View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/03/2006 Posts: 3642
Location: Thailand
|
Posted: 09/07/2010 10:35 am Post subject: |
|
|
^
การจำแนกระบบรางทั้ง 3 กลุ่มนี่ล่ะครับ ที่ผมคิดว่าเป็นแนวคิดที่กลั่นกรองออกมาได้ดีมากครับ
โดยเฉพาะกลุ่มที่ 2 ระบบรางทำหน้าที่ขนส่งระยะไกลระหว่างเมือง(Inter City Rail) นี่ ถือว่าเป็นกุญแจที่สำคัญกว่าใครเลยครับ
ถ้ากลุ่มที่ 2 สมบูรณ์ เพรียบพร้อม ผมเชื่อว่า กลุ่มที่ 3 ก็จะดีตามครับ
แต่ถ้ากลุ่มที่ 2 ยังไม่ดีเลย กลุ่มที่ 3 ก็คงไม่ดีแน่ๆ
ส่วนกลุ่มที่ 1 ถ้าสมบูรณ์ เพียบพร้อม ก็แค่เสริมกลุ่มที่ 2 และ 3 เท่านั้นเอง
ตอนนี้ ร.ฟ.ท.บ้านเรา กลุ่มที่ 2 ยัง............... แล้วยังจะก้าวกระโดดไปกลุ่มที่ 3 อีก
ใครๆ ก็อยากได้รถไฟความเร็วสูง ทั้งนั้นรวมผมด้วย แต่ถ้ารถไฟเดิมยังไม่ดีพอ ผมก็ไม่ค่อยอยากได้นะ |
|
Back to top |
|
|
nop2
2nd Class Pass (Air)
Joined: 06/03/2008 Posts: 985
Location: เพชรบุรี
|
Posted: 09/07/2010 11:03 am Post subject: |
|
|
ถ้าเน้นอุปสงค์ อุปทานก่อน ก็ต้องสัดส่วนของผู้โดยสารแต่ล่ะประเภทก่อน
ระยะทาง <150 กิโลเมตร (ชานเมือง ธรรมดาและท้องถิ่น) ประมาณ 60%
ระยะทาง >150 แต่น้อยกว่า < 400 ประมาณ 25%
ระยะทาง >400 ประมาณ 15%
สำหรับรถไฟนั้นผู้โดยสารส่วนมากจะขึ้นในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก และส่วนมากจะขึ้นรถธรรมดาเป็นส่วยใหญ่(มีส่วนน้อยที่ขึ้นรถ เร็วหรือรถด่วน เพราะได้ราคาชานเมืองหรือเร่งรีบในการเดินทาง) ในระยะมากกว่า 150กิโลเมตรขึ้นไป ผู้โดยสารรถเร็วจะมีสัดส่วนมากขึ้น ถ้าทำระบบตามอุปสงค์ อุปทานของผู้โดยสาร จะแบ่งเป็นประเภทรถดังนี้
แบบที่ 1 รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น จอดทุกสถานี มีเดินทุก 30นาที ค่าโดยสารถูก ไม่ต้องเน้นความสบายมากนัก ซึ่งกลุ่มนี้ จะเน้นพวกใช้รถไฟทุกวัน เช่นนักเรียนหรือคนทำงานที่รายได้น้อย
แบบที่ 2 รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น แบบรถด่วน ระยะทางไม่ไกลเกิน 300กิโลเมตร เน้นเฉพาะเวลาเร่งด่วน(เช้า/เย็น) ค่าโดยสารแพงขึ้นมาได้ แต่ต้องสบายขึ้นกลุ่มนี้จะเน้น คนทำงานที่อยู่ชานเมืองไกลไปอีกหน่อย และมีรายได้ที่ดีกว่า หรือพวกเดินทางเป็นครั้งคราว เลยต้องการความเร็วมากขึ้นอีกนิด (เอามาแทน ราคาชานเมือง สำหรับรถด่วน รถเร็ว)
แบบที่ 3 รถเร็วและรถด่วนทางไกล ระยะทางมากกว่า 300 กลุ่มนี้ ต้องการความเร็วมากกว่า 2กลุ่มแรก และต้องการความสบายที่มากกว่า ซึ่งสัดส่วนผู้โดยสารจะน้อยลง
แบบที่ 4 รถไฟความเร็วสูงกลุ่มนี้ผู้โดยสารจะน้อยสุด เพราะได้ทั้งความเร็วแต่ความสบาย แต่ค่ารถก็จะแพงตามด้วย สามารถเป็นผู้ที่เดินทางระยะไกลๆ มากกว่า 300กิโลเมตร ซึ่งมีราวๆ 15%
ระบบทั้งหมดนี้ ประเทศไทยยังขาดความกระจายตัวของระบบรางที่มีไม่ทั่วถึง(ไม่ครอบคลุม) ซึ่งตรงนี้ควรทำก่อนเพราะจำเป็นกว่าระบบรถไฟความเร็วสูงเสียอีก และควรให้ทุกจังหวัดมีทางรถไฟและสามารถเดินทางจังหวัดข้างเคียงได้ทุกจังหวัด _________________ "You are star I am darkness Our love brighter than the sun .." |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42631
Location: NECTEC
|
Posted: 09/07/2010 11:29 am Post subject: |
|
|
^^^
ระยะทาง >150 กม. (ธนบุรี - เพชรบุรี) แต่น้อยกว่า < 400 กม. (กรุงเทพ - พิษณุโลก, กรุงเทพ - นครราชสีมา - บุรีรัมย์) เป็นรถชานเมืองได้หรือครับ ถ้าเป็นรถระหว่างเมือง (รถธรรมดา, รถเร็ว) หละ พอได้ |
|
Back to top |
|
|
nop2
2nd Class Pass (Air)
Joined: 06/03/2008 Posts: 985
Location: เพชรบุรี
|
Posted: 09/07/2010 11:35 am Post subject: |
|
|
พลาดซะแล้วครับผม หมายถึงระยะทางเดินทางที่ไกลกว่า 150กิโลเมตรครับ จะต้นทางจากไหนก็ตามแต่ _________________ "You are star I am darkness Our love brighter than the sun .." |
|
Back to top |
|
|
BanPong1
1st Class Pass (Air)
Joined: 07/12/2006 Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี
|
Posted: 09/07/2010 10:19 pm Post subject: |
|
|
สิ่งที่อยากทราบข้อมูลอีกอย่างที่สำึัคัญคือ ข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสารที่มีกำลังจ่ายค่าโดยสารในราคาของรถไฟควาเร็วสูง ระหว่างหัวเมืองใหญ่ๆ เช่นในทางสายเหนือ ไล่ไปตั้งแต่ อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์.........เชียงใหม่/เชียงราย ที่ปัจจุบันนอกจากใช้รถไฟแล้ว ใช้รถประจำทางแล้ว ใช้รถส่วนตัวกันเท่าไร สถิติแบบนี้จะหาได้ที่ไหนกันดีครับ _________________
|
|
Back to top |
|
|
donatt76
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/09/2006 Posts: 2587
Location: บางนา สุวรรณภูมิครับ
|
Posted: 10/07/2010 2:49 am Post subject: |
|
|
^
^
ถ้าจะเอาอย่างคร่าวๆ....ผมจะลองวิเคราะห์จาก Target Group โดยอิงจากส่วนแบ่งการตลาดครับ
Target Group ที่ 1 :ผู้โดยสารของสายการบินต้นทุนต่ำ
เพราะนั่นคือ Target Group หลักที่ HSR. จะไปแย่งส่วนแบ่งการตลาด (ซึ่งตอนนี้หนีไม่พ้นหางแดง กับหางธงชาติ.....ส่วนน้องปากเหลือง เค้าจะเข้ามาทำหน้าที่แทนสายการบินแห่งชาติเกือบ 100% ในเส้นทางภายในประเทศ ในเวลาไม่ช้านี้)
ซึ่งหากมี HSR. จริงๆ ผมคาดว่าน่าจะได้ส่วนแบ่งจาก Low Frill Airlines เฉพาะเมืองที่รถไฟผ่าน มาประมาณ 50-60% ครับ....ด้วยเหตุที่รถไฟสะดวกกว่าที่สามารถแล่นฉิวถึงใจกลางเมือง และไม่ต้องเสียเวลาเช็คอินล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง
Target Group ที่ 2: ผู้โดยสารขบวนรถด่วนดีเซลราง
อันนี้ต้องยอมรับครับว่า "แย่งข้าวหม้อเดียวกัน"....ผมเห็นว่าจะดึงผู้โดยสารที่โดยสารระยะทางไกลมากกว่า 500 km. มาได้ประมาณ 65-75% ผุ้โดยสารระยะทางขนาดกลาง (300 - 500 km.) น่าจะได้ประมาณ 40-50%....ส่วนผู้โดยสารระยะใกล้ 100-300 km. น่าจะได้ 5-10% (ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นชาวต่างชาติ)
การปรับตัวของด่วนดีเซลรางคือ....เน้นการจำหน่ายตั๋วในระยะสั้น ถึงระยะกลาง มากกว่าระยะทางไกล (เรื่องอะไรจะทุบหม้อข้าวกันเองล่ะครับ) และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว รถดีเซลรางกางคืนก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป (สละพื้นที่ให้รถนอนไป)
Target Group ที่ 3: ผู้โดยสารรถโค้ชวีไอพี
สำหรับกลุ่มนี้สิ่งที่ HSR. สู้ไม่ได้เลยคือ "ราคา"....เพราะHSR. จะต้องมาในระดับราคาหลักพันแน่ๆครับ ขณะที่รถบัสยังต้องเป็นราคาหลักร้อย...คาดว่าจะได้ส่วนแบ่งผู้โดยสารใน Target Group นี้ประมาณ 40-50% ซึ่งจะมาจากจังหวัดที่ไม่มีเครื่องบินไปถึง แต่ทางรถไฟผ่าน ผู้โดยสารกลุ่มนี้มีกำลังทรัพย์ครับ แต่ไม่มียานพาหนะที่รวดเร็วให้เค้าเดินทาง
Target Group ที่ 4: ผุ้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว
ในกลุ่มนี้คาดว่าจะให้หันมาใช้ HSR. น่าจะได้ประมาณ 10-20% เพราะโดยส่วนมากคนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะมีพาหนะที่ดีและรวดเร็วเพียงใดเค้าก็อยากจะขับรถยนต์ส่วนตัวไปอยู่ดี....
ต้องยอมรับว่าประเทศไทยนั้นระบบการใช้รถเช่า ณ ปลายทางยังไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก ถ้าต้องขับรถเที่ยว เค้าจะยอมขับรถบุเลงๆๆ ไม่ว่าระยะทางจะไกลเท่าใดก็ตาม จนกว่าจะมีระบบการขนส่งรถยนต์ พ่วงไปกับ HSR. แบบ Euro Star ข้ามช่องแคบ Dover ล่ะครับ คนกลุ่มนี้ถึงจะหันมาใช้ขนส่งสาธารณะ _________________
|
|
Back to top |
|
|
therock
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/09/2007 Posts: 1575
Location: อดีตเด็กมหาชัย
|
Posted: 10/07/2010 3:03 am Post subject: |
|
|
เปิดรถด่วนดีเซลรางขึ้นมาเพื่อหวังจะแข่งกับรถทัวส์แต่เป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองมานานหลายปีแล้ว |
|
Back to top |
|
|
Kan
3rd Class Pass
Joined: 05/07/2010 Posts: 189
Location: กรุงเทพ - ชุมทางทุ่งสง
|
Posted: 10/07/2010 9:11 am Post subject: |
|
|
ผมกลัวราคาค่าโดยสารหลังสร้างเสร็จจะเป็นปัญหาน่ะครับ แต่ไม่แน่ว่าสร้างเสร็จพอดีในช่วงประเทศกำลังก้าวหน้า ประชากรมีกำลังซื้อก็เป็นได้นะครับ
ปล.มองโลกในแง่ดี |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42631
Location: NECTEC
|
Posted: 10/07/2010 6:21 pm Post subject: |
|
|
ดึงเอกชนลงทุนไฮสปีดเทรน ส่งสารจีบนักธุรกิจจีนร่วมลุย
สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1114 ประจำวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2553
คลังเตรียมเปิดทาง เอกชนทั้งไทยและเทศร่วมแสดงความเห็นไฮสปีดเทรน 4 เส้นทาง มูลค่า 6.8 แสนล้านบาท ก่อนสรุปความเป็นไปได้เสนอครม.เดือน ก.ย.นี้ ขณะที่คมนาคมเตรียมแผนดึงนักลงทุนจีน สั่งสนข.แปลเอกสารโครงการฯเป็นภาษาจีนเสนอรัฐบาลจีนคัดเลือกเอกชนที่มีคุณภาพร่วมลงทุน
นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ผู้อำนวย การสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผย ถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน ว่า สคร.เตรียมส่งหนังสือเชิญนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มารับฟังและแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน เพื่อนำมาสรุป ถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ก.ย.2553 นี้
ทั้งนี้ รัฐบาลมีแนวคิดที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนระยะแรกใน 4 โครงการ ประกอบด้วย
1.กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 209,936 ล้านบาท
2.กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร วงเงิน 180,379 ล้านบาท
3.กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ระยะทาง 937 กิโลเมตร วงเงิน 234,071 ล้านบาท และ
4.กรุงเทพ-ระยอง ระยะทาง 221 กิโลเมตร วงเงิน 56,601 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 680,987 ล้านบาท
สคร.จะส่งหนังสือเชิญนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีเทคโนโลยี มีความเชี่ยวชาญการเดินรถไฟความเร็วสูง เช่น จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส มารับฟังแนวคิดของเราเกี่ยวกับการลงทุนรถไฟความเร็วสูง และให้เขาแสดงความเห็นว่ามีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้แสดงความจำนงชัดเจนด้วยว่าจะเปิดโอกาสให้เข้าร่วมลงทุนด้วย คาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้ จะมีการหารือกัน ทั้งนี้ เม็ดเงิน ลงทุนและผลตอบแทนการลงทุนนั้นเป็น เพียงการประเมินในเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ สคร.ต้องฟังเสียงจากภาคเอกชนว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเท่าใด รวมถึงผลตอบ แทนและความคุ้มค่าในการลงทุน นางสาวสุภา กล่าว
อย่างไรก็ดี หลักการเบื้องต้นสำหรับการลงทุนดังกล่าว ได้แก่
1. เส้นทางการเดินรถ จะใช้เส้นทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
2. ระบบรางรัฐจะลงทุนเอง
3. การเดินรถและระบบบริหารจัดการจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
โดยรัฐร่วมลงทุนด้วยอาจจะมีสัดส่วน 50-50 หรือ 70-30 เป็นต้น ส่วน สคร.มีหน้าที่เพียงกำหนดขอบเขตการลงทุน โดยเชิญนักลงทุนมาแสดงความคิดเห็นว่าควรทำหรือไม่ เมื่อโครงการเป็นรูปเป็นร่างแล้ว หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครง การก็ต้องเดินหน้าต่อ เช่น จัดให้มีการประมูล เป็นต้น
ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของการเวนคืนที่ดิน ร.ฟ.ท. จะเป็นผู้ดำเนินการให้ สำหรับแผนการลงทุนนั้น ขณะนี้มองว่าเอกชนที่จะมาร่วมลงทุนจะเป็นนักลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน เนื่องจากมีงบลงทุนค่อนข้างมาก มีแหล่งผลิตขบวนรถไฟ ราง ไม้หมอน ซึ่งถือว่ามีความพร้อมหากมีเงินลงทุน และมาลงทุนที่ประเทศไทย อาจจะให้นักลงทุนดังกล่าวศึกษารายละเอียดทั้ง 4 เส้นทาง และให้เลือกว่ามีความสนใจเข้ามาลงทุนในสายใดต่อไป โดยขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือสนข.ได้แปลเอกสารเป็นภาษาจีนเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่แหล่งข่าวจากระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากผลวิเคราะห์ด้านการลงทุน ด้าน การเงินของ 4 เส้นทาง ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ซึ่งสนข.เห็นว่ารูปแบบที่รัฐรับภาระงานโยธาทั้งหมดเอกชนลงทุนระบบรถ ฯลฯ และทำในรูปแบบพีพีพีรัฐร่วมลงทุนกับเอกชนดีที่สุด ที่ประชุมจึงให้ร.ฟ.ท.ไปสรุปและเสนอรายงานเข้ามาในการประชุมครั้งต่อไป
ส่วนโครงการไฮสปีดเทรน 4 เส้นทาง คือ
1.กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 745 กม. มีผลตอบแทนทางการเงิน 23.53% ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์ 14.55%
2.กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กม. มีผลตอบแทนทางการเงิน 31.93% ผลตอบแทน ทางด้านเศรษฐศาสตร์ 19.08% (ที่ขึ้นมาเยอะก็เพราะ ฝรั่งตั้งรกรากแถวหนองคายเพิ่มขึ้นมิใช่น้อย)
3.กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ระยะทาง 937 กม. มีผลตอบแทน ทางการเงิน 36.16% ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์ 19.23% และ
4.กรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 221 กม. มีผลตอบแทนทางการเงิน 22.49% ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์ 15.40% (ที่ลดไปจากที่คาดไปบ้างก็เพราะ มลพิษมาบตาพุดเป็นเหตุ) |
|
Back to top |
|
|
|