View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 25/07/2011 8:11 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณพี่ตึ๋งที่นำประวัติรถจักรไอน้ำรถไฟไทยในอดีตมาเล่าให้สมาชิกทราบความเป็นมาของรถไฟไทยที่สมาชิกชื่นชอบและรักรถไฟได้ทราบกันครับ.... _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 25/07/2011 8:40 am Post subject: |
|
|
ยังไม่จบตอนครับ คุณนพ ยังขาดเรื่องราวของรถจักรดีเซลและรถดีเซลราง ถึงจะสมบูรณ์ (ในสมัยนั้น) |
|
Back to top |
|
|
boatteam
2nd Class Pass (Air)
Joined: 05/04/2010 Posts: 910
Location: แจ้งวัฒนะ หลักสี่ ปากเกร็ด
|
Posted: 25/07/2011 10:16 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณพี่ตึ๋ง ครับ ขอมูลดีๆแบบนี้หาอ่านได้ยากจริงๆ
_________________ สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก |
|
Back to top |
|
|
digimontamer
3rd Class Pass (Air)
Joined: 12/05/2009 Posts: 487
|
Posted: 26/07/2011 7:21 am Post subject: |
|
|
ขอบพระคุณมากๆครับผม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 28/07/2011 10:11 am Post subject: |
|
|
น่าจะรวมกับโผบัญชีรถจักรไอน้ำ ที่ผมรวบรวมมาด้วยท่าจะดีนะครับ |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 28/07/2011 10:24 am Post subject: |
|
|
ดีเฮียวิศ....สมาชิกใหม่ๆจะได้ความรู้ครับ _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 28/07/2011 10:25 am Post subject: |
|
|
ที่นำมาลง ยังเป็นข้อมูลจากข้อเขียนในขณะนั้นซึ่งไม่สมบูรณ์ครับ เฮียวิศ
ถ้าจะให้สมบูรณ์ เราต้องนำมานั่งรื้อจัดทำกันใหม่ แล้วปล่อยให้ download นั่นแหละ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/04/2016 7:49 am Post subject: |
|
|
ไต่ไปบนรางประวัติศาสตร์ ภารกิจชุบชีวิต 'รถจักรไอน้ำ'
เดลินิวส์ วันพุธที่ 27 เมษายน 2559 เวลา 6:46 น.
ไต่ไปบนรางประวัติศาสตร์ ภารกิจชุบชีวิต 'รถจักรไอน้ำ' โรงรถจักรธนบุรี แม้ยุคอดีตได้รับความเสียหายแต่ก็ซ่อมแซมจนตอนนี้ใช้เป็นสถานที่เก็บและ ชุบชีวิต หนึ่งในสิ่งที่สะท้อนประวัติศาสตร์... รถจักรไอน้ำ...
แผ่นฟ้าเหนือโรงซ่อมรถไฟ สถานีรถไฟบางกอกน้อย เคยถูกขึงด้วยเครื่องบินรบฝ่ายสัมพันธมิตร ระเบิดโปรยลงมาลูกแล้วลูกเล่า หวังปิดบัญชีจุดยุทธศาสตร์... วันเวลาแห่งไฟสงครามผ่านไป ถึงปัจจุบัน ที่ โรงรถจักรธนบุรี แม้ยุคอดีตได้รับความเสียหาย แต่ก็ซ่อมแซม จนตอนนี้ใช้เป็นสถานที่เก็บ และ ชุบชีวิต หนึ่งในสิ่งที่สะท้อนประวัติศาสตร์...
รถจักรไอน้ำ...
ขอหวูดหน่อย!!! ...เสียงชาวบ้านสองข้างรางรถไฟตะโกนบอกพนักงานขับหัวรถจักรไอน้ำ ด้วย เสียงหวูด ที่ทุ้มหวาน...เป็นเสน่ห์ ถ้าชาวบ้านไม่ได้ยิน ถือว่าหัวรถจักรมาไม่ถึง นี่เป็นเสียงเรียกร้องที่ บุญยิ่ง กระจ่างศรี พนักงานรถจักร 7 โรงรถจักรธนบุรี ต้องเจอทุกครั้งที่ขับหัวรถจักรไอน้ำ ที่ปัจจุบัน เหลือเพียง 5 คัน ที่ยังวิ่งได้
เทคนิค การชักหวูด สมัยก่อน จะทำให้เสียงเป็นลูกคลื่นมีสูง-ต่ำ รถจักรไอน้ำรุ่นโมกุล (C56) เสียงจะหวานกว่ารุ่นอื่น ๆ ซึ่งการชักหวูดของรถจักรไอน้ำต้องเป็นคนที่ทำเป็น แต่ละคนก็มีการชักเสียงหวูดต่างกัน เช่นบางคนจะมีการกระตุกเสียง หรือดึงเสียงสั้น-ยาว โดยระบบการทำงานจะ เหมือนการเป่าแซกโซโฟน ถ้าเป่ามากเสียงก็ดังมาก
เช่นเดียวกับ ควัน ที่ออกจากปล่องหน้ารถ ต้องรู้เทคนิค จึงจะทำให้ควันออกมาเป็น สีเทานวล แต่ถ้าคนไม่ชำนาญ ควันจะดำ และออกมามากจนคนนั่งโบกี้หลัง ๆ ต้องสำลักควันกันตลอดทาง
หัวรถจักรไอน้ำ ที่ อนุรักษ์ ไว้ มีความต่างตรงเชื้อเพลิง คือ มีหัวรถจักรที่ ใช้ฟืน และ ใช้น้ำมันเตา โดยฟืนก็ต้องลำเลียงฟืนไปด้วย ส่วนน้ำมันเตา ช่างควบคุมไฟกับพนักงานขับต้องเข้าใจกัน ถ้าคนควบคุมฉีดน้ำมันมาก จะเกิดควันเสียมาก
การเป็นพนักงานขับหัวรถจักรไอน้ำได้ ต้องเป็นคนที่มีความสนใจรายละเอียดค่อนข้างสูง เช่น ต้องเข้าใจระบบการทำงานของหัวรถจักรไอน้ำ ว่าพอเปิดคันบังคับการ เมื่อสร้างไอน้ำ ไอน้ำพวกนี้จะไปอยู่ที่หอส่วนกลางของหัวรถจักร เมื่อเปิดลิ้นช่องที่ถ่ายเทไอน้ำ จะต้องค่อย ๆ ผ่านกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพของไอน้ำ แล้วรถถึงจะเริ่มวิ่งได้ ถ้าคนไม่รู้ พอเปิดลิ้นของไอน้ำแล้ว เห็นรถไม่วิ่ง ยิ่งเปิดกว้างขึ้นอีก พอถึงรอบที่รถจะวิ่งได้ตัวล้อของรถจะดิ้น เหมือนรถออกตัวล้อฟรี ทำให้ รางรถไฟ เสียหาย
เส้นทางที่ขับยาก คือ ทางขึ้นเขา ต้องวางแผนล่วงหน้า ต้องมีการควบคุมแรงดันไอน้ำ พนักงานขับต้องมีความเข้าใจกระบวนการสร้างไอน้ำ ไม่ใช่เปิดไอน้ำอย่างเดียว เพราะเมื่อเปิดจนสุดแล้วหัวรถจักรจะวิ่งไม่ได้ ซึ่งด้วยการสร้างไอน้ำใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย พนักงานที่ควบคุมไฟกับพนักงานขับจึงต้องมีความเข้าใจระหว่างกัน ต้องรู้จัก เลี้ยงไอน้ำ
การขึ้นทางลาดชัน พนักงานขับต้องมีความเข้าใจว่า ต้องเลี้ยงไอน้ำไว้เท่าไหร่ ถึงจะขึ้นทางนั้น ๆ ได้ ถ้ากะไม่ดี ขึ้นทางลาดชันไปไม่สุด ก็ต้องถอยลงมา เพื่อสร้างแรงส่งใหม่ ต่างจากหัวรถจักรสมัยนี้ที่ถ้าขึ้นไปแล้วติดก็เร่งเครื่องต่อได้
หัวรถจักรไอน้ำแบบโมกุล (C56) ขับยากที่สุด เพราะต้องเตรียมฟืน เดี๋ยวนี้ฟืนที่มีส่วนใหญ่ไม่ใช่ไม้ที่มีความหนาแน่นสูง เลยทำให้การเผาไหม้สร้างพลังงานไม่ค่อยดี โดยตอนนี้ฟืนที่นำมาใช้เป็น ไม้หมอนรางรถไฟ ที่ผุแล้ว นำมาผ่าครึ่งเพื่อใช้งาน
เช่นเดียวกับช่างที่โยนฟืนเข้าเตา ถ้าไม่เป็น จะแน่นเตาทำให้การเผาไหม้ไม่ดี ถ้าเก่ง ๆ จะโยนฟืนให้เป็นคอกรูปกากบาท เมื่อการเผาไหม้ดีก็ไม่ต้องเติมฟืนบ่อย และยังมีช่องลม ซึ่งถ้าขี้เถ้าในเตามีมากจนไปอุด การเผาไหม้จะไม่ดีเพราะไม่มีแรงลมดูด
หัวรถจักรไอน้ำแต่ละรุ่นแต่ละแบบที่อนุรักษ์ไว้ มีความคลาสสิกต่างกัน แต่สำหรับแบบโมกุล (C56) ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น จะชอบหัวรถจักรไอน้ำรุ่นนี้มาก เพราะถือเป็นกำลังหลักในการลำเลียงช่วง สงครามโลก
การอนุรักษ์-การดูแลรักษา วิโรจน์ จิตประสพเนตร สารวัตรงานรถจักรธนบุรี โรงรถจักรธนบุรี เล่าว่า หัวรถจักรที่เก็บไว้ตอนนี้มี 5 คัน ผลิตในญี่ปุ่นทั้งหมด โดยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นมีอิทธิพลสูงด้านหัวรถจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้หยุดวิ่งหัวรถจักรไอน้ำทั่วประเทศเมื่อปี 2522 ซึ่งหัวรถจักรที่ดูแลรักษาไว้ ตอนนี้ก็มี...
แบบแรก รถจักรไอน้ำแบบโมกุล (C56) มี 2 คัน เป็นรถขนาดเล็ก ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง นำเข้ามาในไทยปี 2489 สั่งเข้ามา 46 คัน หัวรถจักรแบบนี้เป็น รถจักรประวัติศาสตร์ สมัยที่ญี่ปุ่นสร้างทางรถไฟเพื่อจะไปยังเมียนมา สายกาญจนบุรี ขณะที่มีหัวรถจักรบางส่วนได้นำเข้ามาใช้ช่วงหลังสงคราม เนื่องจากญี่ปุ่นนำ หัวรถจักรไอน้ำ นี้มาจ่ายแทน ค่าปฏิกรรมสงคราม
หัวรถจักรเก่าต้องมีตารางการดูแล หากรถจอดอยู่นิ่ง ๆ ต้องมีการติดเครื่องตามวันที่กำหนด รถทุกคันไม่มีการถ่ายน้ำออก แต่น้ำที่อยู่ในท่อของหัวรถจักรก็จะมีเคมีผสม เพื่อไม่ให้ท่อเกิดการสึกกร่อนเร็ว การดูแลหัวรถจักรต้องให้ความสำคัญทั้งระบบ เช่น เครื่องชักไอน้ำ ที่ต้องใช้น้ำเพื่อจะชักไอเข้าไปภายในหม้อน้ำ ถ้าเอาน้ำเย็นไปเติมในหม้อน้ำที่ยังร้อนจะทำให้ระบบการขับเคลื่อนรถมีความเร็วตกไป ถ้าดูแลไม่ดี จะมีขี้ตะไคร่ไปเกาะ ทำให้เวลาใช้งานไม่สามารถชักน้ำเข้าไปในหม้อน้ำได้
หัวรถจักรไอน้ำเวลาใช้งานจริง ไม่ใช่จะเติมน้ำให้เต็มหม้อน้ำ เพราะจะเปลืองเชื้อเพลิง ต้องกะว่าควรใช้การต้มน้ำปริมาณเท่าไหร่เพื่อให้พอเหมาะกับกำลังที่จะต้องใช้ และยิ่งหัวรถจักรมีความเก่า จะต้มน้ำในปริมาณมากเหมือนเดิมไม่ได้
สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลหัวรถจักรไอน้ำ คือ หม้อน้ำ ต้องไม่ให้มีการร้าวหรือรั่ว เพราะเมื่อใช้งานจะมีแรงอัด ถ้าใช้งานไปแล้วหม้อน้ำเกิดแห้งจะเกิดความร้อนจนหม้ออาจระเบิด จึงมีวิศวกรคอยดูแลอย่างใกล้ชิดมากที่สุด
แบบต่อมา รถจักรไอน้ำแบบแปซิฟิก รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผลิตโดยสมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น ขนาดรถจะใหญ่ขึ้น ประเทศไทยสั่งรถรุ่นนี้เข้ามาหลังแบบโมกุล (C56) 2 ปี รุ่นนี้มีการสั่งเข้ามา 30 คัน โดยตอนนี้ มีการอนุรักษ์ไว้ 2 คัน มีการปรับแต่งให้ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง ต่างจากรุ่นก่อนที่ใช้ฟืน หัวรถจักรแบบแปซิฟิกเดิมใช้งานวิ่งไปสายใต้ ช่วงหาดใหญ่ สุไหงโก-ลก เพราะสามารถวิ่งได้ระยะไกลกว่า ไม่ต้องจอดคอยรับฟืนเหมือนรถจักรไอน้ำแบบโมกุล (C56)
อะไหล่ของหัวรถจักรเหล่านี้เลิกผลิตหมดแล้ว จึงต้องใช้จากรถเก่าที่ปลดระวางและจอดโชว์อยู่ที่ต่าง ๆ แต่บางอย่างก็พอหาซื้อได้ เช่นท่อไฟ ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ เป็นท่อที่ไม่มีตะเข็บ แต่ขึ้นรูปของท่อมาทั้งตัวเลย ซึ่งทำให้มีราคาสูง
และรถอีกแบบคือ รถจักรไอน้ำแบบมิกาโด รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนี้ อนุรักษ์ไว้ 1 คัน นี่ก็ผลิตโดยญี่ปุ่น นำเข้ามาในไทยปีเดียวกับแบบแปซิฟิก โดยเป็นหัวรถจักรใหญ่ที่สุดที่เก็บไว้ มีแรงม้ามากที่สุด เคยสั่งเข้ามาในไทย 70 คัน
การนำ รถจักรไอน้ำ ออกงานแต่ละครั้ง ทีมงานที่ขับต้องช่วยกันทำความสะอาดหัวรถจักร ใช้น้ำมันมะพร้าวขัดในส่วนของตัวถังรถให้ขึ้นเงา โดยเฉพาะส่วนที่เป็นทองเหลือง ขณะที่ การดัดแปลงรถที่อนุรักษ์นั้น จะเปลี่ยนทุกอย่างไม่ได้ เช่น เสียงหวูด ถ้าดัดแปลงมาก เสียงจะเหมือนรถไฟในปัจจุบัน ซึ่งเสียงหวูดและอีกหลายสิ่งของหัวรถจักรเก่านั้น มีเอกลักษณ์
แม้การใช้งาน หัวรถจักรไอน้ำ-รถจักรไอน้ำ ปัจจุบันจะนำออกมาใช้วิ่งปีละไม่กี่ครั้งในวันสำคัญต่าง ๆ แต่ก็ยังคง โดดเด่นด้วยคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ ทำให้เห็นถึง ร่องรอยแห่งความทรงจำ...บนรางแห่งประวัติศาสตร์... ที่มีทั้ง น้ำตา และ รอยยิ้ม.
ศราวุธ ดีหมื่นไวย์ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 27/04/2016 8:42 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณ อ.เอก มากครับสำหรับเกร็ดข้อมูลสำคัญนี้ |
|
Back to top |
|
|
ksomchai
1st Class Pass (Air)
Joined: 08/04/2009 Posts: 6384
Location: เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ ป่าชุ่มน้ำผืนใหญ่ แหล่งวางไข่ปลาทู
|
Posted: 27/04/2016 7:53 pm Post subject: |
|
|
หลังจากที่นำรถจักรไอน้ำมาวิ่งในวันสำคัญ ผมเคยได้กลับมาย้อนยุค ใช้บริการรถพิเศษด้วยรถจักรไอน้ำ ๒ ครั้ง ครับ
ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๙ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟ ฯ ผมสังเกตุว่า รถจักรไอน้ำ
ติดตรายี่ห้อ คาวาซากิ น่าจะเรียกว่ารถจักรคาวาซากิ มากกว่ารถจักรแปซิฟิค นะ ครับ
ดูจากเนมเพลท จนถึงปีนี้ ๖๖ ปีแล้วนะ ครับ กับรถจักรไอน้ำ หมายเลข ๘๒๔ แต่เรียวแรงยังดีอยู่
คาวาซากิ เป็นชื่อรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อหนึ่งด้วย ปัจจุบัน เลิกผลิตไปแล้ว แต่ยังมีรถเก่า ๆ วิ่งอยู่บ้าง ครับ _________________
|
|
Back to top |
|
|
|