View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46857
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/03/2019 12:31 am Post subject:
จนท.คุมเข้มสถานีรถไฟตันหยงมัส
INN News 16 มีนาคม 2019 - 11:46
เจ้าหน้าที่คุมเข้มสถานีรถไฟตันหยงมัส จ.นราธิวาส ทุกขบวน หลังเกิดเหตุยิงรถไฟที่รือเสาะ ขณะที่ประชาชนไม่หวั่นโดยสารแน่นตามปกติ
ที่ สถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองกำลังผสม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการร่วม สภ.ระแงะ 6 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 4509 จำนวน 6 นาย และเจ้าหน้าที่ อส.อีก 8 นาย เพิ่มมาตรการคุมเข้มในการเฝ้าระวังป้องกันเหตุร้ายที่สถานีรถไฟรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ตั้งแต่ช่วงเวลา 06.30- 17.00 น. โดยให้มีการเดินเท้าลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่เลือกใช้บริการกับการรถไฟฯและเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้รถไฟทั้ง 14 ขบวนทั้งขาขึ้นและขาล่องได้เปิดให้บริการวิ่งต้นทางและสุดปลายทางที่สุไหงโก-ลกตามปกติเหมือนที่ผ่านมา
ทางด้านนายมาหะมะคาลิก ปาทาน ประธานดาอี อ.ระแงะ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารรถไฟกล่าวว่า เราทุกคนเป็นคนไทย เราจะต้องรู้คุณของแผ่นดิน ในฐานะประชาชนของประเทศไทย ที่มีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประมุข เราจะต้องรักษาและปกป้องประเทศของเรา ไม่ใช่ไปทำลาย ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นท่านศาสดาได้กล่าวว่ามนุษย์ที่ประเสริฐคือมนุษย์ที่ทำประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราจึงต้องนำเอาคำพูดของท่านศาสดา มาใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเรามั่นใจในคำสอนของพระศาสดา เราก็จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีที่ผิด หรือสิ่งที่ชั่วร้าย เช่น การไปยิงรถไฟ ไปทำร้ายผู้อื่น หรือไปวางระเบิด ที่ไหนก็ตามถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นเราจะต้องคำนึงอยู่เสมอว่า เราอยู่ในประเทศไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ขอความกรุณาอย่าทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สักวันหนึ่งคนเหล่านี้อาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องต้องกลายเป็นไปทำร้ายผู้อื่น หรือไปวางระเบิดที่ไหนก็ตาม ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้หน่วยทุกหน่วยทั้ง ฉก.ทพ.45 และ สภ.ระแงะให้ดูแลประชาชนทุกฝีก้าวทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความดีทุกประการ
อย่างไรก็ตามผู้โดยสารยังมั่นใจในการเดินทางด้วยรถไฟ โดยขบวนรถไฟเที่ยวแรกยังมีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่นตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชน นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43713
Location: NECTEC
Posted: 19/04/2019 10:23 am Post subject:
ศอ.บต.ประชุมร่วมเตรียมผลักดันฟื้นฟูการเดินรถไฟเส้นทางสุไหงโก-ลก สู่มาเลเซีย
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562, 16:50
นราธิวาส - ศอ.บต.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประชุมผลักดันฟื้นฟูการเดินรถไฟ เส้นทางจากสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สู่ประเทศมาเลเซีย หวังเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน และพัฒนาเศรษฐกิจ
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่จะบังติกอ โรงแรมซีเอส ปัตตานี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธาน การประชุมฟื้นฟูการเดินรถไฟเส้นทางจากสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง-ปาเสมัส-ตุมปัต โดยมี Mr.Mohd Afandi bin Abu Bakar กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา, นายมลคล สินสมบูรณ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ผู้แทนหน่วยงานด้านการรถไฟ ผู้แทนกระทรวงคมนาคมของประเทศมาเลเซีย ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ดังที่ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่า ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมาอย่างยาวนาน ในทุกมิติความร่วมมือการพัฒนา ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศล้วนไปมาหาสู่กันอย่างญาติมิตรสหาย ครอบครัวเดียวกัน ในขณะที่บทบาทของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ก็มีความใกล้ชิด และเด่นชัดมากที่สุดในปีปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากคำแถลงผลประชุมร่วมกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย และตุน ดร.มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้มีพลวัตครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อร่วมกันสร้าง ทศวรรษใหม่แห่งความสัมพันธ์ ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในภูมิภาค และระหว่างประเทศที่มีความท้าทายมากขึ้น มุ่งเน้นความสำคัญใน 3 ประเด็น คือการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และความร่วมมือด้านความมั่นคง การพัฒนาเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงตามแนวชายแดน และความร่วมมือในกรอบอาเซียน ทั้งนี้เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์การพัฒนาของไทย และมาเลเซีย ในฐานะ ภาคีหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ต่อการบริหารจัดการความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่น และสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการขับเคลื่อนความร่วมมือกับนานาประเทศ ให้มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมในอนุภูมิภาค หลังการประชุมร่วมกันของผู้นำแผนความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ณ ประเทศอินโดนีเซีย ต่อมาด้วยการประชุมสุดยอดผู้นำแผน IMT-GT ครั้งที่ 11 ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยที่ประชุมได้ให้ความสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างไทย และมาเลเซีย ประเด็นการจัดลำดับความสำคัญโครงการเชื่อมโยงทางกายภาพในแต่ละแนวระเบียงเศรษฐกิจ ตามมิติการเชื่อมโยงที่เหมาะสม และเพิ่มแนวระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนโครงการเชื่อมโยงทางกายภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ตามข้อเสนอโครงการที่เสนอต่อผู้นำ
พร้อมทั้งคำนึงถึงผลกระทบจากการพัฒนาที่มีดุลยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง และโอกาสการเชื่อมโยงกับการพัฒนาของพื้นที่เป้าหมายของรัฐบาล เช่น การเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย กับโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายภาคตะวันออก (East Coast Rail Line: ECRL) ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีโอกาสเชื่อมโยงการพัฒนาระดับภูมิภาคตามทางสายไหมใหม่ของจีน (Belt and Road Initiative) โดยเปิดแนวระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ประกอบด้วย ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส-เประ-กลันตัน เป็นยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงใหม่ หรือที่เรียกว่า Economic Corridor ที่ 6 และการหารือถึงโอกาสการเชื่อมโยงเขตเสรีทางโทรคมนาคม รองรับการค้าอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแดนเชื่อมโยงระดับสากล เป็นต้น
สำหรับการประชุมในวันนี้ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่หลายฝ่ายล้วนต้องการพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัญหา และอุปสรรคบางประการ ทำให้โครงการดังกล่าวติดขัด และไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่งผลเสียต่อความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่การเป็น ศูนย์กลางของอาเซียนที่แท้จริง ซึ่งเป็นการสูญเสียโอกาสการพัฒนาความร่วมมือที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงในพื้นที่ และโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น สภาวการณ์การค้าขาย และสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่ดีขึ้นตามลำดับ ดังเช่นอัตราตัวเลขการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทย และมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านกว่าบาทไทย หากมีการเปิดเส้นทางดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน และการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมได้ดีมากยิ่งขึ้นไป
รวมทั้งเป็นการเปิดพื้นที่เส้นทางการท่องเที่ยว และการไปมาหาสู่กันของพี่น้องไทย และมาเลเซียในแถบตะวันออก ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และทางตะวันออกของประเทศไทยได้จำนวนมหาศาล ที่จะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังหมายรวมไปถึงการผลักดันพื้นที่ร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ ในการพัฒนาให้เกิดศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อรองรับการขยายตัวของมุสลิมทั่วโลกในปี ค.ศ. 2020 โดยคาดว่าจะมีมากถึง 2.2 พันล้านคน ในโอกาสนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ความร่วมมือในเรื่องหนึ่งจะสามารถขยายผลไปยังความร่วมมืออีกหลายๆ เรื่อง เพื่อมุ่งเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน การสร้างสภาวะเศรษฐกิจ และสังคมที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของทั้ง 2 ประเทศสืบไป
อย่างไรก็ตาม ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทย เช่น ศอ.บต. การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในส่วนของราชการ เอกชน และประชาชน พิจารณาแล้วเห็นสมควรนำประเด็นการเปิดบริการเส้นทางรถไฟเดิม จากสถานีสุไหงโก-ลก (จ.นราธิวาส) ถึงสถานีรถไฟปาเสมัส ประเทศมาเลเซีย หยิบยกขึ้นหารือร่วมกันทั้งในระดับจังหวัด การรถไฟของทั้ง 2 ประเทศ และระดับนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการพัฒนาในอีกหลายมิติ เชื่อมโยงกันในอนาคตตามที่กล่าวถึง ขณะเดียวกันหากความร่วมมือนี้ประสบความสำเร็จ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็พร้อมจะนำข้อมูลสรุปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการรถไฟเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเทศไทย กำหนดเส้นทางหาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์ โดยเพิ่มเส้นทางกลันตัน-สุไหงโก-ลก-หาดใหญ่ เชื่อมโยงกันทั้งระบบ ซึ่งจะต้องมีการหารือให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และจะได้มีการมอบหมายจัดตั้งกลไกความร่วมมือการทำงานร่วมกันในระยะต่อไป
Note: เจรจากะ มหาเธร์เพราะเป็นคนออกคำสั่งให้เลิกการเดินรถจากปาเซอร์มัสไปสุไหงโกลก
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46857
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/04/2019 12:43 pm Post subject:
ข่าว 3 มิติ เปิดเส้นทางรถไฟ ไทย-มาเลเซีย (18 เมษายน 2562)
3mitinews
Published on Apr 18, 2019
มีความพยายามจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย รวมถึงรัฐกลันตัน ของมาเลเซีย เพื่อจะฟื้นการเดินรถไฟจากสถานีสุไหงโกลก ไปถึงสถานีตุมปัต รัฐกลันตันของมาเลเซีย ซึ่งหลายหน่วยงานประชุมในวันนี้ที่ปัตตานี ยืนยันว่า ในระดับปฎิบัติการของพื้นที่ต่างมีความพร้อม รอเพียงการผลักดันในระดับรัฐบาลของสองประเทศ ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการพบกันของนายกรัฐมนตรีสองประเทศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คุณมนตรี อุดมพงษ์ มีรายละเอียดครับ
https://www.youtube.com/watch?v=bVYA40dLZ-8
Back to top
nutsiwat
2nd Class Pass Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
Posted: 20/04/2019 1:00 pm Post subject:
Mongwin wrote:
ข่าว 3 มิติ เปิดเส้นทางรถไฟ ไทย-มาเลเซีย (18 เมษายน 2562)
3mitinews
Published on Apr 18, 2019
มีความพยายามจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย รวมถึงรัฐกลันตัน ของมาเลเซีย เพื่อจะฟื้นการเดินรถไฟจากสถานีสุไหงโกลก ไปถึงสถานีตุมปัต รัฐกลันตันของมาเลเซีย ซึ่งหลายหน่วยงานประชุมในวันนี้ที่ปัตตานี ยืนยันว่า ในระดับปฎิบัติการของพื้นที่ต่างมีความพร้อม รอเพียงการผลักดันในระดับรัฐบาลของสองประเทศ ซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการพบกันของนายกรัฐมนตรีสองประเทศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คุณมนตรี อุดมพงษ์ มีรายละเอียดครับ
https://www.youtube.com/watch?v=bVYA40dLZ-8
ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากครับ ที่เส้นทางรถไฟฝั่งตะวันออกของไทยและของมาเลเซียจะมีโอกาสได้เชื่อมต่อการเดินรถได้อีกครั้ง ชมจากคลิปแล้วเส้นทางรถไฟฝั่งของไทยได้รับการปรับปรุงทางจนไปถึงสะพานดำมั่นคงแข็งแรงอย่างดี เหลือแต่ฝั่งทางมาเลเซียที่ทางรถไฟยังไม่ได้ปรับปรุง ทางฝั่งไทยเราพร้อมแล้ว รอแต่ทางฝั่งมาเลเซียเท่านั้นครับ _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46857
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 23/05/2019 4:20 pm Post subject:
อ.ส.รถไฟ กับภารกิจความปลอดภัยบนรถไฟ
สยามรัฐออนไลน์ 23 พฤษภาคม 2562 15:37 ประชาสัมพันธ์
หากได้โดยสารรถไฟสายใต้ ตั้งแต่สถานีชุมทางหาดใหญ่ เรื่อยไปถึงสถานีสุไหงโก-ลก หลายท่านคงคุ้นหู คุ้นตากับเจ้าหน้าที่ในชุดพรางทะเลทราย ที่คอยอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยขบวนรถไฟ ให้แก่ประชาชน ที่โดยสารบนรถไฟ หรือที่รู้จักกันในนาม อ.ส. รถไฟ
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 เห็นชอบให้มีการเพิ่มอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยขบวนรถไฟ จากสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ถึงสถานีสุไหง โก-ลก จ.นราธิวาส โดยการจัดตั้งกองร้อยบังคับการและบริการส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน
กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้แบ่งหมวดปฏิบัติการออกเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวดปฏิบัติการที่ 1 ตั้งอยู่สถานีชุมทางหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หมวดปฏิบัติการที่ 2 ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และหมวดปฏิบัติการที่ 3 ตั้งอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ปัจจุบันมีอัตรากำลังสมาชิก อส. 252 นาย โดยจัดสมาชิก อส. ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนขบวนรถไฟ ระหว่างสถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ถึงสถานีสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นประจำทุกวัน วันละ 20 ขบวน ขบวนละ 8-10 นาย มีภารกิจหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยบนขบวนรถไฟ บูรณาการร่วมกับเจ้าพนักงานปกครอง ตำรวจ ดูแลรักษาเส้นทางคมนาคม ขนส่ง ตรวจตราการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การลักลอบขนส่งยาเสพติดทางรถไฟ การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ อส. รถไฟ พร้อมเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
นายหมวดเอกเศรษฐการ เพชรวารี ผู้บังคับการกองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยกำกับดูแล อส. รถไฟ กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ อส.รถไฟ ช่วยให้ไม่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบนรถไฟเนื่องจาก อส. รถไฟ เป็นบุคคลในพื้นที่ ด้วยความเป็นจิตอาสาจึงคอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในการยกของ ขนของขึ้น-ลงรถไฟ เวลาปฏิบัติหน้าที่ก็คอยพูดคุย สอบถามชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้า จึงเกิดความสนิทสนม เมื่อมีข่าวการจะก่อเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น ชาวบ้านก็จะบอกกล่าวให้ อส. รถไฟได้ทราบ เหมือนญาติพี่น้องเตือน ๆ กัน ทำให้เราสามารถเตรียมพร้อมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือหากเกิดเหตุการณ์ก็ทำให้เราเตรียมพร้อมรับมือไม่ให้ประชาชนได้รับอันตราย หรือความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ผลงานของ อส. รถไฟ ในการตรวจค้นสัมภาระของผู้โดยสารบนรถไฟ อาทิ การตรวจพบยาเสพติดในกล่องโทรทัศน์ จำนวน 200,000 เม็ด บนขบวนรถไฟกรุงเทพ ยะลา เป็นต้น
การปฏิบัติหน้าที่ในชายแดนใต้ถือเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง แต่เจ้าหน้าที่ทุกนายต่างพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ อีกหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2555 โจรใต้ยิงถล่มขบวนรถไฟสายสุราษฎร์ธานี - สุไหงโก-ลก ที่ อ.เจาะไอร้อง นายหมวดเอกเศรษฐการ กล่าว
นายหมู่โท อาซูวัน เจ๊ะลาเต๊ะ อส. รถไฟ ผู้ปฏิบัติหน้าที่บนขบวนรถไฟดังกล่าว ได้เล่าว่า ขณะที่รถไฟสายสุราษฎร์ธานี - สุไหงโก-ลก กำลังเคลื่อนขบวนออกจากสถานีบูกิต จ.นราธิวาส ไปได้ประมาณ 500 เมตร ผ่านป่าละเมาะ มีคนร้ายประมาณ 10 คน ซุ่มยิงขบวนรถไฟ อส. ได้ยิงต่อสู้กันราว 5 นาที ส่งผลให้มี อส. รถไฟ เสียชีวิต 1 นาย และนายหมู่โท อาซูวัน เจ๊ะลาเต๊ะ ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ต้นขา จากการปฏิบัติหน้าที่ อส. รถไฟ ตั้งแต่ ปี 2550 ซึ่งเป็น อส. รถไฟรุ่นแรก จนถึงปัจจุบัน เคยเจอเหตุการณ์การซุ่มยิงมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยย่อท้อต่อหน้าที่ เพราะได้รับกำลังใจจากประชาชนในพื้นที่คอยให้กำลังใจเสมอมา ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากเพียงใดก็ตาม แต่การดูแลประชาชนให้ปลอดภัยจากอันตรายเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่ง หากเจ้าหน้าที่หวาดกลัวหรือเกรงกลัวอันตราย ประชาชนจะหาที่พึ่งจากที่ใด
แม้การปฏิบัติหน้าที่ของ อส.รถไฟ จะมีความเสี่ยงสูงเพียงใด แต่หน้าที่ในการดูแลรักษาประชาชนให้มีความปลอดภัย พ้นจากอันตรายและรักษาความสงบในท้องถิ่นของตน มีความสำคัญยิ่งกว่า ดังคำขวัญของกองอาสารักษาดินแดน ที่ว่า ปวงข้า อส.ขอตั้งสัจจา จะปกป้องพาราจนสิ้นใจ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43713
Location: NECTEC
Posted: 27/05/2019 9:00 pm Post subject:
เปิดคลิปนาทีบึ้มสนั่น'สถานีรถไฟจะนะ' สังเวยตร.1ศพ
อาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2562 เวลา 21.33 น.
เปิดคลิปวินาทีคนร้ายวางบึ้มสนั่น 'สถานีรถไฟจะนะ' สังเวย ตร.1 ศพ เจ็บอีก 3 นาย รวมถึงชาวบ้านเจ็บอีก 1 คน
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. เปิดคลิปวงจรปิดวินาทีคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟ หมู่ 3 ต.บ้านนา อ.จะนะ เป็นเหตุทำให้ ตำรวจ สภ.จะนะ ประจำสถานีรถไฟ เสียชีวิต 1 นาย มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และมีชาวบ้านเจ็บอีก 1 รายด้วย เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องฝังในท่อลอดข้างป้อมชุดรักษาความปลอดภัย ในขณะที่ตำรวจกำลังลาดตระเวนตรวจความเรียบร้อยบริเวณสถานีรถไฟ เพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
https://www.facebook.com/watch/?v=394778041377502
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46857
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 27/05/2019 9:43 pm Post subject:
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตะกร้าเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หลังสถานีรถไฟจะนะ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ยังความปลื้มปิติยินดีเป็นล้นพ้น
27 พ.ค. 2562
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (27 พ.ค. 62) พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายราชิต สุดพุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา อัญเชิญแจกันดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิด บริเวณป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หลังสถานีรถไฟจะนะ พื้นที่หมู่ 3 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เมื่อเย็นวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย ด.ต.ศิริทองเทพ อายุ 49 ปี , ร.ต.ท.นิพล แก้วหนู อายุ 57 ปี และ ด.ต.ชำนาญ สุขมี อายุ 51 ปี ทั้งหมดสังกัดสถานีตำรวจภูธรจะนะ จังหวัดสงขลา นางสาวนูรฟาฏีละห์ แวอูมา และนางสาวบุดสามานี จันอิ โดยขณะนี้ทั้งหมดรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ โดยมีผู้บริหาร แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ รวมถึงญาติ ๆ ของผู้บาดเจ็บให้การต้อนรับ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อผู้บาดเจ็บและครอบครัว หาที่สุดมิได้
สำหรับอาการผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คนนั้น ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว โดย ด.ต.ศิริ ทองเทพ ถูกสะเก็ดระเบิดมีบาดแผลบริเวณไหล่ขวา แขนซ้าย หลังใบหูซ้ายขวา สะโพกขวา/ซ้าย ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ความดันและชีพจรปกติ , ร.ต.ท.นิพล แก้วหนู มีอาการหูอื้อทั้งสองข้าง พูดคุยได้ยินปกติ ไม่มีบาดแผล รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ความดันและชีพจรปกติ , ด.ต.ชำนาญ สุขมี ถูกสะเก็ดระเบิดมีแผลบริเวณข้อศอกด้านซ้าย มีอาการปวดแผลเล็กน้อย รู้สึกตัวดีช่วยเหลือตัวเองได้ ความดันและชีพจรปกติ , นางสาวบุดสามานี จันอิ และมีแผลเปิดที่ขาด้านซ้ายบริเวณข้อพับขนาดใหญ่ ทำการรักษาด้วยการปิดแผลด้วยผ้าก๊อซใส่สายดูดสิ่งคัดลั่งจากแผล ล้างแผลทุก ๆ 3 วัน รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ความดันและชีพจรปกติ และนางสาวนูรฟาฏีละห์ แวอูมา อาการบาดเจ็บเล็กน้อย
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : สุธิดา พฤกษ์อุดม
ผู้เรียบเรียง : วสันต์พรรษ จำเริญนุสิต
แหล่งที่มา : สวท.สงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43713
Location: NECTEC
Posted: 11/06/2019 3:08 pm Post subject:
พลิกโฉมเมือง สุไหงโก-ลก เปิดดิวตี้ฟรี ชงศุลกากรจูงใจคนไทยช็อปแบรนด์เนมได้2หมื่น
วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2562 เวลา21:40 น.
พัฒนาการค้า - การพัฒนาเมืองสุไหงโก-ลก มีแนวทางว่าจะให้เป็นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำเป็นศูนย์การค้าชายแดน ประกอบด้วย ศูนย์การค้าที่จะติดต่อนักลงทุน อาคารประชุมของเทศบาล รวมถึงโครงการตลาดกลางการเกษตร จำหน่ายสินค้าจำพวกพืชผักและผลไม้ ตั้งเป้าว่าจะให้มีลักษณะเหมือนตลาดไทที่จังหวัดปทุมธานี
อำเภอผนึก ศอ.บต.เตรียมแผนพลิกโฉม เมืองสุไหงโก-ลก เปิด ดิวตี้ฟรี เล็งขึ้น คอมเพล็กซ์ ศูนย์การค้าชายแดน-อาคารประชุมขนาด 1,000 ที่นั่ง-ลานวัฒนธรรม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมชง ศุลกากร จูงใจให้สิทธิพิเศษคนไทยช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษีในดิวตี้ฟรีได้ไม่เกิน 2 หมื่นบาท/คน/เดือน เพียงมีใบเสร็จพักโรงแรมในสุไหงโก-ลก 2 คืน เผยเร่งเจรจาเคหะ-ร.ฟ.ท.ซื้อ-เช่าที่ดินทำโครงการ พร้อมเสนอแผนให้ ครม.เห็นชอบงบฯลงทุน
ดันขึ้น คอมเพล็กซ์ 300 ล้าน
นายปรีชากล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการพัฒนาเมืองสุไหงโก-ลก ยังมีแนวทางการขอใช้พื้นที่ 25 ไร่ จากพื้นที่บ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ที่ทิ้งร้าง 288 ห้อง เพื่อจัดทำเมืองสุไหงโก-ลกคอมเพล็กซ์ โดยให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นผู้จัดซื้อในราคาราว 87 ล้านบาท จากนั้นมอบให้กรมธนารักษ์ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนให้ทางเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกเป็นผู้ดูแล โดยได้เสนอแผนผ่านทาง ศอ.บต. เพื่อนำเสนอต่อไปยังรัฐบาล ผ่านแนวทางจัดทำเป็นศูนย์การค้าชายแดน ประกอบด้วย ศูนย์การค้าที่จะติดต่อนักลงทุนที่สนใจเข้ามาจัดทำ อาคารประชุมของเทศบาลขนาด 1,000 ที่นั่ง และลานวัฒนธรรม โดยในส่วนอาคารคาดว่าจะเป็นเงินลงทุน 300 ล้านบาท
รวมถึงโครงการตลาดกลางการเกษตร เพื่อจำหน่ายสินค้าจำพวกพืชผักและผลไม้ให้เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีชาวมาเลเซียเข้ามาซื้อจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่อในประเทศมาเลเซีย โดยตั้งเป้าว่าจะให้มีลักษณะเหมือนตลาดไท ที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีพื้นที่ในการจัดทำ 8 ไร่ ซึ่งทางเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกจะขอเช่าพื้นที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยกำลังเจรจาในเรื่องอัตราค่าเช่า
เร่งศึกษาสถานีขนส่งครบวงจร
นอกจากนี้ นายปรีชากล่าวเพิ่มเติมว่ายังมีโครงการการจัดซื้อที่ดินจำนวน 87 ไร่ เพื่อจัดทำสถานีขนส่งครบวงจรที่มีลานกองเก็บและคลังสินค้า โดยตั้งงบประมาณเบื้องต้นไว้ 300 ล้านบาท ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม อนุมัติงบฯแล้ว 3 ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาและออกแบบโครงสร้าง
รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ซึ่งถือเป็นสถานีสุดท้ายก่อนเข้าสู่มาเลเซีย งบประมาณ 31.2 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 โดยรายละเอียดมีทั้งการปรับรางวิ่ง ปรับคลังสินค้า และพิพิธภัณฑ์ของ ร.ฟ.ท. ทั้งนี้ ในอดีตสามารถเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียผ่านทางรถไฟได้ แต่ปัจจุบันเกิดน้ำท่วมใหญ่ในมาเลเซีย ทำให้เส้นทางนี้หายไป และยังไม่ได้เปิดใช้บริการใหม่ โดยล่าสุดอยู่ในขั้นตอนพูดคุยระหว่าง ศอ.บต.กับทางการประเทศมาเลเซีย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43713
Location: NECTEC
Posted: 13/06/2019 7:12 am Post subject:
12มิ.ย.62 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน (อธิบดีกรมการขนส่งทางราง)
...มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายสราวุธ ทรงศิวิไล ข้าราชการพลเรือนสามัญ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2562
ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2562
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/151/T_0003.PDF
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43713
Location: NECTEC
Posted: 13/06/2019 7:16 am Post subject:
12มิ.ย.62 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน (อธิบดีกรมการขนส่งทางราง)
...มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายสราวุธ ทรงศิวิไล ข้าราชการพลเรือนสามัญ พ้นจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2562
ประกาศ ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2562
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/151/T_0003.PDF
Back to top