View previous topic :: View next topic
Author
Message
CivilSpice
1st Class Pass (Air) Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
Posted: 01/07/2013 9:58 pm Post subject:
ขอบพระคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ พร้อมรายละเอียดครบครัน ที่นำมาให้ชมครับพี่ MirageII
ช่วงหลังๆ ผมไม่ค่อยได้ไปไหนไกลๆ มากนัก เพราะภารกิจมากมาย ทั้งส่วนตัวและที่ออฟฟิศ
เลยต้องอาศัยติดตามชมจากพี่น้องในเว็บนี้และใน Facebook แทนเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 9:30 am Post subject:
สวัสดีครับ ท่านตุ๋ย ด้วยความยินดีที่ได้ทักทายกัน ผมชอบเรื่องราวของพี่ที่ไปเที่ยวแล้วกลับมาแซวกัน จนได้ฉายาหลวงอัคคีเทพ ในระดับสุดยอด (สมญานามเดิม "เบิร์นเทพ") หวังว่าสักวันคงได้มีโอกาสมาพบกันบ้างนะครับ
ยอมรับว่าผมชอบรูปนี้จริงๆ จะว่าไปแล้วคุณกลับเป็นฝ่ายถูกเผาเองซะมากกว่า ดูๆ แล้วก็เหมือนกับตัวผมเองเลย
มาเดินทางต่อกันดีกว่าครับ
จากภาพ ตอนนี้ถึงทางแยกซ้ายเข้าไปยังสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำสวีแล้ว ชมบรรยากาศริมทางก่อนเข้าถึงตัวสะพาน (ผมถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการตามรอยรถไฟ ที่ต้องผ่านป่าเขา ชุมชนในชนบทต่างๆ หลากหลาย)
เริ่มเห็นป้ายเตือนรถไฟแล้ว ถือว่าไม่หลง และใกล้ถึงรางรถไฟ Last edited by mirage_II on 05/12/2017 11:48 pm; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 9:43 am Post subject:
พ้นแนวสวนต้นไม้ทางขวามือ ก็เป็นที่โล่งมองไปทางขวามือไม่ไกลนักก็เจอเป้าหมายแรกของวันนี้ทันที ยืนโก่งโค้งอยู่นั่นเอง (เป็นจินตนาการของผม ตั้งแต่เห็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ตัวใหม่ที่สร้างคู่กับสะพานเสาวภา เมื่อมองจากจุดตัดถนนในรูปข้างล่าง ดูแล้วคล้ายๆ กับหุ่นยนต์รบแบบสี่ขาเดินได้ขนาดยักษ์ในภาพยนต์เรื่องสตาวอร์ตอน 2 ของฝ่ายจักวรรดิ์ บนดาวหิมะ เลย)
หลังจากหาที่จอดรถร่มๆ ให้สมาชิกที่มาด้วยกันได้พัก ซึ่งหายากพอควรเพราะแถวนั้นเป็นที่โล่ง ร่มไม้ต้องข้ามรางไปอีกด้านสักระยะหนึ่ง แถมเป็นทางโค้งอีก เสียวรถที่ผ่านมาจะเฉี่ยวเหมือนกัน เสร็จแล้วก็เดินกลับมายังราง มองไปทั้งสองด้านดังแสดงในภาพข้างล่าง
จากจุดข้ามทางรถยนต์ มองไปทางสะพานรถไฟ กับ ด้านตรงข้าม ที่เป็นทางโค้งลับตา ที่มีเรื่องเล่าว่า สะพานแห่งนี้หลุดลอดจากการถูกทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ เพราะเป็นทางโค้งทั้งสองด้าน (เดี๋ยวข้ามสะพานไป ก็จะเห็นโค้งอีกด้าน) เครื่องบินบินตามรางมาเรื่อยๆ พอใกล้ถึงตัวสะพานก็กดปุ่มปล่อยลูกระเบิด (บอมบ์) แล้วรางก็เปลี่ยนทิศทางทันที เลยพลาดทุกครั้ง
ที่มา :
http://www.oknation.net/blog/kondee007/2010/02/24/entry-1
Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:28 am; edited 4 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 10:02 am Post subject:
ลองมองไปทางรางรถไฟทั้งสองด้านบ้าง เห็นไม่ไกลแต่พอเดินไม่ใกล้นะครับ คุณพ่อผมเคยเรียกว่า "ใกล้ตา ไกลteen" ยิ่งเดินบนไม้หมอน หรือหินกรวดคันทางอีก ระยะทางคูณสองไปเลยครับ
ใกล้จะถึงตัวสะพานแล้ว ในตอนแรกผมไม่คิดจะเดินข้ามเพราะเป็นสะพานยาวมาก กลัวรถไฟมา เพราะมีทางโค้งก่อนถึงสะพานทั้งสองด้าน ซึ่งทางโค้งทั้งสองนี้เป็นเหตุให้สะพานแห่งนี้รอดจากการถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเครื่องบินทิ้งระเบิดจะขับตามรางรถไฟมา พอใกล้ถึงสะพานก็จะกดปุ่มทิ้งระเบิด แต่ทางรถไฟดันโค้ง เลยทำให้พลาดเป้าไป ไม่ว่าจะบินมาจากด้านใด
ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงลวดสลิงริมรางแกว่งตัวไปมา แสดงว่าน่าจะมีรถไฟมา ผมเลยหยุดรอเก็บภาพรถไฟ ซึงไม่นานก็มีรถไฟขบวนสั้นๆ วิ่งตามผมมาจากทางทิศเหนือ ผมใช้กล้องซูมดู.. :กำลังผ่านจุดตัดทางรถยนต์พอดี)
ปู๊นๆ มาแล้ว ครับ Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:07 am; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 10:10 am Post subject:
รถไฟข้ามสะพานไปแล้ว นับเป็นโอกาสทองของผมทันที ที่จะได้เดินข้ามสะพานรถไฟแห่งนี้ เพราะกว่ารถไฟจะผ่านมาอีก ก็คงใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 นาที ผมต้องรีบไปละ อ้อ..รถไฟที่ผ่านไปนั้น ผมลองตรวจสอบจากในเว็บดูแล้ว คาดว่าเป็นรถด่วนพิเศษ ขบวน 43 กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี กำหนดเวลาเข้าสถานีสวี 15:04 น. แต่เวลาขณะนั้น 15:44 น.แล้ว สายไปเกือบชั่วโมง พขร.เลยบึ่งซะอย่างนั้น
ก่อนข้าม ขอเล็งภาพหน้าตรงสักภาพ
ในอันที่จริงสะพานแห่งนี้มีทางเดินอยู่ทางด้านซ้าย (ทิศตะวันออก) แต่ปัจจุบันไม่มีแผ่นไม้ให้รองเดินแล้ว ดูแ้้ล้วหวาดเสียวกว่าบนรางมาก (ภาพขวา ลองเดินมาเล็งทางทิศตะวันตกบ้าง) Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:08 am; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 12:33 pm Post subject:
เริ่มก้าวเข้าไปในสะพานแล้วละ สังเกตุดูไม้หมอนใช้เหล็กรูปตัวไอดูแข็งแรงมาก ดีกว่าสะพานหลายแห่งที่ยังใช้ไม้เก่าๆ ผุๆ เดินแล้วกลัวจะหักตกลงไปข้างล่าง ผมเลือกเดินฝั่งริมซ้าย เผื่อรถไฟมาตอนอยู่กลางสะพานจะได้ปีนไปยังทางเดินด้านข้าง เพราะมีราวให้จับได้
ตอนนี้มาอยู่ตรงกลางสะพานพอดีแล้ว ปกติถ้าไม่เห็นรถไฟมา จุดนี้จะถือว่าเสียวที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ใช่ กลายเป็นขากลับต่างหากที่ต้องเสี่ยงกับรถไฟ มองไปยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเห็นมีถนนลูกรังมาลอดใต้สะพาน น่าสนใจถ้าหากนำรถยนต์เ้ข้ามาถึงตัวสะพานได้ Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:09 am; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 12:39 pm Post subject:
ลองสัมผัสความเสียว ตรงจุดกลางสะพานดูบ้าง มองไปทางซ้ายมือฝั่งทิศตะวันออก มีทางเดินอยู่ไม่เสียว
มองไปทางขวามือฝั่งทิศตะวันตก จะดูโล่งๆ มองเห็นสะพานรถยนต์อยู่ไม่ไกล เดี๋ยวผมต้องไปจุดนั้นให้ได้เพื่อเก็บภาพสะพานนี้จากระยะไกล
ลองก้มดูข้างล่าง อา... ดูแล้วเสียว จนถือกล้องไม่นิ่งเลย ต้องรีบเดินต่อละ Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:11 am; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 12:57 pm Post subject:
เกือบลืมวางคลิ๊ปวิดีโอไว้ให้ดูบรรยากาศตอนยืนอยู่กลางสะพานเพียงคนเดียว
ความจริงมีเรื่องลี้ลับอยู่ที่สะพานแห่งนี้ด้วย คือมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่มาสวีทกันบนทางเดินข้างสะพาน พอดีมีโจรวิ่งหนีตำรวจมา โจรเลยจับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ผู้ชายจึงเข้าต่อสู้จนตกน้ำไปทั้ง 3 คน ซึ่งก่อนตกสะพานตำรวจได้ยิงปืนใส่โจรด้วย ในภายหลังพบศพโจร แต่หนุ่มสาวได้หายสาบสูญไป
เรื่องราวน่าสะพรึงกลัว ต่อจากนี้ ก็คือ..... หลังจากนั้นทุกคืนชาวบ้านริมคลอง จะเห็นหนุ่ม-สาว พายเรือกัน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวกัน ไม่กล้าออกเดินเรือกลางคืน จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใคร กล้าเดินเรือในยามกลางคืน และสร้างบ้านริมน้ำเลย และแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นหนุ่ม-สาวคู่นั้นแล้วก็ตาม " ความรู้สึกแบบนี้ถ้าลองได้มาสัมผัสเองตรงนี้จะเข้าใจเลย เพราะสภาพต้นไม้ที่ขึ้นรกทั้งสองข้างทางก็ชวนให้รู้สึกลึกลับแล้วครับ
ตอนนี้ผมข้ามสะพานมาอยู่ฝั่งใต้แล้ว แม้จะรู้สึกดีใจ แต่ก็แอบกังวลใจ ว่าตอนเดินข้ามกลับจะเจอรถไฟหรือไม่
มองกลับไปยังตัวสะพานที่เิืพิ่งเดินข้ามมา จะเห็นว่าฝั่งนี้ล้ำตลิ่งเข้ามาเยอะ ขนาดมีทางรถยนต์ลอดใ้ต้ได้ ลองวัดระยะทางจากแผนที่ดาวเทียม พบว่าสะพานมีระยะทางบนผิวน้ำประมาณ 50 เมตร เชิงสะพานฝั่งถนนลอดประมาณ 20 เมตร และเชิงสะพานฝั่งเหนือประมาณ 10 เมตร Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:13 am; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 5:57 pm Post subject:
ถอยห่างออกมาเก็บภาพเชิงสะพานฝั่งใ่ต้ได้เต็มๆ หน่อย แถมด้วยทางเดินฝั่งนี้ก็เหมือนๆ กับฝั่งเหนือ ที่ต้องยอมรับว่า เดินบนรางง่ายกว่ากันเยอะ (นับว่าแปลกดี ทำไมต้องปล่อยให้ทางเดินด้านข้างชำรุดเสียหายขนาดนี้)
ต้องรีบกลับละ เดี๋ยวรถไฟผ่านมาอีกจะยุ่ง ขากลับเดินรวดเดียวมาถึงเชิงสะพานฝั่งเหนือเลย เฮ้อ..ค่อยโล่งใจหน่อย นี่ถือเป็นด่านแรกของการสำรวจในทริปนี้นะนี่ ก็เล่นเอาตื่นเต้นซะไม่มี
เดินกลับมายังจุดตัดถนน ผ่านเสาสัญญาณไฟเข้าสถานีสวี(เสานอก) โปรดสังเกตุว่ายังอยู่ในตำแหน่งปล่อยให้รถผ่านเข้ามาสถานีเช่นเดิม น่ากลัวว่าอีกไม่นานจะมีรถไฟอีกขบวนล่องตามมาอีกแน่นอน Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:25 am; edited 2 times in total
Back to top
mirage_II
1st Class Pass (Air) Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
Posted: 02/07/2013 7:24 pm Post subject:
ภาพบน :ขับรถย้อนกลับออกมาเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกข้้างในก่อนถึงถนนใหญ่สายเพชรเกษม ตามแผนที่ดาวเทียมบริเวณอำเภอสวีข้างต้น ไม่ไกลก็ถึงสะพานรถข้ามแม่น้ำสวี แต่เหลือบเห็นป้ายชื่อแม่น้ำข้างล่าง กลับมีชื่อว่า "คลองสวีหนุ่ม" ก็อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าหนุ่มสาวที่ตกน้ำหายสาบสูญ แล้วมาปรากฏตัวลึกลับทุกคืนในสมัยก่อน
ภาพล่าง : เมื่อเดินขึ้นสะพานมา มองไปทางซ้ายก็คือสะพานรถไฟที่ผมไปข้ามมาเมื่อครู่นั่นเอง
ภาพบน : อันสะพานนี้มีชื่อเป็นทางการว่า "สะพานสวีพัฒนา" สร้างเมื่อปี พ.ศ.2544 นี้เอง สมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีสะพานก็คงต้องอาศัยสะพานรถไฟเดินข้ามกัน สำหรับรถยนต์ก็คงต้องไปออกถนนเพชรเกษมโน้นเลย
ภาพล่าง : ไปยืนชิดราวสะพาน แล้วมองไปยังสะพานรถไฟ จะเห็นสะพานไม่ครบ เพราะถูกต้นไม้บังสะพานด้านใต้ไปเกือบครึ่งสะพาน จากภาพพอมองเห็นหลังคาโรงเรือนเล็กๆยื่นลงไปในน้ำ คาดว่าเป็นบ้านของนายฮก บุญสมบัติ ที่เคยนำผ้ายันต์หลวงพ่อไปปิดสะพานช่วงสงครามโลกเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกทิ้งระเบิดในคราวนั้น และนอกจากนี้ บ้านหลังนี้ยังเคยถูกใช้เป็นที่ว่าการอำเภอสวีชั่วคราวในปี พ.ศ.2462
ที่มาของข้อมูล http://www.oknation.net/blog/kondee007/2009/12/17/entry-1 Last edited by mirage_II on 06/12/2017 12:27 am; edited 2 times in total
Back to top