RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311277
ทั่วไป:13258370
ทั้งหมด:13569647
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 141, 142, 143 ... 389, 390, 391  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44465
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/08/2016 12:34 pm    Post subject: Reply with quote

ขอบคุณพี่สมชายมากครับที่ติดตามนำภาพรถไฟทางคู่มาให้ชมกัน

วันนี้ (26 ส.ค. 59) ทราบว่าพี่สมชายป่วย เข้าโรงพยาบาล ขอให้หายป่วยเร็ว ๆ ออกสำรวจถ่ายภาพมาให้ชมกันเรื่อย ๆ นะครับ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 29/08/2016 2:48 pm    Post subject: Reply with quote

รมว.คมนาคม คาดเปิดประมูลรถไฟทางคู่ ประจวบ-ชุมพร 1.7 หมื่นลบ.ราวต้น ก.ย./ดันต่ออีก 4 เส้นทาง
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) --
จันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2559 12:42:45 น.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. มูลค่า 17,249.90 ล้านบาท ที่ครม.อนุมัติแล้วนั้นเตรียมเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจร่างเงื่อนไขประกวดราคา (TOR) จากนั้น คาดว่าจะสามารถออก TOR และเปิดประมูลได้ราวต้นเดือน ก.ย. นี้

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือนก.ย.นี้ ได้แก่
เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางจิระ ระยะทาง 132 กม. มูลค่าโครงการ 29,667.66 ล้านบาท
เส้นทางนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. มูลค่าโครงการ 20,145.03 ล้านบาท และ
เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม.มูลค่าโครงการ 24,940.96 ล้านบาท
ซึ่งทั้ง 3 เส้นทางได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว

อีกทั้ง เตรียมนำโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทาง หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กม. มูลค่า 10,301.95 ล้านบาท เสนอต่อ ครม.ในปี 60 เพื่อจะได้เชื่อมทางรถไฟทางคู่ให้มีระยะทางไกลขึ้น
http://mcot-web.mcot.net/9ent/view.php?id=57c3d83093816323e88b4831

คมนาคมคาดเปิดประมูลรถไฟทางคู่ประจวบฯ-ชุมพรได้ ก.ย.นี้
โดย MGR Online
29 สิงหาคม 2559 14:13 น. (แก้ไขล่าสุด 29 สิงหาคม 2559 14:18 น.)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เตรียมเสนอร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร มูลค่า กว่า 17,249 ล้านบาท ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ตรวจพิจารณา และคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ประมาณต้นเดือนกันยายนนี้

พร้อมกันนี้ จะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางต่อคณะรัฐมนตรีในเดือนกันยายนนี้ ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ จะเสนอคณะรัฐมนตรีได้ในปี 2560


Last edited by Wisarut on 29/08/2016 6:07 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 29/08/2016 6:06 pm    Post subject: Reply with quote

เกือบ 90% เห็นด้วยผ่านแบบสอบถาม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่-สงขลา

โดย MGR Online
29 สิงหาคม 2559 17:08 น.


การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงระยะสิ้นสุดโครงการ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียและหน่วยงานทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมเสนอแนะข้อคิดเห็น ร่วมสะท้อนข้อห่วงกังวลและผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการในภาพรวมของพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สรุปประเด็นความคิดเห็น ดังนี้


ผลจากการแสดงความคิดเห็นผ่านแบบสอบถาม มีผู้เห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการ 88.03% และไม่เห็นด้วย กับไม่แน่ใจ 4.27%, และ 7.69% ซึ่งอาจจะยังมีความกังวลใจในเรื่องของโครงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการหาที่อยู่อาศัยใหม่

ด้านวิศวกรรมและด้านเศรษฐศาสตร์
1.อยากทราบว่าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงทางหาดใหญ่-สงขลา จะเริ่มก่อสร้างเมื่อไหร่
ตามแผนจะดำเนินการในอีก 2-3 ปี แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบโครงการเสร็จสิ้น รวมถึงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะก่อสร้างรถไฟทางคู่ได้ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5-7 ปี

2.ในการออกแบบทางรถไฟทั้งที่ยกระดับและระดับดิน มีการกั้นรั้วตลอดแนวหรือไม่ แล้วผุ้ที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้าไปอยู่อาศัยใต้ทางยกระดับได้หรือไม่
ทางการรถไฟฯ จะกั้นรั้วตลอดแนวทางการเดินรถไฟ เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่สัญจรข้ามทางรถไฟ และสำหรับผู้ที่รับได้ผลกระทบทางกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา มีแนวคิดที่จะจัดหาพื้นที่ใหม่ให้อยู่ในเขตรถไฟที่ว่างอยู่ นอกเขตเดินรถหรือพื้นที่ใต้ทางยกระดับและทำการปรับพื้นที่ ออกแบบระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ที่จัดเตรียม และเสนอเรื่องไปทางฝ่ายบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯได้พิจารณา

3.แนวเขตการก่อสร้างทางรถไฟระยะ 5-10 เมตร สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้หรือไม่
พื้นที่ในเขตการก่อสร้างไม่สามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ สำหรับผู้ที่เช่าพื้นที่เขตทางรถไฟอย่างถูกต้อง จะได้รับค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้าง ค่ารื้อถอน คาขนย้าย และสามารถเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ทางการรถไฟฯได้จัดสรรไว้ให้ได้ โดยจะต้องมีรายชื่ออยู่ในการสำรวจ ผู้ที่อยู่อาศัยในเขตทางรถไฟในการศึกษาออกแบบครั้งนี้

4.ก่อนการดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟคู่ จะแจ้งให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทราบเมื่อใดประมาณ 6 เดือนก่อนดำเนินการก่อสร้างโครงการ แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบโครงการเสร็จสิ้น รวมถึงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน จึงจะก่อสร้างรถไฟทางคู่ได้ ซึงอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5-7 ปี

5.กรณีอยู่อาศัยในพื้นที่เขตรถไฟ และไม่มีสัญญาเช่าการรถไฟฯ จะได้รับการชดเชยหรือค่ารื้อถอนอย่างไร
กรณีที่มีการเช่าพื้นที่กับการรถไฟฯอย่างถูกต้อง จะได้รับค่าชดเชย ค่ารื้อถอน ค่าขนย้าย และค่าชดเชยค่าเสียโอกาสจากการเช่า แต่หากไม่มีการเช่ากับการรถไฟฯจะได้รับพียงค่ารื้อถอนและค่าขนย้าย อย่างไรก็ตามทางการรถไฟฯ มีแผนจัดหาและเตรียมพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยจัดหาและเตรียมพื้นที่เพื่อทำการโยกย้าย

ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสังคม
1.บริเวณวัดอุทัยธาราม โดยเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้มีการสร้างกำแพงในที่ของทางรถไฟฯ และได้สร้างศาลาสามัคคีธรรมเพื่อให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ โดยที่บริเวณนั้นติดกับเขตของทางรถไฟฯ หากมีการรื้อย้ายขอให้คงตัวศาลาไว้ ส่วนรั้วสามารถรื้อออกได้ แต่ขอให้ทางโครงการฯ ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกำแพงหรือไม่
บริเวณวัดอุทัยธาราม ทางกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาพยายามออกแบบเพื่อไม่ให้วัดได้รับผลผลกระทบ แต่หากได้รับผลกระทบและต้องมีการรื้อย้าย ทางโครงการฯจะจ่ายค่าชดเชยให้ทั้งหมด

ข้อสนับสนุนและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมด้านวิศวะกรรมและด้านเศรษฐศาสตร์
1.อยากเสนอแนะเพิ่มเติมจากการศึกษาพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โดยการเสนอให้มีการยกระดับสถานีชุมทางหาดใหญ่ เพื่อเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองหาดใหญ่ให้ดียิ่งขึ้น
รับไปพิจารณาเพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อจำกัดในส่วนของชุมทางหาดใหญ่ที่มีจำนวนรางเป็นจำนวนมาก และมีโรงซ่อมบำรุง สำหรับช่วงชุมทางหาดใหญ่ สงขลา ขบวนรถไฟมีขนาดที่สั้นกว่า เลยทำให้ platform ที่มีขนาดประมาณ 200 กว่าเมตรก็เพียงพอ ส่วนหาดใหญ่ต้อง platform ที่มีขนาดประมาณ 200 กว่าเมตร หากทำการก่อสร้างค่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจก็คงจะไม่ถึง 12% ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ทางสภาพัฒน์ฯ เป็นผู้กำหนด เนื่องจากหาดใหญ่เป็นชุมทาง จึงมีรางจำนวนมาก และมีโรงซ่อมบำรุง ถ้าจะทำการยกระดับก็ใช้งบลงทุนจำนวนมาก และชานชาลาของชุมทางหาดใหญ่ก็มีที่ความยาว เพื่อรองรับการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งแนวคิดการออกแบบของกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ก็จะทำการปรับปรุงอาคราหลังเดิม ให้มีห้องทำงานของเจ้าหน้าที่รถไฟ และออกแบบให้มี facility ต่างๆส่วนการออกแบบอาคราใหม่บริเวณด้านข้างอาคราเดิม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พื้นที่บ้านพักพนักงานก็ทำการรื้อย้าย และปรับให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่จะทำการพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด (พื้นที่สีแดงในแผนการออกแบบ)

2.เสนอให้เพิ่มป้ายหยุดรถไฟในบริเวณที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก อาทิ ตลาดพลาซ่า รพ.หาดใหญ่ สะพานดำ แยกโรงปูน ถ.อนุสรณ์อาจารย์ทอง ถ.กาญจนราเมศวร์ และ ม.ทักษิณ เป็นต้น เนื่องจากช่วงชุมทางหาดใหญ่-สงขลา มีเพียง 7 สถานี ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อผู้ใช้บริการ
รับไปพิจารณาเพิ่มเติม จากผลการศึกษาจำนวนผู้โดยสารระหว่างทางค่อนข้างน้อยมาก หากมีการออกแบบเพิ่มเติมก็อาจจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน

3.เสนอให้ก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สงขลาก่อน เนื่องจากบริเวณ ถ.หมายเลข 407 คลองแห มีการจราจรที่แออัดมาก เมื่อพิจารณาจากค่า B/C และ EIRR ร่วมกับค่า Congestion Loss & Economic Loss ไม่ทราบว่าทางโครงการได้นำเรื่องการเกิดอุบัติเหตุไปคำนวณด้วยหรือไม่
ในการคำนวณ EIRR ที่นำมาคำนวณจะเป็นแบบ standard แต่หากเพิ่ม accidental loss มีจำนวนมากก็สามารถคำนวณให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นได้

4.เสนอให้มีการย้ายโรงซ่อมบำรุง เพื่อให้สามารถรื้อย้ายรางที่มีจำนวนมากออก เพื่อทำการออกแบบเป็นสถานีให้ยกระดับ
รับไปพิจารณาและขอคำปรึกษากับทางวิศวกรด้านระบบราง เพื่อสามารถรื้อย้ายรางที่ไม่ได้ใช้งานออกได้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 30/08/2016 10:32 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
รมว.คมนาคม คาดเปิดประมูลรถไฟทางคู่ ประจวบ-ชุมพร 1.7 หมื่นลบ.ราวต้น ก.ย./ดันต่ออีก 4 เส้นทาง
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) --
จันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2559 12:42:45 น.

คมนาคมคาดเปิดประมูลรถไฟทางคู่ประจวบฯ-ชุมพรได้ ก.ย.นี้
โดย MGR Online
29 สิงหาคม 2559 14:13 น. (แก้ไขล่าสุด 29 สิงหาคม 2559 14:18 น.)


เตรียมเปิดประมูลรถไฟทางคู่ 'ประจวบฯ – ชุมพร'
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 30 สิงหาคม 2559, 08:45
"ร.ฟ.ท." เตรียมเปิดประมูลรถไฟทางคู่ "ประจวบฯ – ชุมพร" ต้นเดือน ก.ย.นี้ หวังเข็นเม็ดเงิน 1.7 หมื่นล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจอีกระลอก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ ว่าสัปดาห์นี้ ร.ฟ.ท.จะส่งมอบรายละเอียดร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการรถไฟทางคู่ช่วงประจวบฯ – ชุมพร (มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท) เสนอต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หลังโครงการดังกล่าวผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาแล้ว ซึ่งหากรายละเอียดร่างทีโออาร์ได้รับความเห็นชอบ ร.ฟ.ท.ก็จะสามารถดำเนินการในขั้นตอนของการประกวดราคาได้ภายในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้

ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ยังเตรียมเสนอโครงการรถไฟทางคู่ที่จัดอยู่ในแผนโครงการเร่งด่วนปี 2559 อีก 3 เส้นทางเข้า ครม.ภายในเดือน ก.ย.นี้ มูลค่ารวม 7.49 หมื่นล้านบาท ประกอบไปด้วย ช่วงมาบกะเบา – จิระ ( มูลค่า 2.98 หมื่นล้านบาท)อยู่ในช่วงเตรียมเสนอ ครม.ส่วนช่วงนครปฐม – หัวหิน (มูลค่า 2.03 หมื่นล้านบาท) และช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ (มูลค่า 2.48 หมื่นล้านบาท) จะทยอยเสนอให้ ครม.เห็นชอบอย่างต่อเนื่อง

ส่วนโครงการที่กระทรวงฯ จะเสนอเพิ่มเติมในปี 2560 คือรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน – ประจวบ (มูลค่า 1.03 หมื่นล้านบาท) รวมไปถึงแผนขยายทางคู่ออกไปยังชุมพร สุราษฎร์ธานี และต่อเชื่อมกับเส้นทางรถไฟของประเทศมาเลเซีย โดยไทยจะต้องยกระดับระบบรถไฟเป็นระบบไฟฟ้าเพื่อต่อเข้ากับระบบรถไฟของมาเลเซีย

นอกจากนี้ แผนพัฒนารถไฟไทย กระทรวงฯ ยังมอบนโยบายให้ ร.ฟ.ท.เร่งพัฒนาระบบรถไฟเป็นไฟฟ้านำร่องจัดใช้ในเส้นทางกรุงเทพฯ – นครปฐม กรุงเทพฯ – อยุธยา และกรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา เสนอไปยัง ครม.เห็นชอบในปี 2560 เพื่อเป็นการยกระดับบริการของรถไฟไทยนอกเหนือจากการพัฒนาระบบราง อย่างไรก็ดี ในส่วนของแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ความคืบหน้าการหารือกรอบความร่วมมือระหว่างไทย – จีน เบื้องต้นยังติดขัดในประเด็นของการออกแบบที่ฝ่ายจีนออกแบบเป็นโค้ดเฉพาะ ฝ่ายไทยจึงขอให้ทำการปรับแก้ หากดำเนินการแล้วเสร็จก็จะนำมาสู่การหารือประเมินราคาในช่วงก่อสร้างระยะแรก 3.5 กิโลเมตร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเปิดขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่ เที่ยวปฐมฤกษ์ ระหว่างกรุงเทพ - นครปฐม ว่า โครงการพัฒนารถไฟทางคู่หากเชื่อมโยงได้ครอบคุลมในประเทศก็จะช่วยภาคการขนส่งสินค้า และช่วยให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งต่อไปหากมีพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในระดับภูมิภาค เช่น มาเลเซีย หรือCLMVและสามารถเชื่อมไปประเทศกลุ่มยุโรป และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ก็จะช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าของประเทศได้ เพราะการขนส่งสินค้าทางรถไฟถือเป็นต้นทุนต่ำ ประกอบกับไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกถึง 70%

“ต่อไปนี้อยากให้กระทรวงคมนาคมวางแผนเชื่อมต่อระบบการเดินทางได้ทุกโหมดทั้ง บก ราง น้ำ และอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ส่วนค่าโดยสารรถไฟฟ้าต่อไปจะต้องดูด้วยว่าจะควรเป็นเท่าไร เพราะหากราคาค่าโดยสารต่ำจะไม่คุ้มค่า ส่งผลกระทบระยะยาว และอาจกลายเป็นภาระของประเทศได้ ส่วนอีกประเด็นของ ร.ฟ.ท.ก็ขอให้ไปดูแลเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อนำมาสร้างประโยชน์และผลักดันให้องค์กรสามารถอยู่ได้ในอนาคตด้วย”

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ร.ฟ.ท. จะนำขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่มาวิ่งเป็นขบวนรถด่วนพิเศษใน4เส้นทาง ประกอบด้วย กรุงเทพ–เชียงใหม่ กรุงเทพ - อุบลราชธานี กรุงเทพ - หนองคาย และกรุงเทพ - ชุมทางหาดใหญ่ ไป/กลับวันละ2ขบวนต่อวัน รวม8ขบวน ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 9 แสนคนต่อปี และคาดว่าจะส่งผลให้ ร.ฟ.ท.มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณปีละ 785.1 ล้านบาทต่อปี

รถโดยสารชุดใหม่นี้ภายในมีระบบการทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดติดตั้งระบบสัญญาณ Wi-Fi ติดตั้งจอแอลอีดี ปุ่มเรียกพนักงานฉุกเฉิน ห้องอาบน้ำ ห้องสุขาใหม่ให้มีระบบเก็บสิ่งปฏิกูล อีกทั้งยังสามารถวิ่งทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งหากใช้ทางคู่กับโครงการรถไฟทางคู่ที่แล้วเสร็จจะสามารถเดินทางสู่จุดหมายปลายทางได้เร็วขึ้น 3 ชั่วโมง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 31/08/2016 9:33 am    Post subject: Reply with quote

รถไฟรางคู่' กระทบคนจนเมืองขอนแก่น รัฐรื้อชุมชนริมราง-ชาวบ้านชี้ค่ารื้อถอนไม่เป็นธรรม
ขอนแก่นลิงค์
30 สิงหาคม 2559

วานนี้ (29 สิงหาคม 2559) เวลา 10.30 นาที นายสมชาย เอื้ออภิศักดิ์ ผู้ช่วยสารวัตร แขวงบำรุงทางสังกัดกองบังคับการตำรวจรถไฟ จ.ขอนแก่น พร้อมผู้ติดตาม ลงพื้นที่พบชาวบ้านกว่า 39 ครัวเรือน ในชุมชนริมทางรางรถไฟเทพารักษ์ 5 อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อพูดคุยและตกลงราคาค่ารื้อถอนที่พักอาศัยในชุมชนริมทางรางรถไฟเทพารักษ์ 5 เพื่อรองรับการขยายพื้นที่รางรถไฟ ภายใต้โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ชุมชนเทพารักษ์ 5 จ.ขอนแก่น ถือเป็นหนึ่งใน 13 ชุมชนริมทางรางรถไฟ จ.ขอนแก่น ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว จากข้อตกลงเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างรางรถไฟระบบรางคู่ การรถไฟฯ ผู้รับผิดชอบหลักได้ขอพื้นที่บริเวณริมรางโดยวัดจากกึ่งกลางรางเดิมด้านละ 20 เมตร เพิ่มเป็น 40 เมตร รวม 2 ข้างเป็น 80 เมตร ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณริมรางรถไฟ 20 เมตร ต้องขยับขยายออกห่างจากรางรถไฟเพิ่มอีก โดยถือว่าเป็นปัญหาใหม่และใหญ่สำหรับชุมชมริมรางทางรถไฟ จ.ขอนแก่น ซึ่งก่อตั้งบ้านเรือนและที่อยู่อาศัยในลักษณะที่มั่นคงมาเกือบ 20 ปีแล้ว นายสมชาย กล่าวถึงความเป็นมาของการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า การรถไฟได้พิจารณาหาราคาค่ารื้อถอน โดยใช้ราคาจากกรมบัญชีกลางในการประเมินเนื้อที่ของบ้านแต่ละหลังที่ได้รับผลกระทบ โดยการจ่ายจริงก็ได้พิจารณาตามความเดือดร้อนจริงและดูจากโครงสร้างของบ้านจริงที่จะถูกรื้อถอน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงพื้นที่พูดคุยชี้แจงและสำรวจประเมินค่าใช้จ่ายร่วมกับหัวหน้าชุมชนทุกแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “การดำเนินงานตอนนี้เกือบครบ 97% ยังเป็นปัญหาอยู่เพียง 2-3 % เท่านั้นเอง เราใช้ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มสำรวจพื้นที่จนถึงวันนี้ ประมาณ 3 เดือน ชุมชนเทพารักษ์ 5 เป็นพื้นที่รองสุดท้ายที่จะได้รับการรื้อถอน ซึ่งภายในเดือนนี้การวัดสำรวจพื้นที่และตกลงราคาค่ารื้อถอนน่าจะเสร็จสิ้น” นายสมชายกล่าว ด้านนายจิตติ เชิดชู ที่ปรึกษาเครือข่ายฟื้นฟูประชาสร้างสรรค์ จ.ขอนแก่น ในฐานะประธานชุมชนเทพารักษ์ 5 กล่าวว่า รัฐประเมินให้ค่าราคารื้อถอนที่อยู่อาศัยต่ำเกินไป เพราะบางคนสร้างและต่อเติมบ้านหมดไปประมาณเกือบหนึ่งแสนบาท แต่รัฐตีราคาค่ารื้อถอนให้ไม่ถึงสองหมื่นบาท อย่าลืมว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนเวลาจะไปสร้างบ้านใหม่ ชาวบ้านจะเอาเงินมาจากที่ไหนไปหาที่อยู่ใหม่ ตนเชื่อว่าชาวบ้านเข้าใจว่าคือโครงการของรัฐบาลและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่การมาประเมินราคาค่ารื้อถอนต่ำกว่าความจริงให้นั้น คิดว่าไม่เป็นธรรม นายสมชาย เอื้ออภิศักดิ์ กล่าวถึงทางเลือกของการย้ายเข้าไปอยู่หมู่บ้านที่ทางเทศบาลจะจัดให้ว่า “เบื้องต้นเมื่อตอนชาวบ้านมารับเงินค่ารื้อถอน ทางการรถไฟฯ จะมีแบบฟอร์มที่สอบถามว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านมั่นคงของเทศบาลจัดให้หรือไม่ ซึ่งบ้านมั่นคงจะเปิดรับผู้ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอนที่อยู่อาศัยเป็นอันดับแรกก่อน ส่วนผู้ที่ต้องการอาศัยอยู่ที่เดิม คือหมายถึงว่าที่อยู่อาศัยของผู้ได้รับผลกระทบบางคนถูกรื้อถอนออกบางส่วนนั้น รัฐจะได้ให้เงินช่วยเหลือในการสร้างและปรับปรุงที่อยู่อาศัยใหม่ การทำงานครั้งนี้มีหลายภาคส่วนที่ดูแล ไม่ว่าจะเป็น สหกรณ์ออมทรัพย์ จังหวัดขอนแก่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) พอช. ที่จะประสานหาสถานที่รองรับผู้ได้รับผลกระทบ และกรมธนารักษ์ของเทศบาลก็จะเป็นกำลังหลักในการช่วยหาสถานที่รองรับ แต่อย่างไรก็ตามต้องผ่าน พอช.” ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เครือข่ายคนจนเมืองในนาม เครือข่ายสลัม 4 ภาค ได้ประสบความสำเร็จในการผลักดันเรียกร้องให้การรถไฟฯ ทำการปฏิรูปที่ดินทิ้งร้างบริเวณริมทางรถไฟ เพื่อให้สามารถเป็นที่อยู่อาศัยของคนจนเมืองได้ โดยเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2543 คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย มีมติให้พื้นที่การรถไฟฯ ที่ปล่อยทิ้งร้างไม่ได้ทำประโยชน์ สามารถให้คนจนเช่าในราคาถูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัยได้ “เครือข่ายฟื้นฟูประชาสร้างสรรค์” จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นองค์กรชาวบ้านที่รวมผู้ได้รับผลกระทบในเรื่องที่อยู่อาศัยในเขตเมือง และเป็นหนึ่งในเครือข่ายสมาชิกของเครือข่ายสลัม 4 ภาคได้มีบทบาทในการเคลื่อนไหวผลักดันข้อเรียกร้องให้การรถไฟฯ ปฏิรูปที่ดินริมรางเพื่อให้คนจนเมือง ใน จ.ขอนแก่น เช่าสร้างเป็นที่อยู่อาศัยด้วย อย่างไรก็ตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2558 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการรถไฟรางคู่ จิระ-ขอนแก่น วงเงินก่อสร้างกว่า 26,000 ล้าน รวมระยะทางกว่า 187 กม. โดยอ้างผ่าน EIA เรียบร้อย และได้จัดพิธีเริ่มงานโครงการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา คาดเปิดใช้งานประมาณปี 2561 จุดประสงค์เพื่อรองรับการเดินทางของผู้คน ขนส่งสินค้า หวังกระตุ้นการลงทุนและเศรษฐกิจในภาคอีสานและภูมิภาคอาเซียน ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เดอะอีสานเรคคอร์ด....
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44465
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/09/2016 7:57 am    Post subject: Reply with quote

'นายกฯ'เร่งเดินหน้า “แผนปฏิรูปรถไฟ” ครบวงจร
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 02 กันยายน 2559, 21:04

“นายกรัฐมนตรี” ปลื้มรัฐบาลเร่งรัดซื้อขบวนรถไฟ ยันกำลังดำเนิน “แผนปฏิรูปรถไฟ” ครบวงจร ชี้หลายโครงการใหญ่ ต้องจัดซื้อ-จัดจ้างใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายกการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า วันจันทร์ที่ผ่านมาตนมีความยินดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีขบวนรถใหม่ จำนวน 39 คัน จาก 115 คัน ซึ่งจะได้รับครบทั้งหมด ภายใน ตุลาคม นี้ ซึ่งรฟท.ได้รายงานว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์100 กว่าปีของการรถไฟไทย ซึ่ง 60 ปีที่ผ่านมาไม่มีการสร้างเส้นทางเพิ่มเติม และ 40 ปีที่ผ่านมาไม่มีการลงทุนใหม่ๆ ไม่มีการซื้อขบวนรถใหม่ และไม่ได้รับบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดมา โดยพิจารณาจาก จำนวนผู้ใช้บริการ เพียง 5% ของการเดินทางภายในประเทศทั้งหมด และปริมาณการขนส่งสินค้า เพียง 2% ของการขนส่งสินค้าภายในประเทศทั้งหมด

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้ได้เข้ามาเร่งรัด ให้สามารถดำเนินการได้ โดยแก้ปัญหาข้อขัดข้องทั้งปวง ในทันที ให้สามารถลงนามในสัญญาซื้อ ในวงเงิน 4,600 กว่าล้านบาท ในปลายปี 2557 ถูกลงราว 300 ล้านบาท จากวงเงินที่ตั้งไว้เดิม แล้วเราก็จะได้รับรถขบวนใหม่ ทั้งหมด ภายใน ตุลาคม นี้ มีทั้งตู้โดยสาร หัวรถจักร และเมื่อเปิดให้บริการแล้วคาดว่า รถไฟไทย น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 1,250 ล้านบาท ต่อปี ก็จะเป็นการยกระดับภาพลักษณ์การบริการ ด้านความปลอดภัย ทันสมัย สะอาด และขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น สามารถอำนวยความสะดวกให้ทุกกลุ่มผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว คนพิการ ผู้สูงอายุ ก็จะกลับมาเป็นความหวังของประชาชนอีกครั้งหลาย

พล.อ.ประยุทธ กล่าวถึงแผนการปฏิรูปรถไฟ ที่รัฐบาลนี้กำลังดำเนินการอยู่ครบวงจรได้แก่ 1.โครงการพัฒนา ทางคู่ ในระยะ 5 ปี ของรัฐบาลนี้ ก็คือ การสร้างทางคู่ ระยะแรก ระยะเร่งด่วน จำนวน 6 เส้นทาง และ ระยะที่ 2 อีก 8 เส้นทาง รวมระยะทาง 2,500 กว่ากิโลเมตร ก็คือให้รถสวนได้ ปัจจุบันสัดส่วน ทางเดี่ยว มี 93% ทางคู่ มีเพียง 4% ซึ่งต้องแก้ปัญหาเรื่องรถไฟทางคู่ ความกว้าง 1 เมตร ของเดิมด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อโครงการรถไฟทางคู่เสร็จสมบูรณ์นะครับ จะมีสัดส่วนทางคู่เพิ่มเป็น 60%

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า 2. การแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟซึ่งมี 1,000 กว่าแห่ง ทั่วประเทศ ต้องทำสะพานข้าม อุโมงค์ทางลอด และการติดตั้งสัญญาณไฟ และ 3. โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง เพื่อจะเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยนะครับ เหนือ-ใต้-ออก-ตก จะเชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับเมืองเศรษฐกิจหลัก 4 ภาค ระยะแรกได้แก่ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ - ระยอง, กรุงเทพฯ - หัวหิน และกรุงเทพฯ - พิษณุโลก - เชียงใหม่ และสามารถจะ ต่อประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคต่างๆ ของโลก

พล.อ.ประยุทธ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ ที่จะต้องดำเนินการในลักษณะการจัดซื้อ-จัดจ้างใหม่ หรือทดแทนของเดิมให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. งบประมาณ ซึ่งตนได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่มเติม ให้ไปศึกษาวิธีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยให้มีคณะกรรมการ 3 ระดับ คือ 1.คณะกรรมการกำหนดความต้องการ 2. คณะกรรมการสรรหา 3. คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยข้อมูลจากคณะกรรมการ ทั้ง 3 ระดับนั้น จะมานำใช้ประกอบในการจัดทำ TOR เพื่อดำเนินการจัดซื้อ-จัดจ้าง ต่อไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส ไม่ซ้ำซ้อน เชื่อมโยง ตรงความต้องการ และมีการบริหารงบประมาณประเทศได้อย่างเป็นระบบ มีแบบแผน มียุทธศาสตร์สำหรับปัญหาการจราจรในกรุงเทพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปอีกว่า ทุกเรื่องวันนี้เราก็คิดในโครงสร้างใหญ่ด้วย เช่น 1. การเชื่อมโยงกรุงเทพฯ – ชานเมือง และหัวเมืองใหญ่ ทั้งนี้เราต้องการจะกระจายความเจริญ ความแออัดออกนอกเขตเมืองกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่โดยได้มีการเร่งรัดโครงการก่อสร้าง ด้านคมนาคม ทั้งทางด่วน ทางพิเศษ วงแหวน และรถไฟ แล้วก็ให้มีที่อยู่อาศัย ของประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย รายได้ปานกลาง รายได้น้อย รายได้มาก อะไรก็แล้วแต่กระจายไปอยู่ชานเมือง ทั้งภาคธุรกิจด้วยนะครับ ประชาชนสามารถเดินทางไปทำงานเช้า – กลับเย็นได้

พล.อ.ประยุทธ กล่าวว่า อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทาง รัฐบาลได้เร่งรัดดำเนินการในระยะแรกให้ได้ โดยพิจารณาเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ 2 ข้างทางในเชิงธุรกิจด้วย ต้องไปดูเรื่องกฎหมาย ต้องมีการปรับปรุง ทั้งนี้ก็เพื่อจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดิน หรือในพื้นที่ที่รถไฟผ่าน จะต้องไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องให้มีที่อยู่อาศัย มีตลาด มีชุมชนใหม่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่วเป็นศูนย์ซ่อม สร้างงาน สร้างรายได้ในท้องถิ่น เหล่านี้เป็นต้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2016 8:48 pm    Post subject: Reply with quote

'คมนาคม'ชงรถไฟทางคู่3เส้นทางเข้าครม. ก.ย.นี้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 06 กันยายน 2559, 18:15

"รมช.คมนาคม" เตรียมชงรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง รวม 7.49 หมื่นลบ. เข้าครม.ภายในเดือนนี้ พร้อมเปิดขายซองเส้นประจวบฯ-ชุมพร ต้นต.ค.นี้

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ที่จัดอยู่ในแผนโครงการเร่งด่วนปี 2559 จำนวน 3 เส้นทาง มูลค่ารวม 7.49 หมื่นล้านบาทให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือน ก.ย.นี้ ประกอบไปด้วย ช่วงมาบกะเบา – จิระ มูลค่า 2.98 หมื่นล้านบาท ช่วงนครปฐม – หัวหิน มูลค่า 2.03 หมื่นล้านบาท และช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ มูลค่า 2.48 หมื่นล้านบาท หลังโครงการดังกล่าวผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว

ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่ในเส้นทางประจวบฯ – ชุมพร มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม.มาแล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเปิดขายซองราคาได้ภายในเดือนนี้ หรืออย่างช้าต้นเดือน ต.ค. ที่จะถึง เนื่องจากสถานะปัจจุบันได้เปิดให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์) ผ่านเว็บไซต์ของ ร.ฟ.ท.แล้ว

ส่วนโครงการที่กระทรวงฯ จะเสนอเพิ่มเติมในปี 2560 คือรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน – ประจวบ (มูลค่า 1.03 หมื่นล้านบาท) รวมไปถึงแผนขยายทางคู่ออกไปยังชุมพร สุราษฎร์ธานี และต่อเชื่อมกับเส้นทางรถไฟของประเทศมาเลเซีย
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44465
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/09/2016 10:19 am    Post subject: Reply with quote

เล็งเชือดผู้ว่าฯรฟท.ล็อกสเปกรถไฟทางคู่เอื้อกลุ่มทุนใหญ่
โดย ผู้จัดการรายวัน 9 กันยายน 2559 00:08 น.

ผู้จัดการรายวัน360 - ปูดล็อคสเปกทีโออาร์ “รถไฟทางคู่” เขย่าเก้าอี้ "วุฒิชาติ” ผู้ว่าฯรฟท. เหตุทำนโยบายรัฐบาล-คสช.ติดหล่ม จนโรดแมปประมูล 5 เส้นทางหลุดเป้าหมายปี 2559 "สตง.-คตร." สั่งทบทวนแก้ล็อกสเปกปิดกั้นแข่งขันผิดระเบียบ กวพ. เหตุทำรัฐสูญงบเกินจริง 20-30% ชี้พฤติกรรมเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ หาช่องมาตรการพิเศษเล่นงานผู้ว่าฯรฟท.

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี (2560-2564) โดยอยู่ระหว่างเร่งรัดโครงการตามแผนปฏิบัติการระยะที่ 2 (Action Plan) และเตรียมทำแผนระยะที่ 3 ซึ่งจะมีการลงทุนระบบรางของประเทศครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีแผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปฎิรูปองค์กรให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาบริการ เพื่อเพิ่มรายได้จากการโดยสารและสินค้า การพัฒนาที่ดิน เพื่อเปลี่ยนการขนส่งจากถนนมาสู่ระบบราง โดยแผนงานสำคัญคือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง โดยนโยบายกำหนดให้ลงนามสัญญาก่อสร้างภายในปี 2559 ซึ่งขณะนี้มีการลงนามสัญญาไปแล้ว 2 เส้นทาง คือ ทางคู่ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอยระยะทาง 106 กม.วงเงินประมาณ 10,232 ล้านบาท และช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม.วงเงินประมาณ 23,802 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5 เส้นทางอยู่ในกระบวนการอนุมัติ

** คตร.หมายหัวผู้ว่าฯรฟท.

แหล่งข่าว กล่าวว่า ทางคู่ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,249.90 ล้านบาทนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.59 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดประกวดราคาได้ ซึ่งโครงการถูกร้องเรียนเรื่องการล็อกสเปกอย่างหนัก โดยมีหนังสือจาก สหภาพแรงงาน รฟท. ส่งถึง พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.59 ขอให้ตรวจสอบการทำงานของ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ รฟท.กับพวก ฐานเอื้อประโยชน์ เลือกปฎิบัติ เจตนาคัดออกในสาระสำคัญของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร (กวพ) 1305/ว2457 ว่าด้วยแนวทางปฎิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้า ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ทั้งที่ประกวดราคาไปแล้ว 2 เส้นทางและที่กำลังจะเปิดประกวดราคา ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.59 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือลงนามโดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ถึงผู้ว่าฯรฟท. ขอให้ทบทวนการดำเนินการ ที่มีการกำหนดเงื่อนไข ทีโออาร์ โดยไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และยังเป็นการปฎิบัติหรือละเว้นการ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ กรณีที่ไม่ได้ปฎิบัติตามแนวทางในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้า หากละเลยหรือเพิกเฉยไม่พิจารณา สตง.จำเป็นต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

** ลักไก่ประกาศทีโออาร์-ทำประชาพิจารณ์

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ คตร.ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าฯรฟท.ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ โปร่งใสและเป็นธรรมตามขั้นตอนการประกวดราคาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค.59 มีการนำ ทีโออาร์ เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบเนื่องจากยังไม่ถูกต้องตามระเบียบ กวพ.ในเรื่องคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้า และให้แก้ไขให้ถูกต้อง แต่กลับมีการออกประกาศ ทีโออาร์ เพื่อทำประชาพิจารณ์ระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค.59 โดยยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ กวพ. โดยมีการกีดกันไม่ให้กิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่เข้าร่วมในการประกวดราคา ทำให้มีเฉพาะบริษัทรับจ้างรายใหญ่ ภายในประเทศเพียงไม่กี่รายที่เข้าร่วมประกวดราคาได้ ซึ่งจะส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสูงเกินจริง

แหล่งข่าว กล่าวว่า ความพยายามหาทางล็อคสเปกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมารายใหญ่ ไม่กี่บริษัทในประเทศ ขณะที่หากเปิดกว้างทีโออาร์ตามกฎหมายจะทำให้มีบริษัทต่างชาติที่เป็นผู้ผลิ ตรางรถไฟเองให้สามารถเข้าแข่งขันประมูลได้ คาดว่าน่าจะการประมูลจะต่ำกว่าราคากลางที่ตั้งไว้กว่า 20-30% ซึ่งส่วนต่างผลประโยชน์มหาศาล ที่จะเกิดขึ้นหากใช้ทีโออาร์ที่ปิดกั้น ประมูลรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง วงเงินงบประมาณรวมกว่า1.2แสนล้านบาท คิดเป็นเม็ดงบประมาณที่จะสูญเสียเกินจริงกว่า 36,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ตามแผนงาน ในปี 2560 จะมีการประมูลรถไฟทางคู่อีก 7-8 เส้นทาง วงเงินไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท รวมถึงโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (Missing Link) สีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หั วหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กม.วงเงิน 44,157.76 ล้านบาท ที่ ครม.ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค.คาดว่า จะใช้ทีโออาร์ของรถไฟทางคู่เป็นต้นแบบในการประมูลก่อสร้าง ประเมินมูลค่าที่รัฐต้องสูญเสียงบประมาณเป็นเงินมหาศาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีพิจารณาทีโออาร์ โครงการที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท ก่อน ซึ่งยังไม่อนุมัติทีโออาร์ รถไฟทางคู่ ออกมา

** ผู้ว่าฯรฟท.ส่อเก้าอี้หลุด

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะนี้ คตร.ได้รวบรวมปัญหา ข้อท้วงติงต่างๆ แล้ว โดยพบว่า การดำเนินโครงการถไฟทางคู่ มีลักษณะไม่เป็นไปตามระเบียบของกวพ.ตั้งแต่ 2 เส้นทางแรก ที่มีการลงนามสัญญาผู้รับเหมาไปแล้ว และมีความพยายามต่อเนื่องกับ 5 เส้นทาง ซึ่งจะสร้างความเสียหายด้นงบประมาณ อีกทั้งการไม่เร่งรีบดำเนินโครงการ ส่งผลให้ต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเร่งก่อสร้งรถไฟทางคู่ ให้เกิดการเชื่อมโยงต่อเนื่องเกิดประโยชน์ต่อการเดินทางขนส่งสินค้าอย่างแท้จริง ซึ่งหากทีโออาร์ยังกีดกัน ไม่ให้แข่งขันที่เป็นธรรม จะเปิดประมูลไม่ได้ ส่งผลให้โครงการล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน ที่ยกเลิกประมูลไปถึง 4 ครั้ง ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะส่งผลให้ปี 2560 รถไฟจะประสบปัญหาวิกฤติ ขาดแคลนหัวรถจักร อย่างไรก็ตาม คาดว่าได้ มีการเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาแก้ปัญหาด่วน ทั้งเรื่องทีโออาร์รถไฟทางคู่ เพราะหากเร่งรัดประมูลในเดือน ก.ย.นี้ ได้ อย่างเร็วที่สุดจะได้ตัวผู้รับจ้างประมาณปลายเดือนม.ค.60 ซึ่งเกินกรอบเวลาที่รัฐบาลตั้งไว้ พร้อมทั้งมีข้อเสนอให้บอร์ด รฟท.ชุดใหม่ รับทราบแนวทางปฎิบัติ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีด้วย

"ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจน ว่า และอาจจะมีมาตรการพิเศษ หรืออาศัยกระบวนการตามระเบียบการสรรหา ที่ส่งผลต่อเก้าอี้ผู้ว่าฯรฟท. เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนมาก เพราะก่อนหน้านี้ เคยออกอาการเก้าอี้หลุดมาแล้ว แต่มีบิ๊กใหญ่ในรัฐบาลหนุนอยู่ จึงทำให้การประเมินผลงานผ่านฉลุย" แหล่งข่าว ระบุ.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44465
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/09/2016 4:10 pm    Post subject: Reply with quote

ปมล็อกสเปกรถไฟทางคู่เขย่าเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.” เหตุทำนโยบายสะดุดรัฐสูญงบเกินจริง
โดย MGR Online 9 กันยายน 2559 06:30 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กันยายน 2559 07:28 น.)

ล็อกสเปกทีโออาร์รถไฟทางคู่เขย่าเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.” เหตุทำนโยบายรัฐบาล และ คสช.ติดหล่ม หลุดเป้า ยื้อทีโออาร์ประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางจนงานหลุดโค้งเป้าหมายปี 2559 “สตง.-คตร.” สั่งทบทวนทีโออาร์ แก้ปัญหาล็อกสเปกปิดกั้นแข่งขัน เหตุผิดระเบียบ กวพ. และส่อทำรัฐสูญงบเกินจริง 20-30%

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี (2560-2564) โดยอยู่ระหว่างเร่งรัดโครงการตามแผนปฏิบัติการระยะที่ 2 (Action Plan) และเตรียมทำแผนระยะที่ 3 ซึ่งจะมีการลงทุนระบบรางของประเทศครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีแผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปฏิรูปองค์กรให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาบริการ เพื่อเพิ่มรายได้จากการโดยสารและสินค้า การพัฒนาที่ดิน เพื่อเปลี่ยนการขนส่งจากถนนมาสู่ราง

โดยแผนงานสำคัญคือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง โดยนโยบายกำหนดให้ลงนามสัญญาก่อสร้างภายในปี 2559 ซึ่งขณะนี้มีการลงนามสัญญาไปแล้ว 2 เส้นทาง คือ ทางคู่ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงินประมาณ 10,232 ล้านบาท และช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงินประมาณ 23,802 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5 เส้นทางอยู่ในกระบวนการอนุมัติ

ทั้งนี้ ทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,249.90 ล้านบาทนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2559 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดประกวดราคาได้ ซึ่งโครงการถูกร้องเรียนเรื่องการล็อกสเปกอย่างหนัก โดยมีหนังสือจากสหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทยส่งถึง พลเอก ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2559 ขอให้ตรวจสอบการทุจริตของนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กับพวกในฐานความผิดเอื้อประโยชน์ เลือกปฏิบัติ เจตนาคัดออกในสาระสำคัญของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร (กวพ) 1305/ว2457 ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้าในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ทั้งที่ประกวดราคาไปแล้ว 2 เส้นทาง และที่กำลังจะเปิดประกวดราคา

และต่อมาวันที่ 28 ก.ค. 2559 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้มีหนังสือลงนามโดยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ถึงผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. โดยขอให้ทบทวนการดำเนินการที่มีการกำหนดเงื่อนไขทีโออาร์โดยไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และยังเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ กรณีที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้า หากละเลยหรือเพิกเฉยไม่พิจารณา สตง.จำเป็นต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ คตร.ได้รวบรวมปัญหา ข้อท้วงติงต่างๆ แล้ว โดยพบว่าการดำเนินโครงการถไฟทางคู่มีลักษณะไม่เป็นไปตามระเบียบของ กวพ.ตั้งแต่ 2 เส้นทางแรกที่มีการลงนามสัญญาผู้รับเหมาไปแล้ว และมีความพยายามต่อเนื่องกับ 5 เส้นทาง ซึ่งจะสร้างความเสียหายด้านงบประมาณ อีกทั้งการไม่เร่งรีบดำเนินโครงการส่งผลต่อนโยบายของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ที่ต้องการเร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่ให้เกิดการเชื่อมโยงต่อเนื่องเกิดประโยชน์ต่อการเดินทางขนส่งสินค้าอย่างแท้จริง ซึ่งหากทีโออาร์ยังกีดกันไม่ให้แข่งขันที่เป็นธรรมจะเปิดประมูลไม่ได้ ส่งผลให้โครงการล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คันที่ยกเลิกประมูลไปถึง 4 ครั้ง ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะส่งผลให้ปี 2560 รถไฟจะประสบปัญหาวิกฤตขาดแคลนหัวรถจักร

อย่างไรก็ตาม คาดว่าได้มีการเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาแก้ปัญหาด่วน ทั้งเรื่องทีโออาร์รถไฟทางคู่ เพราะหากเร่งรัดประมูลในเดือน ก.ย.นี้ได้ อย่างเร็วที่สุดจะได้ตัวผู้รับจ้างประมาณปลายเดือน ม.ค. 2560 ซึ่งเกินกรอบเวลาที่รัฐบาลตั้งไว้ พร้อมทั้งมีข้อเสนอให้บอร์ด ร.ฟ.ท.ชุดใหม่รับทราบแนวทางปฏิบัติตามนโยบายนายกรัฐมนตรีด้วย

“ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจน และอาจจะมีมาตรการพิเศษ หรืออาศัยกระบวนการตามระเบียบการสรรหาที่ส่งผลต่อเก้าอี้ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนมาก” เพราะก่อนหน้านี้เคยจะตกเก้าอี้มาแล้ว แต่เพราะมีบิ๊กใหญ่ในรัฐบาลหนุนอยู่จึงทำให้ผ่านการประเมินการทำงานฉลุย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 13/09/2016 10:25 am    Post subject: Reply with quote

เร่งเปิดรถไฟทางคู่เชื่อมอีสาน ต.ค. 60 ช่วง “จิระ-เมืองคง” นำร่อง 55 กม.
โดย MGR Online
13 กันยายน 2559 09:11 น. (แก้ไขล่าสุด 13 กันยายน 2559 09:23 น.)


รัฐบาลสั่งเร่งแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 สาย ร.ฟ.ท.เจรจาผู้รับจ้างทยอยเปิดเดินรถก่อนตั้งแต่ ต.ค. 60 “ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น” ทยอยเปิดเดินรถก่อนช่วง 55 กม. และ “คลองสิบเก้า-แก่งคอย” เปิดก่อน 43 กม. จากเดิมที่รอก่อสร้างเสร็จตลอดสายปี 62

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 2 โครงการ คือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. และช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. ซึ่งตามแผนงานการก่อสร้างกำหนดแล้วเสร็จในเดือน ก.พ. 2562 นั้น ทางรัฐบาลได้มีนโยบายให้เร่งรัดการดำเนินงานและปรับแผน โดยให้เริ่มทยอยเปิดเดินรถภายในเดือน ต.ค. 2560 โดยตั้งเป้าหมายทยอยเปิดให้ได้ระยะทาง 1 ใน 3 ของแต่ละเส้นทาง

ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้มีการหารือกับผู้รับจ้างแล้วเพื่อเร่งรัดการก่อสร้างให้สามารถเปิดเดินรถได้ในช่วงที่ก่อสร้างเสร็จก่อน โดยช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ซึ่งมีกิจการร่วมค้า ซีเคซีเอช ที่มีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ มูลค่าสัญญา 2.34 หมื่นล้านบาท ในการก่อสร้างจะเริ่มจากชุมทางจิระ-สถานีเมืองคง สามารถเปิดเดินรถเป็นระบบทางคู่ได้ก่อนภายในเดือน ต.ค. 2560 ระยะทาง 55 กม. โดยปัจจุบันการก่อสร้างมีความก้าวหน้า 6% ล่าช้ากว่าแผนประมาณ 1% เนื่องจากช่วงแรกจะเป็นการเข้าพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงที่เป็นที่ตั้งสถานีจะมีการก่อสร้างสถานีใหม่ โดยมีการรื้อสถานีเดิมและก่อสร้างสถานีชั่วคราวแทนระหว่างการก่อสร้างสถานีใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งจะมีการรื้อย้ายผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ด้วย เช่น สถานีขอนแก่น เป็นต้น

ส่วนรถไฟทางคู่ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. แบ่งเป็น 2 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง 3 แห่ง มี บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นเป็นผู้รับจ้าง จะเริ่มก่อสร้างด้านฉะเชิงเทรา เป็นระยะทาง 24 กม. และจากด้านแก่งคอย ระยะทาง 19 กม. รวมระยะทาง 43 กม. ที่จะสามารถเปิดเดินรถเป็นระบบทางคู่ได้ภายในเดือน ต.ค. 2560

ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ มีบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 141, 142, 143 ... 389, 390, 391  Next
Page 142 of 391

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©