View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 21/01/2025 10:34 am Post subject: |
|
|
ทส. แจ้งสร้าง "บ้านเพื่อคนไทย" ต้องฝ่าด่านใหญ่ทำรายงาน EIA
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันจันทร์ 20 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 06:01 น.
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งความเห็นถึงโครงการ บ้านเพื่อคนไทย หลังครม. ไฟเขียวงบศึกษาให้คมนาคมเรียบร้อย รับต้องฝ่าด่านการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ตามกฎหมายด้วย
โครงการ บ้านเพื่อคนไทย หนึ่งในโครงการใหม่สำหรับผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง รวมถึงผู้ที่เริ่มทำงาน หรือคนที่อยู่ในวัยทำงานที่กำลังพยายามเก็บเงินซื้อบ้าน และต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง ล่าสุดรัฐบาลได้เปิดตัวโครงการไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งเปิดให้ผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว และได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
สำหรับการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย นั้น ที่ผ่านมาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ใน โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย วงเงิน 166 ล้านบาท พร้อมทั้งรับทราบความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอความเห็น เรื่อง ขอรับการจัดสรรงบกลางฯ สำหรับใช้ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย ตามความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาแล้ว ไม่ขัดข้องในหลักการต่อการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น สำหรับใช้ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
อย่างไรก็ตาม หากการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทยเข้าข่ายตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566
หน่วยงานนั้นจะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามประกาศฉบับดังกล่าว และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 ด้วย
ทั้งนี้ที่ประชุมครม. ได้เห็นชอบการจัดสรรงบกลางฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือ โครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยได้ขอให้กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
พร้อมยัง สุรพงษ์สั่ง สำนักสลากฯคลอดเกณฑ์สุ่มจับสลาก บ้านเพื่อคนไทย
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันอังคาร 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 05:30 น.
สุรพงษ์ สั่งสำนักสลากฯ เคาะหลักเกณฑ์จับสลากรายชื่อผู้มีสิทธิ์ บ้านเพื่อคนไทย ภายใน 3 เดือน นำร่อง 4 แปลงบนที่ดินรฟท. กว่า 5 พันยูนิต มั่นใจประชาชนเข้าอยู่เฟสแรกในปี 69
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่เปิดพิธีชมบ้านตัวอย่างในโครงการบ้านเพื่อคนไทย รวมทั้งการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์บ้านเพื่อคนไทย เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมานั้น
ขณะเดียวกันโครงการนี้นำร่องบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย บางซื่อกม.11 สถานีธนบุรี เชียงราก และเชียงใหม่
ทั้งนี้ตามกระบวนการหลังจากลงทะเบียนจองสิทธิ์แล้ว หลังจากนั้นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเป็นผู้ดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์การจับสลากรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติและได้รับการตรวจสอบจากธอส. เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม
ทั้งนี้วิธีการจับสลากนั้นได้มอบหมายให้สำนักงานสลากฯเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ คาดว่าจะประกาศผู้ได้รับสิทธิ์ภายใน 3 เดือน ซึ่งโครงการก่อสร้างนำร่องทั้งหมด 5,000 ยูนิต ครอบคลุมทั้ง 4 แปลง
อย่างไรก็ดีในเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างหลังจากได้ผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมดไม่เกิน 3 เดือน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 1ปี 6 เดือน คาดว่าประชาชนจะสามารถเข้าอยู่เฟสแรกได้ภายในปี 69
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทยที่ถนนเจริญเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวา ซึ่งจะสร้างเสร็จก่อน เนื่องจากมีเพียง 35 ยูนิต โดยผู้จองสิทธิ์บ้านเดี่ยวจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าพักอาศัยได้ประมาณกลางปี 2569
ส่วนที่เหลือจะเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้นและ 12 ชั้น ขนาด 30-50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท โดยเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างใน 3 เดือนนี้ หลังจากที่มีการตรวจสอบสิทธิ์และจำนวนที่ถูกต้อง ที่ย่านบางซื่อ กม.11 ก่อน
ขณะเดียวกันยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ในการก่อสร้าง เพราะต้องรอดูจำนวนประชาชนที่จองสิทธิ โดย เอสอาร์ที แอสเสท ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสร้างตามจำนวนที่จองเข้ามาก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า เฟส 2 ในระยะต่อไปนั้นจะมีการพิจารณาดำเนินการก่อนแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป ยืนยันว่าโครงการนี้ ไม่ได้เป็นการแข่งขันกับผู้ประกอบการ
ขณะที่กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือนมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น เรื่องนี้รัฐมองว่าเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายค่าบ้านและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หากเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 บาทต่อเดือน อาจไม่มีกำลังในการผ่อนค่าบ้าน
สำหรับรูปแบบการก่อสร้างและพื้นที่ใช้สอยของโครงการบ้านเพื่อคนไทยทั้ง 4 แปลง ดังนี้ พื้นที่บางซื่อกม. พื้นที่ 14 ไร่ จำนวนอาคารที่อยู่อาศัย เป็นอาคารชุดขนาดเล็ก 1 อาคาร
พร้อมยัง สุรพงษ์สั่ง สำนักสลากฯคลอดเกณฑ์สุ่มจับสลาก บ้านเพื่อคนไทย
ส่วนอาคารชุดขนาดใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณา จำนวนห้องอยู่ระหว่างการพิจารณาจำนวนผู้มีสิทธิ์ผ่านคุณสมบัติจากธอส. โดยมีห้องพักขนาด 30 ตร.ม. (1 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 40 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 45 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 51 ตร.ม. (2 ห้องนอน)
Last edited by Wisarut on 22/01/2025 1:50 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 21/01/2025 10:49 am Post subject: |
|
|
ส่องทำเลที่ดินรถไฟ 25 แปลง ปลุกกระแส บ้านเพื่อคนไทย
หน้าเศรษฐกิจ-นโยบาย
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันจันทร์ 20 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 05:30 น.
รฟท. เปิดทำเลที่ดินทั่วประเทศ 112 แห่ง ดัน 25 แปลงศักยภาพ ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ บ้านเพื่อคนไทย เผยยอดเข้าชมเว็บไซต์พุ่ง 31 ล้านครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่เปิดพิธีชมบ้านตัวอย่างในโครงการบ้านเพื่อคนไทย รวมทั้งการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์บ้านเพื่อคนไทย เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมานั้น โดยโครงการนี้นำร่องบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย บางซื่อกม.11 สถานีธนบุรี เชียงราก และเชียงใหม่
ทั้งนี้จากข้อมูลจากเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ได้รายงานสถิติผู้เข้ามาชมเว็บไซต์ จำนวนกว่า 31 ล้านครั้ง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เปิดเว็บไซต์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 17 ม.ค.68 มีผู้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ บ้านเพื่อคนไทย ที่สามารถลงทะเบียนได้ จำนวนทั้งสิ้น 152,864 คน
ที่ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีจำนวนทั้งสิ้น 49,844 ราย และขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอย Pre-Approve ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาที่ดินของ รฟท. พบว่า มีพื้นที่ศักยภาพ 112 พื้นที่ ซึ่งผลการศึกษาของที่ปรึกษาโครงการจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้พิจารณาคัดเลือกจากความพร้อมด้านทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในการ Transit Oriented Development (TOD) ดังนี้
ระยะที่ 1 จำนวน 25 พื้นที่
1. ภาคกลาง ประกอบด้วย
กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟมีทั้งหมด 5แปลง ได้แก่
สถานีรถไฟ กม.11 ถึงตึก Enco ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พื้นที่ 8.93 ไร่
สถานีรถไฟธนบุรี (ศิริราช) พื้นที่ 23 ไร่
สถานีรถไฟแม่น้ำ (คลองเตย) พื้นที่ 20 ไร่
สถานีรถไฟมักกะสัน (ราชปรารภ) พื้นที่ 18.75 ไร่
สถานีรถไฟบางซื่อ กม.11 พื้นที่ 20 ไร่
นครปฐม พื้นที่ 4 ไร่
สถานีรถไฟศาลายา
ปทุมธานี พื้นที่ 18.05 ไร่
สถานีรถไฟเชียงราก
นครสวรรค์ พื้นที่15 ไร่
สถานีรถไฟนครสวรรค์
อยุธยา พื้นที่ 133 ไร่
สถานีรถไฟเชียงรากน้อย
ลพบุรี พื้นที่ 31.13 ไร่
สถานีรถไฟลำนารายณ์
ส่องทำเลที่ดินรถไฟ 25 แปลง ปลุกกระแส บ้านเพื่อคนไทย
2. ภาคเหนือ ประกอบด้วย
เชียงใหม่
สถานีรถไฟเชียงใหม่ พื้นที่7.32 ไร่
สถานีรถไฟสวนสุขภาพ พื้นที่ 17.75 ไร่
อุตรดิตถ์ พื้นที่ 6.69 ไร่
สถานีรถไฟศิลาอาสน์
พิษณุโลก พื้นที่12.81 ไร่
สถานีรถไฟพิษณุโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5 วันที่แล้ว
17 ม.ค.นี้ เปิดจองสิทธิ์ บ้านเพื่อคนไทย เริ่มบ่าย 2 โมง ทั่วประเทศ
4 วันที่แล้ว
เริ่มแล้ว "บ้านเพื่อคนไทย" เปิดรับบัตรคิวชมบ้านบ้านตัวอย่างวันแรก 1,000 ใบ
3 วันที่แล้ว
สภาพัฒน์ แนะ บ้านเพื่อคนไทย นำร่องบางซื่อ กม.11 พ่วง มักกะสัน-สถานีแม่น้ำ
2 วันที่แล้ว
บ้านเพื่อคนไทยล่าสุด ธอส.กลั่นกรองแล้วกี่ราย หลังยอดชมเว็บไซด์ทะลุ 31 ล้าน
3. ภาคใต้ ประกอบด้วย
สงขลา พื้นที่ 23.44 ไร่
สถานีรถไฟหาดใหญ่-1
ส่องทำเลที่ดินรถไฟ 25 แปลง ปลุกกระแส บ้านเพื่อคนไทย
4. ภาคตะวันออก ประกอบด้วย
ระยอง พื้นที่ 9 ไร่
สถานีรถไฟบ้านฉาง เฟส 1
ปราจีนบุรี พื้นที่ 200 ไร่
สถานีรถไฟกบินทร์บุรี เฟส 1
5. ภาคตะวันตก ประกอบด้วย
กาญจนบุรี พื้นที่ 30.63 ไร่
สถานีรถไฟกาญจนบุรี
6. ภาคอีสาน ประกอบด้วย
นครราชสีมา
สถานีรถไฟนครราชสีมา พื้นที่ 21 ไร่
สถานีรถไฟปากช่อง พื้นที่ 27 ไร่
สถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ พื้นที่ 5 ไร่
หนองคาย พื้นที่ 10 ไร่
สถานีรถไฟหนองคาย
อุบลราชธานี พื้นที่ 7.81 ไร่
สถานีรถไฟอุบลราชธานี
ขอนแก่น พื้นที่ 20ไร่
สถานีรถไฟขอนแก่น
อุดรธานี พื้นที่ 7.81 ไร่
สถานีรถไฟอุดรธานี
ส่องทำเลที่ดินรถไฟ 25 แปลง ปลุกกระแส บ้านเพื่อคนไทย
ทั้งนี้โครงการบ้านเพื่อคนไทยในระยะที่ 2 มีจำนวน 87 พื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างบริษัทเอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) หรือบริษัทลูกของรฟท. เป็นผู้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 47680
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 22/01/2025 5:58 am Post subject: |
|
|
ลุ้นที่ดินรถไฟ 3.8 หมื่นไร่ รับ 'เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์'
Source - ฐานเศรษฐกิจ
Wednesday, January 22, 2025 05:34
"รฟท." ยืนกรานที่ดินรถไฟ 3.8 หมื่นไร่ไม่ใช่แคนดิเดต รับ"เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์"หลังครม.เคาะกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรเปิดช่องเอกชนเช่าพื้นที่พัฒนาได้ลุ้นนโยบายรัฐสั่งบรษัทเอสอาร์ทีฯศึกษาต่อ
สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หนึ่ง ในนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร(Entertainment Complex) นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย
ท่ามกลางความกังวลของหลายหน่วยงานรวมทั้งประชาชนที่มองว่าการผลักกันนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์เป็นการนำแหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้ามาบังหน้าเท่านั้น ซึ่งจะกลายเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนการพนันให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เยาวชนลุ่มหลง เมามัวไปกับสิ่งเหล่านี้ได้ง่าย
ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ "ENTERTAINMENT COMPLEX"โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำไปปรับปรุงรายละเอียด ก่อนส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
จากการที่ครม.อนุมัติในเรื่องนี้สร้างความฮือฮาไม่น้อย โดยเฉพาะการพิจารณานำที่ดินที่มีศักยภาพหลายแห่งของหน่วยงานต่างๆของภาครัฐเพื่อสร้างอาณาจักรเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เนื่องจากในปัจจุบัน รฟท.มีที่ดินที่มีศักยภาพกว่า 38,000 ไร่
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในประเด็นที่จะนำที่ดินของรฟท.มาพัฒนาเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์นั้น มองว่า ที่ดินที่มีศักยภาพสอดรับกับเรื่องนี้มีหลายแห่ง เช่น สนามบิน อู่ตะเภา ท่าเรือคลองเตย ฯลฯ ซึ่งมองว่าที่ดินของรฟท.ยังไม่ได้เป็น 1 ในแคนดิเดตของเรื่องนี้
"เชื่อว่าอาจไม่ได้ดำเนินการในเร็วๆนี้ที่จะนำที่ดินรฟท.มาพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งอาจจะเป็นระยะหลังๆ ส่วนการเดินหน้าในเรื่องดังกล่าวต้องแก้กฎหมายรฟท.หรือไม่นั้น ปัจจุบันรฟท.มีบริษัทลูกหรือบริษัทเอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) มีหน้าที่ดูแลบริหารที่ดินของรฟท.ทั้งหมด โดยเปิดกว้างในการนำที่ดินไปพัฒนาหารายได้เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ซึ่งไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย" นายวีริศ กล่าว
นายวีริศ กล่าวต่อว่า แนวโน้มในอนาคตที่จะนำที่ดินรฟท.ให้บริษัทเอสอาร์ทีฯศึกษาพัฒนาพื้นที่เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบ เพราะต้องรอดูความชัดเจนจากนโยบายภาครัฐก่อน ซึ่งปัจจุบันที่ดินรฟท.ที่ต้องแก้ปัญหามีหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็น การต่อสัญญาเช่าที่ดิน การแก้ปัญหาต่างๆบนที่ดินรฟท. ฯลฯ
ส่วนกรณีที่เอกชนต้องการเช่าที่ดินของรฟท.เพื่อพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์นั้น เอกชนชนต้องหารือกับบริษัทเอสอาร์ทีฯ ก่อน หากข้อเสนอของเอกชนสามารถดำเนินการได้ต้องนำเรื่องนี้เสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.พิจารณาเพื่อทราบด้วย ซึ่งบริษัทเอสอาร์ทีฯจะต้องนำเรื่องนี้ไปศึกษาด้วย
ฟากนายสราวุธ สราญวงศ์ รักษาการประธาน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศ(สร.รฟท.) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาหลักเกณฑ์การพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ก่อน ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องแหล่งอบายมุข ทางสหภาพรถไฟฯไม่เห็นด้วย
ปัจจุบันที่ดินของรฟท.เป็นการใช้ที่ดินเพื่อการเดินรถและการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ หากจะนำที่ดินรฟท.มาใช้ในประเด็นดังกล่าวคงไม่เหมาะสม หากภาครัฐมีนโยบายให้ศึกษาที่ดินรฟท.นั้น คงต้องพิจารณาถึงงบประมาณจากการศึกษา เพราะการนำงบประมาณมาศึกษาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณที่เปล่าประโยชน์ นอกจากนี้ต้องพิจารณาถึงหลักศีลธรรม แหล่งการพนันด้วย
"ผมมองว่าการพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์มีหลายหน่วยงานต่างๆที่สามารถดำเนินการได้ หากจะนำที่ดินรฟท.มาดำเนินการด้วยจะต้องแก้กฎหมายหรือไม่นั้น ที่ผ่านมามีการแก้กฎหมายของรฟท.แล้วในการนำที่ดินมาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้เข้าองค์กร ซึ่งจะต้องพิจารณาจากกฎหมายก่อนว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่" นายสราวุธ กล่าว
หลังจากนี้คงต้องจับตาว่านโยบายรัฐบาลนี้จะผลักดันนำที่ดินรฟท.มาศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ได้หรือไม่ หากสามารถดำเนินการได้ เชื่อว่ามีหลายฝ่ายคัดค้านเป็นแน่
บรรยายใต้ภาพ
สราวุธ สราญวงศ์
วีริศ อัมระปาล
ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 23 - 25 ม.ค. 2568 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 22/01/2025 1:46 pm Post subject: |
|
|
บ้านเพื่อคนไทย ฮอต บางซื่อกม.11 จองสิทธิ์ ทะลัก จ่อ ขยายหมื่นหน่วย รับดีมานด์
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร้ : วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07:39 น.
อัปเดตล่าสุด : วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:36 น.
ตีพิมพ์ใน หน้า 20
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 44 ฉบับที่ 4,064 วันที่ 23 - 25 มกราคม พ.ศ. 2568
สุรพงษ์ รมช.คมนาคม ปูพรม ขยาย เฟส 2โครงการ"บ้านเพื่อคนไทย" สร้างโอกาส First Jobber หัวเมืองใหญ่ เกาะระบบราง ปักธงกม.11 ยอดจองสิทธิ์ทะลัก 1.5 แสนคน ยัน เดินหน้า ขยายเฟสได้ 10,000หน่วย รับดีมานด์
สร้างกระแสฟรีเวอร์ ยอดลงทะเบียนจองสิทธิ์ ถล่มทลาย หลังเปิดตัวโครงการ บ้านเพื่อคนไทย นโยบายเรือธงรัฐบาลแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย มีหมุดหมาย สร้างโอกาส First Jobber หรือวัยเริ่มสร้างตัว เข้าถึงที่อยู่อาศัย แนวเส้นทางรถไฟฟ้า และระบบรางบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ทั่วประเทศ จำนวน 1- 3แสนหน่วยภายในสมัยรัฐบาล หรือปี2570
โดยชูจุดขาย ผ่อนถูกไม่ต้องมีเงินดาวน์ เพียงเดือนละ4,000บาท ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 30ปี +30ปี และหากกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์มีผลบังคับใช้จะขยายการอยู่อาศัยได้ยาวถึง99ปี เบื้องต้น นำร่อง 4 พื้นที่ศักยภาพ ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมได้แก่ บางซื่อกม.11 (วิภาวดี) ธนบุรี(ศิริราช) เชียงราก และเชียงใหม่ ในราคาเริ่มต้น1.2ล้านบาทต่อหน่วยภายใต้การดำเนินโครงการโดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) บริษัทลูกของการรถไฟฯ
โดยวันแรก (17ม.ค.68) พบว่ามีผู้แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ 152,864 ราย และผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) จากธอส. จำนวน 49,844 ราย ทำเลที่มีคนลงทะเบียนมากที่สุด คือ พื้นที่ บางซื่อ กม.11 (วิภาวดี) ตามด้วยเชียงใหม่ พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช) และพื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี ตามลำดับ สะท้อนว่า มีคนจำนวนไม่น้อยต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเดินทางสะดวกใกล้แหล่งงาน
กม.11ทะลัก 1.5แสนคน จ่อขยายหมื่นหน่วย
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมฐานะกำกับดูแล เอสอาร์ที แอสเสท ให้สัมภาษณ์ สื่อในเครือเนชั่น ว่า โครงการ บ้านเพื่อคนไทย ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่วันแรก และยังมีประชาชนจองสิทธิ์ต่อเนื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ม.ค.68 เวลา 11.00 น.) มีผู้เข้าชมผ่านเว็บไซต์ บ้านเพื่อคนไทยประมาณ 58 ล้านวิว มีตัวเลขแสดงความจำนงขอใช้สิทธิ์เกือบ 2.2 แสนราย ผ่าน Pre-Approve ของธอส. ประมาณเกือบ 1.2 แสนราย และยังเปิด ให้ประชาชน จองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ หรือไม่นายสุรพงษ์ ยืนยันว่า ทีมงานอยู่ระหว่างประเมินอีกครั้ง
ทั้งนี้ 4พื้นที่ มีจำนวนหน่วย 4,800 หน่วย พบว่า บางซื่อกม. 11 (วิภาวดี) มีประชาชนแสดงเจตจำนง มากถึง 1.5 แสนราย ในทางกลับกันมีจำนวนห้องชุดรองรับระยะแรกได้เพียง 1,232 หน่วย เนื่องจากเป็นทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ย่านพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ ศูนย์กลางการเดินทางซึ่งเมื่อพื้นที่ดังกล่าวมีดีมานด์จำนวนมาก คาดว่าทีมงานจะศึกษาและมีแผนในระยะต่อไปซึ่งอาจขยายได้ถึง 10,000 หน่วย รวมถึงเพิ่มความสูงของโครงการ โดยยอดที่ ผ่าน Pre-Approve ของธอส. จะสร้างรองรับปริมาณดังกล่าวจนกว่าจะไม่มีที่ดินให้สร้างเมื่อถึงจุดนั้น จึงจะตัดยอดที่ค้างดังกล่าวทิ้งไป
ปั้น 1-3 แสนหน่วยภายในปี 70
นายสุรพงษ์มองว่า ทำเลบางซื่อกม.11 (วิภาวดี) มีความต้องการมากที่สุดรองลงมาคือธนบุรี และจะมีโครงการเฟส2 เฟส 3 ต่อเนื่อง ตามจังหวัดหัวเมืองใหญ่ จังหวัดทำเลศักภาพ ชุมชนขนาดใหญ่ มีระบบรางเชื่อมถึง โดยตั้งใจว่า ภายในสมัยของรัฐบาล หรือภายในปี 2570 จะพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทย 1-3 แสนหน่วย แต่เนื่องจากแนวโน้มความต้องการค่อนข้างสูงซึ่งอาจจะมากกว่าแผนที่กำหนดไว้ ดังนั้น ทีมงานต้องทบทวนเรื่องของจำนวนประชาชนที่ให้ความสนใจ
สะท้อนได้ว่า เราสร้างดีมานด์ล่วงหน้าดังนั้นทำเลต่อไปต้องวางแผนและพัฒนาออกมารองรับกับปริมาณ เพราะมองเห็นดีมานด์คงค้าง จำนวนมาก
ทำเลระยะต่อไป คุณสมบัติ
1.หัวเมืองใหญ่
2.เกาะติดระบบราง
3. มีชุมชนหนาแน่นที่อยู่อาศัยไม่สะดวกสบาย
ซึ่งจะเป็นตัวแปรนำมา พิจารณาพัฒนาโครงการในระยะต่อไป
บางซื่อ กม.11 (วิภาวดี ) ยังเพิ่มโครงการได้ ด้วยจำนวนหน่วยและความสูง แต่เพิ่มได้มากเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับทีมงาน วาง องค์ประกอบต่างๆ ของห้องและขึ้นอยู่กับขนาดห้อง เช่น 30 ตารางเมตร 40 ตารางเมตร 45 ตารางเมตร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ต้องนำมาวิเคราะห์ว่าตลาดผู้บริโภค กับกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ต้องการประมาณไหน อย่างไรก็ตาม ทำเลบางซื่อกม.11 มีคนสนใจจองสิทธิ์ 1.5 แสนราย จากจำนวน 2 แสนราย ซึ่งอยู่ระหว่าง Pre-Approve ของธอส.
ดัน First Jobber ขับเคลื่อนศก.
นายสุรพงษ์ ขยายความต่อว่า ต้องยอมรับว่าโครงการบ้านเพื่อคนไทยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไข ต่างๆ เช่น รายได้ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อเดือน มีสัญชาติไทย ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวอาจจะผ่อนปรนตามความเหมาะสม โดยมีเป้าหมายต้องการลดภาระให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มFirst Jobber สร้างคนรุ่นใหม่ให้แข็งแรง เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในวัยทำงาน โดยดึงอนาคตมาอยู่กับปัจจุบัน ให้ทันกับค่าใช้จ่าย และนำรายได้ที่เหลืออยู่สร้างเนื้อสร้างตัวต่อไป
ขณะเงื่อนไขคุณสมบัติ มองว่าได้กำหนดไว้ค่อนข้างแน่นหนา อย่างห้ามโอนสิทธิ์ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันลงทะเบียนจองสิทธิ์ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงนำไปเปลี่ยนมือ ให้กับผู้อื่น ตามกติกาห้ามปล่อยเช่า อันดับแรกต้องให้กับทายาท หากพ่อแม่ตั้งตัวได้ ออกไปอยู่บ้านเดี่ยว ลูกหลานสามารถอยู่อาศัยต่อไป
ทั้งนี้ นอกจาก 4 ทำเล นำร่องแล้ว ระยะต่อไป เฟสสอง กลุ่มเป้าหมาย 2-3 แสนหน่วย ซึ่งสัปดาห์ต่อไปจะกำหนดทำเล ว่าเป็นที่ไหนต่อไปทีมงานอยู่ระหว่างเตรียมข้อมูล ซึ่งนอกจาก โครงการในเขตกรุงเทพมหานครแล้ว แผนต่อไปจะขยายไปตามต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่เดินทางได้พร้อมระบบราง
เริ่มต้นได้โฟกัสไปที่ที่ดินรฟท.ที่ยังไม่ใช้งาน ยังไม่ปล่อยเช่ายังไม่พัฒนาและมีกลุ่มคนทำงาน ที่ยังมีความเป็นอยู่ที่ไม่สบาย สังเกตได้จากคนแต่งงานน้อยลง หรือแต่งงานแล้วไม่กล้ามีบุตรเมื่อโปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นไม่ต้องมีเงินดาวน์ มีความมั่นคง ทำให้เขากล้าสร้างฐานะ มีบุตร ทุกวันนี้อัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตายปัญหานี้ไม่แก้ได้ง่ายๆ
เอาจริงโปรเจ็กต์นี้ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ ไม่เป็นภาระกับรัฐบาลโดย ดึงธอส. ปล่อยสินเชื่อปกติ เพื่อให้เกิดโครงการนี้ เป็นการสร้างโอกาส ซึ่งปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีและกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีช่วยให้คำแนะนำ สร้างโอกาสกับคนในทุกมติ บ้านเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 โดยใช้ นโยบายเริ่มผ่อนที่ 4,000 บาทต่อเดือน ไม่มีเงินดาวน์ เราจะสร้างคนรุ่นใหม่ให้แข็งแรงเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ เขาอยู่ในวัยทำงานดึงอนาคตมาอยู่กับปัจจุบัน ให้ทันกับค่าใช้จ่าย
รับเหมากระหึ่ม
หลังจากจับสลากกำหนดคนเข้าโครงการและจับสลากห้องตามกำหนดแล้ว จะจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการซึ่ง เป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง โดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1ปีครึ่ง ถึง 2 ปี รวมถึงการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าจะเข้าอยู่ได้ ในปี 2569 ซึ่งวันนี้เรามองประชาชนเป็นที่ตั้งนับตั้งแต่มองหาที่ดิน การเจาะกลุ่มเป้าหมาย การผลักดันความสำเร็จ ของ First Jobber ตั้งตัวได้เร็วขึ้น
เรากำลังตั้งดีมานด์ เฟสแรก ทีมงานกำลังประมวลผล ตั้งแต่เดย์วัน ต้องยอมรับคนสนใจมาก แสดงว่าเขาขาด เราคิดให้ทันกับวิธีการ ดีมานด์ เหลือ 1.2 แสนคน โดยใช้วิธีจับสลาก และยังเก็บไว้อยู่จนถึงวันที่หมดพื้นที่ก็ต้องตัดทิ้ง
อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้ นักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตที่ว่าที่ดินบริเวณ บางซื่อกม.11 มีมูลค่าสูง ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทย มีจำนวนหน่วยเพียงกว่า1,000หน่วย ไม่สอดคล้องกัน อาจทำให้ เอสอาร์ที แอสเสท ขาดทุนได้ ซึ่งมองว่า บางซื่อกม.11 หากรัฐบาลเราไม่เริ่ม ประชาชนจำนวนมากก็ยังไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นของตนเอง
จากการประเมินถือเป็นความคุ้มค่าทางตรง ไม่ขาดทุน ส่วนกำไรทางอ้อม คือเป้าหมายหลักทำให้ First Jobber ตั้งตัวได้ และมีพลังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้านี่คือหัวใจที่สำคัญยิ่งกว่า!!! |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 22/01/2025 1:48 pm Post subject: |
|
|
ข้อสังเกต "บ้านเพื่อคนไทย" ล้านหลัง โอกาสใหม่ที่อาจสะเทือนตลาดอสังหาฯ
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร้ : วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 06:45 น.
เปิดข้อสังเกต "บ้านเพื่อคนไทย" ล้านหลังในมุมอง "อิสระ บุญยัง" ชี้สร้างโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัย แต่อาจกระทบเอกชนที่พัฒนาโครงการราคาประหยัด แนะให้ภาครัฐรักษาสมดุลทุก
ในยุคที่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยังคงเป็นประเด็นสำคัญ ประชากรส่วนใหญ่ยังขาดที่อยู่อาศัย โครงการ บ้านเพื่อคนไทย ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการนี้อาจสร้างความท้าทายต่อภาคเอกชนที่พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรระดับราคาประหยัด
นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ชี้ให้เห็นว่า ในประเทศพัฒนาแล้ว การสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเป็นหน้าที่หลักของรัฐ ผ่านมาตรการต่าง ๆ
เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อย การยกเว้นภาษีสำหรับผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด และนโยบายบังคับให้ผู้พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ต้องจัดสรรส่วนหนึ่งของโครงการสำหรับกลุ่มเป้าหมายรายได้น้อย
สำหรับประเทศไทย หน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 50 ปี โดยมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยรวมกว่า 752,169 หน่วย รวมถึงโครงการบ้านเอื้ออาทร
ขณะที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) มีโครงการ บ้านมั่นคง ที่แก้ปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนกว่า 1 แสนหน่วยทั่วประเทศ และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางเข้าถึงสินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่าจะกระทบต่อการพัฒนาของเอกชนหรือไม่ หากรัฐบาลมีนโยบายจะสร้าง บ้านเพื่อคนไทย 1 ล้านหลัง นายอิสระได้ให้ความเห็นดังนี้
ข้อจำกัดด้านทำเล แม้ว่าที่ดินของรัฐ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย จะถูกใช้ในโครงการ แต่กลับไม่ครอบคลุมความต้องการของประชาชนในทำเลที่เหมาะสม
สิทธิการถือครอง ที่ดินของรัฐยังคงมีสถานะเป็นสิทธิการเช่า ไม่สามารถเป็นกรรมสิทธิ์ได้
การกำหนดราคา กลุ่มเป้าหมายคือผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง โดยมีภาระผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจไม่กระทบตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงสูง
โครงการ BOI มีผลต่อเอกชนที่พัฒนาโครงการราคาประหยัดตามเกณฑ์ BOI โดยโครงการ BOI ที่กำหนดราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุในปี 2568 อาจได้รับผลกระทบโดยตรง
ทั้งนี้ นายอิสระได้เสนอแนะให้ภาครัฐเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้พัฒนาโครงการ BOI เช่น ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง รวมถึง ควรกำหนดเกณฑ์ BOI ให้ถาวร เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เอกชนร่วมพัฒนาโครงการบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย
โดยรัฐบาลอาจถือได้ว่ามาตรการส่งเสริมจูงใจให้เอกชนพัฒนาที่อยู่อาศัยต่างๆ นั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ บ้านเพื่อคนไทย แต่ผู้บริโภคจะมีทางเลือกที่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ ก็จะเป็นประโยชน์และไม่เป็นการแข่งขันกับภาคเอกชน อีกทั้งจะส่งผลให้มีการกระจายทำเลที่หลากหลายตามความต้องการทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน หากโครงการจะสำเร็จได้ตามเป้าหมาย ภาครัฐควรทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงหรือหน่วยงานเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดิน
กระทรวงการคลัง ที่จะเข้ามากำหนดมาตรการส่งเสริมด้านการคลัง ทั้งเรื่องภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ การชดเชยดอกเบี้ยต่ำกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลเรื่องการผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคาร และมาตรการลดค่าธรรมเนียมบางประการ ที่อาจกระทบต่อการปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การเคหะแห่งชาติ ซึ่งมีประสบการณ์และความเข้าใจ แก้ไขปัญหาการอยู่ร่วมกันของชุมชนมมาอย่างยาวนาน
รวมถึงภาคเอกชน ที่ควรเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาควบคู่กัน ไม่ใช่การแข่งขัน เพื่อให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยกระจายตัวในทำเลที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
สำหรับประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละทำเล ควรสะท้อนความต้องการที่แท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาดซึ่งจะกระทบต่อหน่วยงานรับผิดชอบและต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วย
"การสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ไม่ว่าจะโดยภาครัฐ หรือภาครัฐมีส่วนสนับสนุนให้เอกชนพัฒนายังคงมีความจำเป็นและส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
และเป็นปัจจัยที่สร้างความมั่นคงให้กับภาคครัวเรือน และเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วยเช่นเดียวกัน" นายอิสระกล่าวสรุป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 22/01/2025 1:52 pm Post subject: |
|
|
ดร.สามารถ เปิด 4 ประเด็น บ้านเพื่อคนไทย เป็นไปตามที่วาดฝันไว้หรือไม่ ?
หน้าอสังหาริมทรัพย์
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันอังคาร 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:33 น.
อัปเดตล่าสุด : วันอังคาร 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:44 น.
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ เปิด4 ประเด็น น่าห่วง โครงการ บ้านเพื่อคนไทย ตั้งข้อสังเกต จะเป็นไปตามที่หลายคนวาดฝันไว้หรือไม่ ?
กำลังเป็นกระแสฟรีเวอร์ สำหรับ โครงการบ้านเพื่อคนไทย ใกล้แนวรถไฟฟ้า มียอดลงทะเบียนจองสิทธิ์จำนวนมาก ล่าสุด ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โฟสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 21 มกราคม ว่า น่าดีใจที่รัฐบาลกำลังจะสร้างที่อยู่อาศัยให้คนไทยโดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน
โดยพยายามหาพื้นที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะได้ใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงาน ทั้งนี้ รัฐบาลจะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ทุกสายทุกสี ทำให้โครงการนี้มีดีที่ราคาที่พักอาศัยซึ่งคนเพิ่งเริ่มทำงานสามารถจ่ายได้ และสามารถเดินทางไปทำงานในเวลาที่กำหนดได้ด้วยรถไฟฟ้าค่าโดยสารไม่แพง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงว่า บ้านเพื่อคนไทย จะเป็นไปตามที่หลายคนวาดฝันไว้หรือไม่ ?
นอกจากปัจจัยด้านราคาและความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางแล้ว หลายคนจับจอง บ้านเพื่อคนไทย ด้วยความหวังว่าจะได้ที่พักอาศัยที่มีคุณภาพดี มั่นคงแข็งแรง มีสิ่งแวดล้อมดี ไม่เป็นแหล่งมั่วสุม ไม่เป็นแหล่งอาชญากรรม และมีการบริหารจัดการที่ดีทั้งเรื่องเพื่อนบ้านที่ดี เคารพกฎกติกาของสังคม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดและปลอดภัย
ห่วงบ้านเพื่อคนไทยกลายเป็นสลัม ดร.สามารถแนะใช้ พ.ร.บ.จัดรูปที่ดิน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 14:33 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 15:19 น.
อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแสดงความเป็นห่วงโครงการบ้านเพื่อคนไทย อย่าให้ลดสเปก ถามรถไฟฟ้า 20 บาททำได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ อีกด้านหวั่นพื้นที่ใกล้เคียงเป็นแหล่งมั่วสุม แหล่งอาชญากรรม สิ่งแวดล้อมดี บริหารจัดการดีหรือไม่ แนะใช้ พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินให้เกิดประโยชน์
วันนี้ (21 ม.ค.) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง บ้านเพื่อคนไทย มีอะไรที่ต้องห่วง? ระบุว่า น่าดีใจที่รัฐบาลกำลังจะสร้างที่อยู่อาศัยให้คนไทยโดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน โดยพยายามหาพื้นที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะได้ใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงาน ทั้งนี้ รัฐบาลจะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ทุกสายทุกสี ทำให้โครงการนี้มีดีที่ราคาที่พักอาศัยซึ่งคนเพิ่งเริ่มทำงานสามารถจ่ายได้ และสามารถเดินทางไปทำงานในเวลาที่กำหนดได้ด้วยรถไฟฟ้าค่าโดยสารไม่แพง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่ต้องเป็นห่วงว่า บ้านเพื่อคนไทย จะเป็นไปตามที่หลายคนวาดฝันไว้หรือไม่?
นอกจากปัจจัยด้านราคาและความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางแล้ว หลายคนจับจอง บ้านเพื่อคนไทย ด้วยความหวังว่าจะได้ที่พักอาศัยที่มีคุณภาพดี มั่นคงแข็งแรง มีสิ่งแวดล้อมดี ไม่เป็นแหล่งมั่วสุม ไม่เป็นแหล่งอาชญากรรม และมีการบริหารจัดการที่ดีทั้งเรื่องเพื่อนบ้านที่ดี เคารพกฎกติกาของสังคม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดและปลอดภัย
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่า บ้านเพื่อคนไทย เป็นโครงการที่ดี แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วง ดังนี้
(1) รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสายทุกสี จะทำได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่? รัฐจะมีเงินชดเชยให้เอกชนผู้รับสัมปทานจนสิ้นสุดระยะเวลาสัมปทานหรือไม่? อย่าลืมว่า บ้านเพื่อคนไทย เป็นโครงการที่ต้องพึ่งพารถไฟฟ้าราคาถูก นับเป็นการพัฒนาเมืองกับทางรถไฟในเชิงบูรณาการ (Integrated Urban and Railway Development) ซึ่งใช้กันมากในการพัฒนาเมืองใหม่ในประเทศญี่ปุ่น
(2) บ้าน หรือคอนโดฯ ในโครงการนี้มีความมั่นคงแข็งแรงตามที่ออกแบบไว้หรือไม่? หากก่อสร้างตามสเปกที่กำหนดไว้ในแบบก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีการลดสเปกลงก็น่าเป็นห่วง ดังนั้น ผู้รับผิดชอบจะต้องควบคุมการก่อสร้างอย่างเข้มงวดกวดขัน ไม่ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
(3) มีสิ่งแวดล้อมดีหรือไม่? การเลือกพื้นที่ที่จะสร้างที่พักอาศัยจะต้องคำนึงถึงพื้นที่ใกล้เคียงด้วย จะต้องไม่เป็นแหล่งมั่วสุม แหล่งอาชญากรรม ถ้าพื้นที่ใกล้เคียงเป็นแหล่งดังกล่าว จะต้องแก้ไขให้ได้
(4) มีการบริหารจัดการที่ดีหรือไม่? ถ้าดี จะทำให้ผู้อาศัยเคารพกฎระเบียบ ช่วยกันรักษาความสะอาด ทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เป็นแหล่งมั่วสุม แหล่งอาชญากรรม
ในการบริหารจัดการพื้นที่ใกล้เคียง ผมขอเสนอแนะให้รัฐนำ พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 มาใช้ให้เกิดประโยชน์
การจัดรูปที่ดินเป็นวิธีการที่ทำให้เจ้าของที่ดินทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรม โดยมีการจัดแบ่งแปลงใหม่ให้มีรูปร่างที่เหมาะสม ไม่เป็นเสี้ยว ไม่เป็นชายธง ไม่เป็นพื้นที่ตาบอด มีถนน ระบบระบายน้ำ สวนสาธารณะ โรงเรียน สถานพยาบาล และระบบสาธารณูปโภคอื่นที่จำเป็นอย่างเพียงพอตามมาตรฐาน เจ้าของที่ดินทุกคนจะต้องสละที่ดินส่วนหนึ่งตามหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับระบบสาธารณูปโภค และอีกส่วนหนึ่งสำหรับแบ่งขาย เงินที่ได้จากการขายที่ดินจะนำไปใช้ในการจัดหาระบบสาธารณูปโภค โดยภาครัฐจะให้เงินช่วยเหลือด้วย หากมีเงินเหลือก็แบ่งให้เจ้าของที่ดินตามสัดส่วนที่เสียสละให้
ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีที่อยากเห็นคนไทยมีที่อยู่อาศัยที่ดี ได้มาตรฐาน ได้อยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีความสุขครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 22/01/2025 2:03 pm Post subject: |
|
|
ฉลุย!ครม.ไฟเขียว ร่างพ.ร.บ.การท่าเรือฯฉบับใหม่ เปิดทางร่วมทุนฯ ให้เช่าทรัพย์สิน จับตาเป้าหมาย"เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ "
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 23:17 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 04:16 น.
เพิ่มอำนาจ กทท. ให้ลงทุนหรือร่วมทุนกับบุคคลอื่น
กทท. สามารถถือหุ้นในบริษัทจำกัด จัดตั้งบริษัทใหม่ได้
กทท. สามารถเช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้
รองรับการขยายธุรกิจและการลงทุนในอนาคต (รวมถึงพื้นที่เป้าหมายสำหรับ Entertainment Complex)
ครม.อนุมัติร่างพ.ร.บ.การท่าเรือฯฉบับใหม่ พิ่มเติมให้ กทท.ลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด,จัดตั้งบริษัท ,เช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามความจำเป็น รองรับอนาคตและยกเลิกคำว่า ผู้อำนวยการ ใช้ ผู้ว่าการ จับตา พื้นที่เป้าหมายเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี วันที่ 21 ม.ค.2568 มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตาม ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาด้วยแล้ว จำนวน 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างข้อบังคับ จำนวน 3 ฉบับ และร่างระเบียบ จำนวน 3 ฉบับ
ad
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้แก่ 1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม (ร่างมาตรา 3)คำว่า คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจอื่น (เดิม คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการของการท่าเรือ แห่งประเทศไทย)ยกเลิกคำว่า ผู้อำนวยการ ในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 และแก้ไขเป็นคำว่า ผู้ว่าการ ทุกแห่งเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่ตำแหน่ง
2. แก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมาย (ร่างมาตรา 7) โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (เดิม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม) เนื่องจากการดำเนินกิจการของ กทท. อยู่ในการกำกับดูแลของ กระทรวงคมนาคม ส่วนกระทรวงการคลังได้เปลี่ยนไปกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในภาพรวมผ่านทางกลไกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
3. แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของ กทท. โดยขยายวัตถุประสงค์ (ร่างมาตรา 8 (3) จากเดิม ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับการประกอบกิจการท่าเรือ เป็นให้ ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องในการประกอบกิจการท่าเรือเพื่อประโยชน์แก่ กทท. (เป็นการปรับปรุงถ้อยคำให้สอดคล้องกับบริบทและตรงตามอำนาจของ กทท. เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวเกี่ยวกับอำนาจของ กทท. ซึ่งจะทำให้สามารถประกอบกิจการท่าเรือ ธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือ อู่เรือ และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือเป็นส่วนประกอบกับท่าเรือ รองรับการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ได้)
4. ให้ กทท. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์ของ กทท. โดยแก้ไขเพิ่มเติมให้รวมถึงอำนาจกระทำกิจการดังต่อไปนี้ (ร่างมาตรา 9)
เช่น 1.เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถทำนิติกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง มีทรัพยสิทธิ หรือเป็นการก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์ได้
2.กำหนดให้ กทท. มีเฉพาะอำนาจเรียกเก็บค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ (เดิม ให้ กทท. มีอำนาจกำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระค่าภาระดังกล่าว เนื่องจากคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้มีอำนาจกำหนดอัตราค่าภาระดังกล่าวภายในอัตราขั้นสูงและขั้นต่ำที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 29 (5) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือฯ มีใช่ กทท.)
3. กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยเกี่ยวกับการใช้ท่าเรือ การให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ รวมทั้ง การจัดการเกี่ยวกับการสาธารณสุขและคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาณาบริเวณ (เพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการจัดการเกี่ยวกับการสาธารณสุขและคุณภาพสิ่งแวดล้อม เดิม กำหนดเพียงการจัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ)
4.เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถออกพันธบัตรหรือตราสารเพื่อใช้ในการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการของ กทท. ได้ ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการทำกิจการในบางกรณีอาจมิใช่การลงทุน (ได้ปรับถ้อยคำเพิ่มเติม จาก เดิม ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใด เพื่อการลงทุนเท่านั้น เพื่อให้การดำเนินกิจการของการทำเรือฯ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้สามารถรองรับการประกอบธุรกิจตามกรอบยุทธศาสตร์ของการท่าเรือฯ และรองรับการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือฯ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย หรือ Smart Community)
5.เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประกอบธุรกิจกับหรือเกี่ยวเนื่องในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งในราชอาณาจักรจะมีคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทนั้นไม่ได้ (เพิ่มเติมถ้อยคำ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องมีการตีความ จากเดิม ให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด)
6.เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (เดิม กทท. สามารถเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเพิ่มเติมถ้อยคำ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องมีการตีความ)
7.เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถเช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปด้วย เนื่องจากปัจจุบันกรอบยุทธศาสตร์ของการท่าเรือฯ มีการกำหนด กลยุทธ์ในการจัดทำโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย หรือ Smart Community ที่ต้องมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือฯ จึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนนี้ (เดิม ไม่กำหนด)
8.เพิ่มเติมให้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ของ กทท. ให้ กทท. จัดทำแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นแผนแม่บทสำหรับการดำเนินการ โดยแสดงถึงเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ (ร่างมาตรา 27)
9.เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถกระทำการอย่างอื่นที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องในการจัดการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ กทท. ที่อาจมีเพิ่มเติมได้ในอนาคต (เดิม ไม่ได้กำหนด) |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 22/01/2025 10:09 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมปลื้ม บ้านเพื่อคนไทย เดินหน้าโปรเจ็กต์ผ่อนเดือนละ 4 พันบนที่ดินรถไฟ
ในประเทศ
วันพุธ ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 11:10 น.
โครงการบ้านเพื่อคนไทย สร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์จากยอดเข้าชมเว็บไซต์ บ้านเพื่อคนไทย.th เกิน 31 ล้านคน และมียอดจองสิทธิทะลุ 3 แสนคน (ข้อมูล ณ 20 มกราคม 2568)
แสดงให้เห็นถึงดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองของประชาชนคนไทยมีอยู่มหาศาล และมีอยู่จริง
โดยนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานพิธีเปิดตัวและเปิดให้จองบ้านเพื่อคนไทยอย่างเป็นทางการ ณ จุดติดตั้งชั่วคราวแสดงห้องตัวอย่างบ้านเพื่อคนไทย สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เมื่อบ่ายวันศุกร์ 17 มกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579) พบว่าจำนวนครัวเรือนในประเทศไทย 21.32 ล้านครัวเรือน มีคนไทยสัดส่วนมากถึง 27.5% คิดเป็นจำนวน 5.87 ล้านครัวเรือนที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และปัจจุบันบ้านที่มีคุณภาพสูง ในทำเลที่ดี มีราคาค่อนข้างแพง และใช้ต้องเงินดาวน์ ทำให้ความฝันที่จะมีบ้านเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือ First Jobber
ดังนั้น รัฐบาลจึงทำโครงการ บ้านเพื่อคนไทย สร้างที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมโดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ ผ่อนรายเดือนไม่สูง และมีคุณภาพดี เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ มีบ้านของตัวเอง และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
ถ้าประชาชนมีที่อยู่อาศัยดี ๆ ใกล้ที่ทำงาน ประหยัดเวลา สามารถใช้เวลากับครอบครัว เป็นการชาร์จพลังของคนเหล่านั้นให้มีพลังในการทำงานได้ คือพื้นฐานปัจจัย 4 อยากให้พี่น้องคนไทยทุกคน มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และอยากให้ประชาชนลดความทุกข์ลงในทุกรูปแบบ คำกล่าวของนายกฯแพทองธาร
ด้านเจ้าภาพหลัก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทยเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของที่อยู่อาศัย ในฐานะปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการสร้างโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม โดยการใช้ประโยชน์จากที่ดินรัฐมาสร้างประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ โครงการบ้านเพื่อคนไทยยังสอดคล้องกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน สนับสนุนการเดินทางที่สะดวกและเข้าถึงง่าย ระหว่างที่พักอาศัยและสถานที่ทำงาน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบริเวณรอบสถานีรถไฟ รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ สร้างชุมชนที่มั่นคง และน่าอยู่อาศัย
ผู้บริหารภาคปฏิบัติ วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (SRT) กล่าวว่า บริษัท เอสอาร์ทีแอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ ให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและประเทศ
จากการสำรวจของเอสอาร์ทีแอสเสท พบว่ามีพื้นที่ศักยภาพสามารถนำมาใช้ในการดำเนินโครงการได้ โดยจะนำร่องโครงการใน 4 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ กม.11 (วิภาวดีฯ), พื้นที่ธนบุรี, พื้นที่เชียงใหม่ และพื้นที่เชียงราก ทุกแปลงสามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม บนทำเลที่มีศักยภาพ สะดวกต่อการเดินทางโดยระบบสาธารณะ ตอบโจทย์ตามความต้องการของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับกติกาบ้านเพื่อคนไทย กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขผู้ซื้อ ดังนี้ 1.เป็นคนไทย
2.ซื้อเป็นบ้านหลังแรก (ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมาก่อน)
3.ไม่ติดแบล็กลิสต์ในเครดิตบูโร
4.ไม่เคยซื้อบ้านเพื่อคนไทย (ในความหมายต้องการจำกัดจำนวนซื้อคนละ 1 หน่วย)
5.รายได้ผู้ซื้อไม่เกิน 50,000 บาท
6.ธนาคารรัฐ (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2.5% ระยะเวลาการผ่อน 30-40 ปี
7.อยู่อาศัยได้ 99 ปี
8.ห้ามโอนสิทธิ์ (การเป็นคู่สัญญากับการรถไฟฯ) ภายใน 5 ปีแรก และกฎเหล็กข้อสำคัญ
9.ห้ามนำไปปล่อยเช่าช่วง หากมีผู้ร้องเรียนหรือตรวจสอบพบจะยกเลิกสิทธิทันที...
https://www.prachachat.net/general/news-1738056 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 27/01/2025 7:34 pm Post subject: |
|
|
การรถไฟฯ แจง ส่งมอบระบบไฟส่องสว่าง บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กทม. เผยนัดหารือร่วมกัน 30 ม.ค. วอนประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หลังพบสาเหตุจากถูกลักลอบตัดสายไฟ-ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์บ่อยครั้ง จนระบบไฟไม่ทำงาน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าในการส่งมอบถนนและระบบไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 นั้น ปัจจุบันการรถไฟฯ ได้ส่งมอบถนนให้ กทม. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาเป็นที่เรียบร้อยเเล้วตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่วนระบบไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 นั้น การรถไฟฯ ได้ทำหนังสือขอส่งมอบระบบไฟฟ้าส่องสว่างให้ กทม. ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กทม. ยืนยันว่า การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยสั่งการให้เร่งรัดติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดแล้ว ล่าสุดได้รับแจ้งว่า ทาง กทม.ได้มีการประชุมภายในเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาและได้ข้อสรุปว่า จะทำหนังสือเชิญการรถไฟฯ ไปประชุมหารือในวันที่ 30 มกราคม 2568 นี้
ในระหว่างนี้ การรถไฟฯ ได้ดำเนินการปรับภูมิทัศน์คลองเปรมประชากร ในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเบื้องต้นได้ทำการปรับปรุงทางเดินเท้าและระบบไฟฟ้าแสงสว่าง จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปยังท่าเรือ SCG (บางซื่อ) แห่งใหม่ที่จะมีการเปิดใช้งานในอนาคต รวมถึงบริเวณหน้าสวน ปตท. ถึงแยกงามวงศ์วาน ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร การรถไฟฯ ดำเนินการซ่อมปรับปรุงโดยการเดินสายไฟและเปิดไฟถนนตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาอีกด้วย
"ที่ผ่านมา รับทราบว่าการรถไฟฯ ได้เข้าไปทำการแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าส่องสว่างในบริเวณดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุของการชำรุดของระบบไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณดังกล่าวพบว่า เกิดจากการถูกลักลอบตัดสายไฟ และตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์หลายจุด จนทำให้ระบบไฟบริเวณดังกล่าวไม่สามารถทำงานได้ ในการนี้ การรถไฟฯ ขอความกรุณาพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการด้วยครับ" ผู้ว่าการรถไฟฯ กล่าว
การรถไฟฯ ยืนยันว่า ได้เร่งรัดการดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อขอส่งมอบระบบไฟฟ้าส่องสว่างให้กับกรุงเทพมหานครโดยเร็วที่สุด และขอขอบคุณทุกความคิดเห็นของประชาชน การรถไฟฯ น้อมรับทุกคำติชม และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อประโยชน์และสร้างความพึงพอใจต่อประชาชนผู้มาใช้บริการ
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1042253821265942 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 44162
Location: NECTEC
|
Posted: 30/01/2025 11:13 am Post subject: |
|
|
รฟท.ร่างคำฟ้องเขากระโดงลุยยื่นศาลปค.รอบใหม่ คำสั่งคกก.มาตรา 61 มิชอบ ด้านสหภาพฯ ลุยยื่นปปป.ร้องทุกข์กล่าวโทษอธิบดีกรมที่ดิน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพุธ ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 17:45 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 17:45 น.
KEY POINTS
ผู้ว่าฯ รฟท. เร่งเตรียมยื่นศาลปกครองเพิกถอนคำสั่ง คกก.มาตรา 61 ที่ไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง
การยื่นศาลครั้งนี้ ผู้ว่าฯ รฟท. ชี้แจงว่าเป็นประเด็นใหม่ ไม่ใช่การฟ้องซ้ำ
สหภาพแรงงานรถไฟฯ ยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษ อธิบดีกรมที่ดินและ คกก.มาตรา 61 ต่อ ปปช. เกี่ยวเนื่องกับกรณีที่ดินเขากระโดง
ผู้ว่าฯรฟท.เร่งร่างหนังสือเตรียมยื่นศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง คกก.มาตรา 61 ไม่ชอบ กรณีไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดิน "เขากระโดง" "วีริศ" หารือกฎหมาย ชี้ประเด็นใหม่ ไม่ใช่ฟ้องซ้ำ ด้านสหภาพฯรถไฟฯลุย ยื่นปปป. ร้องทุกข์กล่าวโทษ อธิบดีกรมที่ดิน และคกก.มาตรา 61
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดถึงความคืบหน้ากรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยพิจารณาและยืนยัน คำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดงบริเวณแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 5,083 ไร่ ของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้นชอบแล้ว ขณะนี้ การรถไฟฯ อยู่ระหว่าง ร่างคำฟ้องเพื่อยื่นต่อศาลปกครองว่า ผลการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เป็นคำสั่งทางปกครองที่มิชอบ และขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
นายวีริศกล่าวว่า เรื่องนี้ มีประเด็นจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ รฟท. ได้ยื่นฟ้องกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินต่อศาลปกครอง ไป3 ประเด็น ซึ่งศาลรับ 1 ประเด็น ไม่รับ 2 ประเด็นคือ กระทำละเมิดต่อ รฟท. และขอให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี หรือกำหนดค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีคืนแก่รฟท.ซึ่งศาลปกครองได้ยกคำร้องในส่วนนี้ไป แต่ปัจจุบันทั้งสองประเด็นนี้ รฟท.ในยุคก่อนได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ทำให้ประเด็นนี้ต้องรอการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดก่อน จึงจำเป็นที่ รฟท.จะต้องหาประเด็นใหม่ไปฟ้อง เพื่อไม่ให้เป็นการฟ้องซ้ำ
ผู้สื่อข่าว ถามว่า แล้วประเด็นใหม่ที่จะฟ้องร้องคืออะไร ผู้ว่ารถไฟฯ กล่าวว่า ประเด็นที่ฟ้องก็คือคำสั่งของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 ไม่ชอบ โดยจะมีการเพิ่มเติมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน ส่วนการพิจารณาเพิกถอนต่างๆ ยังคาที่ศาลปกครองสูงสุดอยู่ ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลา 90 วันที่จะอุทธรณ์ตามที่คณะกรรมการสอบสวนตามาตรา 61 ระบุไว้ ส่วนจะยื่นได้เมื่อไหร่ ยังไม่รู้เลย แต่อยู่ในกรอบเวลาที่กำหนดแน่นอน โดยรฟท.ได้รับหนังสือจากกรมที่ดิน เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2568
ด้าน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้เตรียมเคลื่อนไหว โดยนายสราวุธ สราญวงศ์ ประธาน สหภาพฯรฟท. ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค. 68) เวลา10.30 น. สหภาพฯรถไฟฯเตรียมจะไปที่กองบังคับการกองปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ อธิบดีกรมที่ดิน และคณะกรรมการตามมาตร 61 เรื่องกรณีไม่ดำเนินการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ที่ออกโดยไม่ชอบโดยกฎหมาย |
|
Back to top |
|
|
|