RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311276
ทั่วไป:13257830
ทั้งหมด:13569106
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 25, 26, 27 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44454
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/11/2014 5:16 pm    Post subject: Reply with quote

'ประยุทธ์'ลั่นดันรถไฟทางคู่2,000กม.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 10:15

"นายกฯประยุทธ์" ลั่นดันรถไฟทางคู่2,000กิโลเมตร ย้ำต้องแก้ไขภาพใหญ่ของประเทศให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกับข้าราชการและประชาชนที่มารอต้อนรับระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) ว่า รัฐบาลมีสิ่งที่กำลังจะทำเยอะแยะไปหมด เดี๋ยวรถไฟก็จะเกิด จะต้องสร้างทางรถไฟอีกประมาณ 2,000 กิโลเมตร สร้างตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2,000 กว่ากิโลเมตร ถึงวันนี้ก็เท่าเดิม ซึ่งจะเพิ่มสมัยนี้ ระยะเท่ากัน ค่อยวางแผน ซึ่งเส้นทางที่เพิ่มอีก 2,000 กิโลเมตรเป็นเส้นทางคู่สวนกัน จะได้สะดวกขึ้น

ถ้าไปนั่งรถความเร็วสูง ค่าโดยสารแพง เอารถไฟสะอาด ส้วมไม่เหม็น กำลังทำ รวมทั้งรถไฟที่จะเชื่อมโยงไปลาว ไปจีน พม่า และผ่านด้านอีสานด้วย ทำให้ขนส่งและการเดินทางดีในอนาคต

...
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 20/11/2014 11:24 pm    Post subject: Reply with quote

ไทยเนื้อหอม “ซีเมนส์” หอบเทคโนโลยีโชว์ “ประจิน” ขอเอี่ยวรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2557 16:57 น.

ทูตเยอรมนีนำผู้บริหาร “ซีเมนส์” พบ “ประจิน” เสนอตัวขอร่วมในงานเดินรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และรถไฟทางคู่ ฟุ้งมีเทคโนโลยีวางระบบรางและอาณัติสัญญาณทั้งรางขนาด 1 เมตร และ 1.435 เมตร และรางแบบ Combine คือ 2 ขนาดในทางวิ่งเดียวกัน ระบุพร้อมร่วมทุนแบบจีทูจี





พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัง นายรอล์ฟ ชูลเซอ เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท ซีเมนส์ จำกัด (Siemens Limited ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานและการแพทย์) และ บริษัท สตาร์แบ็ค (STABAG) เข้าพบวันนี้ (19 พ.ย.) ว่า บริษัทซีเมนส์แสดงความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในงานเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการเดินรถ นอกจากนี้ ซีเมนส์ยังได้นำเสนอเทคโนโลยีในการวางระบบราง ทั้งขนาดความกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge) และขนาดความกว้าง 1.435 เมตร (Standard gauge) และรางแบบ Combine ซึ่งจะเป็นการวางรางขนาด 1 เมตร และ 1.435 เมตรใช้งานได้ร่วมกัน 2 ระบบในแนวทางวิ่งเดียวกัน โดยบริษัท STABAG ซึ่งเป็นบริษัทลูกของซีเมนส์นั้นมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก

ทั้งนี้ จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าเทคโนโลยีที่ซีเมนส์นำเสนอนั้น ถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ จึงได้มอบหมายให้ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายรณชิต แย้มสะอาด รักษาการผู้ว่าฯ รฟม. หารือในรายละเอียดร่วมกันต่อไป โดยซีเมนส์เสนอเงื่อนไขในการเข้าร่วมงานด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) รวมถึงพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทย และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ไทยทั้งด้านเทคนิคและด้านวิศวกรรมให้ ซึ่งที่ผ่านมาทางซีเมนส์ได้อบรมเจ้าหน้าที่ให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์มาแล้ว ดังนั้น เชื่อว่าทางซีเมนส์จะสามารถดำเนินงานในโครงการเก่าที่มีได้อย่างต่อเนื่อง และหากได้ร่วมดำเนินงานในโครงการใหม่จะทำได้ตามนโยบายรัฐบาล

“ซีเมนส์ได้มาพูดคุยถึงการดำเนินงานต่างๆ ที่ผ่านมา ซึ่งซีเมนส์ได้เข้ามาลงทุนในไทย ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส, แอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และมาเสนอที่จะลงทุนเพิ่มในงานด้านขนส่งในอนาคต และด้านพลังงาน”
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44454
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/11/2014 11:15 am    Post subject: Reply with quote

ทุ่มงบสร้างแอร์พอร์ตลิงก์พญาไท-ดอนเมือง "ลาดกระบัง-อู่ตะเภา"จ่อคิวต่อไป
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8759 ข่าวสดรายวัน

คมนาคมจัดเต็มเพิ่มรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์อีก 2 สาย จากพญาไท-ดอนเมือง 22 ก.ม.ใช้งบฯ 2.9 หมื่นล้านบาท ผ่านอีไอเอแล้ว อีกสายวิ่งยาวถึงสนามบิน "อู่ตะเภา" เล็งต้นทางจากลาดกระบัง ระยะทาง 190 ก.ม. โดยต้องถกกับผบ.ทร.เจ้าของพื้นที่ก่อน คาดสรุปได้ปลายปีหน้า

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ว่า กระทรวงคมนาคมตั้งคณะทำงานโดยมีนาง สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย ตัวแทนของ รฟฟท. การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) เป็นต้น

"คณะกรรมการชุดนี้จะหารือผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในการขอใช้พื้นที่ก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งแผนดังกล่าวจะสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้สร้างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เชื่อม 3 สนามบิน คือ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา"

โครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เชื่อมพญาไท-ดอนเมือง ระยะทางประมาณ 22 ก.ม. มูลค่า 29,000 ล้านบาทจะได้ดำเนินการก่อน เพราะขณะนี้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ส่วนเส้นทางรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิงก์เชื่อมสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 190 ก.ม. อยู่ระหว่างศึกษาแนวเส้นทางที่ชัดเจน คาดว่าจะได้ข้อสรุปช่วงปลายปีหน้า จุดเริ่มต้นจะออกจากสถานีลาดกระบัง ระยะทาง 190 ก.ม. ประกอบด้วย 6 สถานี คือ สถานีฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา อู่ตะเภา และระยอง

"สาเหตุที่ต้องหารือกับทางกองทัพเรือ เพราะจะเชื่อมโยงเรื่องแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบด้วย ในการหารือจะต้องดูว่ามีพื้นที่ความมั่นคงเท่าไร มีพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์เท่าไร โดยจัดสัดส่วนของเทอร์มินัล ลานจอด มากน้อยเพียงใด ซึ่งทุกอย่างจะเร่งศึกษาให้เร็วที่สุด"

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ขณะนี้ไม่ได้หยุดให้บริการแต่อย่างใด ทั้งยังมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 1.4 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดือนละ 1.2 ล้านคน ส่วนการซ่อมบำรุงขบวนรถทั้ง 9 ขบวนนั้น ขณะนี้เป็นการซ่อมบำรุงเพื่อยืดอายุการใช้งานก่อนการซ่อมบำรุงใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีอะไหล่พร้อมซ่อมบำรุงใหญ่กลางปี 2558

พล.อ.อ.ประจินยังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทยเตรียมจัดทำความตกลงความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.43 เมตร หรือไฮสปีดเทรนเดิมเส้นทางสายใหม่ "ตาก-มุกดาหาร" ว่าเป็นการหารือ 2 ฝ่าย เพื่อให้เกิดความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไม่ใช่ความร่วมมือเชิงปฏิบัติการ โดยขณะนี้ไทยยังไม่ได้ตัดสินใจให้ประเทศใดประเทศหนึ่งเข้ามาดำเนินโครงการรถไฟทางคู่เส้นดังกล่าว จึงไม่ใช้การล็อกสเป๊กให้กับญี่ปุ่นแต่อย่างใด

หน้า 9
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 21/11/2014 11:58 am    Post subject: Reply with quote

คาด “บิ๊กตู่” หอบโปรเจกต์ใหม่รถไฟทางคู่ตาก-มุกดาหาร จีบญี่ปุ่นร่วมเดือนหน้า


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2557 08:56 น.



ตาก -ผู้ว่าฯ เมืองตาก หนุนเต็มที่ แผนสร้างทางรถไฟสายใหม่จากตาก-มุกดาหาร รับเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เชื่อมพม่า-ลาว-เวียดนาม ตามแนวระเบียงตะวันออก-ตะวันตก คาด “บิ๊กตู่” หอบโปรเจกต์หารือญี่ปุ่นเดือนหน้า

นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2557 นี้ คาดว่าจะมีการทำความตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า สายใหม่จากจังหวัดตาก-มุกดาหาร เพื่อเชื่อมพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ East-West Economic Corridor: EWEC และรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด

นายสมชัยฐ์กล่าวว่า ตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดตากที่ถือว่าเป็นจังหวัดสำคัญชายแดนไทย-พม่า จึงพร้อมสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ พร้อมร่วมมือในการศึกษา-สำรวจ เพราะโครงการนี้หากเกิดขึ้นจริง ประชาชน และนักธุรกิจจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล

“เส้นทางรถไฟสายใหม่จากตาก-มุกดาหาร เชื่อมโยงกับ สปป.ลาว-เวียดนามจะเป็นรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตร ความเร็ว 160-180 กม.ต่อชั่วโมง ทราบมาว่าญี่ปุ่นได้แสดงความสนใจมาก รวมถึงการพัฒนาเส้นทางจากทวาย-บ้านพุน้ำร้อน เพราะญี่ปุ่นสนใจเส้นทางที่จะเชื่อมต่อกับโครงการทวายโปรเจกต์อยู่แล้ว” ผู้ว่าราชการจังหวัดตากกล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 24/11/2014 8:02 pm    Post subject: Reply with quote

จับตาแบ่งเค้กเมกะโปรเจคท์ เกาะ‘ไฮสปีดเทรน’สู่เวทีโลก
โดย ทีมเศรษฐกิจ
เดลินิวส์
วันจันทร์ 24 พฤศจิกายน 2557 เวลา 00:00 น.

ถ้าเปรียบกระทรวงคมนาคมเวลานี้ เรียกว่ากำลังเข้าสู่วัยขบเผาะ ถูกบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตามจีบชนิดหัวบันไดไม่แห้ง นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประกาศชัดว่าพร้อมเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคท์ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ

บรรดาตัวแทนนักธุรกิจต่างชาติ รวมถึงเอกอัครราชทูตหลาย ๆ ประเทศ พากันมาเยี่ยมเยียนเข้าออกทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม เพื่อสอบถามถึงแผนรายละเอียดการลงทุน พร้อมเสนอตัวขอเข้ามาร่วมมือในโครงสร้างพื้นฐานประเทศหรือหากเรียกแบบบ้าน ๆ คือ อยากขายของนั่นเอง!

เพราะยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยระยะ 8 ปี ระหว่างปี 2558-2565 ค่อนข้างหอมหวน มีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท ที่สำคัญรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งลงทุน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2558 และพัฒนาระบบขนส่งมวลชนขนส่งสินค้าของไทยที่ล้าหลังมานานให้ก้าวหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค (ฮับ) รับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนเมกะโปรเจคท์ 3 ล้านล้านบาทในรอบนี้ ยังมีนัยสำคัญทางการเมืองในเวทีนานาชาติต่อรัฐบาลชุดนี้ เพราะธรรมชาติของรัฐบาลทหารมักได้รับการยอมรับจากนานาประเทศน้อยกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงถือเป็นจุดอ่อนที่รัฐบาลประยุทธ์กำลังกำจัด โดยใช้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมหาศาลมาเป็นแรงดึงดูดใจให้ชาวต่างชาติเข้ามาคุยยอมรับรัฐบาลทหารในเวทีโลกเพิ่ม

โดยเฉพาะการลงทุนด้านระบบราง ซึ่งถือเป็นอีกไฮไลต์สำคัญที่สุดในยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานประเทศ โดยรัฐบาลมีแผนลงทุนสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางกว้าง 1 เมตรทั่วประเทศ รถไฟฟ้าในเมือง 10 สาย รวมถึงรถไฟกึ่งความเร็วสูงขนาดราง 1.435 เมตร มูลค่ามหาศาล ทำให้มีหลาย ๆ ประเทศ แสดงความสนใจอย่างไม่ปิดบัง เพื่อขอแบ่งเค้กเงินลงทุนจากไทย

สำหรับรายที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ คือ การร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน โดยหลังจากผู้นำทั้งสอง ประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับผู้นำจีนในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ได้มีความเห็นชอบการทำยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยจีนจะทำยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมจากจีนสู่อาเซียน ขณะที่ไทยจะใช้ยุทธศาสตร์เชื่อมไทยกับอาเซียน

นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือทางการจีนกับไทยแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน (สแตนดาร์ดเกจ) 1.435 เมตร 3 ช่วง คือ ช่วงหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย, ช่วงแก่งคอย-กรุงเทพฯ และช่วงแก่งคอย-ชลบุรี-มาบตาพุด รวมระยะทาง 867 กิโลเมตร ตลอดจนการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟกึ่งความเร็วสูงจากจีนผ่าน สปป.ลาว มายังไทยด้วยประเทศต่อมาที่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาร่วมแบ่งเค้กในโครงการเมกะโปรเจคท์รอบนี้คือ ญี่ปุ่น ถือเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจสำคัญที่มีเม็ดเงินลงทุนในไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง

นอกจากนี้ยังรอนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในเดือนหน้า และอาจมีข่าวดีในการประกาศความร่วมมือยุทธศาสตร์ไทย-ญี่ปุ่น ตามมา โดยเฉพาะการเปิดทางให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟกึ่งความเร็วสูงตาก-มุกดาหาร ขนาดราง 1.435 เมตร จากฝั่งตะวันออกไปตะวันตก พร้อมกับเชื่อมการเดินทางระบบราง 4 ประเทศ เวียดนาม-สปป.ลาว-ไทย-เมียนมาร์

นอกจากสองประเทศนี้แล้ว ตลอดเดือนที่ผ่านมายังมีอีกหลายประเทศที่ได้เข้าหารือกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม แบบคิวแน่นเอี้ยดทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเอกอัคร ราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ที่ควงคณะผู้บริหาร บริษัท ซีเมนส์ จำกัด ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมขนส่งทางรางระดับโลก มาหารือและแสดงความสนใจจะเข้ามาเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) รวมถึงโชว์เทคโนโลยีในการวางระบบรางทั้งขนาดความกว้าง 1 เมตร และขนาดความกว้าง 1.435 เมตร

เช่นเดียวกับเอกอัครราชทูตอิตาลีสนใจลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการเดินรถไฟ ผ่านการลงทุนจากกลุ่มบริษัท อิตาเลียน กรุ๊ป หรือแม้กระทั่งบริษัท รถไฟฟ้าเอสเอ็มอาร์ที คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินรายใหญ่ของสิงคโปร์ เสนอตัวบริหารการเดินรถไฟฟ้าและรถใต้ดิน โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่ไทยมีแผนจะสร้างในปี 2558 ขณะที่อังกฤษและฝรั่งเศส สนใจโครงการรถไฟทางคู่เนื่อง จากเห็นศักยภาพในการเชื่อมโยงโครงสร้างคมนาคม

เห็นได้ว่าช่วงนี้ประเทศไทยเนื้อหอมจริง ๆ แต่ รมว.คมนาคม ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทยยังเปิดกว้างอยู่ ไม่ได้มีการล็อกสเปกอะไรให้ใคร หากประเทศไหนสนใจก็เข้ามาหารือด้วยได้ โดยรัฐบาลจะดูอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดของประเทศ แต่ในส่วนของการร่วมมือไทย-จีน นั้นถือเป็นการดำเนินการที่สืบเนื่อง จากความตกลงในอดีตที่รัฐบาลชุดก่อนเคยทำไว้กับจีน

นอกจากสองโครงการรถไฟกึ่งความเร็วสูงแล้ว รัฐบาลบิ๊กตู่ยังมีโครงการลงทุนอื่น ๆ อีกหลายโครงการที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายระบบรางในเมือง ที่จะมีการสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล 10 เส้นทาง ระยะทางรวม 464 กิโลเมตร มีเงินลงทุนมากกว่า 400,000-500,000 ล้านบาท โครงการพัฒนาระบบรถไฟระหว่างเมืองทางคู่ เพื่อเพิ่มรถไฟขนาดราง 1 เมตร จากทางเดี่ยวเป็นทางคู่ 14 เส้นทางทั่วประเทศ โดยมีเส้นทางเร่งด่วนที่พร้อมลงทุนในปี 2558 จำนวน 6 เส้นทาง รวม 903 กิโลเมตร วงเงิน 129,308 ล้านบาท

จากนี้จึงเป็นการบ้านของรัฐบาลว่า จะจัดสรรแบ่งเค้กผลประโยชน์ก้อนนี้ให้ต่างชาติอย่างไรให้ลงตัว แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เพราะทุกประเทศล้วนมีความสำคัญต่อไทยในเวทีระดับโลกด้วยกันทั้งสิ้น ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมสร้างความโปร่งใส รวมทั้งสามารถชี้แจงสาเหตุของการตัดสินใจเลือกประเทศที่มาลงทุนให้สังคมรับรู้ด้วย เพราะมีหลายประเด็นที่ยังคาใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่ขณะนี้เหมือนยังไม่เริ่มตั้งไข่ แต่ทำไมรัฐบาลกลับไปคุยตกลงกับต่างชาติไว้ได้แล้ว.


//---------------

เปิดหวูดรถไฟทางคู่2.5พันกม. ร่วมมือจีนเชื่อมอาเซียน ผนึกญี่ปุ่นต่อยอด
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ

มติชน
วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 20:35:48 น.



ชัดเจนขึ้นมาอย่างต่อเนื่องสำหรับการพัฒนาระบบรางเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางและขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาด1เมตร (มิเตอร์ เกจ) ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงน้ำมันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ซึ่งเป็นการเพิ่มทางรถไฟอีก 1 ช่องทางจราจร เพื่อให้สามารถวิ่งสวนทางกันได้ ไม่ต้องรอสับหลีก จึงสามารถร่นระยะเวลาการเดินทางให้สั้นลงได้อีกมาก

ปัจจุบันรถไฟมีเส้นทางให้บริการรวมทั้งประเทศประมาณ4,043กิโลเมตรในจำนวนนี้เป็นเส้นทางเดี่ยว ซึ่งต้องรอสับหลีก 3,685 กิโลเมตร ทางคู่ 251 กิโลเมตร และทางสาม ที่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณสถานี 107 กิโลเมตร ดังนั้นจึงสามารถใช้ความเร็วของขบวนรถไฟขนส่งสินค้าได้เพียง 29 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนขบวนรถโดยสารใช้ได้ประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น จึงไม่แปลกที่การเดินทางด้วยรถไฟจะใช้เวลานานหลายชั่วโมง โดยเฉพาะในระยะทางไกลจากกรุงเทพฯไปทางภาคเหนือ หรือลงภาคใต้ ต้องใช้เวลามากกว่า 10-20 ชั่วโมง

แต่หากในอนาคตการก่อสร้างเป็นรถไฟทางคู่แล้วเสร็จ ก็จะสามารถใช้ความเร็วได้มากขึ้น โดยขบวนรถสินค้าจะสามารถใช้ความเร็วได้ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนขบวนรถโดยสารจะวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไป จึงสามารถประหยัดเวลาการเดินทางได้มาก ขณะเดียวกันทาง ร.ฟ.ท.ยังสามารถเพิ่มขบวนรถไฟเข้าไปในระบบได้อีกอย่างน้อย 3 เท่าตัวจากจำนวนรถที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และยังสามารถเพิ่มน้ำหนักลงเพลาได้ ทำให้สามารถขนส่งสินค้าได้มากกว่าเดิม 25%

ซึ่ง ร.ฟ.ท.เองก็คาดหวังว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรถไฟให้ได้ถึง 5% ในปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งทุกระบบไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ เพราะเมื่อการขนส่งมีประสิทธิภาพก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการขนส่งทางรถไฟมากขึ้นตามไปด้วย จากปัจจุบันที่สัดส่วนการขนส่งทางรถไฟอยู่ที่ประมาณ 1.5% เท่านั้่น

ทั้งนี้ ตามแผนการดำเนินโครงการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งปี 2558 ซึ่งเป็นแผนระยะเร่งด่วนที่อยู่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะแรกใน 6 เส้นทาง คือ

1.เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคาหาบริษัทเอกชนเข้ามาก่อสร้าง

2.เส้นทางชุมทางจิระ (นครราชสีมา)-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร

3.เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร อยู่ระหว่างนำเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการ

4.เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร

5.เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร และ

6.เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร อยู่ระหว่างนำเสนอขออนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) รวมระยะทางที่จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะแรก 903 กิโลเมตร ตามกำหนดจะเริ่มดำเนินโครงการได้ทั้งหมดในปี 2558 และทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2561-2563

สำหรับระยะที่ 2 ซึ่งจะเริ่มศึกษาและออกแบบรายละเอียดในปีงบประมาณ 2558 มี 8 เส้นทาง คือ

1.เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร

2.เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร

3.เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร

4.เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร

5.เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร

6.เส้นทางสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กิโลเมตร

7.เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร และ

8.เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กิโลเมตร รวมระยะทางรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อยู่ที่ 1,626 กิโลเมตร

ยังมีการก่อสร้างเส้นทางใหม่ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในแผนระยะที่ 1 และ 2 แต่จะมีการก่อสร้างด้วยเช่นเดียวกัน คือ

1.เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กิโลเมตร และ

2.เส้นทางบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 347 กิโลเมตร โดยที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาให้ดำเนินการศึกษาและออกแบบแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างโดย ร.ฟ.ท. แต่มีการกล่าวถึงมากเป็นพิเศษในช่วงนี้คือ การก่อสร้างรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน (สแตนดาร์ด เกจ) ขนาด 1.435 เมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า สามารถวิ่งให้บริการได้ด้วยความเร็ว 160-180 กิโลเมตร

โดยเส้นทางแรกไทยจะร่วมลงทุนกับจีนในการดำเนินโครงการคือ
ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ช่วงนครราชสีมา-มาบตาพุด และช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทางประมาณ 867 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับหลักการความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนแล้ว แต่ยังต้องมีการจัดทำบันทึกความร่วมมือเพื่อลงนามร่วมกันในเดือนธันวาคมนี้ ก่อนจะเริ่มศึกษาออกแบบโครงการได้ในต้นปี 2558 และก่อสร้างในปี 2559 ซึ่งเรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ ร.ฟ.ท.โดยตรงในตอนนี้ แต่ในอนาคตหากได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถ ก็อาจจะทำให้ ร.ฟ.ท.มีกำไรได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันก็มีอีก 1 เส้นทาง ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลชุดนี้ แต่ได้หยิบขึ้นมาดำเนินการก่อน เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนคือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางตาก-มุกดาหาร ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างฝั่งตะวันตกกับตะวันออกของไทย และยังเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมาที่ไทยร่วมกับจีนด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะนำไปหารือกับรัฐบาลญี่ปุ่นในระหว่างการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะมีความร่วมมือดำเนินการลักษณะเดียวกันกับที่ไทยร่วมมือกับจีน เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ญี่ปุ่นแสดงความสนใจที่จะดำเนินการร่วมกับไทยตั้งแต่แรก

แต่ถึงที่สุดแล้วจะลงนามร่วมมือกันกับญี่ปุ่น เหมือนกับที่ไทยร่วมมือกับจีนเพิ่มเติมอีกเส้นทางหนึ่งหรือไม่ คงต้องรอผลชัดเจนในเดือนธันวาคมนี้


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของรถไฟทางคู่นั้นถือเป็นเรื่องดี เพราะจะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากปัจจุบันที่ค่อนข้างซบเซา และผลการลงทุนจะสร้างความได้เปรียบเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เพราะจะทำให้การเดินทางสะดวก ลดต้นทุน เพราะเมื่อรถไฟไปที่ไหนย่อมสร้างความเจริญ สร้างเมืองใหม่ โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ค่อนข้างจะเกิดการจ้างงานสูง คือ อุตสาหกรรมก่อสร้าง เหล็ก ปูน เพราะต้องใช้ในการพัฒนาเมือง

การลงทุนรถไฟทางคู่ของรัฐบาลเป็นการลงทุนระยะกลางและยาว เป็นเรื่องจำเป็น เพราะหากพิจารณาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันจะพบว่าภาพรวมยังอยู่ในภาวะชะลอตัว มีเพียงสหรัฐอเมริกาที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง จากตัวเลขการว่างงานที่ลดลงเหลือ 5.8% จากที่ผ่านมาประมาณ 10% สินเชื่อเติบโตกว่า 6% แสดงว่าเกิดการลงทุน แต่ประเทศที่เหลือตัวเลขไม่ดีนัก อาทิ สหภาพยุโรปว่างงานเฉลี่ย 17.5% โดยเฉพาะกรีซ ประชาชนตกงานสูงถึง 26% สเปน 24% ขณะที่ญี่ปุ่นแม้จะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดเก็บรายได้ด้วยเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จาก 5% เป็น 8% แต่พบว่าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ตัวเลขติดลบสองไตรมาสจนนายกรัฐมนตรีต้องประกาศยุบสภา รวมทั้งจีนที่อัตราการเติบโตยังคงระดับ 7%

"ที่ผ่านมารัฐบาลได้ลงทุนระยะสั้น โดยสนับสนุนการค้าชายแดน ช่วยให้ผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ตรงตามความต้องการตลาด เพราะการส่งออกไปขายต่างประเทศไกลๆ ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการเร่งลงทุนระยะกลางและยาว แม้จะใช้เวลา 3-5 ปี แต่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตเพิ่มขึ้นแน่นอน"

นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การลงทุนรถไฟทางคู่ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อไทยมาก เพราะทางรถไฟถือว่าเป็นต้นทุนการคมนาคมที่ต่ำกว่าการขนส่งทางเรือและทางอากาศ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งลดลงอีก 2% ใน 5 ปี จากปัจจุบัน 15% ของจีดีพีเหลือ 13% ทำให้การค้า การเคลื่อนย้ายและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระดับปานกลางและล่างจะได้เดินทางมาท่องเที่ยวได้มากขึ้น ดึงตลาดการค้าและการลงทุนทั้งในอาเซียนและนอกอาเซียนเพิ่มขึ้น

"ในแง่มูลค่านั้น ประเมินว่ามีผลต่อเศรษฐกิจเป็นหลายหมื่นล้านบาทต่อปี แต่ยังไม่ได้ประเมินโดยรวมว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าจะขยายตัวได้เป็นหลายเท่าตัวหลังโครงการเดินทางในปี 2563 โดยเฉพาะการเพิ่มการค้าชายแดนที่ได้ระบุไว้เกิน 1 ล้านล้านบาท"
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 25/11/2014 7:23 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.ไฟเขียว ร่าง 'เอ็มโอยู' รถไฟทางคู่ไทย-จีน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2557 18:00

มติ ครม. เห็นชอบ ร่างเอ็มโอยูไทย-จีน ในโครงการรถไฟทางคู่ หนองคาย-มาบตาพุด 133 กม. พร้อมตั้งกรรมการร่วมขับเคลื่อนโครงการ จ่อส่งร่างบันทึกให้ สนช.ต่อไป

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ความเห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) ระหว่างไทยและจีนเพื่อร่วมมือกันในโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหนองคาย-มาบตาพุด

"กระทรวงคมนาคมได้นำร่าง MOU ความร่วมมือไทย-จีนดังกล่าวมานำเสนอคณะรัฐมนตรี ในเรื่องการสร้างทางรถไฟ ซึ่ง ครม.ได้ให้ความเห็นชอบ จะเป็นการสร้างรถไฟรางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 734 กม. และแก่งคอย-กรุงเทพฯ (สถานีกลางบางซื่อ) ระยะทาง 133 กม. (รวม 867 กม.) เป็นความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล" โฆษกรัฐบาล กล่าว

ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายขึ้นมาขับเคลื่อนโครงการ โดยฝ่ายไทยคือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เป็นผู้ประสานงาน ส่วนฝ่ายจีน คือ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปเจรจาในรายละเอียดทั้งการสำรวจ, การออกแบบ, ความร่วมมือในการสร้างฐานราง, การวางระบบ และการร่วมทุน โดยหลังจากนี้จะส่งร่าง MOU ดังกล่าวให้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป

//--------------------------------------

คค. ชง ครม. MOU รถไฟทางคู่ไทย-จีน
สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (INN News )
25 พฤศจิกายน 2557 13.40 น.

กระทรวงคมนาคม ประชุมเตรียมความพร้อมพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาในเชิงพาณิชย์ ก่อนเจราจากับกองทัพเรือ ชง ครม. MOU รถไฟทางคู่ไทย-จีน
คค. ชง ครม. MOU รถไฟทางคู่ไทย-จีน

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหารือเตรียมความพร้อมการพัฒนาเชิงพาณิชย์สนามบินอู่ตะเภาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในวันนี้เป็นการประชุมเพื่อรับทราบรายละเอียดข้อมูลของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมการบินพลเรือน และ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาอุปสรรคและมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเดินทางไปการเจรจากับกองทัพเรือในฐานะเจ้าของพื้นที่ เช่น มีส่วนใดบ้างจะใช้ประโยชน์ด้านความมั่นคง ส่วนใดสามารถนำมาใช้พัฒนาด้านเชิงพาณิชย์และจะมีการก่อสร้างสิ่งใดบ้าง อย่างเช่นอาคารผู้โดยสารหรือจุดบริการผู้โดยสาร

ทั้งนี้ ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการส่งหนังสือเพื่อดำเนินการขอเจรจากับกองทัพเรือแล้ว โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจึงจะดำเนินการกำหนดวันที่จะเดินทางไปเจราจาเพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือ

นางสร้อยทิพย์ ยังเปิดเผยถึงร่างความตกลงโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด และ แก่งค่อย-กรุงเทพฯ ระยะทาง 867 กิโลเมตร ที่เกิดจากความร่วมมือ ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน (MOU) ว่า ในวันนี้ กระทรวงคมนาคม ได้เสนอร่างความตกลงดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบในหลักการแล้ว ซึ่งหากได้รับการพิจารณา ก็จะนำเรื่องเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เพื่อให้เกิดความรอบคอบด้านกฎหมาย จากนั้น กระทรวงฯ จะดำเนินการเตรียมร่าง MOU ทั้ง 2 ฝ่าย ลงนามความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามความร่วมมือได้ภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา ว่า ทาง กระทรวงคมนาคม ได้มีการเตรียมการจัดนิทรรศการไว้แล้ว ซึ่งจะมี 2 ส่วนด้วยกันคือบริเวณที่
1.ท้องสนามหลวง
2.หน้ากระทรวงคมนาคม ถนนราชดำเนินนอก

ภายใต้ชื่อ พระเจ้าอยู่หัวกับกระทรวงคมนาคม และอัครมหาราชาปิ่นฟ้าคมนาคม ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรม และนิทรรศการเกี่ยวกับการคมนาคม ให้เลือกชมเป็นจำนวนมาก
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 26/11/2014 12:38 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.ไฟเขียว MOU รถไฟไทย-จีน กลุ่มรับเหมาคึกคักรอรับงานใหญ่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 พฤศจิกายน 2557 22:16 น.



ครม.ครม.ไฟเขียวร่าง MOU ไทย-จีน ก่อสร้างรถไฟทางคู่ รางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรเตรียมเสนอ สนช.เห็นชอบต่อไป พร้อมตั้ง"ประจิน"หัวหน้าคณะกรรมการฝ่ายไทย เจรจารายละเอียดกับจีน ในรูปแบบคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่าย คาด ธ.ค. ลงนามMOU ได้เดินหน้าสำรวจพื้นที่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (25 พ.ย.) มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) พัฒนารถไฟระหว่างประเทศไทย-จีน ขนาดรางมาตรฐาน ความกว้าง 1.435 เมตร (Stand Gauge) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยขั้นตอนจากนี้ จะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาเห็นชอบ ก่อนไปลงนามร่วมกันอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดว่าจะมีความร่วมมือกันในเส้นทางใด หรือมีรูปแบบความร่วมมืออย่างไรนั้น จะต้องไปหารือกันในระดับของคณะกรรมการต่อไป

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 มีสาระสำคัญคือการร่วมมือก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กิโลเมตร และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ ระยะทาง 133 กิโลเมตร ซึ่งเป็นความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (Government To Government หรือ G To G)

ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนความร่วมมือตามกรอบ MOU ฉบับดังกล่าว โดยฝ่ายไทยมอบหมายให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ส่วนฝ่ายจีนจะมีประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่ประสานงานร่วมกัน และให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือ ตั้งแต่การเจรจารายละเอียดรูปแบบโครงการ รวมถึงงานด้านการสำรวจออกแบบเส้นทาง แนวทางร่วมมือในการก่อสร้างฐานรางรถไฟ ซึ่งจะใช้กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการลงทุน

และ ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบร่าง MOU ความร่วมมือในด้านสินค้าเกษตรไทย-จีน ซึ่งจีนสนใจที่จะซื้อข้าว และยางพาราจากไทย เพื่อเป็นการสานความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ที่จะครบรอบ 40 ปี ในปีหน้า โดยตามข้อตกลงล่าสุด ยังไม่ได้ระบุปริมาณของสินค้าเกษตรของไทยที่จีนจะซื้อ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์จะรับหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักพิจารณารายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้งว่าจะขายข้าวและยางให้จีนจำนวนเท่าใด

ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ประจิน ระบุถึงรูปแบบการลงทุนระหว่างไทย-จีนว่า เบื้องต้นพิจารณาไว้ 3 แนวทาง โดยไทยจะร่วมลงทุนในสัดส่วนที่น้อยกว่าจีน เช่น 20:80 หรือ 15: 85 หรือ 0:100 ประกอบด้วยแนวทางที่ 1 การร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (Public–Private Partnership หรือ PPP) ซึ่งเอกชนในที่นี้หมายถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีนที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานก่อสร้าง

2. Build-Operate-Transfer Contract หรือ BOT ด้วยการจ้างเอกชนลงทุนก่อสร้าง พร้อมให้สัมปทานบริหารและเก็บค่าบริการ จนครบอายุสัมปทานก็จะโอนกรรมสิทธิ์ให้กับรัฐบาลไทย 3. Engineering Procurement Construction and Finance หรือ EPC&F คือให้เอกชนลงทุนสำรวจออกแบบก่อสร้าง และบริหาร จัดการ จัดเก็บค่าบริการ เพื่อชำระหนี้ โดยในข้อตกลงจีนจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนให้

และคาดว่าจะสามารถนำร่าง MOU ไปลงนามที่ประเทศจีนภายในเดือนธันวาคม 2557 ให้มีผลในทางปฏิบัติเดือนมกราคม 2558 ซึ่งไทย-จีน จะเริ่มดำเนินการสำรวจแนวเส้นทาง ออกแบบ และประเมินราคาให้ชัดเจน

//-----------------------------------


ไฟเขียวMOUไทย-จีนสร้างรถไฟทางคู่


โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
25 พฤศจิกายน 2557 20:28 น.

วานนี้ (25พ.ย.) ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบ ตามร่างบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น(MOU)ระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชนจีน ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อร่วมมือกันในโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหนองคาย-มาบตาพุด โดยสาระสำคัญของ MOU ความร่วมมือไทย-จีน ดังกล่าวจะเป็นการสร้างรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทาง หนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 734 กม. และ แก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทาง 133 กม. เป็นความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายขึ้นมาขับเคลื่อนโครงการ โดยฝ่ายไทยมอบหมาย พล.อ.อ
.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เป็นผู้ประสานงาน ส่วนฝ่ายจีน คือประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไป
เจรจาในรายละเอียด ทั้งการสำรวจ , การออกแบบ , ความร่วมมือในการสร้างฐานราง , การวางระบบ และการร่วมทุน ทั้งนี้ ในส่วนของร่าง MOU ดังกล่าว จะส่งต่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 27/11/2014 5:34 pm    Post subject: Reply with quote

โครงการรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย
ผู้สื่อข่าว : ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา
Rewriter : มณีรัตน์ ชาญชัยศิลป์
แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี
วันที่ข่าว : 26 พฤศจิกายน 2557

อุดรธานี สนข.ชี้แจ้งโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานระยะที่2.doc Download

ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี ร่วมประชุมเพื่อรับทราบโครงการรถไฟทางคู่มาตรฐาน(Standard Gauge) เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จากบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ นำโดยนายไพบูลย์ โชคไพรสิน ผู้จัดการโครงการฯ นายธนากร ไชยธีระภิญโย รองผู้จัดการโครงการฯ ผศ.ดร.วิลาสินี อโนมะศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่มาพบปะแบบเป็นทางการ เพื่อแนะนำโครงการฯ

นายไพบูลย์ โชคไพรสิน ผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า การพบปะครั้งนี้ เพื่อชี้แจงข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นของโครงการ แผนงานและขั้นตอนการศึกษาโครงการแก่ผู้บริหารหรือผู้แทนหน่วยงานระดับนโยบายในพื้นที่ให้ได้รับรู้และเกิดความเข้าใจในกระบวนการศึกษาโครงการ แจ้งให้ทราบถึงแผนการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนตามหลักเกณฑ์และแนวทางในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม และเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลสำคัญในพื้นที่ สำหรับพิจารณาประกอบการปรับปรุงแนวทางการศึกษาให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งโครงการนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เห็นชอบในหลักการกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (พ.ศ.2558-2565) ในระยะเร่งด่วนด้านคมนาคมขนส่งทางราง โดยการวางมาตรฐานใหม่สำหรับอนาคต สร้างทางรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร 2 เส้นทางได้แก่ เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-ท่าเรือแหลมฉบัง และเส้นทางเชียงของ-เด่นชัย-ภาชี

นายธนากร ไชยธีระภิญโย รองผู้จัดการโครงการฯ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ว่า เป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางและการขนส่งสินค้าที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและตรงต่อเวลา รองรับการพัฒนาให้เป็นรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ซึ่งเส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงจากตอนใต้ของประเทศจีนที่เมืองเวียงจันทน์ เป็นการส่งเสริมการพัฒนาเมืองหลัก กระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ภูมิภาค เพิ่มโอกาสการค้าการลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณสถานีรถไฟนครราชสีมา ผ่านขอนแก่น อุดรธานี สิ้นสุดโครงการที่สถานีรถไฟหนองคาย เส้นทางโครงการจะขนานไปกับแนวเส้นรถไฟปัจจุบัน ระยะทาง 355 กิโลเมตร และจะมีการปรับแนวเส้นทางให้เป็นแนวตรงมากขึ้น โดยการเพิ่มรัศมีโค้งในบางบริเวณเพื่อให้สามารถรองรับความเร็วในการเดินรถที่สูงขึ้น ในเบื้องต้นกำหนดตำแหน่งไว้ 5 สถานีได้แก่

สถานีบัวใหญ่
บ้านไผ่
ขอนแก่น
อุดรธานีและ
หนองคาย

จะนำเอารูปแบบและลักษณะสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมท้องถิ่นมาประยุกต์ในการออกแบบสถานี โดยมีระยะเวลาศึกษาโครงการ 14 เดือน ระหว่างเดือนกันยายน 2557 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2558

ผศ.ดร.วิลาสินี อโนมะศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า สำหรับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อประเมินผลกระทบในรายละเอียด จะจัดทำรายงานการวิเคราะห์เสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาตามลำดับ พื้นที่ศึกษาครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 4 จังหวัด นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานีและหนองคาย เพื่อกำหนดเป็นมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการชดเชยความเสียหายและฟื้นฟู และติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จะมีกระบวนการับฟังความคิดเห็นของประชานในการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เน้นกลุ่มผู้ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ครั้งแรกวันที่ 19-23 มกราคม 2558 ครั้งที่ 2 วันที่ 18-22 พฤษภาคม 2558
ข้อมูลข่าวและที่มา
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 30/11/2014 2:47 pm    Post subject: Reply with quote


ข่าวเรื่องการแสดง งานเทคโนโลยีรถไฟ รถไฟใต้ดิน ระบบรางใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ไบเทค บางนา เมื่อ 26-28 พฤศจิกายน 2557 เสียดายที่ติดทำงานเลยไม่มีโอกาสได้ไป
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=hSFOgvmHOys

//---------------------

'สามารถ'ฝากคกก.MOUรถไฟทางคู่ไทย-จีนดู3เรื่อง'เส้นทาง-ขนาดราง-ค่าก่อสร้าง'
โดย ณัฐญา เนตรหิน
คอลัมน์ : ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2014 เวลา 10:33 น.
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองผู้ว่ากทม.โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ"MOU รถไฟทางคู่ไทย-จีนสำคัญที่ผลการเจรจา"เนื้อหาที่โพสต์ระบุดังนี้

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ครม. ได้มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) การพัฒนารถไฟไทยโดยความร่วมมือจากประเทศจีน ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาเห็นชอบก่อนลงนามร่วมกับจีน เอ็มโอยูดังกล่าวเป็นกรอบการพัฒนารถไฟไทยกว้างๆ ไม่มีรายละเอียด ดังนั้น จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารถไฟไทยขึ้นมา โดยคณะกรรมการฯ จะต้องทำหน้าที่เจราจารายละเอียดกับจีน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้

ผมเห็นด้วยที่จะมีการพัฒนารถไฟไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟทางคู่ที่รัฐบาลกำลังจะก่อสร้างหลายสาย ซึ่งเป็นทางคู่ที่ใช้รางกว้าง 1 เมตร ทางคู่ในที่นี้เป็นการก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้นจากทางเดิมที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งใช้รางกว้าง 1 เมตร ดังนั้น การก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งทางจึงจำเป็นต้องใช้รางกว้าง 1 เมตร เช่นเดียวกัน อนึ่ง ทางรถไฟหนึ่งทางประกอบด้วยเหล็กรางรถไฟ 2 เส้น ถ้าเป็นทางคู่ก็ประกอบด้วยเหล็กรางรถไฟ 4 เส้น

แต่เอ็มโอยูที่จะลงนามร่วมกับจีนนั้น เป็นการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดราง 1.435 เมตร ซึ่งจะต้องก่อสร้างทางรถไฟขึ้นมาใหม่ทั้งสองทาง วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมงประกอบด้วยช่วงหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 734 กิโลเมตร และช่วงแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางรวม 133 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 392,570 ล้านบาท รถไฟทางคู่นี้จะใช้ขนทั้งคนและสินค้า ซึ่งต่อไปจะพัฒนาเป็นรถไฟความเร็วสูง

ผมขอฝากสาระสำคัญให้คณะกรรมการฯ พิจารณาเพื่อเจรจากับจีนดังนี้

1. เส้นทาง
เส้นทางที่กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้นจะต้องเป็นเส้นทางที่มีการเห็นชอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย โดยจะต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะมาเลเซียและสิงคโปร์ ผมอยากให้ขับเคลื่อนอาเซียนด้วยระบบราง เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอาเซียนได้ ผมไม่มั่นใจว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นการกำหนดโดยรัฐบาลไทยเพียงฝ่ายเดียวหรือไม่

2. ขนาดราง
หากต้องการพัฒนาเป็นรถไฟความเร็วสูง (ซึ่งจะต้องเป็นทางคู่) ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 250-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะต้องใช้รางกว้าง 1.435 เมตร ผมอยากให้ทบทวนดูว่าควรจะก่อสร้างเป็นรถไฟความเร็วสูงเสียเลยตั้งแต่ตอนนี้ จะดีกว่าก่อสร้างเป็นรถไฟทางคู่ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วพัฒนาเป็นรถไฟความเร็วสูงภายหลัง หรือไม่ นอกจากนั้น จะต้องคำนึงว่าประเทศอื่นในอาเซียนจะสามารถเชื่อมโยงกับจีนได้อย่างไร เพราะทุกประเทศในอาเซียนใช้รางกว้าง 1 เมตร (ยกเว้นประเทศที่เป็นเกาะ ซึ่งใช้รางกว้าง 1.067 เมตร)

3. ค่าก่อสร้าง
ผมเป็นห่วงค่าก่อสร้างมาก แม้จะลดลงจากเดิมแล้วก็ตาม ผมก็ยังมีความเห็นว่าแพง เดิมรถไฟทางคู่ขนาดราง 1.435 เมตร วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของรัฐบาลนี้มีค่าก่อสร้างเฉลี่ย 532.66 ล้านบาท/กิโลเมตร แต่ค่าก่อสร้างในปัจจุบันลดลงเหลือ 452.79 ล้านบาท/กิโลเมตร หรือลดลง 79.87 ล้านบาท/กิโลเมตร

เหตุที่มีการลดค่าก่อสร้างลงมาก็เพราะถูกทักท้วงว่าค่าก่อสร้างแพงพอๆ กับค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งผมเคยอภิปรายในสภาฯ ว่าแพง เป็นการลดลงโดยไม่มีการศึกษาและออกแบบเบื้องต้น ทั้งๆ ที่ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งหมดนี้ขอฝากไปที่คณะกรรมการฯ ที่จะเจรจากับจีน เพื่อให้ไทยได้รับประโยชน์สูงสุดครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 01/12/2014 9:48 am    Post subject: Reply with quote

สนช.นัดพิจารณาร่างMOUความร่วมมือรัฐบาลไทย-จีน 4 ธ.ค.นี้

โดย ณัฐญา เนตรหิน
คอลัมน์ :ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ
ฐานเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2014 เวลา 16:43 น.

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นัดสมาชิก สนช.ประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. และงดการประชุมในวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วาระสำคัญที่จะมีการพิจารณาในวันที่4ธ.ค. อาทิ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ... ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ

ทั้งนี้ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีหนังสือแจ้งงดการประชุมในวันจันทร์และอังคารที่ 1-2 ธันวาคมนี้ เพื่อให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการได้อย่างเต็มที่

//-----------------
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 25, 26, 27 ... 121, 122, 123  Next
Page 26 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©