RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:312366
ทั่วไป:14096284
ทั้งหมด:14408650
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รถไฟทางคู่ภาคตะวันออก ระยอง-จันทบุรี-ตราด-คลองใหญ่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รถไฟทางคู่ภาคตะวันออก ระยอง-จันทบุรี-ตราด-คลองใหญ่
Goto page Previous  1, 2, 3, 4
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 48728
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/09/2024 5:43 am    Post subject: Reply with quote

ชาวบ้านเห็นด้วย! สร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เร่งกทพ.ดันให้สำเร็จ
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Tuesday, September 03, 2024 22:17

ชาวเกาะช้างเห็นด้วย สร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เร่งกทพ.ดันให้สร้างสำเร็จ ชี้ลดความเลื่อมล้ำ,ขณะกลุ่มทุนใหญ่ระบุสร้างศักยภาพแข่งขัน,เพิ่มยอดนทท.

3 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ที่ทโรวแรมอัยยะปุระ อ.เกาะช้าง จ.ตราด นายนริศ ปาลวงศ์ ณ อยุธยา นายอำเภอเกาะช้าง ตัวแทนของผู้ว่าราชการจ.ตราด ร่วมกับ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)กระทรวงคมนาคม จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2(การปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด โดยมี นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี รองผู้ว่าการ กทพ. นายชาญวิทย์ อาจสมิติ ผู้จัดการโครงการ และตัวแทนบริษัทที่ปรึกษา 6 บริษัท ร่วมรับฟังความคิดเห็นของชาวอำเภอเกาะช้างในเรื่องการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง ซึ่งมีชาวเกาะช้าง ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวร่วมประชุมกว่า 250 คน

หลังจากที่นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี และนายนริศ ปาลวงศ์ ณ อยุธยา รับฟังการกล่าวถึงการจัดประชุมปฐมนิเทศโครงการจากนายชาญวิทย์ อาจสมิติ แล้ว ตัวแทนของบริษัทที่ปรึกษาได้รมยงานผลการศึกษาแนวทางการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างให้กับที่ประชุม และเปิดรับฟังความคิดเห็น จากชาวอำเภอเกาะช้าง ซึ่งที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการการดำเนินการก่อสร้าง และไม่สนใจว่าจะสร้างตรงบริเวณไหน เพียงแต่ขอให้มีการดำเนินการก่อสร้างอย่างจริงจัง และดำเนินการไปตามความต้องการของพี่น้องชาวตราดและชาวเกาะช้าง เนื่องจากที่ผ่านมาชาวเกาะช้างที่อาศัยอยู่ขาดโอกาสทั้งในเรื่องการแข่งขันด้านการศึกษา การสาธารณสุขที่ไม่สามารถเดินทางไปรักษาการป่วยได้ทันท่วมที หรือปัญหาอื่นๆซึ่งเทียบกับพี่น้องชาวตราดบนฝั่งไม่ได้ จึงเรียกร้องให้กทพ.ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว

นายพรชัย เขมะพรรค์พงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของเกาะช้าง กล่าวว่า การเดินทางมาท่องเที่ยวของจังหวัดตราดและมาที่เกาะช้างทุกวันนี้ ประสบปัญกาจากการเดินทางจากกรุงเทพมาตราดที่ติดขัดทั้งในเรื่องไฟแดงจราจรที่มีมากเกินไป และเมื่อมาถึงตราดยังต้องประสบปัญหาเรื่องขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะช้างทีทต้องเสียงเวบา 1-2 ชม.และกลับก็เสียเวลาอีก 1-2 ชม หรืออาจจะมากกว่านั้นในช่วงเทศกาล ซี่งทำให้เกาะช้างเสียโอกาสไป ขณะที่สนามบินก็เป็นของเอกชนที่ยังไม่มีการลงทุนที่ให้สายการบินพาณิชย์ขนาดใหญ่มาลงได้ ทางรถไฟรางคู่ก็ไม่มี ซึ่งหากมีการสร้างสะพานข้ามเกาะช้างได้จะสร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจท่องเที่ยวได้มากขึ้น เพราะเดินทางมาได้ทุกเวลา ซึ่งส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอีกมาก

ด้านนายสารพล ประศาสตร์ศิลป์ นายกสมาคมโรงแรมและรีสอร์ทจังหวัดตราด กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่กทพ.มารับฟังความคิดเห็นของชาวเกาะช้าง และชาวตราดในการสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง ในครั้งนี้ เพราะปัจจุบันการเดินทางมาสู่แหล่งท่องเที่ยวของเกาะช้างมีทางเลือกแค่ใช้เรือเฟอร์รี่ข้ามเข้ามา ซึ่งหากจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมามาก การเดินทางจะเสียเวลามากจากการขึ้นเรือเฟอร์รี่ ซึ่บส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของเกาะช้าง ขณะเดียวกัน หากสร้างสะพานข้ามเกาะช้างแล้ว การเดินทางสามารถเดินทางได้ตลอด 24 ชม.ทำให้เป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางมาเกาะช้างเพิ่มมากขึ้น รายได้ของผู้ประกอบการก็จะมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ซี่งต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวไทยกลุ่มที่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังจะส่งผลดีต่อความเสมอภาคของพี่น้องชาวเกาะช้าง และชาวตราดด้วยทั้งในเรื่องการเดินทางที่จะไวมากขึ้น รวมทั้งยังทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเชือกเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากจะมีเรือเฟอร์รี่รับส่งเพียงช่องทางเดียว

นายสัคศิษฐ์ มุ่งการผู้บริหารกลุ่มโรงแรมสยามโรยัลวิว เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า ปัจจุบันในทุกๆวัน จะมีรถยนต์เดินทางเข้ามายังอำเภอเกาะช้างวันละ 800 คัน ไปกลับก็จะประมาณ 1,600 คัน (584,000 คัน/ปีเป็นอย่างน้อย)แต่หากเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะเพิ่มเป็น 1,200 คัน หรือไป-กลับ 2,400 คัน แต่หากเป็นช่วงวันหยุดยาวจำนวนก็จะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหากจะประเมินผลทางเศรษฐกิจ ที่จะสร้างรายได้ให้กับกทพ.ที่จะเก็บได้จากค่าผ่านทางแล้วจะสามารถคุ้มทุนได้ในเวลาไม่นาน แต่สิ่งที่ได้จะได้มากกว่านี้ก็คือ ผลทางเศรษฐกิจในอีกหลายมิติ ซึ่งที่ผ่านมา ในปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดตั้งแต่ปีใหม่ถึงเดือนเมษายน 2567 มีสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท และคาดว่า สิ้นปี 2567 จะมีสูงแตะ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากมองต่อไปว่า ถ้ามีการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก และรายได้ที่จะเกิดขึ้นจะเพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว ซึ่งยังไม่รวมกับรายได้การเก็บค่าผ่านทางของกทพ.ที่จะเก็บจากรถยนต์ที่เดินทางมายังเกาะช้าง ซึ่งคุ้มค่ากับการก่อสร้างและผลอื่นๆที่จะตามมาอีก

นางวิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจ.ตราดและเจเาของกลุ่มโรงแรมบ้านปู จ.ตราด เปิดเผยว่า หอการค้าจ.ตราดเคยได้ผลักดันโครงการสร้างสะพานข้ามเกาะช้างมากว่า 10 ปี ก่อนที่จะเขเามานั่งเป็นประธานหอการค้าจังหวัดตราด ซึ่งในยุคที่มามองในเรื่องความสะดวกสบาย และผลทางเศรษฐกิจทีทจะทำให้จังหวัดตราด โดยเฉพาะเกาะช้างสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น และไม่เกิดปัญหารถยนต์รอลงเรือเฟอร์รี่ทั้งขาไปและขากลับ แต่เมื่อมานั่งเป็นประธานหอการค้าจ.ตราดยอมรับว่า สร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เป็นเรื่องดี แต่อยากให้มองอีกด้านว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างประเทศเขาต้องการเดินทางแบบไหน ส่วนใหญ่จะชอบในเรื่องการลงเฟอร์รี่มากกว่า และนั่งเฟอร์รี่ชมวิวทะเล เพราะแค่ไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงเกาะช้างแล้ว แต่ก็นั่นแหละเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่นั่งเครื่องบินมา แต่นักท่องเที่ยวไทยมักนิยมเดินทางมาด้วยรถยนต์ ซึ่งจำนวนรถยนต์ที่ขึ้นไปยัลเกาะช้าง จะเกิดปัญหาด้านจราจร และอาจจะติด หรืออาจจะหาสถานทีทจอดรถยนต์ลำบาก เพราะช่วงวันหยุดยาวรถยนต์ที่ลงไปเกาะช้างบางทีหาที่จอดลงหาดไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ไขก่อนที่สะพานจะสร้างเสร็จ ซึ่งมีเวลา 5-6 ปีที่คนบนฝั่งเกาะช้างจะต้องเร่งดำเนินการ

"มองในเรื่องความคุ้มค่าทีทกทพ.ลงทุนด้วยเงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้าน เงินหมื่นล้านเอามาทำโครงการอื่นๆ เช่น การก่อสร้างสะพานสาธารณะเพื่อให้สัมปทานเรือข้ามเกาะช้างเพิ่ม เพราะปัจจุบันมีแต่ท่าเรือเอกชน บางทีหากจะแก้ไขให้รถยนต์ลงเกาะช้างได้เร็วหากมีท่าเรือใหม่ขอลภาครัฐจะทำการแก้ปัญกานี้ได้ หรือระบบการส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ไม่ต้องข้ามมาฝั่งจังหวัดตราดก็ได้ แต่สร้างสถานการพยาบาลที่มีศักยภาพเท่าบนฝั่งก็น่าจะทำได้ หรือสถานการศึกษาที่รองรับนักเรียนของชาวเกาะช้างก็ทำได้ หากใช้เงินมายกระดับ หากทำเช่นนี้ได้การก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างอาจจะไม่จำเป็นก็ได้"

และหลังจบการประชุมประชุมนายกาจพล กล่าวสรุปว่า ทั้งหมดที่ได้รับฟังความคิดเห็นมายอมรับว่า ชาวตราดและชาวเกาะช้างมีความต้องการให้กทพ.สร้างสะพานข้ามเกาะช้างมาก และหลังจากศึกษาผลกระทบแล้วอยากจะให้ผลักดันต่อ ซึ่งในเรื่องงบประมาณนั้นไม่ใช้ปัญหาเนื่องจากกทพ.มีงบประมาณของตัวเอง และยังมีรายได้จากการเก็บค่าผ่านทาง ซี่งเรานำกำไรมาดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งอาจจะหารือกับฝ่ายรัฐวิสาหกิจในการออกแบบสะพานเพื่อจะสามารถเกี่ยวสายสื่อสาร สายไฟฟ้า หรือท่อประปาไปพร้อมกับสะพานแห่งนี้ได้พร้อมกัน จะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายของสาธารณูปโภคได้ และน่สเกอดผลต่อต่อการก่อสร้างสะพานด้วย และราคาค่าเก็บค่าผ่านทางที่จะลดลงด้วย

Villagers Agree! Build a Bridge to Koh Chang, Push for Completion, Urges Expressway Authority

Source: Naewna website
Date: Tuesday, September 3, 2024, 22:17

Residents of Koh Chang support the construction of a bridge to the island, urging the Expressway Authority of Thailand (EXAT) to expedite the project. They believe it will reduce inequality, while major investors point out that it will enhance competitiveness and increase tourist numbers.

On September 3, 2024, at 9:00 AM, at the Aiyapura Hotel in Koh Chang District, Trat Province, Mr. Naris Palawong Na Ayudhya, the District Chief of Koh Chang representing the Governor of Trat, along with the EXAT under the Ministry of Transport, held the second public hearing (project orientation) on the feasibility study concerning engineering, economic, financial, and environmental aspects of the special expressway project connecting Koh Chang, Trat Province. The meeting was attended by EXAT Deputy Governor Mr. Katchapajorn Udomthamphakdee, Project Manager Mr. Chanwit Artsomiti, and representatives from six consulting firms. Over 250 people, including government officials, local government organizations, state enterprises, and tourism entrepreneurs from Koh Chang, participated in the meeting to discuss the bridge construction.

After listening to the project orientation by Mr. Chanwit Artsomiti, the consulting firm representative presented the feasibility study of the bridge construction to the meeting. The attendees unanimously agreed on the necessity of the project, regardless of the construction location, as long as it is seriously pursued according to the needs of the residents of Trat and Koh Chang. The residents emphasized that they have long suffered from limited access to education and healthcare compared to mainland Trat residents and urged EXAT to proceed with the project promptly.

Mr. Pornchai Kemmaphanpong, President of the Trat Province Tourism Industry Council and a major entrepreneur in Koh Chang, highlighted the current travel difficulties to Koh Chang, such as traffic congestion in Bangkok and the long wait for the ferry to cross to Koh Chang, which takes 1-2 hours or even longer during festivals. He noted that these issues have caused Koh Chang to miss out on opportunities. Moreover, the private airport on the island has not seen investments to accommodate large commercial flights, and there is no double-track railway. He argued that if a bridge is built, it would significantly enhance business competitiveness, as travel would be possible at any time, thus increasing tourist numbers and business revenue.

Mr. Sarapol Prasat Sin, President of the Trat Province Hotel and Resort Association, expressed that it was beneficial for EXAT to hear the views of Koh Chang and Trat residents regarding the bridge construction. He pointed out that the current ferry service is the only travel option to Koh Chang, and when the number of tourists increases, the long wait for the ferry can harm Koh Chang's tourism image. He added that if the bridge is built, 24-hour access to the island would provide more opportunities for Thai tourists, leading to increased revenue for businesses and more equitable distribution of income across other sectors. Additionally, he emphasized that the bridge would promote equality among Koh Chang and Trat residents by improving travel speed and offering an alternative to the ferry service.

Mr. Saksit Mungkan, an executive of Siam Royal View Group in Koh Chang, revealed that currently, around 800 cars travel to Koh Chang daily, increasing to 1,200 on weekends and even more during long holidays. He estimated that the economic benefits from toll collections by EXAT would quickly cover the investment costs, with additional economic benefits in various dimensions. In 2024, Trat Province's tourism revenue from January to April alone reached 14 billion baht, with an expected rise to 20 billion baht by the end of the year. He argued that if the bridge is built, tourist numbers and revenue could increase significantly, further justifying the construction investment.

Ms. Wipa Sunetra, President of the Trat Chamber of Commerce and owner of the Baan Poo Group of Hotels, shared that the Chamber of Commerce has been advocating for the bridge project for over a decade. She acknowledged the benefits of the bridge for enhancing travel convenience and boosting the local economy. However, she also pointed out that some foreign tourists prefer the ferry ride to Koh Chang, as it offers scenic views, and the journey takes only 30 minutes. She raised concerns about potential traffic and parking issues on Koh Chang during peak tourist seasons, suggesting that these issues should be addressed before the bridge is completed. She also proposed alternative investments, such as improving ferry services or enhancing local healthcare and educational facilities, which might reduce the need for a bridge.

In conclusion, Mr. Katchapajorn Udomthamphakdee summarized the meeting, acknowledging the strong desire of Trat and Koh Chang residents for the bridge's construction. He assured that budget constraints are not an issue, as EXAT has its funds and revenue from toll collections, and proposed incorporating utilities like communication cables, power lines, or water pipes into the bridge design to optimize public utility spending and reduce toll charges.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 48728
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/09/2024 5:44 am    Post subject: Reply with quote

ชาวบ้านเห็นด้วย! สร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เร่งกทพ.ดันให้สำเร็จ
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Tuesday, September 03, 2024 22:17

ชาวเกาะช้างเห็นด้วย สร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เร่งกทพ.ดันให้สร้างสำเร็จ ชี้ลดความเลื่อมล้ำ,ขณะกลุ่มทุนใหญ่ระบุสร้างศักยภาพแข่งขัน,เพิ่มยอดนทท.

3 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ที่ทโรวแรมอัยยะปุระ อ.เกาะช้าง จ.ตราด นายนริศ ปาลวงศ์ ณ อยุธยา นายอำเภอเกาะช้าง ตัวแทนของผู้ว่าราชการจ.ตราด ร่วมกับ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)กระทรวงคมนาคม จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2(การปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด โดยมี นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี รองผู้ว่าการ กทพ. นายชาญวิทย์ อาจสมิติ ผู้จัดการโครงการ และตัวแทนบริษัทที่ปรึกษา 6 บริษัท ร่วมรับฟังความคิดเห็นของชาวอำเภอเกาะช้างในเรื่องการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง ซึ่งมีชาวเกาะช้าง ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวร่วมประชุมกว่า 250 คน

หลังจากที่นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี และนายนริศ ปาลวงศ์ ณ อยุธยา รับฟังการกล่าวถึงการจัดประชุมปฐมนิเทศโครงการจากนายชาญวิทย์ อาจสมิติ แล้ว ตัวแทนของบริษัทที่ปรึกษาได้รมยงานผลการศึกษาแนวทางการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างให้กับที่ประชุม และเปิดรับฟังความคิดเห็น จากชาวอำเภอเกาะช้าง ซึ่งที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการการดำเนินการก่อสร้าง และไม่สนใจว่าจะสร้างตรงบริเวณไหน เพียงแต่ขอให้มีการดำเนินการก่อสร้างอย่างจริงจัง และดำเนินการไปตามความต้องการของพี่น้องชาวตราดและชาวเกาะช้าง เนื่องจากที่ผ่านมาชาวเกาะช้างที่อาศัยอยู่ขาดโอกาสทั้งในเรื่องการแข่งขันด้านการศึกษา การสาธารณสุขที่ไม่สามารถเดินทางไปรักษาการป่วยได้ทันท่วมที หรือปัญหาอื่นๆซึ่งเทียบกับพี่น้องชาวตราดบนฝั่งไม่ได้ จึงเรียกร้องให้กทพ.ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว

นายพรชัย เขมะพรรค์พงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของเกาะช้าง กล่าวว่า การเดินทางมาท่องเที่ยวของจังหวัดตราดและมาที่เกาะช้างทุกวันนี้ ประสบปัญกาจากการเดินทางจากกรุงเทพมาตราดที่ติดขัดทั้งในเรื่องไฟแดงจราจรที่มีมากเกินไป และเมื่อมาถึงตราดยังต้องประสบปัญหาเรื่องขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะช้างทีทต้องเสียงเวบา 1-2 ชม.และกลับก็เสียเวลาอีก 1-2 ชม หรืออาจจะมากกว่านั้นในช่วงเทศกาล ซี่งทำให้เกาะช้างเสียโอกาสไป ขณะที่สนามบินก็เป็นของเอกชนที่ยังไม่มีการลงทุนที่ให้สายการบินพาณิชย์ขนาดใหญ่มาลงได้ ทางรถไฟรางคู่ก็ไม่มี ซึ่งหากมีการสร้างสะพานข้ามเกาะช้างได้จะสร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจท่องเที่ยวได้มากขึ้น เพราะเดินทางมาได้ทุกเวลา ซึ่งส่งผลดีต่อการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอีกมาก

ด้านนายสารพล ประศาสตร์ศิลป์ นายกสมาคมโรงแรมและรีสอร์ทจังหวัดตราด กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่กทพ.มารับฟังความคิดเห็นของชาวเกาะช้าง และชาวตราดในการสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง ในครั้งนี้ เพราะปัจจุบันการเดินทางมาสู่แหล่งท่องเที่ยวของเกาะช้างมีทางเลือกแค่ใช้เรือเฟอร์รี่ข้ามเข้ามา ซึ่งหากจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมามาก การเดินทางจะเสียเวลามากจากการขึ้นเรือเฟอร์รี่ ซึ่บส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของเกาะช้าง ขณะเดียวกัน หากสร้างสะพานข้ามเกาะช้างแล้ว การเดินทางสามารถเดินทางได้ตลอด 24 ชม.ทำให้เป็นโอกาสของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางมาเกาะช้างเพิ่มมากขึ้น รายได้ของผู้ประกอบการก็จะมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ซี่งต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวไทยกลุ่มที่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังจะส่งผลดีต่อความเสมอภาคของพี่น้องชาวเกาะช้าง และชาวตราดด้วยทั้งในเรื่องการเดินทางที่จะไวมากขึ้น รวมทั้งยังทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเชือกเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากจะมีเรือเฟอร์รี่รับส่งเพียงช่องทางเดียว

นายสัคศิษฐ์ มุ่งการผู้บริหารกลุ่มโรงแรมสยามโรยัลวิว เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า ปัจจุบันในทุกๆวัน จะมีรถยนต์เดินทางเข้ามายังอำเภอเกาะช้างวันละ 800 คัน ไปกลับก็จะประมาณ 1,600 คัน (584,000 คัน/ปีเป็นอย่างน้อย)แต่หากเป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะเพิ่มเป็น 1,200 คัน หรือไป-กลับ 2,400 คัน แต่หากเป็นช่วงวันหยุดยาวจำนวนก็จะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหากจะประเมินผลทางเศรษฐกิจ ที่จะสร้างรายได้ให้กับกทพ.ที่จะเก็บได้จากค่าผ่านทางแล้วจะสามารถคุ้มทุนได้ในเวลาไม่นาน แต่สิ่งที่ได้จะได้มากกว่านี้ก็คือ ผลทางเศรษฐกิจในอีกหลายมิติ ซึ่งที่ผ่านมา ในปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดตราดตั้งแต่ปีใหม่ถึงเดือนเมษายน 2567 มีสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท และคาดว่า สิ้นปี 2567 จะมีสูงแตะ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากมองต่อไปว่า ถ้ามีการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก และรายได้ที่จะเกิดขึ้นจะเพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว ซึ่งยังไม่รวมกับรายได้การเก็บค่าผ่านทางของกทพ.ที่จะเก็บจากรถยนต์ที่เดินทางมายังเกาะช้าง ซึ่งคุ้มค่ากับการก่อสร้างและผลอื่นๆที่จะตามมาอีก

นางวิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจ.ตราดและเจเาของกลุ่มโรงแรมบ้านปู จ.ตราด เปิดเผยว่า หอการค้าจ.ตราดเคยได้ผลักดันโครงการสร้างสะพานข้ามเกาะช้างมากว่า 10 ปี ก่อนที่จะเขเามานั่งเป็นประธานหอการค้าจังหวัดตราด ซึ่งในยุคที่มามองในเรื่องความสะดวกสบาย และผลทางเศรษฐกิจทีทจะทำให้จังหวัดตราด โดยเฉพาะเกาะช้างสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น และไม่เกิดปัญหารถยนต์รอลงเรือเฟอร์รี่ทั้งขาไปและขากลับ แต่เมื่อมานั่งเป็นประธานหอการค้าจ.ตราดยอมรับว่า สร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เป็นเรื่องดี แต่อยากให้มองอีกด้านว่า นักท่องเที่ยวบางส่วนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างประเทศเขาต้องการเดินทางแบบไหน ส่วนใหญ่จะชอบในเรื่องการลงเฟอร์รี่มากกว่า และนั่งเฟอร์รี่ชมวิวทะเล เพราะแค่ไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงเกาะช้างแล้ว แต่ก็นั่นแหละเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่นั่งเครื่องบินมา แต่นักท่องเที่ยวไทยมักนิยมเดินทางมาด้วยรถยนต์ ซึ่งจำนวนรถยนต์ที่ขึ้นไปยัลเกาะช้าง จะเกิดปัญหาด้านจราจร และอาจจะติด หรืออาจจะหาสถานทีทจอดรถยนต์ลำบาก เพราะช่วงวันหยุดยาวรถยนต์ที่ลงไปเกาะช้างบางทีหาที่จอดลงหาดไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ไขก่อนที่สะพานจะสร้างเสร็จ ซึ่งมีเวลา 5-6 ปีที่คนบนฝั่งเกาะช้างจะต้องเร่งดำเนินการ

"มองในเรื่องความคุ้มค่าทีทกทพ.ลงทุนด้วยเงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้าน เงินหมื่นล้านเอามาทำโครงการอื่นๆ เช่น การก่อสร้างสะพานสาธารณะเพื่อให้สัมปทานเรือข้ามเกาะช้างเพิ่ม เพราะปัจจุบันมีแต่ท่าเรือเอกชน บางทีหากจะแก้ไขให้รถยนต์ลงเกาะช้างได้เร็วหากมีท่าเรือใหม่ขอลภาครัฐจะทำการแก้ปัญกานี้ได้ หรือระบบการส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ไม่ต้องข้ามมาฝั่งจังหวัดตราดก็ได้ แต่สร้างสถานการพยาบาลที่มีศักยภาพเท่าบนฝั่งก็น่าจะทำได้ หรือสถานการศึกษาที่รองรับนักเรียนของชาวเกาะช้างก็ทำได้ หากใช้เงินมายกระดับ หากทำเช่นนี้ได้การก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างอาจจะไม่จำเป็นก็ได้"

และหลังจบการประชุมประชุมนายกาจพล กล่าวสรุปว่า ทั้งหมดที่ได้รับฟังความคิดเห็นมายอมรับว่า ชาวตราดและชาวเกาะช้างมีความต้องการให้กทพ.สร้างสะพานข้ามเกาะช้างมาก และหลังจากศึกษาผลกระทบแล้วอยากจะให้ผลักดันต่อ ซึ่งในเรื่องงบประมาณนั้นไม่ใช้ปัญหาเนื่องจากกทพ.มีงบประมาณของตัวเอง และยังมีรายได้จากการเก็บค่าผ่านทาง ซี่งเรานำกำไรมาดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งอาจจะหารือกับฝ่ายรัฐวิสาหกิจในการออกแบบสะพานเพื่อจะสามารถเกี่ยวสายสื่อสาร สายไฟฟ้า หรือท่อประปาไปพร้อมกับสะพานแห่งนี้ได้พร้อมกัน จะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายของสาธารณูปโภคได้ และน่สเกอดผลต่อต่อการก่อสร้างสะพานด้วย และราคาค่าเก็บค่าผ่านทางที่จะลดลงด้วย

Villagers Agree! Build a Bridge to Koh Chang, Push for Completion, Urges Expressway Authority

Source: Naewna website
Date: Tuesday, September 3, 2024, 22:17

Residents of Koh Chang support the construction of a bridge to the island, urging the Expressway Authority of Thailand (EXAT) to expedite the project. They believe it will reduce inequality, while major investors point out that it will enhance competitiveness and increase tourist numbers.

On September 3, 2024, at 9:00 AM, at the Aiyapura Hotel in Koh Chang District, Trat Province, Mr. Naris Palawong Na Ayudhya, the District Chief of Koh Chang representing the Governor of Trat, along with the EXAT under the Ministry of Transport, held the second public hearing (project orientation) on the feasibility study concerning engineering, economic, financial, and environmental aspects of the special expressway project connecting Koh Chang, Trat Province. The meeting was attended by EXAT Deputy Governor Mr. Katchapajorn Udomthamphakdee, Project Manager Mr. Chanwit Artsomiti, and representatives from six consulting firms. Over 250 people, including government officials, local government organizations, state enterprises, and tourism entrepreneurs from Koh Chang, participated in the meeting to discuss the bridge construction.

After listening to the project orientation by Mr. Chanwit Artsomiti, the consulting firm representative presented the feasibility study of the bridge construction to the meeting. The attendees unanimously agreed on the necessity of the project, regardless of the construction location, as long as it is seriously pursued according to the needs of the residents of Trat and Koh Chang. The residents emphasized that they have long suffered from limited access to education and healthcare compared to mainland Trat residents and urged EXAT to proceed with the project promptly.

Mr. Pornchai Kemmaphanpong, President of the Trat Province Tourism Industry Council and a major entrepreneur in Koh Chang, highlighted the current travel difficulties to Koh Chang, such as traffic congestion in Bangkok and the long wait for the ferry to cross to Koh Chang, which takes 1-2 hours or even longer during festivals. He noted that these issues have caused Koh Chang to miss out on opportunities. Moreover, the private airport on the island has not seen investments to accommodate large commercial flights, and there is no double-track railway. He argued that if a bridge is built, it would significantly enhance business competitiveness, as travel would be possible at any time, thus increasing tourist numbers and business revenue.

Mr. Sarapol Prasat Sin, President of the Trat Province Hotel and Resort Association, expressed that it was beneficial for EXAT to hear the views of Koh Chang and Trat residents regarding the bridge construction. He pointed out that the current ferry service is the only travel option to Koh Chang, and when the number of tourists increases, the long wait for the ferry can harm Koh Chang's tourism image. He added that if the bridge is built, 24-hour access to the island would provide more opportunities for Thai tourists, leading to increased revenue for businesses and more equitable distribution of income across other sectors. Additionally, he emphasized that the bridge would promote equality among Koh Chang and Trat residents by improving travel speed and offering an alternative to the ferry service.

Mr. Saksit Mungkan, an executive of Siam Royal View Group in Koh Chang, revealed that currently, around 800 cars travel to Koh Chang daily, increasing to 1,200 on weekends and even more during long holidays. He estimated that the economic benefits from toll collections by EXAT would quickly cover the investment costs, with additional economic benefits in various dimensions. In 2024, Trat Province's tourism revenue from January to April alone reached 14 billion baht, with an expected rise to 20 billion baht by the end of the year. He argued that if the bridge is built, tourist numbers and revenue could increase significantly, further justifying the construction investment.

Ms. Wipa Sunetra, President of the Trat Chamber of Commerce and owner of the Baan Poo Group of Hotels, shared that the Chamber of Commerce has been advocating for the bridge project for over a decade. She acknowledged the benefits of the bridge for enhancing travel convenience and boosting the local economy. However, she also pointed out that some foreign tourists prefer the ferry ride to Koh Chang, as it offers scenic views, and the journey takes only 30 minutes. She raised concerns about potential traffic and parking issues on Koh Chang during peak tourist seasons, suggesting that these issues should be addressed before the bridge is completed. She also proposed alternative investments, such as improving ferry services or enhancing local healthcare and educational facilities, which might reduce the need for a bridge.

In conclusion, Mr. Katchapajorn Udomthamphakdee summarized the meeting, acknowledging the strong desire of Trat and Koh Chang residents for the bridge's construction. He assured that budget constraints are not an issue, as EXAT has its funds and revenue from toll collections, and proposed incorporating utilities like communication cables, power lines, or water pipes into the bridge design to optimize public utility spending and reduce toll charges.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45053
Location: NECTEC

PostPosted: 17/01/2025 1:07 pm    Post subject: Reply with quote

-โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมากฉะเชิงเทรา-ศรีราชา (125 กม.) และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด (70กม.) เพื่อรองรับการขนส่งระหว่างท่าเรือหลัก 3 แห่งในเขตพัฒนาภาค ตะวันออก(ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสัตหีบ, ท่าเรือมาบตาพุด) มูลค่า 10,472 ล้านบาท อยู่ระหว่างเตรียมขออนุมัติโครงการโดยหวังว่า จะเปิดให้บริการปี พ.ศ. 2571
- โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงศรีราชา - บ่อวิน - ระยอง (79 กม.) และระยอง - บ้านฉาง - มาบตาพุด (22 กม.) เพื่อรองรับการขนส่งระหว่างท่าเรือหลัก 3 แห่งในเขตพัฒนาภาค ตะวันออก (ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสัตหีบ, ท่าเรือมาบตาพุด) มูลค่า 22,220 ล้านบาท โดยหวังว่า จะเปิดให้บริการปี พ.ศ. 2574
-โครงการรถไฟทางเดี่ยว ช่วงระยอง - จันทบุรี – ตราด (150 กม.) เพื่อรองรับการขนส่งระหว่างท่าเรือหลัก 3 แห่งในเขตพัฒนาภาค ตะวันออก (ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสัตหีบ, ท่าเรือมาบตาพุด) มูลค่า 22,500 ล้านบาท กรมทางหลวงได้ศึกษาต่อในโครงการ MR-MAP เส้นทาง MR7 กรุงเทพฯ-ระยอง/ตราด
-โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงระยอง - จันทบุรี – ตราด (188 กม.) เพื่อรองรับการขนส่งระหว่างท่าเรือหลัก 3 แห่งในเขตพัฒนาภาค ตะวันออก (ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสัตหีบ, ท่าเรือมาบตาพุด) มูลค่า 18,860 ล้านบาท กรมทางหลวงได้ศึกษาต่อในโครงการ MR-MAP เส้นทาง MR7 กรุงเทพฯ-ระยอง/ตราด
-โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงคลองสิบเก้า – อรัญประเทศ (174 กม.) เพื่อรองรับการขนส่งระหว่างท่าเรือหลัก 3 แห่งในเขตพัฒนาภาค ตะวันออก (ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือสัตหีบ, ท่าเรือมาบตาพุด) มูลค่า 28,864 ล้านบาท

https://www.drt.go.th/wp-content/uploads/2025/01/Final-Report_R-MAP_.pdf
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 48728
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/05/2025 4:08 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดเส้นทาง 'รถไฟทางคู่สายใหม่' เชื่อม 3 ท่าเรือภาคตะวันออก
กรุงเทพธุรกิจ 17 พ.ค. 2025 เวลา 6:52 น.

เปิดแนวเส้นทาง “รถไฟทางคู่” สายเศรษฐกิจ ช่วงศรีราชา – มาบตาพุด – ระยอง - จันทบุรี - ตราด ระยะทาง 218 กิโลเมตร เชื่อม 3 ท่าเรือภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด

การรถไฟฯ ลุยออกแบบส่วนแรก ช่วงศรีราชา – มาบตาพุด รอเห็นชอบ EIA พร้อมเดินหน้า ช่วงระยอง – จันทบุรี - ตราด ล่าสุดบรรจุแผนดำเนินการในปี 2571 เป็นต้นไป

การขนส่งทางรางปัจจุบันเป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ เนื่องจากเป็นระบบขนส่งที่มีต้นทุนไม่สูง ตรงต่อเวลา และสามารถควบคุมการเดินทางและการขนส่งสินค้าได้ โดยกรมการขนส่งทางราง ได้อัพเดตข้อมูลล่าสุดของเส้นทางรถไฟสายเศรษฐกิจ เนื่องจากมีแนวเส้นทางเชื่อมต่อ 3 ท่าเรือหลักของประเทศไทย และยังพาดผ่านพื้นที่จังหวัดเพาะปลูกผลไม้โซนภาคตะวันออก ซึ่งเป็นสินค้าเศรษฐกิจของประเทศ

“พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์” อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เส้นทางรถไฟสายเศรษฐกิจที่เชื่อม 3 ท่าเรือหลักของประเทศ โครงการรถไฟสายใหม่ ช่วงศรีราชา – มาบตาพุด – ระยอง - จันทบุรี – ตราด ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เริ่มนำร่องศึกษาและออกแบบรายละเอียดแล้ว โดยเริ่มศึกษาส่วนของช่วงศรีราชา – มาบตาพุด แต่สถานะปัจจุบันรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.)

ส่วนโครงการช่วงระยอง – จันทบุรี - ตราด ปัจจุบันทราบว่าทาง รฟท.กำลังจะเริ่มศึกษาความเหมาะสม ซึ่งแผนล่าสุดของ รฟท. จะเริ่มดำเนินการนี้ในปี 2571 เป็นต้นไป โดยภายหลังออกแบบแล้วเสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 4 ปีแล้วเสร็จ และผลักดันให้โครงข่ายรถไฟสายนี้ กลายเป็นเสมือนแขนขาของภาคตะวันออก

อีกทั้งจะเชื่อมต่อการขนส่งสินค้า 3 ท่าเรือ ประกอบด้วย ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังที่เป็นประตูการขนส่งหลักของประเทศ และสร้างโอกาสการขนส่งสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออก

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เผยว่า ตามแผนพัฒนาโครงการรถไฟสายใหม่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ก่อนหน้านี้ได้ศึกษาจะพัฒนาครอบคลุมแนวเส้นทาง ช่วงศรีราชา - มาบตาพุด – ระยอง - จันทบุรี – ตราด ระยะทาง 218 กิโลเมตร ในส่วนของแนวเส้นทาง แบ่งเป็น 3 ช่วง

แนวเส้นทางช่วงที่ 1 เส้นทางเชื่อมโยงนิคมอุตสาหกรรม สู่นิคมอุตสาหกรรม มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อจากสถานีชุมทางศรีราชา - สถานีมาบตาพุด และจากสถานีบางละมุง-สถานีมาบตาพุด ซึ่งจะเป็นเส้นทางเชื่อมนิคมอุตสาหกรรมสู่นิคมอุตสาหกรรม 10 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1-3 นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง นิคมอุตสาหกรรมโรจนะบ่อวิน นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด นิคมอุตสาหกรรมเหมราช นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง

แนวเส้นทางช่วงที่ 2 เส้นทางเชื่อมโยงนิคมอุตสาหกรรม สู่พื้นที่ อำเภอเมืองระยอง มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อจากสถานีมาบตาพุด-อำเภอเมืองระยอง

แนวเส้นทางช่วงที่ 3 เส้นทางเชื่อมโยงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor) และการท่องเที่ยว มีจุดเริ่มต้นแนวเส้นทางจากอำเภอเมืองระยอง-อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยสิ้นสุดเส้นทางที่ด่านศุลกากร อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดที่เชื่อมการขนส่งสินค้าไปประเทศกัมพูชา


New 'Double-Track Railway' Route Connecting 3 Eastern Seaports Unveiled
Bangkok Business, May 17, 2025, 6:52 AM

The route of the "double-track railway," an economic line spanning Sriracha – Map Ta Phut – Rayong - Chanthaburi - Trat, covering a distance of 218 kilometers, will connect three eastern seaboard ports: Laem Chabang Port, Sattahip Port, and Map Ta Phut Port.

The State Railway of Thailand (SRT) is proceeding with the design of the first section, Sriracha – Map Ta Phut, and is awaiting EIA approval. Meanwhile, the Rayong – Chanthaburi - Trat section is slated for implementation starting in 2028.

The government aims to promote rail transport as the country's primary transportation system due to its low cost, punctuality, and ability to control travel and freight. The Department of Rail Transport has provided the latest information on this economic railway line, which connects three of Thailand's main ports and also passes through the eastern fruit-growing provinces, a significant economic sector for the country.

Pichet Khunathammarak, Director-General of the Department of Rail Transport, revealed that the SRT has already begun the preliminary study and detailed design of the new railway line project connecting the country's three main ports, specifically the Sriracha – Map Ta Phut – Rayong - Chanthaburi – Trat section. The initial focus is on the Sriracha – Map Ta Phut section; however, the Environmental Impact Assessment (EIA) report is currently awaiting approval from the Expert Committee for Consideration of Environmental Impact Assessment Reports (EIA Committee).

Regarding the Rayong – Chanthaburi - Trat section, the SRT is reportedly about to commence a feasibility study. According to the SRT's latest plan, this section is scheduled to begin implementation in 2028 onwards. Once the design is complete, construction is expected to take approximately four years. The goal is to develop this railway network into a vital artery for the eastern region.

Furthermore, it will connect the transportation of goods between three ports: Laem Chabang Port, Sattahip Port, and Map Ta Phut Port. Laem Chabang Port, in particular, serves as the country's main gateway for freight transport and will create opportunities for the transportation of agricultural products, especially fruits from the eastern region.

News reports from the State Railway of Thailand (SRT) indicate that the development plan for the new railway line in the eastern region previously studied covers the Sriracha - Map Ta Phut – Rayong - Chanthaburi – Trat route, spanning 218 kilometers. The route is divided into three sections:

**Section 1:** Connecting industrial estates, starting from the Sriracha Junction Station to the Map Ta Phut Station, and from the Bang Lamung Station to the Map Ta Phut Station. This section will link ten industrial estates: Laem Chabang Industrial Estate, Pinthong Industrial Estate 1-3, Amata City Rayong Industrial Estate, Rojana Bo Win Industrial Estate, WHA Industrial Estate, Eastern Seaboard Industrial Estate, Hemaraj Industrial Estate, and Hemaraj Rayong Industrial Estate.

**Section 2:** Connecting industrial estates to Mueang Rayong District, starting from the Map Ta Phut Station to Mueang Rayong District.

**Section 3:** Connecting the Eastern Fruit Corridor and tourism, starting from Mueang Rayong District to Khlong Yai District, Trat Province, and ending at the Khlong Yai District Customs Office in Trat Province, which connects freight transport to Cambodia.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4
Page 4 of 4

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©