RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311288
ทั่วไป:13270556
ทั้งหมด:13581844
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ลุยเดี่ยว สำรวจเส้นทางรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาด
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ลุยเดี่ยว สำรวจเส้นทางรถไฟสายมรณะ ช่องเขาขาด
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 6, 7, 8 ... 29, 30, 31  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สำรวจทางรถไฟและมุมมอง Unseen รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 23/08/2016 3:19 pm    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size
ถัดจากบอร์ด Speedo มาทางขวา ก็เป็นโมเดลจำลองโครงสร้างสะพานรถไฟที่สร้างด้วยไม้ซุงครับ นับเป็นส่วนที่สร้างความตื่นตาตื่นใจในวิศวกรรมก่อสร้างสะพานสูงๆ ในป่าโดยไม่ใช้เครื่องมือทันสมัย และไม่ใช้เหล็กกับคอนกรีตเลย

Click on the image for full size
เข้าไปดูใกล้ๆหน่อย โครงสร้างจำลองนี้เป็นสะพานสองชั้น ที่มีการต่อเสาจากคานข้างล่าง ที่ตั้งอยู่ได้โดยไม่ล้มคือไม้ซุงยาวๆ ที่วางทะแยงยันไว้จากคานข้างบน นับว่าหาได้ยากพอดูนะครับ

Click on the image for full size
เข้าไปใกล้อีกนิด เพืื่อให้เห็นวิธีการยึดโครงสร้างเข้าด้วยกันของโมเดล เขาใช้ลวดหรือตะปูตอกไว้นะครับ แหม..น่าจะมีหัวจักรรถไฟไอน้ำจำลองจอดอยู่ข้างบนสักหน่อย จะทำให้ดูสมจริงกว่านี้ขึ้นเยอะนะครับ Idea


Last edited by mirage_II on 27/09/2017 3:24 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 23/08/2016 4:01 pm    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size
ถัดจากโมเดลจำลองโครงสร้างสะพาน มาทางขวามือก็เป็นแผ่นบอร์ดข้อมูลชื่อ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเส้นทางรถไฟสายนี้ ตั้งแต่มีการสร้างภาพยนต์ชื่อ "The bridge on the River Kwai" ในปีพ.ศ.2500 พอจะมีเรื่องย่อให้ตามลิ้งค์นี้นะครับ
http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=504559
Click on the image for full size
ที่มาของภาพ :http://www.portaledifesa.it/forum/printthread.php?tid=1042&page=23
แต่ภาพยนต์เรื่องนี้สร้างได้คลาดเคลื่อนไปจากความจริงพอสมควร แม้จะเอาเค้าโครงเรื่องจากนวนิยายที่เขียนโดนทหารผ่านศึกชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ Pierre Boulle ที่ถูกจับเป็นเชลยไปทำงานสร้างสะพานแห่งนี้ก็ตาม (หนังสืือเล่มนี้ตีพิมพ์ไปตั้งแต่ปีพ.ศ.2495)

จะว่าไปแล้วไม่นานมานี้ก็มีการสร้างภาพยนต์เกี่ยวกับสะพานแห่งนี้อีกครั้ง ในชื่อว่า "The Railway Man" หรือชื่อภาษาไทยว่า "แค้นสะพานข้ามแม่น้ำแคว" ซึ่งเป็นเรื่องเล่าผ่านมุมมองของนายทหารอังกฤษชื่อว่า "เอริก โลแม็กซ์ (โคลิน เฟิร์ธ)" ที่เคยเป็นหนึ่งในเชลยศึกที่โดนจับตัว ส่งไปสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควแห่งนี้ แม้ว่าภายหลังเขาจะกลับมาอยู่อังกฤษ แต่บาดแผลทางจิตใจ ถึงความโหดเหี้ยมป่าเถื่อนของทหารญี่ปุ่นที่ทำกับเขาและเชลยศึก ถึงกลับไปค้นหานายทหารญี่ปุ่นที่เคยทรมานเขาจนเจอ (ซึ่งก็แก่ชราเหมือนเขานะครับ) เพื่อหาวิธีข้ามอดีตที่เจ็บปวดนะครับ มีภาพโปสเตอร์หนังดังนี้ครับ
Click on the image for full size
ที่มาของภาพ : http://movie.mthai.com/movie-profile/movie-fixture/134491.html
โม้กันไปยาวว..เลยครับ มาต่อกันถึงเนื้อหาสรุปในบอร์ดข้อมูลนี้ ซึ่งทำให้ผมเพิ่งทราบว่ามีอีกสะพานที่สร้างในช่วงสงคราม ในบริเวณใกล้ๆ กับสะพานที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วยครับ (ตรงพิพิธภัณฑ์สงครามโลกใกล้ๆ เชิงสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นแหละครับ) เพื่อใช้ขนส่งวัสดุก่อสร้างทาง ในระหว่างสร้างสะพานเหล็กที่เราเห็นกันในปัจจุบันนะครับ ส่วนหน้าตาก็น่าจะคล้ายกับในภาพยนต์เก่าเรื่อง The bridge on the River Kwai นะครับ สะพานไม้แห่งนี้เริ่มสร้างในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2485 รับน้ำหนักได้แค่รถดีเซลรางขนาดเบาเท่านั้น และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันก็ถูกน้ำพัดพังทะลายแต่ก็สร้างใหม่ให้แล้วเสร็จในเดือนเดียว ส่วนสะพานเหล็กนั้น ได้ออกแบบสร้างให้เป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมพาดบนเสาคอนกรีต 11 ช่วง ดังภาพข้างล่างนี้
Click on the image for full size
ที่มาของภาพ : http://hellfire-pass.commemoration.gov.au/thai/remembering-the-railway/bridge-on-the-river-kwai.php#
ซึ่งภายหลังได้โดนฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิด แล้วสร้างใหม่ในแบบเหลี่ยมมาผสมกับแบบโค้งที่อยู่ส่วนกลางสะพาน(ตรงนี้ผมเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันนะครับ)

สะพานเหล็กนี้ยาว 378 เมตร สร้างเสร็จในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2486 และเป็นที่น่าแปลกที่ มีคนเสียชีวิตในระหว่างการสร้างสะพานแห่งนี้เพียง 9 คน คงเป็นเพราะความระมัดระวังของนายช่างคุมงานชาวอังกฤษชื่อ ฟิลิปส์ ทูซี่


Last edited by mirage_II on 27/09/2017 3:29 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 23/08/2016 4:05 pm    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size
หันหลังมา เป็นแผ่นบอร์ดข้อมูลเกี่ยวกับ "การปูรางรถไฟ" ที่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างทางรถไฟ กระทำโดยเชลยศึกที่เป็นผู้เชีี่ยวชาญเฉพาะ แม้เป็นงานที่มีอันตรายน้อยกว่างานอื่นๆ แต่ก็ต้องมีความระมัดระวัง โดยเฉพาะในขั้นตอนการตอกหมุดยึดรางเข้ากับไม้หมอน อาจพลาดไปโดนรางจนเกิดเศษโลหะกระเด็นไปโดนคนได้ จากนั้นก็จบด้วยการนำเศษกรวดที่ขุดได้จากริมแม่น้ำ มาปูราดอีกที

Click on the image for full size
ส่วนล่างของบอร์ดนี้ ก็เป็นภาพการนำเหล็กรางรถไฟที่มากมาย ไปวางบนไม้หมอน หลายคนคงนึกสงสัยว่า ญี่ปุ่นเอาราง หรือเหล็กมาจากไหนมากมาย ที่สามารถเรียงกันได้ยาวถึง 414 กิโลเมตรเลย เพราะต้องมีโรงหล่อเหล็กที่สร้างได้รวดเร็ว ผมเองคิดว่าก็คงอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ ญี่ปุ่นคงไม่ขนย้ายเหล็กจากประเทศตัวเองข้ามน้ำข้ามทะเลมาเองนะครับ


Last edited by mirage_II on 01/10/2017 1:13 am; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 23/08/2016 4:29 pm    Post subject: Reply with quote

Click on the image for full size
หันไปทางซ้าย หรือผนังด้านซ้ายติดกับทางเข้าไปห้องฉายภาพยนต์กัน มีภาพวาดเกี่ยวกับการทำงานของเชลยศึกและโรมูซ่า ยามค่ำคืนอยู่ ดูน่ากลัวไม่เบา เพราะสภาพผ่ายผอม นุ่งผ้าเพียงกางเกงขาสั้นเล็กๆ ติดตัวอยู่เท่านั้น

Click on the image for full size
ภาพถัดไป เป็นการสร้างสะพานสูงในยามค่ำคืน ที่น่ากลัวไม่แพ้กัน เท่ากับว่าญี่ปุ่นสามารถสร้างสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ โดยได้ใช้ความกลัวในการบังคับให้คนทำงานที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเวลาจำกัด ในภาวะขาดแคลนสุดๆ คิดดูแล้วก็น่าจะคล้ายกับการสร้างปิรามิด หรือ กำแพงเมืองจีนในสมัยโบราณนะครับ ที่น่าจะใช้การบังคับมากกว่าสมัครใจในการสร้าง

อ้อ..ภาพวาดทั้งสองนี้ วาดโดยคุณ Murray Griffin ศิลปินชาวออสเตรเลีย
Click on the image for full size
ที่มาของภาพ :https://www.essex.ac.uk/bs/staff/profile.aspx?ID=1152

Click on the image for full size
ถัดจากภาพวาดไปก็ เข้าสู่ห้องฉายภาพยนต์ทันทีครับ เป็นหนังสั้นที่มีความยาวเพียง 7 นาที และเขาจะหยุดพักฉาย 3 นาที ก่อนจะเริ่มฉายใหม่วนไปเรื่อยๆ ครับ


Last edited by mirage_II on 01/10/2017 1:13 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42743
Location: NECTEC

PostPosted: 23/08/2016 6:16 pm    Post subject: Reply with quote

mirage_II wrote:
โอ้โฮ..คุณ Wisarut ผู้รู้จริงแห่งตำนานเงินเจดีย์นี้ ผมเลยกลับไปดู พบว่าเป็นเงินที่ผลิตโดยรัฐบาลญี่ปุ่น แต่ดันใช้หน่วย ดอลล่าร์ เหมือนสหรัฐอเมริกานี่ แสบจริงๆ แทนที่จะใช้หน่วยเงินเป็นเยน ของตัวเองครับ เดี๋ยวขอกลับไปแก้ไขข้อความของผมหน่อยครับ


ดอลลาร์สมัยนั้นหมายถึง สเตรดดอลลาร์ที่ ตวนอังกฤษใช้ในมลายูและสิงคโปร์หนะครับ ส่วนที่ชวาใช้กิลเดอร์สำหรับดัตช์อิสต์อินดิสที่ตวนชาวดัตช์พิมพ์ แต่ 1 สเตรดดอลลาร์ที่ญี่ปุ่นพิมพ์มีค่าเท่ากับ 1 เยน และ เยนที่ว่าเป็นเยนทหาร ส่วนเราได้เยนพิเศษมา เป็นทุนสำรอง เงินบาท เพื่อเร่งให้ไทยพิมพ์เงินบาทเพิ่มข้าไปอีก จาก เงิน 200 ล้านบาทตอนก่อนสงครามมาเป็นเงินร่วม 2000 ล้านบาทเมื่อสิ้นสงคราม เงินไม่เฟ้อให้มันรู้ไป และ เงินเยนพิเศษร่วม 2หมื่นล้านเยนนั้น แลกเป็นทองคำฝากที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้แค่ ร้อยละ 8 และ ต่อมาหลังสงคราม แลกได้เงินปอนด์สเตอริงในอัตราหลังสงครามคือ 1000 เยนแลกได้ 1 ปอนด์ เมื่อปี 2498 นอกนั้นเอามาสร้างโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เมื่อปี 2507 เรือตรวจการประมง และ อื่นๆ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42743
Location: NECTEC

PostPosted: 23/08/2016 6:26 pm    Post subject: Reply with quote

mirage_II wrote:
http://i790.photobucket.com/albums/yy188/chaiwatvlt/HellFirePass-ChongKoakad/P1290445.jpg
ถัดไปเป็นแผนที่ตำแหน่งแคมป์ หรือค่ายพักของคนงานในการก่อสร้างทางรถไฟทั้งหมด ซึ่งมีมากมาย (และมากกว่านี้ สำหรับแคมป์ที่อยู่ห่างจากแนวทางรถไฟออกไป) ผมได้ลองเปรียบเทียบตำแหน่งสถานที่ในปัจจุบันดู พบว่าเส้นทางรถไฟจาก สถานีบ้านโป่งมาถึง ช่องเขาขาดนี้ กลับดูสั้นแค่ 1 ใน 3 ของระยะทางทั้งหมด และยิ่งเส้นทางรถไฟที่เหลือในปัจจุบัน (สถานีน้ำตก) ก็ยิ่งสั้นเข้าไปอีก แทบไม่น่าเชื่อว่า ญี่ปุ่นช่างกล้าคิดสร้างทางรถไฟที่แสนยาวในป่าเขาสุดทุรกันดาร โดยใช้เวลาเพียงปีเศษ เท่านั้น (ถ้าเป็นการสร้างตามปกติ น่าจะหลายปีเลยนะครับ)


ก็เกิดกรณี อุบัติเหตุรถยนต์รางตกหน้าผาก่อนถึงสถานีแก่งคอยท่า (กองโกยท่า) กม. 262 + 580 จากหนองปลาดุก เพราะสะพานไม้โดยไฟไหม้เลือแต่รางแขวนไว้ เมื่อเวลา 11 น. 1 กุมภาพันธ์ 2490 ที่ทำให้ มล. กรี เดชาดิวงศ์ ถึงแก่อนิจกรรม ส่วนที่เหลือก็สาหัสไปตามๆกัน ทำให้ทางต้องหดสั้นลงไป

รางที่ถอนออกมาเอาไปสร้างทางสายคีรีรัฐนิคม และ ทางสายสุพรรณบุรี และ วางรางย่านบางซื่อหรือไม่ก็เอาไปตอกเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้ทางถาวร - ตอนที่ หลวงเสรีเริงฤทธิ์ให้ คนรถไฟไปสำรวจบอกว่า อย่างน้อย 5 ปี กว่าจะสร้างทางผ่านเด่านพระเจดีย์สามองค์ได้

ดูโผบัญชีจากหนองปลาดุกไป ตังเบียวซายา ได้ที่นี่ครับ
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1348&start=30
Back to top
View user's profile Send private message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 28/08/2016 12:28 am    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณ คุณWisarut ที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ ที่ผมสนใจคือ เส้นทางรถไฟเส้นนี้หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2488 ทราบจากเว็บไปด้วยกันดอทคอม ว่าทหารอังกฤษมารื้อถอนทางรถไฟทางฝั่งพม่าออกไป 30 กิโลเมตร(นับจากด่านเจดีย์สามองค์) และฝั่งไทยออกไป 6 กิโลเมตร (เทียบดูแล้วน่าจะเหลือแค่สถานีซองกาเลียเท่านั้น) ต่อจากนั้นไทยก็ซื้อเส้นทางที่เหลือในราคา 50 ล้านบาท แต่ไม่สามารถบำรุงรักษาไว้ได้ จนต้องมีการรื้อรางออกไปใช้บำรุงรักษาทางรถไฟสายอื่น และเหลือเพียงแค่สถานีน้ำตกเท่านั้นจนถึงปัจจุบัน ส่วนสาเหตุที่สิ้นสุดตรงนี้ ผมคิดว่า ก็น่ามาจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว และยังไม่ถึงบริเวณช่องเขาขาด ที่มีสะพานข้ามเหวมากมาย ซึ่งยากแก่การบำรุงรักษานะครับ

จากวิกิพีเดียบอกว่า ในปีพ.ศ.2555 พม่าเคยประกาศจะรื้อฟื้นเส้นทางรถไฟสายนี้กับไทย แต่ปัจจุบันยังคงเงียบๆ เห็นมีแค่พัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์แถวๆ ด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้นนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message
black_express
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ

PostPosted: 29/08/2016 10:10 am    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณคุณ mirage_II และคุณวิศรุตเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรื่องราวที่น่าสนใจนี้

ลูกแก เรียกอีกนัยหนึ่งว่า อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

ส่วนหน่วยบัญชาการทหารพัฒนานั้น เมื่อก่อนใช้ชื่อว่า หน่วยงาน กรป.กลาง ครับ

มีเพลง title ภาพยนต์เรื่อง "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" (Bridge over The River Khwai) ที่มีผู้ติดตามรับฟังมากใน Youtube

ผมขำกับคำวิจารณ์ของอดีตเชลยศึกชาวออสเตรเลียผู้หนึ่งบอกว่า "มันไม่ใช่แค่ผิวปากเดินแถวกลับค่ายหลังเลิกงานทุกเย็นอย่างในหนังว่ะ ไอ้หนูเอ๊ย... เรื่องจริงมันสาหัสกว่านั้นเยอะแยะหลายเท่า"
Back to top
View user's profile Send private message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 30/08/2016 5:40 pm    Post subject: Reply with quote

สวัสดีครับ พี่ตึ๋งที่แวะเข้ามาทักทายนะครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรป.กลางนี้ ผมจำได้แม่น เพราะเคยมีรายการทีวี และเพลงที่เอ่ยคำว่า กอ รอ ปอ กลาง โดยในรายการนั้นจะเป็นผลงานการพัฒนาถนนหนทาง ชลประทานให้แก่ชาวบ้านที่ห่างไกลความเจริญ แต่ไม่ยักรู้ว่าเป็นของทหาร และชื่อเต็มของ กรป.กลางคืออะไร เปิดกูเกิ้ลดูก็พบว่า "กองอำนวยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2505 สมัยจอมพลสฤษดิ์ เพื่อทำหน้าที่วางแผนอำนวยการ กำกับดูแล และประสานส่วนราชกาในการป้องกันและปราบปรามการดำเนินการก่อการร้ายภายในประเทศไทย และได้เปลี่ยนชื่อเป็น หน่วยทหารพัฒนา ในปีพ.ศ.2540

สำหรับเพลงไตเติ้ลภาพยนต์เรื่อง Bridge over The River Khwai นั้นดูมีแต่ดนตรีบรรเลงนะครับ แต่ที่ไพเราะและคุ้นหูกลับเป็นเพลงมาร์ชที่ผิวปาก ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ


ช่วงนี้งานเยอะเลยเว้นระยะนานหน่อย แถมกระทู้ก็ละเอียดด้วย คงเป็นเดือนกว่าจะจบนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message
mirage_II
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 05/01/2011
Posts: 2591

PostPosted: 30/08/2016 6:28 pm    Post subject: Reply with quote

มาต่อกันครับ เรามาอยู่ในห้องฉายภาพยนต์กันแล้วครับ
Click on the image for full size

ความจริงเป็นสไลด์ประกอบเสียงเพลง(คงมีคำบรรยาย แต่ช่วงที่ผมเข้าไปแว๊บเดียว ได้ยินแต่เสียงเพลง) พอดีได้อัดเป็นคลิ๊ปสั้นๆ มาด้วย



ตอนนั้นคิดว่า คงยาว เลยถ่ายมานิดเดียวเพราะต้องรีบออกไปเดินสำรวจที่ช่องเขาขาด เวลาตอนนั้นก็บ่ายสามโมงไปแล้ว

Click on the image for full size
ผมเลยเดินออกมาทั้งๆ ที่ภาพยนต์ยังฉายไม่จบ ทางประตูฝั่งขาออกแล้วหันกลับไปดูข้างในอีกที สังเกตุว่ามีบอร์ดข้อมูลอยู่ข้างประตูทางออกด้วย ชื่อ "The Line is Complete" หรือ "งานแล้วเสร็จ" น่าเสียดายที่ผมลืมถ่ายรายละเอียดมาด้วย (บอร์ดมันเยอะ ก็เอาไว้ไปดูกันเองที่พิพิธภัณฑ์ นะครับ)

แต่มีอีกบอร์ดหนึ่งอยู่ใกล้ๆ (ด้านหลังของบอร์ดที่เห็นคอกจัดแสดงเครื่องมือนะครับ) ได้ถ่ายไว้ เรื่อง "การทำงานบนทางรถไฟ"
Click on the image for full size
พอสรุปได้ว่า ลักษณะการทำงานที่ต้องตื่นแต่มืด เพื่อกินข้าว ขานชื่อ มอบเครื่องมือ และให้เดินไปยังจุดทำงาน งานที่หนักพอจะประเมินได้คือ การขนดินหรือหิน ปกติคนละไม่น้อยกว่า 0.6 ลบ.เมตรต่อวัน ค่อยๆ เพิ่มเป็น 1.5 ลบ.เมตรต่อวัน พอถึงช่วงเร่งด่วนเพิ่มอีกเท่าเป็น 3 ลบ.เมตรต่อวัน จึงจะกลับได้ บางครั้งใช้เวลานานถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน เชลยศึกและโรมูซ่าต้องเดินด้วยเท้าเองจากค่ายพักไปจุดทำงานทุกวัน มีการเฆี่ยนตีเป็นปกติ พวกเขามีเวลาพักแค่ทานมื้อเที่ยงเท่านั้น การเดินกลับค่ายจึงอ่อนล้ามาก แถมยังต้องกลับไปดูแลคนป่วยอีก พอกินมื้อเย็นเสร็จก็ฟุบลงนอนกันทันที ช่วงเร่งด่วนนี้มีระยะเวลานานถึง 3 เดือน ต้องทำงานกันแบบไม่มีวันหยุดพักเลย


Last edited by mirage_II on 01/10/2017 1:18 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สำรวจทางรถไฟและมุมมอง Unseen รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 6, 7, 8 ... 29, 30, 31  Next
Page 7 of 31

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©