RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:319486
ทั่วไป:32298576
ทั้งหมด:32618062
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 218, 219, 220, 221  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/09/2025 7:46 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท. เดินหน้าฟ้องรายแปลง "ที่ดินเขากระโดง" ยันยึดแนวทางเดิม
Source - เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ
Thursday, September 25, 2025 at 17:20

ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. "วีริศ อัมระปาล" เผยแนวทางจัดการคดีที่ดินเขากระโดงยังคงยึดแนวทางเดิม เดินหน้าฟ้องร้องรายแปลงตามกฎหมาย ชี้การเพิกถอนโฉนดต้องให้กรมที่ดินดำเนินการ พร้อมคาดว่าจะได้ข้อสรุปความชัดเจนภายใน 1 เดือน
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึง ประเด็นเรื่องที่ดินเขากระโดง ว่า การดำเนินคดีที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยนโยบายการดำเนินงานในคดีดังกล่าวยังคงเป็นไปตามแนวทางเดิมที่เคยมีการดำเนินการมาแล้ว ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ตรงกันกับนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายวีริศกล่าวว่า ทั้งนี้แนวทางการดำเนินงานของ ร.ฟ.ท. ตั้งแต่แรก คือ การฟ้องร้องเอกชนเป็นรายแปลง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการฟ้องเพิกถอนโฉนดที่ดิน ในส่วนการเพิกถอนโฉนดทั้งหมดนั้นกรมที่ดินจะต้องดำเนินการ แต่สุดท้ายแล้วการฟ้องร้องรายแปลงและการเพิกถอนโฉนดก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ดำเนินการมานานแล้ว
นายวีริศกล่าวว่า ส่วนระยะเวลาการฟ้องร้องรายแปลงทั้ง 995 แปลง ตนยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ แต่ยืนยันว่าการดำเนินการจะต้องเป็นไปในลักษณะที่สามารถทำได้ เพื่อให้เกิดความคืบหน้าตามกฎหมาย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน

https://www.prachachat.net/politics/news-1890948
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45606
Location: NECTEC

PostPosted: 26/09/2025 12:23 am    Post subject: Reply with quote

เขากระโดงใต้พลังครูใหญ่เนวิน
โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 07:49 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 07:49 น.


พรรคภูมิใจไทยที่ทราบกันว่า มีผู้นำทางจิตวิญญาณหรือคนในพรรคเรียกกันว่าครูใหญ่ คือเนวิน ชิดชอบ ที่วันนี้ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังทางการเมืองเป็นมันสมองของพรรคและได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรค เช่นเดียวกับที่ทักษิณ เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ข้อดีของการเล่นการเมืองแบบนี้ก็คือ การไม่ถูกตรวจสอบด้วยอำนาจรัฐ หรือต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

วันนี้เนวินไม่ใช่ “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” แบบในอดีต แต่เขาคือ ไอดอลและไอคอนของคนบุรีรัมย์ ที่เสมือนเป็นผู้ครอบครองเมืองแห่งนี้ในทางพฤตินัย การที่อดีตผู้ว่าราชการบุรีรัมย์ขึ้นมาเป็นประธานวุฒิสภา และอดีตผู้บังคับการบุรีรัมย์ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และทำให้อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จนั้น แสดงให้เห็นถึงอำนาจและพลังแฝงที่แท้จริงของคนโตบุรีรัมย์คนนี้

และเมื่อเป็นรัฐบาลสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยหมายมั่นที่สุดก็คือ กระทรวงคมนาคม เพราะเป็นกระทรวงที่ควบคุมการรถไฟแห่งประเทศไทยที่อ้างสิทธิว่า เป็นเจ้าของที่ดิน “เขากระโดง” เรื่องเขากระโดงจึงถูกเก็บซุกเงียบมาเป็นเวลานาน มีการส่งคนของตัวเองเข้าไปนั่งในการกำหนดทิศทางของฝ่ายกฎหมายของการรถไฟฯเรื่องนี้จึงกลายเป็นคดีที่ไม่มีวันจะจบลง หากพรรคภูมิใจไทยยังอยู่ในอำนาจรัฐ

กรณี “เขากระโดง” อาจเป็นเพียงชื่อเรียกพื้นที่เล็กๆ ในจังหวัดบุรีรัมย์ แต่แท้จริงแล้วมันคือมหากาพย์ที่ดินที่ผูกพันทั้งกฎหมาย คำพิพากษาศาล เครือข่ายธุรกิจ และโครงสร้างอำนาจทางการเมือง ที่ทำให้เรื่องนี้ไม่เคยได้ข้อยุติชัดเจน แม้จะถูกหยิบยกขึ้นมาหลายครั้งหลายสมัยรัฐบาล คำถามใหญ่คือ ใครคือเจ้าของที่แท้จริงของที่ดินผืนนี้ และใครคือผู้ได้ประโยชน์จากการที่คดีถูก “แขวน” เอาไว้

หากมองย้อนกลับไปในมิติทางกฎหมาย ศาลฎีกาได้ตัดสินไว้แล้วในคดีหมายเลขแดงที่ 842–876/2560 และ 8027/2561 ว่าพื้นที่บริเวณทางแยกรถไฟเข้าเขากระโดงเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพราะใช้เป็นทางรถไฟลำเลียงหินสำหรับก่อสร้างทางรถไฟสายหลักมาตั้งแต่แรกเริ่ม ถือเป็นที่ดินของรัฐเพื่อกิจการสาธารณะโดยสมบูรณ์ เอกสารสิทธิที่ออกทับในบริเวณดังกล่าวไม่อาจมีผลผูกพันได้ ศาลจึงสั่งให้เพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิที่เกี่ยวข้อง และได้มีการดำเนินการแก้ไขไปแล้วในหลายแปลง สิ่งนี้เป็น ชัยชนะที่ชัดเจนของ รฟท.และยืนยันว่ามี “บางส่วน” ของเขากระโดงที่ศาลสูงสุดได้ชี้ขาดไปแล้วว่าเป็นของ รฟท.

ต่อมา ศาลปกครองกลางในคดีแดงที่ 582/2566 ได้พิจารณาคำฟ้องของ รฟท.ที่กล่าวหาว่า กรมที่ดิน “ละเลยต่อหน้าที่” ไม่ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ออกทับ ศาลได้พิพากษาให้อธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อไต่สวนและพิสูจน์ทีละแปลง ว่ามีเอกสารสิทธิใดออกทับที่ดินของ รฟท.จริงหรือไม่ ศาลปกครองไม่ได้ชี้ชัดว่าที่ดินทั้งก้อนเป็นของ รฟท.แต่ย้ำว่าต้องเดินกระบวนการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และผลลัพธ์ต้องขึ้นกับการสอบสวนของคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินได้พิจารณาแล้ว กลับมีมติว่า “หลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพอ” ที่จะเพิกถอนโฉนดจำนวนมาก จึงมีคำสั่ง “ยุติเรื่อง” ไม่ดำเนินการต่อไปรฟท.จึงต้องกลับไปฟ้องศาลปกครองอีกครั้งเพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ซึ่งสะท้อนว่าคดีนี้ยังวนเวียนอยู่ในกระบวนการ และยังไม่มีคำตอบสุดท้าย แต่ก็ทำให้เห็นว่าแม้ศาลจะบังคับให้หน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ แต่เมื่อเจอแรงกดดันและข้อเท็จจริงที่ทับซ้อน การตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็ยังถูก “แขวน” เอาไว้

สิ่งที่ทำให้เรื่องเขากระโดงไม่ใช่เพียงข้อพิพาททางกฎหมายคือเครือข่ายธุรกิจที่ผูกพันกับพื้นที่นี้โดยตรง ตระกูลชิดชอบ โดยเฉพาะเนวิน ชิดชอบ ไม่ได้เป็นเพียงนักการเมือง แต่ยังสร้างอาณาจักรธุรกิจในบุรีรัมย์ที่พัฒนาเมืองจากจังหวัดเล็กๆ กลายเป็นศูนย์กลางกีฬาและการท่องเที่ยวระดับประเทศ

ในบริเวณเขากระโดงและโดยรอบ ปรากฏบริษัทและโครงการที่เชื่อมโยงโดยตรงกับตระกูลชิดชอบอย่างชัดเจน เช่นบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงโม่หินในพื้นที่นี้มาช้านาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีชื่อสมาชิกตระกูลชิดชอบเป็นผู้ถือหุ้นตรง แต่ก็เป็นธุรกิจดั้งเดิมที่ก่อให้เกิดทุนก้อนแรกของตระกูล นอกจากนี้ยังมี บริษัท เค. มอเตอร์สปอร์ต จำกัด และบริษัท เค 2009 ลิซ จำกัด ซึ่งครอบครองหรือเช่าที่ดินในเขตเขากระโดงเพื่อทำกิจการสนามกีฬา การจัดการแข่งขัน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง มีข้อมูลว่าตระกูลชิดชอบถือครองที่ดินอยู่ 288 ไร่ในจำนวน 12 แปลง

บนที่ดินผืนเดียวกันนั้นเอง ได้ถูกพัฒนาเป็นโครงการใหญ่ที่สร้างชื่อเสียงให้บุรีรัมย์ ได้แก่ สนามฟุตบอลช้างอารีนา ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นแลนด์มาร์กด้านกีฬาและวัฒนธรรม, สนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ลงทุนมหาศาลระดับพันล้านเพื่อดึงการแข่งขันระดับโลกเข้ามา และโรงแรมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สปอร์ตโฮเต็ล ที่รองรับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ทั้งหมดนี้ผูกโยงเข้าด้วยกันจนกลายเป็นจักรวาลธุรกิจที่สร้างทั้งรายได้และอำนาจทางสังคมการเมืองให้ตระกูลชิดชอบ

รายงานทางการเงินบางฉบับชี้ว่าเพียง 4 บริษัทที่ตั้งอยู่ในเขตเขากระโดงนี้ มีรายได้รวมกว่าหลายร้อยล้านบาทต่อปี มีกำไรสุทธิสูงนับร้อยล้าน และยังมีศักยภาพต่อยอดอีกมากเมื่อรวมกับการเติบโตของธุรกิจกีฬาและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอีสาน ข้อเท็จจริงนี้ทำให้เข้าใจได้ว่าเหตุใดการเพิกถอนโฉนดจึงไม่ใช่แค่การแก้ไขเอกสารสิทธิ แต่หมายถึงการสั่นคลอนจักรวาลธุรกิจทั้งหมดที่ตระกูลนี้สร้างขึ้น

เมื่อหันมามองโครงสร้างอำนาจการเมืองปัจจุบัน ภาพก็ยิ่งชัดเจน พรรคภูมิใจไทยที่เนวินเป็นผู้กุมบังเหียนทางความคิด ก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาล และมีอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดินโดยตรง นี่คือ “จุดเชื่อม” ที่ทำให้การตัดสินใจของกรมที่ดินสอดคล้องกับอำนาจทางการเมืองไม่ใช่เพียงหลักกฎหมาย เพราะการแถลง “ยุติเรื่อง” ของกรมที่ดินเกิดขึ้นทันที ก่อนที่รัฐบาลอนุทินจะเข้ามาเต็มตัวในทางการเมืองยิ่งสะท้อนว่านี่คือการวางเกมล่วงหน้าเพื่อสร้างเกราะป้องกัน

แม้ว่าตอนที่ภูมิธรรม เวชยชัย นั่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย และมีเดชอิศม์ ขาวทองเป็นรัฐมนตรีช่วยดูแลกรมที่ดินนั้น เคยสั่งการให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดเขากระโดงโดยยืนยันว่า เป็นที่ดินของรัฐ แต่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยก็ล่มสลายไปเสียก่อน แล้ววันนี้กรมที่ดินก็รู้ว่าทิศทางลมกำลังพัดไปทางไหน

เมื่อกฎหมายพูดอย่างหนึ่ง ศาลวินิจฉัยอย่างหนึ่ง แต่ธุรกิจและอำนาจการเมืองพูดอีกอย่างหนึ่ง คำตอบสุดท้ายของที่ดินเขากระโดงจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวบท แต่ขึ้นกับว่าผู้มีอำนาจในประเทศเลือกจะให้มันจบอย่างไร ตราบใดที่พรรคภูมิใจไทยยังเป็นแกนนำรัฐบาล และอนุทินยังเป็นผู้กำกับกรมที่ดินโดยตรง เรื่องนี้ก็จะถูก“แช่แข็ง” ไว้ในแฟ้มเอกสารราชการ ถูกทำให้เลือนหายไปจากความสนใจสาธารณะ และไม่มีใครกล้าแตะต้องธุรกิจที่ตั้งอยู่บนผืนดินพิพาทเหล่านั้น

อนาคตของเขากระโดงจึงไม่ได้อยู่ในมือศาลเพียงอย่างเดียวหากขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนขั้วอำนาจรัฐ เมื่อใดที่อำนาจการเมืองพลิกผัน กฎหมายที่ถูกแช่แข็งอาจถูกปลุกขึ้นมาใช้อีกครั้ง และเรื่องเขากระโดงอาจกลับมาสั่นสะเทือนทั้งระบบธุรกิจและการเมืองไทยอีกครั้ง.
https://mgronline.com/daily/detail/9680000091658
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45606
Location: NECTEC

PostPosted: 26/09/2025 1:41 am    Post subject: Reply with quote

เมินข้อครหา ‘พิพัฒน์’ สั่ง รฟท.ลุยฟ้องเพิกถอน ‘ที่ดินเขากระโดง’ 995 แปลง
ฐานเศรษฐกิจ
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 15:21 น.
อัปเดตล่าสุด : วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 15:35 น.


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เดินหน้าฟ้องร้องผู้ครอบครองที่ดินพิพาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 995 แปลง
การฟ้องร้องจะดำเนินการเป็นรายแปลงเพื่อเพิกถอนโฉนดที่ดิน โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทุกรายอย่างเท่าเทียมตามกฎหมาย ไม่ละเว้นผู้มีสายสัมพันธ์ทางการเมือง
ผู้ว่าการ รฟท. ยืนยันว่านโยบายดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางเดิม และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการฟ้องร้องภายใน 1 เดือน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมยังคงเดินหน้าในประเด็นข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง เบื้องต้นได้มีการหารือกับผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แล้ว เบื้องต้นทางรฟท.จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดง 995 แปลง เป็นรายแปลงตามกฎหมาย โดยไม่เว้นแม้ผู้มีสายสัมพันธ์ทางการเมือง

“ก่อนรับตำแหน่ง เคยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า การรถไฟฯ จะดำเนินคดีกับผู้ครอบครอง 995 แปลงทุกราย พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่ว่ามาจากพรรคภูมิใจไทยและนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรคที่ดูแลกระทรวงมหาดไทยและกรมที่ดินได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีจะเอื้อกันหรือไม่ ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประทศไทย (รฟท.) กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การดำเนินคดีที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

อย่างไรก็ตามนโยบายการดำเนินงานในคดีดังกล่าวยังคงเป็นไปตามแนวทางเดิมที่เคยมีการดำเนินการมาแล้ว ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ตรงกันกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม


ทั้งนี้แนวทางการดำเนินงานของ รฟท. ตั้งแต่แรก คือ การฟ้องร้องเอกชนเป็นรายแปลง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการฟ้องเพิกถอนโฉนดที่ดิน ในส่วนการเพิกถอนโฉนดทั้งหมดนั้นกรมที่ดินจะต้องดำเนินการ แต่สุดท้ายแล้วการฟ้องร้องรายแปลงและการเพิกถอนโฉนดก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ดำเนินการมานานแล้ว

“เมื่อถูกถามถึงระยะเวลาการฟ้องร้องรายแปลงทั้ง 995 แปลง ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ แต่ยืนยันว่าการดำเนินการจะต้องเป็นไปในลักษณะที่สามารถทำได้ เพื่อให้เกิดความคืบหน้าตามกฎหมาย โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน” นายวีริศ กล่าว

https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/639795?
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/09/2025 12:32 pm    Post subject: Reply with quote

อุ้ม ‘เขากระโดง’ ออกทะเล | เดลินิวส์
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Friday, September 26, 2025 at 12:06

ถ้าไม่เป็น “นั่งร้าน” ให้เขา! ป่านนี้คงได้เห็นอะไรๆ กันบ้างแล้ว “ธนาธร”
ปี 2543 ผมไปทำเรื่องที่ดิน 2 แปลง ให้แม่กับญาติ ซึ่งมีเอกสารสิทธิ นส.3 มาตั้งแต่ปี 2517 ส่วนคู่กรณีเป็นชาวบ้านด้วยกันนี่แหละ และมีนส.3 เหมือนกัน แต่ไปขอออกโฉนดก่อน จึงขอรังวัดคลุมที่ดินของแม่และญาติซึ่งเป็นที่ดินข้างเคียงกัน ออกโฉนดไปเป็นของเขาด้วย
แม่กับญาติมารู้ภายหลัง จึงไปติดต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดในภาคตะวันออก เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ช่วยหาทางออก ปล่อยให้เทียวไปเทียวมากันอยู่อย่างนั้น เกือบ 2 ปี
ผมทนไม่ไหว จึงไปดำเนินการให้แม่กับญาติ จน “หัวหน้างานทะเบียน” ในสำนักงานที่ดินฯ เพิกถอนโฉนดที่ออกทับที่ดินของแม่กับญาติ โดยไม่ได้เสียเงินใต้โต๊ะใดๆทั้งสิ้น แล้วแม่กับญาติก็ขอออกโฉนด ไม่เห็นยากเย็นอะไรตรงไหน ไม่ต้องฟ้องใครให้คดีรกศาล
มาถึงกรณี “ที่ดินเขากระโดง” จ.บุรีรัมย์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อธิบายออกทะเลอ่าวไทยว่า ถ้าผิดจริง 2 ปีที่ผ่านมา ทำไมรัฐบาลเพื่อไทยถึงไม่สั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ฟ้องเอาผิด
คดีเกี่ยวกับที่ดินเขาต่อสู้กันด้วย “เอกสารราชการ” แล้วนายธนาธรไปอยู่ที่ไหนมา? จึงไม่รู้ว่า รฟท. ฟ้องชนะไม่รู้กี่ศาลแล้ว (ศาลชั้นต้น-อุทธรณ์-ฎีกา (ปี 60)-ศาลปกครองกลาง) ว่าที่ดินเขากระโดง 5,083 ไร่ 80 ตารางวา เป็นของ รฟท.
โดยที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 60 มีการใช้อำนาจทางการบริหาร เพื่อดึงเวลา มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่คดีที่ดินเขากระโดงสิ้นสุดไปแล้ว
แม้จะฟ้องกันแค่ 35 แปลง ส่วนอีกกว่า 900 แปลง ที่ออกโฉนดโดยมิชอบ ทับซ้อนที่ดิน รฟท. กรมที่ดินในฐานะผู้ออกโฉนดให้ประชาชนกลุ่มนี้โดยผิดกฎหมาย ต้องเพิกถอนโฉนดออกไปจากที่ดินหลวง
ระหว่าง 2 วิธีนี้ นายธนาธรคิดว่าควรใช้วิธีไหน?
1.กรมที่ดิน เร่งเพิกถอนโฉนดทั้งหมดที่ออกทับซ้อนที่ดินรฟท. บริเวณเขากระโดง
2.ให้รฟท.ไปไล่ฟ้องประชาชนเป็นราย ๆ แปลงที่ทุจริต ได้โฉนดมาโดยมิชอบ แต่ รฟท. ต้องเสียทั้งเวลา-กำลังคน-งบประมาณ
เรื่องที่ดินเขากระโดง ว่านายธนาธรอธิบายออกทะเลแล้ว! แต่เรื่อง “ฮั้ว สว.” ยิ่งออกมหาสมุทรไปเลย! คือนายธนาธรไม่รู้ หรือว่าแกล้งไม่รู้? ว่าในส่วนของสำนักงานกกต. มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องกับการฮั้ว สว.ไป 229 คน แบ่งเป็น สว.ชุดปัจจุบัน 138 คน รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่ายอีก 91 คน
แต่ สว. ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยังโหวตคนมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ+กกต. ส่วนพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และ “ดีเอสไอ”
“ดีเอสไอ” กำลังต้อนผู้เกี่ยวข้องกับการฮั้ว สว.เข้ามุม เพื่อแจ้งข้อหา “ฟอกเงิน-อั้งยี่” แต่พรรคพวกของนายธนาธรไปเป็น “นั่งร้าน” ให้เขาเป็นรัฐบาล และยังไม่ทันได้เข้ากระทรวง ก็มีมือมืดสั่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอยกเลิกการสอบปากคำพยาน เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ถ้าไม่เป็น “นั่งร้าน” ให้เขา! ป่านนี้คงได้เห็นอะไรๆ กันบ้างแล้ว “ธนาธร”.
พยัคฆ์น้อย
คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่

https://www.dailynews.co.th/articles/5144059/
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 27/09/2025 9:41 am    Post subject: Reply with quote

ไฟเขียวคดีฮั้วสว. 'รมว.ยธ.'ยืนยันไม่แทรกแซงเปิดทางรฟท.ฟ้องเขากระโดง
Source - แนวหน้า
Saturday, September 27, 2025 at 06:29


"พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์" รมว.ยุติธรรม คนใหม่ ไฟเขียวดีเอสไอ ลุยคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน-ฮั้ว สว. เต็มที่ ยืดอกให้คำมั่น "ไม่ขอแทรกแซง" ส่วนเขากระโดงขอให้รอคำพิพากษาก่อน หลัง ร.ฟ.ท.จะยื่นฟ้องคู่กรณีเป็นรายบุคคลกว่า 900 ราย

เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 26 กันยายน 2568 ที่ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 3 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับการกระทรวงยุติธรรมวันนี้ วันแรก ตนรู้สึกดีใจที่ได้มารับตำแหน่งในฐานะ รมว.ยุติธรรม ซึ่งตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรี และจนถึงวันที่ตนได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็ยังไม่ได้มาพูดคุยกับ พี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งตนก็เข้าใจว่าท่านก็อยากสอบถามอะไรต่างๆ แต่ก็ต้องเน้นย้ำว่าอาจติดในเรื่องของกฎหมายระเบียบต่างๆ ที่ต้องผ่านขั้นตอนการถวายสัตย์ไปก่อน วันนี้ตนเข้ากระทรวงยุติธรรมครั้งแรก ก็อยากมาพูดคุยกับพี่น้องสื่อมวลชน

ในเรื่องของการบริหารงานต่างๆ ในกระทรวงยุติธรรม เรื่องของนโยบาย ตนขอเป็นว่าหลังจากที่ทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันจันทร์และวันอังคารนี้ก่อน ซึ่งหลังจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายแล้วนั้น ทางกระทรวงยุติธรรมก็จะมีการแถลงนโยบาย เช่นเดียวกัน ซึ่งร่างนโยบายของกระทรวงฯ ทางสื่อมวลชนอาจทราบอยู่แล้ว ส่วนว่าวันนี้ตนขอพรประการใดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระหว่างสักการะนั้น ตนได้กราบไหว้ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกจุดของกระทรวงยุติธรรม โดยขอพรให้ทำงานราบรื่น เพราะตนก็เคยเป็นข้าราชการประจำมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ทำงานมาอายุราชการก็ 41 ปี ก็ถือว่าผ่านการทำงานมาพอสมควร

พล.ต.ท.รุทธพล เผยถึงนโยบายเร่งด่วน 4 เดือน ว่า นโยบายเร่งด่วนที่สามารถพูดได้ก็คือเรื่องการปราบปราบการพนัน และยาเสพติด ที่เป็นนโยบายที่เราพูดได้ก็เพราะว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลเหมือนกัน โดยตนจะเน้นไปที่การปราบปรามพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ส่วนเรื่องการปราบปราม ยาเสพติด ตนขอย้อนไปว่าสมัยรับราชการประจำ ตนได้ทำงานเกี่ยวกับการปราบยาเสพติดมาก่อน เชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงานด้านยาเสพติดแน่นอน เพราะเรามีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสแกมเมอร์ เราก็จะเร่งรัดเต็มที่ เพราะทราบว่าทางดีเอสไอก็มีปฏิบัติการจับกุมการขุด บิตคอยน์เถื่อน ลอบใช้ไฟฟ้าหลวงจนทำให้ การไฟฟ้าฯ ได้รับความเสียหายพันกว่าล้านบาท อีกทั้งยังมีเรื่องของการจับกุมละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนเรื่องการปราบปรามการพนันออนไลน์และยาเสพติดมีตัว ชี้วัด/เป้าหมายอย่างไรนั้น ตนอยากเรียนว่าหน่วยงานมีตัวชี้วัดอยู่แล้ว เพราะ เจ้าหน้าที่ก็มีการสกัดพื้นที่ชั้นในชั้นนอก โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการมา ต่อเนื่อง

พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวถึงคดีคงค้าง อื่นที่ติดค้างมาจากรัฐบาลชุดเก่าเพื่อจะสานต่อ ว่า ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย หน่วยงานใดรับผิดชอบก็ดำเนินการ ต่อไป เพราะตนในฐานะ รมว.ยุติธรรม ก็คงกำกับนโยบายเพียงเท่านั้น โดยยึดหลักนิติธรรม ให้เป็นไปตามกฎหมาย อันไหนที่เขาทำมาแล้ว ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้เลย ดังนั้น ถ้าสื่อมวลชนได้รับฟังการแถลงนโยบายของนายกฯ ในวันจันทร์และวันอังคารนี้ ส่วนนี้ก็เป็น ส่วนหนึ่งในนโยบายของนายกฯ

เมื่อถามถึงคดีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และคดีอั้งยี่ ฟอกเงิน ฮั้ว สว. ว่ามีทิศทางทำคดีอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.รุทธพลกล่าวว่า ในส่วนของคดีฮั้วสว. ทราบว่าเป็นการดำเนินการของทาง กกต. อยู่แล้ว ก็ให้ กกต. รับผิดชอบ ดำเนินการไป ส่วนคดีเขากระโดง ก็ให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการไปได้ ซึ่ง จริงๆ แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และกรมที่ดิน และเท่าที่ทราบ ร.ฟ.ท. จะยื่นฟ้อง คู่กรณีประมาณกว่า 900 ราย เพราะถือคติว่าจะยื่นฟ้องทั้งหมด ตนก็คงจะต้องรอคำพิพากษาของศาลในส่วนนี้

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลชุดนี้หรือ รมว.ยธ. เองจะเข้าไปแทรกแซงการทำคดีหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวปฏิเสธว่า ไม่หรอกครับ ตนไม่คิด ที่จะแทรกแซง เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน การจะเข้าไปแทรกแซงมันต้องคิดให้ดี อย่างไรรายละเอียดความคืบหน้าทางคดีต่างๆ ต้องสอบถามกับทางปลัดกระทรวงยุติธรรมแทน ส่วนหน่วยงานไหนรับผิดชอบก็ให้ดำเนินการได้เลย

ต่อข้อถามว่าคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งดีเอสไอรับผิดชอบอยู่นั้น จะให้เดินหน้าต่อหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล ย้ำว่า ให้ดีเอสไอดำเนินการต่อเนื่องได้เลย เพราะในเรื่องนี้บางคนก็บอกว่า กลัวว่าตนจะมาแทรกแซง แต่ตนอยากเรียนว่า คดีทั่วไปแม้ลัก วิ่ง ชิง ปล้น มันก็จะมีข้อกฎหมายกับข้อเท็จจริงอยู่ ดังนั้น ต่อให้เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ เชียงราย ยะลา อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน ก็มีกฎหมายเดียวกันทั้งหมด ส่วนข้อเท็จจริงทาง ดีเอสไอดำเนินการมาตั้งนานแล้ว ซึ่ง รายละเอียดต่างๆ คงต้องสอบถามทางปลัด ยธ. ว่าความคืบหน้าคดีจะมีมากน้อย แค่ไหน

ต่อข้อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการอะไรเกี่ยวกับ 2 คดีนี้เป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า ไม่มีครับ

เมื่อถามว่าตอนนี้คดีเขากระโดงในส่วนที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ยังเป็นเพียงเรื่องสืบสวนเท่านั้น มีโอกาสจะรับเป็นคดีพิเศษในเร็ววันนี้หรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า ไม่ทราบเลยครับ คงต้องค่อนข้างระมัดระวัง เพราะตนไม่รู้ว่าการเข้าไปดูจะเป็นการไปแทรกแซงหรือไม่ เพราะอย่างที่ทราบเวลาของรัฐบาลนี้มีเพียง 4 เดือน หากเข้าไปแทรกแซงแล้วมีคนไปร้องศาล ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็คงไม่สามารถทำงานได้ตามนโยบายของรัฐบาลได้

ด้าน นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สังคมจับตาว่ารัฐบาลชุดนี้จะจัดการเรื่องคดีเขากระโดงอย่างไรว่าทุกฝ่ายก็พูดไปแล้วว่าทำตามกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนคนจะชอบหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง มีถูกใจหรือถูกต้อง เพราะฉะนั้นต้องพิสูจน์ ตนถือหลักพระพุทธองค์ เรื่องอดีตยากที่จะแก้ไข อนาคตยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า สังคมยังจับตาว่าอดีตฮั้วสว.จะหายไปหากรัฐบาลภูมิใจไทยเข้ามา นายโสภณกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เขารับผิดชอบแล้วจะหายได้อย่างไร เขาก็ทำตามหน้าที่ ไม่มีใครไปสั่งใครได้

ส่วน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง นโยบายของรมว.คมนาคม ในการให้ไฟเขียวการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ฟ้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลงในพื้นที่ เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางของรมว.คมนาคม ที่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการฟ้องร้อง ผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลงเพื่อให้ศาลพิจารณาชี้ขาด มากกว่าการใช้อำนาจฝ่ายปกครองไปบีบบังคับประชาชน

นายสิริพงศ์กล่าวต่อว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้ ไม่ใช่การรังแกประชาชน แต่เป็นการเปิดช่องให้ประชาชนได้พิสูจน์สิทธิ์อย่างเต็มที่ หากมีหลักฐานที่ชัดเจน ก็สามารถต่อสู้ และได้รับความเป็นธรรม นี่คือวิธีที่ถูกต้อง และยุติธรรม หากประชาชนมีเอกสารสิทธิที่ดีกว่า ก็ชนะ และอยู่ในที่ดินได้อย่างสงบสุข จบปัญหาอย่างถาวร ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีคดีที่ประชาชนร้องขอโฉนด 35 แปลง แต่แพ้การรถไฟฯ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับคดีที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่ควรสับสนหรือเหมารวม

"ผมขอปรบมือให้ รมว.คมนาคม การดำเนินการเช่นนี้คือการใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง โปร่งใสและเป็นธรรมต่อ ทุกฝ่าย" นายสิริพงศ

ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 27 ก.ย. 2568
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 28/09/2025 4:48 pm    Post subject: Reply with quote

'สิริพงศ์'ชื่นชม รมว.คมนาคม เปิดทางการรถไฟฟ้องรายแปลง ปมเขากระโดง
Source - เว็บไซต์แนวหน้า
Sunday, September 28, 2025 at 16:32

'สิริพงศ์'ชื่นชม รมว.คมนาคม เปิดทางการรถไฟฟ้องรายแปลง ปมเขากระโดง ย้ำเป็นธรรมกว่าการใช้อำนาจบีบบังคับ
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการให้ไฟเขียวการรถไฟแห่งประเทศไทย ฟ้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลง ปมเขากระโดง ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการฟ้องร้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลง เพื่อให้ศาลพิจารณาชี้ขาด มากกว่าการใช้อำนาจฝ่ายปกครองไปบีบบังคับประชาชน
นายสิริพงศ์ ระบุว่า อธิบายว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้ ไม่ใช่การรังแกประชาชน แต่เป็นการเปิดช่องให้ประชาชนได้พิสูจน์สิทธิ์อย่างเต็มที่ หากมีหลักฐานที่ชัดเจน ก็สามารถต่อสู้ และได้รับความเป็นธรรม นี่คือวิธีที่ถูกต้อง และยุติธรรม หากประชาชนมีเอกสารสิทธิ์ที่ดีกว่า ก็ชนะ และอยู่ในที่ดินได้อย่างสงบสุข จบปัญหาอย่างถาวร
ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ ยังกล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาเคยมีคดีที่ประชาชนร้องขอโฉนด 35 แปลง แต่แพ้การรถไฟฯ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับคดีที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่ควรสับสนหรือเหมารวม
"ผมขอปรบมือให้รัฐมนตรีคมนาคม การดำเนินการเช่นนี้คือการใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย" นายสิริพงศ์ย้ำ

https://www.naewna.com/politic/917337
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/10/2025 11:17 am    Post subject: Reply with quote

อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาชมผู้ว่าการรถไฟฉลาดที่ลาออก!
Source - เว็บไซต์ไทยโพสต์
Wednesday, October 08, 2025 at 09:27

08 ต.ค.2568 - นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ผู้ว่าการรถไฟลาออก มีผล 30 ตุลาคม 2568 หลังเซ็นฟ้องที่ดินเขากระโดง 2 แปลง” ระบุว่า เมื่อวานนี้ (7 ตุลาคม 2568) มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง มีผลวันที่ 30 ตุลาคม 2568 เป็นการบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน โดยระบุเหตุผลว่า ต้องการมีเวลาดูแลบิดามารดา ทั้งของตนเองและของคู่สมรส ที่มีอายุมาก บอร์ดการรถไฟรับทราบแล้ว
เหตุในการลาออกครั้งนี้ คาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากในวันเดียวกับที่ลงนามลาออก นายวีริศได้ลงนามในหนังสืออนุมัติให้ฟ้องเพิกถอนหรือขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ และเป็นที่ดิน 2 แปลงที่มีชื่อคนในตระกูลใหญ่แห่ง “เมืองอันน่ารื่นรมย์”ถือครอง
ผู้เขียนมีข้อสังเกตดังนี้
1.ในแง่ข้อกฎหมาย นับว่าเป็นการลาออกที่ฉลาดและปลอดภัยจากการถูกดำเนินคดีอาญาในอนาคตฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ดำเนินการเรียกที่ดินของแผ่นดินคืนมาตามคำวินิจฉัยขององค์กรอิสระ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) และองค์กรตุลาการ (ศาลปกครองและศาลยุติธรรม)
2.ที่แปลกใจคือบางคนในอดีต “ลงเรือแป๊ะ”แล้วเมื่อไม่ตามใจแป๊ะ ก็ขึ้นจากเรือ แต่ครั้งครั้งนี้กลับมา “พายเรือให้แป๊ะนั่ง” และผิดหวังกับนักการเมืองอายุน้อยที่ “ท่าดีแต่ทีเหลว” ย้ายค่ายไปลงเรือแป๊ะหน้าตาเฉย
3.ที่ไม่แปลกใจและไม่ผิดหวังคือ ค่ายที่ “อุ้มแป๊ะมาพายเรือ” โดยตนไม่ยอมลงเรือด้วย เพราะไม่เคยหวังอะไรกับค่ายนี้มาก่อน

https://www.thaipost.net/x-cite-news/875233/
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/10/2025 11:18 am    Post subject: Reply with quote

พยานหลักฐานไม่ครบ! ”อัยการฯ”ส่งคืนหนังสือรฟท. ขอฟ้องขับไล่”เขากระโดง” 995 รายแทน
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Wednesday, October 08, 2025 at 09:49

อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ส่งเรื่องคืน รฟท. ไม่ฟ้องขับไล่”เขากระโดง” ทั้ง 995 รายแทน ชี้รายละเอียดพยานหลักฐานไม่ครบ แต่ละกรณีควรมีคำพิพากษาเพิกถอนยุติก่อน แนะรวบรวมข้อเท็จจริง 9 ข้อ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ วจนกิจไพบูลย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ในขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้ส่งเรื่องคืนและแนะนำการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินคดี กลับไปยัง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ตามที่ รฟท.ได้มีหนังสือมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อความอนุเคราะห์ให้รับดำเนินคดีแทน โดยขอให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิและผู้ยึดถือครอบครองที่ดินมีโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการ จำนวน 995 ฉบับ โดยไม่ได้จัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้ถือเอกสารสิทธิ ลักษณะการใช้ประโยชน์ของที่ดินเเต่ละแปลง รายละเอียดการออกเอกสารสิทธิ และที่ตั้งของที่ดินแต่ละแปลง
สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้พิจารณาเรื่องนี้เรียน ทราบว่า ตามที่อ้างว่า รฟท.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตั้งแต่ส่วนแยกจากบุรีรัมย์ไปจนถึงเขากระโดง รวมระยะทาง ก.ม. เนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐเพื่อกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย
แต่ที่ดินบริเวณดังกล่าวกรมที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิในที่ดินด้วยกฎหมายทับซ้อนกับที่ดินของ รฟท. โดยมีที่ดินที่มีการออกเอกสารสิทธิทั้งโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์จำนวน 995 ฉบับ และการรถไฟแห่งประเทศไทยขอให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนที่ดินของการรถไฟ ขับไล่ เรียกค่าเสียหายจาก ผู้ถือเอกสารสิทธิและผู้ครอบครองที่ดิน โดยไม่ปรากฎรายละเอียดว่าท่านมีความประสงค์จะให้ดำเนินคดีกับผู้ใด ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิทั้งโฉนดที่ดิน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์มี ทั้งหมดกี่ราย และที่ดินพิพาทดังกล่าวทุกแปลงอยู่บริเวณส่วนใดของที่ดินของการถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งการบุกรุก ยึดถือครอบครองทำประโยชน์และออกเอกสารสิทธิทับซ้อนในที่ดินของการรถไฟของแต่ละรายนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
รฟท.ส่งเอกสารมาประกอบการดำเนินคดีเพียงเอกสารตามบัญชี เอกสารแนบท้าย ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับกฎหมายของ รฟท. คำสั่งแต่งตั้งผู้มีอำนาจ สำเนาพิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง และเอกสารเกี่ยวกับคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน
ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามประมวลกฎหมายที่ดิน และคำสั่งยุติเรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดิน รวมทั้งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของกรมที่ดิน โดยไม่มีข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับบุคคลที่ประสงค์จะให้ฟ้อง และการกระทำของบุคคลดังกล่าวที่เป็นการโต้เเย้งสิทธิของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรายละเอียดข้อเท็จจริง และเอกสารหลักฐานที่จำเป็นต่อดำเนินคดี
@รฟท.ไม่รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน
จึงเป็นการส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการดำเนินคดี โดยไม่มีการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2561 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ.2561 ข้อ 21 ที่กำหนดให้ หน่วยงานของรัฐที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิเเละหน้าที่เกี่ยวกับเอกชนในทางแพ่งให้ส่งเรื่องให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด หรือพนักงานอัยการที่มีหน้าที่และอำนาจดำเนินคดีเรื่องนั้นโดยหน่วยงานของรัฐจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน
โดยทางหนังสือของอัยการยังระบุด้วยว่า แม้หนังสือของท่านจะแจ้งว่ารายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้ถือเอกสารสิทธิและลักษณะการใช้ประโยชน์ของที่ดินแต่ละแปลงนั้น รฟท. ได้รวบรวมและจัดทำบัญชีรายละเอียดส่งมอบให้ต่อไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่ท่านควรดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง
และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้ครบถ้วนก่อนที่จะส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินคดี
@แต่ละกรณีควรมีคำพิพากษาเพิกถอนยุติก่อน
อีกทั้งเรื่องที่ขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีต่อบุคคลต่าง ๆ ที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีจำนวนมากหลายราย ซึ่งมูลความแห่งคดีไม่เกี่ยวข้องกัน การถไฟแห่งประเทศไทยก็ไม่อาจส่งเรื่องรวมกันมาเพื่อดำเนินคดีในเรื่องเดียวกันได้เพราะเป็นกรณีที่ต่างคนต่างกระทำที่เป็นการโต้แย้งสิทธิ หรือที่ต่างคนต่างพิพาทกรรมสิทธิกับประเทศไทย ที่จะต้องพิสูจน์ในศาลให้เห็นว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าบุคคลในเอกสารสิทธิเป็นรายคดีไป และการส่งเรื่องให้ดำเนินคดีจะต้องแยกเป็นรายคดีเช่นกัน ซึ่งแต่ละราย/เรื่องจะต้องมีข้อเท็จจริงเป็นยุติชัดเจนว่าที่ดินพิพาทของแต่ละบุคคล มีการออกเอกสารสิทธิทับช้อนกับที่ดิน รฟท.อันเป็นที่ดินของรัฐ เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิ และขับไล่ตลอดจนชดใช้ค่าเสียหายเป็นรายคดี จึงไม่อาจส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินคดีมารวมในเรื่องเดียวกัน
จากการที่ท่านส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขอให้ดำเนินคดีบุคคลจำนวนมากรวมกันเรื่อง เดียวกัน โดยไม่มีข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับบุคคลที่ประสงค์จะให้ดำเนินคดี และข้อเท็จจริงอันการกระทำที่เป็นการโต้แย้งสิทธิของ รฟท.รวมกันมาในลักษณะดังกล่าวพนักงานอัยการจึงไม่อาจรับเรื่องไว้ดำเนินการได้
@แนะรฟท.รวบรวมข้อเท็จจริง 9 ประเด็น
เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และคุ้มครองสิทธิของประชาชน และการดำเนินคดีมีความถูกต้อง ไม่ล่าช้า ประกอบกับเรื่องนี้ปรากฎเป็นที่ดินของรัฐเพื่อกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนทั่วไปได้ มีผู้ครอบครองจำนวนมาก บางคนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นเรื่องประชาชนให้ความสนใจ สื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง เเละ รฟท.มีข้อขัดแย้งกับกรมที่ดินในการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน การดำเนินต้องกระทำอย่างละเอียดรอบคอบ รวบรวมแอกสารหลักฐานครบถ้านเป็นอย่างยิ่ง
จึงส่งเรื่องคืนมายังท่านตามเอกสาร เพื่อให้ท่านดำเนินเรื่องการขอให้ดำเนินคดีเป็นรายคดี/เรื่อง และขอแนะนำว่า แต่ละเรื่องจะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานต่างๆที่เป็นยุติให้ชัดเจน ดังนี้
1.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ประวัติ ความเป็นมา ที่ตั้ง อาณาเขตหรือแนวเขต ที่ดินของรัฐเพื่อใช้ในกิจการของ รฟท.(บริเวณเขากระโดง)
2.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลที่ รฟท.ประสงค์จะให้ดำเนินคดี ว่าเป็นผู้ใด
มีที่อยู่ที่ใด เป็นผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองทำประโยชน์แปลงใดบ้าง แต่ละแปลงอยู่บริเวณส่วนใดของที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยจัดทำแผนที่แสดงตำแหน่งที่ดินพิพาทกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ชัดเจน
3.ข้อเท็จจริงของการโต้แย้งสิทธิ เช่น การบุกรุก ยึดถือครอบครอง ลักษณะการครอบครองทำประโยชน์ ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด โดยให้ถ่ายภาพที่ดินมาประกอบการพิจารณาด้วย
4.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยชอบทับซ้อนที่ดินของ รฟท.มีการออกเอกสารสิทธิตั้งแต่เมื่อใด อย่างไร เเละ รฟท.มีการคัดค้านการออกเอกสารสิทธินั้นหรือไม่ อย่างไร
5.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแจ้งให้บุคคลดังกล่าวออกจากที่ดินพิพาท รฟท.ได้เคยดำเนินการหรือไม่ อย่างไร
6.รฟท.เคยขอให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิของบุคคลดังกล่าวหรือไม่อย่างไร
7.หากประสงค์เรียกค่าเสียหาย รฟท.ได้รับความเสียหายจากการกระทำของบุคคลดังกล่าวอย่างไร จำนวนเท่าใด
8.ความประสงค์ของ รฟท.ที่ขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดี เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องอย่างไร เช่น เพิกถอนเอกสารสิทธิ ขับไล่ รื้อถอน และชดใช้ค่าเสียหาย
9.สรุปข้อเท็จจริงแห่งคดีโดยละเอียด ประกอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่จะใช้อ้างอิงในการพิจารณาดำเนินคดี
อนึ่ง ท่านสามารถส่งเรื่องให้พนักงานในการดำเนินคดีเป็นรายบุคคลดังกล่าวเมื่อรวบรวม ข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานครบถ้วนแล้วแยกเป็นรายไป โดยทยอยส่งเรื่องเมื่อเห็นว่าเรื่องใดมีข้อเท็จจริง
และเอกสารหลักฐานเพียงพอต่อการดำเนินคดีแล้ว ไม่จำต้องรอจัดส่งมาพร้อมกันทุกราย และการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการว่าต่างดำเนินคดีแพ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าสามารถส่งเรื่องที่สำนักงานอัยการจังหวัดที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้โดยตรงไม่จำเป็นต้องส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเอกสารที่ท่านส่งมาประกอบการดำเนินคดีคือหนังสือกรมที่ดิน เรื่องแจ้งผลการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ลงวันที่ 13 ม.ค.2568 ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้แจ้งผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ กรณีที่รฟท.อุทธรณ์คำสั่งของ อธิบดีกรมที่ดินที่เห็นชอบกับการไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของ การรถไฟแห่งประเทศไทยและมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง โดยผลของการวินิจฉัยอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ให้ยุติเรื่องชอบแล้ว และแจ้งให้ รฟท.ทราบว่า หากประสงค์จะโต้แย้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ จะต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 90วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้น ขอแนะนำว่าว่า หากท่านประสงค์จะโต้แย้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เป็นเรื่องที่ท่านจะต้อง ไปดำเนินการอีกส่วนหนึ่งต่อศาลปกครองภายใน90วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวต่อไป จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป

https://mgronline.com/business/detail/9680000096127
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 12/10/2025 7:48 am    Post subject: Reply with quote

เปิดเหตุผล ทำไม 'เซ็นทรัล' ทุ่ม 2 หมื่นล้านสร้าง The Central พหลโยธิน เผยราคาต้องจ่ายแลกต่อสัญญาลาดพร้าว
Source - มติชนออนไลน์
Saturday, October 11, 2025 at 23:52

เปิดเหตุผล ทำไม 'เซ็นทรัล' ทุ่ม 2 หมื่นล้านสร้าง The Central พหลโยธิน เปิดราคาต้องจ่ายแลกต่อสัญญาลาดพร้าว
The Central พหลโยธิน - นับถอยหลังจากนี้ถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2571 เหลือเวลาอีกกว่า 3 ปี ที่ เซ็นทรัลลาดพร้าว โครงการมิกซ์ยูสแรกของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) หรือCPN ซึ่งได้เข้าไปพัฒนาเมื่อ 45 ปีที่ผ่านมา บนที่ดินเช่า 47 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เนรมิตที่ดินรกร้างกลายเป็นทำเลทอง มีทั้งศูนย์การค้าและโรงแรมหรู ยังมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาเกยถึงหน้าห้าง
และมีผู้เข้ามาใช้บริการ 130,000 คนต่อวัน
ถึงแม้ผู้บริหารเซ็นทรัล ส่งสัญญาณมาโดยตลอดว่า "ไม่ทิ้งเซ็นทรัลลาดพร้าว" และอยู่ระหว่างการเจรจากับรฟท. เพื่อขอต่อสัญญาเช่าเป็นครั้งที่ 2
แต่ยังต้องลุ้นจะได้ไปต่อหรือไม่ แม้ว่าเซ็นทรัลจะได้สิทธิเจรจารายแรกตามสัญญา ทว่าถ้าหากตัวเลขค่าเช่าสุดท้ายที่ออกมาสูงมากจนเกินไป ก็มีความเป็นได้ที่ "เซ็นทรัล" อาจจะถอดใจ หรือถ้าน้อยไปทางรฟท.คงไม่เอาและเปิดประมูลใหม่ ทุกอย่างจึงมีโอกาสพลิกได้เสมอ
ล่าสุด บริษัท เอสอาร์ทีเอ แอสเสท จำกัด(SRTA) บริษัทลูกของรฟท.เตรียมจะจ้างบริษัทที่ปรึกษาอีกรายมาประเมินมูลค่าโครงการและประเมินมูลค่าสิทธิการเช่าโครงการใหม่ มาเป็นคู่เทียบกับรายแรกที่วิเคราะห์ตัวเลขออกมายังไม่เป็นที่น่าพอใจ
หลังตัวเลขที่เสนอมาราคาต่างจากการต่อสัญญาครั้งแรกไม่มาก ซึ่งในครั้งนั้น เซ็นทรัลเสนอต่อสัญญาเช่า 20 ปี ด้วยวงเงิน 21,298 ล้านบาท เนื่องจาก SRTA มองว่าด้วยศักยภาพของทำเลน่าจะได้สูงกว่านี้
ดังนั้นการต่อสัญญาเช่า "เซ็นทรัลลาดพร้าว" ยังคงเป็นดีลใหญ่ที่ยังต้องลุ้น
ในทางคู่ขนานจากความไม่ชัดว่าจะอยู่หรือจะไปนั้น ทาง เซ็นทรัล ได้ทุ่ม 21,000 ล้านบาท สร้างศูนย์การค้าแห่งใหม่อีกแห่งภายใต้ชื่อ The Central พหลโยธิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 49 ไร่ อยู่ตรงข้ามแดนเนมิต และห่างจาก"เซ็นทรัลลาดพร้าว"เพียง 300 เมตร
ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับลูกค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ถ้าสุดท้ายไม่ได้ต่อสัญญา ก็พร้อมปั้น The Central พหลโยธิน เป็นฐานที่มั่นใหม่หรือถ้าหากได้ต่อสัญญาและต้องทุบเซ็นทรัลลาดพร้าว ที่อายุครบ 50 ปีพอดี เพื่อสร้างใหม่ ยังมี The Central พหลโยธิน รองรับลูกค้าให้มาช้อป ไม่ให้หายไปไหนในระหว่างรอ ที่อาจจะใช้เวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไป
เฟสแรกจะสร้างเสร็จและเปิดให้บริการภายในไตรมาส4 ปี 2569 หรือในเดือนธันวาคม เป็นศูนย์การค้า
แฟลกชิปสโตร์ มีพื้นที่ 457,409 ตร.ม. พร้อมด้วย Convention Hall ขนาดใหญ่กว่า 6,700 ตร.ม. รองรับคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ระดับโลก คาดมีผู้มาใช้บริการปีแรกที่ 130,000 คนต่อวัน
โดย"เซ็นทรัล"วางเป้าหมายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของกรุงเทพฯโซนเหนือและยกระดับสู่ The Next CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เทียบชั้นราชประสงค์ ส่วนเฟสอื่นๆอยู่ระหว่างการศึกษาจะทยอยออกมา ไม่ว่าอาคารสำนักงาน และโรงแรม
"เราจะพัฒนาเซ็นทรัลลาดพร้าวและThe Central พหลโยธิน เติบโตไปด้วยกัน ลูกค้าสามารถเดินได้ทั้งสองศูนย์ เดินเซ็นทรัลลาดพร้าวแล้ว ก็ไปเดิน The Central พหลโยธิน ต่อได้ เราจะปรับเซ็นทรัลลาดพร้าวจับกลุ่มระดับบน ส่วน The Central พหลโยธิน จะเหมือนเซ็นทรัลเวิลด์มีแบรนด์และร้านค้าหลากหลาย กำลังศึกษาจะสร้างสกายวอล์กให้เชื่อมกันได้ จะเหมือนกับเซ็นทรัลภูเก็ตที่มีสองศูนย์อยู่ใกล้กัน และมีทางเดินเชื่อม" ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและกลุ่มงานพัฒนาโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) กล่าว
อย่างไรก็ตามอีกมุมหนึ่ง มองว่า "การที่เซ็นทรัลสร้างที่ใหม่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อต่อรองราคารฟท.กับการต่อสัญญาเซ็นทรัลลาดพร้าวว่า ยังมี The Central พหลโยธิน ถ้าหากยังคิดค่าเช่าสูง"
โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด(AREA ) วิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ประมูลที่ดินห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวนี้จะรื้ออาคารทั้งหมดทิ้งแล้วสร้างใหม่ เพราะพื้นที่ 47 ไร่ดังกล่าว มีอาคารเดิมรวมกัน 300,000 ตร.ม. แต่ตามผังเมืองใหม่ ที่ดินแปลงนี้สามารถสร้างได้ถึง 600,000 ตร.ม.เศษ ดังนั้นการรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ จึงน่าจะได้ประโยชน์สูงสุดยิ่งกว่า แม้อาคารจะยังมีสภาพแข็งแรงก็ตาม แต่ก็อายุ 50 ปี กรณีนี้ถือว่าอาคารหมดอายุขัยทางเศรษฐกิจ จึงต้องรื้อทิ้งและสร้างใหม่ ส่วนมูลค่าการลงทุนโครงการน่าจะมากกว่าปัจจุบัน และอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท
โดยสรุปแล้วจึงอาจกล่าวได้ว่าการมี "ห้างเซ็นทรัล 2" ที่เป็นแห่งใหม่นี้ เป็นเสมือน "ตัวตายตัวแทน" สำหรับห้าง "เซ็นทรัลลาดพร้าว" เดิมที่กลุ่มเซ็นทรัลอาจจะประมูลได้หรือไม่นั่นเอง

https://www.matichon.co.th/economy/news_5408189
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/10/2025 8:11 pm    Post subject: Reply with quote

ชาวบ้านเขากระโดงยอมคำพิพากษา วอนรถไฟลดค่าเช่าที่ หลังเดือดร้อนหนัก
Source - บ้านเมืองออนไลน์
Tuesday, October 14, 2025 at 20:14

บุรีรัมย์ - ชาวบ้านในพื้นที่เขากระโดง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 35 ราย จากทั้งหมด 995 ราย ที่อยู่อาศัยบนที่ดินซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ และต่อมาศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินของชาวบ้าน กลุ่มดังกล่าวยอมรับคำตัดสินของศาลแล้ว แต่ยังวอนให้การรถไฟลดค่าเช่าที่ดินหรือยกเว้นการเก็บค่าเช่าย้อนหลัง เนื่องจากส่วนใหญ่มีฐานะยากจน
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 หลังจากศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ 842-876/2560 รวมทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษายืนตามศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของชาวบ้านจำนวน 35 ราย ในพื้นที่ตำบลเสม็ด และตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
โดยกลุ่มชาวบ้านทั้ง 35 รายนี้ อยู่ในกลุ่ม 995 รายที่มีเอกสารสิทธิ์ถือครอง แต่ถูกการรถไฟแห่งประเทศไทยอ้างสิทธิ์ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 5,083 ไร่ แม้จะมีเพียงบางส่วนที่ถูกฟ้องร้องและตัดสินไปแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มทำใจและยอมรับผลคำพิพากษา แม้ในใจจะยังรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ตาม
นายสุดทาย ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านต่อสู้คดีนี้มาตั้งแต่ปี 2511 แม้ผลจะออกมาไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่เมื่อศาลตัดสินแล้วก็ยอมรับ และเชื่อว่าหลังจากนี้การรถไฟอาจให้เช่าที่ดินต่อ แต่คาดว่าจะมีการเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลัง ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับชาวบ้านที่ส่วนใหญ่มีรายได้น้อย
ด้านนายโยธิน ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ อายุ 67 ปี หนึ่งในชาวบ้าน 35 รายที่ถูกศาลเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยากให้การรถไฟพิจารณาลดค่าเช่าที่ดินลง เพราะการคิดค่าเช่าของการรถไฟจะคิดเป็นเดือน ไม่ใช่เป็นปี ซึ่งถือเป็นภาระใหญ่สำหรับชาวบ้านที่ส่วนมากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ มีเพียง 5-6 รายเท่านั้นที่พอมีกำลังจ่ายค่าเช่าได้
นายโยธินยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้การรถไฟนำนักจิตวิทยามาพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจ เพราะหลายคนยังรับไม่ได้กับผลของคำพิพากษา แต่เชื่อว่าเมื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่จะสามารถยอมรับได้มากขึ้น

https://www.banmuang.co.th/news/region/450416
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 218, 219, 220, 221  Next
Page 219 of 221

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©