Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13264704
ทั้งหมด:13575987
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 112, 113, 114 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 19/04/2015 12:10 am    Post subject: Reply with quote

คลังเล็งที่ดินรฟท.เพิ่มล้างหนี้8หมื่นล้าน
ข่าวสด
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:22 น.

นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะพิจารณานำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) บริเวณ ก.ม.11 หลังกระทรวงพลังงาน เขตจตุจักร และที่ริมแม่น้ำ พระราม 3 ถนนเชื้อเพลิง มาบริหารจัดการเพิ่ม นอกเหนือจากการตั้งคณะทำงานในการตีมูลค่าพื้นที่มักกะสัน เพื่อแลกกับการชำระหนี้คงค้างของรฟท. ที่ค้างกระทรวงการคลังอยู่กว่า 8 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะทำสัญญาเช่าที่ระระยาวจากรฟท. เช่น กรณีที่ดินตรงมักกะสันของรฟท. ซึ่งมีจำนวน 490 ไร่ ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงสังคมและพาณิชย์อย่างไร

“ประเมินพื้นที่มักกะสันโดยจะต้องดูว่าจะจัดสรรอย่างไร ทั้งมาทำสวนสาธารณะ คู่กับบึงมักกะสัน เพื่อเป็นปอดกรุงเทพฯ เพิ่มเติม และการตีมูลค่าในพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะต้องประเมินเงินที่ได้กลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนพื้นที่จตุจักร กม.11 หลังกระทรวงพลังงาน ที่แม่น้ำพระราม 3 ถนนเชื้อเพลิง ก็ต้องประเมินด้วยว่าคุ้มหรือไม่“ นายกุลิศกล่าว

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังมีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์พื้นที่ของรฟท. ในระยะยาว เพื่อชำระหนี้คงค้าง และให้กระทรวงการคลังมีสิทธิ์ร่วมพิจารณาในพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากมักกะสัน

สำหรับการใช้ประโยชน์จากการเช่าพื้นที่มักกะสัน ที่จะนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่สวนสาธารณะคู่กับบึงมักกะสัน พื้นที่แก้มลิง และใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ทางกระทรวงการคลังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อประเมินมูลค่าที่ดินและการใช้ประโยชน์ โดยมีนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เป็นประธาน ร่วมกับปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงคมนาคม รฟท. ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการประเมินที่ดิน และ สคร. ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามูลค่าพื้นที่จะไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท จึงให้ยังต้องหาที่ดินแปลงอื่นคือ บริเวณ ก.ม.11 หลังกระทรวงพลังงาน เขตจตุจักร และที่ริมแม่น้ำ พระราม 3 ถนนเชื้อเพลิง เพื่อให้เพียงพอต่อการล้างภาระหนี้ที่คงค้างมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 21/04/2015 12:00 am    Post subject: Reply with quote

"มักกะสัน" เวอร์ชั่น คสช. ล้มคอมเพล็กซ์ยักษ์-ไม่เน้นหาเงิน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
20 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 14:30:08 น.


มีข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วแนวทางพัฒนาที่ดิน "ย่านมักกะสัน" 497 ไร่ เพื่อให้สอดรับกับนโยบาย "คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" งานนี้ "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ คุมเข้มโปรเจ็กต์เต็มที่ จัดโปรแกรมการประชุมติดตามความคืบหน้าทุก 3 สัปดาห์

ล่าสุดจากโต๊ะประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง เมื่อ 8 เมษายนที่ผ่านมา "คลัง" ในฐานะผู้เช่าที่ดินผืนนี้ไปพัฒนาระยะยาวเพื่อแลกหนี้ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" มีข้อสรุปจะแบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็น 3 องค์ประกอบ 1.ปอดคนกรุงเทพฯ 2.พิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งชาติ 3.พื้นที่เชิงพาณิชย์

"เบื้องต้นจะให้พื้นที่ส่วนน้อยไม่เกิน 20% สำหรับพัฒนาเชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือเป็นบึง สวน เลนจักรยาน พิพิธภัณฑ์รถไฟ นัดประชุมหาข้อสรุป 29 เมษายนนี้" พล.อ.อ.ประจินกล่าวย้ำ

จากนโยบายของ "บิ๊กจิน" ทำให้ภาพแจ่มชัดว่าที่ดินมักกะสันแปลงสวยบาดใจแปลงนี้ แม้จะเป็นที่หมายปองของนักลงทุนไทยและต่างชาติ แต่รัฐบาล คสช.เน้นนโยบายคืนความสุขให้คนกรุงเทพฯด้วยการสร้างให้เป็นปอดแห่งใหม่ เท่ากับพับโครงการ "มักกะสันคอมเพล็กซ์" ไปโดยปริยาย หันกลับมานับหนึ่งออกแบบการพัฒนาโครงการใหม่ ภายใต้เงื่อนไขที่ คสช.กำหนด โดยเงื่อนไขใหม่ไม่สามารถพัฒนาสร้างรายได้เต็มพื้นที่ 100% สิ่งดึงดูดที่ยังเหลือคือรูปแบบเช่าระยะยาว 30-50-90 ปี

แหล่งข่าวจากการรถไฟฯระบุว่า นโยบาย คสช.จะปรับโมเดลที่ดินแปลงมักกะสันใหม่ทั้งหมด จากเดิมออกแบบเป็นซูเปอร์คอมเพล็กซ์มูลค่าโครงการกว่า 3 แสนล้านบาท แบ่งพัฒนา 4 โซน คือ 1.โซนเอ พื้นที่ 139.82 ไร่ เป็นส่วนธุรกิจการค้า 2.โซนบี 117.31 ไร่ ส่วนธุรกิจสำนักงาน 3.โซนซี 151.40 ไร่ส่วนแสดงสินค้า 4.โซนดี 88.58 ไร่ เป็นส่วนบางกอกแฟชั่น

ขณะที่นโยบายรัฐบาล คสช.คิดกลับด้าน โดยพื้นที่ 497 ไร่ เน้นพัฒนาเป็นพื้นที่ปอดให้คนกรุงเทพฯ คาดว่าใช้พื้นที่กว่า 200 ไร่มีทั้งสวนสาธารณะ ทางจักรยาน ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์เมื่อตัดพื้นที่ถนนโดยรอบบริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ และอีก 60 ไร่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟ คาดว่าเหลือให้เอกชนพัฒนา 100-120 ไร่เท่านั้น

"กระทรวงการคลังต้องกลับไปคิดโมเดลการพัฒนาให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ของ คสช.รวมทั้งต้องประเมินมูลค่าที่ดินคืนให้กับการรถไฟฯเป็นค่าเสียโอกาส เพื่อปลดภาระหนี้สินบางส่วน คาดว่าประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท"

แหล่งข่าวแสดงข้อคิดเห็นว่า เนื่องจากขนาดที่ดินลดลงทำให้พัฒนาได้ไม่มาก อีกทั้งอาจจะติดปัญหาผังเมืองในเรื่องความสูง โดยอาจจะสร้างตึกสูงมากไม่ได้เพราะบดบังบึงและสวน กรณีเหมือนกับสวนเบญจกิติซึ่ง "กทม.-กรุงเทพมหานคร" ห้ามสร้างอาคารสูง จากเดิมที่ดินแปลงนี้ตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครสามารถพัฒนาได้เต็มที่ เพราะกำหนดให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจและศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อนโยบายเปลี่ยนจะมีผลทำให้ FAR (อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) ลดลง สร้างตึกก็ต้องทำในเงื่อนไขมีพื้นที่ใช้สอยน้อยลง อาจจะไม่สมกับมูลค่าทำเลที่ดินที่อยู่กลางเมือง

แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง ทุกอย่างมีเดดไลน์ต้องหาข้อยุติภายในเดือนมิถุนายนนี้

//----------------

อย่าสร้างรถไฟฟ้า(สีเขียว)ไปลำลูกกา อย่าปล้น“มักกะสัน”ไปทำสวน อย่าให้เกิดระเบิดอีกเลย

โดย : ดร.โสภณ พรโชคชัย
กูรู "ส่อง" อสังหาฯ :
เดลินิวส์
วันจันทร์ 20 เมษายน 2558เวลา 12:02 น.


หลายคนเห็นว่าจะสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปลำลูกกาก็ขานรับกันใหญ่ แต่จริง ๆไม่ควรสร้าง ทำไม?ลองอ่านดูครับ ไม่ควร "ปล้น"มักกะสันไปทำสวนสาธารณะ และระเบิดบ่อย ๆจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินตกต่ำลง และทางเลือกใหม่ในการหารายได้เข้ากทม.

รถไฟฟ้าสายสีเขียวไปลำลูกกาไม่ควรสร้าง

หลายคนคงดีใจกับการจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-ลำลูกกาแต่หากพิจารณาให้ดีไม่ควรสร้างเป็นอย่างยิ่งเพราะขนานไปกับสายสีแดงควรเข้าลำลูกกาด้วยการเชื่อมกับสถานีดอนเมืองหรือสถานีอนุสรณ์สถานมากกว่า น่าจะสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว(BTS)ไปถึงสะพานใหม่แล้ววกเข้าลำลูกกาเนื่องจากมีประชากรอยู่หนาแน่นพอสมควร แต่ในอีกแง่หนึ่งรถไฟฟ้าสายนี้วิ่งขนานไปกับรถไฟฟ้าสายสีแดงโดยห่างกันเพียง 2กิโลเมตร หากสร้างขนานไปด้วยกันก็อาจจะไม่คุ้มทุน

กรณีนี้เคยเกิดขึ้นคล้ายกับการสร้างทางด่วนขั้นที่สอง(ของการทางพิเศษฯ)โฮปเวลล์(ของการรถไฟฯ)และดอนเมืองโทลเวย์ (ของกรมทางหลวง)ซึ่งต่างสร้างไปทางทิศเหนือเหมือนกันและสุดท้าย ก็ต้องมีสายใดสายหนึ่งที่“เจ๊ง”ไป ที่เหลืออยู่คือดอนเมืองโทลเวย์ และทางด่วนขั้นที่2ก็มีผลการประกอบการที่ไม่ดีนัก

ทางออกที่สมควรก็คือ

1.การสร้างสถานีเชื่อมเข้าถนนพหลโยธินที่สถานีหลักสี่สถานีดอนเมือง หรือสถานีอนุสรณ์สถานแล้วจึงเลี้ยวเข้าถนนลำลูกกาหรือสายไหม

2.ควรจัดทำผังเมืองในบริเวณนั้น(รวมของกรุงเทพมหานครและปทุมธานีในบริเวณนั้นเข้าด้วยกัน)ให้สามารถจัดรูปที่ดินหรือรวบรวมแปลงที่ดินเพื่อสร้างเมืองใหม่เมืองชี้นำ รอบ ๆ สถานีรถไฟฟ้าที่ไม่ใช่ปล่อยให้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างสะเปะสะปะดังที่ผ่านมาเช่น ตามเส้นทางรถไฟฟ้าAirportLink เป็นต้น

3.ทำ SkyWalk หรือทางเชื่อมใต้ดินหรือระบบขนส่งมวลชนแบบรางเบา(LightRail หรือMonrail)เชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าBTSMRT และรถไฟฟ้าสายสีแดงบริเวณหมอชิตบางซื่อเพื่ออำนวจความสะดวกในการเดินทาง

รัฐบาลควรมองที่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าระบบใดระบบหนึ่ง

มักกะสัน : อย่าปล้นสมบัติชาติไปทำสวน

เร็วๆนี้มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มที่จะเอาพื้นที่โรงซ่อมรถไฟมักกะสันไปทำสวนสาธารณะแนวคิดนี้คล้ายดูดีแต่จะหวังฉวยเอามาประเคนให้เฉพาะคนกรุงเทพมหานครแถบนั้นคงไม่เหมาะสมเช่นกัน

การนำที่ดินแปลงนี้ไปทำสวนสาธารณะนั้นเป็นแนวคิดที่ดูคล้ายจะดีเพราะทำให้กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นแต่ในอีกแง่หนึ่งการที่คิดจะเอาพื้นที่นี้ไปทำสวนสาธารณะก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำเช่นกันสิ่งที่พึงเข้าใจก็คือ ที่ดินแปลงนี้ไม่ใช่ของชาวกรุงเทพมหานครเป็นของประชาชนทั่วประเทศ โดยรวมที่ถือครองโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประชาชนเจ้าของประเทศทุกคนเป็นเจ้าของโดยการดูแลของรัฐบาลหากชาวกรุงเทพมหานครจะถือวิสาสะเอาที่ดินแปลงนี้ไปเป็นสาธารณะเพื่อประโยชน์ของตนโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้พื้นที่นี้แล้วย่อมเป็นสิ่งที่ควรทบทวนเป็นอย่างยิ่ง

ที่ดินแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่แถวสี่แยกอโศกแถวขนาดไม่เกิน 10 ไร่นั้นหากเป็นของเอกชนก็จะขายได้ณ ราคาตารางวาละ 1,000,000 บาทหรือไร่ละ 400 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ถ้าที่ดินแปลงนี้ที่มีขนาด400ไร่หักแบ่งเป็นถนนและสาธารณูปโภคอื่นสัก40%ก็จะเหลือที่ดิน240ไร่ที่จะขายได้แต่โดยที่ที่ดินแปลงนี้ไม่ได้ติดถนนใหญ่ปัจจุบันราคาอาจลดหย่อนกว่าปกติประมาณ30%ดังนั้นจึงน่าจะมีราคาตลาด(หากขายได้)เป็นเงินไร่ละ280ล้าน รวม240ไร่ก็จะเป็นเงินถึง 67,200ล้านบาทเข้าไปแล้ว

โดยนัยนี้ประชาชนไทยโดยรวมจะยอมยกที่ดินที่มีมูลค่าสูงเท่านี้ประเคนให้คนกรุงเทพมหานครไปใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจโดยที่ตนเองอาจได้มีโอกาสไปนั่งเล่นบ้างชาตินี้สักหนสองหนหรือในอีกทางหนึ่ง คนกรุงเทพมหานครจะ"กลืน"ที่ดินแปลงนี้ซึ่งเป็นของคนไทยทั้งชาติได้ลงคอเชียวหรือหรือแม้หากกรุงเทพมหานครจะเจียดเอางบประมาณแผ่นดินที่เก็บจากภาษีของคนกรุงเทพมหานครมาซื้อคนในกรุงเทพมหานครที่อยู่ในเขตที่ห่างไกลออกไปก็อาจไม่ยินยอมพร้อมใจให้ซื้อก็ได้เพราะตนก็จะได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าไปด้วย

ในที่นี้ผมจึงเสนอทางออกให้มาที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานศูนย์การค้า หอประชุม-สัมมนาโรงแรม ที่พักอาศัยให้เช่าระยะยาวฯลฯ โดยใช้พื้นที่เพียง 60%ของที่ดินทั้งหมด(240ไร่จากประมาณ400ไร่) พื้นที่ส่วนที่เหลือนอกจากเป็นถนนและสาธารณูปโภคต่างๆ แล้ว ยังอาจเป็นสวนสาธารณะรอบๆ พื้นที่ก่อสร้างอาคารเพื่อเพิ่มมูลค่าของ

ระเบิดบ่อยๆอสังหาริมทรัพย์จะถดถอย

เมื่อคืนวันศุกร์ที่10เมษายน 2558ได้เกิดเหตุระเบิดที่เซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย และก่อนหน้านี้เมื่อเช้ามืดวันอาทิตย์ที่8มีนาคม 2558ได้มีการขว้างระเบิดเข้าไปในศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยจะส่งผลต่อการด้อยค่าของทรัพย์สินของประชาชน ในฐานะที่ผมเคยทำงานในโครงการที่ปรึกษาของกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย และเป็นผู้เชี่ยวชาญธนาคารโลกจาการ์ตา จึงขอนำกรณีนี้มาเป็นอุทธาหรณ์

ในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองครั้งใหญ่หลังการล่มสลายของระบอบเผด็จการทรราชซูฮาร์โตซึ่งโกงกินมากที่สุดในโลก(http://goo.gl/RhWaI)ในปี 2541ปรากฏว่าเกิดสามัคคีเภทในหมู่ประชาชนชาวอินโดนีเซียและทำให้เกิดการวางระเบิดในพื้นที่ต่างๆ ไม่เว้นแต่ละวัน และแทบทุก6เดือนจะเกิดระเบิดครั้งใหญ่ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวน้อยมากทั้งที่เป็นประเทศใหญ่มีศักยภาพสูง

อย่างในบาหลีเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดในวันที่12ตุลาคม 2545โดยมีคนตายนับร้อยก็ทำให้นักท่องเที่ยวหดจาก1.218ล้านในปี2545เหลือเพียง1.034ล้านในปี2546และเมื่อเกิดระเบิดอีกครั้งหนึ่งในวันที่1ตุลาม 2548ก็ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจาก1.461ล้านคนในปี2548เหลือเพียง1.261ล้านคนในปี2549เป็นต้น(http://goo.gl/nYxwLv)

เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่าการจะรบกับผู้ก่อความไม่สงบที่หลบอยูในมุมมืดนั้นกระทำได้ลำบากมาก แต่ผู้ก่อความไม่สงบเกิดขึ้นเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นเข้าทำนอง "ยุติธรรมไม่มีสามัคคีไม่เกิด" หากสังคมได้รับการแก้ไขด้วยความยุติธรรมปัญหาความไม่สงบก็จะหมดไปเองดังเช่นอินโดนีเซียในปัจจุบันที่แทบไม่มีข่าวการก่อการร้ายหรือเหตุระเบิดบ่อยครั้งเช่นในอดีต

หากการระเบิดขยายตัวออกไปหรือเกิดขึ้นบ่อย ๆย่อมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวการลงทุนซึ่งประเทศเพื่อนบ้านต่างช่วงชิงนักลงทุนให้ไปลงทุนแทนที่ประเทศไทยอยู่ในเวลานี้หากการลงทุนมีน้อยก็ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจทีซบเซาสวัสดิภาพของประชาชนและทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลงหรือไม่งอกเงยได้

ทางออกก็คือรัฐบาลควรสร้างความยุติธรรมในสังคมอย่างแท้จริงและประชาชนชาวไทยก็ควรช่วยกันสอดส่องเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบ ยิ่งกว่านั้นหากมีการรักษากติกาประชาธิปไตยให้มีการเลือกตั้งให้ตัดสินปัญหาการเมืองด้วยการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโดยรัฐบาลคอยอำนวยความสะดวกก็อาจจะทำให้ปัญหาคลี่คลายไปได้

สรุปแล้วจะพัฒนากรุงเทพมหานครให้น่าอยู่ต้องเข้าใจสถานการณ์ให้ดีก่อนนะครับ รถไฟฟ้าไปลำลูกกาควรเชื่อมต่อจากสายสีแดงแทน ที่รถไฟมักกะสันก็เป็นของคนไทยทั้งชาติไม่ควร "ปล้น"ไปทำสวนสาธารณะ และระเบิดบ่อย ๆจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินตกต่ำลงจึงต้องป้องปรามเป็นพิเศษและรัฐบาลควรเร่งสร้างความยุติธรรมให้เกิดในสังคมและเราต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลให้เมืองมีความสงบซึ่งจะส่งผลต่อการเดินหน้าพัฒนาประเทศต่อไปครับ.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 21/04/2015 9:33 am    Post subject: Reply with quote

รถไฟดันออกโฉนด8แปลงพัฒนาเชิงพาณิชย์ล้างหนี้
ออนไลน์เมื่อ วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 09:35 น.
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม

ตีพิมพ์ใน จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,044 วันที่ 16 - 18 เมษายน พ.ศ. 2558

ร.ฟ.ท.เร่งออกโฉนด 8 ที่ดินแปลงยักษ์ รวมพื้นที่กว่า 4 พันไร่ ใน 6 จังหวัดก่อนนำออกพัฒนาเชิงพาณิชย์ "วุฒิชาติ" ยันกำหนดกรอบให้ชัดเจนก่อนเคลียร์พื้นที่เตรียมการพัฒนา เร่งศึกษารูปแบบให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ล่าสุดกระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการภาระหนี้ 3 พื้นที่แปลงหลักเพื่อเร่งปลดภาระหนี้
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่จำนวน 8 แปลงขนาดใหญ่ที่จะนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์จัดหารายได้ให้ร.ฟ.ท.ชัดเจนแล้ว รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 4,264 ไร่ โดยมี

1. พื้นที่เขตสถานีท่านุ่น จ.พังงา 904 ไร่ สามารถนำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 904 ไร่
2. พื้นที่สถานีทางแยกบุ่งหวาย-โพธิ์มูล จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่สถานี 141 ไร่ นำไปพัฒนาจัดประโยชน์ได้ 141 ไร่
3. พื้นที่ย่านสถานีอรัญประเทศ จ.สระแก้ว รวม 375 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 14.06 ไร่ - รวมทั้งพื้นที่สถานีคลองลึก จ.สระแก้ว มีพื้นที่ 1,204 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 1,195 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขอรังวัดเพื่อออกโฉนดแล้ว
5. นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สถานีน้ำตก จ.กาญจนบุรี รวม 1,070 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 1,070 ไร่
6. พื้นที่สถานีขอนแก่น จ.ขอนแก่น รวม 175 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 119 ไร่
7. พื้นที่สถานีนาทา จ.หนองคาย จำนวน 273 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 266 ไร่ พื้นที่ย่านโรงสูบน้ำนาทา จ.หนองคาย จำนวน 18.38 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 18.38 ไร่

8. พื้นที่สถานีหนองคายเก่า จ.หนองคาย จำนวน 79.61 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้ 56.92 ไร่ และพื้นที่สถานีหนองคายใหม่ จ.หนองคาย จำนวน 200 ไร่ นำไปพัฒนาจัดหาประโยชน์ได้จริง 124.3 ไร่
"การดำเนินการครั้งนี้เพื่อจะกำหนดความชัดเจนด้วยการยื่นขอรังวัดเพื่อออกโฉนดให้แล้วเสร็จก่อน หลังจากนั้นจึงจะเคลียร์พื้นที่ให้พร้อมที่จะเข้าไปพัฒนา ส่วนพื้นที่ใดมีสัญญาเช่าอยู่ก็ให้ดำเนินการเตรียมไว้ก่อน เมื่อหมดสัญญาเช่าก็จะเข้าไปดำเนินการพัฒนารูปแบบตามที่ต้องการที่จะมีการศึกษาไว้แล้วส่วนพื้นที่ใดยังมีการบุกรุกก็จะเร่งเคลียร์ออกจากพื้นที่ต่อไป โดยจะว่าจ้างให้มีการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ว่าจะสามารถพัฒนารูปแบบใดได้บ้าง ก่อนที่จะเสนอบอร์ดร.ฟ.ท.เห็นชอบและเสนอผู้บริหารระดับสูงอนุมัติให้ดำเนินการต่อไป"
ด้านศาสตราภิชาน รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ล่าสุดนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการพื้นที่ 3 แปลงที่จะโอนมาจากร.ฟ.ท.เรียบร้อยแล้วโดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน
"คณะกรรมการดูแลภาระหนี้ของรัฐวิสาหกิจชุดนี้จะดูแลการแก้ไขปัญหาหนี้ของหน่วยงาน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ร.ฟ.ท. และการบินไทย โดยหน่วยงานร.ฟ.ท.นั้นจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการชุดพิเศษขึ้นทำหน้าที่บริหารที่ดิน 3 แปลงดังกล่าวจะมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เบื้องต้นอาจจะกำหนดรูปแบบดังที่บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ดำเนินการ"
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 22/04/2015 12:35 pm    Post subject: Reply with quote

ถือเป็นข่าวดีรับวันที่กรุงเทพมหานครมีอุณหภูมิสูงที่สุด เมื่อพล. อ. อ.ประจิน จั่นตอง รมว. กระทรวงคมนาคม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยหลังประชุมเรื่องการพัฒนาพื้นที่ย่านมักกะสันร่วมกับกระทรวงการคลัง จนได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะกำหนดให้พื้นที่ 497 ไร่ในความครอบครองของการรถไฟแห่งประเทศไทยนี้เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ให้คนกรุงเทพฯ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์กันทั่วปอด

โมเดลที่ดินมักกะสันเวอร์ชั่นใหม่ คาดการณ์คร่าวๆ ว่าจะให้พื้นที่กว่า 200 ไร่เป็นสวนสาธารณะ เลนจักรยาน และใช้บึงมักกะสันเป็นแก้มลิงรองรับน้ำท่วม อีก 60 ไร่สำหรับสร้างพิพิธภัณฑ์รถไฟให้ความรู้แก่ประชาชน ส่วนพื้นที่ไม่เกิน 20% สำหรับเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เอกชนเช่าสร้างรายได้ เท่ากับว่าโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ที่เคยถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ นักสิ่งแวดล้อม และประชาชนล้มพับไปโดยปริยาย

ต่อจากนี้จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องกลับไปพัฒนาโมเดลจัดสรรพื้นที่ใหม่ ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถสร้างมูลค่ามาหักลบหนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไปพร้อมๆ กับสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนเมืองหลวงไปได้พร้อมๆ กัน โดยมีกำหนดให้สรุปรายละเอียดทั้งหมดไม่เกินเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมก่อสร้างและเปิดให้บริการภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
http://krungthep.coconuts.co/2015/04/21/makkasan-complex
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 22/04/2015 9:14 pm    Post subject: Reply with quote

เล็งที่ ‘มักกะสัน’ ล้างหนี้รถไฟ คลัง-คมนาคมตั้งก.ก.ร่วม/พัฒนาเชิงพาณิชย์
BUSINESS, INVESTMENT
ฐานเศรษฐกิจ
วันพุธ ที่ 22 เมษายน 2558

เล็งที่‘มักกะสัน’ล้างหนี้รถไฟ คลัง-คมนาคมตั้งก.ก.ร่วม/พัฒนาเชิงพาณิชย์

คลัง-คมนาคมตั้งคณะทำงานคัดเลือกที่ดินของการรถไฟฯ ภารกิจหลักพิจารณาศักยภาพแปลงที่จะนำมาล้างหนี้ พร้อมประเมินราคาเพื่อการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เผยแผนจะพัฒนาพื้นที่ย่านโรงงานมักกะสันให้เป็น “ปอด” ของกรุงเทพฯ ด้านแปลงย่านพหลโยธินจ่อคิวพิจารณารอบต่อไป

MAP-3046

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แลกหนี้กระทรวงการคลังว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการประชุมร่วมกันของทั้ง 3 ฝ่าย ได้มีความเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานคัดเลือกที่ดินของการรถไฟฯในการโอนสิทธิการใช้ประโยชน์ให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อชำระหนี้สินคงค้างขึ้น โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ซึ่งภารกิจหลักของคณะทำงานชุดดังกล่าวคือทำหน้าที่คัดเลือกที่ดินของ ร.ฟ.ท. และทำการประเมินมูลค่าสิทธิการเช่าตามเงื่อนไขที่เหมาะสม รวมถึงการนำไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ แล้วต้องทำรายงานผลการพิจารณาต่อรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ให้ความเห็นชอบภายใน 60 วัน

ทั้งนี้ที่ดินของร.ฟ.ท.ที่จะนำมาหักลบกลบหนี้กับกระทรวงการคลังคือแปลงมักกะสัน ตามที่ คนร.เสนอ โดยให้ฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.และกระทรวงคมนาคมร่วมกันศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ย่านมักกะสัน ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สวนสาธารณะ(พื้นที่บึงมักกะสัน, สวนพักผ่อน, สวนจักรยาน) เพื่อพัฒนาให้เป็น “ปอด” ของกรุงเทพฯ พื้นที่พิพิธภัณฑ์การรถไฟฯ และพื้นที่เชิงพาณิชย์

ด้านศาตราภิชาน รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานคัดเลือกเลือกที่ดิน เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในบรรดาที่ดินของ ร.ฟ.ท.ทั้ง 3 แปลงใหญ่นั้นถือว่ามักกะสัน กับย่านพหลโยธินหรือบางซื่อ มีความพร้อมกว่าสถานีแม่นํ้า ซึ่งในเบื้องต้นจะพิจารณาที่ดินมักกะสัน อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะทำงานคัดเลือกที่ดินครั้งต่อไป อาจจะมีการนำเสนอแผนการพัฒนาที่ดินย่านพหลโยธินเข้าสู่การพิจารณา นอกเหนือจากมักกะสัน และแปลงสถานีแม่นํ้า ขนาด 277 ไร่ ที่จะนำเสนอในลำดับต่อไป

สำหรับแปลงย่านพหลโยธินมีพื้นที่รวมประมาณ 2,300 ไร่ แต่ต้องการนำที่ดินประมาณ 300 ไร่บริเวณกม.11 เข้าสู่การพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป เมื่อรวมที่ดินสถานีแม่นํ้า และมักกะสันคิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 700 ไร่ โดยจะเร่งประเมินราคาที่ดินทั้ง 3 แปลงว่าจะคุ้มกับหนี้ที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาทหรือไม่ หากเกินก็จะคืนเงินให้ ร.ฟ.ท. แต่หากไม่พอก็จะต้องหาแปลงอื่นมาเพิ่มต่อไป ส่วนภาระหนี้ที่สร้างด้วยร.ฟ.ท.เองมีอยู่อีกราว 5 หมื่นล้านบาท ร.ฟ.ท.ต้องรับผิดชอบชำระหนี้นั้นต่อไป

“โดยแนวคิดจะนำเสนอให้เอกชนมีการเช่าพื้นที่ทั้ง 3 แปลงมีระยะเวลาเช่า 99 ปี อาจแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งแนวคิดนี้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป ดังนั้นบทบาทกรมธนารักษ์กับกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดูแลทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่ามีวิธีใดที่จะก่อให้เกิดการลงทุนให้สมประโยชน์”

ทั้งนี้วิธีการที่ให้ร.ฟ.ท.ยกที่ดินให้กระทรวงการคลังเพื่อปลดภาระหนี้ เพราะหน้าที่หลักของร.ฟ.ท.คือการเดินรถ ประการสำคัญหน้าที่การบริหารทรัพย์สินที่ผ่านมาพบว่าไม่เกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง อีกทั้งบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ได้มีการแต่งตั้งอย่างสมบูรณ์แบบแล้วจึงควรจะเข้าไปทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินของภาครัฐได้โดยตรงให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่จะให้หน่วยงานนั้นๆ ดำเนินการเอง “ในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นรูปแบบการโอน แต่กระทรวงการคลังจะเช่าระยะยาว 99 ปี ที่ดินจึงยังเป็นของร.ฟ.ท.โดยจะมีการประเมินราคาที่เหมาะสมต่อไป ดังนั้นจึงจะเสนอให้มีการร่วมทุนพัฒนาในแต่ละแปลงเกิดขึ้น”
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 28/04/2015 3:49 am    Post subject: Reply with quote

เซ็นทรัลปาร์คกรุงเทพฯ สวนอูเอโนะเมืองไทย
โดย ลม เปลี่ยนทิศ
25 เมษายน 2558 05:01



วันเสาร์สบายๆวันนี้ มาคุยกันเรื่อง “สวนสาธารณะกรุงเทพฯ” กันสักวันนะครับ วันก่อนมีข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าจะขอนำ ที่ดิน 497 ไร่ ของการรถไฟฯใน ย่านมักกะสัน ให้ กรมธนารักษ์ เช่าในวงเงินกว่า 65,000 ล้านบาท เป็นเวลา 30 ปี เพื่อหาเงินไปปลดหนี้ของการรถไฟฯที่มีอยู่กว่า 110,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีข้อสรุป

ความจริงที่ดินรถไฟย่านมักกะสันมีทั้งหมด 745 ไร่ เป็นบึงมักกะสันเสีย 133 ไร่ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เอาไปใช้เสีย 70-80 ไร่ เหลือพื้นที่สำหรับการพัฒนาเพียง 497 ไร่

ที่ดิน 497 ไร่นี้ เคยมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายจะให้สร้างเป็น “สวนสาธารณะ” เพื่อเป็น “ปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ” ประมาณ 200 กว่าไร่ ส่วนที่เหลืออีก 300กว่าไร่ให้นำไปจัดหาผลประโยชน์

ผมเคยขึ้นไปตึกสูงแถวนั้น แล้วมองลงไปที่ที่ดินผืนนี้ เป็นที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า สวยงามมาก มองแล้วผมก็นึกถึงสวนสาธารณะ Central Park New York บนเกาะแมนแฮตตัน ใจกลางมหานครนิวยอร์ก อยากให้ที่ดิน 497 ไร่นี้ เป็นสวนสาธารณะทั้งผืน เหมือนเซ็นทรัลปาร์คของนิวยอร์ก ไม่อยากให้แบ่งไปทำเป็นศูนย์การค้าหรืออะไรทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯเป็น “ปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ” ท่ามกลาง “สลัมตึกระฟ้า” ที่บดบังสายตาคนกรุงเทพฯจากธรรมชาติจนมืดมิด

ผมนึกถึง “สวนอูเอโนะ” สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโตเกียว ยามฤดูดอกซากุระบาน ชาวญี่ปุ่นจะมีประเพณีจิบสาเกใต้ต้นซากุระ เอาเสื่อไปปูใต้ต้นซากุระแล้วนั่งจิบสาเกร้อนๆ พร้อมกับแกล้ม สายตาก็ชื่นชมดื่มด่ำไปกับความสวยงามของดอกซากุระสีชมพู ที่บานสะพรั่งอยู่เต็มสวน บางกลีบก็ร่วงหล่นลงมาบนจอกสาเก ร่วงหล่นบนเสื่อที่นั่ง บรรยากาศโรแมนติกอย่าบอกใครเชียว นักท่องเที่ยวก็ไปชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะแห่งนี้กันมากมายทุกปี ไปชมทีไรก็รู้สึกเบิกบานใจทุกที

ผมก็เลยอยากเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้ตรงนี้ว่า อย่าให้ใครเอาที่ดินอันทรงคุณค่าตรงนี้ที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงจัดหาไว้เป็นมรดกของลูกหลานไทย ไปทำเป็นศูนย์การค้าหรือการพาณิชย์อย่างอื่นเลยครับ เมื่อไม่ทำรถไฟ ก็เอามาสร้างเป็น “สวนสาธารณะขนาดใหญ่” เพื่อคนกรุงเทพฯและคนไทยทั้งประเทศจะดีกว่า จะเป็นคุณต่อชาติบ้านเมืองยิ่งกว่าศูนย์การค้าใดๆทั้งสิ้น

ที่ดินเพียง 497 ไร่ ผมคิดว่าสร้างแบบ สวนสาธารณะอูเอโนะ จะเหมาะสมที่สุด เพราะแบบ เซ็นทรัลปาร์คนิวยอร์ก มีพื้นที่ใหญ่โตเกินไป แต่ไม่มีส่วนประกอบอื่นที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เด็กและผู้ใหญ่เข้าไปใช้ประโยชน์เหมือนสวนอูเอโนะ

สวนอูเอโนะ มีพื้นที่ใหญ่ขนาดไหน ผมยังหาตัวเลขไม่ได้ แต่ผมเคยไปเดินมาหลายรอบแล้ว ไม่เคยเดินครบสักที รู้สึกว่าใหญ่มาก เป็นสวนเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัย จักรพรรดิไทโช เมื่อปี 1924 นับถึงวันนี้ก็ 91 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นของสวนอูเอโนะก็คือเป็นที่ตั้งของ วัดคันเอจิ ของ โชกุนตระกูลโตะกุงาวะ สร้างไว้เพื่อคุ้มครองปราสาทเอโดะ

ตอนหลังได้มีการ สร้างพิพิธภัณฑ์ ไว้ใน สวนอูเอโนะ หลายแห่ง เช่น โตเกียว เนชั่นแนล มิวเซียม, เนชั่นแนล มิวเซียม ออฟ เวสเทิร์น อาร์ต, โตเกียว เมโทรโปลิแตน อาร์ต มิวเซียม, เนชั่นแนล ไซแอนซ์ มิวเซียม, สวนสัตว์อูเอโนะ ไปจนถึง ซูโอโลจิคอล การ์เดน กลายเป็นแหล่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ วิทยาศาสตร์ สัตว์ และพืชที่หายาก

ทุกสัปดาห์ในสวนอูเอโนะจะมีเทศกาลต่างๆมากมาย เช่น การแสดงศิลปะ การแสดงดนตรี ทำให้สวนสาธารณะแห่งนี้มีชีวิตชีวา เด็กก็มาได้ ผู้ใหญ่ก็มาได้

ผมจึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจ ม.44 สั่งให้ กรมธนารักษ์ เช่าที่ดิน 497 ไร่นี้แบบไม่มีกำหนด แล้วนำไปสร้างเป็นสวนสาธารณะเปิดแบบ “สวนอูเอโนะ” เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนกรุง ถ้าจะมีการค้าบ้างก็ให้เอาลง “ใต้ดิน” ให้หมด ชั้นใต้ดินสร้างเป็นทั้งที่จอดรถขนาดใหญ่และร้านค้าใต้ดิน จะสร้างกี่ชั้นก็ได้ แต่บนดินต้องเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ทั้งหมด สร้างไว้เป็น “อนุสรณ์ คสช.” สักแห่งเถอะครับ ผมรับรองว่าดีต่อบ้านเมืองและประชาชนชาวกรุงเทพฯ แน่นอน.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 28/04/2015 12:17 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดทำเลทองฝังเพชร 'ที่ดินมักกะสัน'
by เผ่าประชา ชูสงค์
Voice TV
27 เมษายน 2558 เวลา 18:13 น.


มูลหนี้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยมีต่อกระทรวงการคลัง ถึง 1 แสนล้านบาท ถือเป็นหนี้มหาศาล ต้องหาทางจัดการอย่างเหมาะสม หนี้ดังกล่าวเกิดจากอะไร และเหตุใด ที่ดินมักกะสันถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้ง

//-----------------------------

“ประจิน” ลั่น 20 วันรู้ผลที่ดินมักกะสัน - รถไฟหวังช่วยปลดหนี้คลัง 4 หมื่นล้านบาท
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
28 เมษายน 2558 เวลา 05:30

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังประชุมการพัฒนาพื้นที่ย่านโรงงานมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 497 ไร่ เพื่อใช้แลกหนี้กระทรวงการคลัง ว่า เบื้องต้นได้แบ่งพื้นที่การพัฒนาเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะพัฒนาพื้นที่ 320 ไร่ แบ่งเป็นสร้างพิพิธภัณฑ์ขนส่งทางราง 30 ไร่, สร้างสวนสาธารณะให้เป็นปอดของ กทม. 150 ไร่ และพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะด้านการจราจรและพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อหารายได้ดูแลสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ 140 ไร่ หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี จะมีการพัฒนาระยะ 2 ในพื้นที่รวม 177 ไร่

“ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาล ที่พัก โดยจะศึกษาว่าจะย้ายโรงพยาบาลและที่พักออกไปที่ไหน โดยที่ประชุมได้ให้ ร.ฟ.ท.ไปจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะในเดือน มิ.ย.นี้จะสรุปเป็นแผนสำเร็จรูปได้ ซึ่งการใช้พื้นที่มักกะสันนั้นใช้เพื่อปลดหนี้สิน คาดว่าจะไม่มีปัญหา เพราะทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยกระทรวงการคลังเช่า 30 ต่ออีก 30 ปี ส่วนกระทรวงการคลังจะใช้วิธีการให้สัมปทานหรือให้เอกชนเข้ามาพัฒนานั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกระทรวงการคลัง”

ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่าจะนำที่ดินมักกะสันบางส่วนให้กระทรวงการคลังนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ร่วมกับเอกชน ซึ่งจะต้องศึกษาร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว โดยกระทรวงการคลังจะได้สิทธิการบริหารระยะยาวช่วง 30 ปีแรก เป็นการลงทุนเพื่อแลกหนี้ ร.ฟ.ท.และสามารถต่อสัญญาได้ครั้งละ 30 ปี สำหรับหนี้ ร.ฟ.ท.ในภาพรวมราว 110,000 ล้านบาท แต่ต้องหักกับหนี้ที่รัฐบาลต้องรับภาระ ส่วนอีก 30,000-40,000 ล้านบาท เป็นหนี้ของ ร.ฟ.ท.ที่ต้องจัดการกันต่อไป.

//---------------

คาด20วันสรุปที่ดินมักกะสัน
เดลินิวส์
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2558 เวลา 15:15 น.

"ประจิน" ขีดเส้น 20 วัน สรุปแผนใช้ที่ดินทำเลทอง มักกะสัน 497 ไร่ ให้คลังแลกหนี้รถไฟ 30ปี ซอยแผนพัฒนา 2 ระยะ สร้างสวนสาธารณะ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังประชุมการพัฒนาพื้นที่ย่านโรงงานมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) 497 ไร่ เพื่อใช้แลกหนี้กระทรวงการคลังว่า เบื้องต้นแบ่งพื้นที่การพัฒนาเป็น 2 ระยะ ระยะแรก จะมีการพัฒนาพื้นที่ 320 ไร่ เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ขนส่งทางราง 30 ไร่ สร้างสวนสาธารณะให้เป็นปอดของ กทม. 150 ไร่ และพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะด้านการจราจร และพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อหารายได้ดูแลสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ 140 ไร่ หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี จะมีการพัฒนาระยะ 2 ในพื้นที่รวม 177 ไร่

“ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาล ที่พัก โดยจะมีการศึกษาก่อนว่าจะต้องย้ายโรงพยาบาลและที่พักออกไปที่ไหน โดยที่ประชุมได้ให้ ร.ฟ.ท.ไปจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสรุปเป็นแผนสำเร็จรูปได้ภายในเดือนมิ.ย.58”

สำหรับเรื่องการประเมินราคาที่ดินเพื่อให้ ร.ฟ.ท.ไปใช้ปลดภาระหนี้สินกับกระทรวงการคลังนั้น จะประเมินมูลค่าพื้นที่ทั้งหมด 497 ไร่ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ที่จะพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดจะไม่มีปัญหา เพราะถือเป็นการทำเพื่อประโยชน์เพื่อส่วนรวม โดยอาจให้กระทรวงการคลังเช่า 30 บวก 30 ปี ส่วนกระทรวงการคลังจะใช้วิธีการให้สัมปทาน หรือการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาพัฒนาเชิงพาณิชย์นั้น ถือเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณา

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า หลังจากนี้จะว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทบทวนแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินมักกะสันร่วมกับกรมธนารักษ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ร.ฟ.ท. ได้มีการจ้างศึกษาและประเมินทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว ดังนั้นการศึกษาทบทวนจะใช้เวลาเพียง 20 วัน เท่านั้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 28/04/2015 10:31 pm    Post subject: Reply with quote

คค.โยนรถไฟถกกรมธนารักษ์ จ้างประเมินที่ดินมักกะสันหนี้สิน
โลกธุรกิจ
แนวหน้า
วันจันทร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558, 14.36 น.

27 เม.ย.58 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการพัฒนาพื้นที่ย่านโรงงานมักกะสัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เพื่อเป็นปอดของกรุงเทพฯ และปลดหนี้สินจากกระทรวงการคลัง ว่า ได้มีการมอบหมายให้การรถไฟฯ และกรมธนารักษ์ จัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินมูลค่าที่ดินย่านมักกะสัน และหนี้สินของ ร.ฟ.ท. ให้แล้วเสร็จภายใน 20 วันนับจากนี้ รวมถึงให้หารือร่วมกันเพื่อสรุปในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้ และจะสรุปเป็นแผนสำเร็จรูปในเดือน มิ.ย.2558

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เบื้องต้นจะให้การกระทรวงการคลังมาบริหารพื้นที่ผืนนี้เป็นเวลา 30 ปี และต่ออายุอีก 30 ปี เพื่อแลกกับการยกหนี้ให้ ร.ฟ.ท.แต่พื้นที่แปลงนี้คงไม่เพียงพอแลกหนี้ทั้งหมดที่มีกว่า 100,000 ล้านบาท จึงต้องยกพื้นที่แปลงอื่นของการรถไฟฯ ให้กระทรวงการคลังบริหารเพิ่มซึ่งต้องรอหลังการพัฒนาโครงการระบบรางแล้วเสร็จ

สำหรับที่ดินย่านมักกะสันมีทั้งหมด 497 ไร่ ในส่วนของการพัฒนาพื้นที่ฯแบ่งเป็นระยะแรก 320 ไร่ ใช้สร้างพิพิธภัณฑ์การขนส่ง 30 ไร่, พื้นที่สีเขียว 150 ไร่ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่บูรณาการเช่นพื้นที่สาธารณะ การจราจร และเชิงพาณิชย์อีก 140 ไร่ ระยะที่ 2 มี 177 ไร่ ที่จะพัฒนาหลังลงนามเห็นชอบโครงการไปแล้ว 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 29/04/2015 7:12 pm    Post subject: Reply with quote

เซ็นทรัลทวงสิทธิ์เยียวยาไฟไหม้ปี 53 ส่วนโซฟิเทลหัวหินจ่อได้ต่อสัญญาอีก 30 ปี


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
27 เมษายน 2558 08:21 น. (แก้ไขล่าสุด 27 เมษายน 2558 09:33 น.)

...

“ขณะนี้คงยังสรุปว่าจะต่อสัญญาให้ได้หรือไม่ เพราะต้องดูเรื่องก่อนว่าอยู่ตรงไหน มติ ครม.เป็นอย่างไร มีการยกเลิกหรือไม่อย่างไร ก็ขอเวลาติดตามเรื่องก่อน จากนั้นจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยก่อนเหตุการณ์ไฟไหม้ปี 2553 เซ็นทรัลฯ ได้มีการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินกับ ร.ฟ.ท.ที่บริเวณที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อเดือนธันวาคม 2551 เป็นเวลา 20 ปี ซึ่งถึงขณะนี้เหลืออายุสัญญาอีก 13 ปี โดยเซ็นทรัลฯ บอกว่ามีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ร้านค้าเฉลี่ยประมาณปีละ 800 ล้านบาท โดยค่าเช่าพื้นที่ร้านค้าจะเริ่มตั้งแต่ปีแรกที่ประมาณ 400 ล้านบาทและค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปีหลังๆ เขาก็หวังว่าถ้าได้ 800 ล้านบาทจะได้สบายใจ” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

นอกจากนี้ ทาง ร.ฟ.ท.ยังได้แจ้งถึงกรณีสัญญาเช่าที่ ร.ฟ.ท.บริเวณที่ตั้งโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน ซึ่งจะครบกำหนดสัญญาเช่าในเร็วๆ นี้ ว่าได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับเซ็นทรัลฯ แล้ว โดยจะมีการต่อสัญญากันครั้งละ 30 ปี จากปกติจะต่อสัญญาเช่ากันทุกๆ 15 ปีซึ่งเพื่อความสะดวก โดยอยู่ระหว่างการร่างสัญญา

อย่างไรก็ตาม บริษัท เซ็นทรัลหัวหินบีชรีสอร์ท จำกัด ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลฯ ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน (โรมแรมรถไฟหัวหิน) พื้นที่ 70 ไร่ โดยจะครบกำหนดสัญญาเช่า 30 ปี ในวันที่ 15 มกราคม 2559

//-----------


"เซ็นทรัล"บุกทวง สัญญาเช่าที่ดิน ลาดพร้าว-หัวหิน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
29 เมษายน 2558 เวลา 19:03:01 น.


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าพบหารือถึงการชดเชยตามมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการธุรกิจในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่ถูกไฟไหม้ปี 2553 จากเหตุการณ์จลาจล โดยมีการย้ายผู้ค้ามาค้าขายในพื้นที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าวแทน ซึ่งขณะนั้นกำลังจะปิดปรับปรุง โดยบริษัทยินยอมเลื่อนการปิดซ่อมออกไปก่อน แลกกับคณะกรรมการเยียวยามีมติเพิ่มสัญญาเช่ากับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อีก 1 ปี จาก 20 ปี เป็น 21 ปี ปัจจุบันเหลืออายุสัญญาเช่า 13 ปี

"เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ทำให้เรื่องเงียบไปตั้งแต่ปี"54 บริษัทจึงมาสอบถามความคืบหน้าหลังรัฐบาล คสช.เข้ามา ให้กระทรวงไปรวบรวมข้อมูลทั้งมติคณะรัฐมนตรียกเลิกไปหรือยัง ดูข้อสรุปของคณะกรรมการเยียวยา เพื่อติดตามเรื่อง ประมวลผลรายละเอียดต่อไป ขณะนี้คงสรุปไม่ได้ว่าจะต่อสัญญาหรือไม่"

นอกจากนี้ยังมีการหารือต่อสัญญาเช่าโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน จะครบสัญญาเช่าต้นปี 2559 โดยกลุ่มเซ็นทรัลและ ร.ฟ.ท.ได้หารืออย่างไม่เป็นทางการเพื่อต่อสัญญาเช่าออกไป 30 ปี จากปกติกำหนดให้ต่อได้ 15 ปี 2 ครั้ง ทางกลุ่มเซ็นทรัลรับข้อเสนอของ ร.ฟ.ท. ล่าสุดอยู่ระหว่างการร่างสัญญา อย่างไรก็ตาม ให้ ร.ฟ.ท.กลับไปพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการตามเกณฑ์ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2556 หรือไม่

"หากมูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาทจะต้องพิจารณาผลตอบแทนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนดังกล่าว แต่หากไม่ถึง 5,000 ล้านบาท ก็อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีที่สามารถเซ็นอนุมัติได้ทันที"
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 06/05/2015 2:14 am    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.เร่งพัฒนาระบบบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าสร้างรายได้กว่า 50%


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 พฤษภาคม 2558 09:19 น.

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างการฟื้นฟูธุรกิจ จัดทำแผนบริหารการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการบริหารที่ดินที่มีอยู่กว่า 2 แสนไร่ทั่วประเทศ โดยจำนวนนี้มีพื้นที่เชิงพาณิชย์กว่า 4 หมื่นไร่ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการพัฒนาระบบข้อมูลการประเมินราคา มูลค่าการเช่า ทำให้การจัดเก็บรายได้ไม่ดีพอ ซึ่งแผนการดำเนินการครั้งนี้ ประกอบด้วย การจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำระบบข้อมูลแบบจีไอเอส และเอ็มไอเอส คาดว่าภายใน 2 - 3 เดือน จะทราบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า การพัฒนาดังกล่าวจะสร้างรายได้มากกว่าร้อยละ 50

ส่วนการพัฒนาพื้นที่เพื่อสาธารณประโยชน์ จะมีการนำร่องในพื้นที่ย่านมักกะสัน เนื้อที่กว่า 400 ไร่ โดยจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ระบบราง สวนสาธารณะ ตามนโยบายรัฐบาล เบื้องต้นได้หารือกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายโรงงาน บ้านพัก และโรงพยาบาลในพื้นที่ อีกทั้งยังมีแผนการพัฒนาพื้นที่แปลงแม่น้ำเจ้าพระยา จัดสร้างสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร พื้นที่บางซื่อเป็นศูนย์กลางคมนาคม พื้นที่กิโลเมตรที่ 11 พัฒนาวิสาหกิจชุมชน และจัดสร้างคอนโดมิเนียมเป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน ที่สำคัญยังมีการพัฒนาระบบของรถไฟ จัดซื้อหัวรถจักร และโบกี้ใหม่รองรับการบริการประชาชนอีกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 112, 113, 114 ... 197, 198, 199  Next
Page 113 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©