Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 12/07/2025 8:54 am Post subject:
คืบหน้าอีกแล้ว อัพเดตรถไฟความเร็วสูง ช่วงก.ม.43+052 - ก.ม.44+458 (คลองพุทรา ,อยุธยา) สัญญา 4-3
nanny official
Jul 12, 2025
https://www.youtube.com/watch?v=sWAtyxS8RVU
สัญญาที่4-3 ช่วงนวนคร - บ้านโพ
เป็นงานก่อสร้างโครงสร้างแบบยกระดับตลอดแนว
ระยะทาง 23 กิโลเมตร หรือประมาณ 14 ไมล์
งบประมาณ 1,1525 ล้านบาท
ดำเนินการก่อสร้างโดย กิจการร่วมค้า ซีเอส - เอ็นดับบลิวอาร์ - เอเอส
ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 44.59%
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45529
Location: NECTEC
Posted: 14/07/2025 9:40 am Post subject:
การรถไฟฯ ยืนยันให้ความสำคัญการรับฟังความเห็นของประชาชน และพร้อมปรับรูปแบบตามข้อกังวลของคนในพื้นที่ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชีนครราชสีมา เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนในระยะยาว
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ระบุว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชี นครราชสีมา ละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เขตอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรีนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อห่วงกังวลต่างๆ ของประชาชนแต่อย่างใด
การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ นครราชสีมา รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้จัดทำอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับแรกในปี 2556 ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา MAA และฉบับที่สองในปี 2560 เป็นรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งทั้งสองฉบับได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว
ส่วนประเด็นข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างแบบคันทางระดับดินที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อำเภอหนองแซงนั้น การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพิจารณาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม โดยปรับรูปแบบการก่อสร้างบางส่วนเป็นสะพานช่องลอด ความยาวประมาณ 400 เมตร เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่สองฝั่งชุมชน ลดผลกระทบด้านการสัญจร ทัศนียภาพ และการระบายน้ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำแบบรายละเอียดในการก่อสร้าง
สำหรับข้อสังเกตของ กสม. เกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำ EIA นั้น ยืนยันว่า การรถไฟฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ดีขึ้นในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล และแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
การรถไฟฯ ยืนยันว่า จะมุ่งมั่นพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางที่ทันสมัยเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ พร้อมรับฟังและทำงานร่วมกับประชาชนในทุกพื้นที่เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีที่ตรงกัน ลดผลกระทบ และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนในระยะยาวต่อไป
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1183827120441944
Last edited by Wisarut on 14/07/2025 10:50 am; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45529
Location: NECTEC
Posted: 14/07/2025 9:50 am Post subject:
EEC เผยแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบินใกล้จบ ส่วนอู่ตะเภาเลื่อนออก NTP เร่งเจรจาลดไซด์เฟสแรก
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 06:29 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 06:29 น.
คาดอัยการตรวจร่างสัญญาร่วมทุนฯไฮสปีด 3 สนามบินใกล้เสร็จ ลุ้นชงบอร์ดรฟท. 17 ก.ค.นี้ เร่งเสนอบอร์ดอีอีซี และครม.เคาะลงนามในก.ย. ส่วน อู่ตะเภาเมืองการบิน เลื่อนออก NTP เร่งเจรจาลดไซด์พัฒนาเฟสแรกกรณีไฮสปีด เปิดไม่พร้อมกัน
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ว่า ขณะนี้โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ยังอยู่ในขั้นตอนอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาร่วมลงทุน ฯ ที่มีการปรับแก้ไข โดยล่าสุด ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงเพิ่มเติม ต่ออัยการสูงสุดถึงรายละเอียดข้อความที่ปรับแก้ของร่างสัญญาร่วมลงทุน ฯ ซึ่งคาดว่าจะครบถ้วนแล้วและน่าจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ ซึ่ง หลังตรวจร่างสัญญาร่วมทุนฯที่ปรับแก้ไข เรียบร้อย อัยการสูงสุดจะส่งกลับมา รฟท. ซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเวลาการตรวจร่างสัญญาฯของ
ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลัง อัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาร่วมทุนฯแล้ว รฟท.จะเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. เห็นชอบได้ภายในเดือนก.ค.นี้ เพื่อส่งมาที่ คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการฯและ EEC จะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) อย่างเร็วที่สุดภายในเดือนส.ค.นี้ เพื่อเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอความเห็นชอบสัญญาที่มีการปรับแก้และนำไปสู่การลงนามสัญญากับบริษัท เอเชีย เอรา วันซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนก.ย. 2568 จากนั้นจะออก NTP เริ่มการก่อสร้างต่อไป
ตามขั้นตอนและไทม์ไลน์การแก้ไขร่างสัญญาเป็นเรื่องถ้อยคำ รายละเอียดให้ตรงกับ หลักการ ที่ บอร์ดกพอ.เห็นชอบไว้ และเป็นหลักการที่ รฟท.และซีพี ได้ตกลงกันไว้แล้วดังนั้นเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไรอีก
ดังนั้นหาก เข้าบอร์ด EEC ในส.ค.นี้ จากนั้นเสนอครม.ในก.ย.และลงนาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองมีความไม่แน่นอน หาก เกิดมีการเปลี่ยนแปลงหรือต้องอยู่ในภาวะครม.รักษาการ จะกระทบต่อโครงการหรือไม่ นั้น นายจุฬากล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นประเด็นเหมือนกัน เพราะการเห็นชอบสัญญาร่วมทุนฯที่มีการปรับแก้ไข ต้องพิจารณาว่า จะเข้าข่ายเป็นการอนุมัติที่จะมีผลผูกพันไปกับรัฐบาลในต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากรฟท.แจ้งว่า ขณะนี้ อัยการสูงสุด ยังไม่ส่งร่างสัญญาร่วมทุนฯให้รฟท. แต่คาดว่าจะส่งถึงรฟท.ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งรฟท.จะเร่งเสนอบอร์ดรฟท.ให้ทันการประชุมในวันที่ 17 ก.ค.68
อย่างไรก็ตาม กรณีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่จะใช้กับโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ด้วย ซึ่งจะมีผลทำให้การจัดเก็บรายได้โครงการเปลี่ยนแปลงไป หรือลดลง เป็นอีกประเด็นที่อาจจะต้องมีการเจรจากันในอนาคตได้
@อู่ตะเภาเมืองการบินเลื่อนออก NTP
ส่วนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งมีประเด็นกรณีที่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีความล่าช้านั้น นายจุฬากล่าวว่า เดิมทีคาดว่า จะ ออก NTP ให้เริ่มงานวันที่ 15 ก.ค. 2568 ต้องขยายกำหนดออกไปอีก เนื่องจากการเจรจากับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด (UTA) ผู้รับสัมปทานฯ ยังไม่จบ ในเงื่อนไขให้ก่อสร้างไปก่อน บนสมมุติฐานที่ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูง
ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเจรจาปรับแผนการพัฒนาจาก 4 ระยะ เป็น 6 ระยะแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีรถไฟความเร็วสูงจึงมีการเสนอที่จะปรับการพัฒนา ในระยะแรก เพื่อลดการลงทุนให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร เช่น ระยะแรกกำหนดไว้ที่ 6 -8 ล้านคนก็อาจจะเริ่มต้นที่ 3 ล้านคนก่อน แล้วค่อยพัฒนาให้เต็มเฟสเมื่อมีรถไฟความเร็วสูงเข้ามา และเมื่อมีผู้โดยสารถึงระดับ 80% ของขีดความสามารถระยะแรก หรือมีจำนวน 2.4 ล้านคน จึงดำเนินการพัฒนาในระยะที่ 2 และต่อไป จนรองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคนตามเป้าหมาย
เป็นข้อเสนอเพิ่มเติม ที่ยังมีการเจรจากันอยู่ เพราะหากไม่มีรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ผู้โดยสารก็จะไม่เป็นไปตามคาดหมาย ขณะที่การพัฒนาสนามบิน กรณีทำเล็กเกินไป ก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจจะไม่ดึงดูดให้สายการบินและผู้โดยสารมาใช้บริการได้เช่นกัน จึงต้องคิดในหลายๆ มุมซึ่งในการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นั้น ในส่วนของเอกชน มีการลงทุนหลายส่วน ไม่ใช่แค่อาคารผู้โดยสาร แต่ยังมีเมืองการบิน ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีก เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศอีกแห่ง
https://mgronline.com/business/detail/9680000065897
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45529
Location: NECTEC
Posted: 14/07/2025 10:09 am Post subject:
บุญชัยพาณิชย์ฯ ขยายยืนราคาสัญญา 4-5 ถึง 16 ก.ค. สถานีอยุธยา ปรับแบบไม่จบ
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
วันจันทร์ ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 08:14 น.
บุญชัยพาณิชย์ฯ ขยายยืนราคาสัญญา 4-5 บ้านโพ-พระแก้ว 10,325 ล้าน ถึง 16 ก.ค. นี้ ยังไม่เคาะเซ็นสัญญา ขณะที่แบบก่อสร้าง สถานีอยุธยา ยังไม่ไฟนอล ปรับสถาปัตยกรรมเพิ่ม หลัง กรมศิลปากร ชี้อาคารดูเรียบไป อย่าให้ดูเป็นผืนเดียว
ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์ รายงานว่า บริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ผู้รับจ้างสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กิโลเมตร (กม.) โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาได้ส่งหนังสือแจ้งขยายยืนยันราคาเดิม 10,325.90 ล้านบาท ไปจนถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 มายังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แล้ว หลังจากการยืนราคาสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2568 พร้อมกันนี้ได้รับแจ้งจากทางบริษัทฯ ว่ายังอยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการ (บอร์ด) บริหารของบริษัทฯ เกี่ยวกับประเด็นหลักๆ อีก 2-3 ประเด็น อาทิ เรื่องต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตามข้อสรุปว่าบริษัท บุญชัยพาณิชย์ฯ จะลง หรือไม่ลงนามสัญญากับ รฟท. เป็นสิทธิของบริษัทฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร รฟท. ไม่สามารถไปบังคับบริษัทฯ ให้ลงนามสัญญาได้ แต่หากใกล้ถึงวันสิ้นสุดการยืนราคา และบริษัทฯ ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แจ้งกลับมา ทาง รฟท. จะเป็นผู้สอบถามข้อสรุปไปยังบริษัท บุญชัยพาณิชย์ฯ อีกครั้ง ยืนยันว่าเวลานี้ รฟท. ได้จัดเตรียมเอกสารการลงนามสัญญาฯ ไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว หากบริษัทฯ พร้อมก็สามารถลงนามสัญญาร่วมกันได้ทันที รวมถึงหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) ก็สามารถออกให้ได้เลยเช่นกัน แต่สุดท้ายหากไม่ลงนามสัญญา ทาง รฟท. ก็ต้องเริ่มกระบวนการเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้างรายใหม่
ส่วนเเรื่องแบบการก่อสร้างสถานีอยุธยา รฟท. ได้ดำเนินการปรับแบบตามคำแนะนำของสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ในฐานะองค์กรที่ปรึกษาขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่ลงพื้นที่แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเดือน ม.ค. 2568 แล้ว อาทิ ปรับลดขนาดความสูงของสถานีลงจากเดิม 37.45 เมตร เหลือ 35.45 เมตร และปรับครั้งล่าสุดเหลือ 28 เมตร รวมทั้งขยับสถานีไม่ให้โครงสร้างคร่อมสถานีรถไฟเดิม โดยมีระยะห่าง 2.5 เมตร ระหว่างสถานีเดิมกับสถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อลดข้อกังวลเรื่องการส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
โดย รฟท. ได้เสนอแบบที่ปรับดังกล่าวให้กรมศิลปากรพิจารณาแล้ว ซึ่งแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่ขอให้ปรับสถาปัตยกรรมให้กลมกลืนกับพื้นที่มรดกโลก ไม่ให้ดูเป็นอาคารใหญ่ และเรียบเป็นผืนเดียว หลังจากนี้ รฟท. ต้องเร่งปรับแก้ไข และกลับมาเสนอกรมศิลปากรพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแม้แบบการก่อสร้างสถานีอยุธยา จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สามารถออก NTP ให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานทางวิ่งไปก่อนได้ และเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะออก NTP2 ให้ผู้รับจ้างเริ่มงานสถานีต่อไป ซึ่ง รฟท. จะบริหารจัดการงานก่อสร้างสัญญา 4-5 ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน เฟสที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มี 14 สัญญา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ภาพรวมการก่อสร้าง ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2568 มีความคืบหน้าประมาณ 45.64% ล่าช้ากว่าแผน 18.55% ก่อสร้างเสร็จ 2 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และรอลงนาม 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 4-5 และสัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. รอการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เนื่องจากเป็นช่วงที่มีโครงสร้างทับซ้อนกัน โดย รฟท. ได้ปรับเป้าหมายการเปิดบริการล่าสุดเป็นปี 2572.
https://www.dailynews.co.th/news/4912561/
ยื้อเวลา! ล้มประมูลสัญญา 4-5 ยืนราคาถึง 16 ก.ค.นี้
*ตรึง 10,325 ล้านบุญชัยฯอ้างบอร์ดบริษัทยังไม่สรุป
*สถานีอยุธยาปรับแบบไม่จบกรมศิลป์ฯ ให้แก้อี้กก
*สร้างแล้ว8ปี45%ไฮสปีดสายแรกของไทยไม่ถึงครึ่ง
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1276104433966788
Note: ความเชื่อว่ามีหลายๆกลุ่ม และไม่ใช่กลุ่มเดี่ยวที่มีวัตถุประสงค์ประวิงเวลาให้ล่าช้า เอาประโยชน์ ไม่ยอมประสานงานเน่งรีบให้งานเดินหน้า ทุกอย่างดูเห็นง่าย ว่าช้าแล้วเสียหาย แต่ไม่มีใครสนใจที่จะเร่งรีบ Last edited by Wisarut on 15/07/2025 12:01 am; edited 1 time in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/07/2025 4:17 pm Post subject:
รฟท. เตรียม PPP ดึงเอกชนเดินรถ 'ไฮสปีดไทยจีน' กรุงเทพฯ - หนองคาย
กรุงเทพธุรกิจ 14 ก.ค. 2025 เวลา 14:41 น.
การรถไฟฯ เร่งเครื่องไฮสปีดไทย จีน พรุ่งนี้ ! เปิดเวทีครั้งแรก เดินหน้า PPP ดึงเอกชนบริหารโครงการและเดินรถ ตลอดแนวเส้นทางช่วงกรุงเทพฯ หนองคาย พร้อมทำ TOR เตรียมเปิดประมูลสร้างเฟสสอง ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร วงเงินกว่า 3.41 แสนล้านบาท
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (15 ก.ค.) รฟท.จะจัดสัมมนาแนะนำโครงการ (ปฐมนิเทศ) โครงการศึกษา ทบทวนและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการจัดทำเอกสารประกวดราคา และการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (PPP) ของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ไฮสปีดไทย - จีน) ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร หนองคาย
โดยเวทีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อชี้แจงข้อมูลโครงการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมในการพิจารณาดำเนินการศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ครอบคลุมในการบริหารโครงการและเดินรถไฮสปีดไทย - จีน ตลอดแนวเส้นทางช่วงกรุงเทพฯ หนองคาย ซึ่ง รฟท.มีเป้าหมายให้ได้ข้อสรุปโครงการศึกษาดังกล่าวแล้วเสร็จภายในปีนี้ ก่อนจะนำผลการศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบ PPP เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเปิด PPP จัดหาเอกชนร่วมลงทุนต่อไป
สำหรับการศึกษา ทบทวนและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการฯ มีกรอบดำเนินงาน ประกอบด้วย
1. การศึกษาความเหมาะสม การคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารด้านเทคนิค ด้านราคา ด้านเศรษฐกิจและการเงิน แผนการเดินรถ (System Operation Plan)
2. ศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ความเสี่ยงของโครงการ ทางเลือกและรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน รวมไปถึงการแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนระหว่างรัฐและเอกชน
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่โครงการไฮสปีดไทย จีนแล้วเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในส่วนของงานโยธาการก่อสร้างต่างๆ จะเปิดประมูลและเดินหน้าตอกเสาเข็ม ส่วนของระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย ซึ่งปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) คาดว่าจะออกประกาศได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ เช่นเดียวกับเรื่องระบบเดินรถ จะเห็นรูปแบบการลงทุน และการเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ ซึ่งการเร่งรัดเรื่องต่างๆ เพื่อให้ทันต่อการเปิดให้บริการไฮสปีดไทย จีนเฟสแรก ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ที่จะเปิดให้บริการในปี 2572
สำหรับไฮสปีดเทรนไทย - จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร รวมมูลค่าการลงทุน 341,351.42 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ ควบคุมงานและรับรองระบบ 10,060 ล้านบาท
ทั้งนี้ตามแผนดำเนินงาน รฟท.จะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) จำนวน 10 สัญญา แบ่งออกเป็น งานโยธา 9 สัญญา และงานติดตั้งระบบและอาณัติสัญญาณ 1 สัญญา ส่วนรูปแบบโครงสร้างได้ศึกษาเพื่อลดผลกระทบประชาชน โดยจะพัฒนาเป็นทางวิ่งยกระดับ ระยะทาง 202.48 กิโลเมตร และทางวิ่งระดับดิน ระยะทาง 154.64 กิโลเมตร ให้บริการ 5 สถานีใหญ่ ประกอบด้วย
1.สถานีบัวใหญ่
2.สถานีบ้านไผ่
3.สถานีขอนแก่น
4.สถานีอุดรธานี
5.สถานีหนองคาย
สำหรับรายละเอียดโครงการมีการออกแบบรางมีขนาด 1.435 เมตร โดยรถไฟสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 250กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยในการให้บริการ 192 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปนครราชสีมา ประมาณ 1 ชั่วโมง 26 นาที และจากนครราชสีมา-หนองคาย ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที และหากนั่งจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 28 นาที
ขณะที่ปริมาณผู้โดยสาร ประเมินว่าในช่วงนครราชสีมา - หนองคาย คาดการณ์ว่าปีแรกที่เปิดให้บริการในปี 2574 จะมีปริมาณผู้โดยสาร 6,710 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2578 จำนวน 10,060 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2583 จำนวน 13,420 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2593 จำนวน 16,490 คน-เที่ยวต่อวัน และปี 2603 จำนวน 17,930 คน-เที่ยวต่อวัน
ส่วนตลอดแนวเส้นทาง ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย คาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารปีแรกที่เปิดให้บริการในปี 2574 ผู้โดยสารอยู่ที่ 9,030 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2578 จำนวน 13,550 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2583 จำนวน 18,070 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2593 จำนวน 22,250 คน-เที่ยวต่อวัน และปี 2603 จำนวน 24,110 คน-เที่ยวต่อวัน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/07/2025 6:07 pm Post subject:
รฟท.พร้อมปรับรูปแบบโครงการไฮสปีดเทรนฯ ช่วงชุมทางบ้านภาชีนครราชสีมา ตามข้อกังวลของคนในพื้นที่
ผู้จัดการออนไลน์ 14 ก.ค. 2568 17:20
การรถไฟฯ ยืนยันให้ความสำคัญการรับฟังความเห็นของประชาชน และพร้อมปรับรูปแบบตามข้อกังวลของคนในพื้นที่ โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชีนครราชสีมา เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนในระยะยาว
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ระบุว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชี นครราชสีมา ละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เขตอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรีนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อห่วงกังวลต่างๆ ของประชาชนแต่อย่างใด
การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ นครราชสีมา รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้จัดทำอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับแรกในปี 2556 ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา MAA และฉบับที่สองในปี 2560 เป็นรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งทั้งสองฉบับได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว
ส่วนประเด็นข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างแบบคันทางระดับดินที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อำเภอหนองแซงนั้น การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพิจารณาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม โดยปรับรูปแบบการก่อสร้างบางส่วนเป็นสะพานช่องลอด ความยาวประมาณ 400 เมตร เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่สองฝั่งชุมชน ลดผลกระทบด้านการสัญจร ทัศนียภาพ และการระบายน้ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำแบบรายละเอียดในการก่อสร้าง
สำหรับข้อสังเกตของ กสม. เกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำ EIA นั้น ยืนยันว่า การรถไฟฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ดีขึ้นในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล และแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
การรถไฟฯ ยืนยันว่า จะมุ่งมั่นพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางที่ทันสมัยเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ พร้อมรับฟังและทำงานร่วมกับประชาชนในทุกพื้นที่เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีที่ตรงกัน ลดผลกระทบ และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนในระยะยาวต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/07/2025 6:11 pm Post subject:
รฟท. สั่งปรับรูปแบบสะพานชุมทางบ้านภาชี สร้าง ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 1
ฐานเศรษฐกิจ
14 ก.ค. 2568 | 17:04 น.
รฟท. แจงปม กสม. ชี้ไฮสปีดไทย-จีน เฟส 1 ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา ละเมิดสิทธิฯ ขาดส่วนร่วมประชาชนในพื้นที่หนองแซง สระบุรี สั่งปรับแบบก่อสร้างสะพานลอด 400 เมตร หวังลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงว่า ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ระบุถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ นครราชสีมา ช่วงชุมทางบ้านภาชี นครราชสีมา ละเมิดสิทธิมนุษยชน
เนื่องจากขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เขตอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรีนั้น ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อห่วงกังวลต่างๆ ของประชาชนแต่อย่างใด
ทั้งนี้การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ นครราชสีมา นั้น พบว่ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้จัดทำอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ ได้แก่ ฉบับแรกในปี 2556 ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา MAA
ส่วนฉบับที่สองในปี 2560 เป็นรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งทั้งสองฉบับได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว
รายงานข่าวจากรฟท. กล่าวต่อว่า ประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างแบบคันทางระดับดินที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อำเภอหนองแซงนั้น
ทั้งนี้การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและพิจารณาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสม โดยปรับรูปแบบการก่อสร้างบางส่วนเป็นสะพานช่องลอด ความยาวประมาณ 400 เมตร เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่สองฝั่งชุมชน ลดผลกระทบด้านการสัญจร ทัศนียภาพ และการระบายน้ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำแบบรายละเอียดในการก่อสร้าง
สำหรับข้อสังเกตของ กสม. เกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำ EIA นั้น ยืนยันว่า การรถไฟฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีการรถไฟฯพร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ดีขึ้นในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล และแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45529
Location: NECTEC
Posted: 16/07/2025 1:47 am Post subject:
รฟท.ดึงเอกชนร่วมทุน PPP เดินรถ "ไฮสปีดไทย-จีน" สัมปทาน 30 ปีมูลค่ากว่าแสนล้าน คาดประมูลปี 69 เปิดเฟสแรกปี 72
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 19:09 น.
ปรับปรุง: วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 10:25 น.
รฟท.ศึกษารูปแบบ PPP ดึงเอกชนร่วมทุนเดินรถ "ไฮสปีดไทย-จีน" กรุงเทพฯ-หนองคาย มูลค่ากว่าแสนล้านบาท สัมปทาน 30 ปี เปิดรับฟังความเห็นนักลงทุน ต.ค.นี้ คาดทบทวนตัวเลขผู้โดยสารและค่าโดยสาร ชง ครม.ต้นปี 69 ประมูลกลางปี เปิดเฟสแรกปี 72 เดินรถตลอดสายปี 74
วันนี้ (15 กรกฎาคม 2568) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นประธานในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อแนะนำโครงการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมของการจัดทำเอกสารประกวดราคา ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ซึ่งจะช่วยให้โครงการเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวีริศกล่าวว่า เดิม ครม.ให้จัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาบริหารเดินรถโครงการรถไฟความเร็วสูง ต่อมาการศึกษาพบว่า แนวทางการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เหมาะสมกว่า รฟท.จึงจัดจ้างที่ปรึกษา วงเงิน 22 ล้านบาท ระยะเวลาศึกษา วันที่ 9 พ.ค. 2568-วันที่ 8 ม.ค. 2569 การรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจ ตลอดจนขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน โดยให้เอกชนดำเนินงานในส่วนของการติดตั้งงานระบบการบริหารจัดการเดินรถ และการบำรุงรักษา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย ความตรงต่อเวลา และความพึงพอใจของผู้โดยสาร อีกทั้งยังเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากทั้งภาคเอกชนไทยและต่างประเทศ ลดภาระงบประมาณภาครัฐ สร้างความเชื่อมั่นต่อการให้บริการในระยะยาว
@ชง ครม.ต้นปี 69 เปิดเฟสแรกปี 72
ทั้งนี้ จะมีการสัมมนา 2 ครั้ง ในเดือน ก.ค. และ ก.ย. 2568 และจัดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) และการทดสอบความสนใจนักลงทุนในเดือน ต.ค. 2568 จากนั้นจะสรุปรูปแบบ PPP ในเดือน ธ.ค. เพื่อเสนอกระทรวงวคมนาคมไม่เกินเดือน ม.ค. 2569 จากนั้นเสนอ สคร.และคณะกรรมการ PPP และคาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาภายในไตรมาส 1 ปี 2569 คัดเลือกเอกชนช่วงปี 2569-2570 ติดตั้งระบบปี 2570 เปิดเดินรถ ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ปี 2572 และเปิดตลอดสาย กรุงเทพมหานคร-หนองคาย ปี 2574
ด้านเอกชนจะดำเนินการติดตั้งงานระบบ ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จัดหาขบวนรถเพิ่ม 14 ขบวน (ระยะที่ 1 มีการจัดหาแล้ว 4 ขบวน) ดำเนินการซ่อมบำรุง (O&M) ระยะเวลา 30 ปี ประมาณการจำนวนผู้โดยสารปีแรกเปิดให้บริการเฟสแรกที่ 7,230 คน/วัน และปีที่ 3 เมื่อเปิดตลอดสายที่ 24,300 คน/วัน และปีที่ 30 จำนวน 58,110 คน/วัน ส่วนอัตราค่าโดยสารจะมีการทบทวนใหม่ โดยมีอัตราค่าโดยสารอ้างอิง ได้แก่ กรอบเดิมที่ รฟท.ศึกษาเมื่อปี 2566 ค่าแรกเข้า 80 บาท คิดตามระยะทาง 1.80 บาทต่อ กม., เกณฑ์ตามขนส่งมวลชนทางราง ปี 2567 ค่าแรกเข้า 95 บาท คิดตามระยะทาง 1-300 กม. ที่ 1.97 บาทต่อ กม. กรณีระยะทาง 300 กม.ขึ้นไป คิดที่ 1.70 บาทต่อ กม.
มีกรอบวงเงินค่างานระบบประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยคาดว่าเอกชนจะลงทุนค่าระบบและค่าซ่อมบำรุงตลอดระยะเวลา 30 ปีมากกว่า 1 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะมีเอกชนที่มีความพร้อมด้านเงินลงทุน เช่นผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าในประเทศ 2-3 ราย ส่วนต่างชาติสามารถเข้ามาร่วมทุนกับเอกชนไทยได้
นายวีริศกล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย แบ่งออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม. อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ภาพรวม ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2568 มีความคืบหน้า 45.65% มีความล่าช้า เนื่องจากปัญหาเวนคืน และการปรับแบบก่อสร้าง แบ่งออกเป็นงานโยธา 14 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา ขณะนี้มี 2 สัญญาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ ช่วงกลางดง-ปางอโศก และช่วงสีคิ้ว-กุดจิก อีก 10 สัญญากำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ส่วนอีก 2 สัญญาอยู่ในขั้นตอนการเตรียมลงนาม โดยสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. มีโครงสร้างร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งอยู่ระหว่างรอข้อสรุปการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ โดยอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างตรวจร่างสัญญาคาดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ และทาง EEC เสนอ ครม.เห็นชอบต่อไป จะเริ่มก่อสร้าง
ส่วนสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม. มีประเด็นมรดกโลก ซึ่ง รฟท.ปรับรูปแบบก่อสร้างสถานีให้โปร่งและลดระดับหลังคาไม่ให้บดบังทัศนียภาพอยุธยา ซึ่งมีผลทำให้ค่าก่อสร้างลดลงประมาณ 100 ล้านบาทขณะเดียวกันทางกรมศิลปากรจะเข้ามาร่วมในการประเมินช่วงขุดเจาะที่อาจจะพบโบราณวัตถุเพื่อบริหารจัดการ ซึ่งคาดมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณ 50 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินรวมยังอยู่ในกรอบสัญญาโครงการนี้ โดยผู้รับเหมากำลังตรวจสอบสัญญา และค่าใช้จ่ายให้ครบถ้วนก่อนลงนามสัญญา คาดใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน
@ประมูลสร้างงานโยธาเฟส 2 ใน ก.ย.นี้
สำหรับงานระบบ ได้ลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำแบบรายละเอียด (Detailed Design) คาดว่าจะก่อสร้างระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมาแล้วเสร็จภายในปี 2572
โครงการระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กม. ได้ดำเนินการออกแบบแล้วเสร็จ และผ่านการพิจารณาเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดเปิดขายซองเดือน ก.ย.นี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 7 สัญญาโยธาทางวิ่ง-สถานี และงานเดปโป้อีก 1 สัญญา
เมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงตลอดเส้นทางจากกรุงเทพมหานครถึงหนองคายก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถลดระยะเวลาเดินทางจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ถึงสถานีหนองคายเหลือเพียงประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับระบบคมนาคมของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากล และเสริมสร้างบทบาทของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Last edited by Wisarut on 17/07/2025 11:11 am; edited 2 times in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45529
Location: NECTEC
Posted: 16/07/2025 10:30 am Post subject:
ปีหน้าเปิด PPP งานระบบฯ รถไฟไฮสปีด กรุงเทพฯ-หนองคาย เดินรถเฟสแรกปี 72
ข่าวนวัตกรรมขนส่ง
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 18:00 น.
รฟท.ลุย PPP ไฮสปีดไทย-จีน ฟุ้งเอกชนบริหารรถไฟฟ้าสนใจ2-3 ราย
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 16:46 น.
รฟท. เดินหน้าเปิด PPP ไฮสปีดไทย-จีน ตลอดเส้นทาง กรุงเทพฯ หนองคาย เผยเอกชนไทยเดินรถไฟฟ้า 2-3 รายแห่สนใจร่วมลงทุน ย้ำต้องใช้ที่ปรึกษามาตรฐานจากจีนหวังเดินรถเชื่อมโยงไร้รอยต่อ คาดสรุปรูปแบบ PPP ในเดือนธ.ค. ก่อนชง ครม. ต้นปีหน้า ปักธงเปิดบริการตลอดเส้นทางปี 2574
รฟท. เปิดให้เอกชนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ในส่วนของการติดตั้งงานระบบ การบริหารจัดการเดินรถ และการบำรุงรักษา รองรับการเปิดให้บริการรถไฟไฮสปีด ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่จะเปิดให้บริการในปี 2572 และเฟสที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ในปี 2574
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท. ได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อแนะนำโครงการ (ปฐมนิเทศ) งานศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมของการจัดทำเอกสารประกวดราคา ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และจีน โดย รฟท. จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ในส่วนของการติดตั้งงานระบบ การบริหารจัดการเดินรถ และการบำรุงรักษา รองรับการเปิดให้บริการรถไฟไฮสปีด ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่จะเปิดให้บริการในปี 2572 และเฟสที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ในปี 2574
นายวีริศ กล่าวอีกว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ จะมีการสัมมนาสรุปผลโครงการ (ปัจฉิมนิเทศ) ในเดือน ก.ย. 2568 ก่อนจะจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน (Market Sounding) ในเดือน ต.ค. 2568 คาดว่าจะสรุปผลเสนอกระทรวงคมนาคม ภายในเดือน ธ.ค. 2568 และเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในไตรมาสที่ 1 ปี 2569 (ม.ค.-มี.ค. 2569) หาก ครม. เห็นชอบ จะเริ่มดำเนินการจัดทำเอกสารการประกวดราคา (RFP) ในไตรมาสที่ 2 (เม.ย.-มิ.ย. 2569) เปิดประมูลในไตรมาสที่ 3 (ก.ค.-ก.ย. 2569) คาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลภายในปลายปี 2569 และเอกชนเริ่มงานได้ภายในปี 2570
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า เอกชนผู้ชนะการประมูลจะต้องเข้ามาดำเนินงานทั้งในเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 โดยในส่วนของเฟสที่ 1 นั้น จะดำเนินการเฉพาะงานเดินรถ และงานบำรุงรักษา เนื่องจากงานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ ดำเนินการโดยฝ่ายจีนประกอบด้วย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ อินเตอร์แนชันนัล (CHINA RAILWAY INTERNATIONAL CO., LTD.) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ดีไซน์ คอร์เปอเรชัน (CHINA RAILWAY DESIGN CORPORATION) ซึ่งได้มีการลงนามสัญญา 2.3 ร่วมกับ รฟท. วงเงิน 50,633 ล้านบาท ไปแล้ว
สำหรับการดำเนินงานระบบฯ ในเฟสที่ 2 เบื้องต้นจะต้องเป็นระบบที่มีมาตรฐาน และเข้ากับระบบที่ดำเนินงานในเฟสที่ 1 ที่จีนได้ดำเนินการมาแล้วได้ ทั้งตัวรถ และระบบต่างๆ ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ จะมีการระบุออกมาเป็นข้อกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของเฟสที่ 1 จะมีขบวนรถ ฟู่ซิงห้าว รุ่น CR300 ให้บริการ 4 ขบวน โดยเฟสที่ 2 จะต้องจัดหาขบวนรถเพิ่มเติมด้วย เพื่อรองรับการให้บริการตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย รวม 14 ขบวน
นายวีริศ กล่าวอีกว่า คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการเดินรถในประเทศไทยที่มีประสบการณ์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2-3 ราย โดยการเปิด PPP ครั้งนี้ ต่างชาติก็สามารถเข้าร่วมประมูลได้ แต่ต้องเป็นในรูปแบบพาร์ทเนอร์กับผู้ประกอบการไทย เบื้องต้นมีบริษัทจากจีนหลายรายที่แสดงความสนใจแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟไฮสปีด เฟสที่ 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของงานออกแบบรายละเอียด ซึ่งจะต้องมีการตัดแบ่งตามสัญญา โดยแบ่งเป็นงานโยธา 7 สัญญา และงานศูนย์ซ่อมบำรุง 1 สัญญา คาดว่าจะเปิดประมูลเดือน ก.ย. 2568 เริ่มก่อสร้างปี 2569 และเปิดให้บริการปี 2574 อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดให้บริการครบตลอดทั้งเส้นทาง จากกรุงเทพฯ-หนองคาย รวม 608 กิโลเมตร (กม.) จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการ PPP ติดตั้งงานระบบ การบริหารจัดการเดินรถ และการบำรุงรักษาของโครงการรถไฟไฮสปีด ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย มีวงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เบื้องต้นมีอายุสัมปทานประมาณ 30 ปี.
ระเบิดศึก PPP แสนล้านเดินรถไฟไฮสปีดสายแรก
*3ค่ายยักษ์บีทีเอส-บีอีเอ็ม-AERA1แข่งเดือดแน่
*กทม.-หนองคาย 608 กม./3 ชม.ครึ่ง/1,251บาท
*สัมปทาน30ปีเปิดบริการเฟส1 ปี 2572/ตลอดสาย ปี 2574
https://www.dailynews.co.th/news/4918381/
https://www.thaipost.net/economy-news/824501/
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1277213737189191
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 16/07/2025 5:40 pm Post subject:
ตามรอยเส้นทาง รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟสแรก กรุงเทพฯโคราช by Outing Man
กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
Jul 16, 2025
https://www.youtube.com/watch?v=ATDYzLGJkko
โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ หนองคาย เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยกระทรวงคมนาคมได้ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีกรมการขนส่งทางราง หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับ ดูแลระบบรางของประเทศให้ทันสมัยและมีมาตรฐานระดับสากล ตลอดจนผลักดัน และขับเคลื่อนโครงการให้เป็นไปตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและมลพิษ ยกระดับคุณภาพระบบขนส่งสาธารณะ ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นการขยายตัวและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group