View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 26/02/2015 3:57 am Post subject: |
|
|
ข่าวดี! ครม.เศรษฐกิจ ชงกองทุนออมแห่งชาติสำหรับแรงงานนอกระบบ เข้าครม.สัปดาห์หน้า
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
25 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14:00:10 น.
@ มาตรการเฟ้นเอกชนเดินรถไฟสายสีน้ำเงิน วางเงื่อนไขต้องลงทุนแบบ Net Cost เชื่อมต่อกันตลอดสาย
เรื่องสุดท้ายกระทรวงคมนาคมได้หารือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ว่าจะทำอย่างไรให้เดินต่อไป โดยหลักการที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้ว่า จะทำอย่างไรให้เดินแล้วต้องเดินตลอดสาย เพราะสายสีน้ำเงินมีทั้งตะวันออกและตะวันตก ไม่ใช่เดินแล้วตะวันตกกับตะวันออกไม่ต่อกัน
จึงเสนอให้ยกเลิกมติ ครม.เดิม เพราะมติเขียนไว้ไม่ต่อกัน โดยให้หลักเกณฑ์ในการจัดหาผู้เดินรถให้เป็นเดินตลอดทั้งสายและเป็นประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด และต้องเป็น Net Cost ด้วย คือ รัฐลงทุนราง เอกชนลงทุนรถและระบบสัญญาณ ทำให้รัฐลดการลงทุนลงตลอดสาย ทำให้คิดค่าโดยสายตลอดสาย จากเดิมที่รัฐลงทุนเองทั้งหมดและจ้างให้เอกชนเดินรถ ซึ่งสุดท้ายก็จะเหมือนขสมก.มีหนี้พอกเต็มไปหมด แต่มีเงื่อไขว่าเดินแล้วต้องต่อกับสายเดิม โดยห้ามวางรางไม่ให้ตรงกัน โดยยังไม่ได้หารือว่าจะให้บริษัทเอกชนรายเดิมหรือรายใหม่ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วงหลังวางระบบรางแล้วเมื่อไรจะมีรถลงมาวิ่งได้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมรายงานคาดว่าประมาณเดือน ต.ค. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 01/03/2015 7:25 pm Post subject: |
|
|
ประจิน ห่วงสร้างรถไฟสะดุด
บ้านเมือง
วันศุกร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558, 05.35 น.
งานนี้ BMCL ได้ไปเต็มๆ เพื่อการเชื่อมต่อโดยสะดวก
//------------
รถไฟฟ้าดันที่ดินรัชดาฯพุ่ง 'พระราม9-ลาดพร้าว'ขยาย100%
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 12:30 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,028 วันที่ 19 - 21 กุมถาพันธ์ พ.ศ. 2558
กูรูอสังหาฯ แนะจับตาที่ดินย่านรัชดาฯ อนาคตสุขุมวิท คาดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มดันที่ดินพุ่งกว่า 1 ล้านบาทต่อตร.ว. ส่งผลราคาขายคอนโดฯทะยานสู่ 1.8 แสนบาทต่อตร.ม. แย้มพื้นที่พระราม9-ลาดพร้าว จะมีอัตราการขยายตัวกว่า 100% ด้าน คอลลิเออร์ส เปิดตัวเลขที่อยู่อาศัยย่านรัชดาฯ พบยูนิตเหลือขาย 2.8 พันหน่วย ราคาขายเฉลี่ยกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม.
altนายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมเดิร์นพร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ส่งผลให้ราคาที่ดินที่โครงการรถไฟฟ้าพาดผ่านขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาขายอสังหาริมทรัพย์ก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยพื้นที่ที่น่าจับตามองในขณะนี้คือ พื้นที่ รัชดาฯ ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ (ซีบีดี) เนื่องจากมีอาคารสำนักงานเกิดใหม่จำนวนมาก อาทิ เอไอเอ แคปปิตอล ,จีแลนด์ ทาวน์เวอร์ ฯลฯ ทำให้มีบรรดาดีเวลอปเปอร์เข้าไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ซึ่งจะยิ่งทำให้พื้นที่นี้มีศักยภาพมากขึ้น และจะทำให้ที่ดินเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ประมาณ 5-6 แสนบาทต่อตร.ว. และในอนาคตหากโครงการต่างๆแล้วเสร็จราคาขายที่ดินก็จะมากกว่า 1 ล้านบาทต่อตร.ว. และเมื่อนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยก็จะต้องพัฒนาโครงการที่มีราคาขายมากกกว่า 1.8 แสนบาทต่อตร.ม. ซึ่งเป็นราคาขายใกล้เคียงกับสุขุมวิท
"หากผู้ประกอบการซื้อที่ดินมาในราคา 1 ล้านบาทต่อตร.ว. คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาทต่อไร่ แต่ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้ 7 เท่าของแปลงที่ดิน ตามผังเมืองกทม.ที่จัดสรรให้พื้นที่รัชดาฯอยู่ใน ย.9 คือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก ดังนั้นที่ดินขนาด 1 ไร่ หากพัฒนาเต็มพื้นที่จะได้ 1.6 พันตร.ม. แต่ในความเป็นจริงสร้างได้เพียง 1.12 หมื่นตร.ม.ตามกฎผังเมือง ซึ่งเมื่อหักพื้นที่ส่วนกลางแล้ว จะเหลือเป็นพื้นที่ขายจริงเพียง 5.6 พันตร.ม. และเมื่อนำราคาขายที่ดินต่อไร่มาหารกับพื้นที่ขายจริง ผู้ประกอบการจะต้องขายในราคาต้นทุนที่ 7.1 หมื่นบาทต่อตร.ม. แต่เมื่อบวกกับค่าก่อสร้างอีก 2.5 หมื่นบาทตร.ม.และค่าดำเนินการอื่นๆ อีกปะมาณ 10% ก็จะทำให้ผู้ประกอบการต้องขายในราคา 1.8 แสนบาทต่อตร.ม. ซึ่งขณะนี้ราคาขายจริงในตลาดก็กว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม.แล้ว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตพื้นที่ย่านรัชดาฯจะมีคอนโดมิเนียมราคาขายมากกว่า 1.8 แสนบาทต่อตร.ม.เกิดขึ้นอย่างแน่นอน" นายวสันต์ กล่าวและว่า
สำหรับพื้นที่ที่จะมีการขยายตัวของราคาที่ดินมากกว่า 100% ได้แก่ พระราม 9 และลาดพร้าว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งการขยายตัวของราคาที่ดินที่สูงมีพื้นฐานมาจากราคาที่ดินที่ไม่มีการขยับตัวมาเป็นเวลานาน
โดยปัจจัยที่จะส่งผลให้ราคาที่ดินและความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเพิ่มสูงขึ้นประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้า 2.รถไฟฟ้าสายที่ผ่าน สามารถเดินทางเข้าสู่แหล่งธุรกิจได้สะดวกและรวดเร็ว 3.รถไฟฟ้าต้องผ่านแหล่งชุมชน ซึ่งเมื่อราคาที่ดินแพง จนไม่สามารถพัฒนาโครงการแนวราบได้ ผู้บริโภคก็จะมองหาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคยังยึดติดกับแหล่งที่อยู่อาศัยเดิม
"หากพิจารณาตามปัจจัยต่างๆในเบื้องต้นก็จะพบว่า รถไฟฟ้าไม่ได้ส่งผลให้ราคาที่ดินที่มีรถไฟฟ้าทุกสายขยับขึ้นหรือมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากนัก เช่น สายสีเขียว (เกษตรฯ-สะพานใหม่) ที่ราคาที่ดินขยับขึ้นไม่มาก และไม่ค่อยมีโครงการคอนโดมิเนียมมากนัก เนื่องจากการเดินทางเข้าสู่ใจกลางธุรกิจใช้เวลานาน"
ด้าน นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมบนถนนรัชดาภิเษกที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2554 - 2557 พบว่า มีโครงการในตลาดทั้งหมดจำนวน 1.26 หน่วย โดยเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใน 4 สถานีหลักได้แก่ สถานีศูนย์วัฒนธรรม , สถานีห้วยขวาง ,สถานีพระราม 9 และสถานีสุทธิสาร รัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟใต้ดิน รวมจำนวน 1.21 หมื่นหน่วย คิดเป็นอัตราการดูดซับ 78% มีหน่วยเหลือขาย 2.8 พันหน่วย ราคาขายเฉลี่ยที่ประมาณ 1.05 แสนบาทต่อตร.ม.
"ทำเลรัชดาฯ ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ รวมทั้งมีรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน และในอนาคตจะมีสายสีส้มผ่าน" นายสุรเชษฐ กล่าว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 03/03/2015 10:11 am Post subject: |
|
|
จับตา..ครม.เตรียมให้เจรจาเอกชนเดินรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน-อาจขัดมติกก.มาตรา13เดิมที่ให้เปิดประมูล
มติชน
วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22:17:17 น.
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ มีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ กระทรวงคมนาคมจะเสนอการดำเนินการในโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ
ทั้งนี้ ในการประชุมครม. เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ให้หลักการว่า การเดินรถให้มีความต่อเนื่องกับรถไฟฟ้าใต้ดินทั้งระบบ โดยกำชับให้กระทรวงคมนาคมหาวิธีการสรรหาผู้เดินรถให้มีความชัดเจนว่าจะใช้วิธีการเจรจากับผู้เดินรถเดิมหรือประมูลหาผู้เดินรถใหม่ โดยจะต้องให้เกิดความสะดวกในการเชื่อมต่อในการเดินทางของประชาชน
นอกจากนี้จะต้องมีการยกเลิกมติ ครม.เดิมที่เขียนไว้ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินรถต่อเนื่องทั้งสายสีน้ำเงิน โดยหลักเกณฑ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นคือ การให้จัดหาผู้เดินรถโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับมากที่สุดโดยต้องทำให้ระบบรางต่อเนื่องกัน และสัญญาที่จะเกิดขึ้นจะมีการแก้ไขจากรูปแบบ PPP-Gross Cost ที่รัฐบาลลงทุนเองทั้งหมดแล้วเราจ้างเอกชนเดินรถอย่างเดียว โดยจะเปลี่ยนเป็นระบบ PPP Net Cross คือการให้สัมปทานเอกชนเดินรถ โดยให้เอกชนลงทุนในระบบรถและอาณัติสัญญาณ ขณะที่ฝ่ายรัฐลงทุนเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ภาครัฐจะมีต้นทุนการลงทุนโดยรวมลดลง
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามมติครม. เศรษฐกิจนั้น เหมือนว่ารัฐบาลต้องการที่จะใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 มาดำเนินการในโครงการดังกล่าว โดยต้องการที่จะให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เจรจากับเอกชนรายเดิม ซึ่งอาจจะผิดจากมติคณะกรรมการตามมาตรา 13 ที่มีมติว่าจะต้องเปิดประมูลเป็นการทั่วไป
"ในการประชุมคณะกรรมการตามมาตรา 13 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 มีมติให้เปิดประมูลเพื่อหาเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน แค่คณะกรรมการ รฟม. และกระทรวงคมนาคม ต้องการที่จะให้เจรจากับผู้เดินรถเดิม จนมีการเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการตามมาตรา 13 หลายครั้ง แต่ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอาจจะต้องมีการเปลี่ยนมาใช้พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 แต่ก็อาจจะเกิดปัญหาในส่วนของบทเฉพาะกาลของพ.ร.บ.ดังกล่าวที่หากจะมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการดำเนินการอาจจะมีปัญหาตามมาได้ ดังนั้นคงจะต้องรอดูมติครม. วันที่ 3 มีนาคมนี้ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร" |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 03/03/2015 6:39 pm Post subject: |
|
|
ครม.ไฟเขียว เอกชนเจรจาตรง สร้างรถไฟฟ้าส่วนขยายสายสีน้ำเงิน-ม่วง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 03 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17:44:58 น.
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติการดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน ท่าพระ ซึ่งเป็นการเดินรถแบบต่อเนื่อง (Through Operation) โดยให้มีการศึกษาทบทวนโดยนำรูปแบบการลงทุนแบบ PPP Net Cost มาเป็นแนวทางการลงทุนในลำดับแรกก่อนในการเจรจาตรงกับผู้ประกอบการรายเดิม
โดยรวมการเจรจาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน บางซื่อ (สัญญาที่ 5) ไปในคราวเดียวกันตามที่ครม.มีมติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 57 ให้เจรจาไว้แล้วเพื่อให้ขนาดการลงทุนมีความคุ้มค่า (Economies of Scale) โดยการเจรจาให้อยู่บนพื้นฐานการเจรจาที่คำนึงถึงประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนพร้อมทั้งให้เกิดความเป็นธรรม และประโยชน์ต่อภาครัฐสูงสุด
ทั้งนี้มอบหมายให้คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง- บางแค และช่วงบางซื่อ ท่าพระ ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้ทันกับการเปิดใช้บริการแก่ประชาชนตามแผนงานที่กำหนด
//---------------
เคาะเอกชนเจรจาตรงรถไฟฟ้า
เดลินิวส์
วันอังคาร 3 มีนาคม 2558 เวลา 20:11 น.
ครม. เห็นชอบ ให้กระทรวงคมนาคม ทบทวนการนใช้ พีพีพี เป็นแนวทางลงทุนในลำดับแรกก่อนเจรจาตรงกับผู้ประกอบการรายเดิม ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ พร้อมทั้งสายสีม่วง
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. ได้เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมการศึกษาทบทวนโดยนำรูปแบบการลงทุนรัฐร่วมเอกชน (พีพีพี) แบบเน็ตครอส คือการให้เอกชนลงทุนในระบบรถไฟฟ้า และอาณัติสัญญาณ ส่วนรัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มาเป็นแนวทางการลงทุนในลำดับแรกก่อนในการเจรจาตรงกับผู้ประกอบการรายเดิมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง บางแค และช่วงบางซื่อ ท่าพระ ให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินรถ โดยรวมการเจรจาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน บางซื่อ (สัญญาที่ 5) ด้วย
พร้อมทั้งเห็นชอบโครงการตามแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วนของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท โดยใช้เงินกู้วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท แยกเป็นกรมทางหลวงวงเงิน 25,000 ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบทวงเงิน 15,000 ล้านบาท
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่า โครงการตามแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วนวงเงินรวม 40,000 ล้านบาท จะสร้างรากฐานความมั่นคงเศรษฐกิจและสังคม สร้างโอกาสในการเข้าสู่เออีซี เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ในการเชื่อมต่อไปยังแหล่งการท่องเที่ยวในภูมิภาค และเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งทำให้เกิดการจ้างงานเพื่อการก่อสร้าง ทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมจะเริ่มดำเนินการร่างสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง กับบริษัทฯ ต่างๆ ที่สนใจเข้ามารับงานสร้างและซ่อมถนนรอไว้ก่อน ซึ่งไม่น่าจะใช้เวลานานในการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็ก คาดว่า ปลายเดือนมี.ค. หรือก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ น่าจะมีเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
//----------------
ประจินดันปรับใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ56เจรจาตรงเดินรถสายสีน้ำเงินแบบต่อเนื่อง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 มีนาคม 2558 19:39 น.
ครม.เห็นชอบ รฟม. เดินรถสายสีน้ำเงินต่อขยายแบบต่อเนื่อง สั่งคมนาคมหารือ สศช.และกฤษฎี หาข้อสรุปใช้พ.ร.บ.ร่วมทุน ฯ 56 ฉบับใหม่ หรือ พ.ร.บ.ปี 35ตามเดิม ใน 2 สัปดาห์ ประจินเผย พ.ร.บ.ร่วมทุน 56 เปิดกว้างเจราตรงได้ก่อน ช่วยแก้ปัญหากม.เดิมต้องประมูลก่อน หวั่นเป็นปัญหาเดินรถต่อเนื่องไม่ได้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (3 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเรื่องการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) ระยะทาง 27 กม.ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอประกอบกับข้อสังเกตของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกฤษฎีกาให้เป็นการเดินรถแบบต่อเนื่อง (Through Operation) และดำเนินการตามขั้นตอนการร่วมลงทุนรัฐกับเอกชน PPP- Net Cost คือ รัฐบาล เป็นผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนเอกชนรับสัมปทาน เก็บค่าโดยสารและแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐ เช่นเดียวกับสัญญาสัมปทานเดินรถสายเฉลิมรัชมงคล โดยให้กระทรวงคมนาคม สภาพัฒน์ ฯ และกฤษฎีกา ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการใน 2 แนวทาง ระหว่าง ดำเนินการตามแนวทางเดิมคือ พระราชบัญญัติการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 หรือ แนวทางใหม่ ใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 โดยจะเร่งสรุปภายใน 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตในประเด็นกฎหมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับรูปแบบการลงทุนระหว่างการใช้พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ 35 หรือพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 โดยทางกฤษฎีกา ให้ความเห็นถึงความแตกต่างว่า หากใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 คณะกรรมการมาตรา 13 จะต้องเลือกวิธีการประมูลคัดเลือกเอกชนเป็นลำดับแรก ในขณะที่หากใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องจากสามารถใช้วิธีเจรจากับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCLผู้รับสัมปทานเดินรถรายเดิมได้ ซึ่งตรงกับแนวทางของกระทรวงคมนาคมที่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้บริการมากกว่าเพราะสามารถเดินรถต่อเนื่องได้ จึงต้องหารือกับสภาพัฒน์ ฯ และกฤษฎีกาก่อน เพื่อสรุปรูปแบบ และไม่ให้การดำเนินการติดปัญหาข้อกฎหมาย แต่หลักการนั้นมีความเข้าใจตรงกันว่า เป้าหมายเพื่อให้เกิดความสะดวกกับประชาชนและไม่เป็นภาระการลงทุนต่อภาครัฐและเอกชนและ หากได้ข้อสรุปอย่างไร ไม่ต้องเสนอครม.แล้ว ให้เดินหน้าต่อทันที
ของเดิมใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 รูปแบบ PPP- Gross Cost ตามข้อกฎหมายกำหนดให้ต้องใช้วิธีประมูลก่อน แต่หากต้องการเดินรถต่อเนื่อง ต้องพิจารณาใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 เพราะผ่อนปรนให้ใช้การเจรจได้ ซึ่งกระทรวงต้องการปรับไปใช้ รูปแบบ PPP- Net Cost อีกด้วย ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56อาจ จะต้องเริ่มต้นขั้นตอนตามกติกากันใหม่ซึ่งจะใช้เสียเวลาอีก 1-2 เดือน
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินโครงการเนื่องจากหากพิจารณาล่าช้าและทำให้การจัดหารถล่าช้าจะเกิดปัญหาค่าใช้จ่ายในการดูแลงานโครงสร้างและรางที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมารกลางปี 2560 ระยะเวลาในการลงนามสัญญาและจัดหารถไฟฟ้า 2.5-3 ปี ซึ่งจะทำให้เปิดเดินรถได้ช่วงกลางปี-ปลายปี 2560 ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในเรื่องการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอย่างไร และจะทำให้การเดินรถของเอกชนที่เข้ามาเกิดความต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่สูง เพราะจะส่งผลไปถึงการกำหนดอัตราค่าโดยสารเพื่อไม่ให้ผู้ใช้บริการเดือดร้อน โดยต้องให้ผู้ใช้บริการทุกวัย ทุกระดับ คนพิการ เข้าถึงบริการได้สะดวก
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า แม้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 จะทำให้ต้องเริ่มต้นกระบวนการพิจารณาเรื่องเดินรถกันใหม่ซึ่งคาดว่าจะเสียเวลา 1-2 เดือนเท่านั้น แต่จะสามารถเลือกวิธีการเจรจาตรงได้ทันที ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหากรณีที่คณะกรรมการมาตรา 13 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 เดิม ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนมติ จากวิธีประมูลเป็นการเจรจาตรงได้ และทำให้การเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายไม่สามารถหาข้อสรุปและได้
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบ ให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากต่างประเทศ วงเงิน 40,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างและซ่อมแซมถนนที่อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบททั่วประเทศ แบ่งเป็นโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) 800 โครงการ วงเงิน 25,000 ล้านบาท และโครงการของทางหลวงชนบท (ทช.) 1,300 โครงการ วงเงิน 15,000 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงในพื้นที่เกษตรกรรมการ พื้นที่ท่องเที่ยว พื้นที่เขตเมืองเล็ก เมืองใหญ่ และพื้นที่เชื่อมไปยังเขตเศรษฐกิจชายแดน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องเดินรถและความปลอดภัย โดยเป็นโครงการขนาดเล็กเพื่อให้บริษัท ที่มีขนดาเล็กเข้าร่วมงานได้ และเป็นการกระจายเงินสู่ท้องถิ่น ขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างงานในพื้นที่ ระยะเวลาดำเนินงานประมาณ 8-10 เดือน คาดว่าปลายเดือนมีนาคม- ต้นเดือนเมษายน จะเริ่มดำเนินงานได้และแล้วเสร็จภายในปี 2558 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 04/03/2015 5:38 pm Post subject: |
|
|
ฟังความเห็นยืดรถไฟฟ้าไปสาย 4
เดลินิวส์ วันพุธ 4 มีนาคม 2558 เวลา 15:49 น.
ต่อ สายสีน้ำเงินบางแคถึงพุทธมณฑลสาย 4 เปิดฟังความเห็น 18 มี.ค.นี้
นายธีรพันธ์ เตชะศิรินุกูล รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เปิดเผยว่า รฟม.ได้กำหนดให้มีการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่1ในการศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสมออกแบบและจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางแค พุทธมณฑลสาย4ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้กำหนดรับฟังความคิดเห็นพร้อมแนะนำโครงการแก่ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 18 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 12.00 น.ณ ห้องประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์เขตหนองแขม
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวรฟม.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษากลุ่มบริษัทอินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป จำกัดดำเนินงานศึกษาความเหมาะสมพร้อมออกแบบรายละเอียดและจัดทำเอกสาประกวดราคาโดยในโครงการจะศึกษาต่อเส้นทางจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปัจจุบันที่กำลังก่อสร้างในส่วนต่อขยายถึงบางแค ให้ทำการออกแบบเส้นทางไปตามถนนเพชรเกษมไปจนถึงสิ้นสุดโครงการที่จุดบรรจบกับถนนพุทธมณฑลสาย4 ตลอดเส้นทางมี 4 สถานี คือ
- สถานีพุทธมณฑลสาย 2 ที่จุดตัดถนนพุทธมณฑลสาย 2
- สถานีทวีวัฒนา ก่อนถึงจุดตัดคลองทวีวัฒนา
- สถานีพุทธมณฑลสาย 3 ที่บริเวณจุดตัดถนนพุทธมณฑลสาย 3 และ
- สถานีพุทธมณฑลสาย 4 สิ้นสุดโครงการ
ทั้งนี้จะเป็นโครงสร้างยกระดับไปตามเกาะกลางถนนไม่มีการเวนคืนที่ดิน โดยจะต้องมีการออกแบบสถานีพร้อมประราคาค่าก่อสร้างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดจนการทำเอกสารเพื่อเตรียมพร้อมในการนำไปประกวดราคาซึ่งเมื่อผลการศึกษาแล้วเสร็จจะต้องนำเสนอบอร์ดรฟม.และคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติดำเนินการต่อไปทั้งนี้โครงการดังกล่าวอยู่ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล(เอ็ม-แม็พ)ซึ่งได้ขยายแนวเส้นทางให้ครอบคลุมศูนย์ชุมชนและศูนย์พาณิชยกรรมย่อยตามผังเมืองรวมและเพิ่มเติมเส้นทางสายใหม่รองรับที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 07/03/2015 11:58 am Post subject: |
|
|
ครม.ไฟเขียวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเดินรถแบบต่อเนื่อง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 มีนาคม 2558 19:09 น.
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (3มี.ค.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ เป็นการเดินรถแบบต่อเนื่อง โดยให้มีการศึกษาทบทวนโดยนำรูปแบบการลงทุนแบบ PPP Net Cost มาเป็นแนวทางการลงทุนในลำดับแรกก่อนในการเจรจาตรงกับผู้ประกอบการรายเดิม โดยรวมการเจรจาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (สัญญาที่ 5) ไปในคราวเดียวกันตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2557 ให้เจรจาไว้แล้วเพื่อให้ขนาดการลงทุนมีความคุ้มค่า โดยการเจรจาให้อยู่บนพื้นฐานการเจรจาที่คำนึงถึงประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมทั้งให้เกิดความเป็นธรรม และประโยชน์ต่อภาครัฐสูงสุด
พร้อมกันนี้ มอบหมายให้คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อ
ขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ดำเนินการตามแนวทางในข้อ 1 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทันกับการเปิดใช้บริการแก่ประชาชนตามแผนงานที่กำหนด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 09/03/2015 1:08 pm Post subject: |
|
|
นายกฯ เป็น ปธ.เปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้เจ้าพระยา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 มีนาคม 2558 11:24 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 11:52 น.)
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานพิธีเปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา อุโมงค์ที่ 2 โครงการสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 2 ช่วงสถานีสนามไชย - ท่าพระ เผยกำหนดแผนเดินรถทั้งระบบปี 2562
เวลา 09.00 น. วันนี้ (9 มี.ค.) ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้างอุโมงค์ขุดเปิดท่าพระ (Cut and Cover Tunnel) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอุโมงค์ที่สอง (Eastbound TBM Launching Ceremony) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายฯ สัญญา 2 ช่วงสถานีสนามไชย - สถานีท่าพระ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัท ช.การช่าง จำกัด มหาชน โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. พร้อมด้วยรักษาการผู้ว่าการ รฟม. คณะผู้บริหาร เข้าร่วมงาน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการและหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมร่วมเป็นเกียรติถ่ายภาพที่ระลึกกับหัวเจาะและทีมงาน
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และ บางซื่อ - ท่าพระ มีระยะทาง 27 กิโลเมตร แบ่งเป็นโครงสร้างรถไฟฟ้าแบบยกระดับ ระยะทาง 22 กิโลเมตร สถานียกระดับ 17 สถานี และโครงสร้างรถไฟฟ้าแบบใต้ดิน ระยะทาง 5 กิโลเมตร สถานีใต้ดิน 4 สถานี ซึ่งปัจจุบันนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สัญญาที่ 2 ได้ดำเนินงานมีความก้าวหน้า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เท่ากับร้อยละ 60.19 โดย รฟม. ได้กำหนดแผนเปิดเดินรถไฟฟ้าทั้งระบบ ในปี 2562
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1425894166
//-----------------------------------------
นายกฯ เปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา คาดเสร็จทันปี 2562
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
9 มีนาคม 2558 เวลา 16:30:35 น.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่บริเวณสถานที่ก่อสร้างอุโมงค์ขุดเปิดท่าพระ (Cut and Cover Tunnel) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอุโมงค์ที่สอง (Eastbound TBM Launching Ceremony) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายฯ สัญญา 2 ช่วงสถานีสนามไชย-สถานีท่าพระ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัท ช.การช่าง จำกัด มหาชน โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. พร้อมด้วยรักษาการผู้ว่าการรฟม. คณะผู้บริหาร เข้าร่วมงาน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการและหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมร่วมเป็นเกียรติถ่ายภาพที่ระลึกกับหัวเจาะและทีมงาน สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ มีระยะทาง 27 กิโลเมตร แบ่งเป็นยกระดับระยะทาง 22 กิโลเมตร และแบบใต้ดินระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในการดำเนินการไปแล้ว กว่าร้อยละ 60 และมีกำหนดการเปิดรถไฟฟ้าได้ทั้งระบบได้ในปี 2562
จากนั้นเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการเปิดแผนเดินรถไฟฟ้าทั้งระบบ นั้นเป็นไปตามโรดแมปที่เขียนไว้แล้ว แต่ที่ผ่านมามันช้า เพราะมีปัญหาในเรื่องของสัญญาและการดำเนินการต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในช่วงปลายปี 2561 หรือในปี 2562 ที่จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้ ก็อยากเร่งรัดให้เร็วขึ้น และวันนี้ก็แก้ปัญหาไปได้เปราะหนึ่งแล้ว สำหรับปัญหาสัญญาที่ติดขัดทำให้ล่าช้าไปปีกว่านั้น ตนได้บอกไปว่าต้องทำให้ถูกต้อง และเดินหน้าให้เร็วขึ้น ส่วนสายสีส้มและสีชมพูนั้นก็ยังคงดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 สายที่รอเข้าที่ประชุม ครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความล่าช้าในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ จะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น นายกฯกล่าวว่า ปัญหาอย่างเดียวคือเรื่องการทำสัญญา ถ้าเราทำสัญญาให้โปร่งใสเป็นธรรม มันก็คงเร็ว ซึ่งรัฐบาลเข้ามาต้องการเร่งรัดทุกอย่างให้มันเร็วขึ้น ขับเคลื่อนประเทศให้เร็วขึ้น โดยในช่วงเวลาปกติมันก็มีปัญหามาโดยตลอด ไม่ว่าจะด้วยคน หรือกระบวนการ วันนี้เราเร่งทุกอย่าง ฉะนั้น ขอให้เข้าใจด้วย ไม่ได้ทำเพื่ออย่างอื่น
ส่วนโครงการที่ดำเนินการไปแล้วนั้นตนไม่เป็นห่วง เพราะมีการใช้วัสดุและแรงงานในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้น จึงเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ด้วย ซึ่งทุกอย่างต้องประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออก นำเข้า ผลิตค้าขายในประเทศ แรงงานต่าง ๆ ทั้งหมด อย่างที่บอกแล้วว่า ประเทศเราตัวเลขคนว่างงานนั้นน้อย เพราะประเทศไทยอะไรก็เป็นอาชีพไปหมด ทำอะไรก็มีรายได้ แรงงานได้วันละ 300 ตนยังบอกเลยว่ารอบบ้านยังได้ไม่ถึงเลย ฉะนั้นวันนี้ประเทศไทยต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ มันไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้โดยเร็ว
เมื่อถามว่า การตรวจสอบความโปร่งใสของสัญญาจะเป็นปัญหาหรือไม่ เมื่อมีการเร่งรัดโครงการ นายกฯกล่าวว่า ก็ตรวจคู่ขนานไป ถ้าผิดก็ลงโทษ หยุดแล้วเดินหน้าต่อเท่านั้นเอง นโยบายตนเป็นแบบนั้น ทั้งนี้การปรับขั้นตอนให้รวดเร็วขึ้นคงได้แค่นี้ เพราะขั้นตอนเป็นแบบนี้ ถ้าเร็วก็มาบอกว่าไม่ไว้วางใจ โดยวันนี้เรามีหน่วยงานตรวจสอบจากภายนอกเยอะแยะที่ทำคู่ขนานกัน ก็ยังไม่พบอะไร โดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ในข้อตกลงสัญญาคุณธรรมนั้น เพื่อให้ช่วยกันตรวจสอบพร้อมกับเดินหน้า ถ้าผิดก็จำเป็นต้องหยุดแล้วหาคนอื่นมาทำ แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่า หลังจากสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเสร็จ จะแก้ปัญหารถติดในย่านเยาวราชได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปถามกันตั้งแต่คนที่เขาให้ซื้อรถคันแรก ไปถามเขานู้น รถมันเยอะเหลือเกิน เท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่ได้ไปห้ามใคร แต่เมื่อรถเยอะก็ต้องใช้อย่างประหยัด ต้องระมัดระวังการใช้พลังงาน รถหนึ่งคันควรขึ้นหลายคน ไม่ใช่ขับคนเดียว แล้วไปขึ้นรถไฟฟ้าก็บอกแพงอีก จะให้ตนทำอย่างไร
นายกฯกล่าวถึงการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) ว่า เรากำลังเจรจรากับภาคเอกชนอยู่ โดยเจรจากับเจ้าเดิมก่อน ถ้าเจรจาได้ก็จบ ซึ่งเรื่องนี้ ครม.อนุมัติไปแล้ว และไม่มีการติดขัดข้อกฎหมาย โดยยึดผลประโยชน์ของคนไทยมากที่สุด และควรจะต้องเจรจาให้เร็วที่สุดภายในปีนี้ มันต้องเกิดแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ก็ไปประมูลก็เท่านั้นเอง โดยเรากำลังแก้ปัญหาทั้งระบบไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล
เมื่อถามว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะสามารถตัดริบบิ้นได้ทันรัฐบาลนี้หรือไม่ นายกฯ ได้ให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ตอบคำถาม โดย พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเสร็จเรียบร้อยในเดือน ธ.ค.ปี 2558 และสามารถเปิดบริการประชาชนในเดือน มี.ค. 2559 แล้วทันรัฐบาลนี้หรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯวางไว้ให้มีการเลือกตั้งเดือน ก.พ. 2559 จะทันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ผมไม่รู้ ก็แล้วแต่สิ ท่านจะเลือกไหมเล่า ไปถามประชาชนสิจะเลือกตั้งไหม ผมถามกลับไปอย่างนี้"
//----------------
ภาพข่าว โดนประชาสัมพันธ์ รฟม.
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1564788083737920&id=1409174012632662
Last edited by Wisarut on 10/03/2015 9:49 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 10/03/2015 3:02 am Post subject: |
|
|
บอร์ด รฟม.การันตี พีระยุทธ พ้นมลทิน เตรียมเซ็นจ้างนั่ง ผู้ว่าฯ รฟม. กลางเดือน มี.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 มีนาคม 2558 06:42 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 16:48 น.)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
บอร์ด รฟม.การันตี พีระยุทธ พ้นมลทิน เตรียมเซ็นจ้างนั่ง ผู้ว่าฯ รฟม. กลางเดือน มี.ค.นี้
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
บอร์ด รฟม.การันตี พีระยุทธ พ้นมลทิน เดินหน้าเซ็นจ้างนั่ง ผู้ว่าฯ รฟม. กลางเดือน มี.ค.นี้ หลังผลสอบข้อเท็จจริงระบุเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้างสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและเพิ่มเงินผู้รับเหมา 290 ล้านทำตามขั้นตอน ไม่เอื้อเอกชน ส่วนข้อติงไม่เสนอบอร์ดตอนแก้สัญญาไม่ผิดเพราะมีเหตุผล เตรียมแจง สตง.เชื่อไม่ติดใจ ยอดยุทธ ขีดเส้นเร่งเซ็นสัญญาจ้างเดินรถสีน้ำเงินต่อขยายในปี 58 หวั่นเปิดไม่ทันปี 61
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม.เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ได้พิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือถึง รฟม.ให้ตรวจสอบนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าการ รฟม. (ฝ่ายวิศวกรรมและปฏิบัติการ) ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนสัญญาการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค สัญญาที่ 2 (สนามไชย-ท่าพระ) ส่งผลให้ รฟม.ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 290 ล้านบาท โดยกรรมการสอบสวนชุดที่มีนายไกร ตั้งสง่า กรรมการ รฟม.เป็นประธาน ได้สรุปว่าการปรับแผนก่อสร้างจากวิธีสูบน้ำระบายออกจากอุโมงค์เป็นระบบฉีดน้ำเพื่อรักษาสภาพดิน เนื่องจากหลังลงนามสัญญาแล้วสำรวจพบระดับน้ำสูงและเป็นดินทรายมีความจำเป็นเพื่อรักษาสภาพโครงสร้างไม่ให้ทรุดตัวและเกิดความเสียหายต่อโบราณสถานรอบๆ และไม่ทำให้โครงการก่อสร้างหยุดชะงัก และคณะทำงาน รฟม. และที่ปรึกษาโครงการ (PMC) ที่ปรึกษาควบคุมการก่อสร้าง (CSC) ร่วมกันพิจารณาและเห็นควรให้จ่ายชดเชยเงินผู้รับเหมา และได้มีการเสนอบอร์ดชุดที่แล้วที่มี น.ส.รัชนี ตรีพิพัฒน์กุล เป็นประธานเห็นชอบแล้ว ซึ่งตรงกับความเห็นของกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่นายชรณชิต แย้มสอาด รองผู้ว่าฯ รฟม. แต่งตั้ง โดยมี นายสราวุธ เบญจกุล เป็นประธาน
ส่วนประเด็นที่กรรมการสอบฯ ชุดนายสราวุธเห็นว่า นายพีระยุทธ ในฐานะ ผอ.โครงการ ไม่ได้นำข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสัญญาจากข้อ 13 เป็นข้อ 17 เสนอบอร์ดเห็นชอบนั้น กรรมการสอบฯ ชุดนายไกรเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีการพิจารณาขั้นต้นร่วมกันของทีมที่ปรึกษาและผู้แทน รฟม.แล้ว ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสาระรูปแบบก่อสร้างแล้วเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแก้สัญญาและเพิ่มวงเงินให้ผู้รับเหมา การเปลี่ยนสัญญาจากข้อ 13 เป็นข้อ 17 จึงมีเหตุผลสามารถทำได้
พล.อ.ยอดยุทธกล่าวว่า ข้อเท็จจริงไม่มีประเด็นสงสัย ถือว่า รฟม.ทำถูกต้องในการเปลี่ยนแปลงสัญญาและจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับเหมา บอร์ดจึงมีมติว่า การดำเนินการของนายพีระยุทธไม่เอื้อประโยชน์ต่อผู้รับเหมา ไม่ทุจริต และให้ รฟม.รวบรวมรายละเอียดการสอบสวนทั้งหมดเสนอบอร์ดเพื่อตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 13 มีนาคม จากนั้นจะเร่งชี้แจงไปยัง สตง.ทันที หาก สตง.ไม่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็จะสามารถลงนามสัญญาจ้างนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าการ รฟม. เป็นผู้ว่าฯ รฟม.คนใหม่ได้ในสัปดาห์ต่อไป
สตง.ไม่ได้ชี้มูลว่าผิด แต่ให้ตรวจสอบเพราะมีคนไปร้อง ถ้าชี้แจงขั้นตอนว่าถูกต้องก็ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งนอกจากแจ้งไป สตง.แล้วจะรายงานผลตรวจสอบต่อกระทรวงคมนาคมและ ครม.รับทราบด้วยเพื่อความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา ในขณะที่กระบวนการสอบวินัยนายพีระยุทธก็จะต้องยุติด้วย สามารถรับหน้าที่ผู้ว่าฯ ได้ ส่วนกรณีที่มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเรื่องการสรรหาฯ ผู้ว่าฯ รฟม.นั้น ศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ ดังนั้น จะยังไม่กระทบต่อขั้นตอนการว่าจ้างผู้ว่าฯ รฟม. พล.อ.ยอดยุทธกล่าว
ขีดเส้นเร่งเซ็นสัญญาจ้างเดินรถสีน้ำเงินต่อขยายในปี 58
ส่วนความคืบหน้าการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินนั้น พล.อ.ยอดยุทธกล่าวว่า กรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ยังไม่มีการประชุม เพราะต้องรอนโยบายที่ชัดเจนอีกครั้ง รวมถึงจะใช้วิธีการเจรจาหรือไม่ โดยหลังจากที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม เห็นชอบการเดินรถต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดและต้องการเปลี่ยนจากการร่วมทุนแบบ PPP-Gross Cost เป็นแบบ PPP-Net Cost ที่ให้เอกชนลงทุนและแบ่งส่วนแบ่งให้รัฐแทนที่รัฐลงทุนเองเพื่อไม่ต้องให้หนี้สาธารณะเพิ่ม โดย ครม.ต้องการให้เร่งเปิดเดินรถ ซึ่งตามแผนงานโยธาจะก่อสร้างเสร็จปลายปี 60 ไม่เกินต้นปี 61 ซึ่งหากต้องการเปิดเดินรถพอดีจะต้องลงนามสัญญากับผู้เดินรถในปี 58 นี้เพราะต้องใช้เวลาจัดหารถอีก 3 ปี ดังนั้นหากช้ากว่านี้จะไม่ทันแน่นอน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 10/03/2015 9:50 am Post subject: |
|
|
บิ๊กตู่ สั่งเจรจา BMCL เดินรถน้ำเงินต่อขยาย เร่งเปิดเดินรถในไตรมาส 3/61
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 มีนาคม 2558 14:28 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 16:36 น.)
นายกฯ สั่ง รฟม.เจรจาเดินรถสายสีน้ำเงิน เร่งเปิดบริการไตรมาส 3/61 พร้อมเร่งสปีดรถไฟฟ้าอีก 3 สายเข้า ครม. และผุดรถไฟความเร็วสูงเกิดในปีนี้ ยันนักลงทุนไทยเสนอตัวลงทุนเป็นไปได้ ยอดยุทธ เผยรอมติ ครม.เป็นทางการ คาด กก.มาตรา 13 ประชุมสัปดาห์หน้า เร่งเคาะเจรจากับ BMCL ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 เพื่อเดินรถต่อเนื่องตามนโยบาย มั่นใจประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
วันนี้ (9 มี.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอุโมงค์ที่สอง (Eastbound TBM Launching Ceremony) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) สัญญา 2 ช่วงสถานีสนามไชย-ท่าพระ ณ สถานที่ก่อสร้างอุโมงค์ขุดเปิดท่าพระ (Cut and Cover Tunnel)
พลเอก ประยุทธ์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโครงการล่าช้าแล้วกว่า 1 ปี เพราะติดขัดการทำสัญญาต่างๆ ทำให้ต้องเลื่อนเปิดเดินรถเป็นปี 2562 ซึ่งได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ (รฟม.) เร่งรัดการดำเนินงานโดยเฉพาะการหาผู้เดินรถโดยให้เจรจากับผู้ให้บริการรายเดิมก่อน คือ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ซึ่งรับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคลในปัจจุบัน เพื่อให้การเดินรถเชื่อมต่อเป็นวงกลม ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไปแล้วให้เจรจาได้เลย ถ้าเจรจาไม่สำเร็จค่อยเปิดประมูล โดยจะต้องยุติในปีนี้เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถเร็วขึ้นเป็นภายในไตรมาส 3 ปี 2561
พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าในแผนแม่บท โดยเตรียมเสนอเข้า ครม.อนุมัติอีก 3 สาย คือ สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-พระราม 9-มีนบุรี) เพื่อขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ โดยยืนยันว่าการนำระบบการลงทุนการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency : COST) เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเพื่อความโปร่งใสนั้นจะไม่ทำให้โครงการล่าช้าแน่นอน เพราะการตรวจสอบทำคู่ขนานไปกับการดำเนินโครงการตามขั้นตอน หากถูกต้องงานก็ไม่หยุดชะงัก แต่หากพบมีความผิดถึงค่อยหยุด ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) นั้นจะเปิดทดลองเดินรถได้ในประมาณเดือนธันวาคม 2558-มีนาคม 2559 ซึ่งภายในปีจะสรุปเรื่องการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีนักธุรกิจไทยหลายรายแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งกำลังเจรจารูปแบบและสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนเพราะต้องเข้ามาเป็นกลุ่ม
ด้านพลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. กล่าวว่า มติ ครม.ให้เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายต่อเนื่องกับสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ซึ่งขอยืนยันว่าสามารถใช้วิธีการเจรจาได้ เพราะ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เปิดช่องให้ใช้ได้ทั้งวิธีเจรจาหรือเปิดประมูล โดยมีคณะกรรมการมาตรา 13 เป็นผู้พิจารณา ซึ่งขณะนี้รอเพียงมติ ครม.เมื่อวันที่ 3 มีนาคมเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร จากนั้นคณะกรรมการมาตรา 13 จะประชุม ซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า หากจะใช้การเจรจาจะต้องดำเนินการตามมาตรา 16 โดยเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง เห็นชอบ และเสนอ ครม.อนุมัติ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการเจรจา ซึ่งจะต้องสรุปทั้งหมดภายในปีนี้เพื่อให้สามารถจัดหารถและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2561 ตามนโยบาย
นายกฯ เป็นห่วงเรื่องเดินรถเพราะเกรงว่างานโยธาก่อสร้างเสร็จปี 2560 แล้วสัญญาเดินรถจะไม่ทัน รฟม.เดินตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 มา 2 ปีกว่าแล้ว หากจะปรับไปใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 (ฉบับใหม่) จะต้องเริ่มต้นกระบวนใหม่ตั้งแต่รับฟังความเห็นสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ตั้งคณะกรรมการพิจารณาใหม่ ใช้เวลาอีกเป็นปี ซึ่งบอร์ด รฟม.เห็นว่า หากเดินรถต่อเนื่อง วิธีเจรจาจะง่ายและเร็วที่สุด หากเปิดประมูลหากได้รายใหม่ก็ต้องมาเจรจาเพื่อเดินรถเชื่อมต่ออยู่ดีซึ่งอาจมีปัญหาก็ได้ นอกจากนี้ ครม.มีมติให้เดินรถช่วง 1 สถานี (เตาปูน-บางซื่อ) ของสายสีม่วงสัญญา 5 โดยวิธีเจรจากับ BMCL รูปแบบ PPP COST ก็เป็นแนวทางที่ทำให้สายสีน้ำเงินต่อขยายควรใช้วิธีเดียวกัน เพื่อให้ระบบตั๋วและการจ่ายค่าโดยสารครั้งเดียวตลอดสาย พลเอก ยอดยุทธกล่าว
สำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2558 งานโยธามีความคืบหน้ารวม 60.19% ช้ากว่าแผน 1.31% โดยตามแผน
สัญญา 1 (หัวลำโพง-สนามไชย) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เป็นผู้รับเหมา คืบหน้า 68.24% ล่าช้า 1.27% กำหนดแล้วเสร็จเดือนมีนาคม 2560
สัญญา 2 (สนามไชย-ท่าพระ) บมจ.ช.การช่าง (CK) เป็นผู้รับเหมา คืบหน้า 70.84% เร็วกว่าแผน 1.55% กำหนดแล้วเสร็จมีนาคม 2559
สัญญา 3 (เตาปูน-ท่าพระ) กลุ่มกิจการร่วมค้า ชิโนไฮโดร-ยูนิค เป็นผู้รับเหมา คืบหน้า 46.04% เร็วกว่าแผน 0.05% กำหนดแล้วเสร็จเดือนกันยายน 2560
สัญญา 4 (ท่าพระ-หลักสอง) บมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้รับเหมา คืบหน้า 53.03% ล่าช้า 5.36% กำหนดแล้วเสร็จมิถุนายน 2560
สัญญา 5 (งานวางราง) บมจ.ช.การช่างเป็นผู้รับเหมา คืบหน้า 70.37% เร็วกว่าแผน 0.30% กำหนดแล้วเสร็จพฤษภาคม 2560
สัญญา 6 (งานเดินรถ) จะต้องลงนามสัญญาในเดือนมิถุนายน 2558 และดำเนินการออกแบบ ผลิต ติดตั้ง และทดสอบตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 และเปิดเดินรถเดือนมิถุนายน 2561
//----------------------------
เจรจาเดินรถสายน้ำเงิน'บิ๊กตู่'ขีดเส้นเปิดใช้Q3ปี61
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
9 มีนาคม 2558 23:55 น.
"นายกฯ"สั่งรฟม.เจรจาเดินรถสายสีน้ำเงิน เร่งเปิดบริการ ไตรมาส3/61พร้อมเร่งสปีด รถไฟฟ้าอีก 3 สายเข้าครม. และผุดรถไฟความเร็วสูงเกิดในปีนี้ ยัน นักลงทุนไทยเสนอตัวลงทุนเป็นไปได้ "ยอดยุทธ"เผยรอมติครม.เป็นทางการ คาด กก.มาตรา13 ประชุมสัปดาห์หน้า เร่งเคาะเจรจากับ BMCL ตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ35 เพื่อเดินรถต่อเนื่องตามนโยบาย มั่นใจประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
วานนี้ (9 มี.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาอุโมงค์ที่สอง (Eastbound TBM Launching Ceremony) โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ) สัญญา 2 ช่วงสถานีสนามไชย - ท่าพระ ณ สถานที่ก่อสร้างอุโมงค์ขุดเปิดท่าพระ (Cut and Cover Tunnel)
พลเอก ประยุทธ์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโครงการล่าช้าแล้วกว่า 1 ปี เพราะติดขัดการทำสัญญาต่างๆ ทำให้ต้องเลื่อนเปิดเดินรถเป็นปี 2562 ซึ่งได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ (รฟม.) เร่งรัดการดำเนินงานโดยเฉพาะการหาผู้เดินรถโดยให้เจรจากับผู้ให้บริการรายเดิมก่อน คือบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ซึ่งรับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคลในปัจจุบัน เพื่อให้การเดินรถเชื่อมต่อเป็นวงกลม ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไปแล้วให้เจรจาได้เลย ถ้าเจรจาไม่สำเร็จค่อยเปิดประมูล โดยจะต้องยุติในปีนี้เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถเร็วขึ้นเป็นภายในไตรมาส 3 ปี 2561
พร้อมกันนี้รัฐบาลจะเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าในแผนแม่บท โดยเตรียมเสนอเข้าครม.อนุมัติ อีก 3 สายคือ สายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-พระราม9-มีนบุรี) เพื่อขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ เพื่อให้เกิดสร้างงาน สร้างรายได้ โดยยืนยันว่าการนำระบบการลงทุนการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency : COST) เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เพื่อความโปร่งใสนั้น จะไม่ทำให้โครงการล่าช้าแน่นอน เพราะการตรวจสอบทำคู่ขนานไปกับการดำเนินโครงการตามขั้นตอน หากถูกต้องงานก็ไม่หยุดชะงัก แต่หากพบมีความผิดถึงค่อยหยุด ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ)นั้น จะเปิดทดลองเดินรถได้ในประมาณเดือนธันวาคม 2558 -มีนาคม 2559 ซึ่งภายในปีจะสรุปเรื่องการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงซึ่งมีนักธุรกิจไทยหลายรายแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งกำลังเจรจารูปแบบและสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน เพราะต้องเข้ามาเป็นกลุ่ม
ด้านพลเอก ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.กล่าวว่า มติครม.ให้เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายต่อเนื่องกับสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ซึ่งขอยืนยันว่า สามารถใช้วิธีการเจรจาได้ เพราะพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เปิดช่องให้ใช้ได้ทั้งวิธีเจรจาหรือเปิดประมูล โดยมีคณะกรรมการมาตรา 13 เป็นผู้พิจารณา ซึ่งขณะนี้รอเพียงมติครม.เมื่อวันที่ 3 มีนาคมเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร จากนั้นคณะกรรมการมาตรา 13 จะประชุมซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า ซึ่งหากจะใช้การเจรจา จะต้องดำเนินการตามมาตรา 16 โดยเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง เห็นชอบและเสนอครม. อนุมัติจากนั้นเข้าสู่กระบวนการเจรจา ซึ่งจะต้องสรุปทั้งหมดภายในปีนี้เพื่อให้สามารถจัดหารถและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2561 ตามนโยบาย
นายกฯเป็นห่วงเรื่องเดินรถเพราะเกรงว่างานโยธาก่อสร้างเสร็จปี 2560 แล้วสัญญาเดินรถจะไม่ทัน รฟม.เดินตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 มา 2 ปีกว่าแล้ว หากจะปรับไปใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 (ฉบับใหม่) จะต้องเริ่มต้นกระบวนใหม่ ใช้เวลาอีกเป็นปี ซึ่งบอร์ดรฟม.เห็นว่า หากเดินรถต่อเนื่องวิธีเจรจาจะง่ายและเร็วที่สุด หากเปิดประมูลหากได้รายใหม่ก็ต้องมาเจรจาเพื่อเดินรถเชื่อมต่ออยู่ดีซึ่งอาจมีปัญหาก็ได้ นอกจากนี้ครม.มีมติให้เดินรถช่วง 1 สถานี (เตาปูน-บางซื่อ) ของสายสีม่วงสัญญา 5 โดยวิธีเจรจากับ BMCL รูปแบบ PPP COST ก็เป็นแนวทางที่ทำให้สายสีน้ำเงินต่อขยายควรใช้วิธีเดียวกัน เพื่อให้ระบบตั๋วและการจ่ายค่าโดยสารครั้งเดียวตลอดสาย" |
|
Back to top |
|
|
|