Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13263797
ทั้งหมด:13575080
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 105, 106, 107 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 30/09/2014 9:25 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.ผุดคอมเพล็กซ์6.5หมื่นล.-พหลฯทำเลทอง ให้เอกชนลงทุนแลกสัมปทาน30ปี
ข่าวสด (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557
Click on the image for full size

อภิมหาโครงการ"รฟท."6.5หมื่นล. สร้างคอมเพล็กซ์"ใต้ดิน"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 29 กันยายน 2557 เวลา 12:35:06 น.

รฟท.วางแผนสร้างคอมเพล็กซ์ใต้ดิน ริมถนนพหลโยธิน เชื่อมต่อศูนย์คมนาคม บนพื้นที่ 117 ไร่ มูลค่ามหาศาล 6.5 หมื่นล้านบาท ให้เอกชนลงทุนแลกสัมปทาน 30 ปี ตอนนี้กำลังศึกษารายละเอียด คาดแล้วเสร็จปี 2562


นายวิจิตต์ นิมิตวานิช ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบขนส่งและจราจร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.จะนำเสนอผลการศึกษาโครงการระบบเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณศูนย์คมนาคม พหลโยธินที่แล้วเสร็จในเบื้องต้นให้ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม พิจารณา ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษารายละเอียดและ ออกแบบโครงการเพิ่มเติมโดยใช้งบประมาณปี 2558 วงเงิน 50 ล้านบาท


คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาว่าจ้างได้ภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี จึงทราบรายละเอียดการออกแบบรูปแบบการลงทุน วงเงินลงทุน และผลการตอบแทนการลงทุน (ไออาร์อาร์) อย่างชัดเจน จากนั้นจะสามารถเปิดประกวดราคาได้ในปี 2559


โครงการดังกล่าว จะใช้พื้นที่ย่านพหลโยธินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 117 ไร่ จากทั้งหมด 2,000 ไร่ พัฒนาเชิงพาณิชย์ในลักษณะของพลาซ่าใต้ดิน จำนวน 3 ชั้น มีทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีกลางบางซื่อ รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีหมอชิต และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินที่สถานีกำแพงเพชร และสถานีจตุจักร ส่วนระดับพื้นดินจะพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวและลานอเนกประสงค์เพื่อให้กลม กลืนกับสวนจตุจักร


"ผลการศึกษาเบื้องต้นระบุว่าโครงการเฟส แรกมีมูลค่า 6.5 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยอาคารพลาซ่า 6 หมื่นล้านบาท และรถด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ช่วงบางซื่อ-อาคารเอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (เอ็นโก้) มูลค่า 5 พันล้านบาท"


ส่วนเฟสที่ 2 มีมูลค่าการลงทุนไม่สูงนัก ประกอบด้วยการเดินรถ บีอาร์ที ช่วงอาคารเอ็นโก้-จตุจักร-บางซื่อ เพื่อให้การเดินรถรับส่งครบวงจร และลงทุนโครงการพัฒนาขนาดเล็กต่างๆ เช่น ศูนย์ควบคุมการจราจรอัจฉริยะ การปรับปรุงทางแยก เป็นต้น


สาเหตุที่ต้องแยกการเดินรถออก เป็น 2 เฟส เพราะในเฟสแรก ยังมีผู้ใช้บริการไม่คุ้มค่ากับการเดินรถครบวงจร และต้องรอให้พื้นที่ในโครงการจำนวน 9 ไร่หมดสัญญาเช่ากับผู้เช่ารายเดิมก่อน


สำหรับรูปแบบการลงทุนจะใช้วิธีเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (Public-Private Partnership : PPP) กับ รฟท.ด้วยการให้เอกชนที่ได้รับสัมปทานจะเป็นผู้สร้าง บริหารงาน และส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่รัฐ ส่งผลให้ภาครัฐไม่ต้องใช้งบประมาณลงทุน 6.5 หมื่นล้านบาท


โครงการนี้จะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จประมาณปี 2562 ล่าช้ากว่ากำหนดในปี 2560 โดยผลการศึกษาเบื้องต้นชี้ว่าจะมีผู้มาใช้บริการ 2 แสนคน/วัน สร้างผลตอบแทนให้เอกชนที่มาลงทุนกว่า 16% ขณะที่ รฟท.จะได้รับค่าเช่า 3 พันล้านบาทตลอดอายุสัญญา 30 ปี หลังจากนั้นเอกชนต้องโอนทรัพย์สินคืนให้



Note:พัฒนาบริเวณย่านพหลโยธิน - กว่าจะลงนามกันได้ก็ปี 2559
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=642079572556293&set=a.597637947000456.1073741828.100002627684760&type=1
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 01/10/2014 9:32 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.ผุดโครงการยักษ์เพิ่มรายได้
พิรุนนิวส์
พุธที่ 1 ตุลาคม 2557

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อนุมัติพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อพื้นที่ 218 ไร่ สร้างคอมเพล็กซ์ซิตี้ พร้อมเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่ง เร่งหารือ สคร. และคมนาคมสัปดาห์หน้าเพื่อให้ได้ข้อยุติ หลังพบรายได้ เบื้องต้นปี 58 ขาดทุน 18,000 ล้านบาท
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.ได้เห็นชอบในการนำที่ดินบริเวณใกล้กับสถานีกลางบางซื่อซึ่งมีที่ดิน 3 แห่งรวม 218 ไร่จากที่ดินทั้งหมดประมาณ 1,000 ไร่มาพัฒนาเป็นคอมเพล็กซิตี้ โดยจะจัดสรรเป็นศูนย์การค้า โรงแรม เป็นต้น ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าจะหารือกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมดว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดและหากสามารถทำได้จะจัดทำในรูปแบบพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกซนเข้าร่วมการงานหรือดําเนินการในกิจการของรัฐ หรือพ.ร.บ.ร่วมทุน ได้หรือไม่อย่างไร

นายออมสิน กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประมาณการรายได้ร.ฟ.ท. ปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.57-ก.ย.58) ว่า ร.ฟ.ท.จะมีรายได้ประมาณ 13,000 ล้านบาท รายจ่ายประมาณ 17,278 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายค่าบำเหน็ญบำนาญ 4,361 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ 3,434 ล้านบาท ทำให้ปี 58 ร.ฟ.ท.ขาดทุนถึง 18,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ได้สั่งให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินเร่งจัดเก็บค่าเช่าที่คงค้างที่สะสมถึง 2,000 ล้านบาทให้ได้ภายในปี 58 ด้วย หลังจากที่ประมาณการจัดเก็บค่าเช่าที่ดินในปี 58 จะเก็บได้เพียง 1,503 ล้านบาทเท่านั้น พร้อมสั่งให้ไปเร่งเช็คสัญญาการเช่าที่ดินใหม่ทั้งหมดเพื่อจัดเก็บรายได้ส่วนนี้ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คาดว่าหากทำได้ประมาณการรายได้ค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,503 ล้านบาทอย่างแน่นอน

นายออมสิน กล่าวว่า บอร์ด ร.ฟ.ท. ได้เห็นชอบให้ ร.ฟ.ท. รับค่าชดเชยเวนคืนที่ดินโครงการก่อสร้างทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก วงเงิน กว่า 1,500 ล้านบาทจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยงวดแรกกทพ.จะจ่ายให้ 1,200 ล้านบาท จากนั้น จะเจรจาว่าจะจ่ายงวดต่อไปอีกจำนวนเท่าไร ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งคณะกรรมการเจรจาเรื่องการเช่าที่ดินของบริษัท ปตท. โดยมี พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และกรรมการเป็นประธานเจรจา โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการเจรจาค่าเช่าที่ดินในเร็วๆ นี้

"เดิมมีการนัดหารือเรื่องการเจรจาค่าเช่าที่ดินของบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้เลื่อนการประชุมออกไปก่อน ซึ่งสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.56 และมีผลการศึกษาออกมาว่า ค่าตอบแทน ที่รฟท. ควรจะได้อยู่ที่1,792 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี หรือปีละ 59.73 ล้านบาท แต่ทาง ปตท.อาจจะขอต่อรอง ดังนั้นบอร์ดจึงได้ตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมาเจรจาให้ได้ข้อสรุป เพราะทางบริษัทปตท.พร้อมเจรจาเรื่องนี้แล้ว"

นายออมสิน กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.เห็นชอบให้มีการโยกย้ายตำแหน่งผู้บริหาร 3 ตำแหน่ง โดยให้ นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน เป็นรองผู้ว่าการ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 1 ,นายเทอดชัย เพ่งไพฑูรย์ รองผู้ว่าการหน่วยธุรกิจการเดินรถ เป็นหัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน และนางสิริมา หิรัญเจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายในเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ส่วนการสรรหาผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.นั้น คาดว่าจะมีการเรียกผู้สมัครทั้ง 4 คนมาแสดงวิสัยทัศน์สัปดาห์หน้า และได้ตัว ว่าที่ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ภายในเดือนต.ค.นี้ ก่อนเจรจาเรื่องค่าตอบแทนกับกระทรวงคลังต่อไป.

//------------

ร.ฟ.ท.สูญปีละ 2 พันล้าน เหตุสัญญาเช่าขาดอายุ “ออมสิน” สั่งเร่งแก้ พร้อมขายฝันผุดคอมเพล็กซ์รอบสถานีบางซื่อ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 ตุลาคม 2557 19:47 น.



ร.ฟ.ท.สูญปีละ 2 พันล้าน เหตุสัญญาเช่าขาดอายุ “ออมสิน” สั่งเร่งแก้ พร้อมขายฝันผุดคอมเพล็กซ์รอบสถานีบางซื่อ

“ออมสิน” จี้ ร.ฟ.ท.เคลียร์สัญญาเช่าที่ดินขาดอายุ พบสูญรายได้ถึง 2พันล้านต่อปี ยอมรับปี 58 ยังวิกฤต คาดขาดทุน 1.8 หมื่นล้าน เหตุรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายและมีภาระดอกเบี้ยและบำเหน็จบำนาญเกือบ 8 พันล้าน ปิ๊งพัฒนาที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อ ผุดคอมเพล็กซ์ โรงแรม หอบไอเดียหารือ “ผอ.สคร.” ขอไฟเขียวเปิดเอกชนร่วมทุนก่อน ส่วนปัญหาสัญญาเช่าที่ ปตท. ตั้ง “พล.ท.ชาญชัย” หัวหน้าทีมเจรจา และเห็นชอบโยกย้ายรองผู้ว่าฯ 2 คน และตั้ง ผอ.ทรัพย์สินคนใหม่

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดวันนี้ (1 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมได้รับรายงานผลการตรวจสอบการบริหารจัดการสัญญาเช่าทรัพย์สินและที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งพบว่ามีที่ดินจำนวนมากที่สัญญาเช่าครบอายุสัญญาแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการต่อสัญญาหรือทำการต่อสัญญาล่าช้าและไม่สามารถเก็บเงินค่าเช่าได้ คิดเป็นรายได้ที่หายไปในปี 2558 ประมาณ 2,000 ล้านบาท จึงเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.ไปตรวจสอบและบริหารจัดการใหม่ ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้คาดการณ์ว่าปี 2558 จะมีรายได้จากสัญญาเช่าที่ดินเพียง 1,502.12 ล้านบาท ซึ่งหากนำรายได้ที่สูญเสียนี้กลับมาจะช่วยทำให้มีรายได้จากที่ดินเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่มีการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2558 ว่าจะขาดทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 10,300 ล้านบาท มีรายจ่าย 17,278 ล้านบาท มีภาระบำเหน็จ บำนาญอีก 4,361 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้อีก 3,434 ล้านบาท

“ร.ฟ.ท.ได้กลับมารายงานข้อมูลเรื่องสัญญาเช่าที่ดินต่างๆ แล้วเห็นว่ารายได้หายไปตั้ง 2,000 ล้านบาท สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไม่ต่ออายุเมื่อสัญญาหมดจึงเก็บไม่ได้ หรือสัญญาที่ย่านจตุจักรที่มี 39 แปลง บางสัญญามีการฟ้องร้อง ศาลสั่งให้รถไฟชนะแล้วไม่ได้ไปบังคับคดี ปล่อยไว้ รายได้ก็หายไปด้วย เป็นต้น”

ส่วนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่มีมูลค่าการลงทุนสูงนั้น จะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ซึ่งที่ดินบริเวณสถานีมักกะสัน, สถานีแม่น้ำ และบริเวณพหลโยธินนั้นยังไม่คืบหน้า ทำให้ขณะนี้จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งสองฝั่งของตัวสถานีมีพื้นที่ว่าง 35 ไร่ และ 78 ไร่ และที่ดินบริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิตใหม่) อีก 105 ไร่ สามารถดำเนินการพัฒนาได้ทันทีเพราะมีการเคลียร์พื้นที่ไว้เพื่อก่อสร้างแล้ว ซึ่งได้มีการออกแบบคร่าวๆ ไว้เบื้องต้นว่าจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คอมเพล็กซ์ โดยมีทางเชื่อมเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อได้สะดวก ซึ่งในวันที่ 9 ตุลาคมนี้จะนำแผนเบื้องต้นไปหารือกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในส่วนของรูปแบบการร่วมทุนกับเอกชน เพื่อนำมาเข้าสู่ขั้นตอนการศึกษารายละเอียดต่อไป

“ผมได้นำแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อหารือกับนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งได้ให้พิจารณาในส่วนที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มีการศึกษาแผนการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธินในภาพรวมด้วยเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งเห็นว่าการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อมีความเป็นไปได้และทำได้รวดเร็ว โดยรถไฟไม่ต้องลงทุน เพียงแต่ศึกษากำหนดแนวทางในการให้เอกชนเข้ามาลงทุนให้ดีก็สามารถสร้างรายได้จากที่ดินในทำเลทองได้” นายออมสินกล่าว

ลดรองผู้ว่าฯ เหลือ 6 คน ตั้ง “สิริมา” ผอ.ทรัพย์สินลุยทวงหนี้ค้างชำระ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้ว่าฯ 2 ตำแหน่ง คือ นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ หัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ไปดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 1 แทนนายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว ที่เกษียณอายุ และโยกย้าย นายเทอดชัย เพ่งไพฑูรย์ หน่วยธุรกิจเดินรถ ไปดำรงตำแหน่ง หัวหน้าหน่วย ธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน และแต่งตั้งนางสิริมา หิรัญเจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายใน ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างผู้บริหารให้มีรองผู้ว่าร.ฟ.ท. 6 คนจากเดิม 7 คน โดยลดความซ้ำซ้อนรองผู้ว่าฯด้านการเดินรถให้เหลือคนเดียว ส่วนระดับผู้ช่วยผู้ว่าฯ และผู้อำนวยการฝ่ายนั้นบอร์ดจะมีพิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุมต่อไป โดยจะคัดสรรบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ตั้งใจทำงาน มีประวัติที่ดี เพื่อวางตัวให้สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู และรองรับรองผู้ว่าฯ ที่จะครบเกษียณอายุอีก 3 คนในปี 2558 ด้วย

ส่วน พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ได้รายงานความคืบหน้าว่า จะให้ผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติมาแสดงวิสัยทัศน์และสรุปผลการสรรหาฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้ตามเป้าหมาย โดยจะรายงานความคืบหน้าต่อบอร์ดในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคมนี้อีกครั้ง

พร้อมกันนี้ บอร์ดได้รับทราบกรณีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอจ่ายเงินค่าตอบแทนชดเชยการใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟฯ ในการก่อสร้างโครงการทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตกกรุงเทพมหานคร ก้อนแรกจำนวน 1,200 ล้านบาท ภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนที่เหลือจะมีการเจรจาต่อรองกันต่อไปเนื่องจาก ร.ฟ.ท.ได้ขอค่าชดเชยกว่า 1,500 ล้านบาท

ตั้ง “พล.ท.ชาญชัย” หัวหน้าทีมเจรจาสางปัญหาสัญญาเช่าที่ ปตท.

สำหรับกรณีปัญหาการเช่าที่ดินการรถไฟฯ ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ จำนวน 24 ไร่นั้น เบื้องต้นทางผู้บริหาร ปตท.ได้แจ้งว่าพร้อมที่จะเจรจาค่าเช่าหลังสัญญาเดิมหมดอายุตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 และยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งบอร์ดได้ตั้งคณะอนุกรรมการฯ ไปเจรจากับ ปตท. โดยมี พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง บอร์ด ร.ฟ.ท.เป็นประธานคณะอนุฯ คาดว่าจะเจรจาได้ข้อยุติในเวลาไม่นาน เพราะเชื่อว่า ปตท.คงไม่ต้องการย้ายไปอยู่ที่อื่น ส่วน ร.ฟ.ท.มีข้อมูลจากการศึกษาก่อนหน้านี้พร้อมนำไปเจรจาร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ


http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=-i3fHmFgVBg
//--------------
รถไฟฯปิ๊งไอเดียผุดแลนด์แบงค์'สถานีบางซื่อ' ดัน'คอมมูนิตี้คอมเพล็กซ์'
ข่าวเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์แนวหน้า --
พุธที่ 1 ตุลาคม 2557 18:57:00 น.
1 ต.ค.57 นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือบอร์ดการรถไฟฯเปิดเผยว่า ที่ประชุมการรถไฟฯได้เสนอถึงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟฯบริเวณพื้นที่ในบริเวณโดยรอบของสถานีกลางบางซื่อ 3 แห่ง รวมทั้งหมด 218 ไร่ เพื่อให้เป็นศูนย์ คอมมูนิตี้ คอมเพล็กซ์ ที่รวบรวมห้างสรรพสินค้า โรงแรม ย่านธุรกิจการค้าและอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แต่ในเบื้องต้น ยังไม่ได้ประเมินว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าใด อยู่ระหว่างรอหารือกับกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือสคร. แต่ทางการรถไฟฯอยากให้การลงทุนในพื้นที่แห่งนี้เป็นรูปแบบเอกชนร่วมทุน (PPP Cost) ซึ่งจะให้ภาคเอกชนทำการเช่าพื้นที่และบริหารงาน ส่วนการรถไฟฯจะทำการเก็บค่าเช่า

//---------------------

บอร์ดร.ฟ.ท.จี้ รื้อสัญญาเช่าที่ หลังรายได้สูญ
ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์
พฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2557 00:00:00 น.
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า บอร์ดได้สั่งการให้ฝ่ายทรัพย์สินไปดูที่ของ ร.ฟ.ท.ทั่วประเทศที่หมดสัญญาเช่า หลังจากดูข้อรายละเอียดพบว่า มีสัญญาเช่าที่ดินหลายรายที่หมดอายุและไม่ต่อสัญญา ทำให้ ร.ฟ.ท.สูญรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นอีก 1 ชุดเพื่อหารือกรณีการเช่าที่ของ บมจ.ปตท.
นายออมสินกล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด ร.ฟ.ท.ยังได้รับทราบกรณีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จ่ายเงินชดเชยให้แก่ ร.ฟ.ท.จำนวน 1,200 ล้านบาท ภายในเดือน ต.ค.2557 จากทั้งหมด 1,600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะต้องมีการเจรจากันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เงินดังกล่าวเป็นในส่วนของ กทพ.ขอใช้พื้นที่ก่อสร้างของ ร.ฟ.ท. ประมาณ 200 ไร่ ในก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตกกรุงเทพมหานคร
นายออมสินกล่าวว่า ร.ฟ.ท.ได้รายงานถึงการโยกย้าย ข้าราชการที่เกษียณอายุให้บอร์ดทราบ โดยนายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการฯ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 1 ที่จะเกษียณอายุราชการ คาดว่าจะแต่งตั้งนายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รักษาการผู้ว่าการฯ และหัวหน้าหน่วยธุรกิจฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ขึ้นรับตำแหน่งแทน และโยกย้ายนายวรวุฒิ มาลา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ ไปทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยธุรกิจบริหารทรัพย์สิน พร้อมกับแต่งตั้งนายเทอดชัย เพ่งไพฑูรย์ รองผู้ว่าการหน่วยธุรกิจการเดินรถ ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สินด้วยเช่นกัน นางสิริมา หิรัญเจริญเวช ฝ่ายตรวจสอบภายใน รับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 02/10/2014 9:22 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ดรฟท.เคาะแล้วสร้างคอมเพล็กซ์บางซื่อ วางกรอบให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
2 ลาคม 2557 เวลา 13:38:37 น.

บอร์ด รฟท.ไฟเขียวใช้ที่ดินแปลงทองบางซื่อ 218 ไร่ สร้างคอมเพล็กซ์ครบวงจร โดยให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนรูปแบบ ส่วนแบ่งกำไร และระยะเวลา ส่วนปีหน้า รฟท.ยังขาดทุนอื้อเร่งตามเก็บค่าเช่าค้างจ่ายกว่า 2 พันล้านบาท

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า การประชุมบอร์ดรฟท.เห็นชอบให้นำที่ดินบริเวณใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 3 ผืน รวมทั้งสิ้น 218 ไร่ จากที่ดินทั้งหมดประมาณ 1,000 ไร่ มาพัฒนาเป็นคอมเพล็กซิตี้ จัดสร้างแบ่งโซนเป็นพื้นที่ศูนย์การค้า และโรงแรม เป็นต้น



ภายในสัปดาห์หน้าจะหารือกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับรายละเอียดและความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการและหากทำได้จะจัดทำ ในรูปแบบพ.ร.บ. ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดําเนินการในกิจการของรัฐ หรือพ.ร.บ.ร่วมทุน ได้หรือไม่อย่างไร



"คงต้องใช้เวลาศึกษา รายละเอียดก่อนว่าจะลงทุนรูปแบบใด ตัวเลขรายได้กี่เปอร์เซ็นต์และจะให้เช่าพื้นที่กี่ปี เพราะจะต้องวิเคราะห์ตัวเลขทางการเงินให้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร มีรายจ่าย จุดคุ้มทุนเท่าไร เพราะในอดีตยังไม่เคยมีการศึกษา การพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน ซึ่งเป็นคนละส่วนกับโครงการศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบศึกษา"



นายออมสินยังกล่าวถึงประมาณ การรายได้ของรฟท. ปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.2557-ก.ย.2558) ว่า รฟท.จะมีรายได้ประมาณ 13,000 ล้านบาท รายจ่ายประมาณ 17,278 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายค่าบำเหน็ญบำนาญ 4,361 ล้านบาท ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ 3,434 ล้านบาท สั่งให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินเร่งจัดเก็บค่าเช่าที่คงค้างที่สะสมถึง 2,000 ล้านบาทให้ได้ภายในปี 2558 ด้วย



พร้อมสั่งให้ไปเร่งตรวจสอบ สัญญาการเช่าที่ดินใหม่ทั้งหมดเพื่อจัดเก็บรายได้ส่วนนี้ให้เต็มเม็ดเต็ม หน่วย คาดว่าหากทำได้ประมาณการรายได้ค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,503 ล้านบาท ขณะเดียวกันแต่งตั้งคณะกรรมการเจรจาเรื่องการเช่าที่ดินของ บริษัทปตท. โดยมีพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และกรรมการเป็นประธานเจรจา โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้



"เดิม นัดหารือเรื่องการเจรจาค่าเช่าที่ดินของบริษัทปตท. วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เลื่อนการประชุมออกไปก่อน ซึ่งสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2556 และมีผลการศึกษาออกมาว่าค่าตอบแทนที่การรถไฟฯ ควรจะได้อยู่ที่ 1,792 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี หรือปีละ 59.73 ล้านบาท แต่ทางบริษัทปตท.อาจขอต่อรอง ดังนั้น บอร์ดจึงได้ตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมาเจรจาให้ได้ข้อสรุป"



ส่วน การสรรหาผู้ว่าการรฟท.นั้น คาดว่าจะมีการเรียก ผู้สมัครทั้ง 4 คนมาแสดงวิสัยทัศน์สัปดาห์หน้า และได้ตัวว่าที่ผู้ว่าการรฟท.ภายในเดือนต.ค.นี้ ก่อนเจรจาเรื่องค่าตอบแทนกับกระทรวงการคลังต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 03/10/2014 9:33 am    Post subject: Reply with quote

ชาวชุมชนโคราชร้อง! การรถไฟฯ เลือกปฏิบัติไล่รื้อบ้านอยู่มากว่า 10 ปี-ซ้ำเติมผู้ยากไร้


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2557 18:32 น.



ชาวชุมชนจิระพัฒนา ข้างทางรถไฟ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ชุมนุมร้องขอความเป็นธรรม หลังเดือดร้อนหนักถูกการรถไฟขับไล่ให้รื้อถอนบ้านอยู่อาศัยมากว่า 10 ปีภายใน 15 วันซ้ำเติมผู้ยากไร้ วันนี้ ( 2 ต.ค.)



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ชาวชุมชนจิระพัฒนา ข้างทางรถไฟโคราช ชุมนุมร้องขอความเป็นธรรม หลังเดือดร้อนหนักถูกการรถไฟฯ ขับไล่ให้รื้อถอนบ้านอยู่อาศัยมากว่า 10 ปีออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน ซ้ำเติมผู้ยากไร้ แฉถูกเลือกปฏิบัติทั้งที่มีหลายชุมชนและโรงแรมชื่อดังสร้างสะพานและสิ่งก่อสร้างคร่อมคลองแต่ไม่ดำเนินการ ด้านนายสถานียันเดินหน้าไล่รื้อตาม กม. ชี้พื้นที่อื่นอยู่ระหว่างสำรวจ

วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ชุมชนจิระพัฒนา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ประชาชนกว่า 50 คน นำโดย นายปฐมรัตน์ ดีหมื่นไวย ประธานชุมชน ได้รวมตัวกันชุมนุมถือป้ายร้องขอความเป็นธรรมจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หลังได้รับความเดือดร้อนจากกรณีเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาขับไล่ให้รื้อถอนบ้านพักที่อยู่อาศัยมานานกว่า 10 ปีออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเมืองโคราช และจะดำเนินการขยายคลองน้ำช่วงดังกล่าว

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายทวี กลมป้อม นายสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ ก่อนเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

นายปฐมรัตน์ ดีหมื่นไวย ประธานชุมชนจิระพัฒนา แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า ชาวบ้านชุมชนจิระพัฒนากว่า 20 ครอบครัว รวมกว่า 60 ชีวิต มีความทุกข์หนัก เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำป้ายประกาศมาปักไว้ในพื้นที่ชุมชน เป็นคำสั่งให้รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ภายใน 15 วัน ทั้งที่ชาวบ้านพักอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ คนเหล่านี้เป็นผู้ยากไร้หาเช้ากินค่ำ และอาศัยตลาดจิระ ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักเป็นที่ทำมาหากินค้าขายพอมีรายได้มาประทังชีวิตและเลี้ยงครอบครัวไปในแต่ละวัน และเมื่อพอมีรายได้บ้างก็นำมาสร้างบ้านให้มั่นคงแข็งแรงและสร้างร้านค้าคร่อมคลองระบายน้ำเสียเพื่อปรับให้เข้ากับพื้นที่อันคับแคบ โดยการสร้างที่พักได้ออกแบบด้วยการวางระดับพื้นบ้านให้สูงกว่าคันคลองเพื่อไม่ให้กีดขวางทางเดินของน้ำ ไม่ได้มีเจตนาที่จะยึดถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อย่างใด และชาวชุมชนยังช่วยกันดูแลความสะอาดลอกคลองน้ำอยู่เป็นประจำเพื่อให้น้ำไหลสะดวกด้วย

นายปฐมรัตน์กล่าวอีกว่า การที่กล่าวหาว่าชุมชนเฉพาะบริเวณนี้เป็นตัวปัญหาทำให้เกิดน้ำท่วมเมืองโคราชนั้น เป็นการกล่าวหาลอย ๆ ขัดกับความจริง และหากให้ชาวชุมชนรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและย้ายออกจากที่ดินดังกล่าวก็ต้องดำเนินการให้เหมือนกันทั้งหมดเพราะยังมีอีกหลายชุมชุน ทั้งบริเวณด้านหลังโรงแรมปัญจดารา เลียบตามทางรถไฟไปจนถึงสถานีรถไฟบ้านเกาะ ต.บ้านเกาะ ที่มีสภาพเดียวกันคือสร้างบ้านเรือนคร่อมคลองและมีสะพานข้ามคลองเหมือนกับชุมชนจิระพัฒนาแห่งนี้

“ไม่ใช่การรถไฟฯ จะมาเลือกรังแกเฉพาะชาวบ้านในชุมชุนนี้เท่านั้น หากปฏิบัติกับชุมชุนอื่นๆ เหมือนกันพวกเราก็ยินดีที่จะปฏิบัติตาม และการรื้อถอนรัฐควรเยียวยาจ่ายชดเชยให้แก่ประชาชนด้วย เนื่องจากชาวบ้านซึ่งล้วนเป็นผู้ยากจนนั้นได้ลงทุนก่อสร้างไปแล้ว และยังมีภาระหนี้สินจากการกู้ยืมเงินนอกระบบมาสร้างบ้านด้วย” นายปฐมรัตน์กล่าว

ด้าน นายทวี กลมป้อง นายสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ กล่าวว่า หลังได้รับหนังสือร้องทุกข์จากประชาชนในชุมชนจิระพัฒนาจะนำเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับต่อไป ซึ่งการแจ้งให้ชาวบ้านรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของการรถไฟฯ นั้น เนื่องจากได้รับแจ้งจากทางเทศบาลนครนครราชสีมาว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครฯ เนื่องจากมีการสร้างบ้าน ซึ่งมีเสาอยู่กลางคลองทำให้การระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาทางการรถไฟฯ ได้ท้วงติงชาวบ้านในชุมชนมาตลอดแต่ไม่เป็นผล

“หากครบกำหนดวันให้รื้อถอนแล้วชาวบ้านยังไม่ย้ายออกก็ต้องเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อไป ยืนยันว่าการรถไฟฯ ไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะจุดนี้ แต่กำลังสำรวจพื้นที่ของการรถไฟฯ ทั้งหมด หากมีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นต้องทำการรื้อถอนออกไป” นายทวีกล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
headtrack
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/05/2009
Posts: 1627
Location: ละแวกภาคกลางตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง

PostPosted: 06/10/2014 6:21 pm    Post subject: Reply with quote

...ไม่ใช่ข่าวตัด ถ่ายเองรายงานเอง...
...
...บ่ายวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ บริเวณสถานีหนึ่งบนเส้นทางสายเหนือ

...วันนั้นมีงานมวยที่ลานตรงข้ามสถานี...
...
Click on the image for full size
..."พี่เล่นจัดการเองเลย"...!?!
...
Click on the image for full size

...
Click on the image for full size
อ่อ...มีสองเวรซะด้วย...!?!

...
...เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร์จของรั้วกั้นบริเวณกับคนไทยบางกลุ่ม ที่แม้อุปกรณ์ใต้เบาะจักรยานยนต์ก็พิชิตได้...!?!
..
...ขออภัยที่ต้องซูมเยอะจนเกรนแตก ฟิล์มกระจกรถไม่ได้มืดมาก ต้องซ่อนอุปกรณ์ถ่ายทำ เกรงว่า "ค้อนจะบิน" ...!?!
_________________
Click on the image for full size
Find me on Instagram: @632knongtsaikhaow
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 07/10/2014 10:23 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
รฟท.ผุดคอมเพล็กซ์6.5หมื่นล.-พหลฯทำเลทอง ให้เอกชนลงทุนแลกสัมปทาน30ปี
ข่าวสด (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

อภิมหาโครงการ"รฟท."6.5หมื่นล. สร้างคอมเพล็กซ์"ใต้ดิน"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 29 กันยายน 2557 เวลา 12:35:06 น.


สารพัดโปรเจ็กต์บูมทำเลบางซื่อ-พหลโยธิน ร.ฟ.ท.ดึงเอกชนลงขัน′คอมเพล็กซ์′ยักษ์
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
7 ตุลาคม 2557 เวลา 13:43:11 น.


บอร์ดรถไฟชะลอพัฒนาที่ดิน "มักกะสัน-กม.11-แม่น้ำ" หลังติดรื้อย้ายโรงงาน-ผู้บุกรุก งัดที่ว่างรอบสถานีกลางบางซื่อ 218 ไร่ ขึ้นคอมเพล็กซ์ยักษ์ ศูนย์การค้า โรงแรม สำนักงาน ร้านค้า มูลค่ากว่า 1 แสนล้าน รับรถไฟสีแดง "บางซื่อ-รังสิต" ดึงเอกชนร่วมลงทุน 30-50 ปี



นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ให้ ร.ฟ.ท.ศึกษารายละเอียดการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีกลางบางซื่อ อยู่ในแนวรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ซึ่งย่านบางซื่อมีพื้นที่ 1,000 ไร่ แต่จะนำมาพัฒนา 218 ไร่ เพื่อเร่งเพิ่มรายได้ให้กับร.ฟ.ท.ได้มากขึ้น จากปัจจุบันมีรายได้จากการพัฒนาที่ดินเฉลี่ย 1,500 ล้านบาทต่อปี

หารือคลังดึงเอกชนลงทุน 30 ปี

"วันที่ 9 ต.ค.นี้จะหารือสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ถึงรูปแบบการพัฒนาจะให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนรูปแบบไหน เช่น PPP หรือเช่าจัดหาประโยชน์ระยะยาว 30 ปี"

ทั้งนี้ การที่มีนโยบายให้ ร.ฟ.ท.เร่งนำพื้นที่ย่านบางซื่อมาพัฒนาก่อน เนื่องจากไม่มีการโยกย้ายชุมชน ขณะที่ที่ดินแปลงใหญ่ 3 ทำเล ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ ร.ฟ.ท.ในระยะยาวร่วม 1 แสนล้านบาท การพัฒนาอาจจะเกิดได้ยาก เพราะพื้นที่ยังมีผู้บุกรุกอยู่จำนวนมาก ซึ่งย่านมักกะสัน พื้นที่ 497.1 ไร่ ติดเรื่องย้ายโรงงานช่างกล สถานีแม่น้ำ 277 ไร่ ติดชุมชนที่ยังไม่ยอมย้ายออก และบริเวณ กม.11 พื้นที่ 359 ไร่ จะติดรื้อย้ายบ้านพักพนักงาน ร.ฟ.ท.ซึ่งทั้ง 3 แปลงต้องใช้เวลากว่าจะเคลียร์พื้นที่และนำมาพัฒนาได้

"ย่านบางซื่อและพหลโยธินมีพื้นที่ 2,325 ไร่ ที่ผ่านมารถไฟนำมาพัฒนาแล้ว 39 แปลง แต่เก็บรายได้ค่าเช่ายังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงคิดว่าจะนำพื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อของสายสีแดงที่จะเสร็จในปีླྀ มาพัฒนาเหมือนกับโมเดลของประเทศญี่ปุ่น" นายออมสินกล่าวและว่า

แบ่งพัฒนา 3 โซน 218 ไร่

สำหรับพื้นที่ 218 ไร่ จะแยกการพัฒนาเป็น 3 โซน (ดูกราฟิก) คือ 1.โซนเอ พื้นที่ 35 ไร่ 2.โซนบี พื้นที่ 78 ไร่ และ 3.โซนซีพื้นที่ 105 ไร่ อยู่ด้านเหนือของสถานี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสถานีขนส่งหมอชิตที่ให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และอู่รถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งหมดสัญญาเช่าเแล้ว

"คอนเซ็ปต์การพัฒนาจะเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมครบวงจร มีศูนย์การค้า ร้านค้า สำนักงาน และโรงแรม ที่เป็นจุดศูนย์รวมนัดพบของคน เพราะที่นี่เป็นชุมทางของการเดินทางของคนทุกภาค ไม่ว่าจะไปเหนือ ใต้ หรืออีสาน สถานีกลางบางซื่อในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางของการเดินทาง มีทั้งรถไฟชานเมืองรถไฟ ทางไกล รถไฟฟ้า รถ บขส. รถเมล์ ทั้งโครงการจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 1 แสนบ้านบาท จะให้เอกชนร่วมลงทุนระยะยาว 30 ปี 40 ปี 50 ปี อยู่ที่ข้อเสนอของเอกชน ซึ่งรถไฟไม่ต้องลงทุนแค่นำที่ดินให้เอกชนลงทุน"

ขุดอุโมงค์-พลาซาใต้ดินแสนล.

นายวิจิตต์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบขนส่งและจราจร (สพร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.ได้ศึกษาความเหมาะสมโครงการเชื่อมโยงการเดินทางศูนย์คมนาคมย่านพหลโยธินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้การเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณย่านพหลโยธิน พื้นที่ 2,325 ไร่ มีการเชื่อมโยงและรองรับกับการเปิดใช้รถไฟฟ้า 4 สายทาง ได้แก่ สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ในปี 2560 สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) ในปี 2560 สายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ในปี 2559 และสายต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-ดอนเมือง) คาดว่าจะมีคนเดินทางเข้า-ออกย่านบางซื่อ 297,844 เที่ยวคน/วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 แสนเที่ยวคน/วัน

โดยจะให้เอกชนมาลงทุน 30 ปี ทั้งระบบโครงข่ายคมนาคมที่จะเชื่อมการเดินทางภายในโครงการ คือระบบรถโดยสารด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) และอุโมงค์ทางเดินใต้ดิน เชื่อมการเดินทางภายในพื้นที่กับสถานีกลางบางซื่อ เป็นรูปแบบทางเดินอุโมงค์ใต้ดิน 3 ชั้น ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร บนพื้นที่ 127 ไร่ เชื่อม 3 สถานี คือสถานีกลางบางซื่อ รถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีกำแพงเพชร รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีจตุจักร พร้อมพัฒนาเป็นพื้นที่พลาซาจะพัฒนาเป็นแหล่งช็อปปิ้ง เอ็นเตอร์เทนเมนต์และที่จอดรถใต้ดิน

"ทั้งโครงการ 30 ปี มีมูลค่าการลงทุน 169,400 ล้านบาท ปีแรกจะใช้เงินลงทุน 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นค่าลงทุนระบบบีอาร์ที 10.3 กิโลเมตร ประมาณ 8,297 ล้านบาท และค่าก่อสร้างอุโมงค์ทางเดิน วงเงิน 55,000 ล้านบาท ล่าสุดกำลังจะส่งผลการศึกษาให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา และปีྲྀ สนข.จะออกแบบรายละเอียด คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่ปี 2559 ใช้เวลา 3 ปี จะทันกับการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงพอดี"

นายวิจิตต์กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ส่วนพลาซา มีพื้นที่ 127.5 ไร่ ประกอบด้วย 1.พื้นที่สวนสาธารณะและมีอาคารพาณิชยกรรมขนาดเล็กอยู่รอบนอก ขนาด 204,000 ตารางเมตร และ 2.พื้นที่พัฒนาใต้ดินเป็นทางเดินเชื่อมสถานีกลางบางซื่อ-สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและบีทีเอสที่หมอชิต 63.6 ไร่ มีพื้นที่เช่า 118,102.5 ตารางเมตร จะแบ่งพื้นที่เชิงพาณิชย์เป็น 9 โซน โดยรายได้จะแบ่งบางส่วนให้ ร.ฟ.ท.ในฐานะเจ้าของที่ดิน คาดว่าจะมีรายได้ตลอดสัญญาเช่า 30 ปี และรายได้อื่น ๆ จำนวน 487,830 ล้านบาท

โทลล์เวย์-ทางด่วนสร้างทางเชื่อม

นายวิจิตต์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ หรือบีอีซีแอล ผู้รับสัมปทานทางด่วน และบมจ.ทางยกระดับดอนเมือง ผู้รับสัมปทานโทลล์เวย์ ได้เสนอแผนลงทุนสร้างทางยกระดับเชื่อม (แลมป์) ระหว่างโทลล์เวย์กับทางด่วนบริเวณจตุจักร เงินลงทุน 7,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางโดยรอบให้ครอบคลุมมากขึ้น จะเป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

//---------------------


ทุ่ม 8 พันล้าน ผุด "บีอาร์ที" เชื่อม เฟสแรก "บางซื่อ-ห้างเซ็นทรัล"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
7 ตุลาคม 2557 เวลา 12:09:37 น.

Click on the image for full size
เป็นที่ชัดเจน "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" ได้เลือก "ระบบบีอาร์ที" เป็นโครงข่ายเชื่อมการเดินทางภายในย่านพหลโยธิน ระยะทางรวม 10.3 กิโลเมตร เงินลงทุน 8,297 ล้านบาท



แนวเส้นทางวิ่งเป็นวงกลม จากสถานีกลางบางซื่อ ผ่านรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีจตุจักร ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว อาคารเอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ โครงการพัฒนาย่าน กม.11 มาสิ้นสุดที่สถานีจตุจักรของรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต)

รูปแบบก่อสร้างจะเป็นโครงสร้างยกระดับ 3.14 กิโลเมตร วิ่งรอบสถานีกลางบางซื่อ จอดป้าย 2 สถานี คือ สถานีที่ 1-2 จากนั้นลัดเลาะมาตามแนวรถไฟสายสีแดง แล้วยกข้ามทางด่วนและสวนจตุจักร ไล่มาจนถึงรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีหมอชิต จะเป็นจุดที่ตั้งของสถานีที่ 3-4 และตั้งแต่สถานีที่ 5-13 จะวิ่งอยู่ระดับดิน ระยะทาง 7.16 กิโลเมตร

ขณะที่การพัฒนาแบ่งเป็น 2 เฟส ระยะแรกเริ่มต้นสถานีกลางบางซื่อ-ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว มี 6 สถานี จะเริ่มปี 2560 มูลค่าลงทุน 3,793.6 ล้านบาท ส่วนสถานีที่ 7-13 เริ่มจากเซ็นทรัล ลาดพร้าว-สถานีกลางบางซื่อ ให้พัฒนาเป็นเฟสที่ 2 เริ่มปี 2565 เงินลงทุน 4,504.8 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 21/10/2014 7:54 pm    Post subject: Reply with quote

ชาวชุมชนรถไฟบ่อบัว วอน “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยคืนความสุข หลังถูกนายทุนข่มขู่ไล่ที่รายวัน(ชมคลิป)


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ตุลาคม 2557 19:26 น.


ชาวชุมชนรถไฟบ่อบัว รวมตัวชุมนุม วอน “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยคืนความสุข หลังถูกนายทุนข่มขู่ไล่ที่รายวัน

ฉะเชิงเทรา -ชาวชุมชนรถไฟบ่อบัวรวมตัว ชุมนุมเรียกร้องหน้าศาลากลางจังหวัด วอน “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยคืนความสุข หลังถูกนายทุนข่มขู่ไล่ที่รายวันยากจนไม่เป็นอันกินนอน ด้านพัฒนาสังคมฯ จังหวัด รุดเข้าเจรจา ก่อนนัดพบผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านจึงยอมสลายตัว

วันนี้( 21 ต.ค. ) ที่บริเวณศาลาประชาคมเฉลิมพระเกียรติ ข้างศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มชาวบ้านชาวชุมชนริมคลองท่าไข่ ชุมชนตลาดสดบ่อบัว จำนวน 30-40 คน ได้เดินทางมารวมตัว พร้อมชูแผ่นป้ายกระดาษ เขียนข้อความร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยคืนความสุขแก่ประชาชน

สำหรับกลุ่มชาวบ้านดังกล่าว ได้อาศัยอยู่บนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มาอย่างยาวนานเกือบร้อยปี แต่ในปัจจุบันได้ถูกกลุ่มนายทุนซึ่งอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์จากการเป็นผู้เช่าที่ดินจากการรถไฟ เข้ามาทำการขับไล่ชาวบ้านให้ออกไปจากพื้นที่

การไล่ที่ของนายทุน โดยส่งชายฉกรรจ์ จำนวนนับ 10 คน เข้ามาทำการข่มขู่ชาวบ้านให้ยอมรื้อถอนบ้านเรือนออกไปแบบรายวัน เพื่อแย่งชิงที่ดินผืนดังกล่าวจากชาวบ้านซึ่งเป็นบ้านเรือนพักอาศัย เพื่อนำไปเตรียมการก่อสร้างเป็นศูนย์การค้า แห่งใหม่

สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวนั้น ได้ใช้พฤติกรรมเชิงข่มขู่ และมีการพกพาอาวุธปืนเข้าไปในชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านเกรงกลัว จนชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว ได้รวมตัวกันเข้ามาชุมนุมเพื่อร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดในวันนี้

นางพวงแก้ว มหาผลศิริกุล อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ถ.ริมคลองท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ได้ปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ในที่ดินแปลงนี้มานานตั้งแต่เมื่อก่อนยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นอีกด้วย และได้เคยจ่ายค่าเช่าที่ดินให้แก่ทางการรถไฟมาโดยตลอด

ล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนยังได้จ่ายค่าเช่าที่ดินให้ ในราคา 4-5 พันบาทต่อปี แต่มาภายหลังก่อนที่จะมีการเข้ามาดำเนินการขับไล่ที่ของกลุ่มนายทุน ทางการรถไฟฯ กลับไม่ยินยอมที่จะรับค่าเช่าที่ดินจากชาวบ้าน

“เห็นนายกฯ บอกจะช่วยเหลือคนจนเราก็ดีใจ แต่สิ่งที่เราได้รับอยู่ในขณะนี้คือเราเดือดร้อนมาก จากนายทุนที่เข้ามาข่มขู่เราให้รื้อบ้านเรือนที่อยู่อาศัยออกไป และยังบอกอีกว่า หากไม่รื้อก็จะนำรถแทรกเตอร์ มาไถบ้านทิ้งลงคลองไปให้หมด จนเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนแก่เช่นเดียวกัน ถึงกับเป็นลมล้มพับช็อกเสียชีวิตไปแล้ว 1 คน เพราะเกรงว่าจะไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเพิ่งเผาศพไปได้เพียงแค่ 2 วันที่ผ่านมานี้เอง”นางพวงแก้ว กล่าว

นางพวงแก้ว กล่าวว่า อยากร้องขอไปถึงยังนายกรัฐมนตรี ขอให้เข้ามาดูปัญหาตรงนี้บ้าง หากจะไล่เราก็ขอให้ช่วยหาที่อยู่ให้เราใหม่ด้วย ไม่ใช่จะไล่ให้เราออกไปแล้วกลับจะไม่รับผิดชอบอะไร แล้วจะให้เราไปอยู่กันที่ไหน เพราะพวกเราขุดรูอยู่ไม่ได้

จึงอยากจะขอให้นายกฯ รับรู้เรื่องนี้บ้าง มาช่วยดูประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอย่างมาก เพราะหากจะไล่ชาวบ้านทั้งหมดอย่างน้อยก็ต้องมีผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนมากถึง 4-5 ร้อยหลังคาเรือน ที่ต้องพากันเดือดร้อน เพราะเราจนเราจึงต้องอยู่อย่างนี้ถ้าชาวบ้านรวยก็คงไม่มาอยู่ในสถานที่อย่างนี้หรอก

ด้าน นายสมศักดิ์ กฐินหอม นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ รักษาราชการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าชาวบ้านได้พากันมาร้องเรียนว่า มีกลุ่มวัยรุ่นเข้าไปข่มขู่ให้ชาวบ้านรื้อบ้านออกจากที่ดินของทางการถไฟฯ ซึ่งชาวบ้านอาศัยอยู่มานานแล้ว

เมื่อได้ทำการสอบถามไปว่า ทางการรถไฟฯได้เข้ามาเก็บค่าเช่าหรือไม่นั้น ได้รับคำตอบว่าไม่ได้มาจัดเก็บ และเมื่อสอบถามว่ามีใครมาเก็บค่าเช่าหรือไม่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มี แต่ได้มีวัยรุ่นเข้ามาข่มขู่ว่าให้ออกจากที่ดินตรงนี้ และยังได้มีการอ้างถึงผู้มีอิทธิพลเพื่อให้ชาวบ้านเกรงกลัวยอมรื้อถอนออกไป เพื่อที่พวกเขาจะนำที่ดินไปสร้างเป็นศูนย์การค้าฯ

ทางพัฒนาสังคมก็ต้องไปขอต่อรองให้ชาวบ้านได้อยู่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน หรืออย่างน้อยประมาณ 1- 2 ปี เพื่อให้มีโครงการบ้านมั่นคงเกิดขึ้นมารองรับ เพื่อให้ชาวบ้านไปสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งเดิมในชุมชนบ่อบัวนั้น ได้มีชาวบ้านประมาณ 170 ครอบครัว จากทั้งหมด 220 ครอบครัว ได้ยอมรื้อถอนบ้านเรือนออกไปก่อนแล้ว และไปอยู่ในโครงการบ้านมั่นคงในเขตพื้นที่ อบต.บ้านใหม่ แถบย่านวัดสายชล ณ รังสี แต่ส่วนชาวบ้านกลุ่มนี้ซึ่งเป็นชุมชนริมคลองท่าไข่นั้นยังไม่มีบ้านหรือเข้าไปอยู่ในจุดนั้น

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า พัฒนาสังคมฯ ก็จะได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ที่ถูกอ้างถึงอีกด้านหนึ่ง ว่ามีชาวบ้านได้เข้ามาร้องเรียน ว่ามีการข่มขู่นั้นเป็นอย่างไร และใช้สิทธิ์อะไรในการเข้ามาไล่ที่ เพราะที่ดินแปลงนี้เป็นของการรถไฟฯ หรือหากเป็นผู้เช่าจากการรถไฟฯจริง ก็ต้องมีเงื่อนเวลาให้แก่ชาวบ้านได้อยู่ต่อไปก่อน และจะต้องแจ้งให้ชาวบ้านทราบกันก่อนล่วงหน้า และต้องมีกำหนดการที่ชัดเจนเพื่อให้ชาวบ้านได้มีการเตรียมตัวก่อนรื้อถอนหรือย้ายที่อยู่ต่อไป

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการนัดหมายให้ชาวบ้านนั้น ส่งตัวแทนในการนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปพูดคุยกันกับ นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นผู้นำท้องถิ่นในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.57 เวลา 13.00 น. เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าวต่อไป ก่อนที่ชาวบ้านจะยินยอมสลายตัวกลับไปในที่สุด
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/10/2014 8:04 pm    Post subject: Reply with quote

^^^
บ่อบัว ที่ตั้งของสถานีรถไฟแปดริ้วยุคแรกครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 24/10/2014 10:59 pm    Post subject: Reply with quote

ผุดคอมเพล็กซ์แสนล.'อุ๋ย'ไฟเขียวรับหลักการร.ฟ.ท. สร้างแลนด์มาร์กกลางบางซื่อ 218 ไร่
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
คอลัมน์ : BIG STORIES ข่าวหน้า1 -
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2014 เวลา 23:19 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,994 วันที่ 23 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

"หม่อมอุ๋ย"ไฟเขียวแนวคิด ร.ฟ.ท. เปิดหน้าดิน 3 พื้นที่ทำเลทองแห่งใหม่ 218 ไร่รอบสถานีกลางบางซื่อเปิดให้เอกชนพัฒนาแจงทำได้เร็วกว่ามักกะสัน-กม.11 และสถานีแม่น้ำที่ยังติดปัญหาเคลียร์พื้นที่ เผยจะสร้างเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ครบวงจรมูลค่าร่วมแสนล้าน ด้านภาคเอกชนชี้เป็นการเปิดหน้าดินใหม่ เชื่อศักยภาพพัฒนาเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ได้เพราะโครงข่ายคมนาคมเอื้อเหมาะลงทุนโครงการมิกซ์ยูส

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จี้ให้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเร่งด่วน หวังปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่ทั้ง ลบล้างภาพลักษณ์ต่าง ๆ ในอดีต ยกระดับความปลอดภัยและการบริการให้ดีขึ้นรวมถึงการปลดภาระหนี้สินที่มีอยู่กว่า 1 แสนล้านบาทให้หมดแต่ข้อดีของ ร.ฟ.ท.ต่างจากรัฐวิสาหกิจอื่นตรงมีทรัพย์สินเป็นที่ดินอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งสามารถนำมาพัฒนาล้างหนี้ได้

ต่อเรื่องนี้ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการหารือล่าสุดกับ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ที่กำกับดูแล กระทรวงคมนาคมได้เห็นด้วยกับแนวคิดเบื้องต้นที่ ร.ฟ.ท.จะนำที่ดิน 3 แปลง รวมพื้นที่ 218 ไร่ บริเวณใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ ย่านจตุจักร เปิดให้ภาคเอกชนสัมปทานเพื่อนำไปพัฒนาลงทุนสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ รองรับการเดินทางและเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมแห่งใหม่หลังสถานีกลางบางซื่อเปิดให้บริการ

++ "สร้อยทิพย์" แนะหารือ สนข.
"รองนายกฯเห็นด้วยกับแนวคิดเบื้องต้นนี้ ส่วนปลัดกระทรวงคมนาคมได้แนะนำให้หารือกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ด้วย ซึ่งเดิม สนข.ได้วางแผนเชื่อมโยงระบบคมนาคมในพื้นที่ดังกล่าวไว้แล้ว เพื่อวางมาสเตอร์แพลนใหม่ให้สอดคล้องกัน และในเร็ว ๆ นี้จะนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดขอความเห็นชอบก่อนที่จะเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรีต่อไป" ประธานบอร์ด ร.ฟ.ท.กล่าว

สำหรับรูปแบบการลงทุนภาคเอกชนต้องเป็นฝ่ายนำเสนอแผนมาว่าต้องการลงทุนในรูปแบบใด ส่วนเบื้องต้น ร.ฟ.ท. ได้วางกรอบไว้ว่าน่าจะเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ครบวงจร ทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน พื้นที่เชิงพาณิชย์ ฯลฯ เช่นเดียวกับสถานีรถไฟใต้ดินในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก อย่าง โตเกียวมีโรงแรมถึง 4 แห่ง สร้างเป็นอาคารสูง 60-70 ชั้น ถ้าคิดเป็นมูลค่าโครงการคงร่วมแสนล้านบาท และจะส่งผลให้บริเวณดังกล่าวจะกลายเป็นแหล่งธุรกิจแห่งใหม่ของกทม.ในอนาคต ซึ่งคงต้องมีการปรับผังเมืองและอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะย้ายสำนักงานของ การรถไฟฯ จากหัวลำโพง มาอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งอาจจะขอใช้พื้นที่ 2 อาคารมาใช้เป็นที่ทำงานแห่งใหม่ เพราะเมื่อสถานีกลางบางซื่อ เปิดให้บริการ สถานีหัวลำโพงก็ต้องปรับบทบาทเป็นเพียงรองรับขบวนรถไฟชานเมือง และมีปริมาณไม่มาก แต่ยังรักษาไว้เป็นแลนด์มาร์ก ของกทม.เอาไว้ซึ่งต้องปรับปรุงใหม่ให้มีรูปแบบเหมาะสมต่อไป

++ เปิดที่ดิน 3 โซนใหม่
นายออมสิน ยังระบุอีกว่า "เหตุที่หยิบยกพื้นที่ทั้ง 3 แปลงขึ้นมาพัฒนาก่อนนั้นเห็นว่าทำได้เร็วกว่าพื้นที่ใจกลางเมืองอีก 3แห่งที่มีอยู่เพราะแม้จะอยู่ในย่านธุรกิจแต่ยังติดปัญหาต่างๆ ต้องใช้เวลาในการเคลียร์พื้นที่ ซึ่งยิ่งพัฒนาทำได้เร็วก็เท่ากับว่าร.ฟ.ท.สามารถหารายได้เข้ามาแก้ปัญหาภาระหนี้สินที่มีอยู่ร่วมแสนล้านบาทได้เร็วเท่านั้น "

สำหรับที่ดินทั้ง 3 แปลงใหม่ที่มีแนวคิดเปิดให้เอกชนเข้ามาสัมปทานนั้นมีพื้นที่รวมกัน 218 ไร่ แบ่งออกเป็นที่ดินโซน เอ มีพื้นที่ 35 ไร่ ตั้งอยู่ด้านหลังศาล เยาวชนและครอบครัวกลาง โซนบีจำนวน 78 ไร่ ตั้งอยู่ใกล้ตลาดนัดจตุจักร และโซนซีอีกจำนวน 105 ไร่ เป็นที่ตั้งสถานีขนส่งหมอชิต ส่วนที่ดินทำเลทอง 3 แปลงใหญ่ซึ่งเดิม ร.ฟ.ท.มีแผนจะพัฒนาก่อนหน้านั้น ติดปัญหาเรื่องการโยกย้ายชุมชนจึงต้องชะลอไปก่อน

ประกอบด้วยที่ดินย่านมักกะสันจำนวน 500 ไร่ ติดปัญหาต้องย้ายโรงงานจักรกล ไปสร้างโรงงานใหม่ ที่แก่งคอย จังหวัดสระบุรี ให้แล้วเสร็จ ถึงจะนำที่ดินมาพัฒนาได้ ส่วนที่ดินกม.11 จำนวน 359 ไร่ ติดปัญหาที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยและค้าขายขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลาและทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ รวมถึงต้องย้ายไปสร้างเป็นคอมเพล็กซ์แห่งใหม่ที่ต้องมีคุณภาพชีวิตดีกว่าเดิมพร้อมทั้งจัดพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย และที่ดินทำเลสถานีแม่น้ำติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 277 ไร่ ก็ยังคิดปัญหาชุมชนไม่ยอมย้ายออก เป็นต้น ประธาน บอร์ด ร.ฟ.ท.กล่าว

++ หวังล้างหนี้แสนล้าน
ทางด้าน นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1)และรักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวเสริมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งว่าจ้างศึกษาการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯหรือหมอชิต 2 ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) ใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งร.ฟ.ท.ได้ให้บขส.ย้ายออกจากพื้นที่ให้แล้วเสร็จในปี 2559 เพื่อนำพื้นที่มาพัฒนาหารายได้เชิงพาณิชย์และปลดภาระหนี้สินของร.ฟ.ท.ที่มีจำนวนมากนั้นต่อไป

"ล่าสุดได้นำเสนอรูปแบบเบื้องต้นให้บอร์ด ร.ฟ.ท.และคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ย่านพหลโยธินรับทราบแล้ว ซึ่งประธานบอร์ดได้ให้เร่งศึกษาแล้วกลับมานำเสนออีกครั้งเพื่อผลักดันให้สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อต่อไป ส่วนจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเห็นชอบอนุมัติให้ดำเนินการได้หรือไม่เท่านั้น"

ฟากแหล่งข่าวจากสนข. กล่าวว่า ได้ศึกษาความเหมาะสมโครงการเชื่อมโยงการเดินทางและศูนย์กลางคมนาคมย่านพหลโยธินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เชื่อมต่อการเดินทางกับพื้นที่ 2.3 พันไร่ และรองรับการเปิดใช้รถไฟฟ้า 4 สายทาง ได้แก่
สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ปี 2560
สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) ปี 2560
สายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่)ปี 2559 และ
ส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงค์ (พญาไท-ดอนเมือง)"
คาดว่าจะมีคนเดินทางเข้า-ออกย่านบางซื่อวันละ 2.97 แสนเที่ยวคน/วัน

++คาดไม่พ้นมือรายใหญ่
ส่วนนายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า หากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นำที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อออกมาให้ภาคเอกชนประมูลเพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวจริง ก็เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดความเจริญอย่างมาก เช่นเดียวกับพื้นที่บริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเดิม (สวนลุมไนท์) ที่บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ชนะการประมูล โดยมีแผนที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย ศูนย์วัฒนธรรม โรงแรม อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย และศูนย์การค้า บนเนื้อที่ที่ 62 ไร่ ส่วนที่เหลือจะเป็นที่โล่ง จัดทำโครงสร้างพื้นที่และพื้นที่สีเขียว ตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
สำหรับพื้นที่ดินโดยรอบสถานีกลางบางซื่อก็มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯได้เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่โดยรอบก็มีการพัฒนาโครงการอยู่แล้ว แต่การเติบโตส่วนใหญ่จะอยู่ในย่านสะพานควาย , เตาปูน , จตุจักร , ลาดพร้าว ฯลฯ ดังนั้นหาก ร.ฟ.ท.เปิดประมูลพื้นที่ดังกล่าวก็จะเหมือนเป็นการเปิดหน้าดิน เพื่อพัฒนาโครงการอื่นๆ ต่อไป โดยคาดว่าผู้ที่เข้าร่วมประมูลก็จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เจ้าเดิมๆ

++ ต่างชาติเมินถ้าเช่า 30ปี
แม้ว่าศักยภาพของพื้นที่จะเอื้อต่อการพัฒนาโครงการ แต่สำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติแล้วถือว่าไม่คุ้ม เนื่องจากประเทศไทยกำหนดระยะเวลาการเช่า 30 ปี ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมองว่าเป็นข้อจำกัดในการลงทุน เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างฮ่องกงที่ผู้ประมูลสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้ถึง 99 ปี
เช่นเดียวกับ นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอลซัลแตนด์ จำกัด กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเหมาะแก่การพัฒนาโครงการเพื่อเช่า เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ฯลฯ โดยในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในด้านการคมนาคม ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการต่างๆในอนาคต แต่ทั้งนี้ภาครัฐต้องมีความชัดเจนในเรื่องของโครงการ เช่น มีการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ หรือเห็นความคืบหน้าด้านการก่อสร้าง ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน

อนึ่งสำหรับสถานีกลางบางซื่อ ตั้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 1,176 ไร่ ไม่รวมพื้นที่ขนส่งหมอชิต 2 ที่ประกอบด้วย พื้นที่กิจกรรมที่ ร.ฟ.ท.ใช้อยู่เดิม 685 ไร่ และนำมาใช้ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อจำนวน 487 ไร่ ใช้งบประมาณ 2 หมื่นล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 4 ชั้น และวางแผนให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งมวลชนระบบราง และเชื่อมโยงกับขนส่งมวลชนต่างๆ ที่สำคัญและโดยรอบสถานีมีการใช้ประโยชน์พื้นที่หลากหลาย เมื่อเมกะโปรเจ็กต์รัฐบาลเป็นจริงพื้นที่นี้จะดึงดูดให้เอกชนเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการรองรับ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 24/10/2014 11:00 pm    Post subject: Reply with quote

ภาพย่านมักกะสันที่งดงามยามโพล้เพล้
http://webboard.news.sanook.com/forum/index.php?topic=3876568
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 105, 106, 107 ... 197, 198, 199  Next
Page 106 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©