Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Posted: 20/11/2022 10:30 pm Post subject:
ข่าวปลอม อย่าแชร์! ที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทยถูกจับเกี่ยวกับทุนจีนสีเทา
19 พฤศจิกายน 2022 เวลา 16:39 น.
ตามที่มีการบอกต่อข้อมูลในโซเชียลเรื่องที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทยถูกจับเกี่ยวกับทุนจีนสีเทา ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีผู้โพสต์ระบุว่าที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทยถูกจับเกี่ยวกับทุนจีนสีเทา ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าการรถไฟฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของกรณีที่พบโมเดลหัวรถไฟความเร็วสูงในบริเวณบ้านพักของผู้ต้องสงสัยกลุ่มทุนจีนนั้น การรถไฟฯ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นไปยังบริษัท ไชน่า เรลเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (CHINA RAILWAY INTERNATIONAL CO., LTD.) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ดีไซน์ คอร์เปอเรชั่น (CHINA RAILWAY DESIGN CORPORATION) แล้ว ซึ่งเป็นที่ปรึกษาในงานระบบรถไฟความเร็วสูง โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพ หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ นครราชสีมา)
โดยทางบริษัทฯ ได้จัดส่งหนังสือยืนยันมายังการรถไฟฯ แล้วว่าโมเดลหัวรถไฟความเร็วสูงที่พบบริเวณบ้านพักของผู้ต้องสงสัยกลุ่มทุนจีนนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด และผู้ต้องสงสัยไม่ได้เป็นสมาชิกของบริษัท อีกทั้งทางบริษัทไม่เคยติดต่อทางธุรกิจกับกลุ่มทุนจีนดังกล่าวด้วย ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จดังกล่าวที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนกรณีที่มีบุคคลอ้างและเผยแพร่ข้อความผ่านทางสื่อโซเชียลระบุว่ากลุ่มทุนจีนมีความเชื่อมโยงโดยเป็นที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ทางการรถไฟฯ ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีกลุ่มทุนจีนใด ๆ เป็นที่ปรึกษาการรถไฟฯ ตามที่กล่าวอ้าง
การรถไฟฯ เป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นสาธารณูปโภคที่ให้บริการด้านการขนส่งแก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ การให้คำแนะนำต่าง ๆ จึงมีความสำคัญต่อการดูแลพี่น้องประชาชนที่เดินทางในเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ รวมถึงการยกระดับการให้บริการในทุก ๆ ด้าน การแต่งตั้งที่ปรึกษาของการรถไฟฯ นั้น คำนึงถึงภารกิจหน้าที่ที่จะเกิดประโยชน์ต่อองค์กรเป็นสำคัญ และที่ปรึกษาของการรถไฟฯ ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจใด ๆ ของการรถไฟฯแต่อย่างใด มีเพียงให้คำแนะนำและมุมมองต่อการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรเท่านั้น
การรถไฟฯ ยังคงยึดเจตนารมณ์เดิมที่พนักงานทุกคนต้องบริหารงานและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักธรรมาภิบาล และความเสมอภาคในการบริหารงาน ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ และปลูกฝังค่านิยมร่วมของบุคลากรการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการต่อต้านการทุจริต เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สืบไป
website stamp 320
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากการรถไฟแห่งประเทศไทย สามารถติดตามได้ที่ เฟซบุ๊ก ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือสามารถจองตั๋วออนไลน์ได้ทาง เว็บไซต์ www.thairailwayticket.com หรือโทร Call Center 1690
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การรถไฟฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมในช่วงที่ผ่านมา กรณีที่มีบุคคลแอบอ้าง ทางการรถไฟฯ ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีกลุ่มทุนจีนใด ๆ เป็นที่ปรึกษาการรถไฟฯ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46381
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 23/11/2022 7:33 am Post subject:
ไทม์ไลน์'3โปรเจกต์'คมนาคม ค้างท่อรอครม.เร่งหาข้อสรุป
Source - กรุงเทพธุรกิจ
Monday, November 21, 2022 04:09
กรุงเทพธุรกิจ คมนาคมดัน3โปรเจค ค้างท่อลุ้น ครม.เคาะสัญญาร่วมทุนเอกชน ทั้งปิดดีลประมูลสายสีส้ม-แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน-จบปมสัมปทานสายสีเขียว พร้อมเข็นโครงการใหม่ 3.11 แสนล้าน
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนที่รัฐบาล จะหมดวาระ และรอการทำงานของรัฐบาลใหม่ แม้จะยังไม่มีความชัดเจนด้านกำหนดเวลาซึ่งอาจเป็นไปตามวาระหรือเร็วกว่านั้น โดยงานสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องหาข้อสรุปเพื่อไม่ให้แผนการพัฒนาสะดุดมีหลายโครงการ
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ตามแผนดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ขณะนี้พบว่าโครงการลงทุน ขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) ที่คั่งค้างจากการดำเนินงานในปี 2565 และต้องผลักดันต่อเนื่องในปี 2566 อาทิ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เปิดรับซองข้อเสนอเอกชนเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่ 27 ก.ค.2565
แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการศาลปกครองพิจารณา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รฟม.ยกเลิกการประกวดราคาครั้งแรกตั้งแต่ 3 ก.พ.2564 และส่งผลให้ขณะนี้แม้ว่า รฟม.จะประกาศผลประกวดราคา ซึ่งพบว่า บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ชนะ แต่ก็ยังไม่สามารถกำหนดวันลงนามในสัญญาได้
ขณะเดียวกันยังมีโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟ ความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสาม สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ดำเนินการเปิดประกวดราคามาตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มงานก่อสร้าง เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนรอลงนามแก้ไขสัญญา สืบเนื่องจากโครงการนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ รายได้จากการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ซึ่งเป็นบางส่วนของสัญญาร่วมลงทุน ไม่เป็นไปตามที่การันตีรายได้ในสัญญา
จบไม่ลงปมแก้สัญญาไฮสปีดฯ
ประกอบกับภาครัฐมีเงื่อนไขให้เอกชนคู่สัญญา บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เริ่มก่อสร้างโครงการช่วงพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน และโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ โดยให้เอกชนลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธาช่วง ดังกล่าวจำนวน 9,207 ล้านบาท ซึ่งเอกชน จะต้องเร่งรัดงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.2569 จากสาเหตุข้างต้นทำให้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ต้องมีการแก้ไขสัญญา เพื่อเยียวยาผลกระทบภาคเอกชน
"ตอนนี้การรถไฟฯ ยืนยันว่ามีความพร้อมส่งมอบ 100% ในการก่อสร้างช่วงสุวรรณภูมิ -อู่ตะเภา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอน ของ สกพอ.(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก)ในการพิจารณาร่างสัญญาที่แก้ไขใหม่ เบื้องต้นทราบว่าอาจจะมีการเสนอครม. (คณะรัฐมนตรี) เพื่อแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนได้ ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2566 ก่อน ส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนในช่วงเดือน ม.ค.2566 ส่วนงานก่อสร้างก็คาดว่าจะเริ่มได้ทันทีในปีหน้า"
นอกจากนี้ การพิจารณาต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว แม้ว่าจะไม่ได้เป็น โครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงคมนาคมทั้งหมด เพราะสัญญาสัมปทาน อยู่ภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย แต่เนื่องจากโครงการนี้ยังมีช่วงส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่งสมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ รฟม.ดำเนินการก่อสร้าง ประกอบกับบทบาทในการกำกับดูแลโครงการรถไฟฟ้าเป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม ทำให้ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปัจจุบันการพิจารณาสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรุงเทพมหานคร โดยมีประเด็นพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งจ่ายหนี้ ให้กับเอกชนคู่สัญญา คือ บริษัท ระบบขนส่ง มวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC รวมวงเงินราว 4 หมื่นล้านบาท
โดยมีประเด็นที่ กทม.อยู่ระหว่างพิจารณา อาทิ 1.แนวทางการเก็บค่าโดยสาร ส่วนต่อขยาย ที่ 2 (แบริ่ง-สมุทรปราการ /หมอชิต-คูคต) และ 2.การขอรับความเห็นการดำเนินการสำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบ ซึ่งหนึ่งในแนวทางศึกษาของ กทม.คือการโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวกลับมาให้ รฟม.เป็นผู้บริหาร เพื่อลดภาระงบประมาณ
เปิดโครงการลงทุนใหม่ 3.1 แสนล้าน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ยังระบุด้วยว่า เมกะโปรเจคที่อยู่ภายใต้แผนลงทุนของกระทรวงคมนาคม ในปี 2566 ซึ่งรวมทั้งในส่วนของโครงการคั่งค้างจากปี 2565 และโครงการใหม่ที่ต้องลงทุน เป็นวงเงินรวม 311,483.56 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาและต้องใช้งบในปี 2566 เพิ่มเติม อาทิ ทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6), มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81), มอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน - บ้านแพ้ว (M82), ทางพิเศษ สายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก
รวมไปถึงการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า เชียงของ จังหวัดเชียงราย, โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จังหวัดนครพนม, โครงการรถไฟฟ้า 4 สายทาง (สายสีชมพู สีเหลือง สีส้ม สีม่วง), โครงการทางคู่ ระยะที่ 1 รวม 5 สายทาง และรถไฟสายใหม่ 2 สายทาง, โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน, โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และการจัดตั้งสายเดินเรือ แห่งชาติ
ส่วนโครงการใหม่ที่จะเร่งรัดลงทุนในปี 2566 อาทิ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ส่วนต่อขยายยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลเวย์) (M5), มอเตอร์เวย์ สาย M9 วงแหวนตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน- บางบัวทอง, มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ, มอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา (M7), ทางพิเศษ เมืองใหม่- เกาะแก้ว-กะทู้-ป่าตอง, สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา - อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง
นอกจากนี้ยังมีโครงการแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-Map), สะพานเชื่อมเกาะลันตา จังหวัดกระบี่, โครงการ Landbridge ชุมพร-ระนอง, โครงการเพิ่มศักยภาพ ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 เป็นต้น โดยปัจจุบันหลายโครงการใหม่ มีสถานะอยู่ระหว่างนำเสนอครม. ให้ความเห็นชอบ
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 พ.ย. 2565
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46381
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46381
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46381
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Posted: 28/11/2022 11:06 am Post subject:
รถไฟทางไกล จะเข้าไปใช้เขตทางวิ่งร่วมกับสายสีแดงในปีหน้า หลังจากปีใหม่เดือนมกราคม 2566
.
ส่วนทางรถไฟชั่วคราว หลังจากที่เลิกใช้แล้ว จะรื้อออก เพื่อทำการก่อสร้าง ทางวิ่ง รถไฟความเร็วสูงสายใต้ กรุงเทพฯ - ปาดังเบซาร์ ตั้งแต่ช่วง โรงรถจักรบางซื่อ ยาวไปจนถึง ถนนกาญจนาภิเษก
.
โดยทางรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนบริเวณสถานี บางซ่อน จะมีทางรถไฟทางไกลแยก หนึ่งทาง เพื่อ เปลี่ยนรถลงย่านพหลโยธินได้ทันที โดยไม่ต้องไปถอยรถที่สถานีกลาง
.
แต่จะสามารถ ก่อสร้าง และ ใช้งานได้หลังจากที่รถไฟธรรมดา/รถไฟชานเมือง ของรฟท เลิกใช้ ทางระดับดินช่วงขาเข้าบางซื่อ เพราะจะต้องวางรางตัดขวาง เข้าพหลโยธินต่อไป
Note: เออ ผมว่า ถ้าจำเป็นจริงๆ เตรียมทางสามและทางสี่ช่วงบางซื่อ ไปกาญจนาภิเษกชดเชยทางเก่าและสะพานพระรามหก เดิมที่ ต้องรื้อย้ายออกไปเพื่อทำทางรถไฟความไวสูงสายใต้นะครับ
https://www.facebook.com/groups/164027930945387/posts/1074836989864472/
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46381
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 29/11/2022 5:49 am Post subject:
'มาสเตอร์แพลน' คืบ 80% ปี 66 ลุยอู่ตะเภา-เมืองการบิน
กรุงเทพธุรกิจ By วรรณิกา จิตตินรากร28 พ.ย. 2565 เวลา 6:56 น.
UTA มั่นใจปีหน้าลุยตอกเสาเข็มก่อสร้างท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เผยมาสเตอร์แพลนคืบหน้ากว่า 80% ดันระยะแรกเพิ่มขีดความสามารถรับผู้โดยสารสูงสุด 15.9 ล้านคนต่อปี ด้านกองทัพเรือเดินหน้าสร้างรันเวย์ 2
โครงการลงทุนขนาดใหญ่ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กำลังมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 2.9 แสนล้านบาท แต่เป็นโครงการที่รัฐได้ผลประโยชน์ด้านการเงินสูงกว่า 3 แสนล้านบาท อีกทั้งยังก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มอีก 1.5 หมื่นตำแหน่งต่อปี นอกจากนี้จะก่อให้เกิดการพัฒนาทักษะ บุคลากรด้านธุรกิจการบินและธุรกิจเชื่อมโยง เพิ่มเทคโนโลยีองค์ความรู้ด้านธุรกิจการบิน โดยเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 50 ปี ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐ
พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยในฐานะตัวแทนบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA โดยระบุว่า ความคืบหน้าของโครงการฯ UTA อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนงานกำหนดไว้ โดยเฉพาะการออกแบบโครงการงานก่อสร้างต่างๆ
ส่วนการเข้าพื้นที่เริ่มก่อสร้างนั้น ขณะนี้ยังต้องรอหนังสืออนุมัติเข้าพื้นที่ (NTP) จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยเอกชนมีความพร้อมในการเข้าพื้นที่และเริ่มงานก่อสร้างแล้ว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่และเริ่มตอกเสาเข็มโครงการได้ภายในปี 2566 เนื่องจากปัจจุบันทราบว่าทางภาครัฐยังอยู่ระหว่างดำเนินการส่วนของทางวิ่งและทางขับที่ 2
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน UTA อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนแม่บท (มาสเตอร์แพลน) การก่อสร้างท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งพบว่ามีความคืบหน้าไปกว่า 70-80% และอยู่ระหว่างการลงรายละเอียดของโครงการในส่วนต่างๆ อาทิ ศูนย์การประชุม ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย ขณะที่ตัวเมืองการบิน การออกแบบขั้นต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเชื่อว่าจะสามารถดำเนินโครงการได้ตามแผนที่กำหนดไว้
'มาสเตอร์แพลน' คืบ 80% ปี 66 ลุยอู่ตะเภา-เมืองการบิน
รายงานข่าวจาก สกพอ.ระบุว่า ปัจจุบันโครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก อยู่ในขั้นตอนที่ทางภาคเอกชนคู่สัญญาเริ่มงานออกแบบรายละเอียดโครงการ รวมทั้งขณะนี้ยังมีการหารือร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับประเด็นที่โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) จะต้องมาเชื่อมต่อภายในอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานอู่ตะเภาด้วย
โครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นโครงการที่ไม่ได้มีปัญหาติดขัดในการส่งมอบพื้นที่ เพราะเป็นพื้นที่ของกองทัพเรือที่สามารถส่งมอบได้เลย แต่ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนของการทำมาสเตอร์แพลน และหารือร่วมกันในรายละเอียดโครงการ รวมไปถึงข้อสรุปของการพัฒนาส่วนของภาครัฐอย่างรันเวย์ 2 ที่เพิ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
สำหรับก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ให้กองทัพเรือดำเนินโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อเพิ่มศักยภาพของสนามบินอู่ตะเภาสามารถรองรับการขึ้น ลง และขับเคลื่อนของอากาศยานได้มากยิ่งขึ้นโดยเป็นไปตามกรอบวงเงินจำนวน 17,768 ล้านบาท ที่ ครม.มีมติไปแล้วเมื่อ 30 ต.ค. 2561 ให้กับกองทัพเรือใช้ในการดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภา
ทั้งนี้ กองทัพเรือได้รับการจัดสรรงบประมาณผูกพันข้ามปี 2562 2567 ในกรอบวงเงิน 1,463 ล้านบาทไปแล้ว ขณะที่แหล่งเงินเพื่อการดำเนินงานการก่อสร้างโครงการส่วนที่เหลือ ครม.ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในกรอบวงเงิน 16,210 ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือ
ซึ่งกองทัพเรือได้รับการจัดสรรงบ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสมทบในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณ เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังตกลงกับแหล่งเงินกู้ ซึ่งวงเงินโครงการดังกล่าวบรรจุอยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2565 และ 2566
โดยโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเพื่อให้สามารถรองรับการขนส่งทางอากาศทั้งการขนส่งผู้โดยสารและ การขนส่งสินค้า มีองค์ประกอบหลัก ได้แก่ ทางวิ่งมาตรฐาน 2 ทางวิ่ง มีความยาว 3,500 เมตร ซึ่งสามารถให้ อากาศยานขึ้นลงทั้ง 2 ทางวิ่งอย่างอิสระต่อกัน และสามารถรองรับเครื่องบินพาณิชย์ได้ทุกขนาด โดยมีหลุมจอด อากาศยานรวมทั้งสิ้น 124 หลุมจอด
ในส่วนของอาคารผู้โดยสาร เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทุกระยะ จะมีขนาดพื้นที่ กว่า 450,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 60 ล้านคนต่อปี ภายในอาคารมีการติดตั้งระบบอำนวย ความสะดวกต่างๆ ที่ทันสมัย เช่น ระบบการ Check-in อัตโนมัติ (Smart Airport) ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automate People Mover, APM) และอาคารหอบังคับการบิน โดยสามารถให้บริการการขึ้นลงของอากาศยานได้สูงสุด 70 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
สำหรับแผนพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก UTA ได้จัดทำแผนการพัฒนาโครงการ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 มีอาคารผู้โดยสารขนาดพื้นที่กว่า 157,000 ตารางเมตร
ระยะที่ 2 อาคารผู้โดยสารมีพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 107,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) และระบบทางเดินเลื่อน
ระยะที่ 3 เป็นการต่อขยายอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมจากระยะที่ 2 กว่า 107,000 ตารางเมตรและ
ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย มีพื้นที่อาคารผู้โดยสารหลังที่สองเพิ่มขึ้นกว่า 82,000 ตารางเมตร
ไม่เพียงพื้นที่อาคารผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ศักยภาพและความทันสมัยของการใช้งานจะส่งเสริมให้เป้าหมายสนามบินแห่งภูมิภาคประสบความสำเร็จตามที่ประเทศไทยตั้งใจไว้
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 43425
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 46381
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group