Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311903
ทั่วไป:13575387
ทั้งหมด:13887290
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - นำเข้ารถดีเซลราง Kiha 40 Kiha 48 จำนวน 20 คัน
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

นำเข้ารถดีเซลราง Kiha 40 Kiha 48 จำนวน 20 คัน
Goto page Previous  1, 2, 3, 4
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถจักร, รถดีเซลราง และรถพ่วงต่างๆ ของไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 07/06/2024 6:25 am    Post subject: Reply with quote

Follow Mee Ep. 147 Kiha 40/48 welcome to the new home จากญี่ปุ่นสู่ไทย
Follow Mee
Jun 6, 2024 LAEM CHABANG RAILWAY STATION


https://www.youtube.com/watch?v=zxXYMgSVOv8

เกิดและโตที่ญี่ปุ่น หลังจากรับใช้ชาวญี่ปุ่น กับ บริษัทรถไฟ JR East มาอย่างยาวนาน ถึงเวลาปลดประจำการ เพราะมีรถขบวนใหม่ใช่แบตเตอรี่มาแทนที่

KiHa40/48 จำนวน 20 คัน ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย แบบให้เปล่า (เราจ่ายค่าขนย้ายประมาณ 48.6 ล้านบาท) รอวันมาโลดแล่นบนรางประเทศไทย

ขณะนี้รถทั้งหมดเดินทางมาถึงบ้านใหม่ และรอการปรับปรุงก่อนนำออกให้บริการ

Ep.นี้ พี่หมีพาชมน้องๆทั้งฝูง 20 คัน ณ สถานีรถไฟแหลมฉบัง


Born and raised in Japan, after long serving the Japanese people and JR East Railway Company, it's time for their retirement, as new battery-powered trains are set to replace them.

A total of 20 KiHa40/48 trains have been donated to Thailand (we paid around 48.6 million baht for the transportation costs) and are awaiting their turn to run on Thai tracks.

Currently, all the trains have arrived at their new home and are awaiting refurbishment before being put into service.

In this episode, P' Mee takes you to see all 20 trains at Laem Chabang railway station.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 12/06/2024 3:48 pm    Post subject: Reply with quote

Siam Pattana Maritime ขนส่งรถไฟจากญี่ปุ่นสู่แหลมฉบังให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย
โดย Kittipat Sakulborirak -June 12, 2024

Siam Pattana Maritime ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการขนส่งรถไฟจากญี่ปุ่นสู่ท่าเรือแหลมฉบังให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (State Railway of Thailand: SRT) ตอกย้ำศักยภาพและความเชี่ยวชาญชาญเฉพาะทางในการดำเนินการขนส่งสินค้าโครงการขนาดใหญ่ด้วยโซลูชันการขนส่งสินค้าครบวงจรระดับมืออาชีพ

บริษัท Siam Pattana Maritime (SPM) บริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าชั้นนำของประเทศไทย ในเครือของบริษัท Siam ECL ปฏิบัติการขนส่งรถไฟของบริษัท JR East จำนวนทั้งสิ้น 20 คัน จากญี่ปุ่นมายังท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา

โดยการปฏิบัติการขนส่งสินค้าโครงการที่มีความจำเพาะเจาะจงให้แก่หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจไม่เพียงต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่บริษัทผู้ให้บริการยังต้องมีศักยภาพในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าภายใต้ระบบการจัดการที่รัดกุม ขณะเดียวกันยังต้องอาศัยความยืดหยุ่นสูง เพื่อตอบรับกับความท้าทายในรูปแบบต่างๆ และทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว ราบรื่น และตรงต่อเวลา ความสำเร็จในการปฏิบัติการขนส่งรถไฟชุดดังกล่าวจึงถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของ Siam Pattana Maritime ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการให้บริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี

นิตยสาร LM ฉบับนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับ Mr. Toru Fukada กรรมการผู้จัดการ, คุณธนิต หาญเบญจพงศ์ กรรมการบริษัท และคุณกชกร สำเภาโภค ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท Siam Pattana Maritime และ Siam ECL เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องหลังของการปฏิบัติการขนส่งรถไฟจากญี่ปุ่นสู่ท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงแนวทางการวางแผนและการดำเนินการ เพื่อเอาชนะความท้าทายในการปฏิบัติการ ที่ส่งผลให้ Siam Pattana Maritime สามารถดำเนินการโครงการดังกล่าวได้ด้วยความสำเร็จ

Experience and Expertise

โครงการขนส่งรถไฟจากญี่ปุ่นสู่แหลมฉบังเริ่มต้นจากการที่ Siam Pattana Maritime ชนะการประมูลการขนส่งสินค้าโครงการใหญ่ที่มีมูลค่าสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย ผ่านคู่ค้าที่สำคัญอย่างบริษัท ISS Global Forwarding (Thailand) ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับเกียรติเป็นผู้ปฏิบัติการขนส่งรถไฟชุดนี้มายังประเทศไทย ซึ่งสินค้าทั้งหมดเป็นรถไฟที่บริษัท JR East ของญี่ปุ่นได้ปลดระวางและส่งมอบให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งรถไฟชุดนี้หลังจากที่ได้รับการขนส่งมายังประเทศไทยแล้ว ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจะนำไปปรับปรุงและนำไปปฏิบัติการในเส้นทางกรุงเทพ-อยุธยา โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงได้ภายในปี 2024 นี้

คุณธนิต อธิบายว่า “Siam Pattana Maritime มีประสบการณ์ในการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศมาเป็นเวลาหลายปี ครอบคลุมบริการขนส่งสินค้าทั่วโลกด้วยเรือขนส่งสินค้าอเนกประสงค์ เรือขนส่งสินค้าประเภทโปรเจค และเรือขนส่งสินค้าวางกอง การชนะการประมูลครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่พร้อมส่งมอบบริการขนส่งสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าโครงการ สินค้าขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ซึ่งเป็นการปฏิบัติการขนส่งที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและประสบการณ์สูง”

“การชนะการประมูลครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่พร้อมส่งมอบบริการขนส่งสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าโครงการ สินค้าขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ซึ่งเป็นการปฏิบัติการขนส่งที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและประสบการณ์สูง”

– คุณธนิต หาญเบญจพงศ์ กรรมการ บริษัท Siam Pattana Maritime และ Siam ECL –
คุณกชกร กล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ Siam Pattana Maritime ในการให้บริการขนส่งสินค้าในเส้นทางจากญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย มายังประเทศไทยแล้ว การขนส่งและนำเข้าสินค้าโครงการของหน่วยงานรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ยังจำเป็นต้องใช้เรือขนส่งสินค้าสัญชาติไทยในการปฏิบัติการ ซึ่งทางบริษัทฯ ของเรามีความพร้อม เนื่องจาก Siam Pattana Maritime มีเรือขนส่งสินค้าสัญชาติไทยที่มีประสิทธิภาพการรองรับสูง ด้วยเหตุนี้ Siam Pattana Maritime ซึ่งมีทั้งความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้า พร้อมด้วยเรือขนส่งสินค้าสัญชาติไทยที่พร้อมให้บริการ จึงประสบความสำเร็จในการชนะการประมูลดังกล่าว”

Mr. Fukada กล่าวเสริมว่า “Siam Pattana Maritime มีประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าในรูปแบบเดียวกันมาก่อน บริษัทของเราได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ขนส่งสินค้าโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานราชการมาแล้วหลายโครงการ อาทิ การขนส่งรถไฟฟ้าสายสีแดงเมื่อปี 2019 รางรถไฟคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ท่อนำส่งก๊าซของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่และอุปกรณ์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกังหันลมขนาดใหญ่จำนวนมาก เป็นต้น”

Operations and Partnerships

หลังจากประสบความสำเร็จในการประมูล Siam Pattana Maritime ได้เริ่มวางแผนดำเนินการขนส่งรถไฟรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จำนวนทั้งสิ้น 20 คัน จากท่าเรือ Niigata ประเทศญี่ปุ่น มายังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและการปฏิบัติการด้วยความเป็นมืออาชีพของทีมงาน รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้ Siam Pattana Maritime ปฏิบัติการขนส่งสินค้าโครงการที่มีความท้าทายสูงได้อย่างราบรื่น

คุณธนิต กล่าวว่า “เนื่องจากการขนส่งสินค้าในครั้งนี้มีสินค้าเป็นรถไฟซึ่งมีท้าทายอยู่ที่ขนาด ความยาว และนำหนัก ดังนั้น การมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและประสบการณ์ในการขนส่งจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนของการวางแผนดำเนินการ การจัดหาเรือ การวางแผนยกขนสินค้า การจัดหาและจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษที่เหมาะสม การลำเลียงสินค้า รวมไปถึงขั้นตอนการการจัดวางสินค้าบนเรือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสินค้าและการปฏิบัติการโดยรวมทุกขั้นตอน ทีมงานผู้ปฏิบัติการในแต่ละส่วนจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถสูง เข้าใจถึงข้อจำกัดและความท้าทายต่างๆ สามารถจัดการวางแผนและเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพื่อสนับสนุนให้การปฏิบัติการขนส่งสินค้าในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด”

นอกจากนี้ คุณกชกรยังได้อธิบายเกี่ยวกับการวางแผนขน่สงสินค้าและความสำคัญของการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งว่า “Siam Pattana Maritime คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลักในการจัดหาเรือให้ตรงกับช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ โดยการขนส่งสินค้าครั้งนี้เราปฏิบัติการโดยใช้เรือสัญชาติไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากบริษัท Jutha Marine ในการนำเรือ Jutha Malee มาปฏิบัติการแทนเรือ SPM Bangkok ทั้งหมดนี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางและแข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินการขนส่งสินค้าแต่ละครั้งเป็นไปอย่างราบรื่น”

“SIAM PATTANA MARITIME คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลักในการจัดหาเรือให้ตรงกับช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ โดยการขนส่งสินค้าครั้งนี้เราปฏิบัติการโดยใช้เรือสัญชาติไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากบริษัท JUTHA MARINE ในการนำเรือ JUTHA MALEE มาปฏิบัติการแทนเรือ SPM BANGKOK ทั้งหมดนี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางและแข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินการขนส่งสินค้าแต่ละครั้งเป็นไปอย่างราบรื่น”

– คุณกชกร สำเภาโภค ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท Siam Pattana Maritime และ Siam ECL –
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่างบริษัท EASTERN CAR LINER ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ให้การขนส่งในครั้งนี้สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น โดย Mr. Fukada ได้กล่าวเสริมว่า “บริษัท EASTERN CAR LINER (ECL) เป็นบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Siam Pattana Maritime และ Siam ECL มาอย่างยาวนาน ทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัท Siam Pattana Maritime มีมาตรฐานการปฏิบัติการสูงเช่นเดียวกับบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางทะเลมาอย่างยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังมีพันธมิตรที่เป็นบริษัทสาขาและตัวแทนในอีกหลายประเทศ ที่คอยให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเชิงลึกในตลาดท้องถิ่นในแต่ละประเทศ รวมไปถึงการดำเนินการต่างๆ ของ Siam Pattana Maritime เพื่อให้มั่นใจว่า การขนส่งสินค้าทุกชิปเมนท์จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นทุกครั้ง”


“SIAM PATTANA MARITIME มีพันธมิตรที่เป็นบริษัทสาขาและตัวแทนในอีกหลายประเทศ ที่คอยให้การสนับสนุนด้านข้อมูลเชิงลึกในตลาดท้องถิ่นในแต่ละประเทศ รวมไปถึงการดำเนินการต่างๆ ของ SIAM PATTANA MARITIME เพื่อให้มั่นใจว่า การขนส่งสินค้าทุกชิปเมนท์จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นทุกครั้ง”

– Mr. Toru Fukada กรรมการผู้จัดการ Siam Pattana Maritime และ Siam ECL –
Enhancing Capabilities

ความสำเร็จในการปฏิบัติการขนส่งรถไฟจากญี่ปุ่นมายังท่าเรือแหลมฉบังถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของ Siam Pattana Maritime ในการส่งมอบบริการขนส่งสินค้าที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ อย่างไรก็ตาม Siam Pattana Maritime ยังคงไม่หยุดยั้งที่จะเดินหน้าส่งมอบบริการอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ด้วยศักยภาพของบริษัทที่พร้อมรองรับบริการในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขีดความสามารถด้านกองเรือที่พร้อมจะส่งมอบบริการขนส่งสินค้าที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

คุณธนิต กล่าวว่า “บริษัทฯ ในเครือของ Siam ECL มีกองเรือขนส่งสินค้าที่พร้อมให้บริการราว 40 ลำ โดยเรือที่ให้บริการหลักประกอบด้วย เรือขนส่งสินค้าเอนกประสงค์แบบดั้งเดิม เรือขนส่งสินค้าเทกอง และเรือขนส่งสินค้ายานยนต์ (RO/RO) ซึ่งให้บริการในเอเชีย อินเดีย อเมริกา แคนาดา และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ Siam Pattana Maritime ยังวางแผนที่จะสั่งซื้อเรือขนส่งสินค้าเพื่อสนับสนุนกองเรือขนส่งสินค้าสัญชาติไทยของบริษัทเพิ่มเติมอีกหนึ่งลำภายในปี 2025 ภายใต้แผนการขยายกองเรือขนส่งสินค้าสัญชาติไทยให้มีจำนวนทั้งสิ้นสามลำ เพื่อยกระดับศักยภาพกองเรือไทยที่กำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน ขณะเดียวกันบริษัทพันธมิตรของเราในญี่ปุ่นก็ได้มีการสั่งซื้อเรือเพิ่มอีกสี่ลำในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของ Siam ECL ให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย”

ความสำเร็จในการปฏิบัติการขนส่งรถไฟจากญี่ปุ่นสู่ท่าเรือแหลมฉบังซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของการรถไฟแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ รวมไปถึงศักยภาพการปฏิบัติการ ความเพียบพร้อมของกองเรือขนส่งสินค้า และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งของบริษัท Siam Pattana Maritime ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าชั้นนำได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าวางแผนขยายขอบข่ายการให้บริการ เตรียมยกระดับขีดความสามารถในการรองรับ ผ่านการวางแผนเพิ่มเรือขนส่งสินค้าในปฏิบัติการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนตอกย้ำให้เห็นว่า Siam Pattana Maritime เป็นบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าสัญชาติไทยที่พร้อมพัฒนาและขยายศักยภาพของตนอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการขนส่งสินค้าของลูกค้าในทุกรูปแบบ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/06/2024 5:51 am    Post subject: Reply with quote

แยกร่าง”Kiha40/48”20คันส่งโบกี้ปรับล้อ1เมตรปรับโฉมใหม่เป็นรถชั้น3แอร์ให้บริการปลายปีนี้
Source - เดลินิวส์
Wednesday, June 26, 2024 05:19

ผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว

ลุยปรับล้อก่อนแปลงโฉม

"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า ขณะนี้ขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่น Kiha 40 จำนวน 11 คัน และ Kiha 48 จำนวน 9 คัน รวม 20 คัน ที่ JR East (East Japan Railway Company) บริษัทรถไฟในญี่ปุ่น มอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ผ่านกระบวนการพิธีการศุลกากรเรียบร้อยแล้ว ภายหลังขนย้ายมาทางเรือจากท่าเรือนีงาตะ (Niigata) ประเทศญี่ปุ่น ถึงท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้รับจ้างอยู่ระหว่างเตรียมแยกชิ้นส่วนของตู้รถไฟ (บอดี้) และชุดแคร่ล้อรับน้ำหนักตู้รถไฟ(โบกี้) ออกจากกัน เพื่อขนย้ายโบกี้มาปรับขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อจาก 1.067 เมตรเป็น 1.00 เมตร ที่โรงงานมักกะสัน

เมื่อปรับขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อแล้วเสร็จ จะนำโบกี้กลับมาประกอบเข้ากับตู้รถไฟ(บอดี้) ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง ก่อนนำกลับมายังโรงงานมักกะสันทางรางรถไฟ และเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงขบวนรถต่อไป จะทยอยดำเนินการคาดว่าคันแรกจะแล้วเสร็จ และนำมาให้บริการประชาชนได้ประมาณปลายปี 67 เบื้องต้นมีแผนจะนำมาให้บริการเป็นรถโดยสาร ปรับอากาศชั้น 3 ในเส้นทางระยะใกล้ อาทิ จ.พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา และนครปฐม เข้ามายังกรุงเทพฯ รวมทั้งอาจจะนำมาใช้เป็นขบวนเสริม (Feeder) วิ่งเส้นทางประจำในชั่วโมง เร่งด่วน และนอกเวลาเร่งด่วนได้ ช่วยเสริมขบวนรถโดยสาร ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ในระหว่างที่ยังไม่ได้จัดหารถใหม่

สำหรับรถดีเซลราง Kiha 40 และ Kiha 48 ทาง JR East ปลดระวางเมื่อต้นปี 66 รถยังมีสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ไม่โทรมมากเหมือนกับ Kiha 183 ที่ต้องนำมาปรับปรุงค่อนข้างมาก โดยรถดีเซลราง Kiha 40 และ Kiha 48 มีอายุการใช้งานมาแล้วประมาณ 40 ปี ใช้งานได้อีก 10-15 ปี หากซ่อมบำรุง ครบตามวาระ Kiha 40 มีห้องขับ 2 ห้อง (Double cab) และ Kiha 48 มีห้องขับเดียว (Single cab) มีความสะดวกต่อการใช้งานมาก โดยเฉพาะรถดีเซลราง Kiha 40 สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบคันเดียวได้เลย เพราะมีห้องขับ ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย ทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 95 กิโลเมตร(กม.)ต่อชั่วโมง(ชม.) ทั้งนี้รถ 2 รุ่นเป็นรถแอร์ ติดตั้งระบบปรับอากาศ ขนาด 30,000 Kcal หรือ 119,100 BTU ถือว่ามีความเย็นเพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อนำมาใช้ในประเทศไทย

รถดีเซลราง Kiha 40 มี 68 ที่นั่ง และ Kiha 48 มี 82 ที่นั่ง ไม่รวมผู้โดยสารที่ต้องยืน แต่ละที่นั่งเป็นเบาะหลังตรง ไม่สามารถปรับเอนได้เหมือนกับ Kiha 183 ที่ รฟท. รับมอบมาก่อนหน้านี้ โดยที่นั่งบนรถ Kiha 40 และ Kiha 48 มีทั้งแบบนั่งตรงข้ามกัน (Cross seat) และแบบม้านั่งยาว (Long Seat) ส่วนห้องสุขา เป็นระบบปิด (ไม่ปล่อยลงพื้น) แบบนั่งยอง ซึ่งเป็นโจทย์ที่ รฟท. ต้องมาปรับเปลี่ยนแก้ไขตามกระแสโลกที่เปลี่ยนไปต่อไป

สำหรับกระบวนการขนย้ายขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 รวม 20 คัน จากประเทศญี่ปุ่น ทาง รฟท. ได้ว่าจ้างบริษัท กรีน เจเนอเรชั่น เวิลด์ไวด์ จำกัด วงเงิน 48.6 ล้านบาท ตามร่างขอบเขตงาน (TOT) ผู้รับจ้างต้องขนส่งรถดีเซลรางปรับอากาศ 20 คันจากท่าเรือแหลมฉบัง และส่งมอบให้ รฟท. ณ สถานีรถไฟแหลมฉบังภายใน 90 วันนับถัดจากวันที่ขนส่งรถดีเซลรางปรับอากาศ 20 คัน จากท่าเรือนีงาตะ มายังท่าเรือแหลมฉบัง หรือประมาณสิ้นเดือน ส.ค. 67.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 มิ.ย. 2567


Separating Japanese Kiha 40/48 Trains

Source - Daily News
Wednesday, June 26, 2024, 05:19

Cleared Customs
Wheel Adjustment Before Transformation

The "Daily News Transport Innovation Team" reports that 20 air-conditioned diesel railcars—11 Kiha 40 cars and 9 Kiha 48 cars—donated by JR East (East Japan Railway Company) to the State Railway of Thailand (SRT) have cleared customs. After being shipped from Niigata Port, Japan, they arrived at Laem Chabang Port, Chonburi, Thailand, on June 2. The contractor is currently preparing to separate the train bodies from the bogies for transporting the bogies to the Makkasan factory to adjust the wheelbase from 1.067 meters to 1.00 meters.

Once the wheelbase adjustment is complete, the bogies will be reassembled with the train bodies at Laem Chabang Station and then transported back to the Makkasan factory via rail for further refurbishment. The first refurbished train is expected to be ready for public service by the end of 2024. Initially, these trains will be used as air-conditioned third-class passenger trains on short routes such as Ayutthaya, Chachoengsao, and Nakhon Pathom to Bangkok. They may also serve as feeder trains during peak and off-peak hours, supplementing the current passenger train services until new trains are procured.

The Kiha 40 and Kiha 48 diesel railcars were decommissioned by JR East in early 2023. These trains are still in good condition, unlike the Kiha 183 trains that required significant refurbishment. The Kiha 40 and Kiha 48 trains have been in service for about 40 years and can be used for another 10-15 years with proper maintenance. The Kiha 40 has two driving cabs (double cab), while the Kiha 48 has a single driving cab. The Kiha 40 can be operated as a single unit because it has driving cabs at both ends. These trains can reach a maximum speed of approximately 95 kilometers per hour. Both models are air-conditioned with a capacity of 30,000 Kcal or 119,100 BTU, sufficient for use in Thailand.

The Kiha 40 has 68 seats, and the Kiha 48 has 82 seats, excluding standing passengers. The seats are non-reclining straight-back seats, unlike the Kiha 183 trains previously received by SRT. The seating arrangements include both cross seats and long seats. The toilets are closed-system squat toilets, which SRT will need to upgrade according to global standards.

For transporting the 20 air-conditioned diesel railcars from Japan, SRT hired Green Generation Worldwide Co., Ltd., for 48.6 million baht, according to the scope of work (TOT). The contractor must transport the 20 diesel railcars from Laem Chabang Port and deliver them to SRT at Laem Chabang Station within 90 days from the date of shipment from Niigata Port, approximately by the end of August 2024.

Source: Daily News, June 26, 2024 Edition
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/08/2024 8:56 am    Post subject: Reply with quote

จ้าง 48 ล้านขนรถญี่ปุ่นมาจอดทิ้ง
Source - เดลินิวส์
Thursday, August 29, 2024 05:37

Kiha40/48ตากแดดตากฝน ไม่ถอดแยก-โบกี้ไปปรับปรุง

"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า ขณะนี้ขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่น Kiha 40 จำนวน 11 คัน และ Kiha 48 จำนวน 9 คัน รวม 20 คัน ที่ JR East (East Japan Railway Company) บริษัทรถไฟในญี่ปุ่น มอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ยังจอดอยู่ที่ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง จ.ชลบุรี หลังจากถูกขนย้ายมาทางเรือจากท่าเรือนีงาตะ (Niigata) ประเทศญี่ปุ่น ถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 67 ซึ่งตามร่างขอบเขตงาน (TOT) เริ่มต้น บริษัท กรีน เจเนอเรชั่น เวิลด์ไวด์ จำกัด ผู้รับจ้างขนย้าย จะต้องขนย้ายชุดแคร่ล้อรับน้ำหนักตู้รถไฟ(โบกี้) มาปรับขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อจาก 1.067 เมตรเป็น 1.00 เมตร ที่โรงงานมักกะสัน และขนส่งรถดีเซลรางปรับอากาศทั้ง 20 คันส่งมอบให้ รฟท. ณ สถานีรถไฟแหลมฉบังภายใน 90 วัน หรือประมาณสิ้นเดือน ส.ค. 67

จนถึงขณะนี้ยังไม่ขนย้ายโบกี้มาปรับขนาดความกว้าง ของฐานเพลาล้อ ขณะที่กำหนดเวลาส่งมอบรถดีเซลรางปรับอากาศทั้ง 20 คันให้ รฟท. ใกล้ครบกำหนดแล้ว เป็นที่น่าสังเกต ว่า กระบวนการขนย้ายรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 ทั้ง 20 คัน จากประเทศญี่ปุ่น มายังประเทศไทยได้ปฏิบัติตาม TOR ตั้งแต่เริ่มต้นหรือไม่ เนื่องจากในรายละเอียดของ TOR กำหนดให้ผู้รับจ้างต้องถอดโบกี้ออกจากตัวรถตั้งแต่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนขนส่งมาท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อมาถึงไทยแล้ว จะได้ขนย้ายโบกี้ลงขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า (บขน.) เพื่อนำไปปรับขนาดล้อ และเมื่อปรับแล้วเสร็จ จะได้ขนส่งกลับมายังสถานีรถไฟแหลมฉบัง

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 67 โดยในบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมแนบท้ายสัญญา ระบุว่า ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามรายละเอียดข้อเสนอของบริษัทผู้รับจ้าง ซึ่งได้ปรับทั้งในส่วนของขอบเขตงาน และรายละเอียดของงาน โดยผู้รับจ้างไม่ต้องแยกตัวรถ และโบกี้ออกจากกันตั้งแต่ที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้รถไฟ Kiha ทั้ง 20 คัน ยังคงจอดตากแดด ตากฝน รอผู้ควบคุมงานที่เป็นวิศวกรที่ได้รับการรับรองจาก JR East มาควบคุมการถอดโบกี้จากตัวรถ ก่อนจะยกโบกี้ลงขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า เพื่อนำไปปรับขนาดล้อต่อไป

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญา มีการตั้งข้อสังเกต และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาภายหลังได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับจ้างหรือไม่ และวงเงินที่ รฟท.ว่าจ้าง 48.6 ล้านบาท นอกจากเป็นค่าใช้จ่ายในการขนย้ายจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยแล้ว ยังเป็นค่าแรงของคนงานที่ประเทศญี่ปุ่นในการแยกโบกี้ออกจากตัวรถ แต่เมื่อแก้ไขสัญญาให้มาแยกที่ประเทศไทย ค่าแรงของคนงานที่ประเทศไทยน่าจะถูกกว่าการดำเนินการที่ประเทศญี่ปุ่นหรือไม่

เบื้องต้นการปรับขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อจาก 1.067 เมตรเป็น 1.00 เมตร ที่โรงงานมักกะสัน จะใช้เวลาประมาณ 25 วัน จากนั้นเมื่อปรับขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อแล้วเสร็จ จะนำโบกี้กลับมาประกอบเข้ากับตู้รถไฟ (บอดี้) ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง ก่อนจะนำกลับมายังโรงงานมักกะสันทางรางรถไฟ และเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงขบวนรถต่อไป โดยจะทยอยดำเนินการ ทั้งนี้ตามแผนเดิมคาดว่าคันแรกจะแล้วเสร็จ และนำมาให้บริการประชาชนได้ประมาณปลายปี 67 แต่จนขณะนี้ยังไม่ได้ปรับขนาดล้อ แนวโน้มน่าจะต้องเลื่อนการให้บริการออกไปเป็นปี 68.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 ส.ค. 2567 (กรอบบ่าย)

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1053091006268133


Hiring 48 Million Baht to Transport Japanese Trains Only to Leave Them Idle

Source: Daily News
Thursday, August 29, 2024, 05:37 AM


Kiha40/48 Trains Left Exposed to Sun and Rain Without Disassembly for Modification

The "Daily News Transportation Innovation Team" reports that currently, 11 Kiha 40 and 9 Kiha 48 air-conditioned diesel railcars, totaling 20 units donated by JR East (East Japan Railway Company) to the State Railway of Thailand (SRT), are still parked at Laem Chabang Railway Station in Chonburi Province. These trains were transported by ship from Niigata Port in Japan to Laem Chabang Port in Thailand on June 2, 2024.

According to the initial Terms of Reference (TOR), Green Generation Worldwide Co., Ltd., the contracted transportation company, was required to dismantle the train bogies from the car bodies while still in Japan. The bogies were then supposed to be transported to the Makkasan Factory to adjust the wheel gauge from 1.067 meters to 1.00 meters. Subsequently, all 20 air-conditioned diesel railcars were to be delivered to the SRT at Laem Chabang Railway Station within 90 days, approximately by the end of August 2024.

As of now, the bogies have not been transported for wheel gauge adjustment, and the deadline for delivering all 20 air-conditioned diesel railcars to the SRT is approaching. This raises questions about whether the transportation process of the Kiha 40 and Kiha 48 trains from Japan to Thailand has adhered to the TOR from the beginning. The TOR detailed that the contractor must disassemble the bogies from the car bodies in Japan before shipping them to Laem Chabang Port. Upon arrival in Thailand, the bogies were to be loaded onto freight trains for wheel gauge adjustment and then returned to Laem Chabang Railway Station.

An initial investigation revealed that the contract was amended on January 15, 2024. The supplementary agreement stated that modifications were necessary to align with the contractor's detailed proposal, altering both the scope and specifics of the work. As a result, the contractor was no longer required to disassemble the bogies from the car bodies in Japan. Currently, all 20 Kiha trains remain exposed to the elements, awaiting certified JR East engineers to supervise the disassembly of the bogies from the car bodies. Once disassembled, the bogies will be loaded onto freight trains for wheel gauge adjustment.

This contract modification has sparked considerable scrutiny and criticism. Observers question whether changing the contract terms after awarding the bid benefits the contractor unfairly. Additionally, with the SRT's payment of 48.6 million baht covering transportation costs from Japan to Thailand and labor costs for disassembling the bogies in Japan, concerns arise over whether labor costs in Thailand are lower and whether savings are being appropriately accounted for following the contractual changes.

The wheel gauge adjustment from 1.067 meters to 1.00 meters at the Makkasan Factory is expected to take approximately 25 days. After completion, the bogies will be reassembled with the train bodies at Laem Chabang Railway Station before being transported back to the Makkasan Factory via rail for further refurbishment. The process will be carried out incrementally. Initially, the plan was to have the first train ready for public service by the end of 2024. However, due to delays in wheel gauge adjustments, it is now likely that service commencement will be postponed to 2025.

Source: Daily News Newspaper, August 30, 2024 Edition (Afternoon Issue)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43714
Location: NECTEC

PostPosted: 27/09/2024 2:41 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดปมรฟท.แก้สัญญาจ้างขนรถไฟ Kiha 40/48ส่อเอื้อเอกชน-ครบกำหนดรถยังจอดแช่"แหลมฉบัง"
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 23:13 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 23:13 น.


KEY POINTS
•*ประเด็นสำคัญ:
• แก้สัญญา: รฟท.แก้สัญญาการขนย้ายรถไฟมือสอง โดยลดเนื้องาน แต่ไม่ลดเงินค่าจ้าง
• จ่ายเงิน: จ่ายเงินค่าจ้างไปแล้ว 2 งวด และกำลังจะจ่ายเพิ่มอีก
• ปัญหา:
• มีข้อกังวลว่าการแก้สัญญาอาจเอื้อประโยชน์ให้เอกชน
• การถอดแคร่รถไฟออกจากตู้คอนเทนเนอร์ ควรใช้วิศวกรไทยคุมแทนฝ่ายญี่ปุ่น
• ผลกระทบ: รถไฟมือสอง 20 คัน อยู่ในท่าเรือแหลมฉบัง โดยยังไม่ได้นำมาใช้งาน
• สถานะ: สัญญาหมดอายุแล้ว




เปิดปม รฟท.จ้างขนย้ายรถไฟมือสอง รุ่น Kiha 40 /48 จากญี่ปุ่น 20 คัน แก้สัญญาส่อเอื้อเอกชน ลดเนื้องานแต่ไม่ลดเงิน แถมจ่ายค่างานไปแล้ว 2 งวด จ่อแก้สัญญาเพิ่มเติมอีก ประเด็นถอดแคร่ใช้วิศวกรไทยคุมแทนญี่ปุ่น ล่าสุด หมดสัญญาแล้วแต่รถจอดค้างที่แหลมฉบัง

รายงานข่าว เปิดเผยว่า จากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำสัญญาจ้างขนส่งขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ Kiha จำนวน 20 คัน ประกอบด้วย Kiha 40 จำนวน 11 คัน และ Kiha 48 จำนวน 9 คันจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นขบวนรถไฟที่ บริษัท East Japan Railway Company หรือJR East มอบ(บริจาค) ให้โดยไทยดำเนินการขนส่งเองนั้น ซึ่ง รฟท.ทำสัญญาจ้าง บริษัท กรีน เจเนอเรชั่น เวิลด์ไวด์ จำกัด วงเงิน 48.6 ล้านบาท ทำการขนส่งจากเมืองนีงาตะ (Niigata)ประเทศญี่ปุ่น มาประเทศไทย โดยลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2566 ระยะเวลาสัญญา 330 วัน
โดยพบว่ามีการขนย้ายขบวนรถไฟทั้ง 20 ตู้ จากท่าเรือนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.67 ปัจจุบันขบวนรถ ยังจอดอยู่ที่ย่านสถานีรถไฟแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ขณะที่สัญญา งานงวดที่ 3 ครบกำหนดไปแล้วเมื่อต้นเดือน ก.ย. 2567 และมีค่าปรับเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีประเด็นที่เอกชนขอแก้ไขสัญญาในรายละเอียดการขนย้ายหลังจากที่ได้ดำเนินการขนย้ายไปแล้ว โดยมีการทำสัญญาแนบท้าย ลงวันที่ 15 พ.ค. 2567

ซึ่งในร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference :TOR) และสัญญาจ้างแบ่งงานออกเป็น 3 งวดโดยงวด 1 ผู้รับจ้างต้องดำเนินการขนส่งรถดีเซลรางปรับอากาศจำนวน 20 คันจากย่านสถานีเมืองอาคิตะ ขนส่งไปยังเมืองนีงาตะประเทศญี่ปุ่นหรือสถานที่อื่นๆตามกำหนด ภายใน 120 วันนับถัดจากวันลงนามในสัญญาจ้างงวดที่ 2 ผู้รับจ้างต้องดำเนินการขนส่งรถดีเซลรางปรับอากาศ จำนวน 20 คันจากท่าเรือนีงาตะ หรือสถานที่อื่นๆตามที่กำหนดมายังท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีภายใน 120 วันนับถัดจากวันที่ดำเนินการแล้วเสร็จในงวดที่ 1 และงวดที่ 3 ผู้รับจ้างต้องดำเนินการขนส่งรถดีเซลรางปรับอากาศจำนวน 20 คันจากท่าเรือแหลมฉบังและส่งมอบพัสดุ ณ สถานีรถไฟแหลมฉบังภายใน 90 วันนับถัดจากวันที่ดำเนินการแล้วเสร็จในงวดที่ 2



ตามเงื่อนไขที่บริษัทผู้รับจ้างต้องดำเนินการ คือ รับรถดีเซลรางจากย่านสถานีเมืองอาคิตะไปเก็บที่สถานีฟูจิโยเสะเมืองนีงาตะ ดำเนินการ ถอดแคร่ (Bogie) ออกจากตัวรถ (Body) เพื่อเตรียมขนย้ายไปยังลานพักสินค้าใกล้ท่าเรือนีงาตะจากนั้นขนย้ายรถดีเซลรางและแคร่จากสถานีฟูจิโยเสะไปยังลานพักสินค้าท่าเรือนีงาตะ และยกรถดีเซลรางและแคร่ลงในเรือบรรทุกสินค้า ขนส่งรถดีเซลทั้งหมด 20 คันและแคร่จากท่าเรือนีงาตะประเทศญี่ปุ่นมายังท่าเรือแหลมแหลมฉบัง ประเทศไทย และย้ายไปยังลานกองเก็บสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ซึ่งการถอดแคร่ออกจากตัวรถ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการขนส่งลงเรือ และเมื่อถึงท่าเรือแหลมฉบัง จะสามารถขนส่งแคร่ไปปรับขนาดฐานเพลาล้อให้เท่ากับขนาดความกว้างของรางรถไฟในประเทศไทยที่โรงงานที่มักกะสันได้ทันที เนื่องจาก รถไฟญี่ปุ่น มีขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อ 1.067 เมตร ขณะที่ทางรถไฟไทยมีขนาด 1.00 เมตร จึงต้องปรับให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงนำแคร่มาประกอบกับตัวรถที่อยู่ในลานสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จากนั้นจึงนำขบวนรถไฟทั้ง 20 คันแล่นมาตามรางรถไฟและนำมาปรับปรุงตัวรถเพื่อให้สามาถใช้งานได้ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า การปฎิบัติงานจริง ที่ลานพักสินค้า สถานีฟูจิโยเสะท่าเรือนีงาตะ ก่อนลงเรือที่ประเทศญี่ปุ่น กลับไม่มีการถอดแคร่ (Bogie) ออกจากตัวรถ(Body) แต่อย่างใด มีการนำรถ 20 คัน ลงเรือมาทันที และเมื่อรถมาถึงไทย โดยไม่ได้ถอดแคร่ และไม่ได้นำรถไปไว้ในลานเก็บสินค้า แต่กลับนำมาไว้ที่สถานีรถไฟแหลมฉบังแทน กรณีไม่ถอดแคร่ นอกจากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข TOR และสัญญาจ้างแล้ว ยังทำให้เอกชนทำงานน้อยลงและประหยัดค่าใช้จ่ายลงด้วย แต่คณะกรรมการตรวจรับงานของรฟท. กลับตรวจรับงานและจ่ายค่างานให้ไปแล้วจำนวน 2 งวด ๆ ละ 19.44 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 38.88 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของวงเงินสัญญา

ขณะที่งวดที่ 3 จำนวน 9.72 ล้านบาท คือเป็น 20% ซึ่งครบกำหนดแล้ว โดยเอกชนจะต้องจ่ายค่าปรับ ร้อยละ 0.1 ต่อวัน หรือจ่ายค่าปรับวันละ 9,720 บาทเท่านั้น

“ประเด็นเพราะไม่มีช่างผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นในการถอดแคร่ออกจากตัวรถ และเมื่อดัดแปลงแคร่เสร็จ การประกอบแคร่เข้ากับตู้รถไฟ จะต้องมีผู้ควบคุมงานที่เป็นวิศวกรที่ได้รับการรับรองจาก JR EAST ร่วมตรวจสอบ ซึ่งมีการขอแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม การถอดแคร่ล้อ ไม่ต้องใช้วิศวกรญี่ปุ่นควบคุม ขอใช้วิศวกรฝ่ายไทยได้ซึ่งอยู่ระหว่างรอแก้ไขสัญญาอีกครั้ง”

รายงานข่าวระบุว่า มีข้อสังเกตุที่สุ่มเสี่ยง ทำให้รฟท.เสียหาย เช่น กรณีการแก้สัญญา มีการปรับลดเนื้องานของงวดที่ 1 โดยเอาเนื้องานที่ต้องทำที่ประเทศญี่ปุ่นมาทำที่ไทย ซึ่งค่าแรงถูกกว่า นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขจาก ย้ายรถดีเซลรางและแคร่ทั้งหมดไปยังลานกองเก็บของท่าเรือแหลมฉบัง โดยรถบรรทุกที่มีหางบรรทุกสินค้าชนิดพิเศษลากไปยังพื้นที่จัดลานจัดเก็บสินค้าของท่าเทียบเรือสินค้า มาเป็นไว้ที่สถานีแหลมฉบัง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการกองเก็บในพื้นที่ของการท่าเรือ แต่กลับไม่มีการปรับลดค่าจ้างในงวดงานลงตามไปด้วยและกลับมีการเบิกจ่ายเงินค่างานให้ตามเงื่อนไขเดิม
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/10/2024 5:12 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
เปิดปมรฟท.แก้สัญญาจ้างขนรถไฟ Kiha 40/48ส่อเอื้อเอกชน-ครบกำหนดรถยังจอดแช่"แหลมฉบัง"
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 23:13 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 23:13 น.

ส่อวุ่น ปมขนส่งรถไฟมือสองจากญี่ปุ่น พบแก้สัญญาเอื้อเอกชน ครบกำหนดรถจอดตากแดด ที่แหลมฉบัง
MGR Online VDO
Oct 1, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=Jo59m1d0TEw

Trouble brews over the transport of secondhand trains from Japan. Contract amendments appear to favor private companies, while trains sit idle under the scorching sun at Laem Chabang, past the delivery deadline.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/10/2024 8:18 pm    Post subject: Reply with quote

มาดูรถไฟญี่ปุ่น kiha40/48 ที่ชลบุรี
นิกเกิ้ล พาทัวร์ (Train Thailand)
Oct 18, 2024


https://www.youtube.com/watch?v=wHDrT44K55w
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46870
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 31/10/2024 8:19 am    Post subject: Reply with quote

รถไฟญี่ปุ่นจอดตากแดด-ฝน
Source - เดลินิวส์
Thursday, October 31, 2024 05:09

ผู้รับจ้างขนจำเป็นแก้TOR รฟท.เพิ่มกฎจนเกิดปัญหา

"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า หลังจาก "เดลินิวส์" ได้นำเสนอข่าวเรื่องขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ รุ่น Kiha 40 จำนวน 11 คัน และ Kiha 48 จำนวน 9 คัน รวม 20 คัน ซึ่งเป็นขบวนรถไฟที่ JR East (East Japan Railway Company) บริษัทรถไฟในญี่ปุ่น มอบให้การรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) โดยขนย้ายมาจากท่าเรือนีงาตะ (Niigata) ประเทศญี่ปุ่น มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 67 แต่ปัจจุบันขบวนรถทั้งหมดยังจอดตากแดดตากฝน ไม่ขนย้ายชุดแคร่ล้อรับน้ำหนักตู้รถไฟ (โบกี้) มาปรับขนาดความกว้างของฐานเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร ขณะเดียวกันยังพบว่ามีการแก้ไขร่างขอบเขตงาน (TOR) เพื่อให้ผู้รับจ้าง ไม่ต้องแยกตัวรถ และโบกี้ออกจากกันตั้งแต่ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย

ล่าสุดบริษัท กรีน เจเนอเรชั่น เวิลด์ไวด์ จำกัด ในฐานะผู้รับจ้างขนย้ายขบวนรถฯ ให้สัมภาษณ์ชี้แจง "ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" ว่า ยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ขบวนรถยังคงจอดตากแดดตากฝนอยู่ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และขอย้ำว่าการแก้ไข TOR ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้บริษัทฯ แต่มีความจำเป็นต้องขอให้ รฟท. ช่วยแก้ไข TOR จริง ๆ เนื่องจากช่วงขนย้าย ขบวนรถที่ญี่ปุ่นเกิดเหตุแผ่นดินไหว และญี่ปุ่นเริ่มโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานริมชายฝั่ง และใช้พื้นที่ท่าเรือนีงาตะ จัดเก็บใบพัดของกังหันลมจำนวนมาก ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก และพื้นที่ไม่เพียงพอถอดแยกตัวรถ และโบกี้ออกจากกัน ก่อนขนส่งมาท่าเรือแหลมฉบัง รฟท. จึงแก้ไข TOR ให้บริษัทฯ มาถอดแยกตัวรถ และโบกี้ออกจากกันที่ประเทศไทยได้ แต่บริษัทฯ ไม่คาดคิดว่า รฟท. จะเพิ่มข้อกำหนดว่าต้องมีผู้ควบคุมงานที่เป็นวิศวกรที่ได้รับรองจาก JR EAST มาควบคุมการถอดโบกี้จากตัวรถที่ไทยด้วย ทั้งที่ TOR เดิม ไม่กำหนด จึงเป็นการเพิ่มภาระให้ รฟท. เอง ที่ต้องทำหน้าที่ประสาน JR EAST มาควบคุมงาน และไม่ใช่หน้าที่ของบริษัทฯ ที่ต้องไปประสาน และไม่ใช่ความผิดของบริษัทฯ ด้วย

ที่ผ่านมาบริษัทฯ กับ รฟท. หารือเรื่องนี้กันตลอด และประสาน JR EAST แล้ว ได้รับแจ้งว่าอาจต้องใช้เวลารอนาน จึงมีแนวทางกันว่าอาจใช้วิธีให้ผู้ควบคุมงานจาก JR EAST เปิดวิดีโอคอลดูถ่ายทอดการทำงานทั้งหมด แต่สุดท้ายมีกรรมการ TOR บางรายไม่เห็นด้วย ทำให้งานเดินต่อไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะกลับไปแก้ไข TOR อีกครั้ง โดยไม่ต้องมีผู้ควบคุมงานที่ได้รับรองจาก JR EAST เพื่อให้การทำงานเดินหน้า ทุกวันนี้บริษัทฯ มีบุคลากร และอุปกรณ์พร้อมมากในการถอดแยกตัวรถ และโบกี้ออกจากกันจะได้ขนย้ายโบกี้ลงขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า (บขน.) นำไปปรับขนาดล้อที่โรงงานมักกะสัน และเมื่อปรับแล้วเสร็จ จะได้ขนส่งกลับมาสถานีรถไฟแหลมฉบังให้แล้วเสร็จแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะติดปัญหาต้องมีผู้ควบคุมงานจาก JR EAST หากไม่มีข้อกำหนดนี้บริษัทฯ สามารถใช้เวลา 4 วันถอดแยกตัวรถ และโบกี้ให้แล้วเสร็จเพื่อส่งไปปรับขนาดล้อได้ให้วิศวกร รฟท. มาควบคุมการทำงานก็เพียงพอแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตวงเงินที่ รฟท.ว่าจ้าง 48.6 ล้านบาทรวมค่าแรงของคนงานที่ประเทศญี่ปุ่นในการแยกโบกี้ออกจากตัวรถ เมื่อแก้ไขสัญญาให้มาแยกที่ประเทศไทย ค่าแรงคนงานไทยน่าจะถูกกว่าที่ญี่ปุ่นหรือไม่ บริษัทฯ ให้ข้อมูลว่า ค่าแรงอาจจะถูกกว่าจริง แต่ไม่มากเท่ากับค่าปรับวันละแสนบาท ถ้าบริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญาว่าจ้างที่จะครบกำหนดสิ้นปีนี้ เรื่องค่าจ้างขนย้ายฯ ต้องขึ้นอยู่กับ รฟท. ว่าจะเรียกเงินบางส่วนคืนหรือไม่บริษัทฯ ไม่ได้มีปัญหา หากเรียกคืนก็พร้อมให้คืน แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับค่าจ้างงวดที่ 1 และ 2 จาก รฟท. ทั้งที่จ่ายค่าขนส่งไปแล้ว 40 ล้านบาท.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 1 พ.ย. 2567 (กรอบบ่าย)

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1096874495223117


Japanese Trains Left Exposed to the Elements in Thailand

Source - Daily News
Thursday, October 31, 2024 05:09


Contractor Highlights Issues with Amended Terms for Thai Railway Project

The "Daily News Transportation Innovation News Team" reports that following a previous news story about the donation of 20 Kiha 40 and Kiha 48 diesel multiple unit trains from JR East (East Japan Railway Company) to the State Railway of Thailand (SRT), the trains remain exposed to the elements at Laem Chabang Port in Chonburi Province.

The trains arrived from Niigata Port, Japan, on June 2, 2024, but have yet to be modified for Thai rail lines. This involves adjusting the bogie (wheelset) gauge from 1.067 meters to 1 meter. It has also come to light that the project's Terms of Reference (TOR) were amended to allow the contractor to avoid separating the train bodies and bogies in Japan.

Green Generation Worldwide Co., Ltd., the contractor responsible for transporting the trains, clarified to the "Daily News Transportation Innovation News Team" that they are not responsible for the trains being left outdoors. They explained that the TOR amendment was necessary due to unforeseen circumstances in Japan, including an earthquake and construction projects at Niigata Port that limited space for disassembly.

The SRT agreed to allow the disassembly to take place in Thailand, but added a requirement for a JR East certified engineer to supervise the process. This was not part of the original TOR and has created an unexpected burden for the SRT, who must now coordinate with JR East.

Green Generation Worldwide insists they are ready to proceed with the disassembly and transport the bogies to Makkasan Factory for gauge adjustment. However, the requirement for JR East supervision has stalled the project. They suggest video call supervision as a potential solution, but this has been rejected by some members of the TOR committee.

The company emphasizes that they have the personnel and equipment ready and could complete the disassembly in four days if the JR East supervision requirement were removed. They believe SRT engineers are sufficient for overseeing the work.

Regarding concerns about the 48.6 million baht contract, which included labor costs for disassembly in Japan, the company acknowledges that labor costs in Thailand may be lower. However, they emphasize that potential savings are insignificant compared to the 100,000 baht per day penalty for delays. They are willing to renegotiate the contract with the SRT, but have yet to receive the first two payments despite already paying 40 million baht for transportation.

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1096874495223117
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถจักร, รถดีเซลราง และรถพ่วงต่างๆ ของไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4
Page 4 of 4

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©