Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181666
ทั้งหมด:13492904
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 135, 136, 137 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44335
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/04/2017 5:24 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.ลั่นตั้งบริษัทดูแลที่ดิน ช่วยฟื้นฟู-ล้างหนี้แสนล. ฝันรายได้ทะลุ6หมื่นล้าน
ไทยโพสต์ Monday, April 24, 2017 - 00:00

รฟท.เดินหน้าตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สิน หวังช่วยฟื้นฟูกิจการและล้างหนี้ มั่นใจเริ่มดำเนินการได้ปี 61 ฝัน 6 ปีสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท เผยเร่งออกทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทางคาดภายในเดือน ส.ค.นี้ได้ตัวผู้รับเหมา

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ รฟท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อศึกษาแนวทางการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ตามแนวนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการให้องค์กรฟื้นฟูกิจการและสร้างรายได้เพิ่ม โดยการศึกษาจะเน้นไปที่การพัฒนาที่ดินของ รฟท.เพื่อหารายได้เชิงพาณิชย์โดยเฉพาะพื้นที่ศักยภาพ 11 แปลงใหญ่รอบกรุงเทพมหานคร อาทิพื้นที่ กม.11 สถานีแม่น้ำและสถานีกลางบางซื่อ

ทั้งนี้คาดว่า จะสรุปและรายละเอียดการจัดตั้งบริษัทลูกให้กระทรวงคมนาคมได้ไม่เกินกลางเดือน พ.ค.นี้ ด้วยทุนจดทะเบียนตั้งบริษัทเริ่มต้นที่ 200 ล้านบาท โดย รฟท.ถือหุ้น 100%

สำหรับการจัดตั้งบริษัทนั้น จะเน้นให้บริษัทลูกต้องบริหารสัญญาทั้งหมดของ รฟท.และหาผู้ร่วมทุนในการพัฒนาพื้นที่แปลงใหญ่ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาราว 9 เดือน ก่อนจะเริ่มเดินหน้าตั้งบริษัทได้ในปี 2561 รวมถึงศึกษาโครงสร้างบริษัท ทิศทางการบริหารและจำนวนบุคลากร โดยตั้งเป้าในช่วง 6 ปีแรกหลังจากการจัดตั้งบริษัท หรือปี 2567 รฟท.จะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท ทำให้สามารถนำรายได้ดังกล่าวไปใช้หนี้ของ รฟท.ที่มีอยู่ถึง 1.07 แสนล้านบาท เพื่อลดภาระด้านดอกเบี้ยที่มีอยู่ในปัจจุบัน

“ที่ผ่านมานายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมได้มีข้อเสนอแนะ มายัง รฟท.ว่าการตั้งบริษัทนั้น ต้องมีคุณภาพงานดีเท่าเอกชน และให้ความสำคัญกับด้านอัตราค่าจ้างบุคลากรที่เทียบเท่ากับบริษัทเอกชน รวมทั้งสัดส่วนของคณะกรรมการคนนอกจะต้องเท่ากับสัดส่วนคนในราชการเพื่อคานอำนาจบริหารของบริษัท และที่สำคัญบริษัทบัญชีอิสระสามารถเข้ามาร่วมตรวจสอบความโปร่งใส” นายอานนท์กล่าว

นายอานนท์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้ออกร่างหนังสือสัญญา หรือทีโออาร์และเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ไปแล้ว คาดว่าจะเปิดขายเอกสารประกวดราคาได้ปลายเดือน เม.ย.นี้ และภายในต้นเดือน ก.ค.60 จะได้ตัวผู้รับเหมาก่อสร้าง

"หลังจากเปิดประมูลโครงการทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์แล้ว จะทยอยนำโครงการอีกเส้นทางที่เหลือเข้าสู่ขั้นตอนประกวดราคาเป็นรอบไป ตามนโยบายของซูเปอร์บอร์ดที่ให้การประกวดราคาทำไม่พร้อมกันเพื่อเปิดช่องให้เอกชนแข่งขันกันได้มากขึ้น คาดว่าจะได้ตัวเอกชนครบทั้ง 5 เส้นทาง "นายอานนท์กล่าว.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 23/05/2017 10:43 am    Post subject: Reply with quote

ขยายหน้าดอนเมืองวุ่นรถไฟไม่ให้ที่ กรมทางหลวงต้องแก้แบบ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
23 พฤษภาคม 2560 06:15

ทล.ปรับแบบถนนวิภาวดีแก้คอขวด เหตุรถไฟฯ ไม่ให้พื้นที่ด้านหน้าดอนเมือง
โดย MGR Online

23 พฤษภาคม 2560 06:42 น. (แก้ไขล่าสุด 23 พฤษภาคม 2560 08:14 น.)

กรมทางหลวงปรับแบบขยายถนนวิภาวดีหน้าดอนเมืองได้แค่ 3 เลน เหตุ ร.ฟ.ท.ไม่ให้ใช้พื้นที่วางตอม่อของสะพานทางเข้าสนามบิน ยอมรับแก้คอขวดไม่ 100% คาดเริ่มก่อสร้าง มิ.ย.นี้ 


นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการขยายถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) และสะพานทางเข้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมืองไม่ให้กีดขวางช่องทางหลักว่า ล่าสุดได้หารือร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) กรณีการใช้พื้นที่เขตทางรถไฟสำหรับก่อสร้างเสาตอม่อสะพานทางเข้าอาคารผู้โดยสารสนามบินดอนเมือง สรุปว่าจะไม่สามารถใช้พื้นที่เขตทาง ร.ฟ.ท.ได้เนื่องจาก ติดโครงสร้างของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ และรถไฟสายสีแดง

ดังนั้นจึงต้องมีการปรับแบบใหม่ ในส่วนของตอม่อทางเข้าสนามบินจะต้องขยับให้วางอยู่ในพื้นที่กรมทางหลวงเพราะไม่สามารถใช้พื้นที่ของการรถไฟฯไ ด้ ส่วนแผนการแก้ปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณสะพานทางเข้าอาคารผู้โดยสารสนามบินดอนเมือง เดิมที่จะขยายช่องจราจรหลักให้สามารถตรงได้ 4 ช่องจราจร จะเหลือแค่ 3 ช่องจราจร ซึ่งถือว่าเพิ่มจากปัจจุบันที่มี 2 ช่องจราจร

ทั้งนี้ ยอมรับว่าอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาคอขวดได้ทั้งหมด แต่เป็นการก่อสร้างภายในพื้นที่เขตทาง ซึ่งจะไม่มีปัญหาและไม่ต้องรอแบบรถไฟสายสีแดง และแอร์พอร์ตลิงก์ อีกทั้งหากเลยไปบริเวณสะพานทางเข้าสนามบินข้างหน้า ตรงฐานทัพอากาศดอนเมือง ถนนมี 3 ช่องจราจรอยู่แล้ว โดยกรมทางหลวงใช้เวลาปรับแบบ 1 เดือน คาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ปลายเดือน มิ.ย.นี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 6 เดือน วงเงินงบประมาณที่ 150 ล้านบาทเท่าเดิม 


สำหรับแผนจัดการจราจรระหว่างรื้อสะพานทางเข้าสนามบินนั้น จำเป็นต้องปิดการจราจรห้ามใช้เพื่อความปลอดภัย โดยสามารถใช้สะพานเข้าสนามบินที่หน้าคลังสินค้าและสะพานกลับรถหน้าฐานทัพอากาศแทนได้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 04/06/2017 11:43 am    Post subject: Reply with quote

คมนาคมเตรียมย้าย 'บขส.' กลับหมอชิตเก่า
กรุงเทพธุุรกิจ
02 มิถุนายน 2560

"รมช.คมนาคม" เผยเตรียมย้าย "บขส." กลับหมอชิตเก่า พร้อมคืนพื้นที่สถานีกลางบางซื่อให้รฟท.พัฒนาเชิงพาณิชย์ปลายปีนี้

นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบูรณาการแผนการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ มีมติเห็นชอบให้ย้ายบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ภายในสถานีขนส่งหมอชิต 2 กลับไปอยู่ในพื้นที่หมอชิตเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์บำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อคืนพื้นที่ทั้งหมดภายในสถานีกลางบางซื่อ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย นำไปพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามผลการศึกษาที่จะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ต่อไป

สำหรับพื้นที่บริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกรมธนารักษ์ที่ให้สัมปทานบริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัดหรือบีเคที เป็นผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และส่วนหนึ่งประมาณ 1.1แสนตารางวา ได้สงวนไว้ให้กรมการขนส่งทางบก ซึ่ง บขส.จะย้ายเข้าไปอยู่ในส่วนของ กรมขนส่ง ตั้งเป้าดำเนินการย้ายได้ประมาณปี 2566

ทั้งนี้เมื่อย้าย บขส. ออกจากพื้นที่สถานีกลางบางซื่อทั้งหมดแล้ว รฟท .จะเร่งเดินหน้าเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีกลางบางซื่อ เริ่มจากแปลง A ซึ่งจะพัฒนาเป็นสมาร์ท บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ มีพื้นที่ 35 ไร่ ระยะสัมปทาน 30 ปี วงเงินลงทุน 11,573 ล้านบาท คาดว่าปลายปีนี้ทาง รฟท.จะประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจได้ จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีจึงจะแล้วเสร็จ

สำหรับแผนการพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีกลางบางซื่อของ รฟท. แบ่งเป็น แปลง A พื้นที่ 35 ไร่ แปลง B พื้นที่ 78 ไร่ แปลง C พื้นที่ 105 ไร่ และแปลง D พื้นที่ 87.5 ไร่
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 04/06/2017 5:36 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดชิงสถานีบางซื่อ ประมูลปลายปีนี้
โพสต์ทูเดย์
03 มิถุนายน 2560 เวลา 09:04 น.
เปิดชิงสถานีบางซื่อ ประมูลปลายปีนี้
03 มิถุนายน 2560 เวลา 09:04 น. | เปิดอ่าน
คมนาคม เตรียมเปิดประมูลที่สถานีกลางบางซื่อ ประเดิมย่านธุรกิจ 35 ไร่ มูลค่าหมื่นล้าน ภายในปลายปีนี้

นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด) รฟท.ได้มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ พื้นที่แปลง A จำนวน 35 ไร่ วงเงินลงทุน 11,573 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาพื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อ รวม 4 แปลง (A-D) ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเรื่องกลับมาที่กระทรวงคมนาคม คาดว่าจะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และกรมธนารักษ์ รับทราบภายใน 2 สัปดาห์

หลังจากนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการพีพีพี คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ก่อนส่งกลับให้ รฟท.ออกประกาศร่างประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อเปิดให้เอกชนเข้าประมูลได้ภายในปลายปีนี้ สอดรับกับแผนการก่อสร้างที่กำหนดไว้ปี 2561 ระยะเวลาก่อสร้าง 30 ปี

"ส่วนรูปแบบการลงทุนจะเปิดให้เอกชนรายเดียวทั้งหมด หรือจะเปิดกว้างให้เอกชนหลายรายนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อหาข้อสรุปต่อไป สำหรับการพัฒนาพื้นที่แปลง A นั้นจะทำเป็น Smart Business Complex ย่านธุรกิจทันสมัยทั้งอาคารสำนักงาน ย่านการค้าและธุรกิจบริการ" นายพิชิต กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีมติเห็นชอบให้บริษัท ขนส่ง (บขส.) ย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปอยู่ในพื้นที่หมอชิตเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์บำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อคืนพื้นที่แปลง C ตามแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้ รฟท.นำไปดำเนินการตามขั้นตอนเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ต่อไป

ทั้งนี้ จะย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปอยู่ในพื้นที่รอบข้างศูนย์คมนาคมพหลโยธิน จำนวน 63 ไร่ มีบริษัท บางกอกเทอร์มินอล (บีเคที) หรือซันเอสเตท เป็นผู้ชนะการประมูลบริหารพื้นที่ 712,350 ตร.ม. และจะสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดย บขส.จะใช้พื้นที่ชั้น 4 และ 5 เนื้อที่ราว 1.12 แสน ตร.ม. เป็นจุดให้บริการผู้โดยสารสำหรับติดต่อซื้อตั๋วและรอขึ้นรถโดยสาร ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่เป็นจุดจอดรถ บขส.เพื่อรอเทียบชานชาลารับผู้โดยสาร เบื้องต้นได้เตรียมพื้นที่บริเวณหน้าสถานีกลางบางซื่อเพื่อจอดรถโดยสาร บขส.ไว้ราว 50 ช่องชานชาลา

สำหรับกรอบเวลาการย้ายสถานีขนส่งดังกล่าวนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566 หลังจากก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วเสร็จ โดยจะพยายามเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น เพื่อให้สามารถเปิดประมูล และพัฒนาพื้นที่แปลง C ได้เร็วด้วย อย่างไรก็ตามจากการศึกษาเบื้องต้น ภายในสถานีกลางจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถยนต์ส่วนบุคคลราว 1,600 คัน พื้นที่จอดแท็กซี่ 235 คน พื้นที่จอดรถโดยสารไม่ประจำทาง 45 คัน และยังมีพื้นที่สำหรับจอดรถโดยสารอีกราว 9 ไร่ และจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้เป็นฮับขนส่งและการเดินทางแบบเดียวกับสถานีรถไฟโตเกียว (Tokyo Station)

//-------------------------

ย้ายบขส.หมอชิตกลับที่เดิม “คมนาคม” พร้อมติดตั้งบริการไฮเทค เลียนแบบสถานีโตเกียวญี่ปุ่น
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
3 มิถุนายน 2560 เวลา 11:35:00 น.


นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมสถานีกลางบางซื่อ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) ย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปอยู่ในพื้นที่หมอชิตเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์บำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อคืนพื้นที่หมอชิต 2 ซึ่งอยู่ในแปลงซี ตามแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)นำไปดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี)ต่อไป

นายพิชิต กล่าวว่า สำหรับพื้นที่หมอชิต 1 ที่ บขส.จะย้ายกลับไปนั้น จะเป็นการใช้พื้นที่ด้านบนของอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยจะเป็นการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นไปอีกหลายชั้น เพื่อรองรับการให้บริการกับประชาชนได้อย่างสะดวก ขณะเดียวกันจะมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารด้วย โดยจะเป็นการให้บริการในลักษณะเดียวกันกับสถานีโตเกียวของญี่ปุ่น ที่มีการเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบที่ทันสมัย

“ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกรมธนารักษ์ที่ให้สัมปทานบริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัดหรือบีเคที เป็นผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ แต่ในจำนวนพื้นที่ดังกล่าวทางกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปใช้ได้ 1.1 แสนตารางเมตร(ตร.ม.) ดังนั้นจึงสามารถนำมาใช้เป็นพื้นที่ของ บขส.ได้ โดยจะบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทางกับสถานีกลางบางซื่อด้วย ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)จะทำหนังสือแจ้งไปยัง บขส.เพื่อดำเนินการตามมติที่ประชุม และแจ้งกรมธนารักษ์รับทราบเกี่ยวกับการเข้าไปใช้พื้นที่ คาดว่าจะสามารถย้ายเข้าไปได้ประมาณปี 2566 หลังจากบีเคทีก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ”นายพิชิต กล่าว

นายพิชิต กล่าวว่า เมื่อมีข้อสรุปเรื่องการย้าย บขส.ไปอยู่ในพื้นที่เดิม แทนการย้ายไปอยู่ในพื้นที่แปลงเอ ในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ทาง รฟท.จะเดินหน้าตามขั้นตอนเพื่อหาเอกชนเข้ามารับสัมปทานพัฒนาพื้นที่แปลงเอ ซึ่งจะพัฒนาเป็นสมาร์ท บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ มีพื้นที่ 35 ไร่ ระยะสัมปทาน 30 ปี วงเงินลงทุน 11,573 ล้านบาท คาดว่าปลายปีนี้ทาง รฟท.จะประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจได้ จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีจึงจะแล้วเสร็จ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 07/06/2017 1:20 am    Post subject: Reply with quote

“พิชิต” กลับลำบขส.ย้ายกลับหมอชิตเก่าเฉพาะรถทัวร์สายยาว
ข่าวสด
วันที่ 6 มิถุนายน 2560 - 19:49 น.


นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ไปอยู่ในพื้นที่หมอชิตเดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์บำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่า บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำเป็นต้องดำเนินการรื้อสถานีขนส่งหมอชิต 2 ที่ใช้อยู่ปัจจุบันออกทั้งหมด เพื่อคืนพื้นที่ซึ่งอยู่ในแปลงซี ตามแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นำไปดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ต่อไป

โดยการย้ายแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย รถโดยสารสายยาวที่เดินทางไปในจังหวัดที่มีรัศมีมากกว่า 200 กิโลเมตร จะย้ายไปอยู่ในพื้นที่หมอชิตเดิม ส่วนรถโดยสารสายสั้นที่เดินทางในจังหวัดที่มีรัศมีไม่เกิน 200 กิโลเมตร จะย้ายมาอยู่ที่สถานีกลางบางซื่อ ออกแบบไว้ 50 ชานชาลา บนพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร รองรับได้ 600 คัน และมีจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารอยู่บริเวณเดียวกันอีกประมาณ 400 ตารางเมตร โดยจุดนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้เลย เช่น รถโดยสาร ขสมก., รถแท็กซี่, รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น

นายพิชิต กล่าวต่อว่า เราจำเป็นต้องย้าย บขส. ออกจากพื้นที่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะถ้าไม่ย้ายออกมาเมื่อมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในศูนย์กลางบางซื่อจะก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดมากยิ่งขึ้น เป็นอัมพาตแน่นอน ประชาชนก็จะได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในแปลงซี และการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรอง (รถเมล์บีอาร์ที) ภายในศูนย์กลางบางซื่อก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ศึกษาและออกแบบไว้


อย่างไรก็ตาม การย้ายดังกล่าวประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะเดินทางไม่สะดวก เพราะเบื้องต้นได้วางแผนไว้ว่า รถโดยสารสายยาวที่จะย้ายไปอยู่หมอชิตเดิมนั้น จะต้องวนมารับผู้โดยสารที่จุดจอดรับ-ส่งบริเวณสถานีกลางบางซื่อ ก่อนออกไปยังต่างจังหวัดด้วย ดังนั้นหากประชาชนเดินทางมาด้วยรถไฟความเร็วสูง รถไฟ หรือรถประจำทาง ก็สามารถรอขึ้นรถโดยสารระยะยาวที่จะวนเข้ามารับ-ส่งผู้โดยสารที่ชานชาลาได้เลย

นอกจากนี้ จะมีการสร้างทางเดินเชื่อมต่อลอยฟ้า (สกายวอล์ก) จากสถานีกลางบางซื่อ มายังสถานีขนส่งหมอชิตเดิม ซึ่งมีระยะทางห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวก และเป็นอีกทางเลือกในการเดินทางของประชาชน เพื่อไปใช้บริการรถโดยสารสายยาวด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 12/06/2017 2:39 am    Post subject: Reply with quote

ไจก้าเตรียมเสนอแผนพัฒนาที่ดิน3แปลงมี.ค.ปีหน้า
กรุงเทพธุรกิจ
09 มิถุนายน 2560

"คมนาคม" เผย "ไจก้า" เดินหน้าศึกษาแผนพัฒนาที่ดินการรถไฟอีก 3 แปลง ย่านพหลฯ - มักกะสันและคลองเตย คาดเสนอแผนช่วง มี.ค. ปีหน้า
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับตัวแทนกรมเมืองฝ่ายวิศวกรรม กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า)วันนี้ว่า ญี่ปุ่น จะทำการศึกษาการจัดทำแผนการพัฒนาที่ดิน ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 3 แปลง คือ ที่ดิน กม.11 ย่านพหลโยธิน จำนวน 359 ไร่ ,ที่ดินย่านมักกะสัน จำนวนกว่า 571 ไร่ และที่ดินย่านสถานีแม่น้ำ บริเวณคลองเตย จำนวน 279 ไร่ จากที่ปัจจุบันกำลังศึกษาการจัดทำแผนพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อให้

ทั้งนี้เพื่อให้ฝ่ายไทยนำข้อมูลเพื่อไปประกอบกับแผนพัฒนาที่ดิน ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดคามสมบูรณ์มากที่สุด โดยญี่ปุ่นจะนำเสนอแผนพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อเสนอไทยได้ในช่วงกลางเดือนส.ค. นี้ ส่วนอีก3แปลงใหม่ล่าสุดคาดว่าจะเสนอได้ในช่วงเดือน มี.ค. ปี61

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังแสดงความสนใจที่เข้ามาลงทุนพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันของการรถไฟด้วย โดยต้องการพัฒนาเป็นศูนย์กลางอสังหาริมทรัพย์ เพราะมองว่าเป็นพื้นที่แปลงขนาดใหญ่ และมีอนาคตที่ดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อการเดินเข้ากับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ได้ รวมทั้งในอนาคต ยังจะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 3 สนามบินคือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภาได้อีกด้วย[url][/url]
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 13/06/2017 11:06 pm    Post subject: Reply with quote

เคาะย้าย "หมอชิต" กลับวิกเก่า ดันเอกชนบูมฮับ "บางซื่อ" เทียบชั้นโอซากา
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 13 มิถุนายน 2560 เวลา 08:30:51 น.


แน่นอนแล้ว ในปี 2566 "สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ" ที่ปัจจุบัน "บขส.-บริษัท ขนส่ง จำกัด" เช่าที่ดิน 75 ไร่ย่านบางซื่อของ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" มานานหลาย 10 ปี ต้องย้ายกลับที่ตั้งเดิมบริเวณโครงการคอมเพล็กซ์ 63 ไร่ ที่ "กรมธนารักษ์" กำลังเร่ง "BKT-บริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด" หรือซันเอสเดิม ผู้รับสัมปทานออกแบบพัฒนา มูลค่ากว่า 2.6 หมื่นล้านบาท หลังติดหล่มกฎหมายร่วมทุนมานานกว่า 20 ปี นับจากปี 2539

ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่าง "ธนารักษ์กับคมนาคม" ทำสัญญาใจไว้แต่แรก พลันที่ให้ "บขส." ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว และให้ย้ายกลับมาหลังโครงการก่อสร้างเสร็จ โดยกันพื้นที่ให้ประมาณ 100,000 ตร.ม.

แหล่งข่าวจากกรมธนารักษ์กล่าวว่า ตามรูปแบบการพัฒนา จะให้สถานีขนส่งอยู่ด้านบนของเดโป้บริเวณชั้น 3 และ 4 นอกจากนี้เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดด้านการจราจร จะสร้างทางยกระดับเชื่อมจากสถานีขนส่งหมอชิตไปยังถนนวิภาวดีรังสิต และฝั่งสวนจตุจักรที่ถนนพหลโยธินและถนนกำแพงเพชร

ด้าน "พิชิต อัคราทิตย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตามที่ได้รับรายงานจากกรมธนารักษ์ ขณะนี้โครงการพัฒนาที่ดินตรงหมอชิตเก่า จะออกแบบก่อสร้างและจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เป็นระยะเวลา 18 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2560-ก.ค. 2561 จากนั้นใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี พร้อมเปิดให้บริการในปี 2566 ซึ่งกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้สิทธิ์ในการใช้พื้นที่ 112,000 ตร.ม. ที่จะใช้เป็นพื้นที่พัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส.แห่งใหม่

"ย่านสถานีกลางบางซื่อการรถไฟฯ แบ่งการพัฒนาเชิงพาณิชย์ไว้ 4 โซน ซึ่งสถานี บขส.อยู่โซนซี หากให้อยู่ที่เดิม จากผลการศึกษาระบุว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาโครงการ เพราะบริเวณดังกล่าวจะมีทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์และโครงการบีอาร์ทีจะเป็นฟีดเดอร์รับส่งคนในย่านดังกล่าว ที่สำคัญทำให้เกิดปัญหาการจราจรเพราะคนมาใช้บริการสถานีขนส่งวันละกว่า 2 แสนคน"



เพื่อเป็นการตัดปัญหา "รัฐมนตรีช่วยคมนาคม" ย้ำว่า จะให้ บขส.นำรถวิ่งสายสั้นไม่เกิน 200 กม.มาจอดรับส่งคนที่สถานีบางซื่อที่จะมีพื้นที่ชานชาลาไว้ 6,000 ตร.ม.จำนวน 50 ชานชาลา รองรับได้ 600 คน พื้นที่พักคอย 1,200 ตร.ม. พื้นที่ขายตั๋ว 400 ตร.ม. ให้คนเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเข้าเมือง เช่น รถไฟฟ้า บีอาร์ที ซึ่งจะมีทางเดินเชื่อมหรือสกายวอล์กเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ส่วนรถโดยสารสายยาวให้ไปใช้บริการที่สถานีหมอชิตเดิม ซึ่งจะมีระบบขนส่งทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสและใต้ดินไว้คอยบริการเช่นกัน

"สถานีกลางบางซื่อ จะมีที่จอดรถส่วนบุคคล 1,600 คัน รถแท็กซี่ 235 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง 45 คัน ส่วนรถเมล์ ขสมก.จะย้ายไปอยู่ตรงหน้าศาลเด็กและเยาวชน มีพื้นที่ 8.5 ไร่"

นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับการพัฒนาที่ดินของ ร.ฟ.ท.จะมีทั้งหมด 218 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 79,669 ล้านบาท จะให้เอกชนลงทุน PPP ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 จะเริ่มได้เป็นแปลงแรก คือ โซนเอ พื้นที่ 35 ไร่ พัฒนาเชิงพาณิชย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ "สมาร์ท บิสซิเนส คอมเพล็กซ์" ในลักษณะพื้นที่รีเทล อาทิ โรงแรม สำนักงาน ศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร และที่จอดรถ มูลค่า 11,573 ล้านบาท ตามแผนจะเริ่มพัฒนาในปี 2561 แล้วเสร็จปี 2565

จากนั้นปี 2561 เป็นโซนดี เนื้อที่ 87.5 ไร่ จะมีสร้างสกายวอล์กด้วย เป็นระบบเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสและสถานีบางซื่อ โรงแรม ร้านอาหาร และรีเทลลักษณะโลว์ไรส์ ส่วนโซนบี 88 ไร่ เป็นแหล่งค้าปลีกค้าส่ง ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม มูลค่า 28,149 ล้านบาท และโซนซี เนื้อที่ 105 ไร่ จะพัฒนาเป็นเมืองใหม่ มีแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งงานและการพักผ่อนหย่อนใจ ลงทุน 39,947 ล้านบาท จะเริ่มปี 2562

ขณะเดียวกันทางองค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ได้ศึกษาแผนการพัฒนาที่ดินย่านบางซื่อในภาพรวมให้กับการรถไฟฯด้วย โดยนำรูปแบบของรถไฟความเร็วสูงที่สถานีโอซากามาเป็นต้นแบบพัฒนา เพื่อรองรับกับรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ที่กำลังร่วมกันศึกษาโครงการ จะมีข้อสรุปเฟสแรกกรุงเทพฯ-พิษณุโลกกลางปีนี้

เป็นความคืบหน้าในห้วงเวลานี้ หลังตกอยู่ในวังวนจะ "ย้าย-ไม่ย้าย" มาแรมปี
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 27/06/2017 9:30 pm    Post subject: Reply with quote

ชาวบ้านตรัง วอน”บิ๊กตู่” ช่วยเจอรฟท.สั่งรื้อบ้านสร้างรถไฟทางคู่ ยายวัย63ร่ำไห้ไม่มีที่อยู่
มติชน
วันที่ 27 มิถุนายน 2560 - 22:09 น.

เมื่อเวลา 19.30น. วันที่ 27 มิถุนายน ชาวชุมชนริมทางรถไฟหมู่ที่ 9 ต.นาท่ามเหนือ
อ.เมือง จ.ตรัง รวม 3 หลังคาเรือนกว่า 13
ชีวิตรวมทั้งเพื่อนบ้านข้างเคียงที่ได้รับความเดือดร้อนอีกกว่า 30 คน
ต่างออกมาถือป้ายข้อความเรียกร้องให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)
ยุติการรื้อถอนบ้านเรือน หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย จ.ตรัง
อ้างว่าต้องการสร้างทางรถไฟรางคู่ แต่ชาวบ้านสงสัยสร้างทางรถไฟรางคู่ยังไงไล่ที่แค่
3 หลัง ซึ่งอยู่กลางซอยจากบ้านทั้งหมดจำนวน 36 หลัง และชาวบ้านทั้ง 3
หลังล้วนเป็นคนชราและคนจนซึ่งอาศัยอยู่มานาน 30-40 ปีแล้ว
โดยรฟท.ได้มีคำสั่งให้รื้อถอนออกไปตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน- 11 กรกฎาคมนี้
ส่งผลให้ชาวบ้านในชุมชนเกิดความเครียด

นางมาลี บัวรักษ์ อายุ 63 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 3
กล่าวทั้งน้ำตาว่าหากถูกรื้อบ้านจริงคงไม่ขอมีชีวิตอยู่เพราะไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ
ซ้ำยังป่วยด้วยโรคมะเร็งและสามีป่วยด้วยโรคเครียด จึงวอน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือด้วย

ด้านนายไพศาล บุญนาค อายุ 58 ปี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า
ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมีประมาณ 3 ครัวเรือน ประมาณ 10 กว่าคน
ความเดือดร้อนของชาวบ้าน ตนในฐานที่เป็นคนในพื้นที่ดังกล่าว
ต้องการให้รฟท.ให้ความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน
เพราะผู้ร้องต้องการแค่บางภูมิทัศน์ในพื้นที่ของเขาอย่างเดียวเท่านั้น
ในการเดือดร้อนครั้งนี้มีบ้านหลังหนึ่งซึ่งก่อสร้างยังไม่เสร็จ
เคยถึงขั้นผูกคอตายแต่ชาวบ้านแถวนี้ได้ช่วยชีวิตไว้ทัน
ส่วนเมียของเขาก็เป็นโรคมะเร็ง ส่วนบ้านอีก2หลัง เป็นคนหาเช้ากินค่ำ
ในฐานะตัวแทนของชาวบ้านในพื้นที่ตรงนี้ ตนขอให้รฟท.
และฝากถึงท่านนายกรัฐมนตรีช่วยตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ช่วยให้ความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านคนจนๆให้แก่พวกเราด้วย

https://www.matichon.co.th/news/591318

//=============================


น่าสงสาร! ชาวบ้านบ่อสีเสียดขอความเป็นธรรม ถูก รฟท.สั่งรื้อบ้านที่อาศัยมา 40 ปีใน 20 วัน
โดย MGR Online
27 มิถุนายน 2560 18:17 น.


ตรัง - ชาวบ้านชุมชนบ่อสีเสียดร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก รฟท.สั่งรื้อบ้านที่อยู่อาศัยมาเกือบ 40 ปีภายใน 20 วัน พร้อมยกมือไหว้ขอความเมตตากับคนจนด้วย

วันนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางปลื้ม แก้วกูล อายุ 68 ปี, นางเบญจวรรณ ชอบชูผล อายุ 50 ปี และ นางมาลี บังรักษ์ อายุ 63 ปี พร้อมชาวบ้านชุมชนบ่อสีเสียด ต.นาท่ามเหนือ อ.เมือง จ.ตรัง หลังได้รับความเดือดร้อนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยที่ทำการตรวจทางตรัง มีคำสั่งที่ ยธ.รฟ.1925/17 เรื่องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พันเขตที่ดินของการรถไฟฯ ของบ้านอาศัย/สิ่งปลูกสร้างจำนวน 3 หลัง


โดยตามหนังสือดังกล่าวอ้างว่า ชาวบ้านมีการปลูกสร้างอาคารร้านค้าเป็นบ้านชั้นเดียว รุกล้ำเข้ามาในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ถือเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบของการรถไฟแห่งประเทศไทย และเป็นการผิดกฎหมายอาญาข้อหาบุกรุกที่ดินของผู้อื่น โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหนังสือจากทางการรถไฟแห่งประเทศไทยไปติดที่หน้าประตูบ้านทั้ง 3 หลัง เลขที่ 23/3 , 79 ของและ 23 ม.9 บ้านบ่อสีเสียด ต.นาท่ามเหนือ ซึ่งบ้านทั้ง 3 หลังอยู่ติดกันเป็นพื้นที่ประมาณ 50 เมตร โดยกำหนดให้มีการรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 ก.ค.นี้

นางมาลี บังรักษ์ อายุ 63 ปี ซึ่งเป็น 1 ในเจ้าของบ้านที่ต้องถูกรื้อถอนกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า พวกตนขอความเป็นธรรมเพราะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากการรถไฟสั่งให้มีการรื้อถอนบ้านที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2523 เป็นเวลาเกือบ 40 ปี เคยมีสัญญาเช่ารายปีๆ ละ 120 บาท แต่มาระยะหลังจำไม่ได้ว่าปีใด รัฐบาลมีการยกเว้นค่าเช่าที่ดินให้กับคนจน ก็ไม่มีการจ่ายค่าเช่าตั้งแต่นั้นมา

และจู่ๆ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.60 มีเจ้าหน้าที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย นำเอกสารมาให้เซ็นยินยอมให้รื้อถอนบ้านอาศัยออกไปภายในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้รู้สึกตกใจและกังวลเป็นอย่างมาก เพราะตนไม่มีรายได้อะไร สามีมีโรคประจำตัว พยายามดิ้นรนทำงานทุกอย่างเพื่อมีรายได้ยังชีพรายวัน แถมตนเองก็เป็นมะเร็งระยะที่ 3 โดนตัดเต้านมไปแล้ว ไม่ทราบว่าจะตายวันตายพรุ่ง

“ซึ่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาทำให้รู้สึกท้อใจและเกิดความกลัวจนไม่กล้าเข้าพักอาศัยในบ้านตนเอง เพราะกลัวเจ้าหน้าที่จะมารื้อถอนบ้านโดยไม่รู้ตัว พวกตนเป็นคนจนมีรายได้น้อย ขอความเห็นใจ ขอให้ผู้ที่มีอำนาจ โปรดให้ความเป็นธรรม เมตตาสงสารพวกตนด้วย หากมีการรื้อถอนจะให้พวกตนไปอยู่ที่ไหน ขออย่าผลักไสไล่ส่งกันเลย พวกตนไม่มีที่ไปจริงๆ อยากขอให้หน่วยงานราชการให้ความช่วยเหลือพวกตนด้วย เพราะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในขณะนี้” นางมาลี บังรักษ์ กล่าว

ด้าน ร.ต.ต.ชวน พลเดช นายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง กล่าวว่า ตนทราบปัญหานี้แล้ว และรู้สึกเห็นใจชาวบ้านผู้เดือดร้อนเป็นอย่างมาก แต่ก็ช่วยลำบากเพราะเป็นที่ดินของการรถไฟฯ ที่ชาวบ้านอยู่อาศัยมาจากรุ่นสู่รุ่นมานาน ตนเองอยากจะเป็นตัวแทนช่วยชาวบ้านเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกัน อยากจะขอความเห็นใจทางการรถไฟแห่งประเทศไทยให้มีการผ่อนผัน อะลุ่มอล่วยกับเจ้าของบ้านทั้ง 3 หลังที่ล้วนเป็นคนจนมีรายได้น้อยทั้งสิ้น

ส่วนด้านนายอมร กลิ่นเพชร นายตรวจทางตรัง กล่าวว่า ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของที่ดินเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านหลังของบ้านทั้ง 3 หลัง ว่ามีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยปิดกั้นทางเข้า-ออก ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ทางการรถไฟฯจึงมีคำสั่งให้มีการรื้อถอนดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนในฐานะพื้นที่ในความรับผิดชอบ ก็จำเป็นต้องทำไปตามหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งมาจากแขวงบำรุงทางทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนเรื่องนี้จะมีทางออกหรือไม่นั้น ก็ต้องให้ผู้เดือดร้อนไปเจรจากับแขวงบำรุงทางฯ อีกครั้ง


Last edited by Wisarut on 28/06/2017 10:30 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 28/06/2017 2:48 am    Post subject: Reply with quote

นี่ครับแผนพัฒนาย่านสถานีบางซื่อ ที่ Design Concept ออกแบบ
http://designconceptarchitect.com/Phahonyothin.html
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 05/07/2017 12:26 pm    Post subject: Reply with quote

บอร์ด ร.ฟ.ท.เคาะพัฒนาที่ดินแสนล้าน ทำเลทอง “กม.11-แม่น้ำ” เปิด PPP หาเอกชนร่วมทุน
โดย MGR Online
5 กรกฎาคม 2560 06:26 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กรกฎาคม 2560 09:37 น.)

บอร์ด ร.ฟ.ท.อนุมัติแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ดิน 2 แปลงใหญ่ “แม่น้ำ-กม.11” โดยให้ปรับลดขนาดลงทุนบางส่วนเพื่อเป็นไปได้ในการลงทุน คาดชงคมนาคมและ สคร.เดินหน้าเปิด PPP หาเอกชนร่วมลงทุน พร้อมเตรียมชง คนร.ตั้งบริษัทลูก “พัฒนาสินทรัพย์” เร็วๆ นี้

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบแผนการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ของการรถไฟฯ 2 แปลงใหญ่ คือ ที่ดินสถานีแม่น้ำ เนื้อที่ 277.5 ไร่ และโครงการพัฒนาพื้นที่นิคม กม.11 เนื้อที่ 359 ไร่ โดยบอร์ดมีความเห็นให้ ร.ฟ.ท.ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง หากไม่มีความเห็นแย้งใดๆ ให้นำเสนอต่อไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อเข้ากระบวนการการร่วมลงทุนเอกชน (PPP) ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน พ.ศ. 2556 ซึ่งจะเร่งนำเสนอต่อ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในต้นปี 2561 โดยขณะนี้ ร.ฟ.ท.เสนอแนวทางการจัดตั้งบริษัทลูกพัฒนาสินทรัพย์เสนอไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว และคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เร็วๆ นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ของ ร.ฟ.ท.มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหารายได้จากทรัพย์สินของการรถไฟฯ และชดเชยภาระขาดทุนสะสมขององค์กร โดยบอร์ดให้เพิ่มรายละเอียดรูปแบบการพัฒนาที่มีขนาดเล็กลงเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมด้วยเพื่อความหลากหลายในการประมูล ขณะที่กระทรวงคมนาคมจะนำไปผสมผสานกับการศึกษาของไจก้าด้วย

สำหรับพื้นที่บริเวณสถานีแม่น้ำ ขนาด 277.5 ไร่ ประเมินมูลค่าทรัพย์สินไว้ที่ 13,317.24 ล้านบาท และประเมินมูลค่าก่อสร้างโครงการ และสาธารณูปโภค ซึ่งไม่รวมค่าตกแต่งภายในและการปรับภูมิทัศน์ 88,780 ล้านบาท โดยผลการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นของโครงการพัฒนาในพื้นที่ทั้งหมด แบ่งเป็นการพัฒนา 5 พื้นที่ ประกอบด้วย โซน 1 Gateway Commercial Park มีพื้นที่รวมทั้งหมด 77.13 ไร่ มีศักยภาพพัฒนาเป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรม ที่พักอาศัย และบริการประเภทของอาคาร ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน โซน 2 Iconic Marina มีพื้นที่รวมทั้งหมด 44.00 ไร่ เป็นโรงแรม สำนักงาน ศูนย์ประชุมสัมมนา

โซน 3 Cultural Promenade มีพื้นที่รวม 78.25 ไร่ เช่น ร้านค้า ศูนย์กิจกรรมทั้งด้านบันเทิง ด้านการสร้างสรรค์ ร้านอาหารภัตตาคาร สปา โซน 4 Riverfront Residence มีพื้นที่รวม 55.63 ไร่ กลุ่มคอนโดมิเนียม กลุ่มอาคารพักอาศัย โซน 5 Affordable Community มีพื้นที่ 22.50 ไร่ เป็นที่พักของพนักงานและบุคลากรของการรถไฟฯ

ส่วน กม.11 พื้นที่รวม 359 ไร่ การศึกษาจะนำ 279 ไร่ให้เอกชนพัฒนา แบ่งเป็น 5 โซน ได้แก่ โซน 1 ออฟฟิศ เนื้อที่ 65 ไร่ โซน 2 ศูนย์แสดงสินค้าและโรงแรม 88 ไร่ โซน 3 โรงพยาบาลนานาชาติ 20ไร่ โซน 4 ที่พักอาศัย 40 ไร่ โซน 5 เป็นบ้านพักพนักงานการรถไฟฯ 66 ไร่
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 135, 136, 137 ... 197, 198, 199  Next
Page 136 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©