RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311896
ทั่วไป:13570949
ทั้งหมด:13882845
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


ชมทุ่งทานตะวันและเขื่อนป่าสักกับรถไฟไทย (ตอนที่ 1)





 
พอดีตอนนี้เห็นเค้าประกาศแล้วว่า เที่ยวแรก จะเริ่มวิ่ง 13 พ.ย. นี้ แล้ว
ผมก็เลยอยากทราบว่ามีพวกเราสนใจจะไปกันหรือเปล่า... ”
 
ตือ ดือ ดือ ดึ๊ด ติ๊ด.... ” เสียง ringtone สุดเก่าที่ไม่ได้ update เป็นชาติ
ดังขึ้นระหว่างการเหยียบอย่างเมามันบนมอเตอร์เวย์ ขากลับเข้ากรุงเทพ...
 

     เหลือบดู แว้บๆ เอใครหว่า ไม่อยู่ใน Contact list ด้วย สงสัยอาจจะเป็นลูกค้าใหม่ ที่แท้เป็นพี่ณัฐพงษ์ ที่ปรึกษาเว็บไซต์ www.rotfaithai.com ของเรานี่เอง โทรมาชวนผมให้ไปร่วมคณะ Press Tour ที่จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ขบวนรถไฟนำเที่ยว "ทุ่งดอกทานตะวันและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" โดยเดินทางไปกับขบวนปฐมฤกษ์ของปีนี้ ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการในวันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน จนถึงปลายเดือนมกราคม หรือจนกว่าจะหมดฤดูดอกทานตะวันบานแล้วจึงจะหยุดให้บริการ ขบวนนำเที่ยวเส้นทางนี้จัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 5 แล้วและถือเป็นขบวนนำเที่ยวที่ทำรายได้ให้การรถไฟฯ มากที่สุดเทียบกับขบวนรถนำเที่ยวในเส้นทางอื่นๆ โดยมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการในปีที่แล้วมากกว่า 18,000 คน โดยทาง เว็บไซต์ www.rotfaithai.com ได้รับคำเชิญจากกองประชาสัมพันธ์การรถไฟฯ อย่างเป็นทางการให้ส่งผู้แทนร่วมเดินทางไปกับคณะสื่อมวลชน ซึ่งในขบวนปฐมฤกษ์นี้มี ดร.จิตต์สันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการการถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมเดินทางไปด้วย

 
     ทางเว็บไซต์ของเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของเราและยอมรับเรา เป็นสื่ออีกแขนงหนึ่งที่จะช่วยผลักดัน ให้การท่องเที่ยวทางรถไฟเป็นที่นิยมมากขึ้น รวมไปถึงช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวคราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรารักเป็นชีวิตจิตใจ จะว่าไป เว็บไซต์ www.rotfaithai.com ชุมชนออนไลน์เล็กๆ แห่งนี้ ถือกำเนิดมาแค่ 4 เดือนเศษ

     เป็นเว็บไซต์ที่รวมกลุ่มคนที่รักและชอบรถไฟมาอยู่รวมกัน เป็นแหล่งพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับรถไฟ ประสบการณ์การเดินทาง ข่าวคราว update เกี่ยวกับวงการรถไฟทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงบทความต่างๆ ที่สมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเขียน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน แต่ในระยะเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ปัจจุบันเว็บไซต์แห่งนี้มีสมาชิกกว่า 500 คนแล้ว นับตั้งแต่เปิดการใช้งานวันแรก
 

วันเสาร์นี้เหรอครับ อืม ไม่ติดอะไรนะ ไปได้ครับไม่มีปัญหา ”
ผมตอบด้วยความมั่นใจว่าไม่มีนัด

“ ได้ครับพี่ ส่งรายละเอียดการเดินทางมาที่ email ผมแล้วกันครับ ยินดีที่ได้ไปในฐานะตัวแทนเว็บครับ ”

“ ครับพี่ได้เลย สวัสดีครับ ”

 

     วางสายปุ๊บ หัวก็แล่นปั๊บว่ามีนัดแล้วนี่หน่าวันเสาร์นี้ แต่ด้วยความที่โอกาสดีๆ อย่างนี้ไม่ได้มีมาให้คว้าบ่อยๆ แล้วก็ดีใจที่มีคนไว้วางใจชวนผมให้ไปในฐานะผู้แทน ทั้งๆ ที่เพิ่งจะพบกันครั้งแรกในงาน Meeting รถจักรไอน้ำเมื่อสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง ที่ตกปากรับคำไป ก็ไม่ใช่ว่าอยากไปเที่ยวฟรีหรอก แต่อยากมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์มากขึ้น และไปคราวนี้ก็มีภาระและงานที่ต้องทำด้วยในฐานะสื่อมวลชน รวมไปถึงการเจรจาเรื่องความร่วมมือกันระหว่างเว็บไซต์และกองประชาสัมพันธ์ของการรถไฟฯ ในฐานะสื่อที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกัน ดังนั้นผมเลือกที่จะไปอย่างไม่รีรอ ส่วนนัดอื่นๆ เหรอ ก็เลื่อนโลดเลย

     นอกจากผมแล้วก็มีหัวเรือใหญ่ของเว็บไซต์เรา คือคุณบอมบ์ซึ่งเป็น webmaster และที่ปรึกษาอีก 1 ท่าน คือ พี่สุกิจ ร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งถ้าปราศจากคุณบอมบ์เราคงไม่มีชุมชนที่อบอุ่นให้คุยกันอย่างทุกวันนี้ โดยก่อนหน้าวันไปก็มีการส่ง brief รายละเอียดของ trip และ agenda ต่างๆ ที่ต้องเอาไปคุยกับกองประชาสัมพันธ์ และผู้ว่าการการรถไฟฯ (ถ้ามีโอกาส) เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารซึ่งกันและกัน และกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองฝ่าย

 

พวกเราไปขบวนที่สองนะครับ รถออกแปดโมง ต้องไปลงทะเบียนก่อนซักครึ่งชั่วโมงครับ ”
คุณบอมบ์โทรมา confirm เวลาให้ชัดเจน

“ ได้ครับ ผมคงไปถึงราวๆ เจ็ดโมงล่ะครับ ไปเก็บภาพบรรยากาศเล็กน้อย ”
ออกอาการดีใจเล็กน้อยที่ไม่ต้องตื่นเช้าไปกับขบวนแรกซึ่งออกแต่เช้าตรู่

“ ดีครับ แล้วเจอกันนะครับ ”

 
 
     โปรแกรมขบวนรถไฟนำเที่ยวทุ่งทานตะวันและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปีนี้ จะมีเดินทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันละสองขบวน โดยรถขบวนแรก (ขบวน 929 ) ออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 06.20 น. ส่วนขบวนที่สอง (ขบวน 921 ) ออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 08.05 น. แวะรับนักท่องเที่ยวที่สถานีสามเสน บางซื่อ 1 บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง ชุมทางแก่งคอย แล้วแยกไปเส้นทางแก่งคอย-บัวใหญ่ ก่อนจะแวะจอดให้ชมทุ่งทานตะวันริมทางรถไฟประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่ทางรถไฟลอยน้ำ ซึ่งขึ้นหน้าปก Unseen in Thailand เล่มที่ 2 อันเลื่องชื่อ เป็นเส้นทางรถไฟที่วิ่งอยู่บนสะพานคอนกรีตเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยหลังจากเก็บภาพวิวอ่างเก็บน้ำที่ไกลสุดลูกหูลูกตากันอย่างจุใจแล้ว ขบวนรถก็จะเดินต่อไปจนถึงสถานีโคกสลุง ก่อนที่จะทำการสับเปลี่ยนหัวรถจักร เพื่อเปลี่ยนทิศทางนำผู้โดยสารกลับมาที่ป้ายหยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยจอดให้นักท่องเที่ยวได้ลงจากขบวนรถ ไปเดินชมทัศนียภาพของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และพักผ่อนกันตามอัธยาศัย เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่จะเดินขบวนไปพักรถที่สถานีแก่งเสือเต้น แล้วถอยหลังกลับมารับนักท่องเที่ยวกลับสถานีกรุงเทพ โดยขบวนรถจะถึงสถานีกรุงเทพเวลา 16.25 น. และ 18.15 น. สำหรับขบวนแรกและขบวนที่สองตามลำดับ

      ก่อนวันเดินทางถึงแม้เวลาจะล่วงเลยเข้าตีสองของวันเสาร์ที่ 13 แล้ว ทั้งที่รู้ว่าต้องตื่นแต่เช้าไปเขื่อนป่าสัก ก็หยุดไม่ได้ที่ต้องนั่งก๊อกแก๊กเปิดเว็บไซต์ www.rotfaithai.com เช็คกระทู้และข่าวคราวตามความเคยชิน ถึงแม้จะดึกจะดื่นขนาดไหน เว็บนี้ก็ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เพราะไม่ใช่มีแค่สมาชิกในเมืองไทยเท่านั้น เรายังมีสมาชิกคนไทยที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่นและไต้หวันที่ตื่นแต่เช้ามา check ข่าว หรือสมาชิกคนไทยในอเมริกาที่มานั่งดูกระทู้ยามบ่าย และหนึ่งในกระทู้ที่ hot ตอนนี้คงหนีไม่พ้น กระทู้เที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เอาหน่อยละกัน ขอคลิกดูซักนิด
 

Uranus : พอดีตอนนี้เห็นเค้าประกาศแล้วว่า เที่ยวแรกจะเริ่มวิ่ง 13 พ.ย. นี้ แล้ว ผมก็เลยอยากทราบว่ามีพวกเราสนใจจะไปกันหรือเปล่า...

ต๊อบ : มาแล้วๆ.....อืม....ว่างทุกวันหยุดเลยครับ....คงต้องรอดู......ว่าพวกเราจะไปกันวันไหน....เฮ้อ....แล้วเจอกันครับ

Nathapong: สงสัย ปีนี้หาโอกาสไปเที่ยวทุ่งทานตะวันเป็นหมันซะแหล่ว เจอข่าวดีจากเจ้านายเป็นงานโหดๆๆ...

GE_1983: ผมเองก็คงจะไม่ได้ไปด้วยล่ะ เพราะมีธุระจำเป็นอีกสารพัดเลย...

 
     สรุปว่ามีหลายคนอยากไป มีบางคนติดธุระ มีบางคนไปแน่ๆ และเพิ่งรู้สรุปตอนท้ายว่าวันพรุ่งนี้นอกจากจะมีพวกผม ไปขบวน 921 เที่ยวแปดโมงเช้าแล้ว ยังมีคุณก้อง คุณต๊อบ คุณเจฟ คุณยูเรนัส คุณอ้น เดินทางไปกับขบวนนำเที่ยวเขื่อนป่าสักวันนี้ด้วยแต่ไปขบวน 929 ซึ่งออกจากหัวลำโพงตั้งแต่หกโมงเช้ายี่สิบนาที
 

หาววว... ปิดเว็บดีกว่า ขอเตรียม outline บทสัมภาษณ์ผู้ว่าการฯ และนักท่องเที่ยวหน่อยละกัน เดี๋ยวไม่ได้นอน”

 

 
...นักท่องเที่ยวที่จับคู่กันมาเที่ยวกับขบวนนี้ จะมีพื้นที่เป็นเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ได้นั่งหันหน้าคุยกัน มองตากันแถมที่นั่งกว้างขวาง...
 

     งัวเงียเมาขี้ตาตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า ทั้งที่รู้สึกว่ายังนอนไม่อิ่มเลย แต่ก็ต้องลุกไม่งั้นจะเสียคนก็งานนี้ ออกจากบ้านเจ็ดโมงนิดๆ มาถึง หัวลำโพงเจ็ดโมงสิบห้านาที ที่นี่ก็ยังคึกคักอยู่เหมือนเคยแม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนกี่สิบกี่ร้อยปี ที่นี่ก็ยังเป็นที่ให้บริการการเดินทางกับผู้คนทุกระดับชั้น ถึงแม้องค์กรต้องฝ่ากระแสเศรษฐกิจและการขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาหลายปี แต่การบริการขบวนรถเชิงสังคมก็ยังคงอยู่ และยังยืนหยัดให้บริการด้วยค่าโดยสารราคาถูก การเดินทางที่สะดวกและปลอดภัย สมดังปณิธานของพระพุทธเจ้าหลวงผู้ก่อตั้งกรมรถไฟหลวงเมื่อ 108 ปีที่แล้ว ในปัจจุบันตัวสถานีภายในปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปมากตามกาลเวลาเพื่อให้เข้ากับยุคและสมัย มีการปรับพื้นที่เชิงพาณิชย์มากขึ้นเพื่อหารายได้เข้าองค์กรเพื่อลดภาระการขาดทุน รวมไปถึงการปรับปรุงโถงพักคอยผู้โดยสาร ที่ปัจจุบันติดแอร์เย็นฉ่ำ พร้อมทีวีจอยักษ์ รวมไปถึงรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในแต่ละจังหวัดที่รถไฟผ่าน เสมือนหนึ่งเป็น Living Art Gallery เพื่ออำนวยความสะดวกและความเพลิดเพลินระหว่างรอการโดยสาร นอกจากนี้หัวลำโพงยังเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟกับระบบรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมมหานคร ที่เพิ่งเปิดใช้บริการเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางมาหัวลำโพงปัจจุบันนี้ สะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้นใครที่ว่าการรถไฟฯ ไม่เคยพัฒนา เห็นทีจะต้องเข้ามาดูด้วยตาตัวเองเสียใหม่

 

     มาถึงชานชาลาที่ 5 ก็เจอกับโต๊ะลงทะเบียนของกองประชาสัมพันธ์ที่จัดอยู่ที่ปลายชานชาลา โดยมีฉากหลังเป็นขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ซึ่งจอดทำขบวนรออยู่แล้ว ซึ่งขบวนนี้วันนี้ ไม่ได้มีแค่ตู้รถปกติ แต่มีตู้จัดเฉพาะเพิ่มต่อท้ายเข้ามาอีก 4 ตู้ เพื่อพาคณะผู้ว่าการการรถไฟฯ และสื่อมวลชนไปสัมผัส Unseen in Thailand และความงามของทุ่งทานตะวันให้ประจักษ์แก่สายตา แต่มองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เจอคุณบอมบ์ ลองโทรหาก็ไม่ติด งั้นขอเดินสำรวจขบวนรถสักหน่อยแล้วกัน ว่ามีอะไรใหม่เปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง

     การมาเที่ยวเขื่อนป่าสักฯ ครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกของผม เป็นการมาครั้งที่สองแล้ว ห่างจากครั้งที่แล้ว 4 ปีเต็ม เมื่อครั้งเขื่อนป่าสักฯ เพิ่งเปิดใหม่ๆ ในครั้งที่แล้วทำขบวนด้วยรถ sprinter รุ่นที่ซื้อมาจากอังกฤษ โดยพ่วงแค่ 3 ตู้ เป็นตู้นั่งชั้นสองปรับอากาศ แต่มาคราวนี้อลังการและหรูหรากว่ามาก เรียกว่าพลิกโฉมหน้าขบวนรถท่องเที่ยวเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะพ่วงรถนั่งชั้น 3 จำนวน 5 ตู้แล้ว ยังพ่วงรถชั้นสองปรับอากาศอีก 2 ตู้ และ รถชั้นหนึ่งปรับอากาศอีก 1 ตู้ ซึ่งใช้ขบวนรถนอนมาจัดให้บริการ แถมยังมีบริการอาหารเช้า กลางวัน และอาหารว่างอีก ครบทุกมื้อ ในสนนราคา 300 , 500, 700 บาท สำหรับชั้น 3 ชั้น 2 และชั้น 1 ตามลำดับ

     ที่ว่าไม่ธรรมดาก็ตรงที่เอารถนอนปรับอากาศมาให้บริการนี่แหล่ะ ตอนแรกก็นึกว่าจะให้นอนกันไปเขื่อนป่าสักฯ เลยเหรอเนี่ย แต่เปล่าเลย ไปแบบนั่งธรรมดาในรถนอนนี่แหล่ะ คงต้องเรียกว่ารถนอนกลางวันซะแล้วงานนี้ นอกจากนั้นยังติดตั้งโต๊ะอาหารตรงกลาง ทำให้นักท่องเที่ยวที่จับคู่กันมาเที่ยวกับขบวนนี้ จะมีพื้นที่เป็นเป็นส่วนตัวมากขึ้น ได้นั่งหันหน้าคุยกัน มองตากัน แถมที่นั่งกว้างขวางกว่าแบบชั้นสองนั่งปรับอากาศ ถึงแม้ว่าจะปรับเอนไม่ได้ แต่ก็ยังมีที่ให้ยืดแข้งยืดขาให้หายเมื่อยได้ สบายเหมาะกับวันพักผ่อนจริงๆ

 
     ถัดจากตู้ปรับอากาศชั้น 1 ลงมาก็จะเป็นตู้ประชุม ซึ่งจัดไว้สำหรับ press conference ระหว่างทาง และจัด karaoke ไว้ entertain คณะสื่อมวลชน ตามมาด้วยตู้ชั้นสองปรับอากาศสำหรับสื่อมวลชนอีก 2 ตู้ โดยใช้ตู้นอนชั้นสองปรับอากาศ Daewoo รุ่นใหม่ล่าสุด เหมือนที่พ่วงกับรถด่วนพิเศษนครพิงค์ และด่วนพิเศษระหว่างประเทศ มาให้บริการ ปิดท้ายด้วยรถจัดเฉพาะ (บจพ.) ที่จัดสำหรับคณะผู้ว่าการฯ ซึ่งมีทั้งครัวเล็กๆ ห้องนอน และห้องประชุมขนาดเล็ก ที่สามารถนั่งประชุมสั่งงานในขบวนรถได้เลยทีเดียว แถมด้วย Deck ตอนท้ายที่สามารถเปิดออกไปยืนชมวิวได้อีกด้วย
 

ติ๊ด.. ติ๊ด...ตี๊ดดด ”

“ คุณกานต์ อยู่ไหนแล้วครับ ” เสียงคุณบอมบ์อยู่ปลายสาย

“ อยู่ข้างในแล้วครับ แถวโต๊ะลงทะเบียนแหล่ะครับ ”

“ งั้นอยู่ตรงนั้นนะครับ ผมมาถึงแล้ว เดี๋ยวเจอกัน ”

 
     ไม่ถึงอึดใจก็เจอกับคุณบอมบ์ มาในชุดเขียวสดใสตัดกับเสื้อสีแดงแจ๋ของผม เราก็ได้พบกับคุณเจี๊ยบคนที่เป็นผู้ดูแลศูนย์ข้อมูลการรถไฟฯ และเป็นผู้ประสานงานเรื่องการเชิญเว็บไซต์เรามาในการเที่ยวครั้งนี้ที่โต๊ะลงทะเบียน นอกจากนี้ยังเจอน้องวิทยาที่มาเที่ยวกับขบวนนี้ด้วยโดยซื้อตั๋วรถชั้น 3 ซึ่งได้ที่นั่งที่จัดไว้อยู่ตู้ด้านหน้า แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า เช้าวันนี้ พี่สุกิจ เกิดติดธุระด่วนกระทันหัน ทำให้ไม่สามารถมาร่วมทริปนี้ได้ในที่สุด จึงทำให้เหลือเพียงผม คุณบอมบ์ และน้องวิทยา สามหนุ่มสามมุมจาก Rotfaithai.Com เท่านั้น ที่ร่วมเดินทางไปกับรถขบวนนี้ หลังจากลงทะเบียนและทักทายตามอัธยาศัย น้องๆ สาวสวยของกองประชาสัมพันธ์ก็พาผมกับคุณบอมบ์ ไปยังที่นั่งที่จัดเตรียมไว้บนรถนั่งชั้นสองปรับอากาศ ผมกับคุณบอมบ์ได้ที่นั่ง 37-38 อยู่ติดประตูเลย แต่ที่โชคดีมากๆ คือที่นั่งตำแหน่งนี้ไม่โดนลายสกรีนโฆษณาข้างตัวรถ ที่เป็นตัวบดบังทัศนียภาพความสวยงามข้างทางไปซะหมด ก็เห็นใจนะว่าการรถไฟฯ ต้องการรายได้เพิ่มขึ้น แต่การเอารายได้ตรงนี้แลกกับเสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟที่มีวิวข้างทางเป็นจุดขายหลัก สุดท้ายแล้วผลได้ผลเสียเป็นอย่างไรอยากรู้เหมือนกัน
 
     นอกจากมีขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักฯ ที่ออกในวันนี้แล้ว ยังมีขบวนรถพิเศษกรุงเทพ-ตันหยงมัส ที่รับคณะเด็กนักเรียนในโครงการ สานฝันนักเรียนไทยหัวใจเดียวกัน ที่เพิ่งปิดโครงการที่สนามหลวงเมื่อสองวันก่อน กลับบ้านที่จังหวัดนราธิวาส ทำให้บริเวณ ชานชาลาที่ 4-5 คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากกว่าวันปกติ แสดงให้เห็นความตั้งใจของการรถไฟฯ ที่แม้ว่าสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะยังมีความรุนแรงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันก็ตาม ก็ยังเดินรถเป็นปกติ แถมยังมีขบวนพิเศษอีกต่างหาก แล้วก็ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โดยสารมากขึ้นในเรื่องความปลอดภัย โดยการให้ทหารคุมอยู่ทุกตู้โดยสาร ตลอดเส้นทางในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

     8.05am ขบวนรถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากสถานีกรุงเทพ ก่อนออก มีนักข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน มานั่งกับเราด้วยอีก 2 คน เนื่องจากฉุกละหุกกับการลงทะเบียน ทำให้ไม่มีชื่อในผังที่นั่ง พอรถเริ่มเข้าสถานีบางซื่อ 1 ทางเจ้าหน้าที่ก็เริ่มทยอยแจกอาหารเช้า เป็นกาแฟร้อน แซนด์วิชทูน่า และของหวานเป็นเงาะยัดไส้ ส่วนสองนักข่าวจากมติชนนั้นเจ้าหน้าที่ก็จัดหาที่นั่งให้ใหม่ หลังจากรถออกจากสถานีดอนเมืองไปแล้ว เพื่อลดความอึดอัดและความสะดวกสบายทั้งสองฝ่าย เพราะที่นั่งบนรถนอนเนี่ย เวลานั่ง 4 คน ก็อึดอัดพอดูเหมือนกัน  

    ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทยอยเดินมาทักทาย และแนะนำตัวกับคณะผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับเชิญชวนให้ไปผ่อนคลายร้องคาราโอเกะที่ตู้จัดประชุม ซึ่งเคยใช้เป็นตู้ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรมาแล้ว ภายในตู้เพียบพร้อมไปด้วย facility สำหรับการประชุม ทั้งจอ screen และ Projector ติดเพดาน รวมไปถึงห้องควบคุมระบบเสียงและคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ทางด้านท้ายตู้ ส่วนการตกแต่งก็ค่อนข้างหรูหราเอาการ โต๊ะประชุมนั้นเรียกว่ายาวสุดลูกหูลูกตาก็ว่าได้ คาดว่านั่งได้รอบโต๊ะประมาณ 24-30 คน ถ้านั่งหัวโต๊ะฝั่งหนึ่ง มองไปทาง screen ก็ค่อนข้างจะอ่านข้อมูลบน screen ยากอยู่เหมือนกัน

      ผมกับคุณบอมบ์มาถึงที่ตู้นี้ ก็มีนักข่าวจากหลายสำนักมายึดไมค์ร้องกันอยู่ก่อนแล้ว มีเพลงทุกแนวทุกสไตล์ให้ร้อง แต่เพลงใหม่ๆ ค่อนข้างจะน้อยไปนิด ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ขอเพลงโบๆ หน่อยได้ไหม กว่าจะเข้าใจว่าเพลงโบราณ ก็นะ...งงอยู่นาน แล้วไหนๆ มาแล้วจะให้นั่งเขียม นั่งยิ้มอย่างเดียวอยู่ได้ไง เสียชื่อชาวเวบไซต์รถไฟไทย หมด ผมกับคุณบอมบ์ก็ร้องไปซะคนละเพลง ร้องไปเพลงแรก ไมค์เริ่มเหนียวๆ ติดมือแล้ว แกะไม่ออก ไม่ค่อยอยากจะคืนไมค์ ชักติดใจไม่อยากกลับไปที่ตู้ซะแล้ว เอาน่าพักผ่อนก่อน เรื่องการงานขอพักแป๊บแล้วกัน เพราะคนที่อยากสัมภาษณ์ก็นั่งร้องปรบมือแปะๆ อยู่ในนี้เลย (แต่ไม่ใช่ผู้ว่าการฯ นา เพราะที่ บจพ. น่ะมี Karaoke ให้ท่านร้องส่วนตัวเลย) ส่วน บปช. (โบกี้ประชุม) วันนี้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น บ.ค.ร.อ.ก. (โบกี้คาราโอเกะ) ก่อนแล้วกัน

 

...แต่วันเวลาก็แพ้บางอย่าง เพราะบางอย่างไม่เปลี่ยนผัน ใจของเรากับความสัมพันธ์ สิ่งนั้นจะอยู่คงเดิม... ”
คุณบอมบ์ร้องเพลงคงเดิม ของอัสนี-วสันต์ พาลนึกไปถึงความรักที่พวกเรามีให้ต่อรถไฟ สิ่งเหล่านั้นจะอยู่คงเดิมจริงๆ ไม่เปลี่ยน

“ ...เธอทิ้งเขาไม่ลงใช่ไหมหรือต้องใช้เวลา เธอรักเขาหรือเธอรักฉัน
อย่าปล่อยให้มันยังค้างยังคา นานแค่ไหนที่ทนกันมาและต้องทนกันไป... ”

ส่วนผมร้องเพลงสองใจของ ตุ้ย-ธีรภัทร เป็นเพลงต่อมา แอบฝากความหมายแฝงไปด้วยว่า การรถไฟฯ คือเธอ
ลายสกรีนโฆษณาเป็นเขา ส่วนผู้โดยสารอย่างเราๆ น่ะเรอะก็เป็นฉันน่ะสิถามได้

...และมันคงมีซักวันที่เธอต้องเลือกใคร ถ้าเธอจะมีหัวใจให้ใครซักคน แค่เพียงคนเดียวได้ไหม...”

 

- จบตอนที่หนึ่ง -

บนเส้นทางชมทุ่งทานตะวันและเขื่อนป่าสักฯ กับรถไฟไทย (ตอนที่ 2)

 









สงวนลิขสิทธิ์โดย © Rotfaithai.Com : All Right Reserved.

อนุญาตให้นำเนื้อหาไปใช้ได้ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
หากจะนำไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์ หรือสื่ออื่นๆ กรุณาขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
พร้อมระบุอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ให้ถูกต้องและชัดเจน

ติดประกาศ: 2005-01-18 (3585 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]


Content ©