[แก้หัวข้อ] ข่าวเกี่ยวกับรถไฟไปทิเบต

[Wisarut]

หวั่นรถไฟ ชิงไห่ - ทิเบตพา ‘ กาฬโรค ’ ระบาด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2549 11:20 น.

เอเอฟพี 03/04/06 คณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติจีน ระบุว่า โรคที่มีหนูเป็นพาหะ อาทิ กาฬโรค ซึ่งส่วนใหญ่แพร่ระบาดในพื้นที่ห่างไกลในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนขณะนี้ อาจแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นของจีนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เส้นทางรถไฟที่เชื่อมเขตปกครองตนเองทิเบต กับมณฑลอื่นๆ ในจีน เปิดใช้ในฤดูร้อนปีนี้

อู๋เจี้ยน หัวหน้าวิศวกรของคณะกรรมการบริหารป่าไม้แห่งชาติจีน กล่าวว่า “ ในปีนี้ เราต้องเพิ่มการป้องกันการแพร่ระบาดของกาฬโรคให้มากขึ้น หลังจากที่เส้นทางรถไฟชิงไห่ - ทิเบตเริ่มใช้ ”

ทั้งนี้ โรคกาฬโรค ติดต่อสู่คนโดยมีหมัดของหนู และตัวมามัท ( สัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายอ้น ) เป็นพาหะ และในปัจจุบัน ไม่ใช่โรคที่ทางการจีนให้ความสนใจนัก โดยระหว่างปี 2001 - 2005 ทั่วประเทศ มีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว 24 ราย อย่างไรก็ดี ในพื้นที่ที่ห่างไกลของที่ราบสูงทิเบต มณฑลชิงไห่ และเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ซึ่งมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยต่ำ โรคดังกล่าว เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนราว 40% -60%

สำหรับทางรถไฟสายชิงไห่ - ทิเบต ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟบนที่ราบสูงที่สูงที่สุด และยาวที่สุดของโลก ได้วางรางแล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว และจะเริ่มทดลองใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ โดยเส้นทางดังกล่าว เริ่มต้นจากเมืองซีหนิง ( เมืองเอกมณฑลชิงไห่ ) ถึงเมืองลาซา ( เมืองเอกเขตปกครองตนเองทิเบต ).

[Wisarut]

จีนเริ่มทดสอบระบบเดินรถไฟไปทิเบต 1 พ.ค.นี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 เมษายน 2549 15:34 น.

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน อ้างรายงานจากกระทรวงรถไฟว่า จีนจะเริ่มทดสอบระบบเดินรถไฟที่ไม่มีผู้โดยสารไปยังทิเบต โดยจะเริ่มทดลองวิ่งตามเส้นทาง 1,142 กิโลเมตร จากมณฑลชิงไห่ ทางด้นตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ไปยังกรุงลาซา เมืองหลวงของทิเบต วันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ส่วนการเดินรถที่มีผู้โดยสาร จะเริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม และเมื่อสามารถเดินรถได้เต็มที่แล้ว ทิเบตจะติดต่อกับจีนทางรถไฟได้เป็นครั้งแรก โดยที่การเดินทางจากกรุงปักกิ่ง ไปยังกรุงซาลา ในทิเบต ใช้เวลา 48 ชั่วโมง

[Wisarut]

รถไฟสาย " หลังคาโลก " ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2549 10:41 น.


ซินหัวเน็ต 08/05/06 - รถไฟ 5 ขบวนแรก ที่จะใช้เส้นทางชิงไห่ - ทิเบต ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ โดยทั้ง 5 ขบวนดังกล่าว จะออกเดินทางจาก ปักกิ่ง เฉิงตู เมืองเอกมณฑลเสฉวน ซีหนิง เมืองเอกมณฑลชิงไห่ เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว เมืองเอกมณฑลกว่างตง จากการเปิดเผยของ เหมาเป่าเฉิง รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัททางรถไฟชิงไห่ - ทิเบต และสำหรับตั๋วรถไฟของทุกขบวนในวันปฐมฤกษ์ ได้จำหน่ายออกไปหมดแล้ว

ทั้งนี้ ตามตารางเดินรถไฟปกติ ขบวนที่มุ่งหน้าสู่ทิเบตที่ออกจาก ปักกิ่ง เฉิงตู และซีหนิง จะมีทุกวัน ส่วนจากเซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว จะมีรถไฟออก วันเว้นวัน

เส้นทางรถไฟสายชิงไห่ - ทิเบต ซึ่งมีความยาว 1,956 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรางบนที่ราบสูงที่สูงที่สุด และยาวที่สุดในโลก และยังเป็นเส้นทางรถไฟสายแรก ที่เชื่อมต่อระหว่างแดนหลังคาโลก กับส่วนอื่นๆ ของประเทศจีน โดยส่วนหนึ่งของเส้นทางราว 960 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 4,000 เมตร ซึ่งจุดสูงที่สุดวัดได้ 5,072 เมตร ทำลายสถิติทางรถไฟบนเทือกเขาแอนดีส ในเปรู ทวีปอเมริกาใต้ อย่างน้อย 200 เมตร

สำหรับรถไฟขบวนชิงไห่ - ทิเบต ดังกล่าว ได้จัดเตรียมระบบให้ออกซิเจน 2 ระบบ ให้แก่ผู้โดยสารไว้บนรถไฟด้วย เพื่อรองรับสภาวะความกดอากาศต่ำที่ส่งผลต่อร่างกาย โดยภายในตู้รถไฟ จะตั้งระดับออกซิเจนไว้ที่ราว 85% ซึ่งเท่ากับระดับที่ราบต่ำ และจะติดตั้งหน้ากากออกซิเจนไว้ใกล้กับที่นั่งของผู้โดยสารด้วย

จางฝูหัว เจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวชิงไห่ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวราว 800,000 คนที่จะเดินทางไปยังทิเบต ด้วยขบวนรถไฟสายชิงไห่ - ทิเบตนี้ และในขณะนี้ ทางการทิเบต กำลังเร่งก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น หลังจากที่เส้นทางชิงไห่ - ทิเบต เปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม

สำหรับข้อมูลราคาตั๋วโดยสารรถไฟเส้นทาง ปักกิ่ง - ทิเบต ได้รับการเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติเมื่อเร็วๆ นี้ โดยตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวจาก ปักกิ่ง สู่ลาซา เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบต ตั๋วรถนั่งราคาอยู่ที่ราว 1,800 บาท ( 46 เหรียญสหรัฐ ) ตั๋วรถนอนชั้นสองราคา 3,600 บาท ( 76 เหรียญสหรัฐ ) และราคาตั๋วรถนอนชั้นหนึ่ง ราคา 5,800 บาท ( 150 เหรียญสหรัฐ ) โดยคาดว่า ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารรถไฟดังกล่าว เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า เมื่อเทียบกับราคาตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียว จากปักกิ่ง ไปลาซา ในปัจจุบัน ซึ่งมีราคาสูงถึง 11,400 บาท ( 293 เหรียญสหรัฐ )

[Wisarut]

เอาภาพรถไฟไปนครลาซา (ทิเบต) ไปดูเล่นดีกว่า









ดูสิ มีทั้งภาษาจีน และภาษาทิเบตด้วย





อยู่ที่สูง ก็ต้องหน้ากากออกซิเจนอ่านะ









ห้องน้ำรถไฟไปทิเบต



เราคุมอุณหภูมิให้ 22 องศาเซลเซียสตลอด



ต้องการน้ำร้อนมาเอาได้ที่นี่



เตียงบนมีทีด้วย .. ไม่แปลกเพราะที่เมืองจีนในเมืองที่มีโรงงานผลิตทีวีหนะ แม้แต่ห้องน้ำยังติดทีวีหน่า



[img]http://images.blogcn.com/2006/5/17/12/rzj2000,20060517230336.jpg [/img]

ไม่รู้ว่ารถเสบียง จะมีเนื้อจามรี กะชาผสมเนย ขายไหม

[img]http://images.blogcn.com/2006/5/17/12/rzj2000,20060517230347.jpg [/img]



หน่าต่างฉุกเฉิน



แคร่จีนแดงรุ่นนี้ ทำความเร็วได้ 160 กม/ชม เทียวนา



ท่าอลมดูด หรือท่อทำพหุ หว่า



ดูหน้าตรงไม่สวมหมวก กะตู้โบกี้ไปทิเบต



ตู้นั่งและนอน ชั้นรองลงมา

[img]http://images.blogcn.com/2006/5/17/11/rzj2000,20060517225925.jpg [/img]

[Wisarut]

เผยโฉมขบวนรถไฟสายหลังคาโลก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 13 มิถุนายน 2549 19:16 น.
REF:
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9490000076890

ขณะที่เวลาที่ขบวนรถไฟชิงไห่-ทิเบต ช่วงเกอเอ่อร์มู่ถึงลาซา จะได้ฤกษ์ออกเดินทางสู่แดนหลังคาโลกอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ใกล้เข้ามาทุกที เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อจีนได้เปิดเผยโฉมหน้าของรถไฟขบวนพิเศษดังกล่าวที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์จอดอยู่ที่ปักกิ่งรอเพียงเวลาเคลื่อนขบวน

ตู้รถไฟของขบวนสู่หลังคาโลกได้รับการออกแบบให้กว้างขวาง มีแสงสว่างพอเพียง โดยภายในตกแต่งในสไตล์ชนกลุ่มน้อยทิเบต พร้อมติดตั้งระบบออกซิเจนบริการแก่ผู้โดยสาร

สำหรับความเร็วของขบวนรถได้รับการออกแบบให้สูงถึง 160 กม.ต่อชั่วโมง แต่จากการทดลองวิ่งบนเส้นทางชิงไห่-ทิเบตทำความเร็วเฉลี่ยที่ 120 กม.ต่อชั่วโมง โดยขณะที่ผ่านช่องเขาถังกู่ลาซึ่งมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,231 เมตรทำความเร็วได้ 80 กม.ต่อชั่วโมง ส่วนระบบออกซิเจนและรักษาสิ่งแวดล้อมบนขบวนรถส่วนใหญ่เป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นโดยชาวจีนเอง - ซินหัวเน็ต

[Wisarut]

China's altiplano trains ready to climb onto "Roof of the world"
14 June 2006
Xinhua's China Economic Information Service

BEIJING, June 14 (CEIS) -- A total of 169 China-made express trains are ready to run along the Qinghai-Tibet railway, the world's highest railtrack due to begin trial operation on July 1.

The trains are specifically designed to operate on the altiplano railway of which 84 percent is 4,000 meters above sea level.

An engineer with manufacturer CSR Sifang Locomotive & Rolling Stock told Xinhua that the trains mark a new leap forward for China's railway equipment development.

The design of the carriages is unmistakably Tibetan, from the patterned carpets to the window curtains. All the Chinese words that appear on the electronic screen in each railway car are translated into both English and Tibetan.

Two oxygen systems have been installed on the train.

One is a "dispersion-mode" oxygen supply system, with oxygen spreading to the air in the railway car through the air-conditioning system. The other system, like that of an airplane, offers each passenger individual access to oxygen, and passengers can use a pipe to suck up more oxygen if needed.

All railway cars are equipped with double-layer glass which is covered with anti-ultraviolet radiation film.

With 1,142 kilometers section of the railway between Golmud and Lhasa running along Kunlun Mountain and Tanggula Mountain, 960 kilometers of the railway will be above 4,000 meters, with the highest point at 5,072 meters, at least 200 meters higher than the Peruvian railway in the Andes, which was formerly the world's most elevated track.

To protect the natural environment along the railway, special sewage collection devices have been installed. All the waste is disposed of at the terminus.

A special rubbish compressor has also been installed in each car to avoid litter being strewn along the railway.

The train is also equipped with disabled toilets.

The 25T series train is designed for a maximum speed of 160 kilometers per hour, and it has reached 120 kilometers per hour during the test runs in previous months. The engineer said even when running through the highest point on the Tanggula Mountain, the speed of the train can reach 80 kilometers per hour.

Sources with the Qinghai-Tibet Railway Company said last month that the first four scheduled trains to Tibet by the Qinghai-Tibet railway will start, on July 1, from Beijing, Chengdu, Xining, and Shanghai (Guangzhou), respectively.

The railway is the first to connect the Tibet Autonomous Region with other parts of China. It is one of China's key projects in the west, which demonstrates the Chinese government's determination to bring prosperity to the Tibetan people and promote economic development of the vast western areas in China.

[Wisarut]

จีนเล็งขยายเส้นทางหลังคาโลกจรดชายแดน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2549 10:02 น.

สถานีถังกู่ล่า เป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในโลก



ไชน่านิวส์ – ขณะที่การก่อสร้างทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบตแล้วเสร็จและกำลังจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการรอบปฐมฤกษ์ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ สื่อจีนได้เปิดเผยว่า รัฐบาลมังกรจะทุ่มเงินอีกหลายร้อยล้านหยวน เพื่อก่อสร้างเส้นทางส่วนขยายออกไปอีก 3 เส้นทาง โดยมีสถานีลาซ่าเป็นศูนย์กลางส่วนสถานีปลายทางล้วนอยู่ในเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตเช่นเดียวกัน

สายที่ 1 แยกจากเมืองลาซ่าไปทางตะวันออกจรดเมืองหลินจือ และสายตะวันตกจรดเมืองยื่อเคอเจ๋อ ส่วนสายใต้จากยื่อเคอเจ๋อต่อไปยังย่าตง เส้นทางทั้ง 3 สายจะเชื่อมต่อกับเส้นทางชิงไห่-ทิเบตเป็นตัว Y รวมความยาวราว 2,000 กว่ากิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้สมบูรณ์ภายใน 10 ปี

สำหรับเมืองย่าตงซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของทิเบต รัฐบาลจีนมีโครงการสร้างเป็นเขตการค้าเสรีชายแดนกับกลุ่มประเทศเอเชียใต้ โดยเส้นทางลาซ่า-ย่าตง จะไปเชื่อมต่อกับทางรถไฟของอินเดีย และออกสู่มหาสมุทรอินเดียได้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลมังกรยังวางแผนเชื่อมทางรถไฟตุนหวงเข้ากับเส้นทางชิงไห่-ทิเบต

ทั้งนี้ เส้นทางตุนหวงเริ่มต้นที่ด้านตะวันออกจากเส้นทางหลันโจว-ซินเจียง และสิ้นสุดด้านตะวันตกที่เมืองตุนหวง ในมณฑลกันซู่ รวมความยาวราว 165 กิโลเมตร ซึ่งเริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และหลังจากสร้างเส้นทางตุนหวงเสร็จ จีนจะสร้างเส้นทางส่วนขยายไปยังเมืองเกอเอ่อร์มู่ ในมณฑลชิงไห่ ซึ่งจะไปบรรจบกับเส้นทางชิงไห่-ทิเบต

อีกด้านสื่อจีนเผยราคาตั๋วรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต จากปักกิ่งไปลาซ่าระยะทาง 4,064 กิโลเมตร ราคาตั๋วเบาะแข็งเพียง 389 หยวนเท่านั้น ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ 2430 หยวน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากเมืองหลวงไปท่องเที่ยวแดนหลังคาโลกจำนวนมากขึ้น

นอกจากนี้ ตามสถานีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 9 สถานี เช่น ยอดเขาอี้ว์จู แม่น้ำฉูหม่าเอ่อร์ ถังกู่ลา ทะเลสาบฉั้วน่า ได้มีการสร้างจุดชมวิวไว้ให้ผู้โดยสารที่สถานีด้วย โดยจุดชมวิวดังกล่าวเป็นระเบียงยาว 500 เมตร สูง 1.25 เมตร

ตามปกติรถไฟจะแวะจอดตามสถานีทั่วไปราว 30 นาที แต่สำหรับสถานีที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 9 แห่งจะจอดนานราว 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้โดยสารได้ลงรถไปถ่ายรูป พักผ่อน และชมวิวที่ระเบียงดังกล่าว แต่บริการนี้สำหรับผู้โดยสารที่นั่งมาในตู้ท่องเที่ยวโดยเฉพาะเท่านั้น.

[Wisarut]

ภาพรถไฟไปธิเบตจากสำนักข่าวซินหัว
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9490000076890

จีนวางแผนขยายเส้นทางรถไฟในทิเบต

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2549 16:16 น.


เอเยนซี่ 15/03/06 ผู้ว่าการ เขตปกครองตนเองทิเบต เผยว่าทางการจีนวางแผนที่จะขยายเส้นทางรถไฟต่อจากเมืองลาซาไปยังยื่อเค่อเจ๋อ (Shigatse) เมืองใหญ่อันดับสองของทิเบต โดยคาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2010

ขณะที่กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว รวมถึงกลุ่มผู้ติดตามองค์ทะไล ลามะ อดีตผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต ระบุว่าเส้นทางรถไฟดังกล่าวจะทำลายสภาพแวดล้อมจากทางธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการนำทรัพยากรป่าไม้และแร่ธาตุมาใช้ นอกจากนี้พวกเขายังหวั่นเกรงผลกระทบจากการหลั่งไหลเข้ามาของชาวจีนเชื้อสายฮั่น ที่จะเกิดกับวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยในทิเบตอีกด้วย

ทั้งนี้ ยื่อเค่อเจ๋อ อยู่ห่างจากเมืองลาซาไปทางตะวันออกราว 250 กิโลเมตร เป็นบ้านเดิมของพานเชิน ลามะ (Panchen Lama) บุคคลที่มีความสำคัญรองลงมาจากองค์ทะไล ลามะ ขณะเดียวกันยังเป็นศูนย์กลางการปกครองด้านตะวันตกของทิเบต

[Wisarut]

รถไฟสาย "หลังคาโลก" ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤษภาคม 2549 10:41 น.


ซินหัวเน็ต 08/05/06 – รถไฟ 5 ขบวนแรกที่จะใช้เส้นทางชิงไห่-ทิเบตที่เพิ่งสร้างเสร็จ ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยทั้ง 5 ขบวนดังกล่าวจะออกเดินทางการ ปักกิ่ง เฉิงตู เมืองเอกมณฑลเสฉวน ซีหนิง เมืองเอกมณฑลชิงไห่ เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว เมืองเอกมณฑลกว่างตง จากการเปิดเผยของ เหมาเป่าเฉิง รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัททางรถไฟชิงไห่-ทิเบต และสำหรับตั๋วรถไฟของทุกขบวนในวันปฐมฤกษ์ได้จำหน่ายออกไปหมดแล้ว

ทั้งนี้ ตามตารางเดินรถไฟปกติ ขบวนที่มุ่งหน้าสู่ทิเบตที่ออกจากปักกิ่ง เฉิงตู และซีหนิง จะมีทุกวัน ส่วนจากเซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว จะมีรถไฟออกวันเว้นวัน





เส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต ซึ่งมีความยาว 1,956 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรางบนที่ราบสูงที่สูงที่สุดและยาวที่สุดในโลก และยังเป็นเส้นทางรถไฟสายแรกที่เชื่อมต่อระหว่างแดนหลังคาโลกกับส่วนอื่นๆ ของประเทศจีน โดยส่วนหนึ่งของเส้นทางราว 960 กิโลเมตรตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 4,000 เมตร ซึ่งจุดสูงที่สุดวัดได้ 5,072 เมตร ทำลายสถิติทางรถไฟบนเทือกเขาแอนดีส ในเปรู ทวีปอเมริกาใต้อย่างน้อย 200 เมตร

สำหรับรถไฟขบวนชิงไห่-ทิเบตดังกล่าวได้จัดเตรียมระบบให้ออกซิเจน 2 ระบบให้แก่ผู้โดยสารไว้บนรถไฟด้วย เพื่อรองรับสภาวะความกดอากาศต่ำที่ส่งผลต่อร่างกาย โดยภายในตู้รถไฟจะตั้งระดับออกซิเจนไว้ที่ราว 85% ซึ่งเท่ากับระดับที่ราบต่ำ และจะติดตั้งหน้ากากออกซิเจนไว้ใกล้กับที่นั่งของผู้โดยสารด้วย

จางฝูหัว เจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวชิงไห่ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวราว 800,000 คนที่จะเดินทางไปยังทิเบตด้วยขบวนรถไฟสายชิงไห่-ทิเบตนี้ และในขณะนี้ ทางการทิเบตกำลังเร่งก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น หลังจากที่เส้นทางชิงไห่-ทิเบตเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม

สำหรับข้อมูลราคาตั๋วโดยสารรถไฟเส้นทางปักกิ่ง-ทิเบต ได้รับการเปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติเมื่อเร็วๆ นี้ โดยตั๋วรถไฟเที่ยวเดียวจากปักกิ่ง สู่ลาซา เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบต ตั๋วรถนั่งราคาอยู่ที่ราว 1,800 บาท (46 เหรียญสหรัฐ) ตั๋วรถนอนชั้นสองราคา 3,600 บาท (76 เหรียญสหรัฐ) และราคาตั๋วรถนอนชั้นหนึ่ง ราคา 5,800 บาท (150 เหรียญสหรัฐ) โดยคาดว่าใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารรถไฟดังกล่าวเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า เมื่อเทียบกับราคาตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวจากจากปักกิ่งไปลาซาในปัจจุบันซึ่งมีราคาสูงถึง 11,400 บาท (293 เหรียญสหรัฐ)

[Wisarut]

ทางรถไฟสายปรารถนาป้ายหน้าสู่อินเดีย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2549 22:04 น.



ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบตเส้นทางประวัติศาสตร์ที่เป็นตัวแทนของวิทยาการที่ก้าวหน้าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ หลังจากวันนั้นทางรถไฟสายนี้จะขยายแขนขาไปจรดชายแดนจีนและอินเดีย ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆยังประเทศรอบๆ และในอีก 5 ปี เส้นทางที่เชื่อมจากดินแดนที่สูงที่สุดในโลกกับเมืองสำคัญของประเทศใหญ่ทั้งสอง จะกลายเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ยักษ์แฝดคู่ใหม่ในเศรษฐกิจโลก

ทางด่วนสู่สัมพันธ์การทูตและการค้า
‘ทางสายสวรรค์’ ที่รัฐบาลจีนทุ่มเงินลงทุนไปเกือบ 33,000 ล้านหยวนไม่เพียงแต่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของเขตปกครองเดียวในจีนที่ไม่มีเส้นทางรถไฟไปถึง มันยังจะเปลี่ยนอนาคตของเส้นทางคมนาคมระหว่างชายแดนประเทศใหญ่ในเอเชีย อย่างจีนและอินเดียในไม่ช้า

แม้ว่าโฆษกกระทรวงทางรถไฟของจีนจะยังคงสงวนท่าทีขณะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงอนาคตของเส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบตที่จะขยายเส้นทางต่อไปยังเมืองยื่อเคอเจ๋อทางตอนใต้ของเขตปกครองตนเองทิเบต และทะลุชายแดนต่อไปยังอินเดียและบังกลาเทศ ฯลฯ ทว่า ข้าราชการฝ่ายอินเดียกลับเปี่ยมไปด้วยความหวัง และมองว่า เส้นทางสายนี้จะเป็นทางด่วนสู่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ราบรื่น


จีนและอินเดียซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ของโลกหรือ BRICs โดยนิตยสารบิสซิเนสวีค (บราซิล รัสเซีย จีนและอินเดีย) ได้ก้าวเข้าสู่ศตวรรษใหม่ด้วยความสัมพันธ์ที่นับวันก็ยิ่งสนิทแนบแน่น โดยในปี 2005 รัฐบาลทั้งสองได้กอดคอร่วมกันประกาศเป็น “คู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ความรุ่งโรจน์และสันติภาพ” นอกจากได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว ยังส่งผลให้ตัวเลขเติบโตทางการค้าพุ่งทะยานดังที่คาดหวังไว้

จากสถิติปี 2005 มูลค่าการค้าระหว่างจีนอินเดียทะยานถึง 18,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2006 ยังมีความหวังว่าตัวเลขจะทวีขึ้นเป็น 20,000 ล้านเหรียญฯ และขณะนี้จีนยังได้กลายเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเพื่อนบ้านผู้ใกล้ชิด


Vinay Kwatra (วินัย กวัตรา) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า “การประกาศหลักการร่วมมือทางการค้าระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศในปี 2003 และการกระตุ้นการลงทุนของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการเจรจาการค้าโดยผู้แทนอินเดียกับนายป๋อซีไหล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนเมื่อต้นปีนี้ ล้วนส่งผลให้การค้าระหว่างทั้งสองประเทศนับวันจะยิ่งสุกงอมมากยิ่งขึ้น”

พลังขับเคลื่อนเชื่อมการเมืองเศรษฐกิจ
แม้ว่าเส้นทางสายนี้จะไม่จัดอยู่ใน “แผนเส้นทางยุทธศาสตร์ ปี 2020” ที่ประกาศโดยคณะรัฐมนตรี และขณะที่คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน สังกัดเขตปกครองตนเองทิเบตบางกลุ่มจะยังมีความกังวลเรื่องงบประมาณการลงทุนและผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้รับผิดชอบต่อโครงการเส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบตเผยว่า เส้นทางสายนี้จะขยายออกไปอีก 3 สาย 3 ทิศ ซึ่งจะมีความยาวราว 2,000 กว่ากิโลเมตร



โดยสายที่ 1 แยกจากเมืองลาซ่าไปทางตะวันออกไปจรดเมืองหลินจือ และสายตะวันตกไปจรดเมืองยื่อเคอเจ๋อ และสายใต้จากยื่อเคอเจ๋อต่อไปยังย่าตง และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้สมบูรณ์ภายใน 10 ปี

หนึ่งในคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนชี้ว่า แม้ว่าจีนจะเอาชนะเทคโนโลยีได้ แต่‘ทางสวรรค์’ สายนี้ก็ยังมีปัญหาระหว่างประเทศอีกหลายประการที่ต้องแก้ไข รวมถึงต้องคำนึงถึงเป้าประสงค์ของรัฐบาลอินเดียด้วย

“ยังติดปัญหาอยู่ที่การสื่อสารในรายละเอียดระหว่างทั้งสองฝ่าย หากว่าเส้นทางรถไฟสร้างเสร็จสามารถทะลุข้ามแดนกันได้ จะกระทบต่อปัญหาภายในประเทศของแต่ละฝ่าย ดังนั้นการสร้างเส้นทางรถไฟจะต้องแก้ปัญหาขัดแย้งตามชายแดนให้ได้ก่อน” K.Nagaraj Naidu (ก. นาคราช นายทุ) กงสุลพาณิชย์และการเมืองอินเดียประจำเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าว



ทั้งนี้ ความขัดแย้งบริเวณชายแดนจีน-อินเดียเกิดเป็นกรณีพิพาทแย่งชิงดินแดน กินพื้นที่ถึง 125,000 ตารางกิโลเมตรมาตั้งแต่ปีค.ศ.1962 ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลทั้งสองฝ่ายพยายามเจรจาเพื่อแสวงหาข้อตกลงร่วมกัน 10 กว่ารอบ อย่างไรก็ตาม กงสุล K.Nagaraj Naidu ชี้ว่า

“นับจากต้นปี 2000 จีนและอินเดียเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือทางการค้าในภูมิภาค จึงเริ่มหันหน้ามาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คุณไปดูที่เขตผู่ตงในเซี่ยงไฮ้ซิ มีบริษัทด้านไอทีที่เป็นบริษัทชั้นยอดของอินเดียมากกว่า 200 บริษัท ขณะนี้การค้าระหว่างจีนและอินเดียและฮ่องกงทะยานขึ้นอย่างสูงสุด เมื่อปีที่แล้วมีมูลค่าสูงถึง 26,000 ล้านเหรียญฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้าคาดว่า อาจสูงเกินกว่า 50,000 ล้านเหรียญฯ”


นักวิเคราะห์ยังมองว่า รัฐบาลนิวเดลีจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์จากเส้นทางสายปรารถนาเส้นนี้ ฝ่ายอินเดียจะต้องรีบกำหนดแผนเพื่อเชื่อมเส้นทางดังกล่าวระหว่างลาซากับท้องที่ทุรกันดารบริเวณเทือกเขาหิมาลัยโดยเร็ว เนื่องจากมันจะเป็นตัวช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งเอื้อต่อการคมนาคมและการท่องเที่ยวระหว่างอินเดียและทิเบตในอนาคต

K.Nagaraj Naidu คาดการณ์ว่า มองจากอนาคตทางเศรษฐกิจที่สดใสและความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้าในปีนี้ ปัญหาชายแดนและเส้นทางรถไฟข้ามแดนจีน-อินเดียจะหมดอุปสรรคในอีก 5 ปีข้างหน้า

เส้นทางชิงไห่-ทิเบตที่จะสร้างต่อจากลาซ่าไปยังเมืองยื่อเคอเจ๋อ และต่อไปยังอำเภอย่าตง จนข้ามชายแดนจีนไปเข้าเมืองกังต๊อคในแคว้นสิกขิมทางตอนเหนือของอินเดีย จะเปิดทางให้ทิเบตกลับมาใช้ประโยชน์จากอำเภอย่าตง ซึ่งเป็นเมืองชายแดนทิเบตที่เป็นชัยภูมิสำคัญอีกครั้ง เนื่องจากเป็นทางออกสู่ทะเลที่ใกล้ที่สุดของทิเบตและมณฑลภาคตะวันตกของจีน



ย่าตง(亞东口岸) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองลาซ่าไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 460 กิโลเมตร ห่างจากกรุงทิมพูเมืองหลวงของภูฏานราว 300 กิโลเมตร และห่างจากเมืองดักกาของบังกลาเทศ 600 กิโลเมตร หากมุ่งลงใต้ไปเพียง 10 กิโลเมตรก็จะเจอกับเมืองดาร์จีลิ่งของอินเดีย

ซึ่งหากมีการเชื่อมเส้นทางรถไฟข้ามแดนที่ย่าตงได้ อำเภอเล็กๆแห่งนี้จะเป็นช่องทางแห่งความหวังของจีนเปิดสู่เอเชียใต้ ที่ไม่เพียงจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร 8 ล้านกว่าคนในดินแดนชิงไห่-ทิเบต และมณฑลภาคตะวันตกของจีน ฝันที่จะได้ขึ้นสวรรค์เป็นคู่ประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกก็ที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเช่นกัน

เรียบเรียงจาก ย่าโจวโจวคัน (ฉบับวันที่ 7 พฤษภาคม 2006)