Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45606
Location: NECTEC
Posted: 03/11/2025 1:10 pm Post subject:
กรมการขนส่งทางรางลงพื้นที่ตรวจความพร้อมก่อนเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 ในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 และติดตามการจัดระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ณ จังหวัดลพบุรี
วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2568) ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อม
ก่อนเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 ของโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ที่จะเปิดให้บริการประชาชนอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 ภายหลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดให้บริการเดินรถไฟทางคู่บางส่วนแล้ว ช่วงโคกกะเทียม ปากน้ำโพ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 โดยใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Token) ไปพลางก่อนในระหว่างที่ยังติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ ไม่แล้วเสร็จ รวมถึงปรับเวลาเดินรถไฟสายเหนือ จำนวน 5 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดให้บริการเดินรถไฟทางคู่สายเหนือดังกล่าว
โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 สัญญา ได้แก่
สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ - โคกกะเทียม 32 กิโลเมตร
สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค - ปากน้ำโพ 116 กิโลเมตร
สัญญาที่ 3 งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม มีความคืบหน้าร้อยละ 78.93
สำหรับสถานีลพบุรี 2 เป็นส่วนหนึ่งของงานสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ โคกกะเทียม ก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ในแนวเส้นทางใหม่ เพื่อเบี่ยงแนวเส้นทางเดิมที่ผ่านเข้าตัวเมืองลพบุรีเนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ของแหล่งประวัติศาสตร์และโบราณสถาน โดยก่อสร้างทางรถไฟขนานไปกับถนนทางหลวงหมายเลข 366 เป็นโครงสร้างทางรถไฟยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ความสูงเฉลี่ย 10 20 เมตร ระยะทาง 19 กิโลเมตร โครงสร้างงานสถานีลพบุรี 2 เป็นสถานียกระดับ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นระดับดิน (Street Level) ชั้นจำหน่ายตั๋วโดยสาร (Concourse Level) และชั้นชานชาลา (Platform Level) มีลิฟต์ ที่นั่งพักคอย ห้องน้ำ และที่จอดรถ รองรับรถไฟทางไกลในเส้นทางสายเหนือ ได้แก่ รถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว จำนวน 14 ขบวน ประกอบด้วย
1. ขบวน 7 รถด่วนพิเศษดีเซลราง กรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่
2. ขบวน 8 รถด่วนพิเศษดีเซลราง เชียงใหม่ - กรุงเทพอภิวัฒน์
3. ขบวน 9 รถด่วนพิเศษอุตราวิถี (CNR) กรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่
4. ขบวน 10 รถด่วนพิเศษอุตราวิถี (CNR) เชียงใหม่ กรุงเทพอภิวัฒน์
5. ขบวน 13 รถด่วนพิเศษ กรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่
6. ขบวน 14 รถด่วนพิเศษ เชียงใหม่ - กรุงเทพอภิวัฒน์
7. ขบวน 51 รถด่วน กรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่
8. ขบวน 52 รถด่วน เชียงใหม่ - กรุงเทพอภิวัฒน์
9. ขบวน 102 รถเร็ว เชียงใหม่ - กรุงเทพอภิวัฒน์
10. ขบวน 107 รถเร็ว กรุงเทพอภิวัฒน์ - เด่นชัย
11. ขบวน 108 รถเร็ว เด่นชัย - กรุงเทพอภิวัฒน์
12. ขบวน 109 รถเร็ว กรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่
13. ขบวน 111 รถเร็ว กรุงเทพอภิวัฒน์ - เด่นชัย
14. ขบวน 112 รถเร็ว เด่นชัย - กรุงเทพอภิวัฒน์
ส่วนขบวนรถธรรมดา ขบวนรถชานเมือง และขบวนรถท้องถิ่น ยังคงจอดให้บริการที่สถานีรถไฟลพบุรีเช่นเดิม
และเมื่อเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 สำนักงานขนส่งจังหวัดลพบุรีจะจัดรถโดยสารสาธารณะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในเส้นทางรถโดยสารประจำทางหมวด 4 สายที่ 6168 ช่วงลพบุรี บ้านข่อย (รถสองแถว)
เพื่อให้บริการรับส่งจากลพบุรี (บขส.ลพบุรี) - สถานีลพบุรี 2 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีต่อรอบ โดยบริเวณสถานีลพบุรี 2 จะจัดให้มีจุดพักคอยสำหรับผู้โดยสาร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอ เช่น ที่นั่งพักคอย ไฟส่องสว่าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจังหวัดลพบุรีผู้ใช้บริการ
การเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 จะช่วยเติมเต็มโครงข่ายรถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ที่เปิดเดินรถไฟทางคู่ไปแล้วให้ครอบคลุมมากขึ้น ส่งผลให้ขบวนรถไฟสายเหนือจากกรุงเทพ - เชียงใหม่ ใช้เวลาในการเดินทางลดลงประมาณ 25 นาที หากเป็นขบวนรถด่วน และด่วนพิเศษ และประมาณ 1 ชั่วโมง หากเป็นขบวนธรรมดา
ในอนาคตเมื่อรถไฟทางคู่สายเหนือก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 (ช่วงปากน้ำโพ - เด่นชัย และช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเสนอคณะรัฐมนตรีขออนุมัติดำเนินโครงการ จะสามารถลดระยะเวลาการเดินทางจากกรุงเทพ เชียงใหม่ได้สูงสุดถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที
ทั้งนี้ ได้กำชับให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและผู้รับจ้างเร่งดำเนินการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเดินรถไฟทางคู่ได้เต็มรูปแบบ และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเดินรถให้ประชาชนสามารถเดินทางด้วยระบบรางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/1132708689053592
กรมรางติ๊กผ่าน! พร้อมเปิดสถานีลพบุรี2วันที่ 5 ธ.ค.
*สถานีลอยฟ้ารถไฟยกระดับยาวที่สุดในไทย 19 กม.
*14ขบวนทางไกลด่วนพิเศษ-ด่วน-เร็วใช้สถานีใหม่
*ไวขึ้น25-60นาที/รอเฟส2เสร็จเร็วขึ้น2ชม.20 นาที
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) เปิดเผยว่า วันนี้ (3 พ.ย. 2568) ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 ของโครงการรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ ในวันที่ 5 ธ.ค. 2568
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1366960391547858
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 04/11/2025 10:13 am Post subject:
รถไฟทางคู่...หาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ฟื้นสัมพันธ์20ปีเชื่อมรันเตาปันยัง | เดลินิวส์
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Tuesday, November 04, 2025 at 09:31
ได้เวลาทางคู่สายใหม่ล่าสุดของไทย รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระยะทาง 215 กม. ฟื้นสัมพันธ์ 20 ปี เมืองรันเตาปันยัง อำเภอปาเสมัส รัฐกลันตัน มาเลเซีย ติดตามรายละเอียดกันเล้ยย!!
ได้เวลาทางคู่สายใหม่ล่าสุดของประเทศไทย รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระยะทาง 215 กม. วันที่ 7 พ.ย. 2568 การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จะลงนามสัญญาว่าจ้างกลุ่มที่ปรึกษา เทสโก้ จำกัด วงเงิน 69.98 ล้านบาท ศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) ทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม ใช้เวลาศึกษา 360 วัน หรือประมาณ 1 ปี
เพื่อเชื่อมโครงข่ายรถไฟทางคู่ ระยะ(เฟส)ที่ 2 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่ และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รวมถึงโครงข่ายทางรถไฟกับประเทศมาเลเซีย
กลุ่มที่ปรึกษาจะต้องศึกษาความเหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อมตามแนวเส้นทางเดิม และแนวเส้นทางใหม่ที่มีความเหมาะสมที่สุด พร้อมออกแบบ และจัดทำรูปแบบเบื้องต้น (Preliminary Design) ตลอดจนประมาณราคาค่าก่อสร้าง และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย
คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย.2569 จากนั้นจะจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ช่วงเดือน มิ.ย.2569-พ.ค.2570 เสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาประมาณเดือน มิ.ย.-ส.ค.2570 ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประมาณเดือน ก.ย.-ธ.ค.2570
หากที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติโครงการฯ รฟท. จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืน ใช้เวลาประมาณ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.2571) สำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเวนคืนเดือนพ.ย.2571-ม.ค.2572 ประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเดือน ก.พ.2572-ก.ค.2573 พร้อมจัดทำเอกสารร่างขอบเขตงาน(TOR) และราคากลางคู่ขนานกันไปช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2571 เปิดประกวดราคาก่อสร้างโครงการฯ เดือน พ.ค.-ส.ค.2571 และจัดจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างเดือน ก.ย.2571-ม.ค.2572 เริ่มก่อสร้างปี2572 เปิดบริการประมาณปี 2577
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก วงเงินประมาณ 3.4 หมื่นล้าน จุดเริ่มต้นกม.928+580 บริเวณชุมทางหาดใหญ่ สิ้นสุดที่ กม.1142+990 ผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส รวม 13 อำเภอ 53 ตำบล เบื้องต้นมี 27 สถานี 7 ที่หยุดรถ แต่ละสถานีออกแบบเน้นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ
ปัจจุบันเส้นทางรถไฟช่วงชุมทางหาดใหญ่ สุไหงโก-ลก เป็นทางเดี่ยว สิ้นสุดที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก บริเวณพรมแดนไทย-มาเลเซีย ในการประชุมหารือทวิภาคีด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและมาเลเซีย เมื่อเดือน พ.ค.2568 ในรัฐบาลชุดที่แล้ว
ไทย-มาเลเซีย มีมติเห็นชอบร่วมกันให้ผลักดันรื้อฟื้นเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง รัฐกลันตัน ซึ่งเคยเป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสารและสินค้า แต่ได้หยุดให้บริการมานานกว่า 20 ปี โดยทางรถไฟฝั่งมาเลเซียช่วงรันเตาปันยัง ปาเสมัส ระยะทาง 18.7กม.หยุดเดินรถมานานเนื่องจากน้ำท่วม
ขณะที่กรมการขนส่งทางราง (ขร.) นำโดย นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีฯ นำคณะลงพื้นที่ ณ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2568 เพื่อหารือและสำรวจแนวทางการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสำคัญระหว่างสองประเทศ ตามผลการประชุมหารือทวิภาคีฯ
ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงกับโครงการ Eastern Corridor Rail Link (ECRL) ซึ่งเป็นทางรถไฟขนาดทางมาตรฐาน (Standard gauge) 1.435 เมตร ระยะทาง 665 กม. วางเป้าหมายเปิดบริการเฟส 1 ช่วงโกตาบารู กอมบัค ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2570 และระยะที่ 2 ช่วงกอมบัค ท่าเรือกลัง (Port Klang) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2570
กระทรวงคมนาคมมาเลเซียให้ข้อมูลว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาพัฒนาโครงการ ECRL จากสถานีโกตาบารู ระยะทาง 30.5กม. เพื่อเชื่อมต่อ ECRL กับโครงข่ายรถไฟเดิมของมาเลเซียและไทยในอนาคต
สำหรับเส้นทางรถไฟช่วงชุมทางหาดใหญ่ สุไหงโก-ลก ที่เป็นทางรถไฟทางเดี่ยว ใช้ราง 100 ปอนด์/หลา พร้อมหมอนคอนกรีตมีความมั่นคงแข็งแรง
การฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก รันเตาปันยัง จะช่วยทำให้การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างไทยและมาเลเซีย สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวรวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น.
https://www.dailynews.co.th/articles/5264849/
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 45606
Location: NECTEC
Posted: 04/11/2025 11:10 am Post subject:
การรถไฟฯให้การต้อนรับกรมการขนส่งทางราง ตรวจความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ สถานีลพบุรี 2 5 ธันวาคมนี้
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นำโดย นายชัยยะ คชรัตน์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ และนายวิรัตน์ สมีแจ่ม หัวหน้ากองจัดการเดินรถเขต 3 ให้การต้อนรับ ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และคณะ ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจติดตามความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ สถานีลพบุรี 2 ภายใต้โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี ปากน้ำโพ ซึ่งกำหนดเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคม 2568
ก่อนหน้านี้ รฟท. ได้เปิดเดินรถไฟทางคู่บางส่วนแล้วในช่วงโคกกะเทียม ปากน้ำโพ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 พร้อมปรับเวลาเดินรถไฟสายเหนือจำนวน 5 ขบวนเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เพื่อรองรับการให้บริการในเส้นทางใหม่ โดยระหว่างรอการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณแล้วเสร็จ ได้ใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Token) ชั่วคราว
โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 สัญญา ได้แก่
สัญญาที่ 1 บ้านกลับ โคกกะเทียม ระยะทาง 32 กม.
สัญญาที่ 2 ท่าแค ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม.
สัญญาที่ 3 งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ซึ่งปัจจุบันคืบหน้าร้อยละ 78.93
สถานีลพบุรี 2 อยู่ในสัญญาที่ 1 สร้างทางรถไฟแนวใหม่เลี่ยงเขตเมืองเก่าเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่โบราณสถาน ใช้แนวคู่ขนานทางหลวงหมายเลข 366 บนโครงสร้างยกระดับยาวที่สุดในประเทศ ระยะทาง 19 กม. ระดับความสูงเฉลี่ย 1020 เมตร สถานีออกแบบเป็นสถานียกระดับ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้นระดับดิน ชั้นจำหน่ายตั๋ว และชั้นชานชาลา พร้อมลิฟต์ ห้องน้ำ พื้นที่พักคอย และที่จอดรถ รองรับรถไฟทางไกลสายเหนือจำนวน 14 ขบวน ขณะที่ขบวนรถธรรมดา ชานเมือง และท้องถิ่นยังให้บริการที่สถานีลพบุรีเดิม
เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน สำนักงานขนส่งจังหวัดลพบุรีเตรียมจัดรถโดยสารประจำทางหมวด 4 สาย 6168 (ลพบุรี บ้านข่อย) ให้บริการเชื่อมต่อจาก บขส.ลพบุรี ถึงสถานีลพบุรี 2 ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พร้อมจัดพื้นที่พักคอยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบริเวณสถานี
การเปิดสถานีลพบุรี 2 จะช่วยเสริมโครงข่ายรถไฟทางคู่สายเหนือเต็มรูปแบบในช่วงลพบุรี ปากน้ำโพ ทำให้การเดินทางกรุงเทพ เชียงใหม่ ลดเวลาได้ประมาณ 25 นาทีในขบวนด่วนและด่วนพิเศษ และสูงสุดถึง 1 ชั่วโมงสำหรับขบวนรถธรรมดา
ในอนาคตเมื่อรถไฟทางคู่สายเหนือระยะที่ 1 และ 2 (ปากน้ำโพ เด่นชัย และเด่นชัย เชียงใหม่) แล้วเสร็จ ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา จะช่วยลดเวลาการเดินทางรวมได้สูงสุดถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที
รฟท. ยืนยันเดินหน้าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เดินรถไฟทางคู่ได้เต็มประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้บริการระบบราง
https://www.facebook.com/groups/269349243217346/posts/3359901750828731/
Wisarut wrote: กรมการขนส่งทางรางลงพื้นที่ตรวจความพร้อมก่อนเปิดให้บริการสถานีลพบุรี 2 ในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 และติดตามการจัดระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน ณ จังหวัดลพบุรี
วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2568) ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อม
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1366960391547858
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/11/2025 8:59 am Post subject:
CKฟอร์มครึ่งหลังแรง งานใหญ่ดันแบ็กล็อก
Source - ทันหุ้น
Wednesday, November 05, 2025 at 07:01
#CK #ทันหุ้น - CK มั่นใจผลงาน ครึ่งหลังปี 2568 เติบโตได้ต่อเนื่อง หลังบริหารต้นทุนก่อสร้างมีประสิทธิภาพ รักษามาร์จิ้นระดับกลาง เลขตัวเดียว พร้อมลุ้นโครงการเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐเติมแบ็กล็อกแตะ 1.3 แสนล้านบาท ต้นปี 2569 ด้านโบรกประเมินกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้น 7.75% แตะ 1,558 ล้านบาท และ จะเร่งตัวอีก 11% ในปีหน้า รับ รายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หนุน แนะซื้อเคาะเป้า 21.50 บาท
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังของปี 2568 (2H/68) มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ให้ยืนในกรอบตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง (Mid Single Digit) ได้อย่างมีนัยสำคัญ หนุนจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างสำคัญหลายรายการ อาทิ ปูนซีเมนต์ เหล็ก รวมถึงค่าแรงงานเฉลี่ยที่ยังทรงตัวในระดับเหมาะสม ส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอผลสรุปสาเหตุเหตุการณ์หน้าโรงพยาบาลวชิระ, การประเมินมูลค่าความเสียหาย, ผลการเคลมวงเงินจากประกัน ฯลฯ จึงประเมินในเบื้องต้นว่า ในผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 จะยังไม่รับรู้ปัจจัยลบดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนการดำเนินงานอย่างรัดกุม โดยได้ออกแบบกำแพงกันดินและว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้ดำเนินงาน
ขณะเดียวกันงานก่อสร้างโครงการสำคัญหลายโครงการ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนท์, รถไฟรางคู่ และโครงการหลวงพระบาง เบื้องต้นประเมินปริมาณงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2568 ที่ราว 1 แสนล้านบาท
ชิงงานเติมแบ็กล็อก
ทั้งนี้ บริษัทมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ 3 เส้นทาง, โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก (East Expansion) ของ AOT รวมถึงงานในส่วนของบริษัทในเครือ อาทิ โครงการทางด่วน 2 ชั้น DOUBLE DECK มูลค่าประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่ง BEM เป็นคู่สัญญาสัมปทานในการบริหารจัดการและให้บริการระบบทางพิเศษ และได้ทำการศึกษา-ประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2568 นี้
"โครงการ DOUBLE DECK ผ่าน EIA มาได้ระยะหนึ่งแล้ว หากทาง BEM จ้างให้ CK ทำทาง CK ก็พร้อมที่จะดำเนินงานทันทีในงวดไตรมาส 1/2569 ตั้งแต่การออกแบบ การเข้าเคลียร์พื้นที่ เพื่อส่งต่อให้กลุ่มงานเสาเข็มเข้ามาดำเนินงาน ซึ่งก็จะหนุนให้ Backlog ของบริษัทเร่งตัวขึ้นมาแตะที่ราว 1.31 แสนล้านบาทได้ตั้งแต่ต้นปี 2569"
บุ๊กแบ็กล็อกเพิ่มต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 ของ CK มีแนวโน้มเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ
YoY หนุนจากการรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างโครงการหลักในมือหลายโครงการที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสำคัญที่ต้องใช้ความชำนาญงานวิศวกรเชิงเทคนิคและระบบ ซับซ้อน (Complex Engineering Systems)
สำหรับเหตุการณ์หน้าโรงพยาบาลวชิระ เกิดขึ้น ช่วงปลายไตรมาส 3/2568 เบื้องต้นบริษัทมีการทำประกันโครงการวงเงินประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสามารถครอบคลุมมูลค่าความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินคู่กรณี อาทิ อาคารสถานีตำรวจ จึงคาดว่า บริษัทจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวในรอบจำกัด
จึงคงประมาณการรายได้รวมทั้งปี 2568 ไว้ที่ 4.57 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY และกำไรสุทธิที่ 1,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.75% YoY และเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง 11.16% YoY แตะ 1,727 ล้านบาท ในปี 2569 หนุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม- บางขุนนนท์ ที่จะเข้าสู่ช่วงขุดเจาะอุโมงค์ราวกลางปี จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 21.50 บาท
ที่มา: นสพ.ทันหุ้น ฉบับวันที่ 5 พ.ย. 2568
ที่มา: นสพ.ทันหุ้น ฉบับวันที่ 5 พ.ย. 2568
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/11/2025 5:43 am Post subject:
รอสิ้นปีหน้ารถไฟใต้เร็วขึ้น1ชม.
Source - เดลินิวส์
Friday, November 14, 2025 at 04:53
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รักษาการผู้ว่าการ รฟท. เปิดเผยภายหลังนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ (เฟส) ที่ 1 สายใต้ ช่วงนครปฐมชุมพร ระยะทาง 420 กม. คืบหน้า 72.49% ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2567 เปิดใช้งานทางคู่ตลอดเส้นทางแล้ว ช่วยลดเวลาเดินทางจาก 8 ชม. เหลือ 6 ชม. ใช้ระบบ ทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-token) อยู่ระหว่างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเนื่องจากส่งมอบพื้นที่ล่าช้า คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดใช้งานเต็มระบบปลายปี 2569 ลดเวลาเดินทางลงอีก 1 ชม. เหลือ 5 ชม. ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ เฟสที่ 2 สายใต้ 3 เส้นทาง ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาแล้ว นอกจากนี้ยังพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่สุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น เชื่อมทะเลอ่าวไทย และอันดามัน (เกาะสมุย-ภูเก็ต) อยู่ระหว่างพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และพัฒนาสถานีชุมทางหาดใหญ่ และปาดังเบซาร์ ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า เชื่อมต่อชายแดนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคด้วย
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีข้อเสนอให้ รฟท. ขยายเส้นทางขบวนรถไฟท่องเที่ยวจากสิ้นสุด ที่หัวหิน มา อ.ปราณบุรี และตัวเมือง จ.ประจวบฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางราง จะนำร่องจัดขบวนรถไฟ KIHA 183 ยังปราณบุรีวันที่ 15-16 พ.ย. 2568 และตัวเมือง จ.ประจวบฯ วันที่ 14-15 ธ.ค. 2568 หากประสบความสำเร็จ จะขยายเส้นทางอื่น ๆ อาทิ กุยบุรี และบางสะพานน้อย.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 14 พ.ย. 2568
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/11/2025 5:49 am Post subject:
รฟท.เร่งเปิดทางคู่"นครปฐม-ชุมพร"เต็มระบบปี69 ลดเวลาเดินทางสายใต้-ลุยตลาดท่องเที่ยวทางราง
Source - ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
Friday, November 14, 2025 at 05:49
ผู้จัดการรายวัน360 - รฟท. เร่งติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐมชุมพร คืบ 72.491% คาดเปิดใช้งานได้เต็มระบบ ปี 69 ลดเวลาเดินทาง หนุนการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวหลัก "หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์" เดินหน้าแผนการตลาดท่องเที่ยวทางราง เผยปี 68 สร้างรายได้กว่า 72 ล้านบาท
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ พร้อมผลักดันการเดินทางด้วยรถไฟสู่การท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2568 ว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร เป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างชะอำและหัวหิน ปัจจุบันได้เปิดใช้งานทางคู่ตลอดเส้นทางแล้ว โดยใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-token) ในระหว่างที่การติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งภาพรวมโครงการโดยรวมอยู่ที่ 72.491% คาดว่าจะเปิดใช้งานได้เต็มระบบในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงสู่ภาคใต้ได้อย่างมาก
ส่วนระยะถัดไป จะขยายเส้นทางลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา- ท่านุ่น เพื่อเชื่อมโยงฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน (เกาะสมุย-ภูเก็ต) พร้อมทั้งพัฒนาสถานีชุมทางหาดใหญ่และปาดังเบซาร์ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า (Container Yard) เพื่อเชื่อมต่อชายแดนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
สำหรับภาพรวมความคืบหน้าของโครงการ รถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทาง เปิดให้บริการไปแล้ว 5 เส้นทาง รวมระยะประกอบด้วย
1. ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลอง สิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร
2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร
3. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร
4. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร
5. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร
ส่วนอีก 2 เส้นทาง ที่เปิดใช้งานเกือบเต็มระบบ ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพระยะทาง 148 กิโลเมตร เปิดใช้เส้นทางเมื่อเดือน พฤษภาคม 2568 และจะเปิดใช้เต็มระบบในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 และช่วงมาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระระยะทาง 132 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มระบบในปี 2570
โครงการก่อสร้างเส้นทางคู่สายใหม่เพื่อเชื่อมโยงการค้าภูมิภาค ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ทั้ง 3 สัญญา มีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนงานโดยเฉลี่ย 3-4% ขณะที่โครงการช่วงบ้านไผ่มุกดาหาร-นครพนมทั้ง 2 สัญญา มีความคืบหน้า 61.095% ปัญหาเนื่องจากการเวนคืนที่ดิน ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้า
ส่วนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น- หนองคาย เพื่อเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนเมษายน 2568 ยังมีความคืบหน้าช้ากว่าแผนเล็กน้อย สำหรับเส้นทางระยะที่ 2 อื่นๆ อีก 6 เส้นทาง (เช่น ปากน้ำโพ-เด่นชัย, ชุมพรสุราษฎร์ธานี) ได้เสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการแล้ว เช่นเดียวกับสายใหม่ช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น ที่ออกแบบเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างรอการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
นอกจากนี้ รฟท. ยังพัฒนาขบวนรถท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรางกระตุ้นให้เกิดการเดินทางไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดย รฟท. ได้เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันได้เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวเป็นประจำ ทั้ง ในวันหยุดสุดสัปดาห์และในโอกาสพิเศษต่างๆ
สำหรับผลการดำเนินงานรถไฟนำเที่ยว ประจำปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567- กันยายน 2568) มีนักท่องเที่ยวใช้บริการ ทั้งสิ้น 186,488 คน สร้างรายได้รวม 72.13 ล้านบาท โดยรายได้หลัก 66.55 ล้านบาท มาจากการจัดเดินขบวนรถนำเที่ยว ซึ่งขบวนที่ทำรายได้สูงสุดคือ ขบวน Royal Blossom (28.46 ล้านบาท) และขบวน KIHA 183 (21.58 ล้านบาท).
ที่มา: นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 14 พ.ย. 2568
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/11/2025 4:51 pm Post subject:
รฟท. เร่งเดินหน้าขยายทางคู่ เสริมแกร่งรายได้ หนุนความสะดวกการเดินทาง การท่องเที่ยว ขนส่งสินค้า
14 พฤศจิกายน 2025 - 10:39 น.
รถไฟทางคู่เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งนอกจากเสริมความคล่องตัว ความเร็วในการเดินทาง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนหันมาเลือกใช้บริการรถไฟเพิ่มขึ้น และยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการมาใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกันรฟท.ก็มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางรถไฟ ดังนั้นการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่จะช่วยสนับสนุนรายได้ของรฟท.เติบโตได้เป็นอย่างดี
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทางล่าสุด นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1
โดย นายอนันต์ ระบุว่า ได้เร่งรัดดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แล้วเสร็จตามแผนงาน มีเป้าหมายหลักเพื่อปฏิรูประบบการขนส่งทางรางของประเทศเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มความตรงต่อเวลา สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
สำหรับภาพรวมความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทาง นั้นเปิดให้บริการไปแล้ว 5 เส้นทาง รวมระยะประกอบด้วย 1. ช่วงชุมทางฉะเชิงเทราคลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร 2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร 3. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169กิโลเมตร 4. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84กิโลเมตร และ5. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167กิโลเมตร
ส่วนอีก 2 เส้นทาง ที่เปิดใช้งานเกือบเต็มระบบ ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร เปิดใช้เส้นทางเมื่อเดือน พฤษภาคม 2568 และจะเปิดใช้เต็มระบบในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มระบบในปี 2570
นอกจากนี้ รฟท. ยังได้เดินหน้าโครงการก่อสร้างเส้นทางคู่สายใหม่เพื่อเชื่อมโยงการค้าภูมิภาค โดยโครงการช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ทั้ง 3 สัญญา มีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนงานโดยเฉลี่ย 3-4% ขณะที่โครงการช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ทั้ง 2 สัญญา มีความคืบหน้า 61.095% ปัญหาเนื่องจากการเวนคืนที่ดิน ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้า
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่นหนองคาย เพื่อเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนเมษายน 2568 ยังมีความคืบหน้าช้ากว่าแผนเล็กน้อย สำหรับเส้นทางระยะที่ 2 อื่นๆ อีก 6 เส้นทาง (เช่น ปากน้ำโพ-เด่นชัย, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี) ได้เสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการแล้ว เช่นเดียวกับสายใหม่ช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น ที่ออกแบบเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างรอการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม ชุมพร ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างชะอำและหัวหิน ปัจจุบันได้เปิดใช้งานทางคู่ตลอดเส้นทางแล้ว โดยใช้ระบบทางสะดวก อิเล็กทรอนิกส์ (E-token) แม้ความคืบหน้าของโครงการโดยรวมอยู่ที่ 72.491% คาดว่าจะเปิดใช้งานได้เต็มระบบในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงสู่ภาคใต้ได้อย่างมาก
ส่วนระยะถัดไป จะขยายเส้นทางลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น เพื่อเชื่อมโยงฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน (เกาะสมุย-ภูเก็ต) พร้อมทั้งพัฒนาสถานีชุมทางหาดใหญ่และปาดังเบซาร์ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า (Container Yard) เพื่อเชื่อมต่อชายแดนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังมุ่งมั่นพัฒนาขบวนรถท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางราง กระตุ้นให้เกิดการเดินทางไปยังชุมชนต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง อันเป็นการกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดย รฟท. ได้เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันได้เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวเป็นประจำ ทั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์และในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
สำหรับผลการดำเนินงานรถไฟนำเที่ยว ประจำปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 กันยายน 2568) มีนักท่องเที่ยวใช้บริการทั้งสิ้น 186,488 คน สร้างรายได้รวม 72.13 ล้านบาท โดยรายได้หลัก 66.55 ล้านบาท มาจากการจัดเดินขบวนรถนำเที่ยว ซึ่งขบวนที่ทำรายได้สูงสุดคือ ขบวน Royal Blossom (28.46 ล้านบาท) และขบวน KIHA 183 (21.58 ล้านบาท)
ทั้งนี้ รฟท. มีบริการขบวนรถท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ทั้งขบวนรถที่วิ่งประจำวันเสาร์-อาทิตย์ (เช่น สวนสนประดิพัทธ์, น้ำตกไทรโยคน้อย), ขบวนรถจักรไอน้ำที่ให้บริการใน 7 โอกาสพิเศษตลอดปี และขบวนรถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามฤดูกาล (พ.ย.-ม.ค.) นอกจากนี้ รฟท. ยังมีรายได้จากแพคเกจนำเที่ยวร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง 5.58 ล้านบาท และรายได้สนับสนุนการท่องเที่ยวอื่น ๆ อีก 40.49 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการให้บริการเช่าเหมาขบวน 39.29 ล้านบาท และการลากจูงขบวนรถของมาเลเซีย 1.20 ล้านบาท
สำหรับแผนงานพัฒนาการท่องเที่ยวทางรถไฟในปีงบประมาณ 2569 รฟท. จะมุ่งขยายฐานการตลาด โดยเปิดโอกาสให้ภาครัฐและเอกชนสามารถเช่ารถเหมาขบวนเพื่อจัดทริปท่องเที่ยวได้เองตลอดทั้งปี พร้อมทั้งจะพัฒนาโครงการ Scenic routes และ Luxury route โดยใช้รถโดยสารปรับอากาศชั้นดีจัดทริปในเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามไปยังทุกภูมิภาคต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ อีกทั้ง เป็นการเพิ่มการใช้บริการทางรถไฟ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยใช้ศักยภาพทางด้านระบบขนส่งสาธารณะของประเทศเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี อีกด้วย
การลงพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแสวงหาแนวทางความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกันพัฒนาการเดินทางโดยรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวทางราง และวางแผนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดหลังจากการหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หมุดหมายแรกจะมุ่งเน้นการเชื่อมโยงพื้นที่ของการรถไฟฯ ในอำเภอหัวหิน และหากสำเร็จด้วยดี จะขยายผลไปสู่พื้นที่ศักยภาพอื่น ๆ อาทิ ปราณบุรี กุยบุรี และบางสะพานน้อย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่ระบบรางสามารถพัฒนาและเชื่อมต่อได้อย่างสะดวก รฟท. มั่นใจว่าความร่วมมือนี้จะเป็นทิศทางสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ และฟื้นฟูให้หัวหินกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางหลักด้านการท่องเที่ยวต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 49567
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 15/11/2025 11:05 am Post subject:
รถไฟทางคู่สายใต้พร้อมแล้ว หนุนท่องเที่ยวหัวหิน-ประจวบฯ
Source - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
Saturday, November 15, 2025 at 10:29
## พร้อมแล้ว รถไฟทางคู่สายใต้ หนุนเดินทาง หัวหิน-ประจวบฯ เดินหน้าแผนท่องเที่ยวทางรางเต็มสูบ ลั่นหลังปี 68 ปั้นรายได้กว่า 72 ล้าน
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมส่วนราชการ คณะผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ พร้อมผลักดันการเดินทางด้วยรถไฟสู่การท่องเที่ยว
นายอนันต์ เปิดเผยว่า รฟท. ได้เร่งรัดดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แล้วเสร็จตามแผนงาน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อปฏิรูประบบการขนส่งทางรางของประเทศเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มความตรงต่อเวลา สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน สำหรับภาพรวมความคืบหน้าของโครงการ มีประเด็นสำคัญดังนี้
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทาง เปิดให้บริการไปแล้ว 5 เส้นทาง รวมระยะประกอบด้วย
1. ช่วงชุมทางฉะเชิงเทราคลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร
2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร
3. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169กิโลเมตร
4. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84กิโลเมตร
5. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167กิโลเมตร
ส่วนอีก 2 เส้นทาง ที่เปิดใช้งานเกือบเต็มระบบ ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร เปิดใช้เส้นทางเมื่อเดือน พฤษภาคม 2568 และจะเปิดใช้เต็มระบบในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มระบบในปี 2570
นอกจากนี้ รฟท. ยังได้เดินหน้าโครงการก่อสร้างเส้นทางคู่สายใหม่เพื่อเชื่อมโยงการค้าภูมิภาค โดยโครงการช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ทั้ง 3 สัญญา มีความคืบหน้าเร็วกว่าแผนงานโดยเฉลี่ย 3-4% ขณะที่โครงการช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีล่าช้าบ้าง เนื่องจากการเวนคืนที่ดิน และการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้า
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่นหนองคาย เพื่อเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนเมษายน 2568 ยังมีความคืบหน้าช้ากว่าแผนเล็กน้อย สำหรับเส้นทางระยะที่ 2 อื่นๆ อีก 6 เส้นทาง (เช่น ปากน้ำโพ-เด่นชัย, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี) ได้เสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการแล้ว เช่นเดียวกับสายใหม่ช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น ที่ออกแบบเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างรอการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม - ชุมพร ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างชะอำและหัวหิน ปัจจุบัน ได้เปิดใช้งานทางคู่ตลอดเส้นทางแล้ว โดยใช้ระบบทางสะดวกอิเล็กทรอนิกส์ (E-token) แม้ความคืบหน้าของโครงการโดยรวมอยู่ที่ 72.491% คาดว่าจะเปิดใช้งานได้เต็มระบบในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางลงสู่ภาคใต้ได้อย่างมาก
ส่วนระยะถัดไป จะขยายเส้นทางลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น เพื่อเชื่อมโยงฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน (เกาะสมุย-ภูเก็ต) พร้อมทั้งพัฒนาสถานีชุมทางหาดใหญ่และปาดังเบซาร์ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า (Container Yard) เพื่อเชื่อมต่อชายแดนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังมุ่งมั่นพัฒนาขบวนรถท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางราง กระตุ้นให้เกิดการเดินทางไปยังชุมชนต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง อันเป็นการกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดย รฟท. ได้เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันได้เปิดให้บริการขบวนรถพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวเป็นประจำ ทั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์และในโอกาสพิเศษต่าง ๆ
สำหรับผลการดำเนินงานรถไฟนำเที่ยว ประจำปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) มีนักท่องเที่ยวใช้บริการทั้งสิ้น 186,488 คน สร้างรายได้รวม 72.13 ล้านบาท โดยรายได้หลัก 66.55 ล้านบาท มาจากการจัดเดินขบวนรถนำเที่ยว ซึ่งขบวนที่ทำรายได้สูงสุดคือ ขบวน Royal Blossom (28.46 ล้านบาท) และขบวน KIHA 183 (21.58 ล้านบาท)
ทั้งนี้ รฟท. มีบริการขบวนรถท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ทั้งขบวนรถที่วิ่งประจำวันเสาร์-อาทิตย์ (เช่น สวนสนประดิพัทธ์, น้ำตกไทรโยคน้อย), ขบวนรถจักรไอน้ำที่ให้บริการใน 7 โอกาสพิเศษตลอดปี และขบวนรถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามฤดูกาล (พ.ย.-ม.ค.) นอกจากนี้ รฟท. ยังมีรายได้จากแพคเกจนำเที่ยวร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง 5.58 ล้านบาท และรายได้สนับสนุนการท่องเที่ยวอื่น ๆ อีก 40.49 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการให้บริการเช่าเหมาขบวน 39.29 ล้านบาท และการลากจูงขบวนรถของมาเลเซีย 1.20 ล้านบาท
สำหรับแผนงานพัฒนาการท่องเที่ยวทางรถไฟในปีงบประมาณ 2569 รฟท. จะมุ่งขยายฐานการตลาด โดยเปิดโอกาสให้ภาครัฐและเอกชนสามารถเช่ารถเหมาขบวนเพื่อจัดทริปท่องเที่ยวได้เองตลอดทั้งปี พร้อมทั้งจะพัฒนาโครงการ "Scenic routes" และ "Luxury route" โดยใช้รถโดยสารปรับอากาศชั้นดีจัดทริปในเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามไปยังทุกภูมิภาคต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ อีกทั้ง เป็นการเพิ่มการใช้บริการทางรถไฟ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยใช้ศักยภาพทางด้านระบบขนส่งสาธารณะของประเทศเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี อีกด้วย
การลงพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแสวงหาแนวทางความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกันพัฒนาการเดินทางโดยรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวทางราง และวางแผนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดหลังจากการหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หมุดหมายแรกจะมุ่งเน้นการเชื่อมโยงพื้นที่ของการรถไฟฯ ในอำเภอหัวหิน และหากสำเร็จด้วยดี จะขยายผลไปสู่พื้นที่ศักยภาพอื่น ๆ อาทิ ปราณบุรี กุยบุรี และบางสะพานน้อย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่ระบบรางสามารถพัฒนาและเชื่อมต่อได้อย่างสะดวก รฟท. มั่นใจว่าความร่วมมือนี้จะเป็นทิศทางสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ และฟื้นฟูให้หัวหินกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางหลักด้านการท่องเที่ยวต่อไป
https://www.posttoday.com/smart-city/733501
Back to top
You cannot post new topics in this forum You cannot reply to topics in this forum You cannot edit your posts in this forum You cannot delete your posts in this forum You cannot vote in polls in this forum
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group