ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)

Mongwin · Posted: 03/01/2013 4:06 pm Post subject:

กิตติรัตน์เตรียมเสนอรถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญา 1 - 2 เข้าครม.สัปดาห์หน้า
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 มกราคม 2556 15:13:08 น.

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ม.ค.นี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะเสนอความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งขณะนี้สัญญา 1 และสัญญา 2 มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนและเตรียมจะเซ็นสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาได้แล้ว

ส่วนสัญญา 3 ที่ยังติดพันยืดเยื้อ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งแนวทางอาจเป็นไปได้ทั้งยกเลิกการประมูล เพื่อเปิดประมูลใหม่หรือเดินหน้าต่อ ก่อนนำเสนอ ครม.ต่อไป

nathapong · Posted: 03/01/2013 7:48 pm Post subject:

จากข่าว

Mongwin · Posted: 03/01/2013 8:10 pm Post subject:

ขอบคุณมากครับป๋าณัฐ Very Happy

สัญญา 1 คือ สถานีกลางบางซื่อกับศูนย์ซ่อมบำรุง
สัญญา 2 คือ งานโยธา (ได้ ITD)
รอลุ้นว่าเข้า ครม. แล้วผลเป็นอย่างไร จะได้เซ็นสัญญาหรือไม่ ช้ามาก ๆ ครับ

nathapong · Posted: 03/01/2013 8:20 pm Post subject:

^
น่าจะผ่านการอนุมัติของ ครม อะครับ

แต่ ก.คลัง จะมีข้อกำหนดในเรื่องของที่มาทุน ว่าจะออกในรูปแบบไหน อะครับ

Wisarut · Posted: 04/01/2013 12:22 am Post subject:

“โต้ง”ขู่ยกเลิกสร้างรถไฟฟ้าสีแดง เล็งชงครม.ตั้งกรมขนส่งระบบราง

ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์
4 มกราคม 2556

“โต้ง” จี้คมนาคมเร่งสางปัญหารถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญา 3 หลังติดขัดโครงการก่อสร้างไม่คืบ ลั่นหากเจอทางตันพร้อมยกเลิกประมูล-ประมูลใหม่ทันที ด้าน “วิเชียร” ดันตั้งกรมพัฒนาขนส่งระบบราง หวังใช้คุมระบบรางทั้งหมด คาดชงเข้า ครม.ได้เดือนเม.ย.56 คุยฟุ้งภาระหนี้สินทั้ง ร.ฟ.ท. และรฟม. ภาครัฐต้องรับภาระ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาผลการประชุมของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 และ 2 ด้วย โดยเบื้องต้นเห็นว่าก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดประมูลในโครงการดังกล่าวในส่วนของสัญญาที่ 1 และ 2 ไปแล้ว ขณะที่สัญญาที่ 3 ยังติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการโครงการดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงคมนาคมให้กลับไปพิจารณาดูข้อกฎหมายของสัญญาที่มีปัญหาว่าติดขัดอะไรบ้าง เพื่อหาแนวทางแก้ไข
“ความเห็นส่วนตัวนั้น เห็นว่าควรจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาเกี่ยวกับข้อติดขัดของสัญญาที่ 3 ไม่น่าจะเกิน 6 เดือนหลังจากนี้ เพราะก่อนหน้านี้ในส่วนของสัญญาที่ 1 และ 2 ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดังนั้นก็อยากจะให้ดำเนินการต่อไป ไม่อยากให้ต้องมารอสัญญาที่ 3 ซึ่งหากกระทรวงคมนาคมจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาต่อว่าจะดำเนินการอย่างไรก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี และสุดท้ายหากพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ต้องมาดูใหม่ว่าจะให้มีการยกเลิกการประมูล หรือประมูลใหม่อะไร ยังไงก็คงต้องมาดูกันอีกที” นายกิตติรัตน์ กล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)และ ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ว่าได้หารือเพื่อจัดตั้งกรมขนส่งระบบราง เพื่อให้เข้ามาดำเนินการวางโครงการสร้างพื้นฐานและกำกับดูแลระบบรางที่มีอยู่ มีหน้าที่กำกับดูแลการเดินรถสาธารณะ ส่วนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินโครงการระบบรางอยู่ในปัจจุบัน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะทำหน้าที่ในการเดินรถเพียงอย่างเดียว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการร่างระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งกรมขนส่งระบบราง และขั้นตอนต่อไปจะเสนอต่อรัฐสภาเพื่อออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ก่อนจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป
"กรมฯ ดังกล่าวนั้นจะทำหน้าที่กำกับดูแลและบริหารจัดการเรื่องของระบบรางทั้งหมด พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งภายในเดือน ม.ค.นี้ จะเสนอไปยัง ก.พ.ร และคาดว่าภายในเดือนเม.ย.2556 นี้ จะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณา อย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าวนั้น สนข.ได้มีการศึกษามาแล้ว 3 ปี” พล.ต.อ.วิเชียร กล่าว
สำหรับการจัดตั้งตั้งสำนักพัฒนาระบบรางขึ้นมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สนข.ก่อน เพื่อทำหน้าที่แทนกรมขนส่งระบบรางที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เพื่อดูคุณภาพการบริการต่างๆ ขณะเดียวกันต้องตั้งสำนักพัฒนาตั๋วร่วมขึ้นมาดำเนินการในเรื่องของการใช้ตั๋วร่วม ของบริการขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งหมด เช่น รถเมล์ เรือ รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น เนื่องจากจะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง สำหรับบทบาทของสำนักงานพัฒนาระบบตั๋ว จะทำหน้าที่ดูแลเรื่องระบบราง และระบบตั๋วร่วม ระหว่างการรอการจัดตั้งกรมขนส่งระบบราง เพื่อการบริหารงานด้านรางให้เดินหน้าและเพื่อเตรียมพร้อมรองรับโครงการรถไฟฟ้าทุกโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ จะมีการประชุมร่วมกับ ก.พ.ร.อีกในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือรายละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่ากรมฯ ดังกล่าวตั้งแล้วเสร็จ จะมีการโอน ย้ายบุคลากรที่มีอยู่เดิมมาปฏิบัติงานในกรมฯ ในส่วนระดับผู้บริหาร จะมีการสรรหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ อาจจะเป็นคนใน หรือคนนอกที่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน ส่วนภาระหนี้สินของ รฟม.และ ร.ฟ.ท.ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบันจากการลงทุนก่อสร้างระบบรางนั้น รัฐต้องเข้าไปรับภาระ.

mone · 3rd Class Pass Joined: 04/02/2009 Posts: 76

Mongwin · Posted: 04/01/2013 2:02 pm Post subject:

อ่านพาดหัว แล้วต้องรีบเข้าไปดูเนื้อหาครับ

pattharachai · Posted: 04/01/2013 3:11 pm Post subject:

ไม่ต้องหวังกันละ มันเป็นอะไรกันหนากับอีข้ออ้างเรื่องสัญญา
ปล่อยให้มันด้วนๆ อย่างนี้ต่อไปเหอะ

Wisarut · Posted: 04/01/2013 7:49 pm Post subject:

ชง ครม.อนุมัติแผนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญาที่ 1 และ 2 อังคารนี้

สำนักข่าวไทย TNA News | 4 ม.ค. 2556 18:30

กรุงเทพฯ 4 ม.ค. - ผู้ว่าการ รฟท. เตรียมเสนอ ครม.วันอังคารนี้ อนุมัติแผนเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 และ 2

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 มกราคมนี้ กระทรวงคมนาคม และ รฟท.จะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติแผนเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นสัญญาการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและตัวสถานี รวมถึงรายงานความคืบหน้าการดำเนินการในสัญญาที่ 3 คือ การจัดหาตัวรถไฟฟ้าและระบบการเดินรถ ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบให้ รฟท.สามารถลงนามในสัญญาก่อสร้างสถานี (สัญญาที่ 1 และ 2) ได้ก่อน ก็จะสามารถทำการลงนามก่อสร้างกับผู้รับเหมาและเดินหน้าได้ทันที ส่วนสัญญาที่ 3 หากเกิดความล่าช้าก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ เพราะการสั่งซื้อระบบและตัวรถ สามารถดำเนินการได้ระหว่างการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าไปแล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการลงนามในสัญญาก่อสร้างต่างๆ ของรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ทั้ง 3 สัญญา เกิดความล่าช้า เนื่องจากกระทรวงการคลังเห็นว่า ทั้ง 3 สัญญาควรมีการลงนามพร้อมกัน แต่อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต้องเดินหน้าก่อน

ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ในช่วงเวลา 11.00-15.00 น. ที่หมดอายุมาตรการไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2555 วันนี้ (4 ม.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่า ในความเห็นส่วนตัวต้องการให้มาตรการดังกล่าวเดินหน้าต่อ เนื่องจากจะเป็นมาตรการที่ส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น แต่ทั้งนี้จะต้องเรียกบอร์ดบริหารบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ มาชี้แจงเหตุผลที่มาตรการดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยพบว่าในช่วงที่มีการจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายของแอร์พอร์ตลิงก์ ส่งผลให้แอร์พอร์ตลิงก์ขาดทุนถึงเดือนละ 1.8-2 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จะเป็นประโยชน์ในการปรับแผนการให้บริการ พร้อมกันนี้ มองว่า แอร์พอร์ตลิงก์จะต้องเร่งปรับแผนพัฒนาสถานีและจุดเชื่อมต่อ รวมถึงทำการตลาดเพื่อดึงดูดให้คนหันมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงนอกเวลาเร่งด่วน ซึ่งความชัดเจนว่าจะมีการต่ออายุมาตรการ 20 บาทตลอดสายของแอร์พอร์ตลิงก์หรือไม่นั้น จะได้ความชัดเจนภายในเดือนนี้. - สำนักข่าวไทยชง ครม.อนุมัติแผนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญาที่ 1 และ 2 อังคารนี้

Mongwin · Posted: 07/01/2013 12:12 pm Post subject:

ลุ้น3โปรเจ็กต์มาราธอน รถไฟสีแดง-เมล์เอ็นจีวี เลิกรอจนเหงือกแห้งซะที!!
วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 12:00:29 น.
โดย ทีมเศรษฐกิจ มติชน (มติชนรายวัน 7 ม.ค.2555)

ยืดเยื้อมานานหลายปี ในที่สุดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้ฤกษ์เสนอ 3 โครงการ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 8 มกราคมนี้ และถือเป็นการประชุม ครม.นัดแรกของปี 2556

...
...

ส่วนอีกโครงการหนึ่งที่ล่าช้ากว่ากำหนดถึง 2-3 ปีเช่นเดียวกัน และมีความหวังว่าจะได้เริ่มเดินหน้าหลัง ครม.ไฟเขียว คือ การก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 36 กิโลเมตร ภายหลังการประกวดราคาสัญญา 1 การก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง มีปัญหาเพราะกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสยู ประกอบด้วย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคา เสนอราคาสูงกว่าราคากลางเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้โครงการต้องหยุดชะงัก แต่ภายหลังได้มีการเจรจาต่อรองจนสามารถทำให้วงเงินการประกวดราคาอยู่ในกรอบที่กำหนด คือ 2.9 หมื่นล้านบาทได้

แต่ก็ยังมีปัญหาตามมาอีกเมื่อนายกิตติรัตน์ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลงนามกับกลุ่มบริษัทที่ชนะการประกวดราคาทันที เพราะต้องการให้ประกวดราคาครบทั้ง 3 สัญญาก่อน คือ สัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟและสถานี ที่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคาต่ำสุด 2.4 หมื่นล้านบาท ล่าสุด ยอมลดราคาลงมาเหลือ 2.12 หมื่นล้านบาท และสัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล วงเงิน 26,272 ล้านบาท เพื่อป้องกันวงเงินโครงการเกินกรอบที่กำหนด

ภายหลังกระทรวงคมนาคม ได้พยายามนำเสนอข้อมูลให้นายกิตติรัตน์รับทราบถึงความจำเป็นในการประกวดราคาว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องรอให้ประกวดราคาครบทั้งหมด และลงนามพร้อมกัน หากดำเนินการในลักษณะนั้นจะส่งผลให้โครงการต้องล่าช้าออกไปอีกมาก โดยเฉพาะสัญญา 1 และ 2 ซึ่งทั้งหมดจะต้องใช้ระยะเวลานานในการก่อสร้าง เพราะล้วนเป็นงานโยธา

ส่วนสัญญา 3 ไม่ใช่สัญญาที่รีบเร่ง เพราะต้องดำเนินการหลังจากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว ใช้เวลาดำเนินการน้อยกว่า จึงสามารถประกวดราคาทีหลังได้ จึงขออนุมัติให้ลงนามสัญญา 1 และ 2 ที่มีการประกวดราคาเสร็จสิ้นแล้วก่อนได้

ซึ่งในการนำเสนอ ครม.ครั้งนี้ นายชัชชาติจะถือโอกาสแจ้งความคืบหน้าการประกวดราคาทั้ง 3 สัญญาให้รับทราบ พร้อมชี้แจงราคากลางที่ใช้ประกวดราคาทั้งสัญญา 3 ด้วยว่า เป็นราคาที่ตั้งไว้มานานหลายปีแล้ว จึงถือว่าต่ำมากหากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน หากต้องประกวดราคาใหม่ทั้งหมด จะได้ราคาที่แพงมากขึ้นหลายเท่าตัว

ปัญหาสำคัญที่ทำให้ต้องเร่งอนุมัติก่อสร้าง เพราะความล่าช้าที่เกิดขึ้นยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยไปนานแล้ว โดยได้นำหัวรถจักรดีเซลของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปวิ่งให้บริการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2555 เพราะตราบใดที่ช่วงบางซื่อ-รังสิตยังไม่แล้วเสร็จ ก็จะไม่สามารถจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าไปวิ่งให้บริการช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชันได้ เพราะในเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) กำหนดให้จัดซื้อพร้อมกับช่วงบางซื่อ-รังสิตเท่านั้น หากการประกวดราคาล่าช้า ก็จะส่งผลให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางนานมากขึ้นเท่านั้น

ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินโครงการ กล่าวว่า หาก ครม.อนุมัติก็จะลงนามสัญญา 1 ก่อน ส่วนสัญญา 2 ต้องรอองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ในฐานะเจ้าของเงินกู้ เห็นชอบผลการประกวดราคาก่อน หลังจากนั้นจึงจะลงนามได้ ขณะที่สัญญา 3 ซึ่งมีปัญหากรรมการอิสระบางคนมีชื่ออยู่ใน 2 กลุ่มบริษัทที่ร่วมประกวดราคา จนทำให้หลายฝ่ายมองว่าอาจเข้าข่ายพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้วประมูล) นั้น ทางบริษัทที่เกี่ยวข้องจะเข้าชี้แจงให้ทุกฝ่ายรับทราบในสัปดาห์นี้ หากผลการชี้แจงเป็นที่น่าพอใจก็สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ แต่หากยังรับกันไม่ได้ ก็ต้องยกเลิกการประกวดและเริ่มต้นประกวดราคาสัญญา 3 กันใหม่ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินโครงการ เพราะเป็นสัญญา ที่สามารถดำเนินการภายหลังสัญญา 1 และ 2 ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของระบบต่างๆ

...
...

ทั้ง 3 โครงการเจอปัญหาล่าช้า จนทำให้ต้นสังกัดที่เป็นผู้ดำเนินการ หรือแม้กระทั่งผู้บริโภคตาดำๆ ต่างก็ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะทุกคนเบื่อปัญหารถติดเต็มประดา แถมถ้ายังไม่รีบแก้ปัญหา ปีนี้จะมีรถคันแรกอีกกว่าล้านคันออกมาบนท้องถนน

คาดว่า การจราจรจะยิ่งเข้าขั้นโคม่า!!