View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
suraphat
1st Class Pass (Air)
Joined: 12/02/2007 Posts: 1117
Location: ดินแดง ห้วยขวาง
|
Posted: 08/09/2012 9:08 pm Post subject: |
|
|
เอาครงนี้ไปดูด้วยครับ
คมนาคมเดินหน้ารถไฟฟ้าสีแดง'บางซื่อ-รังสิต'
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 8 กันยายน 2555 18:43
"จารุพงศ์"พอใจผลงาน 1 ปี ลดภาระประชาชน ยันเดินหน้ารถไฟฟ้าสีแดงบางซื่อ-รังสิต
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม กล่าวแถลงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ว่า พอใจการทำงานใน 3 ผลงานหลักช่วยที่แก้ปัญหาของประชาชน ทั้งการฟื้นฟูสนามบินดอนเมือง ยกเลิกการประกันบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) และเร่งโครงการสำคัญต่างๆ โดยการทำงานของกระทรวงถือว่าประสบความสำเร็จใน 4 ด้านหลัก ชู คือ ฟื้นฟู ดูแล แก้ไข มุ่งไกลสู่อาเซียน โดยในด้านการฟื้นฟู บูรณะโครงสร้างพื้นฐานกับปัญหาอุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชน จากปัญหาน้ำท่วม เมื่อช่วงปลายปี 54 ด้านการดูแลปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การดำเนินงานโครงการรถเมล์ รถไฟฟรีเพื่อประชาชน การปรับรถค่าโดยสารของ บขส. การยกเลิกบัตรอัตโนมัติ (Easy Pass) ด้านแก้ไขเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์การขนส่ง ขณะนี้มีเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้ว เช่น สะพานข้ามแม่น้ำโขง จ.นครพนม รถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพและพัฒนาสนามบินดอนเมือง เป็นต้น และมุ่งไกลอาเซียน เพื่อเชื่อมโยงโครงการข่ายในภูมิภาค
"สำหรับคะแนนของผลงานกระทรวงคมนาคมในรอบ 1 ปี ส่วนตัวคิดว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน รวมทั้ง จะสามารถวัดได้จากการเลือกตั้งในครั้งต่อไป" นายจารุพงศ์ กล่าว
สำหรับโครงการที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น การจัดตั้งสายการบินไทยสมายล์ โครงการส่วนต่อขยาย Airport Rail Link ช่วงมักกะสัน-พญาไท-ดอนเมือง และสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง รวมทั้งพัฒนาระบบตั๋วร่วม และโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะลดต้นทุนการขนจากเดิม 7.2% เหลือ 5% ของจีดีพี โดยเน้นพัฒนาการขนส่งทางน้ำและทางรางมากขึ้น โดยใช้ถนนเป็นฟีดเดอร์เท่านั้น
ส่วนที่จะดำเนินการต่อไป ได้วางเป้าหมายสร้างความเชื่อมโยงโครงข่ายในภูมิภาคอาเซียน มีการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ช่วงบึงกาฬ-ปากซัน รวมถึงสร้างถนนและสะพานเชื่อมระหว่างไทย-พม่า ตลอดจนเปิดเดินรถขนส่งระหว่างไทย-กัมพูชา และเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟสายสิงค์โปร์-คุนหมิง รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย เพื่อรองรับการพัฒนาระบบขนส่งของอาเซียน
นายจารุพงศ์ กล่าวอีกว่า โครงการรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ยังเดินหน้าในโครงสร้างหลัก ไม่มีการยกเลิกการก่อสร้างอย่างแน่นอน โดยมุ่งเน้นการสร้างสถานีบางซื่อให้เหมือนกับสถานีทางตอนใต้ของปักกิ่ง ที่สามารถรองรับรถไฟในครั้งเดียวได้ถึง 21 ขบวน ส่วนระบบรางจะเป็นขนาดเดิม กว้าง 1 เมตร หรือ 1.435 เมตร หรือไม่นั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะจัดทำเวิร์กชอปในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 2-3 สัปดาห์ ขณะที่การทำสัญญาจะเป็นสัญญาแบบปลายเปิด เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดได้ในภายหลัง และงบประมาณสามารถเพิ่มได้ไม่เกิน 10%
ทั้งนี้ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของขนาดรางกอาจทำสัญญาจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นแบบปลายเปิด เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนขนาดของรางในอนาคต ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ คงให้เดินหน้าตามเดิม และก่อสร้างรางขนาด 1 เมตร เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของระบบรางในปัจจุบัน
สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตนั้น ถอยไม่ได้ ต้องเดินหน้า และหลังจากประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นแล้ว ผมจะเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะเลือกใช้รางขนาดใด" นายจารุพงศ์ กล่าว
********
ซึ่งจากข่าวๆนี้ โดยเฉพาะประโยดสุดท้ายคงจะสะท้อนจุดยืนของกระทรวงนี้ได้ดีนะครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 08/09/2012 9:26 pm Post subject: |
|
|
ครับ จะรอดูว่าท่านจะชี้ขาดอย่างไร ? |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44316
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44316
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 08/09/2012 10:30 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมสั่งเวิร์กชอปเปลี่ยนรางรถไฟเป็น 1.435 ม. ไม่ล้มสีแดงให้เซ็นจ้างผู้รับเหมาแบบสัญญาเปิด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กันยายน 2555 14:49 น.
จารุพงศ์ยันไม่ล้มประมูลสีแดง สั่งเซ็นสัญญาผู้รับเหมาแบบปลายเปิดให้สามารถแก้รายละเอียดขนาดรางภายหลังได้ สั่งร.ฟ.ท.จัดเวิร์กชอป เปลี่ยนรางรถไฟ จากขนาด 1 เมตรเป็น 1.435 เมตร สรุปใน 2 สัปดาห์ เน้นใช้รางเก่าให้คุ้มค่า โครงการใหม่มุ่ง1.435 เมตร ชัชชาติชี้ประเทศไทยต้องมีรางทั้ง 2 แบบ เล็งปรับแอร์พอร์ตลิ้งค์และรถไฟความเร็วสูงใช้โครงสร้างเดียวกันลดค่าก่อสร้าง
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมยังยืนยันเดินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และจะไม่ยกเลิกการประกวดราคา สัญญาที่ 1 (งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง) และสัญญา 2 (งานโยธาสำหรับทางรถไฟ) โดยมอบหมายให้ร.ฟ.ท.จัดประชุมเวิร์กชอป ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อหาข้อสรุปในการเปลี่ยนขนาดราง จากเดิมที่ออกแบบเป็นขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) เป็นขนาด 1.345 เมตร (Standard Gauge) ของสายสีแดง และระบบรางของรถไฟทั่วประเทศทั้งหมดซึ่งจะมีทั้งโครงการรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ทั้งในเรื่องการลงทุน ขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านจากรางเก่า 1 เมตรไปสู่รางใหม่ 1.435 เมตร โดยหลักการคือจะต้อง ใช้ประโยชน์ทางและรางเก่าที่มีอยู่ให้มากที่สุด ส่วนทางใหม่จะมุ่งไปที่ขนาด 1.435 เมตร
ทั้งนี้ รถไฟสายสีแดงนั้น สัญญา 1 มีความสำคัญเพราะมีสถานีกลางบางซื่อ รองรับรถไฟได้ 21 ขบวน และประมูลไปแล้ว ซึ่งหากต้องมีการปรับขนาดรางเป็น 1.435 เมตร ร.ฟ.ท.จะต้องลงนามสัญญากับผู้รับเหมาเป็นสัญญาปลายเปิด ที่สามารถปรับแก้รายละเอียดได้ภายหลัง และจะต้องไม่ให้เกิดปัญหาถูกผู้รับเหมาที่ร่วมประมูลรายอื่นฟ้องร้องได้ และการปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะต้องไม่กระทบทำให้โครงการล่าข้าและหากงบประมาณก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นต้องไม่เกิน 10%
การเปลี่ยนรางรถไฟทั่วประเทศจาก 1 เมตรเป็น 1.435 เมตร เป็นเรื่องใหญ่ ใช้เงินไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาท และใช้เวลาหลายปี ดังนั้นต้องพิจารณาอย่างสุขุมรอบคอบ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุด หมายความว่า รางเก่า1 เมตรที่มีก็ยังต้องดูแลและใช้งานต่อไปให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนโครงการใหม่ๆ น่าจะเป็นขนาด 1.435 เมตรเพื่อเชื่อมกับจีนได้ โดยให้สรุปความชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งจะพอดีกับที่สัญญา 1 จะเซ็นสัญญากับผู้รับเหมา
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า ประเทศไทยจะต้องมีรางทั้ง 2 ระบบ คือ 1 เมตรและ 1.435 เมตร ซึ่งการเวิร์กชอปจะทำให้เห็นภาพและตัดสินใจได้ ส่วนสายสีแดงนั้นออกแบบรางไว้ 1 เมตร โดยมี วัตถุประสงค์ 2 อย่าง คือ เป็นรถไฟฟ้าชานเมือง ช่วงบางซื่อ-รังสิตและรถไฟทางไกล โดยโครงสร้างยกระดับข้ามจุดตัดถนนมาที่บางซื่อ ซึ่งจะต้องดูความจำเป็น กรณีที่ทับซ้อนกับโครงการแอร์พอร์ตลิ้งค์ส่วนต่อขยาย (พญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง) ซึ่งเฉพาะช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองเป็นแนวเส้นทางที่มีค่ามากเพราะเป็นทางหลักเชื่อมภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเข้ากทม. มีทางรถไฟ 7 ทาง คือ สายสีแดง (1 เมตร) 3 ทาง แอร์พอร์ตลิ้งค์ (1.435 เมตร) 2 ทาง และรถไฟฟ้าความเร็วสูง (1.435 เมตร) 2 ทาง ส่วนสถานีบางซื่อมี 24 ทาง รองรับเฉพาะรถไฟทางไกลถึง 12 ทาง
ก่อนหน้านี้เคยมีแนวคิด ที่จะใช้บ้านภาชีเป็นชุมทางรถไฟทางไกลเข้ามาแค่นั้นจากนั้นให้ผู้โดยสารต่อระบบรถไฟฟ้าเข้าเมือง หรือดูว่า แอร์พอร์ตลิ้งค์และ รถไฟความเร็วสูง สามารถใช้โครงสร้างเดียวกันได้หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 2 ชั้น จากแบบเดิมที่แยกโครงสร้างกัน ซึ่งก็อาจจะช่วยประหยัดค่าก่อสร้างลงได้ เป็นต้นนายชัชชาติกล่าว
ปัจจุบันทั่วโลกใช้รางขนาด 1 เมตรประมาณ 20 % หรือ 2 แสนกิโลเมตร ที่เหลือใช้รางขนาด 1.435 เมตร โดยเฉพาะทางยุโรป ส่วนในภูมิภาคอาเซียน ส่วนใหญ่ใช้ ขนาด 1 เมตร มีจีนที่เป็น 1.435 เมตร ดังนั้นประเทศไทยจะต้องคิดว่า ทิศทางการลงทุนต่อไปจะเป็นแบบไหน โดยพิจารณาถึงความต้องการของประเทศ ในแง่การขนส่งผู้โดยสารและสินค้า การเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อบ้าน ซึ่งราง 1 เมตร จะมีความเร็งสูงสุด 120 กม./ชม. ขนาด 1.435 เมตร สามารถทำความเร็วได้ 300-400 กม./ชม.
ด้านพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคมกล่าวว่า การปรับเปลี่ยนรางจาก 1 เมตร เป็น 1.435 เมตรจะไม่กระทบต่อโครงการจัดซื้อหัวรถจักร 20 คันและ 50 คัน ซึ่งใช้กับราง 1 เมตร เพราะขณะนี้ร.ฟ.ท.มีปัญหาขาดแคลนหัวรถจักรมาก โดย 20 คันนั้นจะนำมาใช้กับขบวนรถสินค้าจาก ๆอซีดีลาดกระบังไปท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) โดยขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการประมูล ที่อาจจะมีการตั้งราคากลางสูงเกินไป เข้าข่ายการเตรียมทุจริตคอร์รัปชั่นหรือไม่ เนื่องจาก ผู้ชนะเสนอราคาต่ำสุดเพียง 1,916.6 ล้านบาทหรือ98.08 ล้านบาทต่อคันต่ำ ขณะที่ร.ฟ.ท.กำหนดราคากลางไว้ที่ 3,000 ล้านบาท
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44316
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 09/09/2012 7:39 pm Post subject: |
|
|
'จารุพงศ์'ยันเดินหน้ารถไฟสายสีแดง7หมื่นล้าน
suthichaiyoon.com วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555
"จารุพงศ์" ปัดข้อเสนอ "ชัจจ์" ยกเลิกโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้าน ลั่นต้องเดินหน้าเหตุเปิดประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาแล้ว หากล้มโครงการจะกระทบช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว แม้แนวสายทางซ้ำซ้อนส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงค์แต่เป้าหมายต่างกัน ชูผลงาน "1 ปีคมนาคม" เปิดใช้สนามบินดอนเมืองเต็มรูปแบบ ยกเลิกค่าประกันบัตรอีซี่พาส
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงไม่มีนโยบายยกเลิกโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต วงเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปิดประกวดราคาคัดเลือกผู้ก่อสร้างแล้ว และอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญาว่าจ้าง แต่จะพิจารณาว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมาใช้รางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร หรือควรใช้ราง 1 เมตรตามที่กำหนดไว้ โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับผู้เกี่ยวข้องภายในสัปดาห์หน้า เพื่อหาข้อสรุปเรื่องดังกล่าว
หากผลการศึกษาระบุว่า ควรใช้รางขนาดมาตรฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อาจทำสัญญาว่าจ้างแบบปลายเปิด เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนขนาดรางในอนาคต แต่เงื่อนไขสัญญาต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหาฟ้องร้องระหว่างรัฐและเอกชน และต้องอยู่ภายใต้กรอบงบประมาณเดิม และกำหนดแล้วเสร็จของโครงการต้องเป็นไปตามแผนงานเดิมเช่นกัน ส่วนการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ระยะทาง 873 กิโลเมตรยังคงเป็นไปตามแผนงานเดิม และจะใช้รางขนาด 1 เมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง
"สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตถอยไม่ได้ ต้องเดินหน้าอย่างเดียว จะล้มโครงการไม่ได้แน่นอน เพราะสัญญาที่ 1 หรืองานก่อสร้างสถานีบางซื่อ จะมีผลต่อการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบเดินรถ และจากประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด ผมจะเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะเลือกใช้รางขนาดใด ส่วนทางรถไฟในปัจจุบัน ซึ่งมีขนาด 1 เมตร ระยะทางประมาณ 4,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ จะยังใช้งานต่อไป แต่จะปรับปรุงให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ" นายจารุพงศ์กล่าว
ชี้การเปลี่ยนรางมาตรฐานใช้งบ 4 แสน ล.
ส่วนโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง จะใช้รางขนาด 1.435 เมตร โดยช่วงนี้ถือเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายในการวางรากฐานว่าจะใช้ระบบรถไฟแบบใด เพราะการจะเปลี่ยนไปสู่รางขนาดมาตรฐานทั้งหมดโดยเร็วดำเนินการได้ยาก ต้องคิดด้วยว่าจะทำอย่างไรกับระบบเดิม และถ้าเปลี่ยนมาใช้รางขนาดมาตรฐานทั้งหมด ต้องใช้งบประมาณกว่า 4 แสนล้านบาท
นายจารุพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ข้อเสนอให้ยกเลิกโครงการรถไฟสายสีแดงของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะเห็นว่าแนวสายทางซ้ำซ้อนกับโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองหรือแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ซึ่งจะขยายเส้นทางจากพญาไท-ท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นเรื่องที่รับฟังได้ แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะรถไฟแต่ละระบบ เช่น รถไฟชานเมือง รถไฟแอร์พอร์ตเรลลิงค์ มีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารแตกต่างกัน
ยันกระทบโครงการช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ไม่สามารถยกเลิกโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตได้ เพราะจะกระทบโครงการช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และแม้เส้นทางช่วงบางซื่อ-รังสิตจะทับซ้อนกับโครงการส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงค์ แต่วัตถุประสงค์และเป้าหมายของทั้งสองโครงการแตกต่างกัน โดยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์มีจุดประสงค์เพื่อรองรับการเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และต่อเชื่อมการเดินทางระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ขณะที่สายสีแดงจะรองรับการเดินทางทั่วไป และในอนาคตสามารถต่อเชื่อมไปยัง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรองรับประชาชนเพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ สถานีบางซื่อในโครงการสายสีแดงจะเป็นสถานีหลักหรือเป็นศูนย์รวมของทุกระบบ มีทั้งหมด 24 ชานชาลา เป็นชานชาลารถไฟทางไกล 12 ชานชาลา รถไฟชานเมืองสายสีแดง 4 ชานชาลา รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ 4 ชานชาลา และรถไฟความเร็วสูง 4 ชานชาลา และจากบางซื่อ-รังสิต กำหนดให้มี 7 ราง คือ รถไฟชานเมืองและรถไฟทางไกล 3 ราง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ 2 ราง และรถไฟความเร็วสูง 2 ราง จะเห็นว่าแบ่งการใช้ประโยชน์ชัดเจน ไม่ได้ทับซ้อนกัน และจะไม่มีปัญหาจุดตัดทางรถไฟช่วงดังกล่าว เพราะจะยกระดับมาใช้รางร่วมกับรถไฟชานเมือง หากยกเลิกโครงการสายสีแดงและใช้รางร่วมกับแอร์พอร์ตลิงค์ หรือรถไฟทางไกล จะมีปัญหาเรื่องจำนวนสถานีและจุดจอดรถไฟ
อย่างไรก็ตาม รางขนาด 1 เมตรยังใช้อยู่ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา รวมถึงออสเตรเลียและญี่ปุ่น หรือมีสัดส่วนการใช้ 20% โดยสามารถปรับปรุงเพิ่มความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเพียงจีนที่ใช้รางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร กระทรวงต้องพิจารณาประเด็นเหล่านี้ในการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟกับประเทศเพื่อนบ้าน
"หากจะใช้รางขนาดมาตรฐานเพื่อเชื่อมต่อกับจีน จะต้องคำนึงถึงการต่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยต้องพิจารณาในทุกมิติ คาดว่าทั้งหมดนี้จะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า" นายชัชชาติกล่าว
รมต.ร่วมถกผู้บริหารหาทางออกให้ 'ชัจจ์'
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในทางเทคนิคหรือในทางปฏิบัติ ไม่สามารถปรับขนาดรางรถไฟสายสีแดงเป็น 1.435 เมตรได้ เพราะระบบเดิมและโครงสร้างหลักใช้ขนาด 1 เมตร แต่ต้องหาทางออกให้ พล.ต.ท.ชัจจ์ หลังให้สัมภาษณ์ว่าจะเสนอให้ยกเลิกโครงการสายสีแดง
"ก่อนการแถลงผลงานกระทรวง นายจารุพงศ์ นายชัชชาติ ได้ประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงคมนาคม รองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้อำนวยการ สนข.และผู้เกี่ยวข้องได้หารือถึงประเด็นดังกล่าวว่าจะหาทางออกให้ พล.ต.ท.ชัจจ์อย่างไร เพราะเป็นประเด็นที่จะถูกซักถามในการแถลงผลงานอย่างแน่นอน"
นายจารุพงศ์ยังกล่าวถึงโครงการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซล AC-AC จำนวน 20 หัว และการจัดซื้อหัวรถจักรตามแผนของ ร.ฟ.ท.ว่าไม่มีผลกระทบและต้องดำเนินการต่อไป เพราะ ร.ฟ.ท.มีปัญหาขาดแคลนหัวรถจักรเป็นจำนวนมาก และต้องหาหัวรถจักรมารองรับสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องหรือสถานีไอซีดีลาดกระบัง ซึ่งมีระบบรถไฟทางคู่รองรับอยู่แล้ว
ชูผลงานเปิดใช้ดอนเมือง-ยกเลิกค่าประกันอีซี่พาส
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (8 ก.ย.) นายจารุพงศ์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทั้ง 2 คน ได้แถลงผลงานในรอบ 1 ปี โดยนายจารุพงศ์ระบุว่าผลงานที่พอใจและเชื่อว่าโดนใจประชาชน คือ การฟื้นฟูท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ รวมทั้งการยกเลิกเงินประกันบัตรอีซี่พาส จำนวน 800 บาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษ รวมทั้งการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายทาง เพื่อให้ลงนามสัญญาจ้างได้ตามแผน
สำหรับผลงานกระทรวงฯในรอบ 1 ปี อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ ฟื้นฟู ดูแล แก้ไข มุ่งไกลอาเซียน โดยเน้นขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม ทั้งเรื่องรถไฟฟ้า 10 สายทาง การก่อสร้างรถไฟทางคู่ การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง พัฒนาท่าอากาศยานสากลและภูมิภาคเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน การท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าทางอากาศรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
"เป้าหมายคือการลดต้นทุนโลจิสติกส์ 2% ภายในปี 2563 ซึ่งกระทรวงมีโครงการลงทุนพัฒนาระบบการขนส่งทั้งทางบก น้ำ อากาศ และราง วงเงิน 1.98 แสนล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนทางรางมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 65.05% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด รองลงมาคือถนน 24.20% น้ำ 6.51% และทางอากาศ 4.24%" นายจารุพงศ์กล่าว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42621
Location: NECTEC
|
Posted: 10/09/2012 2:04 am Post subject: |
|
|
^^^
ชะรอย บิ๊กชัจจจ์จะเกิดอาการ ไปเสียแล้ว เพื่อเอาใจนายโดยหาเหตุล้มโครงการเพื่อล้่มสัญญาเงินกู้ญี่ปุ่นเพื่อเอาจีนแดงเข้ามาเสียบแทนฐานที่ญี่ปุ่นไม่แบ่งค่าคอมมิชชั่นให้เหมือนญี่ปุ่น - ทำแบบไม่ดูตาม้าตาเรือคนเขาก็พากันรุมถอนหงอก จนจะเสียคนตอนแก่ นั้นแหละครับ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44316
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/09/2012 7:24 am Post subject: |
|
|
ชะลอรถไฟสายสีแดง-รางคู่ ตัวอย่างคลาสสิกการเมืองไทย
การเมือง : ทัศนะวิจารณ์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 10 กันยายน 2555 01:00
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งให้ทบทวนโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ใหม่ 800 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกอย่างมาก โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงนั้นได้ประกวดราคาและมีเอกชนที่เข้าร่วมประมูลชนะการประกวดราคาไปแล้ว แต่ พล.ต.ท.ชัจจ์มั่นใจว่าไม่มีปัญหากับเอกชนที่ชนะการประมูล เนื่องจากการปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ในครั้งนี้สามารถทำความเข้าใจกับเอกชนได้ และเชื่อว่านักลงทุนจะมีความมั่นใจนโยบายรัฐบาลมากขึ้น
เหตุผลการยกเลิกทั้งสองโครงการในครั้งนี้ พล.ต.ท.ชัจจ์ บอกว่า ในโครงการรถไฟสายสีแดงนั้น มีแผนจะพัฒนาเชื่อมต่อกับโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ซึ่งจะทำให้เชื่อมระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองที่รัฐบาลได้เปิดใช้บริการ โดยจะขยายต่อจากสถานีพญาไท ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่นั้น พล.ต.ท.ชัจจ์อ้างว่าต้องการปรับให้รางรถไฟของไทยมีมาตรฐานสากล เนื่องจากต้องการก่อสร้างรางมาตรฐาน ความกว้าง 1.435 เมตร แต่ในปัจจุบันความกว้างของรางรถไฟไทยมีขนาด 1 เมตร
หากฟังเหตุผลของการปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้ ทั้งการอ้างการเชื่อมโยงสนามบินทั้งสองแห่ง และประหยัดงบประมาณนับแสนล้านบาท รวมทั้งการสร้างมาตรฐานทางรถไฟไทยนั้น ถือว่าเป็นเหตุผลที่รับฟังได้ แต่อาจมีข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงยกเลิกในช่วงเวลานี้ ทั้งๆ ที่เวลาผ่านมาเกือบ 1 ปี กระทรวงคมนาคมที่มีแผนพัฒนาการขนส่งทั่วประเทศน่าจะเสนอความเห็นมาก่อนหน้านั้น หากเห็นว่าไม่มีความเหมาะสม อีกทั้งการยกเลิกครั้งนี้ก็ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงอย่างมาก แทนที่จะทบทวนทั้งระบบที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน
กระทรวงคมนาคมมักจะประกาศเสมอว่าจะเร่งรัดพัฒนาระบบคมนาคม โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 10 สายที่ต้องการจะเร่งสร้างให้ได้ในสมัยรัฐบาลชุดนี้ และรัฐบาลชุดนี้ก็เหมือนกับรัฐบาลในชุดที่ผ่านๆ มา ในการเน้นพัฒนาระบบคมนาคม เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาประเทศ และทุกรัฐบาลมักจะบ่นเสมอว่าโครงการพัฒนาระบบรางของไทยนั้นล่าช้าและที่เป็นอยู่ล้าสมัย แต่ก็ปรากฏแทบทุกรัฐบาลเช่นกันที่มักจะมีการทบทวนแผนใหม่ โดยอ้างเหตุผลในหลายๆ ด้าน ซึ่งก็ล้วนน่ารับฟังทั้งสิ้น
ในกรณีนี้ กระทรวงคมนาคมก็ทำเหมือนในอดีตคือการทบทวนความเหมาะสมใหม่ แม้จะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่คำถามก็คือหน่วยงานของรัฐที่มักจะมีแผนการพัฒนาด้านการขนส่งอยู่แล้วและมีการศึกษากันมาอย่างดีแล้ว เหตุใดจึงมีการเปลี่ยนได้โดยง่ายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งกรณีนี้อาจเป็นปัญหาคลาสสิกที่มักจะเกิดขึ้นกับโครงการขนาดใหญ่ของไทยเสมอ กล่าวคือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็มักจะมีการชะลอหรือเปลี่ยนแปลงโครงการไปด้วย
บรรดาที่ปรึกษารัฐบาลชุดนี้ได้ทำแผนพัฒนาประเทศ โดยเรื่องคมนาคมเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องรีบทำ เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมานั้นแทบไม่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เลย และหากโครงการเหล่านี้มีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติเช่นนี้ ก็ยิ่งมีความจำเป็น แต่สิ่งที่เรากังวลกรณีนี้ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นตัวอย่างคลาสสิกอีกหนึ่งกรณี ก็คือการเมืองมักชอบสร้างนโยบายใหม่ๆ ออกมาทดแทนนโยบายเดิม แต่ผลกระทบที่ตามมาคือการเสียโอกาสของสังคมไทยโดยรวม |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44316
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/09/2012 7:29 am Post subject: |
|
|
'จารุพงศ์'เดินหน้า'สายสีแดง' รถไฟรางคู่ยัน 1 ม.เหมือนเดิม
วันที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 35 ฉบับที่ 12601 มติชนรายวัน
'จารุพงศ์'สวนทาง'ชัจจ์' เตรียมเคาะขนาดรางรถไฟสายสีแดงสัปดาห์หน้า ยันเดินหน้าต่อไปแน่ไม่มียกเลิกโครงการ ส่วนรถไฟรางคู่เดินหน้าใช้ราง 1 ม.เหมือนเดิม
ล่าสุดนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 กันยายน ว่า ในสัปดาห์หน้าจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปในการพัฒนาระบบรางในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง เส้นทางบางซื่อ-รังสิต ที่อยู่ระหว่างการทบทวนว่าจะใช้รางแบบใด ระหว่างรางแบบมิดเดิลเกต (ขนาด 1 เมตร) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือรางแบบสแตนดาร์ดเกต (ขนาด 1.435 เมตร) เชื่อว่าหลังหารือกันแล้วน่าจะได้รับคำตอบภายในสัปดาห์เดียวกัน
สิ่งที่เราต้องเร่งดำเนินการ คือ การเร่งระดมความคิดเห็น โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รวบรวมข้อมูลในการพัฒนาระบบรางทั้งหมด ทั้งข้อดีข้อเสีย ระหว่างรางขนาด 1.435 เมตร และขนาด 1 เมตร เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มาพิจารณาว่าเราจะเดินหน้าไปในทิศทางใด โดยจะสามารถสรุปได้ภายในสัปดาห์หน้าแน่นอน นายจารุพงศ์ กล่าว
นายจารุพงศ์กล่าวว่า ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือสถานี เพราะถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ไม่อยากให้ไปมองที่ขนาดของราง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิตจะเดินหน้าต่อไปแน่นอน แต่ในการร่างสัญญาจะจัดทำสัญญาแบบปลายเปิดในส่วนของขนาดรางเอาไว้ การร่างสัญญาจะต้องใช้ความรอบคอบเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการฟ้องร้องจากบริษัทที่ร่วมประมูล และหากมีการปรับเปลี่ยนขนาดรางมาใช้แบบ 1.435 เมตรจริง อาจจะทำให้มูลค่าของโครงการสูงขึ้น แต่จะสูงขึ้นเท่าใดนั้นต้องรอดูอีกครั้ง กระทรวงคมนาคมมีกรอบราคาที่ได้ทำประมูลเอาไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้จะต้องไม่ทำให้โครงการก่อสร้างล่าช้าออกไปมากกว่านี้ เนื่องจากปัจจุบันมีความล่าช้ากว่าแผนแล้วถึง 2 ปี
นายจารุพงศ์กล่าวว่า ในส่วนรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ ที่มีการใช้รางขนาด 1 เมตรอยู่นั้นก็ดูแลต่อไป จะไม่มีการเปลี่ยนเป็นรางขนาด 1.435 เมตร เพราะต้องใช้งบประมาณสูงกว่า 4 แสนล้านในการเปลี่ยน และโครงการไหนที่เซ็นสัญญาก่อสร้างขนาด 1 เมตรไปแล้ว อย่างในเส้นทางฉะเชิงเทรา-แก่งคอย ต้องเดินหน้าต่อไป แต่การก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ก็ปรับให้เป็นรางขนาด 1.435 เมตร เรื่องดังกล่าวจะต้องนำมาระดมความคิดเห็นด้วยเช่นกัน
นายจารุพงศ์กล่าวว่า สำหรับผลงานของกระทรวงในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ถามว่าสอบผ่านหรือไม่ ต้องไปถามกับประชาชน จะเห็นคำตอบได้จากการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยผลงานที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คือ การเปิดใช้สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง การยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมของบัตรอีซี่พาส ส่วนเป้าหมายต่อไปคือจะเดินหน้าลดต้นทุนค่าขนส่ง จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 7.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะต้องปรับลดลงให้เหลือ 5% ของจีดีพี นอกจากนี้จะเดินหน้านโยบายของรัฐบาลในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคทั้ง 7 ประเทศ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขนส่ง การลดขั้นตอนในการขนส่งระหว่างประเทศ โดยผลักดันให้เกิดวันสต๊อปเซอร์วิส โดยเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้มีการตรวจคนเข้าเมืองเฉพาะขาเข้าเท่านั้น เพื่อความรวดเร็วในการขนส่ง เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การเชื่อมต่อของแต่ละประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้มีความสะดวกมากขึ้น
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกยังมีการใช้รางขนาด 1 ม.อยู่ประมาณ 25% ของการใช้ระบบรางทั้งหมด ประเทศรอบบ้านของไทยใช้รางขนาด 1 ม.อยู่ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซียที่ยังใช้รางขนาด 1 ม.เป็นส่วนใหญ่ รถไฟของมาเลเซียมีความทันสมัย เป็นหัวรถจักรที่ใช้พลังงานดีเซลผสมกับไฟฟ้า วิ่งได้เร็วกว่า 160 กม./ชม. จึงไม่อยากให้มองว่ารางขนาด 1 เมตรเป็นรางแบบเก่า แต่อยากให้มองว่าราง 1 เมตรนั้นเป็นระบบรางชนิดหนึ่งเท่านั้น
สาเหตุที่ภาพของรางขนาด 1 เมตรไม่ดีนั้น เป็นเพราะที่ผ่านมาคนทั่วไปเห็นภาพที่ไม่ดีของ ร.ฟ.ท.ไปผูกกับขนาดราง 1 เมตร เราต้องมาดูกันว่าเราเหมาะสมที่จะใช้รางขนาดเท่าใด หากเราจะเชื่อมต่อจีน เราก็ต้องใช้ราง 1.435 เมตร แต่ประเทศเพื่อนบ้านใช้ 1 เมตร เราก็ต้องมาระดมความคิดเห็นกัน น่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต มีปัญหาทางวิ่งทับซ้อนกันระหว่างรถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ สร้างเชื่อมต่อระหว่างสนามบินดอนเมืองกับสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ทำให้ที่ผ่านมามีแนวคิดที่ว่าจะนำรถไฟฟ้าสายสีแดง ใช้ร่วมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เนื่องจากมีขนาดรางที่เท่ากันคือ รางขนาด 1.435 เมตร แต่หากดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ต้องทำสถานีถี่มากขึ้น และทำให้แอร์พอร์ตลิงก์วิ่งได้ช้าลง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของแอร์พอร์ตลิงก์ ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่ปัจจุบันได้มีการวางรางขนาด 1 เมตรไว้ จะมีการนำไปหารือด้วยว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นรางขนาด 1.435 เมตรด้วยหรือไม่ และหากมีการปรับเปลี่ยนจะไม่กระทบต่อการประมูลจัดซื้อหัวจักรดีเซลใหม่ จำนวน 20 คันที่เพิ่งดำเนินการไป เนื่องจากปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีปัญหาขาดแคลนหัวจักรรถไฟอยู่ การจัดซื้อหัวจักรใหม่ 20 คัน เป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาหัวจักรรถไฟใหม่จำนวน 70 คัน |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 10/09/2012 8:45 am Post subject: |
|
|
จะถอนหงอกแกก็ตอนนี้แหละ และผมไม่เชื่อมือที่ปรึกษาระดับเทกระโถนอีกด้วย พูดเหมือนกับตัวเองเป็น รมว.เลยทีเดียว
เคยรับรู้เรื่องระบบ ARL หรือไม่ ? เพราะ เป็นระบบเดียวที่เชื่อมโยงขนส่งผู้โดยสารและสัมภาระระหว่างสนามบินขนาดใหญ่ทั้งสองแห่งเข้าด้วยกันโดยใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยที่สุด มิใช่ระบบขนส่งมวลชนแบบ BTS หรือ MRT แถมยังมีนโยบายลดค่าโดยสารให้เหลือเพียง 20 บาทตลอดสายอีกด้วย แล้วเขาจะลงทุนทำเกลืออะไร ? กู้เงินรัฐบาลมาลงทุนหรือเปล่า ก็ไม่ใช่
แค่คิดการบ้านนี้ ท่าน รมว.ก็สอบตกแล้ว เข้าใจว่าเริ่มมีเกาเหลาระหว่างกันในกระทรวงขึ้นแล้ว อย่าดันทุรังจนเป็นเรื่องราวเหมือนใน กห.ก็แล้วกัน |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44316
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/09/2012 9:57 pm Post subject: |
|
|
ขู่ขนคนเชียร์"ชัจจ์เลิกสีแดง คมนาคมหวั่นหากทบทวนโครงการล่าช้าอีก 3 ปี
ไทยโพสต์ 11 September 2555
ซัดกันนัว เสงี่ยม ขู่ "จารุพงศ์" เตรียมขนม็อบแดงเชียร์ ชัจจ์ พร้อมเล็งฟ้องผิดมาตรา 157 ด้านคมนาคมแจง สายสีแดงบางซื่อ-รังสิต มีจุดประสงค์การใช้งานต่างจากแอร์พอร์ตเรลลิงค์ หวั่นหากให้ทบทวนโครงการถอยหลังเข้าคลอง ล่าช้าออกไปอีกกว่า 3 ปี
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะเตรียมคนเสื้อแดงมาให้การสนับสนุนพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคมที่ให้ทบทวนโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และการปรับขนาดรางให้มีความกว้าง 1.435 เมตร เพราะทำให้โครงการดังกล่าวสามารถเชื่อมกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) 4 เส้นทาง หาก นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม ดึงดันเดินหน้าโครงการดังกล่าว ก็จะแจ้งความกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 เพราะโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่ผ่านความเห็นชอบสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ ซารัมย์ อดีต รมว.คมนาคม งบประมาณ 8.7 พันล้านบาท เกิดข้อผิดพลาดในทางวิศวกรรมหลายประการแต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหา หรือใช้การไม่ได้ ทำให้รัฐบาลสูญเสียเงินค่าปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยแต่ละเดือนนับร้อยล้านบาท
หากยังคงเดินหน้าระบบราง 1 เมตรเดิม จะผิดสนธิสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยการสร้างโครงข่ายการขนส่งทางรางรถไฟของประเทศในเอเชียและแปซิฟิก ที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับสนธิสัญญา ค.ศ.1969 ฉบับที่ 1 และ 2 ที่รัฐบาลได้ลงนามไว้ ซึ่งอาจจะถูกฟ้องต่อศาลโลกได้ว่า กระทรวงคมนาคมผิดสนธิสัญญาสากลในการขัดขวางไม่ให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งระหว่างประเทศ พ.ต.ต. เสงี่ยม กล่าว
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังไม่เข้าไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว เพราะต้องการให้รัฐมนตรีทั้งสองยุติปัญหาภายในกระทรวงเอง และไม่ต้องการก้าวก่ายการทำงาน อย่างไรก็ตาม นโยบายของพรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นพรรครัฐบาล เห็นว่าการใช้ระบบราง 1.43 เมตร ที่เป็นรางมาตรฐาน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยข้อดี คือการใช้ขนาดราง 1.43 เมตร ทางรัฐบาลจีนสนับสนุนการลงทุนให้รัฐบาลไทยทั้งหมด ค่าก่อสร้างทาง ราง สถานี และหัวรถจักร โดยให้ผ่อนชำระในภายหลัง 10 ปี ในรูปบาร์เตอร์เทรด หรือเป็นตัวเงิน แต่ข้อเสียคือ ไทยจะเสียเปรียบทางการค้า เนื่องจากจีนสามารถยึดเศรษฐกิจอาเซียนด้วยระบบรางจากการขนส่งสินค้ามาขายได้อย่างสะดวก
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม โครงการรถไฟฟ้าสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิตนั้น มีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างจากโครงการส่วนต่อขยายรถแอร์พอร์ตเรลลิงค์ พญาไท-มักกะสัน-ดอนเมือง โดยสายสีแดงนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ความปลอดภัย จึงต้องยกระดับเพื่อข้ามจุดตัดที่มีอยู่ 21 จุด รวมถึงเพื่อการขนคนที่อยู่ชานเมืองเข้ามาทำงานในเขตเมือง ส่วนโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์นั้น เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้เฉพาะเป้าหมาย เชื่อมต่อระหว่างสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ รวมถึงเตรียมที่จะขยายออกไปยัง จ.ระยอง
หากมีการทบทวนหรือชะลอการดำเนินงานโครงการรถไฟสายสีแดงนั้น เท่ากับเราถอยหลังเข้าคลอง สัญญาที่มีอยู่ทั้งหมดก็ต้องเริ่มใหม่ และราคาก็ต้องคิดกันใหม่ คงไม่ได้ราคาเดิม แต่จะแพงมากขึ้น ซึ่งโครงการก็ต้องล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อย 3-4 ปี ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่โครงการรถไฟพัฒนาประเทศจะเกิดได้ ที่ผ่านมาก็ล่าช้าไปมากแล้ว แหล่งข่าวกล่าว
นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมติดตามการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทางประมาณ 18.4 กม. วงเงิน 52,851 ล้านบาท ได้มีมติให้ทบทวนรูปแบบการลงทุน จากเดิมที่ ครม.มีมติให้ลงทุนแบบ PPP Gross Cost หรือรัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และให้เอกชนลงทุนระบบเดินรถไฟฟ้า เป็นแบบ PPP Net Cost หรือรัฐเป็นผู้ลงทุนระบบราง และจ้างเอกชนเดินรถแทน เนื่องจากพบว่าจะมีประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า รวมทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนการเดินรถ หลังจากนี้ จะเสนอให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม พิจารณาเพื่อนำเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป. |
|
Back to top |
|
|
|