View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 21/12/2011 9:03 pm Post subject: |
|
|
โครงการสร้างรถโดยสารและรถสินค้าขึ้นใช้เอง ตามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ พ.ศ.2510-2514
โครงการ 5 ปีดังกล่าวข้างต้น ได้กำหนดสร้างรถโดยสาร 180 คัน และรถสินค้า 597 คัน เป็นงบประมาณที่ตั้งไว้รวมทั้งสิ้น 223.55 ล้านบาท
รถโดยสารจำนวน 180 คัน
ในการสร้างรถโดยสารนี้ จำนวนหนึ่งเป็นการสร้างตัวรถขึ้นใหม่ทั้งคัน และอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการประหยัดโดยใช้โครงประธาน และแคร่โบกี้ของเดิมของรถโบกี้โดยสารที่ตัดบัญชีแล้ว นำมาสร้างตัวรถบนโครงประธานเหล่านี้ เรียกว่าประเภทรถ Rebuilt
รถโดยสารที่กำหนดจะสร้างภายใน 5 ปี ระหว่าง พ.ศ.2510 2514 มีดังนี้
การรถไฟฯ ได้กระทำพิธีปล่อยรถโดยสารที่สร้างเสร็จรุ่นแรกออกจากโรงงานมักกะสัน เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2511 คือรถ บชส. 10 คัน และรถ พบพห. (ข้างโถง) 4 คัน โดยมีประธานคณะกรรมการรถไฟฯ (พลเอก ครวญ สุทธานินทร์) มาเป็นประธานในพิธี
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 21/12/2011 9:08 pm Post subject: |
|
|
งานสร้างรถสินค้า
กำหนดที่จะสร้างตามแผนพัฒนา พ.ศ.2510-2514 รวม 597 คัน มีดังนี้
รถสินค้า 30 คัน ซึ่งได้สร้างเสร็จรุ่นแรกตามโครงการนี้ คือ รถ บทค. 5 คัน และรถ บขถ. 25 คัน
ได้มีการทำพิธีปล่อยออกจากโรงงานมักกะสันเพื่อออกไปใช้งาน เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2511 โดยมี ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นประธาน อันนับเป็นศุภมงคลอันดียิ่งแก่โรงงานมักกะสัน ที่กิจการของการรถไฟฯ ได้ประสบความสำเร็จก้าวหน้าไปอีกประการหนึ่ง ในงานสร้างล้อเลื่อนโดยฝีมือวิศวกรและช่างคนไทย
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 21/12/2011 9:11 pm Post subject: |
|
|
ส่วนรถที่เหลืออยู่ตามกำหนดในแผนงานสร้าง ทางโรงงาน ได้ดำเนินการสร้างอย่างเต็มฝีมือ เพื่อให้ครบจำนวนตามโครงการ และได้มีการติดตามตรวจสอบผลของการใช้งานของรถที่สร้างใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดีที่สุด ประกอบทั้งได้จัดหาเครื่องมือกล เครื่องจักรกล อย่างทันสมัยตามวงเงินที่จัดสรรไว้ 10.2 ล้านบาท สำหรับงานสร้างล้อเลื่อน เพื่อนำมาใช้ในการสร้างรถเหล่านี้ อาทิเช่น
เครื่องตัดเหล็ก (Mechanical Guillotine Shear) ขนาดตัดได้ 1/2 นิ้ว x 10 นิ้ว เครื่องพับเหล็ก (Mechanical Press Brake) ขนาด 500 ตัน ติดตั้งประจำที่โรงโลหะแผ่นอันเป็นโรงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อดำเนินการสร้างโครงประธานให้แก่รถโดยสาร และรถสินค้าโดยเฉพาะ
อุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบตัวรถซึ่งเป็นสิ่งที่โรงงานมักกะสันผลิตขึ้นเอง จากโรงผลิตต่างๆ ที่มีอยู่ภายในโรงงาน ต้นทุนในการสร้างรถจึงต่ำกว่าซื้อจากต่างประเทศมาก ทำให้ประหยัดเงินตราต่างประเทศ
ตามที่ได้ประสบผลพอใจในการสร้างรถสินค้าและรถโดยสารแล้ว การรถไฟฯ ก็ได้ดำริจะเริ่มทดลองสร้างรถดีเซลราง ประมาณในปี พ.ศ.2515 ซึ่งโรงงานมักกะสันจำจะต้องมีเครื่องมือ เครื่องใช้บางอย่างที่จำเป็นเพิ่มขึ้นบ้าง และทั้งต้องมีผู้ชำนาญงานแต่ละสาขาโดยเฉพาะอีกด้วย
Last edited by black_express on 22/12/2011 8:11 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 21/12/2011 9:25 pm Post subject: |
|
|
การปรับปรุงระบบบริหารด้านโรงงานมักกะสัน
เนื่องจากการรถไฟฯ ได้พิจารณาเห็นว่า ฝ่ายการช่างกล ได้ขยายงานออกไปมาก ทั้งในด้านแผนการใช้งานรถจักรดีเซลแทนรถจักรไอน้ำ (Dieselization Programme) การจัดหาและงานซ่อมรถจักร ล้อเลื่อน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถมาใช้ในการรถไฟฯ ตลอดจนการสร้างรถขึ้นใช้เองอย่างมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ
ฉะนั้น จึงได้วางระบบบริหารเสียใหม่ให้เหมาะสมกับงานที่ยายขึ้น และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการรถไฟฯ ให้บริหารงานตามแผนปรับปรุงใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2511
กิจการด้านโรงงานมักกะสัน กำหนดให้มีรองวิศวกรใหญ่ฝ่ายการช่างกลด้านโรงงาน เป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชารับผิดชอบ แบ่งสายงานออกไปเป็น 3 กอง และหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อรองวิศวกรใหญ่ด้านโรงงาน คือ
1. กองซ่อมรถพ่วง
2. กองซ่อมรถจักร
3. กองสร้างล้อเลื่อน
4. หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อรองวิศวกรใหญ่ 8 แผนก
แต่ละกองมีวิศวกรอำนวยการกองเป็นผู้บริหารงานรับผิดชอบ ขึ้นตรงอยู่กับ รองวิศวกรใหญ่ด้านโรงงาน ดังปรากฎในแผนภูมิบริหารงานข้างบนนี้
ปรับปรุงและขยายโรงงาน ปัจจุบันและอนาคต
การปรับปรุงและขยายงานโรงงานมักกะสันสำหรับปัจจุบัน ได้กำหนดไว้เป็นโครงการหนึ่งในแผนพัฒนาการรถไฟฯ พ.ศ.2510-2514 แล้ว เพื่อการจัดหาเครื่องมือกลเพิ่มเติม รวมทั้งทดแทนเครื่องเก่าที่มีอายุใช้การนาน สภาพทรุดโทรม และประสิทธิภาพต่ำมากแล้ว ทั้งให้มีการต่อเติมปรับปรุง และขยายอาคารโรงซ่อมที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งการก่อสร้างอาคารเพิ่มเท่าที่จำเป็น เพื่อให้สามารถซ่อมรถจักรดีเซลตามแผน Dieselization ให้มีประสิทธิภาพสูง รวดเร็ว และทันสมัย และการผลิตอุปกรณ์อะไหล่ต่างๆ ในการซ่อมและสร้างให้รวดเร็วพอเพียง ทันกับจำนวนล้อเลื่อนที่ต้องมีใช้การเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเดินขบวนรถต่างๆ ตามแผนพัฒนา
ในปัจจุบัน งานปรับปรุงต่อเติมบางอาคารส่วนใหญ่ได้สำเร็จไปแล้ว การดำเนินการเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ คือ โรงเชื่อม โรงผลิตยางและพลาสติก โรงผลิตแหนบ และโรงฝึกเครื่องมือกลสำหรับนักเรียนช่างฝีมือก็ได้ดำเนินไปพร้อมกันในปัจจุบันแล้ว การก่อสร้างอาคารจะเสร็จลงทั้งหมดในปี 2513
ในด้านการขยายและปรับปรุงโรงงานในอนาคต มีเป้าหมายอันที่จะให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแก่งานซ่อมสร้าง และงานผลิตอุปกรณ์อะไหล่ต่างๆ โดยให้มีเทคนิคในการปฏิบัติงานและเครื่องมือกลเครื่องใช้ทันสมัยยิ่งขึ้น รวมทั้งความพยายามให้บรรลุผลในการลดค่าใช้จ่ายลงตามแบบของโรงงานของการรถไฟต่างๆ ซึ่งเจริญก้าวหน้าไปมากกว่าแล้ว
การปรับปรุงในอนาคตอันใกล้นี้ จะได้แก่การขนส่งและการทำสับเปลี่ยนภายในโรงงาน การควบคุม และการ Re grouping เครื่องมือกลให้ได้ประโยชน์เต็มที่ การเปลี่ยนแปลงเพื่อรับสถานการณ์เมื่อรถจักรไอน้ำเกือบจะเลิกใช้การหมดแล้ว การอบรมเพิ่มพูนความรู้แบบทันสมัยให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน และสวัสดิการของคนงาน ทั้งให้กลมกลืนกับภาวะและเหตุการณ์แวดล้อมของประเทศไทยที่กำลังพัฒนาไปทุกๆ อย่าง
เป็นที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งว่า โรงงานมักกะสันของการรถไฟฯ ในปัจจุบันเป็นโรงงานที่ทันสมัย และวิวัฒนาการรุดหน้าไปมาก เป็นที่สนใจของหน่วยราชการอื่นๆ บริษัทห้างร้านต่างๆ นักเรียน นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศได้ขออนุญาตเข้ามาเยี่ยมชมกิจการในโรงงานแห่งนี้ในปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนมาก และทวีขึ้นตามลำดับ เป็นที่หวังได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะเป็นโรงงานใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เชิดหน้าชูตาในภาคตะวันออกไกลนี้
...............
(จบตอนที่ 3) |
|
Back to top |
|
|
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
Joined: 30/03/2006 Posts: 3642
Location: Thailand
|
Posted: 21/12/2011 11:29 pm Post subject: |
|
|
อดีตอันรุ่งโรจน์(มากๆๆๆ)
แต่อนาคตยังไม่รู้ว่าจะรุ่งเรืองหรือรุ่งริ่งเลยครับ
เพราะแค่บอกว่าเพื่อนบ้านรอบๆ ใ้ช้รางกว้าง 1.435 เมตร จึงต้องรีบเปลี่ยน
ก็ละเหี่ยใจแล้ว |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 22/12/2011 8:00 am Post subject: |
|
|
ถ้าระดับบนสั่งการโดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริงให้ละเอียดถี่ถ้วนมาก่อนแล้ว หลับหูหลับตาอ้างว่าเป็นนโยบายพรรคที่หาเสียงไว้ให้กับประชาชน ต้องปฏิบัติตามคำสัญญาอย่างเคร่งครัด เรื่องก็ป่วนไปทั้งกระทรวงนั่นแหละครับ
ถามด้วยความสงสัยอีกนิดหนึ่งว่า ชาวบ้านร้านถิ่นเขาจะไปรู้เรื่องรถไฟความเร็วสูงมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ? ถ้าฝ่ายการเมืองไม่ไปป้อนข้อมูลที่รู้มาครึ่งๆ กลางๆ ให้กับเขา ดูจากแนวคิดระดับเจ้ากระทรวงที่ให้หน่วยงานรับผิดชอบไปวางแผนดำเนินการก็พอทราบกึ๋นกันอยู่ |
|
Back to top |
|
|
donatt76
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/09/2006 Posts: 2587
Location: บางนา สุวรรณภูมิครับ
|
Posted: 22/12/2011 4:16 pm Post subject: |
|
|
ปัจจุบันไม่ใช่ว่า วิศวกร และ ช่างของการรถไฟ จะมีความสามารถสู้ช่างยุคก่อนไม่ได้นะครับ...ทั้งความรู้และฝีมือตลอดจนแนวคิด มีมากมาย แต่ติดที่คนที่ควบคุมนโยบาย ติดที่คำว่า "เป็นไปไม่ได้"....เดี๋ยวเค้าออกไปอยู่ธนาคารเกียรตินาคิน กันหมดแล้วจะเสียใจ!!!!! _________________
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 22/12/2011 8:26 pm Post subject: |
|
|
พูดนานไป เดี๋ยวเรื่องยาว... มาต่อด้วยเรื่องราวเบ็ดเตล็ดส่งท้ายกระทู้นี้ดีกว่าครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับนิคมรถไฟมักกะสัน
.................
นิคมมักกะสัน
นิคมมักกะสัน เฉพาะที่ส่วนที่ตั้งอยู่ ณ สองฟากถนนเพชรบุรีตัดใหม่ในปัจจุบัน ประกอบด้วยถนน ทางเดิน บึง และบ้านพัก ตึกแถว เรือนแถวภายใน เนิ้อที่ทั้งหมดประมาณ 20 ไร่ โอบสี่แยกถนนเพชรบุรีตัดใหม่กับถนนนานาเหนือ ต่อถนนรถไฟเลียบโรงงานมักกะสันนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ในสมัย พลเอก จรูญ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฯ ได้เริ่มวางแผนปลูกสร้างอาคารต่างๆ เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยของพนักงานและคนงานในสังกัดโรงงานมักกะสัน การรถไฟฯ เมื่อปี พ.ศ.2493 เพราะได้เล็งเห็นความจำเป็นต่างๆ ของกิจการของโรงงานมักกะสันนี้ รวมทั้งสวัสดิภาพของผู้ปฏิบัติงานให้มีความมั่นคงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ให้ทัดเทียมกับโรงงานของการรถไฟที่เจริญรุดหน้าไปแล้ว
รัฐบาลใน ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณสำหรับแผนงานนี้ และการก่อสร้างได้เริ่มเมื่อกรมรถไฟ เปลี่ยนฐานะเป็นองค์การอิสระ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2494
จำนวนก่อสร้างส่วนแรก ได้สำเร็จลุล่วงเมื่อปี พ.ศ.2447 โดยได้ก่อสร้างอาคารต่างๆ คือ
1) เรือนแถว 8 ห้อง 24 แถว อยู่อาศัยได้ 192 ครอบครัว
2) ตึกแถว 2 ชั้น 6 ห้อง 1 แถว อยู่อาศัยได้ 6 ครอบครัว
3) บ้านพักชั้นตรี 6 หลัง อยู่อาศัยได้ 6 ครอบครัว
4) บ้านพักชั้นโท 6 หลัง อยู่อาศัยได้ 6 ครอบครัว
5) บ้านพักชั้นเอก 2 หลัง อยู่อาศัยได้ 2 ครอบครัว
ซึ่งในส่วนแรกนี้ ได้จัดให้ผู้เข้าอยู่อาศัยโดยถือความจำเป็นในด้านการงานที่ผู้นั้นๆ ประจำทำอยู่เป็นหลักในการพิจารณาลำดับแรกก่อน อาทิ วิศวกร สารวัตร ผู้ช่วยสารวัตร หัวหน้าช่าง คนดับเพลิง คนขับรถยนต์ พนักงานรถสับเปลี่ยน บุรุษพยาบาล เสมียนจดเวลา คนปิด-เปิดโรงงาน ซึ่งเป็นผู้ที่ทางการจำเป็นต้องเรียกปฏิบัติงานนอกเวลาหรือโดยกระทันหัน เหล่านี้เป็นต้น
จำนวนห้องพักที่เหลือได้ให้มีการจับสลากกันในบรรดาผู้ที่แสดงความจำนงขอเข้าอยู่อาศัย ตามระเบียบและเงื่อนไขของทางการ
ภายหลังจากปี พ.ศ.2497 ได้มีการปลูกสร้างอาคารเรือนแถวเพิ่มเติมในนิคมมักกะสันตลอดมาเป็นระยะๆ ซึ่งนอกจากอาคารที่อยู่อาศัยแล้ว ได้สร้างตลาดสด โรงงานจักสาน และร้านสหกรณ์โรงงานขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและความอยู่ดีกินดีให้แก่ผู้อาศัยในนิคมฯ แต่ในปัจจุบัน ทั้ง 3 แห่งนี้ ได้เลิกล้มกิจการไปนานแล้ว เพราะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร และการบริหารงานของผู้รับผิดชอบผิดจุดมุ่งหมาย
เมื่อถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้ผ่านมารวมทั้งด้านถนนซอยนานาเหนือ ได้มีการสร้างสะพานข้ามคลองแสนแสบเพื่อมาบรรจบกับถนนรถไฟที่ตัดผ่านนิคม ทำให้นิคมนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 ส่วน โดยรวมสี่แยกดังกล่าวข้างต้นแล้ว จึงจำเป็นต้องขยับขยายบางอาคารของนิคมโดยรื้อย้ายและสร้างเพิ่มเติมเท่าที่วงเงินอำนวยให้ ในปัจุบัน (พ.ศ.2511) นิคมมักกะสัน มีอาคารที่ปลูกสร้างรวมทั้งสิ้น คือ
1) เรือนแถว 8 ห้อง 75 แถว อยู่อาศัยได้ 600 ครอบครัว
2) ตึกแถว 2 ชั้น 6 หลัง 1 แถว อยู่อาศัยได้ 6 ครอบครัว
3) บ้านพักชั้นตรี 6 หลัง อยู่อาศัยได้ 6 ครอบครัว
4) บ้านพักชั้นโท 6 หลัง อยู่อาศัยได้ 6 ครอบครัว
5) บ้านพักชั้นเอก 2 หลัง อยู่อาศัยได้ 2 ครอบครัว
รวมมีผู้อาศัยในนิคมมักกะสันนี้ 620 ครอบครัว หรือ 4,500 คน โดยประมาณ
Last edited by black_express on 26/12/2011 9:29 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 22/12/2011 8:47 pm Post subject: |
|
|
การปกครองนิคม
ทางการได้แต่งตั้งพนักงานที่มีตำแหน่งประจำทำงานอยู่ในโรงงานมักกะสันขึ้นคณะหนึ่ง เรียกชื่อว่า คณะปกครองคนงานโรงงานมักกะสัน ทำหน้าที่ควบคุมดูแลนิคมนี้ และขึ้นตรงต่อวิศวกรอำนวยการกองโรงงาน (ในปัจจุบันขึ้นตรงต่อรองวิศวกรใหญ่ด้านโรงงาน) และวิศวกรใหญ่ฝ่ายการช่างกลตามลำดับ
และในการนี้ เพื่อให้การควบคุมดูแลเป็นไปโดยใกล้ชิด ได้มีการแต่งตั้งผู้ที่อาศัยในนิคมให้เป็นผู้ช่วยเหลือ โดยได้จัดแบ่งเขตนิคมออกเป็น 8 เขต แต่ละเขตมีสารวัตรนิคม 1 นาย ผู้ช่วยสารวัตรนิคม 1 นาย และหัวหน้าเรือนแถว 1 นาย ทุกๆ เรือนแถว
นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับน้ำใช้และน้ำบริโภค และเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับไฟฟ้าด้วยอีกต่างหาก ทั้งนี้ เพื่อให้การอยู่อาศัยได้เป็นไปอย่างมีระเบียบและเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
นอกจากนี้แล้ว ในด้านการศึกษาของบุตรธิดาชาวนิคมมักกะสัน ก็ได้อาศัยโรงเรียนเทศบาลวัดมักกะสัน และโรงเรียนสมาคมโรงเรียนราษฎร์ ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินของนิคมมักกะสันนี้ด้วย
ในด้านสุขภาพและอนามัย ก็มีโรงพยาบาลรถไฟ อยู่ติดกับนิคมมักกะสันนี้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งอาศัยในนิคมนี้ได้รับความสะดวกเป็นอย่างดีมาก เหล่านี้เป็นกำลังใจอย่างดีประการหนึ่ง สำหรับผู้ปฏิบัติงานของโรงงานมักกะสัน
.........................
ที่มา :
๑) นายอาชว์ กุญชร ณ อยุธยา วิศวกรหัวหน้ากองโรงงาน ฝ่ายการช่างกล หนังสือ "งานฉลองรถไฟหลวง ครบ ๕๐ ปี" จัดพิมพ์โดย โรงพิมพ์ กรมรถไฟ มีนาคม ๒๔๙๐
๒) หนังสือ "อนุสรณ์ครบรอบ ๗๒ ปี การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๔๓๙ - ๒๕๑๒" จัดพิมพ์โดย โรงพิมพ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๑๒
..........................
ครับ เรื่องราวของโรงงานมักกะสัน และนิคมมักกะสันที่ผมได้รวบรวมมา สิ้นสุดเพียงเท่านี้ หากท่านผู้ใดจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปค้นคว้าไปต่อยอด หรือได้รับข้อมูลเพิ่มเติมประการใดแล้ว ขอได้นำมาเผยแพร่ถ้ามีโอกาส คาดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจอย่างยิ่งทีเดียว
และในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณ การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้เป็นเจ้าของข้อมูล และน้อมรำลึกถึง นายอาชว์ กุญชร ณ อยุธยา วิศวกรหัวหน้ากองโรงงาน ฝ่ายการช่างกล ในขณะนั้น ผู้จัดทำเรื่อง และท่านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเรียบเรียงบทความของโรงงานมักกะสันมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
Last edited by black_express on 23/12/2011 10:03 pm; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
kikoo
1st Class Pass (Air)
Joined: 01/02/2010 Posts: 1667
Location: มอ.ตรัง และ สถานีตรัง
|
Posted: 22/12/2011 9:49 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาให้รับชมกันนะครับ
อย่างน้อยข้อมูลเรื่องรถโดยสารที่ผลิตโดยมักกะสัน น่าจะพอชะล้างความคิดของคนไทย(ที่ชอบดูถูกตัวเอง) บางคนว่ารถไฟไทยในปัจจุบันยังใช้ของสมัย ร.5 กันได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะครับ
(อย่างว่าล่ะครับ ประชาชนถูกป้อนข้อมูลแบบผิดๆ+อคติแบบฝังรากลึกซึ่งคงจะแก้ยาก อาจจะต้องรอให้โลกแตกอย่างเดียว) _________________ ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางช่วงที่วัง-กันตัง
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5618 |
|
Back to top |
|
|
|