YTL เสนอสร้างรถไฟไฮสปีดเชื่อม มาเลย์ - สิงคโปร์

Wisarut · Posted: 19/09/2024 9:12 am Post subject:

MyHSR กำลังเลือกเทคโนโลยี ECTS-2 สำหรับรถไฟความเร็วสูง บันดาร์มาลายา ไป จูร่งอิสต์
โดยกะว่าจะให้ Berjaya Rail Sdn Bhd, YTL Construction Sdn Bhd และ China Railway Construction เป็นผู้รับเหมา แต่ก็ขึ้นอยู่กะรัฐบาลว่าจะติดสินใจเลือกใคร แต่กระนั้น รัฐมนนตรีกระทรวง Ministry of Land, Infrastructure และ Transport ของเกาหลีใต้ก็เสนอตัวเกาหลีใต้่จะเสนอตัวทำรถไฟความเร็วสูง โดยจัดเงินกู้ให้ และ วางแผนรการพัฒนาที่ดินรอบสถานีรถไฟความไวสูงให้ด้วย หลังจากที่นักลงทุนจากเกาหลีใต้เช่น Samsung กะ Hyundai เคยช่วยการพัฒนามาเลเซียในยุคปี 1980s - 1990s เช่นตึกเปรโตนัสที่ ได้ Samsung C&T Corporation ทำงานร่วมกับผู้รับเหมามาเลเซียเช่น Ekovest Bhd และ Tan Sri Lim Kang Hoo นอกจากนี้ Hyundai ROTEM เคยผลิตรถไฟฟ้าให้ KTMB ทำรถไฟKL Kommuter ด้วย
นอกจากนี้ เกาหลีใต้กำลังทำรถไฟความเร็วสูง ขนาด 370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ใช้ Fuel Cell เพื่อใช้กรณีที่ผ่านเส้นทางที่ไม่เดินรถบ่อยขนาด 40 คู่ต่อวัน ที่กะว่าจะทำสำเร็จปี 2028
https://www.malaymail.com/news/malaysia/2024/09/12/selection-for-kl-singapore-hsr-technology-provider-still-open-says-myhsr-corp-ceo/150185

Mongwin · Posted: 20/09/2024 5:02 pm Post subject:

กษัตริย์มาเลเซียจะขอการสนับสนุนทางการเงินจากจีนสำหรับโครงการรถไฟเชื่อมสิงคโปร์

ในระหว่างการเยือนจีนอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ สุลต่านอิบราฮิม อิสกันดาร์ จะขอการสนับสนุนทางการเงินจากจีนสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างกัวลาลัมเปอร์และสิงคโปร์

โดย Sebastian Strangio
20 กันยายน 2567

รายงานจาก Bloomberg วันนี้ระบุว่า กษัตริย์มาเลเซียวางแผนที่จะขอเงินทุนจากนักลงทุนจีนเพื่อฟื้นฟูโครงการรถไฟความเร็วสูงที่หยุดชะงักซึ่งจะเชื่อมประเทศกับสิงคโปร์เพื่อนบ้าน

โดยอ้างอิงจาก "แหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้" หลายราย หนังสือพิมพ์รายงานว่า สุลต่านอิบราฮิม อิสกันดาร์ ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หมุนเวียนของมาเลเซียในเดือนมกราคม กำลังมองหาบริษัทของรัฐจีนเพื่อลงทุนในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระยะทาง 350 กิโลเมตร ซึ่งจะเชื่อมกัวลาลัมเปอร์และสิงคโปร์ ตามแหล่งข่าวที่ Bloomberg อ้างถึง คณะผู้แทนของกษัตริย์รวมถึงตัวแทนจาก YTL Corp. ซึ่งเป็นบริษัทมาเลเซียที่ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เป็นหนึ่งในสามบริษัทท้องถิ่นที่จะเข้าประมูลโครงการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์นี้

อิบราฮิม สุลต่านแห่งยะโฮร์ เดินทางมาถึงปักกิ่งเมื่อวานนี้สำหรับการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลาสี่วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกโดยกษัตริย์มาเลเซียนับตั้งแต่ปี 2557 ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ อิสกันดาร์จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ และจะเข้าร่วมในพิธีฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

แถลงการณ์ระบุว่า การเยือนของกษัตริย์เป็นสัญลักษณ์ของ "ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งระหว่างมาเลเซียและจีน" และเป็น "โอกาสอันดีสำหรับทั้งสองฝ่ายในการยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันในการรับรองว่าความสัมพันธ์มาเลเซีย-จีนจะยังคงมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล มีพลวัต และเจริญรุ่งเรือง"

แถลงการณ์เพิ่มเติมว่า กษัตริย์จะมีคณะติดตามประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและที่อยู่อาศัยของมาเลเซีย รวมทั้ง "เจ้าหน้าที่อาวุโสจากอิสตานา เนการาและกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" รายงานสื่ออื่น ๆ เช่น รายงานนี้โดย Reuters ระบุว่ากษัตริย์จะ "น่าจะขอการสนับสนุนสำหรับโครงการเพิ่มการเชื่อมต่อกับสิงคโปร์เพื่อนบ้าน"

โครงการรถไฟความเร็วสูงมาเลเซีย-สิงคโปร์ได้รับการประกาศครั้งแรกในปี 2556 แต่ถูกเลื่อนออกไปในปี 2561 โดยอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด หลังจากที่เขาขึ้นสู่อำนาจโดยสัญญาว่าจะทบทวนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของจีน โครงการนี้ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดเวลาเดินทางระหว่างสองเมืองให้เหลือ 90 นาทีจากมากกว่า 4 ชั่วโมงทางถนน ถูกยกเลิกในที่สุดในปี 2564 เนื่องจากความขัดแย้งและข้อจำกัดด้านเงินทุนในฝั่งมาเลเซีย

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2565 นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แสดงความสนใจบางส่วนในการฟื้นฟูโครงการ หากสามารถลดต้นทุนลงได้อย่างมากหรือหากต้นทุนของโครงการไม่ได้มาจากเงินภาษีของประชาชน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่าเขาพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับโครงการรถไฟด้วย ต้นทุนของโครงการได้รับการประเมินไว้ที่ประมาณ 17 ถึง 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อิบราฮิมเพิ่งปรากฏตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการรถไฟ - ซึ่งอาจไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากยะโฮร์ตั้งอยู่ติดกับสิงคโปร์และน่าจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศ ในการให้สัมภาษณ์กับ Shannon Teoh แห่ง Straits Times ในเดือนธันวาคม เพียงกว่าหนึ่งเดือนก่อนขึ้นครองราชย์ อันวาร์แสดงการสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อโครงการรถไฟ ซึ่งเขากล่าวว่าควร "จัดแนวให้การข้ามพรมแดนเป็นผ่าน Forest City" ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในยะโฮร์ที่กำลังพัฒนาโดย Country Garden ของจีนและบริษัทเอกชนมาเลเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากสุลต่าน

นับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในปี 2557 โครงการ Forest City มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างเกาะเทียม 4 เกาะในช่องแคบยะโฮร์ ได้หยุดชะงักลง ส่วนใหญ่เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน และปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงที่ Country Garden กำลังเผชิญ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน โครงการนี้ตอนนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะเสร็จสมบูรณ์ รัฐบาลของอันวาร์ได้ประกาศการสร้างเขตการเงินพิเศษ (SFZ) ใน Forest City ซึ่งจะเสนอสิ่งจูงใจทางภาษีหลายอย่างเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ การมีรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ Forest City และเขตเศรษฐกิจพิเศษ Iskandar Malaysia โดยรอบกลายเป็น "เซินเจิ้นแห่งต่อไป"

เนื่องจากบริษัท China Communications Construction Company Ltd. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนกำลังพัฒนาโครงการรถไฟ East Coast Rail Link (ECRL) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่จะเชื่อมต่อชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของคาบสมุทรมลายูอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประเทศมาเลเซียอาจแสวงหาความร่วมมือจากปักกิ่งในโครงการเชื่อมต่อสิงคโปร์ ในระหว่างการเยือนมาเลเซียในเดือนมิถุนายน ซึ่งนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการก่อสร้างส่วนหนึ่งของ ECRL นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง กล่าวว่าจีนยินดีที่จะช่วยมาเลเซียพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ทั้งสองฝ่ายคาดว่า ECRL จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2026

แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างจีนและมาเลเซียในทะเลจีนใต้ หลังจากที่มีการเผยแพร่บันทึกทางการทูตของจีนที่รั่วไหลออกมา ซึ่งสั่งให้กัวลาลัมเปอร์ยุติกิจกรรมการสำรวจในน่านน้ำที่ปักกิ่งอ้างสิทธิ์ มีรายงานว่าบันทึกดังกล่าวถูกส่งไปเพียงสองสัปดาห์ก่อนที่อันวาร์จะกล่าวว่ารัฐบาลของเขา "ไม่มีปัญหากับจีน" และบ่นเกี่ยวกับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่มีต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้าข้างในการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์กับจีน ต่อมาอันวาร์ประกาศว่ามาเลเซียจะไม่หยุดการสำรวจน้ำมันและก๊าซภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของตน

https://thediplomat.com/2024/09/malaysian-king-to-seek-chinese-funding-for-singapore-rail-link/

Wisarut · Posted: 23/09/2024 11:27 am Post subject:

Mongwin · Posted: 21/11/2024 9:03 am Post subject:

การตัดสินใจเรื่องรถไฟความเร็วสูงยังคงค้างอยู่ เนื่องจากโครงการที่มีอยู่เป็น 'สิ่งสำคัญอันดับแรก': รัฐมนตรีมาเลเซีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง II อามีร์ ฮัมซะห์ อาซิซัน กล่าวว่า จุดสนใจในปัจจุบันของมาเลเซียคือการดำเนินโครงการเชื่อมโยงการคมนาคมที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จและพัฒนาต่อไป

ลู เหว่ย ฮง และ ซูไนรา ซาอีด

อัปเดต 20 พ.ย. 2567, 23:49 น.

กัวลาลัมเปอร์ – คณะรัฐมนตรีของมาเลเซียยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการรื้อฟื้นโครงการรถไฟความเร็วสูง (HSR) กัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์ เนื่องจากรัฐบาลมุ่งเน้นไปที่การดำเนินโครงการเชื่อมโยงการคมนาคมที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน Datuk Seri Amir กล่าวกับ The Straits Times ในการให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมผู้นำมาเลเซีย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 11 ที่กำหนดไว้ในช่วงปลายปี 2567

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของมาเลเซีย แอนโทนี โลก กล่าวว่า การเจรจากับสิงคโปร์ในโครงการ HSR สามารถเริ่มต้นได้ ancak หลังจากที่คณะรัฐมนตรีตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการมูลค่า 100 พันล้านริงกิต (30 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์) ภายในสิ้นไตรมาสที่สี่

แต่เมื่อเหลือเวลาอีก 6 สัปดาห์จะสิ้นปี รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ในระดับสูงสุด

โครงการ HSR ถูกยกเลิกในปี 2564 หลังจากที่ทั้งสองประเทศไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เสนอโดยมาเลเซีย

รัฐบาลของ Datuk Seri Anwar ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2565 ได้แสดงความเปิดกว้างต่อการรื้อฟื้นโครงการ 350 กม. โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับทุนสนับสนุนจากภาคเอกชนอย่างเต็มที่โดยไม่เกี่ยวข้องกับเงินทุนหรือการค้ำประกันของรัฐบาล

ในเดือนกรกฎาคม 2567 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ ชี ฮง ตั๊ต บอกกับรัฐสภาว่า สาธารณรัฐยังไม่ได้รับข้อเสนอใหม่ใดๆ จากมาเลเซียสำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองกับกัวลาลัมเปอร์ แต่ยินดีที่จะหารือกัน "ด้วยความจริงใจ โดยเริ่มจากศูนย์"

นายอามีร์ บอกกับ ST เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า จุดสนใจในปัจจุบันของมาเลเซียคือการดำเนินโครงการเชื่อมโยงการคมนาคมที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จและพัฒนาต่อไป เช่น โครงการรถไฟรางคู่ไฟฟ้า Gemas-Johor Bahru (Gemas-JB EDTP) และ East Coast Rail Link (ECRL)

“สิ่งสำคัญอันดับแรกต้องเป็นสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน... จุดสนใจควรอยู่ที่การตระหนักถึงคุณค่าจาก Gemas-JB EDTP และ ECRL นี่คือสิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสนใจ” เขากล่าว

Gemas-JB EDTP มูลค่า 9.5 พันล้านริงกิต ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2568 จะช่วยลดเวลาในการเดินทางจากยะโฮร์บาห์รูไปยังกัวลาลัมเปอร์เหลือ 4 ชั่วโมงครึ่ง จากเดิมประมาณ 7 ชั่วโมงโดยรถไฟดีเซล

ในขณะเดียวกัน การก่อสร้างโครงการ ECRL เกือบสามในสี่ telah เสร็จสมบูรณ์ ณ เดือนตุลาคม 2567 ระยะแรกของ ECRL ซึ่งจะเชื่อมต่อ Gombak รัฐ Selangor กับ Kota Bahru รัฐ Kelantan จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางของผู้โดยสารจาก Kota Bahru รัฐ Kelantan ไปยัง Gombak รัฐ Selangor จาก 7 ชั่วโมงโดยทางรถยนต์เหลือ 4 ชั่วโมงโดยรถไฟ

ECRL มูลค่า 50 พันล้านริงกิต ซึ่งมีความยาว 665 กม. เกิดขึ้นภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative ของปักกิ่ง จะเชื่อมโยงชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของคาบสมุทรมลายูภายในสิ้นปี 2569 คาดว่าจะช่วยลดเวลาในการขนส่งจากจีนผ่านมาเลเซียไปยังยุโรปได้ 30 ชั่วโมง

ในการเยือนกัวลาลัมเปอร์เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง กล่าวว่า ECRL อาจเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่เชื่อมโยงมาเลเซียกับทางรถไฟแพนเอเชียผ่านไปยังคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนานของจีน

นอกเหนือจากการมุ่งเน้นไปที่การดำเนินโครงการเชื่อมโยงการคมนาคมที่กำลังดำเนินอยู่ให้แล้วเสร็จแล้ว รัฐบาลยังต้องการจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่ไม่ยิ่งใหญ่อลังการ เช่น การขนส่งสาธารณะ และการพาผู้คนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในการเดินทางประจำวันของพวกเขา

มีการจัดสรรเงินประมาณ 750 ล้านริงกิตสำหรับภาคการขนส่งสาธารณะภายใต้งบประมาณปี 2568 ของมาเลเซีย ซึ่งรวมถึงการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 895 คันสำหรับบริการ Zubur ในเขตเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์

“สิ่งสำคัญอันดับแรกของกระทรวงคมนาคม (ในงบประมาณปี 2568) คือการทำให้การขนส่งสาธารณะมีประสิทธิภาพมากขึ้น... ยิ่งบริการ Zubur และบริการเชื่อมต่อปลายทางมีความน่าเชื่อถือมากเท่าใด ประชาชนก็มีแนวโน้มที่จะใช้บริการมากขึ้นเท่านั้น” นายอามีร์ กล่าว

กระทรวงเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าบริการรถโดยสารและรถไฟครอบคลุมพื้นที่ Klang Valley เพียง 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยานพาหนะส่วนตัวเป็นรูปแบบการคมนาคมหลัก

เนื่องจากรัฐบาลมีแผนที่จะยกเลิกเงินอุดหนุนน้ำมันเบนซิน RON95 ภายในกลางปี 2568 เพื่อประหยัดเงิน 8 พันล้านริงกิตต่อปี การปรับปรุงการเชื่อมต่อการขนส่งสาธารณะจะกระตุ้นให้ผู้คนใช้รถโดยสารและรถไฟมากขึ้น และบรรเทาความเจ็บปวดจากราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ การดำเนินการตามค่าจ้างแบบก้าวหน้า รวมถึงค่าจ้างที่สูงขึ้นสำหรับภาคเอกชนและภาครัฐ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศ นายอามีร์ กล่าว

มาเลเซียตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราส่วนค่าตอบแทนของลูกจ้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจาก 33.1 เปอร์เซ็นต์ในปี 2566 เป็น 45 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2576 ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สิ่งนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างหลักประกันคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชน

ความคิดริเริ่มทั้งหมดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของนายอามีร์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเปิดใช้งานสิ่งที่เขาเรียกว่า "เครื่องยนต์คู่" ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ การลงทุนโดยตรงภายในประเทศและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

“บริษัทลงทุนที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลกำลังก้าวขึ้นมาลงทุนในมาเลเซียอย่างมีประสิทธิภาพ (โดยใส่เงิน) 150 พันล้านริงกิตในอีก 5 ปีข้างหน้า... FDI แข็งแกร่งมาก เรามีมูลค่า 330 พันล้านริงกิตเมื่อปีที่แล้ว และเราดึงดูดเงินได้ 160 พันล้านริงกิตในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน” เขากล่าวเสริม

นายอามีร์ คาดว่าความคิดริเริ่มเหล่านี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าโครงการขนาดใหญ่

“สิ่งเหล่านี้ (การปฏิรูปเศรษฐกิจและการคลัง) จะช่วยเพิ่มการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า เราจำเป็นต้องมีโครงการขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือไม่? หากการปฏิรูปได้ผลดีก็จะก่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป” เขากล่าวเสริม

https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/hsr-decision-still-pending-as-existing-projects-are-a-priority-malaysias-minister