Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:319468
ทั่วไป:32247581
ทั้งหมด:32567049
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - แผนปฏิบัติการด้านคมนาคม พ.ศ.2566-2570
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

แผนปฏิบัติการด้านคมนาคม พ.ศ.2566-2570
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 16, 17, 18  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49564
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 07/07/2025 10:42 am    Post subject: Reply with quote

จับตาพิษการเมืองกระทบโปรเจ็กต์ 4 แสนล้าน“คมนาคม”ลุ้นสภาไฟเขียวกฎหมาย 5 ฉบับ ชี้ชะตา”รถไฟฟ้า 20 บาท-แลนด์บริดจ์”
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Monday, July 07, 2025 05:57

จับตา”บิ๊กโปรเจ็กต์”แสนล้าน หวั่นสะดุดยกแผง พิษการเมืองกระทบเสถียรภาพ“รัฐบาลแพทองธาร” ร่างกม.หนุนนโยบายเรือธง”รถไฟฟ้า 20 บาท”ยังไม่ผ่านสภา

กม.SEC ประมูล”แลนด์บริดจ์”ส่อลากยาว

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 จากกรณีถูกร้องเรียนเรื่องคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านทำให้”รัฐบาลแพทองธาร”ตกอยู่ในสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ สั่นคลอนอย่างมาก มีการประเมินว่าหากสถานการณ์ถึงทางตันและต้องยุบสภา จะส่งผลทำให้โครงการตามนโยบายของรัฐบาลสะดุด รวมไปถึงกฎหมายหลายฉบับจะค้างสภาฯ

โดยเฉพาะ”ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย”หนึ่งในนโยบายเรือธง ที่”พรรคเพื่อไทย” หวังเป็นนโยบายครองใจคนกรุง เพราะจะช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทาง และทำให้เงินในกระเป๋าประชาชนเหลือไปใช้จับจ่ายในด้านอื่นได้มากขึ้น แต่…หากมีการยุบสภา ก็มีโอกาสสูงที่จะล่มไปพร้อมกับรัฐบาลได้

ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ในโครงการ รถไฟฟ้าแล้ว 2 สาย คือ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงสายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2566 ปัจจุบันเป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งจำนวนผู้โดยสารของทั้ง 2 สาย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่มีการกำหนดมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายระยะที่ 2 ในทุกเส้นทาง ทุกสี และทุกสาย ครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทั้งหมด ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว,สีทอง,สีเหลือง,สีชมพู,สีน้ำเงิน,สายสีม่วง,สายสีแดง และ สายแอร์พอร์ตเรล ลิงก์ (ARL) ให้เริ่มใช้ได้วันที่ 30 ก.ย. 2568 นั้น


การจะขยาย รถไฟฟ้า 20 บาท ให้ใช้ได้ทุกสายนั้น นอกจากการปรับปรุงระบบหลังบ้านของแอป “ทางรัฐ” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริหารรายได้ ซึ่งจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือน ส.ค. 2568 แล้ว ยังจะต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องมือในการดำเนินการด้วย ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร​

@ลุ้นสภาฯโหวต พ.ร.บ. 3 ฉบับ ชี้ชะตา"รถไฟฟ้า 20 บาท”ทุกสาย

การดำเนินโครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในระยะที่ 2 และการขับเคลื่อนระบบตั๋วร่วมในระยะยาว จำเป็นต้องอาศัย

กรอบกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้ว คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินภาครัฐและการอดหนุนบริการสาธารณะ และพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน


แต่ต้องมีกฎหมายอีก 3 ฉบับที่ยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำและปรับปรุงแก้ไข และต้องอาศัยเสถียรภาพของรัฐบาล เสียงโหวตในสภาฯผลักดัน ได้แก่

1.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. ...เพื่อกำหนดกรอบการกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางให้มีมาตรฐานและประสิทธิภาพ

ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ต.ค. 2567 มีมติเห็นชอบ และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯ วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2567 เตรียมเสนอสภาฯพิจารณาวาระ 2,3

2.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ....เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมให้เป็นเอกภาพและยั่งยืนเป็นการสนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า

ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2568 เตรียมเสนอสภาฯพิจารณาวาระ 2,3

แม้พ.ร.บ.ตั๋วร่วมจะเป็น “เครื่องมือ” ในการเชื่อมค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ หลายๆสายให้คิดรวมเป็นเที่ยวเดียวได้ แต่การกำหนดค่าโดยสาร 20 บาท นั้นไม่สามารทำได้ด้วยตัวกฎหมายนี้ แม้จะมีการจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วมฯ แต่ยังมีประเด็น การเงินอุดหนุนกองทุนฯ ที่จำเป็นต้องใช้กฎหมายอื่นร่วมด้วย และยังมีเงื่อนไขสัญญาสัมปทานกับเอกชนอีก

3.ร่างพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่..) พ.ศ. … เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543ให้สอดคล้องกับสถาพการณ์ปัจจุบันและสามารถส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของ รฟม.ตามนโยบายรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 เตรียมเสนอสภาฯพิจารณาวาระ 2,3

พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จะช่วยให้สามารถดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ ตามกำหนดวันที่ 30 ก.ย. 2568 เนื่องจาก จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของรายได้และอำนาจของ รฟม. โดยเปิดโอกาสให้นำเงินรายได้สะสมของรฟม. ที่มาจากส่วนแบ่งค่าสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) โอนเข้ากองทุนตั๋วร่วมเพื่อจ่ายชดเชยให้รถไฟฟ้าสายอื่นได้ เช่น จ่ายให้รฟท. เพื่อชดเชย รายได้สายสีแดง และ แอร์พอร์ตลิงก์จ่ายให้กทม.เพื่อชดเชยรายได้สายสีเขียวและสายสีทอง เป็นต้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องแก้ไขพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ พ.ศ.2543 เนื่องจากเดิมจะนำเงินสะสมของรฟม.ที่มีไปใส่กองทุนตั๋วร่วมฯเพื่อใช้อุดหนุน เรื่องค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายรวมถึง รายได้ของรฟม.ก็จะไม่จัดส่งกระทรวงการคลังแต่จะนำใส่กองทุนตั๋วร่วมฯ แต่ทางกระทรวงการคลังบอกว่าทำไม่ได้ เพราะรฟม.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่จัดส่งรายได้เข้ากระทรวงการคลังเพื่อนำไปเป็นงบประมาณแผ่นดิน จึงมีการแก้ไขพ.ร.บ.รฟม.

“เพื่อความยั่งยืนและไม่เป็นภาระด้านการเงินกับรฟม.และรัฐบาลไม่ต้องชดเชยทุกปี ในอนาคตจึงมีแนวทางการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสาย และศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion charge) เพื่อนำเงินเข้ากองทุนตั๋วร่วม เพื่อนำมาบริหารจัดการเรื่องค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง”


@แก้กม.การท่าเรือฯรับ"เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"

อีกกฎหมายคือ ร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ซึ่งครม. มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2568 และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือฯ วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 เตรียมเสนอสภาฯพิจารณาวาระ 2,3

เป็นการ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เพื่อเปลี่ยน/เพิ่มเติมให้ กทท.ลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด,จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกราชอาณาจักร ,เช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ตามความจำเป็น รองรับอนาคต

ประเด็นหลักคือ การนำพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย)พัฒนาเชิงพาณิชย์ ในหลากหลายรูปแบบ โดย กทท.มีการศึกษาทบทวนแผนแม่บทการบริหารจัดการพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพใหม่ เพื่อให้รองรับนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ) มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นอีกนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ที่สังคมจับตาว่า เป็นเป้าหมายเพื่อให้มีกาสิโน ในประเทศ

@พ.ร.บ. SEC จ่อเข้าครม.เดินหน้า”แลนด์บริดจ์”

“แลนด์บริดจ์”อภิมหาโปรเจ็กต์ วงเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เป็นอีกโครงการที่ต้องรอร่างพ.ร.บ. เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้เปิดรับความคิดเห็นภาคเอกชนประกอบ และเสนอไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือกรมบัญชีกลางช่วยตรวจสอบ ประเด็นแหล่งเงินของ”กองทุนแลนด์บริดจ์” ที่จะนำมาใช้สำหรับชดเชยเป็นค่าเวนคืน หรือ ค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ 4 จังหวัด คือ สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง

“หาก เสนอครม.ขออนุมัติได้ใน 1-2 เดือนนี้ แล้ว ก็ยังต้องรอดูว่าจะสามารถนำพ.ร.บ. SEC เสนอที่ประชุมสภาฯ เพื่อให้มีมติรับหลักการได้ทันการประชุมสมัยสามัญนี้หรือไม่”

ซึ่งกระทรวงคมนาคม วางเป้าหมาย ว่าภายในเดือน พ.ย. -ธ.ค. 2568 ร่างพ.ร.บ. SEC จะแล้วเสร็จ และประกาศใช้ เดินหน้าการจัดตั้ง สำนักงาน SEC และจะเปิดประมูลคัดเลือก PPP ในช่วงต้นปี 2569… แต่หากกรณี การเมืองถึงทางตัน ไม่มีรัฐบาลไม่มีสภาผู้แทนราษฏรไปก่อน ร่างพ.ร.บ. SEC ก็ต้องสะดุด และโครงการ”แลนดบริดจ์”ชะงัก โครงการนี้ เริ่มมาจากรัฐบาล”ประยุทธ์” รัฐบาล”เศรษฐา-แพทองธาร” สานต่อ จะไปอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ ว่าจะเห็น”แลนด์บริดจ์”ยังเป็นจุดขายใหม่ แม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาสร้างฐานการผลิตในพื้นที่หรือไม่


@เช็กบิ๊กโปรเจ็กต์ 4 แสนล้าน ส่อชะงัก…หากรัฐบาลล่ม

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังมีโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง ทั้งรถไฟ ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ที่รอเสนอครม.อนุมัติมูลค่ารวมกว่า 4 แสนล้านบาท ได้แก่

โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน รวมประมาณ 16,759 ล้านบาท ของการทางพิเศาแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอเรื่องไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2568 ปัจจุบัน อยู่ระหว่างส่งข้อมูลเพิ่มเติม หลังหารือกรมบัญชีกลาง ตรวจสอบระเบียบในการใช้รูปแบบ Design & Built หรือ ออกแบบไปพร้อมก่อสร้าง

การจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ 946 คัน วงเงิน 2,459.97 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เสนอเรื่องไปครม.ตัั้งแต่วันที่8 เม.ย. 2568

โครงการที่เตรียมเสนอไปครม. ได้แก่

1. โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออกหรือโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 (ตอน N2) เดิม ระยะทางประมาณ 11.3 กม. มูลค่า ประมาณ 16,960 ล้านบาท ของกทพ. ปัจจุบัน รอหารือกทม.และรอความเห็นจากสศช.

2. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน (M9) ระยะทาง 35 กิโลเมต วงเงิน 15,862 ล้านบาท ของกรมทางหลวง ปัจจุบัน รอความเห็นจากสศช.

3. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม1,310.84 กม. วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 297,926 ล้านบาท ปัจจุบัน ส่งข้อมูลเพิ่มเติมและรอความเห็นจากสศช.

4. ขอความเห็นชอบโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 184 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

5.ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษและรถด่วน 182 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,502 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

6. ขอความเห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า พร้อมอะไหล่ขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 113 คัน วงเงินประมาณ 23,730 ล้านบาทอยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


นายสุริยะกล่าวว่า ขณะนี้ครม.ถือว่ามีองค์ประกอบครบ และมีอำนาจเต็ม ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด รวมถึงการดำเนินโครงการต่างๆ สามารถทำได้ตามปกติ เชื่อว่าการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายและโครงการพัฒนาและลงทุนต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมจะเป็นไปตามเป้าหมายและแผนงานที่วางไว้

ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลยังทำได้ตามปกติ โดยเฉพาะการผลักดันแก้ไขกฎหมายและร่างพ.ร.บ.ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ไม่มีปัญหา เพราะเสียงของรัฐบาลยังเกินอยู่ โดยเตรียมเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมเข้าสู่การวาระประชุม วันที่ 23 ก.ค. 2568

แม้รัฐบาลจะมั่นใจเดินหน้าทำงานต่อ และเชื่อมั่นว่า กฎหมายที่เตรียมเสนอสภาในสมัยประชุมนี้ จะคุมเสียงโหวตผ่านได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าพิษการเมืองครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและยังกดดันการเติบโตเศรษฐกิจประเทศโดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะหยุดชะงัก!!!
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45604
Location: NECTEC

PostPosted: 08/07/2025 6:45 pm    Post subject: Reply with quote

จับตาพิษการเมืองกระทบโปรเจกต์ 4 แสนล้าน “คมนาคม” ลุ้นสภาไฟเขียวกฎหมาย 5 ฉบับ ชี้ชะตา "รถไฟฟ้า 20 บาท-แลนด์บริดจ์"
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 05:49 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลา 12:08 น.



จับตา "บิ๊กโปรเจกต์" แสนล้าน หวั่นสะดุดยกแผง พิษการเมืองกระทบเสถียรภาพ “รัฐบาลแพทองธาร” ร่างกม.หนุนนโยบายเรือธง "รถไฟฟ้า 20 บาท" ยังไม่ผ่านสภา กม. SEC ประมูล "แลนด์บริดจ์" ส่อลากยาว

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 จากกรณีถูกร้องเรียนเรื่องคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านทำให้ "รัฐบาลแพทองธาร" ตกอยู่ในสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ สั่นคลอนอย่างมาก มีการประเมินว่าหากสถานการณ์ถึงทางตันและต้องยุบสภา จะส่งผลทำให้โครงการตามนโยบายของรัฐบาลสะดุด รวมไปถึงกฎหมายหลายฉบับจะค้างสภาฯ

โดยเฉพาะ "ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" หนึ่งในนโยบายเรือธงที่ "พรรคเพื่อไทย" หวังเป็นนโยบายครองใจคนกรุง เพราะจะช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทาง และทำให้เงินในกระเป๋าประชาชนเหลือไปใช้จับจ่ายในด้านอื่นได้มากขึ้น แต่…หากมีการยุบสภา ก็มีโอกาสสูงที่จะล่มไปพร้อมกับรัฐบาลได้

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในโครงการรถไฟฟ้าแล้ว 2 สาย คือ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงสายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2566 ปัจจุบันเป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งจำนวนผู้โดยสารของทั้งสองสายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่มีการกำหนดมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายระยะที่ 2 ในทุกเส้นทาง ทุกสี และทุกสาย ครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทั้งหมด ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว, สีทอง, สีเหลือง, สีชมพู, สีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีแดง และสายแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) ให้เริ่มใช้ได้วันที่ 30 ก.ย. 2568 นั้น



การจะขยายรถไฟฟ้า 20 บาท ให้ใช้ได้ทุกสายนั้น นอกจากการปรับปรุงระบบหลังบ้านของแอปฯ “ทางรัฐ” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริหารรายได้ ซึ่งจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือน ส.ค. 2568 แล้ว ยังจะต้องมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องมือในการดำเนินการด้วย ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร​

@ลุ้นสภาฯ โหวต พ.ร.บ. 3 ฉบับ ชี้ชะตา "รถไฟฟ้า 20 บาท" ทุกสาย

การดำเนินโครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในระยะที่ 2 และการขับเคลื่อนระบบตั๋วร่วมในระยะยาว จำเป็นต้องอาศัยกรอบกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้ว คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินภาครัฐและการอุดหนุนบริการสาธารณะ และ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน



แต่ต้องมีกฎหมายอีก 3 ฉบับที่ยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำและปรับปรุงแก้ไข และต้องอาศัยเสถียรภาพของรัฐบาล เสียงโหวตในสภาฯ ผลักดัน ได้แก่

1. ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. ... เพื่อกำหนดกรอบการกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางให้มีมาตรฐานและประสิทธิภาพ



ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ต.ค. 2567 มีมติเห็นชอบ และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯ วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2567 เตรียมเสนอสภาฯ พิจารณาวาระ 2, 3

2. ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมให้เป็นเอกภาพและยั่งยืน เป็นการสนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า

ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2568 เตรียมเสนอสภาฯ พิจารณาวาระ 2, 3

แม้ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมจะเป็น “เครื่องมือ” ในการเชื่อมค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ หลายๆ สายให้คิดรวมเป็นเที่ยวเดียวได้ แต่การกำหนดค่าโดยสาร 20 บาทนั้นไม่สามารทำได้ด้วยตัวกฎหมายนี้ แม้จะมีการจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วมฯ แต่ยังมีประเด็นเงินอุดหนุนกองทุนฯ ที่จำเป็นต้องใช้กฎหมายอื่นร่วมด้วย และยังมีเงื่อนไขสัญญาสัมปทานกับเอกชนอีก

3. ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่..) พ.ศ. … เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและสามารถส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของ รฟม.ตามนโยบายรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ วาระ 1 แล้ว เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 เตรียมเสนอสภาฯ พิจารณาวาระ 2, 3

พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะช่วยให้สามารถดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ ตามกำหนดวันที่ 30 ก.ย. 2568 เนื่องจากจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของรายได้และอำนาจของ รฟม. โดยเปิดโอกาสให้นำเงินรายได้สะสมของ รฟม. ที่มาจากส่วนแบ่งค่าสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) โอนเข้ากองทุนตั๋วร่วมเพื่อจ่ายชดเชยให้รถไฟฟ้าสายอื่นได้ เช่น จ่ายให้ รฟท.เพื่อชดเชย รายได้สายสีแดง และแอร์พอร์ตลิงก์จ่ายให้ กทม.เพื่อชดเชยรายได้สายสีเขียว และสายสีทอง เป็นต้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องแก้ไข พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าฯ พ.ศ. 2543 เนื่องจากเดิมจะนำเงินสะสมของ รฟม.ที่มีไปใส่กองทุนตั๋วร่วมฯ เพื่อใช้อุดหนุนเรื่องค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย รวมถึงรายได้ของ รฟม.ก็จะไม่จัดส่งกระทรวงการคลังแต่จะนำใส่กองทุนตั๋วร่วมฯ แต่ทางกระทรวงการคลังบอกว่าทำไม่ได้ เพราะ รฟม.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่จัดส่งรายได้เข้ากระทรวงการคลังเพื่อนำไปเป็นงบประมาณแผ่นดิน จึงมีการแก้ไข พ.ร.บ.รฟม.

“เพื่อความยั่งยืนและไม่เป็นภาระด้านการเงินกับ รฟม.และรัฐบาลไม่ต้องชดเชยทุกปี ในอนาคตจึงมีแนวทางการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสาย และศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion charge) เพื่อนำเงินเข้ากองทุนตั๋วร่วม เพื่อนำมาบริหารจัดการเรื่องค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายทุกเส้นทาง”





@แก้ กม.การท่าเรือฯ รับ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"

อีกกฎหมายคือ ร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 และที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือฯ วาระ 1 แล้วเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 เตรียมเสนอสภาฯพิจารณาวาระ 2, 3

เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เพื่อเปลี่ยน/เพิ่มเติมให้ กทท.ลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด, จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกราชอาณาจักร, เช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท.ตามความจำเป็น รองรับอนาคต

ประเด็นหลักคือ การนำพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) พัฒนาเชิงพาณิชย์ ในหลากหลายรูปแบบ โดย กทท.มีการศึกษาทบทวนแผนแม่บทการบริหารจัดการพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพใหม่ เพื่อให้รองรับนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นอีกนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ที่สังคมจับตาว่าเป็นเป้าหมายเพื่อให้มีกาสิโนในประเทศ

@พ.ร.บ. SEC จ่อเข้า ครม.เดินหน้า "แลนด์บริดจ์"

“แลนด์บริดจ์” อภิมหาโปรเจกต์ วงเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เป็นอีกโครงการที่ต้องรอร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้เปิดรับความคิดเห็นภาคเอกชนประกอบ และเสนอไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือกรมบัญชีกลางช่วยตรวจสอบประเด็นแหล่งเงินของ "กองทุนแลนด์บริดจ์" ที่จะนำมาใช้สำหรับชดเชยเป็นค่าเวนคืน หรือค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ 4 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง

“หากเสนอ ครม.ขออนุมัติได้ใน 1-2 เดือนนี้แล้วก็ยังต้องรอดูว่าจะสามารถนำ พ.ร.บ. SEC เสนอที่ประชุมสภาฯ เพื่อให้มีมติรับหลักการได้ทันการประชุมสมัยสามัญนี้หรือไม่”

ซึ่งกระทรวงคมนาคมวางเป้าหมายว่าภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 ร่าง พ.ร.บ. SEC จะแล้วเสร็จ และประกาศใช้ เดินหน้าการจัดตั้งสำนักงาน SEC และจะเปิดประมูลคัดเลือก PPP ในช่วงต้นปี 2569… แต่หากกรณี การเมืองถึงทางตัน ไม่มีรัฐบาลไม่มีสภาผู้แทนราษฎรไปก่อน ร่างพ.ร.บ. SEC ก็ต้องสะดุด และโครงการ "แลนดบริดจ์" ชะงัก โครงการนี้เริ่มมาจากรัฐบาล "ประยุทธ์" รัฐบาล "เศรษฐา-แพทองธาร" สานต่อ จะไปอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ ว่าจะเห็น "แลนด์บริดจ์" ยังเป็นจุดขายใหม่ แม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาสร้างฐานการผลิตในพื้นที่หรือไม่



@เช็กบิ๊กโปรเจกต์ 4 แสนล้าน ส่อชะงัก…หากรัฐบาลล่ม

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังมีโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง ทั้งรถไฟ ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ที่รอเสนอ ครม.อนุมัติมูลค่ารวมกว่า 4 แสนล้านบาท ได้แก่

โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุนรวมประมาณ 16,759 ล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอเรื่องไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2568 ปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งข้อมูลเพิ่มเติม หลังหารือกรมบัญชีกลาง ตรวจสอบระเบียบในการใช้รูปแบบ Design & Built หรือออกแบบไปพร้อมก่อสร้าง



การจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ 946 คัน วงเงิน 2,459.97 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เสนอเรื่องไป ครม.ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. 2568

โครงการที่เตรียมเสนอไป ครม. ได้แก่

1. โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก หรือโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 (ตอน N2) เดิม ระยะทางประมาณ 11.3 กม. มูลค่าประมาณ 16,960 ล้านบาท ของ กทพ. ปัจจุบันรอหารือ กทม.และรอความเห็นจาก สศช.

2. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน (M9) ระยะทาง 35 กิโลเมต วงเงิน 15,862 ล้านบาท ของกรมทางหลวง ปัจจุบันรอความเห็นจาก สศช.

3. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,310.84 กม. วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 297,926 ล้านบาท ปัจจุบันส่งข้อมูลเพิ่มเติมและรอความเห็นจาก สศช.

4. ขอความเห็นชอบโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 184 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

5. ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษและรถด่วน 182 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,502 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

6. ขอความเห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า พร้อมอะไหล่ ขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 113 คัน วงเงินประมาณ 23,730 ล้านบาท อยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง



นายสุริยะกล่าวว่า ขณะนี้ครม.ถือว่ามีองค์ประกอบครบ และมีอำนาจเต็ม ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานแต่อย่างใด รวมถึงการดำเนินโครงการต่างๆ สามารถทำได้ตามปกติ เชื่อว่าการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายและโครงการพัฒนาและลงทุนต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมจะเป็นไปตามเป้าหมายและแผนงานที่วางไว้

ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลยังทำได้ตามปกติ โดยเฉพาะการผลักดันแก้ไขกฎหมายและร่างพ.ร.บ.ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมไม่มีปัญหา%พราะเสียงของรัฐบาลยังเกินอยู่ โดยเตรียมเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมเข้าสู่วาระการประชุม วันที่ 23 ก.ค. 2568



แม้รัฐบาลจะมั่นใจเดินหน้าทำงานต่อ และเชื่อมั่นว่ากฎหมายที่เตรียมเสนอสภาในสมัยประชุมนี้จะคุมเสียงโหวตผ่านได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าพิษการเมืองครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบา ลและยังกดดันการเติบโตเศรษฐกิจประเทศโดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะหยุดชะงัก!!!
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45604
Location: NECTEC

PostPosted: 27/08/2025 10:11 pm    Post subject: Reply with quote

การบูรณาการการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองร่วมกับทางรถไฟ (MR-Map) ของสนข.

OTP Channel
25 ส.ค. 2025


🚆🚗 การเดินทางไทยก้าวสู่อนาคต
จากอดีตที่เริ่มพัฒนา “ถนน 2 ช่องจราจร” เพื่อความมั่นคง จนถึง “ถนน 4 ช่องจราจร” เพื่อรองรับเศรษฐกิจการส่งออก วันนี้ประเทศไทยมุ่งหน้าสู่การ บูรณาการถนน + ระบบราง อย่างเป็นระบบ
✨ กระทรวงคมนาคม เดินหน้าพัฒนา โครงการ MR-MAP (Motorway-Rail Map) ผสาน “มอเตอร์เวย์ + รถไฟทางคู่ + รถไฟความเร็วสูง” บนแนวเขตทางเดียวกัน พร้อมถนนคู่ขนาน และทางแยกต่างระดับทุก 10 กม.
✅ ลดปัญหารถติด อุบัติเหตุ และมลภาวะ
✅ เชื่อมเมือง-เชื่อมชุมชนไม่ถูกแบ่งแยก
✅ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ยกระดับเศรษฐกิจไทย
📌 ศึกษาแล้วเสร็จ 10 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 6,877 กม. ครอบคลุมทั้งแนว เหนือ-ใต้ และ ตะวันออก-ตะวันตก เช่น
• MR1 แม่สาย–นราธิวาส เชื่อมไทย-มาเลเซีย
• MR2 หนองคาย–แหลมฉบัง เชื่อมอีสาน–EEC
• MR8 Land Bridge ชุมพร–ระนอง เชื่อมอ่าวไทย–อันดามัน
และอีกหลายเส้นทางสำคัญทั่วประเทศ
นี่คือ ก้าวสำคัญของไทยสู่การเป็น Logistics Hub แห่งอาเซียน
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และอนาคตเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง
https://www.youtube.com/watch?v=ShHhHaSg4mA
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45604
Location: NECTEC

PostPosted: 12/09/2025 5:06 pm    Post subject: Reply with quote

The Prime Minister has ordered the 1 trillion baht land bridge project to attract investment and drive the long-term economy.
Thansettakij
Friday 12th September 2025 at 5:00 AM
Prime Minister Anutin Charnvirakul is pushing ahead with the "Land Bridge" megaproject, worth nearly 1 trillion baht, to drive the economy and attract long-term investment. The project aims to develop Thailand into a regional transportation and trade hub, connecting the Gulf of Thailand and Andaman Seas, providing an alternative transportation route to the Strait of Malacca. The government is preparing to open bids for a single private investor through a 50-year public-private partnership (PPP) contract within 2026, with the first phase expected to open in 2030.
The transition from the government of Ms. Paethongtarn Shinawatra to the government of Mr. Anutin Charnvirakul, who will assume the position of interim prime minister, has already drafted a roadmap for a four-month interim government. A policy statement is expected to be presented to Parliament this month.
It is worth noting that the rapid and effective long-term economic drive will help build investor and public confidence. This is crucial for stimulating investment and consumption, and demonstrates a commitment to solving economic problems, which will help attract foreign investment.
Meanwhile, any projects deemed to be a burden on the national budget, Mr. Anutin has ordered them to be immediately shelved. A review by Thansettakij revealed that 17 projects, totaling 2.27 trillion baht, are expected to proceed during Anutin's government. These include large-scale projects from the Ministry of Transport and other related ministries.
Pushing the Land Bridge Connecting Two Ports
Starting with the Ministry of Transport's large-scale projects, Prime Minister Anutin Charnvirakul recently told Thansettakij that the project he continues to push forward is the transportation infrastructure development project for the Southern Economic Corridor, linking transportation between the Gulf of Thailand and the Andaman Sea (the Land Bridge project). Although this government has only been in office for four months, it can be studied and implemented continuously in the long term.
The Office of Transport and Traffic Policy and Planning (OTP) has held three seminars summarizing the results of the Land Bridge project study.
Two seminars have already been held in Ranong Province on 21 August 2025, and in Chumphon Province on 22 August 2025.
According to the plan, after the conclusion of this study, the project will be completed within this year, pending the House of Representatives approval of the SEC Act.
The OTP is also preparing the bidding documents (TOR), which will take five to six months. The bidding for private investment and construction is expected to begin in 2026, with the first phase expected to be operational by 2030.
The project's investment value has been reduced from 1 trillion baht to 997 billion baht to accommodate the current economic situation, leading the consulting firm to adjust the construction timeframe.
Meanwhile, this study is in line with international consulting firms, which are world-renowned and recognized.
However, the Public-Private Partnership (PPP) will utilize a PPP Net Cost model with a 50-year concession contract. The bidding will award the concession to a single private company for the construction and management of the entire project under a single contract.
The Land Bridge project aims to develop Thailand into a regional and global transportation and trade hub, connecting the Gulf of Thailand and the Andaman Sea through the construction of a deep-sea port on both sides and connecting with infrastructure systems such as:
a double-track railway, an intercity motorway, and a pipeline system, providing an alternative transportation route to the Strait of Malacca.
Continuing the High-Speed ​​Rail Phase 2
Thansettakij also identified several other projects under the Ministry of Transport that Mr. Anutin expects to continue, as they are important projects. This includes the 224.544 billion baht high-speed rail project for three airports (Don Mueang, Suvarnabhumi, and U-Tapao) on August 15th.
The Attorney General has responded to the draft contract amendment for the project. The State Railway of Thailand (SRT) has already approved the contract.
However, the Attorney General's review of the draft contract revealed that over 95% of the contract details were approved by the Attorney General and no changes were made.
However, the Attorney General has expressed the opinion that the remaining 5% would benefit the government more if the contract were amended. Negotiations with the private sector are currently underway before proceeding with the next steps.
Meanwhile, the Thai-Chinese high-speed rail project, Phase 2, Nakhon Ratchasima-Nong Khai section, covering a distance of 357.12 kilometers (km), with an investment budget of 341,351.42 million baht, has already been approved by the Cabinet.
The SRT is currently preparing the draft bidding documents (TOR). The Phase 2 project has a civil construction cost of 237,454.86 million baht, with Thailand handling all aspects of the project, from design, construction, and supervision.
Regarding the double-track railway project, Phase 2, there are six remaining routes, with a total budget of 297 billion baht, to be continued.
Previously, projects to enhance travel and enhance the country's competitiveness are currently awaiting approval by the new Cabinet including:
the Pak Nam Pho-Den Chai section (81,143 million baht),
the Chumphon-Surat Thani section (30,422 million baht),
the Surat Thani-Hat Yai Junction-Songkhla section (66,270 million baht), and
the Thanon Jira Junction-Ubon Ratchathani section (44,095 million baht).
The Den Chai-Chiang Mai section (68,222 million baht),
the Hat Yai Junction-Padang Besar section (7,772 million baht),
The 20 baht flat rate has not been continued.
Regarding several previous government flagship projects under the Paethongtarn government, the project has not been successfully implemented as promised in Parliament and has not been continued in the new government of Mr. Anutin. These include the 10,000 baht digital currency, the entertainment complex, and the 20 baht flat rate electric train project from the previous government, which was scheduled for public use by November 15th.
Although there are currently over 260,000 registered users using the government app and all three bills have been approved by the House of Representatives,
Mr. Anutin believes that if implemented, the public will definitely benefit, as some projects have previously been operating at a loss. He emphasizes that fiscal discipline must be maintained to ensure the project's survival.
If the government were to find a budget to cover the annual cost of repurchasing the business from investors, this would be unacceptable.
Furthermore, the Baan Puea Thai project is estimated to be unsuccessful.
However, the Ministry of Transport has previously planned to hold a lottery draw for those who registered for the Baan Puea Thai project. at the Government Lottery Office by September 18th.
Currently, over 140,000 people have registered through verification by the Government Housing Bank (GHB) following the original procedures. The project's lottery drawing process has been entrusted to the Government Lottery Office by the Ministry of Transport, with a focus on transparency.
According to the plan, construction of the first phase is expected to begin and the public can move into the area by 2026. Another promising policy from the previous government,
but opposed by the Bhumjaithai Party, is the entertainment complex project, which aims to be developed into a mega-project with the goal of generating national revenue.
However, on 8th July, the Cabinet withdrew the draft from the House of Representatives, another flagship policy of the current government.
https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/638621?
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49564
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/10/2025 9:52 am    Post subject: Reply with quote

คมนาคมลุย 24 บิ๊กโปรเจ็กต์ เงินสะพัด 2.14 ล้านล้าน ปิดทางแก้สัญญาไฮสปีด | THANTALK | 7 ต.ค. 68
ฐานเศรษฐกิจ
Oct 7, 2025 THANTALK On TV


https://www.youtube.com/watch?v=ibvsI7T17_U

กระทรวงคมนาคมเดินหน้าผลักดัน “โครงการค้างท่อ” เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการก่อสร้างและเปิดใช้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนและลดภาระประชาชน พร้อมเร่งเดินหน้า 24 โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มูลค่ารวม 2.14 ล้านล้านบาท

สำหรับ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน กระทรวงคมนาคม ยังไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขสัญญา เตรียมเชิญภาคเอกชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือหาทางออกเร็ว ๆ นี้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49564
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/10/2025 10:44 am    Post subject: Reply with quote

สนข.เปิดโครงการเพิ่มขนส่งสาธารณะะเทียบชั้นเมืองระดับโลก!
UpFuture Channel
Oct 9, 2025


https://www.youtube.com/watch?v=FSV1Fx5AVAk

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดตัวโครงการศึกษาเพื่อเพิ่มสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง ตั้งเป้าลดการใช้รถส่วนตัว แก้ปัญหารถติด ลดมลพิษ และยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49564
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 10/10/2025 10:24 pm    Post subject: Reply with quote

งานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายกาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน
ENTIC
Oct 9, 2025


https://www.youtube.com/watch?v=qt18mBRvB-A
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49564
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 28/10/2025 11:40 am    Post subject: Reply with quote

เปิด! นโยบาย 'คมนาคม' ยุค 4 เดือน เร่งโปรเจ็กต์งบปี '69 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
Source - ทรานสปอร์ต เจอร์นัล
Tuesday, October 28, 2025 at 11:14


"พิพัฒน์" เดินเครื่องนโยบาย "คมนาคม" ยุค 4 เดือน เร่งขับเคลื่อน โปรเจ็กต์งบปี 2569 ยันเดินหน้าแลนด์บริดจ์-ทางคู่สายใต้ 3 เส้นทาง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สู่ศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค พร้อมดันตั๋วร่วมลดค่ารถเมล์-ค่าทางด่วน ลุยสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สาย เปิดวิ่งฉิวให้บริการประชาชน
ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กำหนดยุบสภาภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568 หรือภายในระยะเวลา 4 เดือน นับจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งต่อไป โดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาระบุว่า รัฐบาลมีอายุในการบริหารประเทศ 4 เดือน จึงได้แจ้งหน่วยงาน ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ และองค์การมหาชน เร่งรัดดำเนินการโครงการต่าง ๆ ภายในปีงบประมาณ 2569 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ โดยตนขอให้ร่วมแรงร่วมใจให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำงานอย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคม ถือเป็นกระทรวงที่สำคัญที่สุด กระทรวงหนึ่งของประเทศไทย ในระดับ AAA++ ที่ต้องดำเนินการทุกเรื่องให้เร็วที่สุด เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ
ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะมีกรอบเวลาการทำงานเพียง 4 เดือน แต่จะเร่งเดินหน้าโครงสร้าง พื้นฐานใหญ่ที่รอระหว่างการนำเสนอ ครม. เช่น โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทยอันดามัน (Land Bridge) ซึ่งยืนยันว่า จะเดินหน้า โครงการอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้าน นอกจากนี้จะเดินหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 3 เส้นทาง คือ เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี, เส้นทางสุราษฎร์ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และเส้นทางชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นต้น
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ภายใต้นโยบายของรัฐบาลโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และการยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "เดินทางสะดวก ปลอดภัย ลดภาระประชาชน วางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สู่ศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค"เดินทางสะดวก ปลอดภัย ลดภาระประชาชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สู่ศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค
ทั้งนี้ สิ่งแรกที่กระทรวงคมนาคมจะเร่งดำเนินการ คือ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนทันที โดยการคงมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 2 โครงการที่ได้ดำเนินการ มาแล้วใน 2 โครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เดิมเมื่อ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมให้ไปจัดทำแผนและตั้งคณะกรรมการร่วมกับกระทรวง การคลัง เพื่อศึกษาและหาแนวทางการดำเนินมาตรการว่า จะเดินหน้ามาตรการต่อไปหรือไม่ เนื่องจากมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาลชุดเก่า มีผู้ทักท้วงว่า หากดำเนินมาตรการระยะเวลา 1 ปี ภาครัฐจะต้องสนับสนุนงบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานร่วมฯ จะต้องสรุปและส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เพื่อพิจารณาว่า หลังจากวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เมื่อสิ้นสุดมาตรการแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะเดียวกัน ภายในระยะการทำงานของรัฐบาลช่วง 4 เดือนนี้ จะได้ข้อสรุปในส่วนของแพ็คเกจการลดค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชน เช่น การลดค่ารถเมล์ การลดค่าทางด่วน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงการเดินหน้าระบบตั๋วร่วม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งขับเคลื่อนร่าง พระราชบัญญัติตั๋วร่วม พ.ศ. .. ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา โดยในอนาคตการเดินทางทุกระบบจะใช้บัตรโดยสารใบเดียว และราคาที่เหมาะสม
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะส่งเสริม ในการนำรถเมล์ไฟฟ้า (EV) มาใช้เพื่อทดแทน รถร้อน ซึ่งนำมาสู่การยกระดับการบริการและลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอนนี้องค์การขนส่ง มวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน เพื่อทดแทนรถเมล์ธรรมดา (รถเมล์ร้อน) เดิมที่มีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี วงเงิน 15,355 ล้านบาท โดยจะส่งมอบล็อตแรกภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 และครบ 1,520 คัน ภายใน 180 วัน ทั้งนี้ จะพิจารณาค่าโดยสาร ในราคา 8 บาท ตามค่าโดยสารรถเมล์ร้อนเดิม พร้อมหารือกลุ่มผู้ใช้บริการว่าจะดูแลอย่างไร อาทิ กลุ่มผู้สูงอายุ นักเรียน นักศึกษา และนักศึกษาจบใหม่
"ท่านนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า ปีนี้สภาวะเศรษฐกิจไม่ดี จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการเอางบเหลือจ่ายในปีงบ 2568 ไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ซึ่งได้ให้นโยบายว่า อะไรที่สามารถทำได้ ให้รีบดำเนินการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการสร้างงานด้วย"นายพิพัฒน์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายกรมทางหลวง (ทล.) เร่งดำเนินโครงการบนถนนพระราม 2 คือ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 (M82) โดยกำหนดเปิดเป็น 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ทางต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย เป็นระยะทาง 8.3 กิโลเมตร (กม.) ภายในเดือนตุลาคม 2568 และระยะที่ 2 เอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทางรวม 16.3 กม. โดยเร่งการเปิดใช้บริการให้ทันก่อนเทศกาลสงกรานต์ปี 2569 ส่วนการเปิดใช้ มอเตอร์เวย์สาย M81 (บางใหญ่-กาญจนบุรี) นั้น จะเปิดบางช่วงที่เชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) พระราม 3-ดาวคะนอง ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ภายในเดือนตุลาคม 2568 และมอเตอร์เวย์สาย M6 (บางปะอิน-โคราช) จะเปิดทดลองให้ใช้บริการตลอดสายทางในช่วงต้นปี 2569 รวมถึงการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 ที่จังหวัดบึงกาฬ-บอลิคำไซ ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้
นอกจากนี้ตนได้ยังได้แบ่งงานและมอบหมาย ให้ นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กำกับดูแล 4 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย กรมท่าอากาศยาน (ทย.), บริษัท วิทยุ การบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.), กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) อย่างไรก็ตามนโยบายคมนาคม ในยุครัฐบาลนี้ จะเป็นการพัฒนาระบบคมนาคมเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชน และยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก เพื่อการเติบโตของเศษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
ด้าน นางสาวมัลลิกา กล่าวว่า พวกเราพร้อมทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่ายเพื่อ ขับเคลื่อนนโยบายด้านคมนาคมของรัฐบาลให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด พร้อมเร่งในการดำเนินการยกระดับงานด้านคมนาคมของประเทศไทยเพื่อให้เกิดประโยชน์อันสูงสุดต่อพี่น้องประชาชน พร้อมย้ำว่า "ทุกโครงการที่ดำเนินการ จะต้องทำได้จริง และพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จริง"

บรรยายใต้ภาพ
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม



ที่มา: นสพ.ทรานสปอร์ต เจอร์นัล ฉบับวันที่ 16 - 31 ต.ค. 2568
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 45604
Location: NECTEC

PostPosted: 30/10/2025 9:51 am    Post subject: Reply with quote

ลุย 11 บิ๊กโปรเจ็กต์คมนาคม 9 แสนล้าน ทะลวงงบผูกพันปี 2569
หน้าเศรษฐกิจ-นโยบาย
ฐานเศรษฐกิจ
วันพุธ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 06:00 น.



คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณผูกพันข้ามปี 2569 เพื่อผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง
เตรียมเดินหน้า 11 โครงการคมนาคมขนาดใหญ่ (บิ๊กโปรเจ็กต์) มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 9 แสนล้านบาท
โครงการสำคัญครอบคลุมการพัฒนาระบบรางและถนน เช่น รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย, รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) และสายสีม่วง (ใต้), และทางพิเศษสายต่างๆ
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้หน่วยงานก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ ประจำปี 2569 จำนวน 1,917 รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น 349,656.40 ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 44 รายการ วงเงิน 117,700.20 ล้านบาท

ประเมินว่าเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยให้โครงการขนาดใหญ่โดยเฉพาะของกระทรวงคมนาคม สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เนื่องจากโครงการด้านคมนาคมส่วนใหญ่มักเป็นโครงการที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการหลายปีและต้องใช้งบประมาณสูง

ขณะเดียวกันการมีวงเงินผูกพันข้ามปีจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านงบประมาณให้แก่โครงการ ทำให้ผู้รับเหมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนการทำงาน จัดหาวัสดุอุปกรณ์

รวมถึงการบริหารจัดการได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องประสบปัญหาการหยุดชะงักของโครงการที่เกิดจากการรอการจัดสรรงบประมาณใหม่ในแต่ละปี

ตลอดจนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการจ้างงานและการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ” ว่ากระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรรงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 จำนวน 265,406 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 รายการ ได้แก่ 1. รายจ่ายประจำ 30,658 ล้านบาท ลดลงจากปี 2568 คิดเป็น 0.17%

และ 2. รายจ่ายลงทุน 234,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 คิดเป็น 9.79% ทั้งนี้การจัดสรรงบรายจ่ายของปีงบประมาณ 2569 จำนวน 265,406 ล้านบาทนั้น ประกอบด้วย ส่วนราชการ 9 หน่วยงาน รวมจำนวน 199,955 ล้านบาท ได้แก่ 1. สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม จำนวน 1,064 ล้านบาท 2. กรมการขนส่งทางบก จำนวน 3,893 ล้านบาท

3. กรมการขนส่งทางราง จำนวน 137 ล้านบาท 4. กรมเจ้าท่า จำนวน 4,226 ล้านบาท 5. กรมทางหลวง จำนวน 131,375 ล้านบาท 6. กรมทางหลวงชนบท จำนวน 53,547 ล้านบาท

7. กรมท่าอากาศยาน จำนวน 5,270 ล้านบาท 8. สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จำนวน 274 ล้านบาท 9. สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง จำนวน 165 ล้านบาท

ส่วนรัฐวิสาหกิจ 5 หน่วยงาน ได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 60,450 ล้านบาท ได้แก่ 1. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำนวน 2,653 ล้านบาท 2. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 38,172 ล้านบาท

3. การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 19,418 ล้านบาท 4. สถาบันการบินพลเรือน 308 ล้านบาท 5. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 4,897ล้านบาท

โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน 234,748 ล้านบาท ประกอบด้วย รายการใหม่ 162,301 ล้านบาท และรายการผูกพันเดิม 72,446 ล้านบาท


“การตั้งเป้าการเบิกจ่ายของปีงบประมาณ 2569 ที่จะเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดใหญ่นั้น ปัจจุบันกระทรวงอยู่ระหว่างรอรัฐบาลกำหนดเป้าการเบิกจ่าย จากนั้นจะต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนก่อน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้” รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าว

แหล่งข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า ส่วนของกทพ.ได้รับจัดสรรงบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2569 ตามที่ครม. อนุมัติไว้ประมาณ 9,400 ล้านบาท

โดยมีโครงการลงทุนที่ใช้งบผูกพันข้ามปี 2569 ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 -ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก วงเงิน 31,244 ล้านบาท

2.โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และฉลองรัชส่วนต่อขยาย) 14,670 ล้านบาท และ 3.โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ชาวงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) วงเงิน 24,060 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจของกระทรวงคมนาคมที่ใช้งบประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2569 อีกหลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ,โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 82,225 ล้านบาท

โครงการระบบรถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช-ศาลายา วงเงิน 15,176 ล้านบาท ,โครงการระบบรถไฟชานเมืองส่วนต่อขยายสายสีแดง ช่วงรังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต วงเงิน 6,473 ล้านบาท

โครงการก่อสร้างรถไฟสายบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม วงเงิน 66,848 ล้านบาท , โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 28,600 ล้านบาท

โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย วงเงิน 179,413 ล้านบาท , โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย วงเงิน 341,351 ล้านบาท ฯลฯ

สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2569 แบ่งได้ดังนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 533 ล้านบาท ประกอบด้วย

ค่าก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ วงเงิน 517 ล้านบาท

ค่าควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ วงเงิน 15 ล้านบาท


ด้านกรมทางหลวง (ทล.) ได้รับจัดสรรงบผูกพันข้ามปี 2569 วงเงิน 11,167 ล้านบาท จำนวน 99 โครงการ มูลค่ารวม 71,005 ล้านบาท โดยมีโครงการงบผูกพันข้ามปี 2569 ของทล.ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 18 โครงการ เช่น

โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน ส่วนที่ 2 ลาดหลุมแก้ว-บางปะอิน

ในส่วนของงานโยธา จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา วงเงิน 4,900 ล้านบาท,โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 2 สาย นครราชสีมา - ประทาย จ.นครราชสีมา วงเงิน 2,860 ล้านบาท


นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 สาย นครปฐม-ราชบุรี ตอน บ.สระกะเทียม-บ.หนองโพ จ.ราชบุรี วงเงิน 2,700 ล้านบาท

โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง บนทางหลวงหมายเลข 34 จ.ฉะเชิงเทรา วงเงิน 2,000 ล้านบาท ฯลฯ

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) จำนวน 49 โครงการ วงเงินรวม 1,260 ล้านบาท เช่น โครงการ ถนนสายแยก ทล.34 (กม.ที่ 26) เชื่อมกับทางหลวงชนบท สาย ฉช.3001 จ.สมุทรปราการ (ตอนที่ 2) ช่วงที่ 1 วงเงิน 105 ล้านบาท

โครงการถนนสาย ง ผังเมืองรวมเมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ วงเงิน 78 ล้านบาท ฯลฯ

ขณะที่กรมเจ้าท่า (ขบ.) จำนวน 23 โครงการ วงเงินรวม 256 ล้านบาท เช่น ค่าก่อสร้างท่าเรือเฟอร์รี่บริเวณอ่าวปอ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต วงเงิน 30 ล้านบาท

ค่าปรับปรุงก่อสร้างเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา (Smart Pier) วงเงิน 30.1 ล้านบาท ฯลฯ

กรมขนส่งทางบก (ขบ.) จำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 15.9 ล้านบาท เช่น การปรับปรุงระบบไฟฟ้าสายเมน สายป้อน และตู้แผงสวิตซ์ไฟฟ้า อาคาร 3 กรมการขนส่งทางบก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร วงเงิน 3.1 ล้านบาท

ปรับปรุงระบบไฟฟ้าแรงดันสูงและแรงดันต่ำ อาคาร 6 กรมการขนส่งทางบก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร วงเงิน 2.9 ล้านบาท

กรมท่าอากาศยาน (ทย.) จำนวน 30 โครงการ วงเงินรวม 560 ล้านบาท เช่น ค่าก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน และองค์ประกอบอื่น ๆ (ระยะที่ 1) ท่าอากาศยานแพร่ ตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ วงเงิน 80 ล้านบาท ค่าก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง ทางขับ ท่าอากาศยานนครพนม ตำบลโพธิ์ตาก อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม วงเงิน 38 ล้านบาท ฯลฯ

อย่างไรก็ดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) จำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 17 ล้านบาท เช่น โครงการศึกษาการกำหนดอัตราค่าโดยสารขนส่งมวลชนระบบรางแบบเขตพื้นที่ตามเขตพื้นทีจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านเข้าพื้นที่จราจรหนาแน่น วงเงิน 3.6 ล้านบาท, โครงการศึกษาจัดทำมาตรฐานเขตระบบรถขนส่งทางรางและเขตปลอดภัยระบบรถขนส่งทางราง วงเงิน 6 ล้านบาท
https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/642010
https://www.youtube.com/watch?v=kPz72AvAm2k
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 49564
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/11/2025 11:27 am    Post subject: Reply with quote

“พิพัฒน์” เร่งเครื่องพัฒนาโครงข่ายคมนาคมสงขลา ผลักดัน “ตู้ละหมาด” รองรับผู้โดยสารมุสลิม
Source - สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
Sunday, November 02, 2025 at 10:37

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนนโยบายด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อบูรณาการแผนงานของทุกหน่วยงานในสังกัด ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ว่า จังหวัดสงขลาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมของภาคใต้ตอนล่าง เชื่อมโยงการค้า การท่องเที่ยว และการขนส่งระหว่างประเทศกับมาเลเซีย กระทรวงคมนาคมจึงเร่งผลักดันแผนพัฒนาในทุกมิติ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด “4 เดือนเห็นผลจริง เพื่อพี่น้องสงขลา”
สำหรับมิติทางถนน เชื่อมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าชายแดน มอบให้ กรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งดำเนินโครงการสำคัญในจังหวัดสงขลา อาทิ โครงการทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ (ด้านตะวันออก) ตอนบ้านพรุ–สนามบินหาดใหญ่ ระยะทาง 7.18 กม. เพื่อบรรเทาการจราจรในเขตเมือง โดยมอบหมายปลัดกระทรวงเร่งเรื่องเวนคืน และให้กรมทางหลวงเดินหน้าก่อสร้างทันที
-โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา” เชื่อมอำเภอกระแสสินธุ์ (สงขลา) กับอำเภอเขาชัยสน (พัทลุง) ระยะทางกว่า 7 กม. ซึ่งจะลงนามสัญญาภายในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมศูนย์อนุบาลปลาโลมา เพื่อดูแลสัตว์น้ำในทะเลสาบ
-ถนนสาย Riviera ของกรมทางหลวงชนบท เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย เปิดเส้นเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้องชายฝั่งได้ค้าขายและท่องเที่ยวได้สะดวก
-ถนนเชื่อมต่อหาดชลาทัศน์กับเขาเก้าเส้ง และ ถนนเชื่อมด่านสุไหงโก-ลก สู่มาเลเซีย เพื่อรองรับการค้าชายแดน
ส่วนมิติทางราง รถไฟคู่ ระบบรางสมัยใหม่ เมืองแห่งการเดินทาง โดย กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานความคืบหน้าโครงการสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. โครงการรถไฟหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. รองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การพัฒนาสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และสถานีปาดังเบซาร์ ให้เป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้า (Container Yard) เชื่อมเครือข่ายกับด่านชายแดน
นายพิพัฒน์ ยังสั่งการเพิ่มเติมให้ศึกษาการติดตั้ง “ตู้ละหมาด” สำหรับผู้โดยสารมุสลิม ในสถานีรถไฟและท่าอากาศยานหลักของภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวมุสลิมที่ต้องเดินทางจำนวนมากในแต่ละวันภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พี่น้องมุสลิมอาศัยอยู่มาก การเดินทางต้องสะดวกและเคารพความเชื่อทางศาสนา ตู้ละหมาดจะเป็นอีกหนึ่งบริการที่อยากให้เกิดขึ้นจริง
สำหรับมิติทางน้ำ ให้ยกระดับท่าเรือสงขลา สู่โลจิสติกส์ชายฝั่ง โดย กรมเจ้าท่า (จท.) รายงานผลการขุดลอกร่องน้ำและบำรุงรักษาท่าเรือชายฝั่งสงขลา รวมถึง ท่าเรือสงขลา เพื่อรองรับเรือสินค้าและเรือท่องเที่ยว โครงการศึกษาพัฒนา ท่าเรือรองรับเรือสำราญ (Cruise Port สงขลา) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง นอกจากนี้ ยังมีแผนก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณ ปากน้ำเทพา และการขุดลอกร่องน้ำต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินเรือและการประมง
มิติทางอากาศ พัฒนา สนามบินหาดใหญ่ สู่ประตูการบินภาคใต้ โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายงานว่า ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เตรียมปรับแผนแม่บทการพัฒนา (พ.ศ. 2573–2577) เพื่อขยายอาคารผู้โดยสาร ลานจอดอากาศยาน และคลังสินค้าใหม่
นายพิพัฒน์ ย้ำว่า ทุกโครงข่ายคมนาคมของสงขลา ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางราง ทางน้ำ หรือทางอากาศ จะต้องพัฒนาไปพร้อมกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม ขอให้พี่น้องสงขลาเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้จะทำให้เห็นผลจริงใน 4 เดือน ทั้งสะพาน ถนน ราง เรือ และเครื่องบิน เราจะทำให้สงขลาเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่างอย่างแท้จริง

https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/1531581/?bid=1
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... , 16, 17, 18  Next
Page 17 of 18

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©