View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
CivilSpice
1st Class Pass (Air)
Joined: 18/03/2006 Posts: 11192
Location: หนองวัวหนุ่มสเตชั่น
|
Posted: 03/02/2014 3:39 pm Post subject: World Famous Spiral Curve, Tehachapi Loop |
|
|
TEHACHAPI LOOP
A World-Famous Railroad Construction Achievement of the 19th Century
Located about eight miles west of Tehachapi, California, near Highway 58
ประวัติและความเป็นมา
ใน ปี ค.ศ. 1870 บริษัท Southern Pacific (Central Pacific) มีความพยายามเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ ในช่วงแคลิฟอร์เนียตอนกลาง ไปยังแคลิฟอร์เนียตอนใต้ โดยเส้นทางที่วางแผนเอาไว้ ถูกขวางกั้นโดย เทือกเขา Tehachapi ซึ่งตั้งตระหง่านเป็นปราการทางธรรมชาติ ระหว่างเมือง Bakersfield และ นคร Los Angeles ทำให้การก่อสร้างทางรถไฟจากทางตอนใต้ ไม่สามารถที่จะกระทำได้ ดังนั้น บริษัท Southern Pacific จึงคิดที่จะวางรางรถไฟ จากทางตอนกลาง มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านตรงมายังเทือกเขา Tehachapi ซึ่งมียอดสูงสุดถึง 4,000 ฟุต
Image by Mr. Matthew Trump
http://en.wikipedia.org/wiki/Tehachapi_Pass
การก่อสร้างทางจาก เมือง Bakersfield ไปยัง เมือง Caliente นั้น ไม่ลำบากมากนัก เหมือนการก่อสร้างทางรถไฟตามปกติ แต่ทว่า การก่อสร้างทางหลังจากจุดนั้น เป็นการก่อสร้างที่จะต้องยกระดับทางรถไฟ ซึ่งเพิ่มความลาดชันขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะจาก Caliente ถึงจุดสูงสุด ที่เรียกว่า City of Tehachapi มีความสูงถึง 2,735 ฟุต โดยมีค่าความชันอยู่ที่ 2.2% ในการก่อสร้าง ได้ทำการวางรางรถไฟ ลัดเลาะตามแนวไหล่เขาของเทือกเขา Tehachapi .... แต่ William Hood วิศวกรผู้ควบคุมงานก่อสร้างในขณะนั้น ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่แก้ไม่ตก เนื่องจากด้านตะวันออกของเมือง Keene มีค่าความต่างระดับที่ จำเป็นต้องสร้างทางรถไฟ สูงขึ้นถึง 80 ฟุต ซึ่งไม่สามารถทำการวางรางขึ้นไปโดยตรงตามแนวทางปกติ
Image by Trainweb.Org
http://www.trainweb.org/brettrw/maps/loop.html
ปัญหาดังกล่าว ถูกแก้ไขโดยวางรางรถไฟให้เป็นแนวโค้งเดี่ยว เริ่มจากทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ของเมือง Keene โดยในลำดับแรก ขบวนรถไฟจะลอดผ่านอุโมงค์ จากนั้นขบวนรถไฟจะแล่นผ่านโค้ง ไปตามเส้นทางในทิศทวนเข็มนาฬิกา ข้ามอุโมงค์ที่ลอดผ่านมาในตอนแรก ก่อนที่จะมุ่งไปทางทิศตะวันออก โค้งที่ออกแบบ มีความยาวเพียงพอ ที่จะทำให้ขบวนรถ ผ่านระดับความสูงที่แตกต่างกันได้ โดยโค้งนี้มี ความยาว 3,799 ฟุต มีเส้นผ่านศูนย์กลางของโค้ง ยาวประมาณ 1,210 ฟุต วิศวกร William Hood สามารถทำให้การไต่ระดับของทางรถไฟในช่วงดังกล่าว ผ่านความสูงได้ถึง 77 ฟุต และด้วยขบวนรถไฟสมัยใหม่ ที่มักจะพ่วงตู้สินค้าความยาวเกิน 1 ไมล์ อยู่เป็นประจำ เราก็จะได้เห็นว่าหัวรถจักรที่ทำขบวนอยู่ กำลังแล่นข้าม (หรือลอด ตามทิศทางของขบวนรถ) ท้ายขบวนรถของตัวเอง
Image by Mr. Christopher Muller
http://www.railserve.com/tehachapi/
ทางรถไฟจาก Bakersfield ไปยังจุดสูงสุดของเส้นทาง บนเทือกเขา Tehachapi สร้างเสร็จสมบูรณ์ใน วันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1876 ตลอดเส้นทางจะผ่านอุโมงค์จำนวน 18 แห่ง รวมความยาว 8,240 ฟุต รวมระยะทางจาก Caliente ถึงจุดสูงสุด (Summit) มีความยาวประมาณ 16 ไมล์
การก่อสร้างอยู่ในความดูแล ของวิศวกรชาวอเมริกัน และคนงานชาวจีน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเมืองกวางตุ้ง (Canton) โดยใช้ระเบิดไดนาไมท์ พร้อมเครื่องมือขุดเจาะในสมัยนั้น ในการทำงาน คนงานจำนวนมากต้องเสียชีวิต เนื่องจากการทำงานที่เสี่ยงอันตราย
คนงานชาวจีน เรียก Tehachapi Loop ว่า "Walong" ซึ่งก็ไม่มีความหมายโดยตรงในภาษาจีนกวางตุ้ง แต่นักแปลภาษาเข้าใจว่า Walong เกิดจากคำในภาษาจีน 2 คำ ผสมกัน
Dr. Fung Chi Ming จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ฮ่องกง อธิบายว่า Wa หมายถึง China หรือ Chinese และ Long น่าจะมาจากภาษาจีนกวางตุ้ง หมายถึง Road หรือถนน ดังนั้น คำว่า "Walong" น่าจะหมายถึง "Chinese Road" หรือแปลว่า ถนนของชาวจีน
James W.H. Wong ให้ความเห็นว่า Wa จริงๆ แล้วน่าจะเป็นคำว่า "Wan" ที่หมายถึง สิ่งที่ม้วนขดเป็นวง และคำว่า Loon ในภาษากวางตุ้ง สำหรับหูของคนอเมริกัน น่าจะฟังเป็นคำว่า Long โดยคำว่า Loon นั้น หมายถึง Dragon หรือ มังกร ในกรณีนี้ Walong น่าจะหมายถึง "Coiled Dragon" หรือ "โค้งมังกร" ซึ่งน่าจะถือเป็นอีกชื่อหนึ่ง ของ Tehachapi Loop ได้
ความลาดชัน (Grade) ของทางรถไฟจาก Keene ถึง Tehachapi สร้างปัญหาให้กับการเดินรถไฟเป็นอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1882 ได้มีการนำเอารถจักรไอน้ำที่ออกแบบและพัฒนามาเป็นพิเศษ ชื่อว่า "El Gobernador" มาใช้ลากจูงขบวนรถ ผ่านช่องเขา ซึ่งเป็นรถจักรที่มีขนาดใหญ่โตและกำลังสูง แต่นำมาใช้ได้ไม่นาน El Gobernador ก็ถูกยกเลิกการใช้งาน
Image by Peter J. McClosky
http://home.earthlink.net/~pmcclosky/spwebresources.html
ทุกวันนี้ เส้นทาง Tehachapi Loop ใช้งานร่วมกันของสองบริษัทรถไฟในประเทศ คือ Union Pacific และ Santa Fe โดยเส้นทางนี้ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ ในการนำเอาผลิตผลทางการเกษตรและปิโตรเลียม จาก San Joaquin Valley ไปยัง Arizona และพื้นที่ด้านตะวันออก มีขบวนรถสินค้าผ่านเส้นทางนี้ อย่างน้อยวันละ 40 ขบวน ทำให้เป็นเส้นทางรถไฟที่มีการสัญจรคับคั่งเส้นทางหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา การเดินรถสินค้าที่มีความยาวมากๆ ผ่านเส้นทางนี้บางครั้ง ไม่สามารถใช้รถจักรที่พ่วงตามปกติทำขบวนผ่านได้โดยตรง เพราะจะทำให้เกิดแรงดึงสูงที่บริเวณขอพ่วงจากด้านหัวขบวนรถอีกด้วย ดังนั้น จึงมีการนำเอารถจักรช่วยทำการ (Helper Engine) เข้ามาพ่วงไว้ในบริเวณกลางขบวน จนกระทั่งผ่านจุดสูงสุดของเทือกเขา Tehachapi รถจักรช่วยทำการจะถูกถอดออกจากขบวน แล้วแล่นกลับไปยังเมือง Bakersfield
Image by Mr. Christopher Muller
http://www.railserve.com/tehachapi/
ในปี ค.ศ. 1950 มีขบวนรถโดยสารหลายขบวน ผ่าน Tehachapi Loop แต่ปัจจุบันนี้ ได้ยกเลิกการเดินขบวนรถโดยสารแล้ว ซึ่งรถโดยสารขบวนสุดท้ายถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1971 เมื่อก่อนนี้ ขบวนรถโดยสารชั้น 1 ที่เดินทางมายัง Bakersfield ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 40 นาที แต่ปัจจุบัน หากใช้ทางหลวงหมายเลข 58 สามารถที่จะขับรถยนต์มาถึง Bakersfield ได้ ในเวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น และด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ขบวนรถโดยสาร ไม่ได้รับความนิยม และเลิกเดินรถไฟในที่สุด แต่ถ้าใครอยากจะสัมผัสบรรยากาศ การเดินทางด้วยรถไฟผ่าน Tehachapi Loop ก็สามารถ ไปหาวิดีโอเทปแนะนำการท่องเที่ยวทางรถไฟ ชื่อว่า "Tehachapi" ความยาว 80 นาที ที่นำเสนอโดย Tehachapi Radio Shack มาชมได้ (โค้ด 805/8224512)
มีหนังสือดีๆ เล่มหนึ่ง ความหนา 300 หน้า ซึ่งกล่าวถึงการสร้างทางรถไฟสายนี้ ชื่อว่า "TEHACHAPI" (Southern Pacific - Santa Fe) พิมพ์ในปี ค.ศ. 1983 โดย John R.Singor สำนักพิมพ์ Golden West Books, San Marino เลขที่ CA 91108 ISBN 0-87095-088-6 หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งสุดท้าย เมื่อปี ค.ศ. 1996 และยกเลิกการผลิตไปแล้ว แต่ยังคงพอหาอ่านได้ จากในห้องสมุดหลายๆ แห่ง
บริเวณจุดกึ่งกลางของโค้ง ณ จุดสูงสุดของอดเขา ที่รู้จักกันดีว่า The Cross of The Loop จะมีไม้กางเขนขนาดใหญ่สีขาว ปักเอาไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ ให้กับพนักงานของ Southern Pacific 2 คน ที่เสียชีวิต เนื่องจากอุบัติเหตุ ขบวนรถไฟตกรางเมื่อ วันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1989 ที่ San Bernardino, California
หมายเหตุ
- แปลและเรียบเรียงเพิ่มเติม จาก http://www.tehachapi.com
- ชมภาพรถไฟบริเวณ Tehachapi Loop โดย Mr. Christopher Muller คลิกที่นี่
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44329
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 04/02/2014 8:34 am Post subject: |
|
|
ขอบคุณคุณบอมบ์มากครับ ที่นำข้อมูลความรู้มาเผยแพร่ให้อ่านกัน
ทางรถไฟแบบ loop นี้ ที่พม่าก็มีครับ ยังหาโอกาสไปชมของจริงไม่ได้สักที ส่วนที่ญี่ปุ่นก็เห็นมีแต่แบบ Zig Zag
นี่ถ้า Tehachapi loop อยู่ในบ้านเรา คงต้องอาศัยเว็บรถไฟไทยดอทคอม จัดขบวนพิเศษนำเที่ยว ไปดู loop นี้นะครับ เพราะไม่มีขบวนรถโดยสารผ่านแล้ว |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 04/02/2014 10:38 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณท่าน วมต. ที่นำสาระอันน่าสนใจเกี่ยวกับทางรถไฟก้นหอย (TEHACHAPI LOOP) มาให้รับชมกัน ณ ที่นี้
แถวๆสวิสมีทางรถไฟก้นหอยทำนองเดียวกันนี้หลายแห่ง แต่ดูไม่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเท่าที่อเมริกา เห็นแล้วอยากไปดูของจริงขึ้นมาทันทีเลย วีซ่าเข้าเมืองลุงแซมยังเหลืออีกตั้ง ๖ ปี (จาก ๑๐ ปี) แต่พอนึกถึงระยะทาง และชั่วโมงบินแล้ว รู้สึกท้อใจ ไปเที่ยวรถไฟแถวๆยุโรป/แอฟริกา/เอเชีย ก่อนดีกว่า _________________ นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 05/02/2014 8:21 am Post subject: |
|
|
เอาแค่พม่าก่อนสิครับ อ.ตุ้ย เส้นทางสายมัณฑะเล - ลาเฉียว น่าสนใจออก
ถ้ามีเวลาเหลือเฟือและร่างกายพร้อม โน่นเลยครับ สายลาซา ประเทศจีน |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 05/02/2014 8:23 am Post subject: |
|
|
Tehachapi เคยแปลความหมายจากภาษาอินเดียนแดงเจ้าถิ่นได้ความว่า เขาช่องลม |
|
Back to top |
|
|
|