View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
nuttakarn
3rd Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 252
|
Posted: 09/03/2009 2:26 am Post subject: Selection Lubricant |
|
|
ช่าง : น้ำมันธรรมดาใช้ได้ 5000 km กึ่งสังเคราะห์ 7500 km ถ้าสังเคราะห์ 10,000 km
ผู้เขียน : ไอ้เราก็หลงเชื่อมาตั้งนาน
เครื่องยนต์ทุกเครื่องยนต์นั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีสารหล่อลื่น การเลือกใช้สารหล่อลื่นนั้นยังมีความเข้าใจผิดๆ กับการเลือกชนิดสารหล่อลื่นตลอดจนการเก็บรักษา ซึ่งหลีกเลียงไม่พ้นกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ อย่างเช่น รถจักร ดีเซลของการรถไฟแห่งประเทศไทย ปัจจุบันนี้
น้ำมันเครื่องหรือสารหล่อลื่นเครื่องยนต์เป็นผลพลอยได้จากการสกัดน้ำมันเชื้อเพลิง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ
1.mineral oil แบ่งเป็น 3 ตัวคือ พาราฟิน แนพทิน และ อโรแมติก
2.synthetize oil คือการสกัดเอาข้อเด่นของ mineral oil มาใช้เกือบจะ 100 หรือ 100 %
สารปรุงแต่งในน้ำมันมี 3 กลุ่ม
1. เพิ่มคุณสมบัติที่ไมเคยมี Extream pressure (ให้นึกถึงให้นึกถึงลูกหินอ่อนที่มันโดนน้ำดันจนหมุนอยู่กับที่ ตามสวน)
2. กดคุณสมบัติด้อย ส่วนมากจะเป็นเรื่อง โดนโจมตีต่อ Oxidation
3. ช่วยเพิ่มคุณสมบัติที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ก็เรื่องการหล่อลืน ทนความร้อน ซึ่ง minera oil จะเป็นข้อด้อยกว่าสังเคราะห์
ทั้ง 3 กลุ่มเนี่ยรถจักรดีเซลทั้งหมดเนี่ยจำเป็นทั้ง 3 กลุ่มเลย
ทีนี้มาถึงชนิด Additive หรือสารปรุงแต่งก็แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1 Solid Lubricant ไม่ละลายในน้ำมัน
1.1 Mos2(Molybdenum Disulfide)
1.2 Graphite
1.3 PTFE
1.4 Boron Nitride
ไม่แน่ใจว่ามีอีกรึเปล่า หน้าที่ของมัน คือ ให้เรานึกถึงน้ำเปล่าแล้วเราเอาพริกผงเนี่ยโรยเข้าไปผสมกันมันจะไม่ รวมตัวกัน ไอ้เศษพริกผงเนี่ยแหละเป็น Solid Lubricant และเจ้า Spay Sonax ทีเราใช้ในชีวิตประจำวันนั่นก็มีส่วน ผสมของ MoS2(โมลิบดินั่ม ได ซัลไฟล์) และ กราไฟต์
2. synthetize additive ละลายในน้ำมันเหมือนน้ำตาลเมื่อผสมก็จะละลายไปกับน้ำมัน
เจ้าตัวนี้มันมีสารเคมีหลายตัวและผมก็รู้จักไม่หมดเลยเอาคุณสมบัติเด่นตามกลุ่มเพิ่มคุณสมบัติมันเลยแล้วกัน
1.anti oxidation ป้องกันการรวมตัวกับอ็อกซิเจน
2.corrosion ต่อต้านการกัดกร่อน
3.rust inhibitor ป้องกันการเกิดสนิม
4.detergen ก็ตรงตัวการชะล้างคราบเขม่า
5.Dispersant อันนี้กระจายคราบเขม่า
ข้อ 4 กับ 5 รวมกันแล้วบริษัทน้ำมันเค้าจะเรียกว่า D&D นั่นแหละ
6.Friction Modifier ลดการเสียดทาน
7.Extream Pressure อันนี้รับแรงกด ถ้าในน้ำมันเครื่องจะเป็นกรทดสอบแบบ Timken OK
8.Anti wear ป้องกันการสึกหรอ
9.Viscosity Index Improper สารเพิ่มค่าดัชนีความหนืด
10.Pour Depersant สารลดจุดไหลเท ตัวนี้เข้าใจว่าคงจะเป็น Additive ของพวก Multi Grade แล้วล่ะ
11.Anti Foam ป้องกันการเกิดฟอง อันนี้น่าจะใช้ในห้องเกียร์(ไม่แน่ใจนะครับ) เหมือนกับเวลาเฟืองทำงานแล้ววักสารหลอลื่นไปใช้งานอะไรประมาณนั้น
12.Emulsifier ป้องกันการรวมตัวกับน้ำ ไม่ต้องบอกว่าถ้าเครื่องยนต์มีการรวมตัวกับน้ำเนี่ยเครื่องกระจาย
13.Tackiness ตรงกันข้ามกับ Thinner(ทำให้บาง)สารนี้เป็นการปรุงแต่งให้เหนียวไว้ใช้กับเฟืองเปิด
14.Antiseptic อันนี้คุ้นกันมั้ยในน้ำยาบ้วนปาก สารป้องกันไม่ให้น้ำมันเน่า ถ้าใครเรียนสายช่างกลโรงงาน อย่างผมจะรู้เลยว่าสุดบรรยายขนาดไหน
15.Metal Deactivator ป้องกันไม่ให้น้ำมันทำปฎิกิริยากับโลหะ
Additive ในน้ำมันต้องแยกให้ออก ไม่ใช้น้ำมันสังเคราะห์ อย่างเช่น Hitachi เนี่ยใช้ PTTD3-SAE40 เค้าจะเอา Base oil แล้วเอา Additive ตาม ข้อ 4 ,5 และ 12 มากวนแล้วส่งขาย
เครื่องยนต์นั้นพอจะเริ่มทำงานก็จะเกิดการเสียดทานแบบ Boundary lubrication คือเสียดทานอัตรา 100:0 (ไม่มีสารหล่อลื่น)พอเครื่องยนต์เดินรอบได้ซักพัก จะเข้าสูช่วง Mixed film Lubricant & ElastoHydrodynamic 50:50 และเมื่อเครื่องยนต์ทำงานเต็มที่ตามที่ได้ออกแบบจะเข้าสู่ Full Film Hydrostatic Lubrication 0:100 ช่วงนี้สารหล่อลื่นจะเข้าไปแทรกตัวและสร้างความหนาของ Film ได้หนาสุดประมาณ 40 micronmeter หรือ 40,000 Angstrom(ใน 1 mm มี 1000 micronmeter )
[img=http://img140.imageshack.us/img140/7972/stribeckcurve.png]
การแบ่งเกรดของน้ำมัน ตาม SAE คงจะข้ามไม่พูดเพราะทุกคนคงจะรู้จัก MONO และ Multi GRADE เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
เกณฑ์ในการเลือกน้ำมันเครื่องคร่าวๆ
1 ความหนืดที่ผู้ผลิตแนะนำ(พยายามให้ใช้ตราบสิ้นอายุไขของเครื่องจักร)
2.ดัชนีความหนืด ค่า VI(Viscosity Index) ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะมันจะทนความร้อนและไม่เสียความหนืด
3.จุบวาบไฟ Flash Point อันนี้ยิ่งสูงยิ่งดี
4.จุดไหลเท Pour Point ยิ่งต่ำยิ่งดี
จะข้ามมาคุยถึงเรื่องน้ำมันเครื่องที่ใช้ในรถจักรดีเซลของเราซึ่งตอนนี้ที่ทราบมา คือ PTTD3- SAE40 CF = CF เป็นมาตรฐานสูงสุดในเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน สำหรับเกรดธรรมดา (Mono Grade) เริ่มประกาศใช้เมื่อ คศ. 1994 เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทุกชนิด
การเลือกใช้น้ำมันเครื่อง Multi Grade นั้นถ้าบ้านเรามีอุณหภูมิหนาวเย็นอย่างเมืองนอกก็ดีไปแต่โอกาสอย่างนั้น คงไม่มีแน่ และการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณสมบัติที่เกินจากที่เครื่องยนต์ต้องการแต่ถ้ามีเงินซื้อแล้วก็สบายใจ ก็แล้วไปและทนความร้อนอย่างคุณพี่ดอมโฆษณาว่า เอ้าไม่กลัวก็ไม่กลัว แล้วขับลุยไฟจนเครื่องไฟลุกเนี่ย ผมมีความ รู้สึกว่าน้ำมันเครื่องทนความร้อนได้สูงเนี่ยมันดีอยู่หรอกแต่ว่าบ้านเรามันไม่ได้ร้อนแบบตะวันออก กลางที่อุณหภูมิภายนอกจะเกิน 40 องศาเซลเซียส
กำลังจะสื่อผมเห็นด้วยที่การรถไฟไม่คล้อยตามคำกล่าวอ้างของคุณสมบัติที่ผู้ผลิตสารหล่อลื่นกล่าวอ้างว่าใช้งานทนทานทนความร้อนสูงถ้าเป็นรถแข่งอย่าง F1 หรือรถสูตร1 รถแข่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องใช้น้ำมันสังเคราะห์ที่สุด
ณัฐกานต์ อุดมเดชาณัติ |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 09/03/2009 9:30 am Post subject: |
|
|
อ่า .... แล้วที่เอา NGV มาใช้ร่วม กับ น้ำมันดีเซล
ที่เคยมีโครงการทดลอง โดย ม.เกษตร และ ปตท.กับรถจักร GEA เนี่ย
น้ำมันหล่อลื่น ใช้เกรดเดิม มีผลกับเครื่องยนต์ ในระยะยาวเครื่องยนต์ จะไหวหรือเปล่าครับ
เพราะเท่าที่ทราบ NGV เมื่อเผาไหม้ จะมีความร้อนสูงกว่า น้ำมันดีเซล ตั้งเยอะ อ่าครับ |
|
Back to top |
|
|
Cummins
2nd Class Pass
Joined: 28/03/2006 Posts: 719
Location: มหาวิทยาลัยราชมงคลอิสาน วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา
|
Posted: 09/03/2009 11:18 am Post subject: น้ำมันหล่อลื่น (รอบที่สอง) |
|
|
เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนสมองจะได้แล่นเดี๋ยวมาช่วยคิดช่วยเขียน _________________ อดีตโชเฟอร์ล้อเหล็ก |
|
Back to top |
|
|
nathapong
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom
|
Posted: 09/03/2009 11:44 am Post subject: Re: น้ำมันหล่อลื่น (รอบที่สอง) |
|
|
Cummins wrote: | เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนสมองจะได้แล่นเดี๋ยวมาช่วยคิดช่วยเขียน |
จะไปหาข้าวต้ม รอบเที่ยง กับ ส.ที่บ้าน เรอะ...... เดี๋ยวแรงหมด ไม่มีรถจักรช่วยทำการ มาเขียนต่อน่อ |
|
Back to top |
|
|
Serberk
3rd Class Pass (Air)
Joined: 17/07/2006 Posts: 380
Location: Burirum United
|
Posted: 09/03/2009 2:29 pm Post subject: |
|
|
เดี่ยวงัดวิชา เชื้อเพลิงและสารหล่อลื่นมา เคาะสนิมก่อนจะได้มา ถกรายละเอียดกัน |
|
Back to top |
|
|
nuttakarn
3rd Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 252
|
Posted: 10/03/2009 12:56 am Post subject: |
|
|
nathapong wrote: | อ่า .... แล้วที่เอา NGV มาใช้ร่วม กับ น้ำมันดีเซล
ที่เคยมีโครงการทดลอง โดย ม.เกษตร และ ปตท.กับรถจักร GEA เนี่ย
น้ำมันหล่อลื่น ใช้เกรดเดิม มีผลกับเครื่องยนต์ ในระยะยาวเครื่องยนต์ จะไหวหรือเปล่าครับ
เพราะเท่าที่ทราบ NGV เมื่อเผาไหม้ จะมีความร้อนสูงกว่า น้ำมันดีเซล ตั้งเยอะ อ่าครับ |
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้น GEA4547(ไม่แน่ใจหมายเลข) ตอนนั้นใช้ PTTD3 SAE40 รึยังครับพี่ เพราะตอนที่เข้าไปขอ USER MANUAL Maintenance ของ GEA Hitachi(K50) และ GEK(K38) นั้นเค้าแนะนำอยู่ตอนหนึ่งว่าให้ใช้ Multi Grade และถ้าจะใช้ MONO GRADE ต้องมั่นใจว่าสภาวะอุณหภูมิครอบคลุมกับตารางที่อยู่ใน Manual
แต่ถ้าเป็น PTTD3-SAE40 จริง เรื่องเครื่องยนต์ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อายุไขการใช้งานของน้ำมันเครื่องต้องสั้นลงอย่างแน่นอน เพราะยังไงซะ PTTD3 ตัวนี้เป็น Base oil ซึ่งข้อเสียอย่างมากของ Base oil และ Mineral oil นั้นจะสูญเสียหรือหายเมื่อโดนความ ร้อนมากๆ ส่วนความหนืดนั้นถ้า NGV มีความร้อนมากเกินความสามารถความหนืดจะตกลงอย่างแน่นอน
เรื่องเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV เนื่องจากการใช้งานมีความร้อนสะสมมากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงาน Fossil ผมไม่รู้ว่าความร้อนขณะจุดระเบิดเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซ NGV นั้นสูงขนาดไหน แต่ถ้าสูงกว่ามากน่าจะเติม สารเพิ่มเสถียรภาพอย่าง Viscosity index improper เพื่อเพิ่มเสถียรภาพความหนืดที่อุณหภูมิสูง แต่ถ้าเป็นรถบ้านใช้น้ำมัน ไม่ใช้ NGV น้ำมันเครื่องที่เป็น mineral oil และดูแลรักษาอย่างดีก็สามารถใช้ได้ทะลุ 15,000 km
จริงๆแล้วมันมาจากการใช้งานต่างหากถ้าเราดูแลรักษารถอย่างดีใช้งานเป็นประจำมีการอุ่นเครื่องและอื่นๆก่อนการใช้รถเนี่ยทุกเล่มคู่มือรถจะบอกเลยว่าการจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนอกเหนือจาก 10,000 km เนี่ยเป็นอย่างไร 1.ใช้ระยะทางน้อยกว่า 8 km ต่อการขับรถ 1 ครั้ง 2. ขับรถในที่ร้อนจัด(มากกว่า 35 องศา)3. ขับรถในสภาพเดินเบา หรือขับๆหยุดๆเป็นเวลานาน(Taxi,รถตำรวจ)4. ขับรถลากจูงคันอื่น ขับรถเมื่อบรรทุกสัมภาระหนักไว้บนหลังคา หรือขับรถขึ้นลงภูเขา (Four wheel)5. ขับรถบนถนนที่เป็นโคลน ฝุ่นหรือทราย
*ข้อมูลคู่มือรถCIVIC FD(2006-ปัจจุบัน)ดูหน้า 215*
เครื่องยนต์ที่ใช้ NGV ควรจะเปลี่ยน Grade น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับสภาวะความร้อนในห้องเผาไหม้ เพราะถ้ายังใช้เกรดเดิมเนี่ยถ้าใช้งานยาวนานอย่างรถจักรดีเซลเราเนี่ยเกิดความหนืดมันตกขึ้นมาแทนที่มันจะทำหน้าที่เป็น Film ป้องกันกลของเครื่องยนต์มันกลับไปทำปฎิกิริยา Corrosion หรือเกิดการสึกหรอที่ผิดปรติของกลไกภายใน
อีกอย่างการเติมน้ำมันเครื่อง Synthetize ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องตามหลัก Tribology จะต้องดูว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์นั้นเข้ากันได้กับอุปกรณ์กลไกเราได้รึเปล่าไม่ใช่เติมไปแล้วไปกัด Seal o-ring ทำให้เน่าเปือย ถ้าในคู่มือระบุว่าให้ใช้น้ำมันเครื่องที่เป็น Base oil ก็จงใช้ Base oil ต่อไปมันมีผลต่อการเคลมในระยะประกันหรืออื่นๆ
อย่าง Manual K38 และ K50 เนี่ยเค้าบอกมาเลยว่า(ผมไม่กล้าเอามาลงให้ดู)การใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์นั้นไม่ได้ทำให้อายุไขน้ำมันเครื่องยืนยาว แต่ให้ไปลดเรื่องการกัดกร่อน การปนเปื้อน และการสึกหรอ จะทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ณัฐกานต์ อุดมเดชาณัติ |
|
Back to top |
|
|
|