโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งรีบ รถไฟวิ่งฉึกๆ ฉักๆ ไปเรื่อยๆ ผ่านสถานีต่างๆ ตั้งแต่ต้นทางที่สถานีวงเวียนใหญ่ จนไปสิ้นสุดที่สถานีมหาชัย รวมระยะเวลาก็ราวๆ 1 ชั่วโมง และในช่วงนี้ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ เพราะเขาให้บริการฟรีสำหรับประชาชนคนไทย ฉันก็เลยต้องใช้บริการเสียหน่อย
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660885
บรรยากาศที่นั่งภายในตู้รถไฟ
ต้องบอกว่ารถไฟสายนี้ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางสัญจรของคนเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะอาหารทะเลสดๆ จากมหาชัยเข้ามาขายในย่านวงเวียนใหญ่หรือตลาดพลู แต่นั่นก็เป็นเพียงอดีตไปแล้ว เพราะปัจจุบันสินค้าต่างหันไปขนส่งทางถนนกันหมดแล้ว คนที่มาใช้บริการขบวนรถไฟสายนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านที่อยู่ตามเส้นทางรางรถไฟที่ต้องการเข้าเมืองหรือออกนอกเมือง หรือไม่ก็คนที่อยากไปจับจ่ายของสดที่ตลาดมหาชัย อีกส่วนหนึ่งก็คือคนประเภทเดียวกับฉัน คือนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติที่อยากซึมซับบรรยากาศสองข้างทางรถไฟ และเดินทางไปสู่แหล่งท่องเที่ยวแบบไม่ต้องรีบเร่ง
ใช้บริการรถไฟไทย วิ่งบนรางรถไฟผ่านสองข้างทางที่มีทั้งบ้านคน เรือกสวนไร่นา นาเกลือ ป่าโกงกาง วัด ตลาด โรงเรียน และอื่นๆ อีกมากมาย พอมาสุดปลายทางที่ตลาดมหาชัย ก็จะเริ่มเห็นถึงความคึกคักของผู้คนที่เตรียมตัวหอบหิ้วข้าวของลงจากรถไฟเมื่อจอดสนิทที่สถานี
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660886
ซึมซับทิวทัศน์สองข้างทาง
มองที่ป้าย สถานีมหาชัย แน่นอนว่านี่แหละคือจุดหมายปลายทางของวันนี้ เดินลงจากรถไฟแล้วลองสังเกตทั้งด้านซ้ายและขวา ก็เห็นมีร้านขายของต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ ของสดของแห้ง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ
แต่หากว่าเดินออกมาจากตัวสถานีรถไฟแล้ว ก็จะเข้าสู่ ตลาดมหาชัย ที่มีทั้งของสด จำพวกอาหารทะเล ผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ วางขายอยู่เต็มไปหมด แต่หากจะสังเกตดีๆ ที่นี่ก็คล้ายๆ จะเป็นตลาดร่มหุบขนาดย่อมๆ คล้ายกับตลาดร่มหุบที่ อ.แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม เพราะบริเวณริมทางรถไฟใกล้ๆ กับสถานีรถไฟมหาชัย ก็มีร้านค้าที่วางของขายอยู่ใกล้ๆ กับรางรถไฟเช่นกัน และมีการกางร่มไว้คอยบังแดด เมื่อรถไฟจะผ่านไปผ่านมา ก็จะต้องหุบร่มเพื่อหลีกทางให้รถไฟทุกครั้ง
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660887
สถานีรถไฟมหาชัย
ตลาดมหาชัย เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลสดๆ ที่นำมาวางขาย และมีให้เลือกหลากหลายร้าน เรียกว่าแทบจะยกทะเลขึ้นมาไว้บนบกเลยทีเดียว ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน อยู่บริเวณปากน้ำ ใกล้กับอ่าวไทย จึงจะสังเกตเห็นได้ว่า ในแม่น้ำท่าจีนบริเวณนั้นจะมีเรือสินค้า หรือเรือประมงขนาดใหญ่จอดเทียบท่า และแล่นผ่านไปมาจำนวนมาก
นอกจากจะเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบันแล้ว เมืองแห่งนี้ก็ยังมีบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ด้วย ตามพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งพระเจ้าเสือเสด็จประพาสทางชลมารค และเกิดเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้จงรักภักดี
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660883
ตลาดมหาชัยยามสาย
ส่วนในปัจจุบัน ก็เป็นทั้งตลาด ศูนย์กลางการค้า ศูนย์กลางการคมนาคมของจังหวัดสมุทรสาคร เพราะมีการเชื่อมโยงการเดินทางหลากหลายเส้นทางเข้ามาสู่ตลาดแห่งนี้ ทางทางรถยนต์ รถไฟ เรือข้ามฟาก เรือหางยาว และเรือเช่าเหมาลำต่อไปยังคลองต่างๆ ได้
มาถึงตลาดมหาชัยทั้งที ก็ต้องช้อปของทะเลสดๆ ติดมือกลับบ้านกันหน่อย ใครชอบกินอะไรก็ตรงดิ่งไปเลย แต่ตัวฉันนั้นเลือกไม่ถูกเพราะอาหารทะเลทุกอย่างวางขายอย่างละลานตาไปหมด ทั้งปูทะเลสดๆ หมึกสดตัวโตๆ กุ้งทะเลตัวโตน่ากิน และยังมีสารพัดหอย รวมถึงมีของทะเลแห้งให้เลือกซื้อไปฝาก หรือซื้อไปทำอาหารอย่างอื่นกินได้อีกด้วย
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660888
หมึกสดตัวโตๆ
ซื้อวัตถุดิบกันเต็มไม้เต็มมือไปหมด เชื่อว่าหลายคนคงมีเมนูที่คิดไว้ในใจอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่อยากมาเดินเที่ยวอย่างเดียว เพราะไม่ถนัดเรื่องการบ้านการครัว ก็ยังมีร้านอาหารหลายร้านให้เลือกเข้าไปนั่งชิมซึ่งก็เลือกกันได้ตามชอบ
และสำหรับคนที่เป็นขาเที่ยว ฉันก็เลยจะชวนไปเที่ยวต่อใกล้ๆ กับตลาดมหาชัยนี่เอง ถ้าเดินไปบริเวณท่าเรือข้ามฝาก ที่มีหอนาฬิกาเป็นจุดสังเกต ก็จะเป็นริมเขื่อนแม่น้ำท่าจีน และเดินเลาะริมเขื่อนไปเรื่อยๆ อีกเล็กน้อย ก็จะถึง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะชาวประมงในแถบนั้น ก่อนที่จะออกเรือหาปลาทุกครั้งก็มักจะมาขอพรให้การเดินทางปลอดภัย หรือมาบนบานให้หาปลามาได้มากๆ
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660889
เลือกซื้อกุ้งทะเลสดๆ
องค์เจ้าพ่อหลักเมืองแกะสลักด้วยไม้โพธิ์ เป็นแผ่นไม้รูปเจว็ด สูงประมาณ 1 เมตร เรียกว่าเทพเจ้าจอมเมือง มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า แผ่นไม้สลักนี้ลอยน้ำผ่านคลองมหาชัย ชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นสักการะสร้างเป็นศาลเล็กๆ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นรูปเทวดาหัตถ์ขวายกประทานพร หัตถ์ซ้ายถือพระขรรค์ มีกุมารน้อย 2 คน เป็นบริวารอยู่ด้านข้าง
และในทุกๆ ปี ทางจังหวัดสมุทรสาครก็จะมีการจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อหลักเมือง ในช่วงเดือนมิถุนายน มีการอัญเชิญองค์เจ้าพ่อหลักเมืองประทับบนเกี้ยวลงเรือประมง ประดังธงทิว แล้วแห่ไปตามแม่น้ำท่าจีนจากตลาดมหาชัยไปยังฝั่งท่าฉลอมบริเวณวัดแหลมสุวรรณาราม และอัญเชิญไปจนถึงวัดช่องลม เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660890
ของทะเลแห้งก็มีให้ช้อป
เที่ยวฝั่งมหาชัยเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาไปพิสูจน์ว่าท่าฉลอมกับมหาชัยนั้นไกลกันสักแค่ไหน ด้วยการนั่งเรือข้ามฝากไปยังฝั่งท่าฉลอม ซึ่งท่าเรือข้ามฝากก็อยู่ตรงหอนาฬิกานั่นเอง ซื้อตั๋ว 3 บาท ก็สามารถก้าวขึ้นเรือได้เลย
เรือข้ามฝากที่นี่ ขึ้นได้ทั้งคน รถจักยาน และรถมอเตอร์ไซค์ แถมยังสามารถขนข้าวของต่างๆ ได้มากมาย ระหว่างทางก็สามารถชมวิวสองฝากฝั่งของแม่น้ำท่าจีนได้ด้วย
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660891
ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
ใช้เวลาแค่อึดใจเดียวก็ข้ามมาถึงฝั่งท่าฉลอม สรุปว่าสองฝั่งนั้นไม่ได้ไกลกันเลย เพียงแค่แม่น้ำกั้นเท่านั้น ยิ่งปัจจุบันนี้ก็ยิ่งสะดวกมากขึ้นเพราะมีเรือข้ามฝากสะดวกสบายและรวดเร็ว ส่วนเมื่อข้ามมาฝั่งท่าฉลอมแล้ว จะมาจัดจ่ายใช้สอยต่อที่ตลาดฝั่งนี้ก็ได้ หรือจะเดินเล่นต่อไปยัง วัดแหลมสุวรรณาราม หรือจะเดินต่อไปอีกนิดก็จะถึง สถานีรถไฟบ้านแหลม อันเป็นต้นสายของรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง ที่สามารถไปเที่ยวต่อยังตลาดร่มหุบได้
มาเที่ยวที่ตลาดมหาชัยครั้งนี้ ระยะทางที่ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่การนั่งรถไฟไปนั้นก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติแบบเต็มปอดจริงๆ ได้เที่ยว ได้กิน ได้ช้อปอย่างเต็มที่ ฉันขอบอกว่าทริปนี้ช่างเป็นการเที่ยวที่ได้รสชาติจริงๆ
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2660892
เรือข้ามฟากไปยังฝั่งท่าฉลอม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ตลาดมหาชัย เปิดทุกวัน ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่จนถึงช่วงค่ำ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (ดูแลพื้นที่สมุทรสงคราม,สมุทรสาคร,นครปฐม) โทร. 0-3475-2847-8
สำหรับรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย มีบริการทุกวัน สามารถดูตารางเวลาเดินรถได้ที่ www.railway.co.th หรือ โทรสายด่วน 1690
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 47119
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 02/06/2013 3:40 pm Post subject:
"สุณี" ข้าวหมูแดง ริมทางรถไฟ ตลาดพลู
ไทยโพสต์ 2 June 2556
สัปดาห์นี้ผมยังวนเวียนอยู่แถวๆ ริมทางรถไฟ ตลาดพลู เพราะเป็นสถานที่ได้ชื่อว่าเป็นชานชาลาแห่งความอร่อย เป็นแหล่งรวบรวมของกินหลากหลายชนิด
เพราะไหนๆ มาถึงตลาดพลูทั้งทีก็ต้องแนะนำให้ครบถ้วนเรื่องความอร่อย แต่ถ้าจะให้เขียนครบทุกร้านก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ผมจึงต้องเน้นร้านที่เปิดขายมานานและมีจุดเด่นในเรื่องความอร่อยจนถึงกับมีลูกค้าอุดหนุนไม่ขาดสาย
ร้านที่ว่านี้คือ "สุณี" ข้าวหมูแดง สภาพร้านนั้นไม่ได้ขายอยู่ในตึกอาคาร แต่เป็นร้านขนาดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเพิง มีโต๊ะนั่งไม่กี่ตัวเท่านั้น ตั้งรวมปะปนอยู่กับร้านอาหารอีกหลายเจ้า ซึ่งเปิดขายอยู่ริมทางรถไฟสถานีตลาดพลูมาเป็นเวลานานกว่า 55 ปีแล้ว โดยคุณป้าสุณี ลิมป์เฉลิม เป็นผู้บุกเบิกรุ่นแรก ขายตั้งแต่สมัยยังสาวๆ จนทุกวันนี้ปล่อยให้ลูกชายเข้ามาสืบทอดและดูแลกิจการแทน ส่วนป้าสุณีก็มาช่วยเก็บเงินเป็นบางเวลา
เอกลักษณ์ข้าวหมูแดงร้านนี้คือ มีวัตถุดิบใส่มาเพียง 3 อย่างเท่านั้นประกอบด้วย หมูแดง หมูกรอบและกุนเชียง ไม่มีไข่ต้มเหมือนร้านอื่นๆ นอกจากเรื่องรสชาติความอร่อยที่ทุกคนต้องยอมรับแล้ว ในเรื่องคุณภาพสดใหม่และปริมาณคุ้มค่า รวมทั้งเรื่องราคาก็เป็นจุดเด่นสำคัญของร้านนี้ เพราะใส่ของให้แบบเต็มจานโดยไม่กลัวขาดทุนในราคาเริ่มต้นจานละ 30 บาท และพิเศษ 35 บาท ซึ่งแทบจะหากินในราคานี้ได้ยากแล้ว
คำแรกที่ได้ลองชิม ผมเลือกตักหมูกรอบก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตัวหมูกรอบถือเป็นพระเอกประจำร้านที่ดึงดูดลูกค้าจำนวนมาก นอกจากความกรอบนอกนุ่มในที่เคี้ยวเพลินไม่มีสะดุด ไม่มีน้ำมันเยิ้มไหลจากหมูกรอบออกมาแล้ว ยังได้รสชาติของน้ำซอสแสนอร่อยที่ไม่เหมือนใคร
คุณป้าสุณีเผยว่า เป็นข้าวหมูแดงสูตรเหมยโจ ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งในเมืองจีน สำหรับหมูแดงจะเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสันนอกมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ จนเข้าเนื้อ แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกหอม สังเกตดูว่าหมูแดงของที่นี่จะไม่มีมัน แต่ถ้าลองชิมแล้วก็ยังได้ความนุ่มหอม มีรสหวานๆ เค็มๆ เล็กน้อย ส่วนหมูกรอบก็จะเลือกใช้หมูสามชั้นที่เน้นชั้นของเนื้อมากกว่ามัน วิธีทำจะค่อนข้างแปลกกว่าร้านอื่นๆ แต่ก็ได้หมูกรอบอร่อยไม่น้อย คือ ปกติจะนำหมูสามชั้นไปต้มก่อนแล้วใช้เหล็กแหลมทิ่มให้เป็นรูพรุนๆ เพื่อให้น้ำมันหมูไหลออกจนหมด แต่เจ้านี้ไม่ใช้วิธีต้ม แต่นำหมูสามชั้นไปย่างบนเตาถ่านจนกระทั่งสุกตามเคล็บลับเฉพาะของทางร้าน ได้หนังกรอบ เนื้อนุ่มหอม ส่วนกุนเชียงก็จะเลือกและคัดสรรมาเป็นพิเศษจากร้านเจ้าประจำ โดยเน้นที่กุนเชียงไม่มันมาก
ไฮไลต์เจ้านี้ก็คือ น้ำซอสสีแดงราดข้าวที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ จะใช้กระดูกหมูส่วนสันหลังหรือที่เรียกว่าเล้งมาเคี่ยวเป็นน้ำซุป จากนั้นผสมเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศต่างๆ เคี่ยวรวมกันจนได้ที่ และจะใส่งาขาวเยอะเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่หอมละมุน ลองชิมน้ำราดแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี มีรสหวานเค็มได้ที่ หากจะเพิ่มความจัดจ้านอีกนิดก็ยังมีน้ำจิ้มซีอิ้วผสมน้ำส้ม และพริกไว้กินแก้เลี่ยนอีกด้วย ส่วนผักแกล้มก็มีเฉพาะแตงกวาเท่านั้น ไม่มีต้นหอม
ถ้าสั่งน้ำซอสราดข้าวอย่างเดียวถุงละ 20 บาท ส่วนหมูแดง หมูกรอบและกุนเชียง ขายขีดละ 35 บาทเท่ากัน ร้าน "สุณี ข้าวหมูแดง" ตั้งอยู่ที่ซอยเทอดไท 25 ตลาดริมทางรถไฟตลาดพลู เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 20.30 น. โทร. 0-2466-3173, 08-1700-5226.
----
สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู อร่อยแรงถึงใจ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2556 15:34 น.
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2621803
ลูกค้ายืนต่อแถวรอชิมของอร่อย
แดดร่มลมตก แสงตะวันยามบ่ายคล้อยค่อยลดความแรงลงหน่อย ผ่านมาแวะกิน ก็เลยชักชัวนเพื่อนสนิทไปเดินเล่นริมทางรถไฟ ออกกำลังกายขากันเสียหน่อย แต่ว่าไม่ได้มาเดินแถวสถานีรถไฟบางกอกน้อย คอยตามหาพ่อดอกมะลิของแม่อังศุมาลินหรอกนะ ครั้งนี้จะไปเดินริมทางรถไฟแถวๆ สถานีรถไฟตลาดพลู เดินดูในตลาดหาของกินอร่อยๆ ต่างหาก
นอกจากกุยช่ายตลาดพลูที่ชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ที่ตลาดพลูก็ยังมีของอร่อยอีกหลากหลายเมนูให้เลือกกันตามชอบ อย่างเช่นร้านนี้ที่อยากจะแนะนำ เขาชื่อว่า สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าขายข้าวหมูแดง แต่ว่าทีเด็ดของร้านนี้อยู่ตรงไหน ต้องมาลองชิมถึงจะรู้
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2621804
คุณสุณี เจ้าของร้าน
คุณสุณี ลิมปเฉลิม เจ้าของร้าน บอกว่า ร้านนี้เปิดมาได้ประมาณ 55 ปีแล้ว และตั้งอยู่ที่ตลาดพลูแห่งนี้มาตั้งแต่ต้น โดยข้าวหมูแดงของร้านเป็นสูตรเหมยโจ (ตำบลหนึ่งในประเทศจีน) และจะเลือกสรรวัตถุดิบสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน เพื่อมาทำเป็นเมนูแสนอร่อย
ถ้าใครจะมาที่ร้าน วิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ ร้านจะอยู่ริมทางรถไฟ ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟตลาดพลู เป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเพิง ซึ่งแม้ว่าจะมีที่นั่งไม่กี่โต๊ะ แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาชิมความอร่อยกันตลอดเวลา และส่วนหนึ่งก็จะยืนต่อแถวซื้อใส่ถุงกลับไปอร่อยที่บ้าน
ทีเด็ดของร้านนี้ก็จะอยู่ที่หมูแดง หมูกรอบ และน้ำราด โดยอย่างแรก คือ หมูแดง จะเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสันนอกมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ จนเข้าเนื้อ แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกหอม สังเกตดูว่าหมูแดงของที่นี่จะไม่มีมัน แต่ถ้าลองชิมแล้วก็ยังได้ความนุ่มหอม มีรสหวานๆ เค็มๆ เล็กน้อย
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2621805
มีทั้งหมูกรอบ หมูแดง และกุนเชียงให้ลองชิม
ส่วน หมูกรอบ ก็จะเลือกใช้หมูสามชั้นที่เน้นชั้นของเนื้อมากกว่ามัน นำมาย่างให้สุกตามวิธีเฉพาะของทางร้าน ได้หมูกรอบที่หนังกรอบ เนื้อนุ่มหอม ได้รสชาติ ส่วนกุนเชียง ก็จะเลือกและคัดสรรมาเป็นพิเศษจากร้านเจ้าประจำ โดยเน้นที่กุนเชียงไม่มันมาก
สุดท้ายก็คือ น้ำราด ที่ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ จะใช้กระดูกหมูมาเคี่ยวเป็นน้ำซุป จากนั้นผสมเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศต่างๆ เคี่ยวรวมกันจนได้ที่ และจะใส่งาขาวเยอะเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่หอมละมุน ลองชิมน้ำราดแล้วรสชาติกลมกล่อมกำลังดี มีรสหวานเค็มได้ที่ หรือหากจะเพิ่มความจัดจ้านอีกนิด ทางร้านก็ยังมีน้ำจิ้มซีอิ้วผสมน้ำส้มให้ด้วย
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2621806
ข้าวหมูแดง
เวลาจะสั่งมากิน สามารถเลือกได้ทั้ง ข้าวหมูแดง (30 บาท พิเศษ 35 บาท) ที่จะใช้ข้าวขาวมาหุงสุกร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับหมูแดง หมูกรอบ และกุนเชียง ราดน้ำมาให้ และมีแตงกวาให้กินแกล้ม แต่ถ้าอยากได้เฉพาะเนื้ออย่างเดียว ก็สามารถเลือกได้เช่นกัน ทั้ง หมูแดง (ขีดละ 35 บาท) หมูกรอบ (ขีดละ 35 บาท) และ กุนเชียง (ขีดละ 35 บาท)
ถึงร้านนี้จะมีแต่ข้าวหมูแดงให้ลองชิม แต่ต้องบอกว่าความอร่อยนั้นติดอกติดใจลูกค้าหลายๆ คนจนต้องแวะมากินกันบ่อยๆ หรือถ้าอิ่มจากร้าน สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู แล้ว จะไปเดินเล่นต่อที่ตลาดพลู หาของกินเล่นติดไม้ติดมือกลับไปกินต่อที่บ้านก็ยังได้
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2621807
หมูแดง หมูกรอบ และกุนเชียง พร้อมน้ำราด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ร้าน สุณี ข้าวหมูแดงตลาดพลู ตั้งอยู่ที่ ซอยเทอดไท 25 ตลาดริมทางรถไฟตลาดพลู ถนนเทอดไท แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. การเดินทางให้ใช้ถนนเทอดไท มุ่งหน้ามาที่สถานีรถไฟตลาดพลู จะเห็นร้านสุณีตั้งเป็นแผงอยู่บริเวณริมทางรถไฟ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-20.30 น. โทร. 0-2466-3137, 08-1700-5226
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2621798
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group