View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 25/05/2015 6:31 pm Post subject:
นัดประชุมผุดไฮสปีดเทรน2เส้น "หัวหิน-พัทยา" เล็งสร้างปี′59
มติชน
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12:25:31 น.
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 206 กิโลเมตร (กม.) ว่าได้ศึกษาออกแบบโครงการเสร็จแล้วและเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา คาดใช้วงเงินลงทุนทั้งหมด 81,000 ล้านบาท ส่วนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สนข.อยู่ระหว่างให้ที่ปรึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมปรับปรุงแก้ไขอีไอเอ จากที่เคยเสนอไปแล้วแต่ไม่ผ่าน ให้เสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมพิจารณารายละเอียดให้ทันตามแผนคือ จัดทำเงื่อนไขประกวดราคา (ทีโออาร์) เดือนสิงหาคม เริ่มก่อสร้างต้นปี 2559" นายพีระพลกล่าว
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา ระยะทาง 193 กม. คาดจะก่อสร้างได้ปี 2559 เพราะศึกษาและออกแบบเสร็จแล้ว และคาดว่าจะผ่านอีไอเอเดือนมิถุนายนี้ ใช้เงินลงทุน 150,000 ล้านบาท เพราะต้องทำทางยกระดับผ่านแนวภูเขาเกือบตลอดแนวเส้นทาง "เส้นนี้รัฐบาลได้เปิดให้เอกชนชาวไทยเข้ามาลงทุน เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการเริ่มได้เร็ว เป็นทางเลือกให้ประชาชนในการเดินทางและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวด้วย" นายวุฒิชาติกล่าว
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะมีการประชุมโครงการรถไฟความเร็วสูงทั้ง 2 เส้นทางในสัปดาห์หน้า เพื่อเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เกิดเร็วที่สุด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 05/06/2015 11:04 pm Post subject:
ลงพื้นที่รถไฟเร็วสูงเชียงใหม่
โดย ไทยรัฐออนไลน์
5 มิถุนายน 2558 เวลา 07:35
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในเดือนนี้จะประชุมคณะกรรมร่วมไทย-ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เพื่อตั้งคณะทำงานพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ร่วมกัน โดยญี่ปุ่นให้ความสนใจรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่เป็นโครงการแรก คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อหาข้อสรุปในการจัดทำแผนงาน ทั้งแหล่งเงินลงทุนและการพัฒนาบุคลากร
รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมยืนยันว่า ปลายปีนี้จะมีความชัดเจน เพราะคณะกรรมการร่วมไทย-ญี่ปุ่นจะเริ่มสำรวจพื้นที่ประมาณปลายเดือนกรกฏาคมนี้ เนื่องจากมีผลศึกษาโครงการเดิมของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ที่สามารถนำมาทบทวนรายละเอียดได้ คาดว่ากลางปี 2559 จะเริ่มก่อสร้าง และแล้วเสร็จในปี 2563 โดยใช้เงินลงทุน 426,800 ล้านบาท
สำหรับการสำรวจพื้นที่จะแบ่งเป็นช่วง ๆ เหมือนรถไฟไทย-จีน เช่น ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก, พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ตามสภาพพื้นที่ เนื่องจากเกี่ยวกับการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการได้เริ่มต้นเร็วขึ้น
โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นความร่วมมือก่อสร้างระหว่างไทย-ญี่ปุ่นโดยใช้เทคโนโลยีชินคันเซ็น แบ่งออกเป็นสองระยะ
มีทั้งรูปแบบทางราบระดับพื้น สลับกับสะพานยกระดับในบางช่วง ในกรณีที่มีน้ำท่วมซ้ำซากสามารถระบายน้ำออกไปได้ และทำเป็นอุโมงค์ลอดใต้ตัวเมืองลพบุรีระยะทาง 5 กิโลเมตร
ส่วนระยะที่สอง เริ่มต้นจากอำเภอเมืองพิษณุโลก ถึงอำเภอเมือง เชียงใหม่ ส่วนใหญ่เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ผ่าน 4 จังหวัด 5 สถานี คือ สุโขทัย ศรีสัชชนาลัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ รวมระยะทางทั้งสิ้น 288กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 24 นาที
โดยเฉพาะในช่วงอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย จังหวัดแพร่ ได้ทำเป็นอุโมงค์เพื่อลอดพื้นที่อุทยานแห่งชาติอีกด้วย
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=yunanAD9HNQ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/06/2015 7:47 pm Post subject:
เทียบฟอร์มญี่ปุ่น-จีน ใครมีลุ้นโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 06:33 น.
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในประเทศไทย เป็นที่หมายตาของเจ้าของเทคโนโลยีหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับสัมปทานในโครงการนี้มากที่สุด ทั้งสองประเทศต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน และรัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิทธิ์ในโครงการนี้
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของไทย ได้พบกับนายอะกิฮิโระ โอตะ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม และมีพิธีลงนามแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศมีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง
รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นเปรียบเทียบศักยภาพรถไฟญี่ปุ่นกับจีน
รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นได้วิเคราะห์ศักยภาพของรถไฟแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมระบุว่า การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นโครงการที่ญี่ปุ่นมีความหวังมากที่สุด ซึ่งหากรถไฟเส้นทางนี้ใช้เทคโนโลยีชินคันเซน ประเทศไทยจะถือเป็นประเทศที่ 2 ในโลก ต่อจากไต้หวันที่ใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น
ชินคันเซน ปลอดภัยสูงสุด
ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของชินคันเซน คือ เรื่องความปลอดภัย โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 ถึงปัจจุบันนานกว่า 50ปี ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว
ในรายการโทรทัศน์ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า รถไฟชินคันเซนที่แล่นด้วยความเร็วถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นมีความนิ่ง ถึงขนาดที่สามารถวางเหรียญตั้งไว้บนขอบหน้าต่างของรถได้
ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการออกแบบที่เป็นเหมาะสมกับผู้โดยสารด้วย โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ถูกเชิญให้ไปออกแบบภายในรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่ามีการเกิดอาชญากรรมบนรถไฟสูงที่สุด โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ตกแต่งบรรยากาศภายในรถไฟใต้ดินใหม่ และช่วยลดการเกิดอาชญากรรมอย่างได้ผล
มูลค่าการส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของจีน นำหน้าทุกประเทศอย่างไม่เห็นฝุ่น
ชินคันเซนแพงกว่าจีน 3เท่าตัว
อุปสรรคที่สำคัญของรถไฟความเร็วสูงจากญี่ปุ่นคือราคาที่สูงมาก โดยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีเทคโนโลยีนี้ คือ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และจีนนั้น ต้นทุนการก่อสร้างของรถไฟชินคันเซนสูงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถไฟความเร็วสูงของจีนแล้ว ชินคันเซนแพงกว่าถึง 3 เท่าตัว
จีนคือเจ้าตลาดตัวจริง
วิทยากรในรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นยังได้แสดงถึงมูลค่าที่ประเทศสำคัญๆ ส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง โดยจีนคือเจ้าตลาดที่ทำเงินจากเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงได้ถึง 3.7 ล้านล้านเยน ขณะที่ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส ทำรายได้ได้ไม่ถึง 1 ล้านล้านเยน ส่วนรถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น ทำรายได้จากการส่งออกเทคโนโลยีได้ไม่ถึง 0.5 ล้านล้านเยนด้วยซ้ำ
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของรถไฟชินคันเซน
บริษัทเอกชนญี่ปุ่นแข่งกับรัฐวิสาหกิจจีน
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นยอมรับว่า อุปสรรคที่รถไฟญี่ปุ่นที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ไม่ใช่เรื่องของเงินทุนหรือความทันสมัย แต่เป็นรูปแบบการบริหารจัดการ โดยบริษัทที่ผลิตรถไฟชินคันเซนมี 2 ราย คือ ฮิตาชิ และคาวาซากิ
หากแต่ ทางฝั่งจีน ผู้ผลิตรถไฟความเร็วสูงคือรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของคณะรัฐมนตรีจีนโดยตรง โดยแต่เดิมมี 2 บริษัท คือ หนานเชอ 中國南車 และ เป่ยเชอ 中國北車 แต่ในปี 2015รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งได้ควบรวมกิจการกันเป็นบริษัท CRRC Corporation Limited หรือ จงกั๋วจงเชอ 中国中车 ซึ่งเป็นกิจการรถไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การแข่งขันเรื่องรถไฟความเร็วสูงระหว่างญี่ปุ่นจีนนั้น จึงไม่ใช่การแข่งขันระหว่างบริษัทเอกชน แต่เป็นการแข่งขันระหว่างรัฐบาลของ 2 มหาอำนาจแห่งเอเชีย
แผนที่โครงการ "รถไฟเชื่อมเอเชีย" ของรัฐบาลจีน
ศึกการค้า ศึกการเมือง
รัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนได้ใช้ความพยายามทางการทูตและการเมืองในหลายมิติ เพื่อให้ได้สิทธิ์ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลจีนที่นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง เคยประกาศอย่างชัดเจนในระหว่างการเยือนประเทศไทยว่า ปรารถนาจะสร้างรถไฟเชื่อมภูมิภาคเอเชียให้ได้ แน่นอนว่ารัฐบาลแดนมังกรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นจริง
ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นยังยกตัวอย่างการจัดตั้ง ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือ AIIB ที่จีนเป็นผู้ริเริ่มและมี 57 ประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกนั้น เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญของโครงการทางรถไฟเชื่อมเอเชีย ซึ่งการออกแรงผลักดันโดยตรงจากรัฐบาลเช่นนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่อาจจะทำได้เพราะติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย แตกต่างจากฝ่ายจีนที่รัฐบาลสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการเดินรถไฟตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่จนถึงวันนี้รถไฟของไทยยังคงล้าหลังเหมือนเช่นเมื่อ 130 ปีก่อน จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าการพัฒนาการขนส่งทางรางเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
อภิมหาโครงการที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ไม่เพียงเป็น ชิ้นปลามัน ที่ใครๆต่างก็ปรารถนา หากแต่ยังเกี่ยวพันถึงดุลอำนาจของประเทศต่างๆในภูมิภาค รัฐบาลไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาทั้งมิติของการลงทุน, สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเมืองระหว่างประเทศให้รอบคอบ.
Back to top
unique
3rd Class Pass (Air) Joined: 12/09/2006 Posts: 258
Location: กทม.
Posted: 08/06/2015 12:42 am Post subject:
Mongwin wrote: เทียบฟอร์มญี่ปุ่น-จีน ใครมีลุ้นโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 06:33 น.
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในประเทศไทย เป็นที่หมายตาของเจ้าของเทคโนโลยีหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับสัมปทานในโครงการนี้มากที่สุด ทั้งสองประเทศต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน และรัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิทธิ์ในโครงการนี้
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของไทย ได้พบกับนายอะกิฮิโระ โอตะ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม และมีพิธีลงนามแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศมีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง
รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นเปรียบเทียบศักยภาพรถไฟญี่ปุ่นกับจีน
รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นได้วิเคราะห์ศักยภาพของรถไฟแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมระบุว่า การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นโครงการที่ญี่ปุ่นมีความหวังมากที่สุด ซึ่งหากรถไฟเส้นทางนี้ใช้เทคโนโลยีชินคันเซน ประเทศไทยจะถือเป็นประเทศที่ 2 ในโลก ต่อจากไต้หวันที่ใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น
ชินคันเซน ปลอดภัยสูงสุด
ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของชินคันเซน คือ เรื่องความปลอดภัย โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 ถึงปัจจุบันนานกว่า 50ปี ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว
ในรายการโทรทัศน์ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า รถไฟชินคันเซนที่แล่นด้วยความเร็วถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นมีความนิ่ง ถึงขนาดที่สามารถวางเหรียญตั้งไว้บนขอบหน้าต่างของรถได้
ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการออกแบบที่เป็นเหมาะสมกับผู้โดยสารด้วย โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ถูกเชิญให้ไปออกแบบภายในรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่ามีการเกิดอาชญากรรมบนรถไฟสูงที่สุด โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ตกแต่งบรรยากาศภายในรถไฟใต้ดินใหม่ และช่วยลดการเกิดอาชญากรรมอย่างได้ผล
มูลค่าการส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของจีน นำหน้าทุกประเทศอย่างไม่เห็นฝุ่น
ชินคันเซนแพงกว่าจีน 3เท่าตัว
อุปสรรคที่สำคัญของรถไฟความเร็วสูงจากญี่ปุ่นคือราคาที่สูงมาก โดยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีเทคโนโลยีนี้ คือ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และจีนนั้น ต้นทุนการก่อสร้างของรถไฟชินคันเซนสูงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถไฟความเร็วสูงของจีนแล้ว ชินคันเซนแพงกว่าถึง 3 เท่าตัว
จีนคือเจ้าตลาดตัวจริง
วิทยากรในรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นยังได้แสดงถึงมูลค่าที่ประเทศสำคัญๆ ส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง โดยจีนคือเจ้าตลาดที่ทำเงินจากเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงได้ถึง 3.7 ล้านล้านเยน ขณะที่ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส ทำรายได้ได้ไม่ถึง 1 ล้านล้านเยน ส่วนรถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น ทำรายได้จากการส่งออกเทคโนโลยีได้ไม่ถึง 0.5 ล้านล้านเยนด้วยซ้ำ
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของรถไฟชินคันเซน
บริษัทเอกชนญี่ปุ่นแข่งกับรัฐวิสาหกิจจีน
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นยอมรับว่า อุปสรรคที่รถไฟญี่ปุ่นที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ไม่ใช่เรื่องของเงินทุนหรือความทันสมัย แต่เป็นรูปแบบการบริหารจัดการ โดยบริษัทที่ผลิตรถไฟชินคันเซนมี 2 ราย คือ ฮิตาชิ และคาวาซากิ
หากแต่ ทางฝั่งจีน ผู้ผลิตรถไฟความเร็วสูงคือรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของคณะรัฐมนตรีจีนโดยตรง โดยแต่เดิมมี 2 บริษัท คือ หนานเชอ 中國南車 และ เป่ยเชอ 中國北車 แต่ในปี 2015รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งได้ควบรวมกิจการกันเป็นบริษัท CRRC Corporation Limited หรือ จงกั๋วจงเชอ 中国中车 ซึ่งเป็นกิจการรถไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การแข่งขันเรื่องรถไฟความเร็วสูงระหว่างญี่ปุ่นจีนนั้น จึงไม่ใช่การแข่งขันระหว่างบริษัทเอกชน แต่เป็นการแข่งขันระหว่างรัฐบาลของ 2 มหาอำนาจแห่งเอเชีย
แผนที่โครงการ "รถไฟเชื่อมเอเชีย" ของรัฐบาลจีน
ศึกการค้า ศึกการเมือง
รัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนได้ใช้ความพยายามทางการทูตและการเมืองในหลายมิติ เพื่อให้ได้สิทธิ์ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลจีนที่นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง เคยประกาศอย่างชัดเจนในระหว่างการเยือนประเทศไทยว่า ปรารถนาจะสร้างรถไฟเชื่อมภูมิภาคเอเชียให้ได้ แน่นอนว่ารัฐบาลแดนมังกรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นจริง
ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นยังยกตัวอย่างการจัดตั้ง ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือ AIIB ที่จีนเป็นผู้ริเริ่มและมี 57 ประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกนั้น เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญของโครงการทางรถไฟเชื่อมเอเชีย ซึ่งการออกแรงผลักดันโดยตรงจากรัฐบาลเช่นนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่อาจจะทำได้เพราะติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย แตกต่างจากฝ่ายจีนที่รัฐบาลสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการเดินรถไฟตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่จนถึงวันนี้รถไฟของไทยยังคงล้าหลังเหมือนเช่นเมื่อ 130 ปีก่อน จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าการพัฒนาการขนส่งทางรางเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
อภิมหาโครงการที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ไม่เพียงเป็น ชิ้นปลามัน ที่ใครๆต่างก็ปรารถนา หากแต่ยังเกี่ยวพันถึงดุลอำนาจของประเทศต่างๆในภูมิภาค รัฐบาลไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาทั้งมิติของการลงทุน, สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเมืองระหว่างประเทศให้รอบคอบ.
รายการนี้จะจบลงเมื่อผลประโยชน์ลงตัวครับ
ถ้าต้องรถไฟความเร็วสูงจริงๆ ถามว่าบ้านเราอยากได้แบบไหนกันแน่?
ชินกังเซนสุดยอด ในเรื่องสุนทรียภาพในการเดินทางครับ ใช่ แต่ ถ้าหมายที่จะให้มีศักยภาพในการขนส่งสินค้าด้วย ชินกังเซนไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ครับ แล้วเราต้องการแบบไหนกันแน่?
ผมเองไม่อยากเห็นภาพพี่น้องชาวไทยโดนเอาเปรียบแบบสมยอม อย่างที่เห็นๆกันอยู่เหมือนกับระบบรถไฟฟ้าในบ้านเรา ค่าเดินทางแพงกว่าชาวบ้าน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่ต้นทุนค่าแรงงานในการก่อสร้างสูงกว่า(ผมเชื่อว่าค่าก่อสร้างบ้านเราถูกกว่า ปูนเผาเอง มีโรงรีดเหล็เส้นเอง) ค่าครองชีพสูงกว่าบ้านเรา แต่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกกว่า ทำไม?????!!!!!!!
นั่งรถไฟฟ้า ไปสำโรง จากอนุสาวรีย์ 4-50 บาท แต่ต้องแออัด เผลอๆโดนยืนตลอดสาย
ต่อให้แพงกว่านี้คนก็ยังแน่น BTS ฟันกำไรสบายใจไป
เป็นแบบนั้น ผมนั่งรถตู้ไม่ดีกว่าเหรอครับ? ได้นั่งด้วยงีบได้ด้วย
ตกลงประเทศไทยเราสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชลเพื่อให้เป็นทางหลักหรือเป็นทางเลือกกันแน่?
เป็นคนไทยต้องอดทนมากเลยใช่มั้ยครับ?
ถ้าเป็นทางหลัก ราคาในปัจจุบันนี้ตอบโจทย์นั้นได้มั้ยครับ?
เรื่องรถไฟความเร็วสูง
เทียบกับญี่ปุ่น รายได้ต่อหัว (GDP per capita) ข้อมูลจาก Wold Bank 2013
http://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?page=1
Japan รายได้ต่อหัว (GDP per capita) อยู่ที่ $38,633.7 คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อปี
Thailand รายได้ต่อหัว (GDP per capita) อยู่ที่ $ 5,779.0 คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 1.9 แสนบาทต่อปี
ลองเปิดค่าโดยสาร ชินกังเซ็น https://www.jreast.co.jp/e/charge/
นั่งจาก Tokyo ไป Shin-Aomori เส้นทาง Tohoku Shinkansen ระยะทาง 713.7 Km เกือบพอจะเทียบจาก กทมไปเชียงใหม่
ถ้านั่งตัวE5 Hayabusa รถตัวท๊อปของเส้นทาง ค่าเดินทางอยู่ที่ 17,350 เยน เทียบเป็นเงินไทย (อัตราตอนนี้ที่ 100 เยนประมาณ 27 บาท) อยู่ที่ ประมาณ 4,700 บาท ที่ราคานี้ค่าตั๋วแพงกว่าเครื่องด้วยซ้ำ
แล้วใครล่ะที่นั่งประจำ? รายได้ต่อหัวเท่าไหร่ที่จะนั่งประจำได้? แล้วคนที่มีปัญญาจะนั่งรถไฟความเร็วสูงได้มีกี่คนกัน?
แต่ถ้าลองเทียบบัญญัติไตรยางค์เพื่อให้เป็นราคาที่เหมาะสมกับค่าครองชีพของไทย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 700 บาทเท่านั้น เทียบเป็นความรู้สึกของเงินที่ต้องเสียไป 700 บาท นั่งชินกังเซนไปเชียงใหม่ ความเร็ว สุนทรียภาพในการโดยสาร ไม่เเพงเลย หากรัฐมีเป้าหมายให้รถไฟความเร็วสูงเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางจริงๆ ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าจะมีคนใช้ชินกังเซนเยอะมาก แต่ถามว่าลงทุนไปแล้ว เก็บที่ 700 บาทได้มั้ยละครับ?
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 08/06/2015 7:44 pm Post subject:
เปิดกประเด็น เรื่อง รถไฟความไวสูงกะธนาคาร AIIB
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=kmSBDaJ5lPE
"สามารถ" แห้ว จีนไม่ร่วมลงทุนสร้างรถไฟกับไทย !!
T-News
7 มิถุนายน 2558 เวลา 14:24:53 tag
"สามารถ ราชพลสิทธิ์"ผิดหวัง! จีนไม่ร่วมลงทุนรถไฟไทย-จีน
มติชน
วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 09:47:00 น.
"ดร.สามารถ" วอน จีนร่วมลงทุนก่อสร้าง เหตุเพราะได้รับประโยชน์ด้วย - เชื่อ มีผู้โดยสารมาใช้บริการเยอะแน่ !!
วันนี้ (7 มิ.ย.) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์รูปภาพและข้อความลงบนเฟซบุ๊คเพจ "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์" ระบุถึงกรณีที่ประเทศจีนไม่ลงทุนสร้างรถไฟร่วมกับประเทศไทย ว่า
หลายคนคงเข้าใจว่าจีนจะมาช่วยพัฒนารถไฟไทยให้ทันสมัย พูดง่ายๆ ก็คือรัฐบาลจีนจะมาร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟให้ไทยตามเส้นทางที่รัฐบาลไทยเห็นชอบ นั่นคือ เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด โดยจะออกแบบให้รถไฟวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงแต่เป็นรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางนี้จะทำหน้าที่ขนทั้งผู้โดยสารและสินค้า
ผมไม่ติดใจในความสามารถด้านการพัฒนารถไฟของจีน แม้ว่าจีนได้เริ่มพัฒนารถไฟความเร็วสูงได้มาไม่นาน แต่จีนก็สามารถก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงได้ระยะทางรวมยาวที่สุดในโลก
เมื่อพิจารณาดูแนวเส้นทางดังกล่าวข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่าจีนจะได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเส้นทางที่เปิดทางออกสู่ทะเลให้จีนได้อีกเส้นทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ จีนจึงควรร่วมลงทุนก่อสร้างด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระของไทยเพียงฝ่ายเดียว ผมได้โพสต์ความเห็นเช่นนี้ไว้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่อง "เงินกู้จีน-ญี่ปุ่น ชี้ชะตาไฮสปีดไทย" หลังจากนั้นผู้ที่รับผิดชอบได้ให้ข่าวว่าจีนจะร่วมลงทุนด้วย ไม่ใช่ให้เงินกู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้ผมหลงดีใจพร้อมกับโพสต์เรื่อง "รถไฟทางคู่ไทย-จีนคืบหน้าเมื่อจีนยอมควักกระเป๋า" ไว้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2558 แต่ถึงวันนี้ผมกลับต้องผิดหวังหลังจากได้รับข้อมูลว่าจีนจะไม่ร่วมลงทุนด้วย
การลงทุนรถไฟเส้นทางนี้จะเป็นการลงทุนทั้งหมด 100% โดยรัฐบาลไทย ซึ่งรัฐบาลไทยจะกู้เงินในประเทศบางส่วน และจะกู้เงินจากจีนบางส่วน งานส่วนไหนที่คนไทยทำได้ก็จะใช้ผู้รับเหมาไทย งานส่วนไหนที่คนไทยไม่ถนัดก็จะจ้างจีนทำให้ รวมทั้งจะซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีในประเทศจากจีน เช่น ขบวนรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบตั๋ว เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้ จีนก็จะได้ประโยชน์จากการให้กู้เงิน รวมทั้งการก่อสร้างและขายวัสดุอุปกรณ์
ผมไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างรถไฟเส้นทางนี้ แต่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเจรจากับรัฐบาลจีนโดยขอให้รัฐบาลจีนร่วมลงทุนด้วย ทั้งนี้ เพื่อความสำเร็จในการบริหารจัดการเดินรถไฟหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ เพราะถ้าจีนร่วมลงทุนด้วยเขาก็จะพยายามหาหนทางที่จะทำให้มีผู้โดยสารและสินค้ามาใช้บริการมาก ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อโครงการหรือประเทศชาติโดยส่วนรวม Last edited by Wisarut on 09/06/2015 12:47 pm; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 15/06/2015 6:41 pm Post subject:
ไม่นานเกินรอ ! รฟท. ลั่นรถไฟไฮสปีด กทม.-หัวหิน ได้ใช้ปี 63
มติชน
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:12:35 น.
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจเส้นทางการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหินว่า คาดว่าจะเปิดประมูลเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯหัวหิน ได้ภายในสิ้นปี 2558 และใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี หรือเสร็จปี 2563 เมื่อโครงการเสร็จจะช่วยเพิ่มความสะดวกการเดินทาง รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากลดเวลาการเดินของรถไฟ จากปกติใช้เวลา 4-5 ชม. ขณะที่รถยนต์ใช้เวลา 2-3 ชม. เหลือเพียง 1 ชม.ครึ่ง เพราะเป็นรถไฟความเร็วสูง ส่วนการสร้างรถไฟทางคู่จะประมูล 6 เส้นทางได้ภายในปีนี้เช่นกัน โดยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน อาจจะใช้ลักษณะการลงทุนแบบเปิดกว้าง โดยมีเอกชนไทยสนใจจำนวนมาก หรือแยกการลงทุนเป็นส่วนๆ เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐานให้คนไทยลงทุน การเดินรถใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ
นายวุฒิชาติกล่าวว่า รฟท.ยังมีนโยบายในการเปลี่ยนระบบการเดินรถจากการใช้เชื้อเพลิงดีเซล เป็นพลังงานไฟฟ้าตามนโยบายของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงและเส้นทางที่จะนำร่อง 1 เส้นทางในปี 2560 และมีแผนปรับทั้งหมดในปี 2575 ส่วนการจัดหาหัวรถจักรมาใช้ในการเดินรถ จากเดิมที่ ครม.ได้อนุมัติจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ 50 คัน ยังต้องเดินหน้าต่อไป แต่จะใช้ระบบการเช่าหัวรถจักรประมาณ 100 หัว พร้อมซ่อมบำรุง 15 ปี เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนและลดต้นทุน พร้อมอัพเดตเทคโนโลยีให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการ รฟท. ได้ติดตามความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการที่ผ่านคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสากิจ (คนร.) แล้ว โดยมีแผนฟื้นฟู 7 แผน อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ การเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากร การบริหารทรัพย์สิน การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพ รฟท. รวมถึงจะมีการปรับโครงสร้าง รฟท.ให้มีประสิทธภาพ และการปรับโครงสร้างจะไม่มีการปรับลดหรือเพิ่มบุคลากร แต่จะใช้วิธีการปรับตำแหน่งให้เกิดความเหมาะสม เช่น เรื่องบริหารทรัพย์สิน จะลดขั้นตอนการปฏิบัติงานลง จาก 24 ขั้นตอน เหลือเพียง 9 ขั้นตอน แบบ ONE STOP SERVICE เป็นต้น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 19/06/2015 2:11 am Post subject: ท่านทูตจีนเปรยว่าควรต่อขยายรถไฟไทยจีนมาเมืองจันทบุรี
ตามทูตแดนมังกรทัวร์เมืองจันท์ "ลงเรือลำเดียวกัน"ไทยเป็นหนึ่งในใจจีน...จริงหรือ?
รายงานพิเศษ
ศิริลักษณ์ หาพันธ์นา
ที่มา มติชนสุดสัปดาห์
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
18 มิถุนายน 2558 เวลา 09:01:55 น.
ดังที่ทราบกันดี สองชาติมหาอำนาจแห่งเอเชีย อย่างจีนและญี่ปุ่น กำลังแข่งขันกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงที่เหล่าประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียกำลังมุ่งให้ความสนใจ
ทางฝ่ายจีนได้ชูโปรโมชั่นการลดแลกแจมแถมทั้งระบบการรถไฟเเละเสนอเงินกู้ระยะยาวมาสร้างความได้เปรียบและดึงดูดใจ
ส่วนญี่ปุ่นเองก็ชูจุดเเข็งในเรื่องมาตรฐานระดับสูงในด้านระบบการทำงานและความปลอดภัย
แม้รถไฟจีนจะมาทีหลังแต่ดูเหมือนจะโตแบบไฮสปีดขยายอย่างรวดเร็ว เจาะตลาดรถไฟความเร็วสูง งัดไม้เด็ดเสนอเงินกู้ก้อนโตพ่วงระบบรถไฟความเร็วสูงของจีนให้คู่ค้าแบบตัดสินใจได้ไม่ยากสำหรับประเทศที่งบฯจำกัด
ประเทศไทยถือเป็นไข่แดงอาเซียนอันเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญที่สองชาติมหาอำนาจอาเซียนเล็งสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าเชื่อมถึง
โดยทางจีนได้เล็งพัฒนาเส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุดและแก่งคอย-กรุงเทพฯ เป็นรถไฟรางมาตรฐาน ความเร็ว 180 ก.ม./ช.ม. หวังเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าจีนตอนใต้จากคุนหมิงออกสู่ทะเล ผ่านท่าเรือมาบตาพุดของไทย
ส่วน "ญี่ปุ่น" เล็งพัฒนาระบบรางให้ไทยครบทุกโหมด ทั้งรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, รถไฟราง 1 เมตร 2 เส้นทาง สายแรกจะเชื่อมท่าเรือแหลมฉบังกับทวาย ผ่านเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง เพื่อเป็นสะพานเชื่อมการค้าไปยังเมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม
ส่วนสาย แม่สอด-มุกดาหาร กำลังอยู่ในช่วงศึกษาความเป็นไปได้
ดูเหมือนว่าแนวโน้มการเชื่อมต่อ ทั้งความสัมพันธ์ 40 ปี สัมพันธ์ไทย-จีน และรางรถไฟฟ้า ทางการจีนจะคะแนนนำเพราะมีข้อเสนอมากกว่าแค่ราง แต่มีเงินให้ยืมพร้อมสรรพจากธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย หรือ AIIB ที่จีนเป็นหัวเรือใหญ่
ประกอบกับเส้นทางจากคุนหมิงในมณฑลยูนนานผ่านมาไทย มีโอกาสเติบโตเด่นชัดเพราะถนนสายไหมในอดีต ที่จะกลายเป็นทางรถไฟสายใหม่ จะเป็นเส้นทางขนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้มากกว่าเดิมหลายเท่า เห็นได้จากในไตรมาสแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 2 ล้านคนแล้ว และคาดหมายว่าสิ้นปี 2558 นี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลมาไทยไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคนอย่างแน่นอน
ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนมีแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และกระจายไปหลายจังหวัดในไทย ทำให้เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย "นิ่ง ฟู่ ขุย" ลงพื้นที่ไปสอดส่องแหล่งกิน เที่ยว ช็อป แห่งใหม่ด้วยตัวเองเพื่อโปรโมตให้ชาวแดนมังกรตามมาตะลอนทัวร์ในดินแดนฝั่งตะวันออกของไทย
โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรีที่เอกอัครราชทูตชื่นชอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ "ทุเรียน" ที่ยกนิ้วให้พร้อมเอ่ยว่า "อร่อยจริงๆ"
นอกเหนือความอร่อยของผลไม้ไทยที่ถูกใจทูตจีนแล้ว สิ่งที่เอกอัครราชทูต นิ่ง ฟู่ ขุย อยากจะบอกกล่าวก็คือ นโยบาย One Road One Belt ที่จีนจะเป็นผู้เสนอขึ้นมาและลงนามกับหลายประเทศที่สนใจ โดยชี้แจงว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน จีนไม่ได้รับประโยชน์ไปเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น รวมถึงข้อเสนอการร่วมมือสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลเป็นการยกระดับความเจริญของภูมิภาค
"เหมือนเราลงเรือลำเดียวกันหากินร่วมกัน จีนต้องการโลก ต้องการประเทศเพื่อนบ้าน ด้านประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องการจีนเช่นกัน ไทยซึ่งมีความพร้อมและความได้เปรียบด้านโครงสร้างพื้นฐานและมีการท่าเรือ การบิน และจีนกับไทยจะเร่งพัฒนาระบบรางรถไฟในไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพและความเจริญในภูมิภาคนี้ให้จงได้" คำกล่าวของ "นิ่ง ฟู่ ขุย" เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
จากคำกล่าวที่ว่าลงเรือลำเดียวกันในครานี้ ทูตจีนเล็งเห็นว่า เมืองจันท์มีความได้เปรียบในการดำเนินการทางเศรษฐกิจ เพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อยู่ใกล้ท่าเรือและสนามบินนานาชาติ โดยทางจีนต้องการสร้างความร่วมมือร่วมระหว่างภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการค้าขายระหว่างกัน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตรและผลไม้ พร้อมร่วมรณรงค์ให้ชาวจีนรู้จักจังหวัดจันทบุรีมากขึ้นและต้องการนำผลผลิตของเมืองจันท์ไปแสดงโชว์ที่งานจัดแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนที่มณฑลกว่างซีและมณฑลยูนนานด้วย
พร้อมกับให้คำแนะนำว่า ทางจังหวัดจันทบุรีต้องสร้างแบรนด์ผลไม้ของตนเองขึ้นมา ติดโลโก้ให้ชัดเจนว่าเป็นของจังหวัดจันทบุรี ให้ชาวจีนรู้จักว่าผลไม้ที่ส่งออกเกือบครึ่งหนึ่งจากไทยนั้นมาจากเมืองจันท์ จะเป็นการสร้างชื่อเสียงเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวชมและทำการค้าขายโดยตรงที่จังหวัดจันทบุรีด้วย
การันตีความฮิตของผลไม้เมืองจันท์ด้วยบริษัทจดทะเบียนที่เข้ามารับซื้อผลไม้จากจันทบุรีกว่า171 บริษัท มีบริษัทจากจีนถึง 50 บริษัท ถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ทีเดียว
โดยบริษัทของจีนต้องการสั่งซื้อมังคุดและทุเรียนมากขึ้นจากเดิม และเส้นทางผลไม้เมืองจันท์ไปเมืองซานตงของจีนใช้เวลาเพียง 6 วัน โดยการขนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไปแหลมฉบังลงเรือไปขึ้นที่ฮ่องกงแล้วบรรทุกต่อไปปลายทางที่เมืองซานตง
ซึ่งทางจังหวัดจันทบุรีได้เตรียมเร่งสร้างห้องเย็นขนาดใหญ่ไว้เก็บรักษาผลไม้และอำนวยความสะดวกในการรับซื้อและขนส่งผลไม้เพื่อรองรับการซื้อขายที่จะเติบโตขึ้นนี้
ด้วยความเกรงกลัวกำลังซื้อของชาวจีนที่ได้ชื่อว่ากวาดเรียบจึงอดห่วงไม่ได้ที่จะทำให้ราคาทุเรียนในท้องตลาดพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ทูตจีนตอบคำถามพร้อมกับยิ้มว่า "ก็ต้องดีใจแทนชาวสวนสิ เป็นเรื่องน่ายินดี และการที่ชาวจีนจะมาซื้อหมดสวนจนไม่มีขายให้คนไทยนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เรื่องนี้ถือเป็นการกระตุ้นให้ชาวสวนหันมาปลูกทุเรียนกันเพิ่มขึ้นให้ทันตามความต้องการของตลาด เมื่อของขายดีขึ้น เกษตรกรก็มีรายได้เพิ่มขึ้น"
พูดจบทูตจีนก็ไปเก็บทุเรียนสดๆ จากต้นมาชิมแล้วเอ่ยทันทีว่า "ทุเรียนไทยอร่อยจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่ชาวจีนจะชื่นชอบทุเรียนไทยขนาดนี้"
นอกจากปากหวานแล้ว ยังแอบส่องเห็นว่าทูตจีนยังมีมุมโรแมนติก หยุดเป็นแชะ!! เพราะชื่นชอบการถ่ายภาพมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภาพวิวและธรรมชาติ ฝีมือระดับเทพถึงขั้นได้จัดแสดงร่วมในงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ระหว่างการเดินทาง ทูตจีนได้เปิดเจอหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวทางธรรมชาติของภาคตะวันออกพร้อมกับเอ่ยเบาๆ ว่า รู้สึกละอายใจมากที่ทำงานประจำอยู่ประเทศไทยกว่า 2 ปี แต่ไม่เคยมาเยือนภาคตะวันออกสักที ช่างน่าเสียดายจริงๆ และยังได้พูดแซวประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ (พินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี) ว่า หากรู้มาก่อนว่าจันทบุรีมีอุทยานแห่งชาติที่สวยงามขนาดนี้คงไปเที่ยวและถ่ายรูปแน่ๆ แต่อดีตรองนายกฯ ได้จัดทริปผลไม้ พวกเราก็เลยกินอิ่มกันทั้งทริป
ใกล้เวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์เตรียมอัสดงเมื่อมาถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา จู่ๆ ขบวนรถหยุดกะทันหัน ทูตจีนกระโจนลงจากรถพร้อมกล้องคู่ใจ วิ่งไล่ตามพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ฉากหน้าเป็นทุ่งหญ้าและบ่อเลี้ยงกุ้ง ท้องฟ้าเจือสีแดงปนชมพู
นับเป็นแสงสุดท้ายของวันที่น่าประทับใจจริงๆ จึงไม่ลังเลวิ่งตามเอกอัครราชทูตลงทุ่งพร้อมคว้ากล้องรัวชัตเตอร์ ไปถึงจุดที่ทูตยืนอยู่ด้วยอาการเหนื่อยหอบ พอทูตจีนหันมายิ้มและโชว์รูปภาพเอ็กซ์คลูซีฟของเส้นขอบฟ้าสีแดงปนชมพูตัดกับขอบทุ่ง พร้อมคำบรรยาย
"แม้พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ว่าท้องฟ้าเวลาพระอาทิตย์กำลังตกนี้แหละ สวยที่สุด ว่าไหม?"
ด้วยความเป็นกันเองบวกความอารมณ์ดีของทูตจีนและการต้อนรับอย่างอบอุ่นของสมาคมความสัมพันธ์ไทย-จีนทำให้การเดินทางเยือนเส้นทางสายไหมทางทะเล ถิ่นบรูพาครั้งนี้สร้างความประทับใจให้ชาวคณะไม่น้อย
ในบริบทโลกปัจจุบันที่จีนแม่ทัพแห่งแดนมังกรกำลังขยายอิทธิพลไปทั่วโลกเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ภูมิภาคอาเซียนจะพร้อมเติบโตไปกับจีนหรือไม่ เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 จะประสบความสำเร็จเพียงใด
และไทยก็ยังคงเป็นประเทศหนึ่งในใจจีน (จริงหรือ?) เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องติดตามกันต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 19/06/2015 4:17 pm Post subject:
หัวหินเล็งสถานีไฮสปีดเทรน เตรียมปั้นแลนด์มาร์กแห่งใหม่
Home Business
ฐานเศรษฐกิจ
วันพฤหัส ที่ 18 มิถุนายน, 2558
วุฒิชาติ ควงนายกเทศมนตรีเมืองหัวหินสำรวจพื้นที่สร้างสถานีรถไฟทางคู่ นครปฐมหัวหิน และไฮสปีดเทรน กรุงเทพฯหัวหิน ยันเตรียมพื้นที่รองรับไว้พร้อมแล้วด้านตรงข้ามสถานีหัวหินปัจจุบัน ส่วนไฮสปีดเทรนจัดพื้นที่ราว 3 แสนตร.ม.ตรงข้ามสนามบินบ่อฝ้าย ด้านนายกเทศมนตรีเมืองหัวหินเตรียมผลักดันสถานีไฮสปีดเทรนให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่
นายวุฒิชาติกัลยาณมิตรผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ถึงความพร้อมในการจัดประมูลโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางนครปฐมหัวหิน และเส้นทางประจวบคีรีขันธ์ชุมพรรวมถึงเตรียมพื้นที่ก่อสร้างสถานีรถไฟหัวหินให้เป็นสถานีรองรับ โดยจะก่อสร้างช่วงพื้นที่ฝั่งตรงข้ามสถานีหัวหินปัจจุบัน ล่าสุดได้ร่วมหารือกับนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหิน ด้านการพัฒนาพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงตลอดจนการพัฒนาเมืองให้สอดคล้องกับการพัฒนารถไฟฟ้าจึงเตรียมดึงภาคเอกชนทั้งในพื้นที่และส่วนกลางกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องความเจริญรองรับไว้ตั้งแต่วันนี้
จัดพื้นที่พร้อมรองรับไว้แล้ว โดยรางรถไฟที่เปิดให้บริการปัจจุบันจะอยู่ด้านซ้ายสุดติดกับสถานี ส่วนพื้นที่รางช่วงกลางจะเป็นทางวิ่งของไฮสปีดเทรน และช่วงขวาสุดจะเป็นทางวิ่งของรถไฟทางคู่ ซึ่งก่อสร้างยกระดับขึ้นไป โดยพื้นที่ที่จะใช้ก่อสร้างสถานีรถไฟทางคู่ที่หัวหินนี้จะใช้พื้นที่ประมาณ 6,352 ตารางเมตร มีความยาวของสถานีประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่อาคาร 450 เมตร และกำหนดแนวเส้นทางยกระดับประมาณ 5 กิโลเมตร ขณะนี้เป็นพื้นที่ของร.ฟ.ท.ประมาณ 80 เมตร จากแนวรางปัจจุบัน และจะใช้พื้นที่นอกย่านร.ฟ.ท.อีกประมาณ 40 เมตร
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯหัวหินมีมูลค่าการลงทุนรวม 9.8 แสนล้านบาท(ค่าก่อสร้าง 8.3 หมื่นล้านบาท ค่าระบบรถไฟฟ้า 9,324 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษา 1,905 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 4,100 ล้านบาท) มีอัตราส่วนผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ช่วงกรุงเทพฯหัวหิน 8.11% แต่เมื่อพัฒนาเส้นทางต่อไปและสุดสายปาดังเบซาร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 12.76% อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 2.50-3 บาทต่อกิโลเมตร ประมาณ 522-627 บาทต่อเที่ยว (ขึ้นอยู่กับชั้นโดยสาร)จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
มี 4 สถานีประกอบด้วย 1.สถานีนครปฐม(อยู่ในจุดสถานีรถไฟเดิม เนื่องจากมีพื้นที่เพียงพอ) 2.สถานีราชบุรี(อยู่ที่ใหม่ ต.คูบัว อ.เมืองราชบุรี ห่างจากตัวเมืองราชบุรี 3 กิโลเมตร) 3.สถานีเพชรบุรี (อยู่ที่ใหม่ใกล้เขาหลวง ต.ธงชัย อ.เมืองเพชรบุรี ถนนเพชรเกษม ห่างจากในเมือง 1.5 กิโลเมตร)และ 4.สถานีหัวหิน (อยู่ที่ใหม่ ด้านหน้าสนามบินบ่อฝ้าย ต.บ่อฝ้าย อ.หัวหิน บริเวณหัวหินซอย 2 ห่างจากสถานีหัวหินเดิม 7 กิโลเมตร และถนนเพชรเกษม 300 เมตร)
นายนพพรวุฒิกุลนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหินกล่าวว่าเทศบาลเมืองหัวหินได้เตรียมพร้อมการรับมือทั้งรถไฟทางคู่และไฮสปีดเทรนไว้แล้วโดยมีนโยบายจัดเตรียมความพร้อมพื้นที่เอาไว้โดยเฉพาะเรื่องของระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่รองรับให้สะดวก รวดเร็ว โดยการให้บริการรถสองแถวของเอกชนที่มีอยู่สนับสนุนให้เข้ามาวิ่งบริการเพื่อไม่ให้กระทบต่อวิถีชีวิตคนที่ประกอบอาชีพ เป็นการช่วยเสริมให้ทุกคนได้มาใช้รถขนส่งสาธารณะกันมาก
ขึ้น
หัวหินปัจจุบันเจริญรุดหน้าอย่างมาก เพราะฉะนั้นกรณีที่รถไฟและรถไฟฟ้ามาถึงหัวหินจะทำให้พื้นที่เมืองมีความหนาแน่นขึ้น ขณะนี้เรื่องผังเมืองยังไม่กำหนดออกมาเลย ยังรออยู่ คาดว่าจะเสร็จตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา แต่นี่ล่วงเข้าสู่ช่วงกลางปีนี้ก็ยังไม่เสร็จ ไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อไร ในส่วนเรื่องของสถานีไฮสปีดเทรนจะใช้ตรงพื้นที่บ่อฝ้าย คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการแล้วจะเป็นแลนด์มาร์กหนึ่งของหัวหิน
Back to top