RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311898
ทั่วไป:13571272
ทั้งหมด:13883170
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว Airport Link
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว Airport Link
Goto page 1, 2, 3 ... 159, 160, 161  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ARL)
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 04/04/2006 11:03 pm    Post subject: ข่าว Airport Link Reply with quote

ประเดิมฟันทุจริต1.66พันล.
"จารุวรรณ"พบพิรุธ"รฟท."
แอร์พอร์ตลิงค์ทำผิดสัญญา
จ่ายล่วงหน้าให้"บ.ต่างชาติ"
http://www.thaiinsider.com/ShowNews.php?Link=News/Political/2006-03-20/09-20.htm
20 March 2006 09:20
“จารุวรรณ” ประเดิมฟันทุจริต “แอร์พอร์ตลิงค์” มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท หลังพบรฟท.ออกหนังสือการจ่ายเงินล่วงหน้า 1.66 พันล้านบาทให้บริษัทต่างชาติสัญชาติเยอรมันที่ทำผิดสัญญาเทิรน์คีย์ ทั้งที่ตามกฎหมายให้จ่ายเงินหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์ บี้ผู้ว่าฯรฟท.แจงด่วน

รายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติในโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน จากสถานีรถไฟมักกะสันไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หรือโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ วงเงินก่อสร้าง 25,907,000,000 บาท จึงได้ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งให้ทราบถึงประเด็นดังกล่าว โดยเฉพาะรายละเอียดของการจ่ายเงินตามข้อกำหนดสัญญาที่พบว่า ไม่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติของการรถไฟแห่งประเทศไทย

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า คุณหญิงจารุวรรณได้ส่งหนังสือบันทึกด่วน เรื่องขอทราบข้อเท็จจริงกรณีมีความขัดแย้ง ระหว่างข้อกำหนดและข้อปฏิบัติตามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 14 มีนาคม 2549 ถึงนายจิตต์สันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย

หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่ ร.ฟ.ท.ได้ลงนามสัญญาจ้างการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟ เชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2548 วงเงินก่อสร้าง 25,907,000,000 บาท และขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ทำการตรวจสอบนั้น จากการตรวจสอบรายละเอียดของค่าจ้างและการจ่ายเงินตามสัญญาที่ การรถไฟแห่งประเทศไทยทำกับบริษัทคู่สัญญา เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2548 และมติคณะรัฐมนตรี พบว่าไม่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติของการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนี้

เรื่องค่าจ้างและการจ่ายเงินตามข้อกำหนดของสัญญาข้อ 4 ที่กำหนดให้ผู้ว่าจ้างคือ ร.ฟ.ท.จ่ายเงินค่าจ้างให้ผู้รับจ้าง ภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้โดยการจ่ายเงินตามปริมาณงานและค่าธรรมเนียมการเงินพร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันที่ตกลงกัน ภายใต้แผนการจ่ายคืนและตามข้อเสนอทางการเงิน

ทั้งนี้ตามสัญญาข้อ 4.1 กำหนดค่าก่อสร้างทั้งโครงการที่ผู้รับจ้างได้ประกันราคาสูงสุดไว้แล้วเป็นเงิน 25,907,000,000 บาท ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนภาษีอากรอื่นๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว อีกทั้งพบว่าในสัญญาข้อ 5 กำหนดการจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า จำนวน 3,886,050,000 บาท ซึ่งเท่ากับร้อยละ 15 ของราคาค่าจ้างก่อสร้างที่ประกันราคาสูงสุด

จากการตรวจสอบพบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดทำเอกสารหลักฐาน ซึ่งมียอดเงินแตกต่างกันจำนวน 306,117,894 บาท คือ

1.ใบจ่ายเงินของ ร.ฟ.ท.ลงวันที่ 31 มกราคม 2548 วงเงิน 3,886,050,000 บาท
2.หนังสือรับรองการชำระคืนค่าจ้างล่วงหน้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548 วงเงิน 3,579,932,105 บาท

โดยปรากฏรายละเอียดจ่ายให้ผู้รับจ้าง ดังนี้

1.บริษัท บีกริม อินเตอร์เนชั่นแนล วงเงิน 1,692,157,085 บาท
2.บริษัท Siemens Aktiengersellschaft วงเงิน 1,709,473 บาท
3.บริษัท ซีเมนส์ จำกัด วงเงิน 187,357,396 บาท
4.บริษัท B.Grimm MBM Hong Kong Limilted วงเงิน 1,672,637 บาท
5.บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด วงเงิน 1,697,035,514 บาท

หนังสือดังกล่าวของคุณหญิงจารุวรรณระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าการที่ ร.ฟ.ท.จ่ายค่าธรรมเนียมทางการเงิน จำนวน 1,666,214,702 บาท ที่จ่ายให้แก่บริษัท บี กริม อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น รวมทั้งการจ่ายค่างานในงวดต่างๆ คือ งวดที่ 1 และงวดที่ 2 อีกทั้งการคำนวณค่างานก่อสร้างตามประมาณการที่ใช้กำหนดในราคากลางเพื่อประกวดราคา จำนวน 25,917,060.209 บาท พบว่า ร.ฟ.ท.ได้ใช้กำหนดค่า Factor F โดยแยกตามลักษณะงาน คืองานค่าก่อสร้าง งานก่อสร้างสะพานและท่อเหลี่ยม และการก่อสร้างทาง ซึ่งได้นำอัตราร้อยละของเงินล่วงหน้ามาจ่าย เงินประกันผลงานดอกเบี้ยเงินกู้และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่ผู้รับจ้างมิได้ต้องรับผิดชอบในดอกเบี้ยเงินกู้และภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย

"การคำนวณโดยใช้ค่า Factor F ดังกล่าว ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ยและภาษีมูลค่าเพิ่มซ้ำซ้อน รวมทั้งยังทำให้ราคากลางสูงเกินจริงด้วย อีกทั้งมติคณะรัฐมนตรีมิได้กำหนดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทางการเงินไปก่อน จำนวน 1,666,214,700 บาท แต่ ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการไปแล้ว"หนังสือดังกล่าวระบุ

ทั้งนี้สตง.มีความเห็นว่า ประเด็นที่ตรวจพบดังกล่าวข้างต้น มีนัยสำคัญและอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงการในภาพรวมทั้งปัจจุบันและอนาคตได้ จึงขอให้ ร.ฟ.ท.ทำการชี้แจงต่อ สตง.ในประเด็นต่างๆ เช่น

1.เหตุใดร.ฟ.ท.จึงต้องออกหนังสือรับรองการชำระคืนค่าธรรมเนียมการเงิน จำนวน 1,666,214,700 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายก่อนงานแล้วเสร็จ และขอทราบว่าเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของค่างานก่อสร้างหรือไม่ เพราะเหตุใด

2.การจ่ายค่าธรรมเนียมการเงินที่มีการจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้รับเหมา มีระเบียบและกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีใดรองรับ

3.การจ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า ทำให้เกิดยอดแตกต่างของจำนวนเงิน เป็นวงเงินถึง 306,117,894 บาท เพราะสาเหตุใด

4.ขอให้ชี้แจงยอดแตกต่างของจำนวนเงินระหว่างใบจ่ายเงินของการรถไฟฯ และหนังสือรับรองผลงาน ดังนี้ งวดที่ 1 มียอดแตกต่างเกิดขึ้นจำนวน 451,105,324 บาท และงวดที่ 2 มียอดแตกต่างเกิดขึ้นจำนวน 5,145,323 บาท

5.ขอให้ชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคากลางในกรณีที่ให้เอกชนดำเนินการไปก่อน โดยภาครัฐจะจ่ายเงินค่างานและดอกเบี้ยให้ภายหลังดังกล่าว อาจทำให้ ร.ฟ.ท.ต้องมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนในการก่อสร้างแต่ละลักษณะงานมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่

6.การที่ร.ฟ.ท.ออกหนังสือรับรองให้ผู้รับจ้างเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในการขอเบิกเงินจากธนาคารทุกกรณียกเว้นค่าจ้างล่วงหน้า ร.ฟ.ท.ต้องรับผิดชอบในมูลหนี้ของจำนวนเงินที่ได้รับรองไว้ทั้งหมดใช่หรือไม่ หากต่อไปเกิดปัญหากรณีผู้รับจ้างทิ้งงาน ความรับผิดชอบที่ ร.ฟ.ท.ได้รับรองการจ่ายเงินไว้กับธนาคารให้ผู้รับจ้างไปแล้วนั้นมีเพียงใด และร.ฟ.ท.ได้เคยมีหนังสือหารือสำนักงานอัยการสูงสุดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวิธีปฏิบัติ รวมทั้งความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นหรือไม่ จึงขอให้ ร.ฟ.ท.ชี้แจงรายละเอียดดังกล่าวมายัง สตง.โดยเร็ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 31/05/2006 7:11 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.เร่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ลั่นเปิดประมูลปลายกันยาฯนี้
Matichon วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10308

นายจิตต์สันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ภายหลังรัฐบาลได้อนุมัติให้หน่วยงานที่รับผิดชอบผลักดันการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าเพื่อเร่งรัดลดการใช้พลังงาน โดยให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการเบิกจ่ายงบประมาณที่เคยได้รับทันที โดยไม่ต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการลงทุนพิเศษของรัฐ (กนค.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และสามารถเปิดประมูลก่อสร้างได้เอง ซึ่งในวันนี้คาดว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษที่มาจากคนกลางเพื่อพิจารณากรอบรายละเอียดของโครงการด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของ ร.ฟ.ท.ซึ่งรับผิดชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (รังสิต-มหาชัย) และแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-สุวรรณภูมิ) จะเร่งรัดเส้นทางเชื่อมระหว่างท่าอากาศยานกรุงเทพ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะเริ่มทำในช่วงแรกระหว่างดอนเมือง-พญาไท วงเงินลงทุน 35,000-38,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้รับอนุมัติงบประมาณมาแล้วจำนวน 1,600 ล้านบาท สามารถนำมาใช้จ่ายในโครงการได้ในปีงบประมาณ 2549 ซึ่งจะเร่งประกวดราคาภายในสิ้นปีงบประมาณ 2549 หรือภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 06/06/2006 6:52 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.อนุมัติสร้างรถไฟฟ้า3เส้น ขสมก.ซื้อรถเมล์เอ็นจีวี2พันคัน
Khomchadluke - June 6, 2006

ครม.ไฟเขียวก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง ยกแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนช่วงราคาน้ำมันแพง พร้อมอนุมัติให้ ขสมก.จัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวี 2,000 คัน ขณะที่ กฟผ.ร้องเรคกูเลเตอร์หาเงินอุดหนุนค่าเอฟที


(6มิ.ย.) น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นทาง ประกอบด้วย

1) รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกเว้นการก่อสร้างจากรังสิต-พระนครศรีอยุธยา ซึ่งดำเนินการโดย รฟท.
2) ส่วนสายสีม่วง คือ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ "

เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงราคาน้ำมันแพง และระบบขนส่งสาธารณะในปัจจุบันไม่สามารถตอบสนองความต้องการเดินทางของประชาชนได้ จึงทำให้ประชาชนมีการจดทะเบียนรถยนต์นั่งในเขตกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้าทางยกระดับจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ใต้ดินใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ดังนั้น หากไม่เริ่มดำเนินการใด ๆ และต้องรอจนกว่าจะมีรัฐบาล จะทำให้โครงการล่าช้าไป 6 เดือน และหากรอการดำเนินการตามระเบียบในโครงการลงทุนพิเศษของรัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ รวมแล้วโครงการจะล่าช้าออกไปไม่น้อยกว่า 1 ปี ถ้าหากเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าว จะส่งผลต่อการจ้างงาน การขยายตัวของภาคการก่อสร้าง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดังนั้น ครม. จึงอนุมัติในหลักการให้ดำเนินการก่อสร้าง ให้ดำเนินการประมูลด้วยระบบอี-ออคชั่น เพื่อให้นักลงทุนเข้ามาเริ่มดำเนินการก่อสร้าง

อนุมัติขสมก.จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี2พันคัน น.พ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ครม.อนุมัติหลักการให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสารปรับอากาศใหม่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงทดแทนรถโดยสารเก่า 2,000 คัน ของ ขสมก. ซึ่งให้ทำการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอี-ออคชั่น เพื่อนำมาทดแทนรถเมล์เก่าที่เสื่อมสภาพ และให้ทำการปลดระวางยกเลิกทะเบียนรถเมล์เก่าต่าง ๆ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานและชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสาร "เนื่องจากปัจจุบัน ขสมก.ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงถึงวันละ 400,000 ลิตร หรือ 2,300 บาทต่อคันต่อวัน ซึ่งหากมีรถเมล์เอ็นจีวีมาใช้จะประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 971 ล้านบาทต่อปีต่อคัน ดังนั้น จึงต้องเร่งจัดหารถเมล์เอ็นจีวีมาวิ่งดำเนินการ โดย ขสมก.จะทำการจัดหาแหล่งเงินกู้ และไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชน" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว กฟผ.ร้องเรคกูเลเตอร์หาเงินอุดหนุนค่าเอฟที ขณะที่การปรับค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะมีขึ้นในทุก 4 เดือน และจะครบกำหนดปรับขึ้นอีกในเดือนมิถุนายน-กันยายน นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า คณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า หรือเรคกูเลเตอร์ ควรจะหาเงินมาอุดหนุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) โดยไม่ปล่อยให้ กฟผ.รับภาระเพียงผู้เดียว "ขณะนี้ กฟผ.หาแนวทางในการลดค่าเอฟทีหลายแนวทาง ได้แก่ การเร่งซ่อมบำรุงเพื่อใช้ถ่านหินลิกไนต์ที่แม่เมาะแทนน้ำมันเตาที่เป็นต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า ส่วนการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้แทนน้ำมันเตาจะเร่งเจรจากับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ให้จัดส่งก๊าซธรรมชาติให้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อค่าเอฟที" ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวและว่า ทั้งนี้ ในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันเตาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเป็นต้นทุนร้อยละ 70 ของการผลิตไฟฟ้า ทำให้ค่าเอฟทีต้องผันแปรไปตามต้นทุนหลัก ส่วนการออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาสร้างโรงไฟฟ้าอีก 4 แห่ง หลังจากที่ กฟผ.ไม่สามารถแปรรูปได้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด ซึ่งจะต้องใช้เงินทุนทั้งหมด 30,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยจะนำมาจากเงินสดจากกำไรสะสมบางส่วน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 24/06/2006 9:02 am    Post subject: Reply with quote

City Air Terminal from Baiyok 2 by Khun Chemon
Click on the image for full size
Makkasan Maintianace Center from Baiyok 2 by Khun Chemon
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 25/06/2006 1:07 am    Post subject: Reply with quote

'แอร์พอร์ต ลิ้งค์' ร้าวซ้ำ บิ๊กคมนาคมสั่งสอบด่วน
ไทยรัฐ: ปีที่ 57 ฉบับที่ 17686 วันเสาร์ ที่ 24 มิถุนายน 2549

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต ลิ้งค์ ยังไม่หมดลง โดยล่าสุดพบการแตกร้าวของคานรับน้ำหนักโครงสร้างในโครงการดังกล่าว ซึ่งได้มีการก่อสร้างตอม่อและวางคานรับน้ำหนักไปแล้ว โดยที่ผ่านมาเคยเกิดข่าวปัญหาการแตกร้าวของผิวตอม่อขึ้น และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เคยลงตรวจสอบพื้นที่แล้วครั้งหนึ่ง แต่ล่าสุดเกิดปัญหาแตกร้าวขึ้นอีกบริเวณคานรับน้ำหนัก

ทั้งนี้ เมื่อสังเกตจากภายในของอุโมงค์คานรับน้ำหนัก จะมีรอยแตกร้าวเป็นขีดยาวจำนวนมาก ในเสาคานที่ 1 และ 13 ซึ่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าเคยได้มีการทดสอบฉีดน้ำผ่านท่อ เข้าไปในเนื้อคอนกรีตและพบว่าน้ำได้ซึมผ่านออกมาตามรอยแยกเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่ารอยร้าวลึกลงไปถึงโครงสร้างไม่ใช่แค่ผิวคอนกรีต รวมทั้งบริษัทผู้รับเหมาได้พยายามซ่อมแซม โดยการนำเหล็กแผ่นมาตียึดกับผนังด้วย แต่แนวทางดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และรอยแตกร้าวนี้ จะลดอายุการใช้งานของคานรับน้ำหนักลงครึ่งหนึ่ง เช่น จาก 100 ปี เหลือ 50 ปี เมื่อมีระบบรถไฟฟ้า วิ่งอยู่บนคานเหล่านี้ ล่าสุด รฟท. ในฐานะเจ้าของโครงการ ได้สั่งให้บริษัทผู้รับเหมาหยุดงานก่อสร้าง และซ่อมแซมปัญหาดังกล่าวไปแล้ว

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว ได้สั่งให้ รฟท.ตรวจสอบปัญหาดังกล่าวอย่างเข้มงวดแล้ว หากพบว่าการก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จะต้องมีการแก้ไข และหากจะต้องมีการทุบคานเพื่อก่อสร้างใหม่ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดมาตรฐานความปลอดภัยมากที่สุด และปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ผู้รับเหมาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งการซ่อมแซมและออกค่าใช้จ่าย ทั้งหมด เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นโครงการ ยังไม่มีการตรวจรับงาน และหากโครงการต้องล่าช้าออกไป ก็จะมีการลงโทษหรือปรับผู้รับเหมาตามสัญญาด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 25/06/2006 1:31 am    Post subject: Reply with quote

กว่า 2 ปีรถไฟจะถึง'สุวรรณภูมิ'
Than Setthakij - June 25-28, 2006

หลังจากทั่นพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฟันธงเต็มปากเต็มคำว่าจะเร่งรัดการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในเชิงพาณิชย์ให้ได้ภายในวันที่ 28 ก.ย.49 ทำเอาคนที่จะต้องใช้บริการสนามบินแห่งใหม่ ตอนนี้เริ่มมองหาเส้นทางว่าจะเดินทางไปด้วยวิธีใด ซึ่งถ้ามาไล่ดูจะเห็นว่าระบบขนส่งเพื่อเชื่อมระหว่างตัวเมืองเข้าสนามบิน จะมี 4 วิธี คือ การเดินทางด้วยรถไฟ รถโดยสารขนส่งมวลชนหรือขสมก. รถแท็กซี่ และรถลีมูซีน


โดยถ้าจัดลำดับวิธีเดินทางที่สะดวกที่สุด คงหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยรถไฟ แต่ความคืบหน้าล่าสุดในขณะนี้ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า กว่าจะได้ใช้รถไฟไปสุวรรณภูมิ ก็ต้องอีก 2 ปีหลังเปิดสนามบินนั่นแหละ ที่เป็นเช่นนี้เพราะโครงการทางรถไฟยกระดับมักกะสัน-สุวรรณภูมิหรือแอร์พอร์ตลิงค์(เส้นทางสายสีแดงอ่อน) ยังไงก็สร้างไม่แล้วในเดือนพ.ย.50 ตามแผนที่กำหนดแน่นอน เพราะยังติดขัดในเรื่องของค่าใช้จ่ายของโครงการที่ยังตกลงกันไม่ได้


ทำให้ขณะนี้ทางฝั่งผู้รับเหมาและผู้ประกอบการก็ต้องทำการเจรจากันใหม่อีกรอบ งานก่อสร้างก็ต้องหยุดชะงักไป ทั้งๆที่ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยหรือรฟม.ก็ได้เปิดประมูลที่ดินแถวมักกะสันรองรับการจัดสร้างสถานีรถไฟไปแล้ว และยังชี้ว่าทำเลย่านนี้จะเมืองใหม่ที่ในอนาคตจะมีพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งความเจริญ การเปิดเส้นทางรถไฟในเส้นทางสายสีแดงอ่อนที่รัฐบาลวางไว้นี้ก็จะรองรับลูกค้าหลักที่เป็นนักเดินทาง พนักงานบริการบนเครื่องบิน นักธุรกิจที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ได้อย่างดี ซึ่งทุกอย่างก็น่าจะไปได้ดีแต่งานก่อสร้างเดินหน้าได้เสียที


อีกหนึ่งในระบบขนส่งเชื่อมต่อเข้าสนามบิน สำหรับคนรายได้น้อยอย่างการจัดรถโดยสารของขสมก. ที่ล่าสุดก็มีการเริ่มเปิดเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทดลองใช้ก่อนการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จริงๆ เพื่อเป็นการสำรวจปริมาณผู้โดยสารและความต้องการการเดินทางแต่ละเส้นทางว่ามีมากน้อยเท่าใด ซึ่ง 2 สายที่ทำการทดลองวิ่งก็ได้แก่ สาย 550 แฮปปี้แลนด์-สุวรรณภูมิ แต่ในช่วงแรกจะเปิดให้วิ่งจากแฮปปี้แลนด์-ประเวศก่อน เพราะสนามบินยังไม่เปิดให้บริการ โดยจะใช้รถปรับอากาศยูโรทู 20 คัน และสาย 549 มีนบุรี-สุวรรณภูมิ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่ทดแทนสาย 517 ที่วิ่งอยู่เดิม โดยจะใช้รถปรับอากาศครีม-น้ำเงิน ทั้งหมด 9 คันและรถครีม-แดงอีก 9 คัน


นอกจากนี้ทาง ขสมก. ยังได้รับสัมปทานในการเดินรถอีก 4 เส้นทาง ได้แก่ สายอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน)-สุวรรณภูมิ สายจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช-สุวรรณภูมิ สายสมุทรปราการ-สุวรรณภูมิ และสายท่าอากาศยานกรุงเทพ(ทางด่วน)-สุวรรณภูมิ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดรถเพื่อเปิดให้บริการ


ด้านระบบการขนส่งประเภทรถแท็กซี่ในสนามบิน ก็มีการเปิดเสรีให้รถยนต์บริการรับจ้างสาธารณะทั่วไปหรือว่าแท็กซี่ ไปเข้าคิวรับ-ส่งผู้โดยสารและให้เข้ามาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าผู้ขับรถจะต้องผ่านการฝึกอบรม และได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทอท.และกรมการขนส่งทางบก ซึ่งการจะได้รับใบประกาศนียบัตรในครั้งนี้ต้องผ่านการอบรมที่ชื่อว่า "โครงการแท็กซี่สุวรรณภูมิ" โดยหัวข้อของการฝึกอบรมจะประกอบไปด้วย การใช้ภาษาอังกฤษเบื้องต้น จิตสำนึกในการให้บริการท่องเที่ยว กฎหมายจราจร ระบบการเจรจา และการให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งในเบื้องต้นทางทอท.จะเปิดรับสมัครจำนวนกว่า 2,500 คน


ส่วนระบบขนส่งในแบบรถลีมูซีนที่เดิมทีทอท.จะเข้ามาเป็นผู้ให้บริการเอง โดยวางระบบบริการไว้ว่าจะต้องบริการผู้โดยสารทั่วไปจำนวน 460 คัน และจะต้องทำตามแผนการพัฒนาธุรกิจจัดตั้งให้เป็นหน่วยธุรกิจ แต่เมื่อการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาผลปรากฏว่าการพิจารณาดังกล่าวล่าช้ามาก ทางทอท.จึงใช้ทางลัดแก้ปัญหาด้วยการเลือกทำสัญญาโดยการเช่าเป็นรายชั่วโมง ซึ่งจะคิดค่าบริการตามระยะทางที่วิ่ง แตกต่างจากที่ผ่านมาที่คิดเป็นระยะเวลาในการให้สัมปทาน ส่วนการแบ่งรายได้จะแบ่งตามสัดส่วนที่เหมาะสม และหากไม่มีลูกค้าใช้บริการก็ถือเป็นความยุติธรรมต่อกันทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายและไม่มีรายรับเกิดขึ้นด้วย


โดยทอท.ได้เจรจากับเจ้าของรถหรูที่จะให้เช่าทั้งหมด 4 ยี่ห้อ ได้แก่ เบนซ์ บีเอ็มดับบลิว โตโยต้า และนิสสันไปแล้ว และจะแบ่งการให้บริการเป็น 2 ระดับ คือ ระดับไฮคลาสจะเลือกให้บริการโดยรถเบนซ์และบีเอ็มดับบลิว และในระดับมิลเดิลคลาส จะให้บริการโดยรถโตโยต้าและนิสสัน แต่ที่แน่ๆงานนี้ใครจะเลือกใช้บริการระบบการขนส่งเชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิแบบไหนก็ต้องขึ้นกับตังส์ในกระเป๋า ยกเว้นการโดยสารด้วยรถไฟที่ยังคงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ทั้งๆเป็นวิธีการเดินทางที่ดีที่สุด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 26/06/2006 5:13 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.นำร่องรถไฟฟ้า "บางซื่อ-รังสิต"
มติชน วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3804

ความคิดไม่ตรงกันเข้าอย่างจัง ระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งรับผิดชอบงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง กับผู้กำกับดูแลนโยบาย "เสี่ยเพ้ง"
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

เมื่อคณะกรรมการ (บอร์ด การรถไฟฯมีมติอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 24.6 กิโลเมตร วงเงิน 32,000 ล้านบาทก่อน
ด้วยวิธีการจ้างเหมาเบ็ดเสร็จหรือเทิร์นคีย์สวนทางกับ "เสี่ยเพ้ง" ที่ก่อนหน้านี้มี นโยบายจะก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงให้โครงข่ายเชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิแบบรวดเดียวจบ
เพื่อรองรับการเปิดใช้สนามบินแห่งใหม่

เมื่อออกมาแบบนี้ รมว.คมนาคมเลยออกมาย้ำชัดว่า มีนโยบายชัดเจนจะสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมต่อกับเส้นทางที่มีอยู่ก็คือ แอร์พอร์ตเรลลิงก์ และจะหารือกับ
"เทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ" ประธานบอร์ดการรถไฟฯด้วยตัวเอง

สาเหตุที่ผลการประชุมบอร์ดออกมาแบบนี้ เป็นเพราะเมื่อพิจารณาลงลึกในรายละเอียดแล้ว ปมปัญหามาจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้ดำเนินการในสายทางที่
ได้รับการอนุมัติงบฯ ปี 2549 ก่อน และหนึ่งในนั้นมีสายสีแดงอยู่ด้วย ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันตั้งแต่ปี 2549-2551

แต่เส้นทางสายสีแดงตามมติ ครม.มีแค่ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่จัดสรรงบประมาณไว้ให้ 1,625 ล้านบาท แบ่งเป็น

1) ช่วงบางซื่อ-รังสิต 1,102 ล้านบาท
2) บางซื่อ-ตลิ่งชัน 523 ล้านบาท

ทำให้บอร์ดการรถไฟฯทุบโต๊ะให้เปิดประกวดราคาเฉพาะช่วงบางซื่อ-รังสิตก่อน

ขณะที่ช่วงบางซื่อ-พญาไท ที่จะเชื่อมกับโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ไปสิ้นสุดปลายทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตามไอเดีย "เสี่ยเพ้ง" ต้องรอการอนุมัติงบฯปีต่อไป
เพราะเป็นเส้นทางใหม่ แม้ ครม.จะอนุมัติแนวเส้นทางแล้ว แต่งบประมาณยังไม่มี จำต้องเก็บพับไว้ก่อน
แต่ก็มีทางออก โดยจะให้ทางเอกชนเสนอรูปแบบช่วงบางซื่อ-พญาไท เข้ามาด้วย หากสนใจที่จะลงทุน เพราะการเปิดประมูลเปิดกว้างอยู่แล้ว
ขั้นตอนดำเนินการหลังบอร์ดการรถไฟฯไฟเขียว การรถไฟฯจะเสนอ ครม.อนุมัติ ในวันที่ 27 มิถุนายน เพราะเป็นโครงการที่ถอนออกจากเมกะโปรเจ็กต์แล้ว
จึงต้องเดินตามขั้นตอนปกติ

ขณะเดียวกัน การรถไฟฯอยู่ระหว่างปรับ ทีโออาร์ ที่จะประกาศเชิญชวนเอกชนประกวดราคา ซึ่งยังไม่ลงตัว และมีแนวโน้มว่า จะประกาศให้ซื้อเอกสารได้ไม่ทันวันที่
1 กรกฎาคม ตามที่ รมว.คมนาคมวางกรอบเวลาไว้

รวมถึงสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 46,000 ล้านบาท และสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค 13 กิโลเมตร 25,000 ล‰านบาท และ
บางซื่อ-ท่าพระ 27 กิโลเมตร 49,000 ล้านบาท รวม 1.2 แสนล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ด้วย เพราะตามแผนที่เจ้ากระทรวงหูกวางวางไว้
ทั้ง รฟม.และการรถไฟฯจะเปิดประมูลพร้อมกัน

ทางด้าน รฟม.เองได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2549 เพื่อก่อสร้างแล้ว 3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงข้อกำหนดทีโออาร์เช่นเดียวกัน
เพียงแค่เริ่มต้นก็มีปัญหาเสียแล้วไม่รู้โครงการรถไฟฟ้าจะไปถึงฝั่งฝันหรือเปล่า
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 26/06/2006 5:14 pm    Post subject: Reply with quote

แอร์พอร์ตลิงก์เจอปัญหาซ้ำซาก ร.ฟ.ท.แบไต๋ยืดเวลาให้11เดือน
มติชน วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3804

ตรวจงานก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงก์ยังล่าช้าเหมือนเดิม คืบหน้าแค่ 26% ช้าจากแผน 9% เกิดปัญหาซ้ำซาก ติดรื้อย้ายชุมชนคลองตันและพญาไท ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ก่อสร้างไม่ได้
ทำได้แค่ขึ้นโครงเสาและวางคานบางจุด ร.ฟ.ท.เตรียมขยายเวลาให้ผู้รับเหมาอีก 11 เดือน วงในฟันธงเปิดไม่ทันปี 2550

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้งานก่อสร้างโครงการรถไฟเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิหรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จาก
มักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 28 กิโลเมตร วงเงิน 26,000 ล้านบาท มีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ยังคงล่าช้าจากแผนอยู่เนื่องจากส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับผู้รับเหมา
คือ กลุ่มซิโน-ไทยฯ ไม่ได้ เพราะประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นไม่ยอมย้ายออกไป

ตอนนี้ที่มีปัญหาอยู่มี 2 บริเวณ คือ บริเวณคลองตัน และหลังโรงพยาบาลเดชาแม้ว่าชุมชนคลองตันได้ข้อยุติ ประชาชนจะยอมย้ายออกไปอาทิตย์หน้า แต่ยังไม่รู้ว่าจะ
ส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับเหมาได้เมื่อไร

"งานก่อสร้างโดยรวมคืบหน้าประมาณ 35% ระบบรถไฟฟ้ากลุ่มซีเมนต์เริ่มลงมือผลิตหัวจักรรถไฟฟ้าแล้ว งานโยธาคืบหน้า 26% ล่าช้าจากแผนงาน 9%"

ปัจจุบันงานเสาตอม่อดำเนินการไปแล้วประมาณ 60% จากทั้งหมด 750 ต้น มีอยู่ประมาณ 12% ที่ยังเข้าไปวางฐานรากไม่ได้ คือ ที่ชุมชนพญาไท 40 ต้น บริเวณนาซ่า
ชุมชนคลองตัน 35 ต้น แต่ทั้งหมดจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่จะถึงนี้ และให้ทับกับเปิดใช้บริการในเดือนพฤศจิการยน 2550 ตามสัญญาที่การรถไฟฯได้ทำไว้กับผู้รับเหมา

"ในส่วนของการวางคาน ขณะนี้ติดตั้งได้ทั้งหมด 260 ชิ้น จากทั้งหมด 10,845 ชิ้น ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปผู้รับเหมาจะเร่งมือให้เร็วขึ้นเพื่อให้งานก่อสร้างทันกับที่วางแผนไว้
คาดว่าจะวางได้เดือนละประมาณ 650-750 ชิ้น"

ทั้งนี้ ที่ผ่านมางานชะงักไปบ้างเล็กน้อยจากการที่มีการพบรอยร้าว แต่ตอนนี้ทุกอย่างปกติ ซึ่งการรถไฟฯได้ข้อสรุปโดยให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างจ้างคนกลางมาพิจารณาสาเหตุ
คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และขณะนี้ทางผู้บริหารของการรถไฟฯอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะขยายเวลาให้ผู้รับเหมาอีก 11 เดือนได้หรือไม่ หลังจากที่ผู้รับเหมาได้ทำเรื่องขอ
ขยายเวลาก่อสร้างเข้ามาให้ผู้บริหารการรถไฟฯพิจารณา

อย่างไรก็ตามดูแนวโน้มแล้วน่าจะมีการขยายเวลาก่อสร้างให้ เพราะประเมินดูแล้ว คาดว่างานก่อสร้างคงจะแล้วเสร็จไม่ทันตามกำหนดไว้ในสัญญาอย่างแน่นอน คาดว่าจะ
ล่าช้าไปประมาณ 1 ปี เท่ากับระยะเวลาที่ขยายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 26/06/2006 8:42 pm    Post subject: Reply with quote

'เพ้ง' เรียก รฟท.-เอกชนแจงปัญหาตอม่อ 'แอร์พอร์ตลิงก์' ร้าว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2549 15:01 น.


รมว.คมนาคมเรียกผู้บริหาร รฟท.และผู้รับเหมาก่อสร้างชี้แจงปัญหารอยร้าวตอม่อ “แอร์พอร์ตลิงก์” ด้าน รฟท.ระบุปัญหามาจากผิวคอนกรีตไล่ความชื้นไม่ทัน และเมื่อมีแดดเผาทำให้หดตัวและแตก เบื้องต้นได้สั่งทุบเสาตอม่อตัวปัญหาแล้ว




นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล


หลังจากมีรายงานระบุว่า ตอม่อและคานของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง มักกะสัน-สุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิงก์) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เกิดรอยร้าวขึ้น ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกประชุมผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อให้รายงานปัญหาดังกล่าว ล่าสุด ผู้รับเหมา และ รฟท. ได้รายงานต่อที่ประชุม โดยยอมรับว่า ตอม่อและคานของโครงการดังกล่าวเกิดรอยร้าวขึ้นจริง

โดยตอม่อซึ่งจากการตรวจสอบได้พบว่า มีปัญหา 13 ต้น เกิดจากผิวคอนกรีตที่ไล่ความชื้นไม่ทัน และเมื่อมีแดดเผาก็มีการหดตัวและรอยแตก ในเบื้องต้น รฟท.ได้สั่งทุบเสาตอม่อ 2 ต้น และอยู่ระหว่างวินิจฉัยว่า จะทุบหรือซ่อมแซมอีก 3 ต้น และอีก 9 ต้นที่จากการตรวจสอบสภาพพบว่า สามารถซ่อมแซมได้ สำหรับคานซึ่งมีรอยร้าวเกิดขึ้น ขณะนี้ รฟท.และผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบ เพื่อหาคำตอบใน 3 ประเด็น คือ สาเหตุของรอยร้าว ปริมาณการแตกร้าว และวิธีการซ่อมแซม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43709
Location: NECTEC

PostPosted: 27/06/2006 8:47 am    Post subject: Reply with quote

"เพ้ง"รับแอร์พอร์ตลิ้งค์งานอืด10% สั่งวิศวกรเข้มงวดปัญหาตอม่อร้าว
Matichon - วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10335


นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปตรวจการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมจากมักกะสันไปท่าอากาศยานสุวรรรIภูมิ (แอร์พอร์ต ลิ้งค์) เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ว่า จากการรับฟังรายงานว่ามีการพบรอยร้าวที่ผังของเสาตอม่อทั้งสิ้น 14 ต้น จากที่มีการก่อสร้างไปแล้ว 212 ต้น โดยมีจำนวน 2 ต้นต้องมีการทุบทิ้ง ขณะที่มีอีก 1 ต้นที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนอีก 11 ต้นเป็นรอยร้าวที่มีขนาดเล็กไม่มีผลต่อการรับน้ำหนักของโครงสร้าง

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนของรอยร้าวที่เกิดในด้านในของคานกล่อง (Segment) รอยร้าวที่เกิดขึ้นมีขนาดประมาณ 0.1 มิลลิเมตร ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการแก้ไขโดยให้มีการใช้ Carbon Fiber เพื่อมาช่วยในการลดรอยร้าวแล้ว

"โครงสร้างที่มีการออกแบบไว้ สามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 75 ปี ซึ่งรอยร้าวที่เกิดขึ้นในส่วนของคานกล่องนั้น ถือยังเป็นปกติ แต่อาจจะกระทบกับอายุการใช้งานเพราะเมื่อมีรอยร้าวเกิดขึ้นอาจจะผลต่อโครงเหล็กภายในที่อาจจะเกิดสนิมจากน้ำและอากาศที่เข้าไป จึงได้มีการสั่งให้มีการเร่งแก้ไข ซึ่งหลังจากนี้ได้กำชับให้วิศวกรที่ควบคุมงานให้มีความรัดกุมในการควบคุมงาน"

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างนั้น ได้รับรายงานว่า ขณะนี้การก่อสร้างมีความล่าช้ากว่าแผนงานประมาณ 10% ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากปัญหาการเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่บางส่วนยังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ เช่น พื้นที่หลังโรงพยาบาลเดชา แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับระยะเวลาในการก่อสร้างที่กำหนดไว้แน่นอน
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ARL) All times are GMT + 7 Hours
Goto page 1, 2, 3 ... 159, 160, 161  Next
Page 1 of 161

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©