RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179899
ทั้งหมด:13491131
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - การเสด็จประพาสทางรถไฟ สมัย ร. ๖
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

การเสด็จประพาสทางรถไฟ สมัย ร. ๖
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 29/03/2006
Posts: 3291
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง

PostPosted: 06/10/2008 10:10 pm    Post subject: Reply with quote

จากบ้านชะอำไม่รู้นะ

แต่ก็มีข้อมูลว่าเคยมีรถไฟเล็กจากสถานีห้วยทรายเหนือมาที่พระราชนิเวศน์แห่งนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 06/10/2008 10:21 pm    Post subject: Reply with quote

Nakhonlampang wrote:
จากบ้านชะอำไม่รู้นะ

แต่ก็มีข้อมูลว่าเคยมีรถไฟเล็กจากสถานีห้วยทรายเหนือมาที่พระราชนิเวศน์แห่งนี้


ก็ถอนจากหาดเจ้าสำราญมานี่ แล้วเอามาประกอบใหม่ ที่ บางควาย พอ สร้างมฤคทายวันเสร็จตอนกุมภาปี 2466 ก็ส่งคืน รถไฟบางบัวทองของเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ ไป เพราะ ระยะทางจากบางควาย (ห้วยทรายเหนือ) ถึงหาด ก็แค่ 1 กิโลเมตรครึ่งเอง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 06/10/2008 11:57 pm    Post subject: รำพึงดูถึงหาดเจ้าสำราญ Reply with quote

วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๖๖

วันนี้บางทีจะเป็นวันที่สุดที่จะได้มาอยู่ที่หาดเจ้าสำราญนั้แล้ว ดังนั้นจึงควรรำพึงดูถึงที่นี่บ้าง

เดิมพระยาสุรพันธ์พิสุทธ (เทียน บุนนาค) ได้แนะนำว่า บางทลุหาดดี เป็นที่พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดัที่ ๕ ทอดพระเนตรและโปรด และสั่งให้ปลูกพลับพลา และเลือกที่นั้นเป็นที่พักชายทะเล และได้ออกไปอยู่เมื่อ ๒ พฤษภาคม ๒๔๖๑ และได้ให้นามว่า "หาดเจ้าสำราญ" เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ได้จัดงานวันวิสาขบูชาเมื่อ ๒๕ พฤษภาคม ๒๔๖๑ และอยู่ต่อไปจนถึง ๑๔ กรกฎาคม ๒๔๖๑ คืนก่อนกลับป่วยเป็น โรคปวดเส้นใหญ่ที่ขา (Sciatica) ทำให้ต้องพักที่พระรามราชนิเวศน์ ไปอีก ถึง ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๖๑ จึงได้กลับกรุงเทพ ในปีแรกรู้สึกว่าที่หาดเจ้าสำราญมีความสนุกสบายมาก เสียแต่ป่วยในเมื่อก่อนกลับเท่านั้น

ใน พ.ศ. ๒๔๖๒ ได้ออกหาดเจ้าสำราญ เมื่อ วันที่ ๑๑ เมษายน อยู่ได้เพียง ๑๘ วัน กลับกรุงเทพ เมื่อ ๒๙ เมษายน เพราะต้องออกไปต้อนรับทหารที่กลับจากสงคราม เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม

ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ไม่ได้ออกไปอยู่หาดเจ้าสำราญเลยเพราะติดงานเมรุ และกิจการอื่นๆ

ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้ไปออกหาดเจ้าสำราญ เมื่อ วันที่ ๑๖ เมษายน อยู่จน ๙ พฤษภาคมจึงกลับกรุงเทพ ศกนั้นได้สร้างรถไฟเล็กขึ้นเสร็จและได้ใช้งานเป็นครั้งแรก แต่ขลุกขลักประดักประเดิด ไม่สมความปรารถนาที่ว่าจะเป็นการสะดวกในทางคมนาคมระหว่างเพชรบุรีและหาดเจ้าสำราญ และถนนเป็นทางอันแสนกันดาร อยู่มาแต่เดิมก้คงอยู่เช่นนั้น

ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้ไปออกหาดเจ้าสำราญ เมื่อ วันที่ ๒๓ เมษายน อยู่จน ๖ พฤษภาคมจึงกลับกรุงเทพฯ ด้วยความตั้งใจจะไปในพิธีแรกนาขวัญและวิสาขบูชาและจะกลับเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม แต่เผอิญวันนั้นเราป่วยโรคต่อมน้ำลายบวม จึงงดการไปหาดเจ้าสำราญ

ดังนั้นนับได้ว่าได้ออกมาอยู่ ๔ คราว (พ.ศ. ๒๔๖๑, ๒๔๖๒, ๒๔๖๔, ๒๔๖๕ ไม่รวม พ.ศ. ๒๔๖๖) แต่เพราะแพ้ในเรื่องคมนาคม จึงเป็นอันต้องงด ซึ่งออกจะน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่ยังหวังว่าจะได้รับความสำราญในที่ซึ่งจะไปอยู่ใหม่

วันศุกร์ที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๖๖
เวลา ๑๑ ก.ท. (๑๑.๐๐ น.) ออกจากพลับพลาที่หาดเจ้าสำราญไปขึ้นรถไฟเล้ก แต่รถคันที่เราขึ้นหาได้ใช้รถจักรลากไม่ ได้ใช้คนผลัดกันรุนเป็นระยะๆ ลากและรุน จึงเดินทางได้สะดวกโดยตลอด ถึงสถานีพระรามราชนิเวศน์ เวลา ๑๒.๓๐ ล.ท. (๑๒.๓๐ น.) ขึ้นรถไฟแผ่นดินจากที่นั่น ถึงสถานีราชบุรี เวลา ๒.๐๐ ล.ท. (๑๔.๐๐ น.) หยุดพักกินอาหารกลางวัน เวลานั้นอ้าวฝน ฉะนั้นรู้สึกร้อนเต็มที ไม่มีลมเสียเลยทีเดียว บ่าย ๓ นาฬิกาเศษ ขึ้นรถไฟเดินทางต่อ ถึงสถานีสนามจันทร์ เวลา บ่าย ๔.๓๐ (๑๖.๓๐ น.) ส่งประไพและบริวารลงที่นั่นแล้วเราไปต่อไปถึงสถานีบางกอกน้อย ๖ ล.ท. (๑๘.๐๐ น.) ลงเรือยนตร์จากที่นั้นไปท่าวาสุกรี

เวลา ๗ ล.ท. (๑๙.๐๐ น.) ออกจากท่าวาสุกรี ไปที่วังกรมหลวงชุมพรเพื่อเยี่ยมพระศพ พระสาสนโสภณแสดงธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ พระราชาคณะ ๒๐ รูป สวดศราทพรตธรรมบรรยาย เราทอดผ้าสดับปกรณ์แล้วเป็นเสร็จงาน แต่เราแทบทนไม่ได้แม้งานจัดเพียงเท่านี้ พบเจ้าจอมมารดาโหมด และ พวกลูกๆ ทำให้ใจคอหายเหมือนมีอะไรตื้นในคอ แทบจะกลั้นร้องไห้ไม่ได้ ฉะนั้นพอกลับถึงท่าวาสุกรีก็เป็นลมลงนอนแผ่

วันเสาร์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๔๖๖

เมื่อคืนนี้โดยเหตุที่เป็นลมนอนแผ่ที่ท่าวาสุกรี และแก้ไขกันจนค่อยยังชั่วแล้ว จึงลุกไปกินข้าวเมื่อเวลาเกือบ ๑๐ ล.ท. และ ต่อ ๑๑ ล.ท. จึงได้ลงเรือไปยังสถานีบางกอกน้อย ขึ้นรถไฟ ซึ่งออกเดินทางจากที่นั้นเวลา ๑๑.๒๓ ล.ท. (๒๓.๒๓ น.) เที่ยงคืนล่วงแล้ว ๓๕ นาที ถึงสถานีสนามจันทร์ และมาที่วัง ขึ้นอยู่พระที่นั่ง วัชรีรมยา

Click on the image for full size
พระที่นั่งวัชรีรมยา เป็นพระที่นั่งฝาแฝดกับพระที่นั่งสามัคคีมุข ในพระราชวังสนามจันทร์

ที่อยู่คราวนี้เป็นที่เรียบร้อยไม่ลำบากเหมือนครั้งก่อน พระราชินีเสด็จอยู่พระที่นั่งพิมานปฐม เปรื่อง อยู่พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี

Click on the image for full size
พระที่นั่งพิมานปฐม อาคารหลังแรกในพระราชวังสนามจันทร์

Click on the image for full size
พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งหลังย่อม ติดต่อกับพระที่นั่งพิมานปฐมออกไปทางทิศใต้ มีลักษณะเป็นตึก


Last edited by Wisarut on 19/02/2024 1:06 am; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 07/10/2008 12:46 am    Post subject: พระราชวิจารณ์ ภาพยนตร์ นางสาวสุวรรณ Reply with quote

วันอังคารที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๔๖๖

นางสาวสุวรรณ

คืนนี้ได้ดูภาพยนตร์เรื่องสยามที่ นายแมคเรเป็นผู้จัดการฉากและผูกเรื่อง เขาเห็นว่า ถ่ายเฉพาะสถานีที่ต่างๆ คนดูจะเบื่อจึงได้คิดผูกเป็นเรื่องขึ้นประกอบและได้ยืมคน จาก กรมมหรสพเป็นตัวละครในเรื่อง เรื่องที่คิดผูกขึ้นนั้นเป็นอย่างแบบภาพยนตร์ มี ตกน้ำและช่วยกัน เรื่องชายหนุ่มกับหญิงสาวรักกัน พ่อไม่เต็มใจยกให้แก่ตัวพระเอก [แต่พ่อ]ชอบชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ฝ่ายหญิงไม่รัก และ ชายคนหลังนี้คิดแกล้งด้วยอุบายร้ายต่างๆ ทำให้ต้องเดินทางปรูดปราดไปมาด้วย รถไฟ รถยนต์ เรือยนต์และเครื่องบิน ที่จริงเขาจับเอาของจริงๆประติดประตอ่เป็นเรือ่งนิยาย นับว่าช่างเล่นพอใช้ทีเดียว

แต่มีอยู่ข้อ ๑ คือ เมื่อดูเรื่องนี้แล้ว ทำให้เห็นได้ชัดเจนถึงวิธีผูกเรื่องและฉายเรื่องยาวๆ เช่นในเรื่องพ่อผู้หญิงไปดอนเมืองด้วยรถยนต์ ซึ่งเรารู้อยู่ว่าไปจริงๆไม่ได้ (ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ กว่าจะไปได้ก็ปี พ.ศ. ๒๔๗๙) แต่ดูในภาพก็นึกว่าไปได้

ลุงเสาร์ บุญเสนอ ได้เล่าว่าได้เห็นการการถ่ายทำภาพยนตร์นางสาวสุวรรณ ตอนที่พระเอก (นายกล้าหาญ - ขุนรามพรตศาสตร์)แจวเรือ ตามลำน้ำจากท่าเรือวัดราชาธิวาส ผ่านตำหนักแพท่าวาสุกรี ถึงปากคลองเทเวศน์ จนลุงเสาร์สมัยยังเป็นวัยรุ่นต้องพายเรือสำปั้นกะเพื่อนๆเพื่อไปดูการถ่ายทำ

เรื่องนี้ ดาราก็คือข้าราชการกรมมหรสพหลวง กระทรวงวัง เช่น ขุนรามพรตศาสตร์ หลวงพรตกรรมโกศล หลวงยงเยี่ยงครู ขุนชำนาญรำเฉลียว ขุนสมานประหาสกิจ แต่ ผู้ผูกเรื่อง คือ นายเฮนรี่ แมคเรย์ แห่งบริษัทยูนิเวอร์แซล เป็นหัวหน้าชุด ผู้ผูกเรืองและกำกับการแสดง โรเบิร์ต คาร์เป็นผู้ช่วย ดอน สุเธอร์แลนด์เป็นผู้ถ่ายภาพ


Last edited by Wisarut on 19/02/2024 1:08 am; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 19/10/2008 1:11 am    Post subject: Reply with quote

สมัยที่ในหลวงรัชกาลที่หกเสด็จภาคใต้ปี 2458 เจ้ารถอีคลาสที่ใช้ทำขบวนรถพระที่นั่ง 4 ล้อ จากสงขลาไปพัทลุง สมัยที่ยังเรียกว่าสถานีคูหาสวรรค์ โดยใช้ความเร็ว 1000 เส้นต่อชั่วโมง (40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

ปี 2458 ทางสายประธานไปจากบางกอกน้อยถึงเทพาเสร็จพอนำ รถงาน และ จูงรถพระที่นั่งจากหัวหิน ไป รอที่สงขลาได้ เพราะสะพานข้ามแม่น้ำหลวง (แม่น้ำตาปี) ที่ท่าข้าม นั้นเสร็จแล้ว แต่ ยังทำย่านสถานี ช่วง จาก บ้านกรูด ถึงชุมพร และ ช่วงบ้านนา ถึงสุราษฎร์ธานี ไม่เสร็จ และ ยังไม่ได้เอาสะพานเหล็กมาเปลี่ยนแทนสะพานไม้ ทางเลยใช้ไม่ได้เป็นช่วง ๆ แต่ ที่แน่ๆ คือ ทางไป เมืองคอน, กันตัง, สงขลา พัทลุงเชือมต่อกันได้แล้ว


Last edited by Wisarut on 19/02/2024 1:09 am; edited 3 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 22/01/2009 5:18 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
จริงๆค้นจากราชกิจจาฯ ได้อีกมาก แต่ขอปิดท้ายคืนนี้ด้วยการเสด็จโคกกระเทียม

17 มีนาคม 2466 พระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยเจ้าพระยายมราช, เจ้าพระยารามราฆพ เจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ได้ประทับรถไฟพระที่นั่งจากสถานีหลวงจิตรลดา

รถไฟพระที่นั่งใช้จักรออกจากสถานีหลวงจิตรลดา เวลา 10 นาฬิกา 30 นาทีก่อนเที่ยง ถึงโคกกระเทียมเวลาบ่าย 2 โมงหลังเที่ยง มีจอมพลสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี กรมพระยาภาณุพงษ์วรเดช และ จอมพลสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ มาต้อนรับ

จากนั้นได้เดินทางโดยทางรถยนต์ไปยังค่ายทหารบกปืนใหญโคกกระเทียม แล้วเสวยพระกระยาหารที่นั่น

ต่อมาเวลา 3 โมง 30 นาที หลังเที่ยง โดย จึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังเต๊นท์ฟังคำสมมติสำหรับยิงปืน ก่อนประทับรถยนต์เดินทางไปยังหอคอยเพื่อทอดพระเนตรตำบลกระสุนตก ก่อนเดินทางกลับไปประทับที่เต๊นท์

การฝึกซ้อมยิงปืนใหญ่ ครั้งนี้ใช้ทหารบกปืนใหญ่ 2 กองร้อย และ จเรทหารปืนใหญ่ ได้รายงานผลการแข่งขัน จากนั้นจึงพระราขทานถ้วยเงินแก่ผู้ชนะคือ กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ จากนั้นจึงมีรพระราชดำรัสพอสมควรจึงเสด็จขึ้น

ต่อมาเวลา 9 นาฬิกาหลังเที่ยง จเรทหารปืนใหญ่พระราชทานเครื่องเขียนให้พระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะร่วมเสวยพระกระยาหารในเต๊นท์ มีพระราชปฏิสันฐานะพอสมควร จากนั้นจึงมีมหรศพพอควรแล้วจึงเสด็จขึ้น


ในวันนั้นมีการทดลองใช้ช้างลากปืนใหญ่จึงพบว่า ช้างนั้นไม่เหมาะสมที่จะใช้ลากปืนใหญ่เพระอุ้ยอ้ายเต็มที ใช้ม้าลากเป็นคล่องตัวกว่ามาก ๆไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่ภูเขา 49 ของกรุปป์ ปืนใหญ่ภูเขา 51 ของกรุปป์ หรือแม้แต่ปืนใหญ่ภูเขา 63 ของญี่ปุ่น

18 มีนาคม 2466 เวลาบ่าย 2 โมง 30 นาทีหลังเที่ยงจึงเสด็จโดยทางรถยนต์ไปพลับพลายก เพื่อทอดพระเนตรการสวนสนามทหารปืนใหญ่ มีพระราชปฏิสันฐานพอควรแล้วจึงเสด็จไปยังวัดบ่องาม ทรงฝักแค่ตจุดดอกไม้เพลิงเป็นพุทธบูชา จากนั้นจึงเดินทางไปสถานีโคกกระเทียมถึงเวลา บ่าย 3 โมง 50 นาทีหลังเที่ยง รถไฟพระที่นั่งใช้จักรเดินทางถึงสถานีหลวงจิตลดาเวลา 7 นาฬิกา 55 นาทีหลังเที่ยง


ในการเสด็จทางรถไฟเที่ยวนี้ ร.6 ท่าน มีเรื่องที่ชวนให้ท่าน ขุ่นข้องหมองใจ คือ
1. อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว รถไฟพระที่นั่ง ใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่าจะไปถึงโคกกระเทียม
2. ขากลับทรงเหน็จเหนื่อยมาก เกือบเสด็จขึ้นที่พระตำหนักจิตลดารโหฐานเพื่อพบพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจีไม่ไหว

อ้างอิง: จดหมายเหตุรายวัน ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ เป็นปีที่ ๑๔ ในรัชกาล, มานวสาร ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ถึง ปีที่ ๑๔ ฉบับที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๔


Last edited by Wisarut on 19/02/2024 1:09 am; edited 3 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44320
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/01/2010 12:41 am    Post subject: Reply with quote

20 มิถุนายน 2458
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๒ น่า ๘๖๘-๘๖๙ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๔๕๘
รายการเสด็จพระราชดำเนิรเลียบมณฑลปักษ์ใต้
....
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน รถไฟใช้จักร์จูงกระบวนรถพระที่นั่ง
ออกจากสถานีเมืองสงขลา เวลาเช้า ๔ โมง ๓๐ นาที
อำมาตย์เอก พระยาวิเศษภักดี ผู้ว่าราชการเมืองสงขลา พร้อมด้วย
ข้าราชการประจำมณฑลนครศรีธรรมราช แลนายดับลยู เอน ดันน์
กงสุลอังกฤษคอยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทส่งเสด็จ ณ สถานีเมืองสงขลา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระ
ราชทานพระแสงราชศาสตราแก่อำมาตย์เอก พระยาวิเศษภักดี แล้ว
เสด็จขึ้นประทับบนรถพระที่นั่ง

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์ สมุหเทศาภิบาล
สำเร็จราชการมณฑลนครศรีธรรมราช ตามเสด็จพระราชดำเนิรใน
กระบวนนี้ด้วย

รถไฟใช้จักร์ถึงสถานีอู่ตะเภา เวลาเช้า ๕ โมง ๒๐ นาฑี แลหยุด
อยู่ครู่หนึ่ง แล้วใช้จักร์เดินต่อไปถึงสถานีคูหาสวรรค์ เวลาบ่าย ๑ โมง
๓๐ นาที อำมาตย์ตรี พระพัทลุงบุรี ศรีระหัทเขตร์ ผู้ว่าราชการ
เมืองพัทลุง แลข้าราชการอื่น ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เสือป่าเมือง
พัทลุงแลกองตำรวจภูธรตั้งแถวรับเสด็จเปนกองเกียรติยศ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จโดยรถยนตร์พระที่นั่ง จากสถานี
คูหาสวรรค์
ไปประทับ ณ พระตำหนักพัทธาคารริมทเลสาบเมืองพัทลุง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/01/2010 1:38 am    Post subject: Reply with quote

สถานีคูหาสวรรค์ก็สถานีพัทลุงนั่นแหละ เข้าใจว่าเปลี่ยนในปี 2459 หลังทางรถไฟสายใต้เชื่อมถึงกันได้ที่ชุมพร จนเปิดการเดินรถ บางกอกน้อย - อู่ตะเภา ได้เมื่อ 1 มกราคม 2459
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44320
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/01/2010 9:30 am    Post subject: Reply with quote

สมัยนั้นที่ตั้งสถานีพัทลุงอยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองพัทลุง
อยู่ในตำบลคูหาสวรรค์
พอมีสถานีรถไฟ ก็ยกฐานะเป็นกิ่งคูหาสวรรค์

แต่ยังไงก็ไม่ชอบสถานีโคกโพธิ์ที่เปลี่ยนเป็นสถานีปัตตานีอยู่ดีครับ Rolling Eyes

ว่าแต่ยุคแรก เรียกสถานีรถไฟสงขลาว่า สถานีเมืองสงขลา นะครับ
ชอบจัง ดูเจริญดี ทั้ง ๆ ที่สมัยนั้น รอบ ๆ มีแต่ป่า
ไม่ต่างจากสถานีสุพรรณบุรีเท่าไหร่

คุณวิศรุตมีหนังสือ จดหมายเหตุระยะทางเสด็จฯ เลียบมณฑลปักษ์ใต้ หรือเปล่าครับ
พอจะหาอ่านได้ที่ไหนบ้าง
จะซื้อมาก็ไม่มีงบประมาณครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/01/2010 10:55 am    Post subject: Reply with quote

^^^
มีกับมือ ซื้อมา 1000 บาท แต่ ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ในสภาพอ่านได้หรือเปล่า แม้จะมีหน้าครบ
แต่เล่มที่สมบูรณ์ น่ากลัวว่าจะ 5000 บาทขึ้นไปหงะ Sad และ เล่มนี้ยังไม่มีการ Reprint เสียด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11  Next
Page 7 of 11

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©