View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
nutsiwat
2nd Class Pass
Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
|
Posted: 05/07/2017 1:00 pm Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | บอร์ด ร.ฟ.ท.เคาะพัฒนาที่ดินแสนล้าน ทำเลทอง กม.11-แม่น้ำ เปิด PPP หาเอกชนร่วมทุน
โดย MGR Online
5 กรกฎาคม 2560 06:26 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กรกฎาคม 2560 09:37 น.)
บอร์ด ร.ฟ.ท.อนุมัติแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ดิน 2 แปลงใหญ่ แม่น้ำ-กม.11 โดยให้ปรับลดขนาดลงทุนบางส่วนเพื่อเป็นไปได้ในการลงทุน คาดชงคมนาคมและ สคร.เดินหน้าเปิด PPP หาเอกชนร่วมลงทุน พร้อมเตรียมชง คนร.ตั้งบริษัทลูก พัฒนาสินทรัพย์ เร็วๆ นี้
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบแผนการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ของการรถไฟฯ 2 แปลงใหญ่ คือ ที่ดินสถานีแม่น้ำ เนื้อที่ 277.5 ไร่ และโครงการพัฒนาพื้นที่นิคม กม.11 เนื้อที่ 359 ไร่ โดยบอร์ดมีความเห็นให้ ร.ฟ.ท.ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง หากไม่มีความเห็นแย้งใดๆ ให้นำเสนอต่อไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อเข้ากระบวนการการร่วมลงทุนเอกชน (PPP) ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน พ.ศ. 2556 ซึ่งจะเร่งนำเสนอต่อ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในต้นปี 2561 โดยขณะนี้ ร.ฟ.ท.เสนอแนวทางการจัดตั้งบริษัทลูกพัฒนาสินทรัพย์เสนอไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว และคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เร็วๆ นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ของ ร.ฟ.ท.มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหารายได้จากทรัพย์สินของการรถไฟฯ และชดเชยภาระขาดทุนสะสมขององค์กร โดยบอร์ดให้เพิ่มรายละเอียดรูปแบบการพัฒนาที่มีขนาดเล็กลงเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมด้วยเพื่อความหลากหลายในการประมูล ขณะที่กระทรวงคมนาคมจะนำไปผสมผสานกับการศึกษาของไจก้าด้วย
สำหรับพื้นที่บริเวณสถานีแม่น้ำ ขนาด 277.5 ไร่ ประเมินมูลค่าทรัพย์สินไว้ที่ 13,317.24 ล้านบาท และประเมินมูลค่าก่อสร้างโครงการ และสาธารณูปโภค ซึ่งไม่รวมค่าตกแต่งภายในและการปรับภูมิทัศน์ 88,780 ล้านบาท โดยผลการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นของโครงการพัฒนาในพื้นที่ทั้งหมด แบ่งเป็นการพัฒนา 5 พื้นที่ ประกอบด้วย โซน 1 Gateway Commercial Park มีพื้นที่รวมทั้งหมด 77.13 ไร่ มีศักยภาพพัฒนาเป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรม ที่พักอาศัย และบริการประเภทของอาคาร ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน โซน 2 Iconic Marina มีพื้นที่รวมทั้งหมด 44.00 ไร่ เป็นโรงแรม สำนักงาน ศูนย์ประชุมสัมมนา
โซน 3 Cultural Promenade มีพื้นที่รวม 78.25 ไร่ เช่น ร้านค้า ศูนย์กิจกรรมทั้งด้านบันเทิง ด้านการสร้างสรรค์ ร้านอาหารภัตตาคาร สปา โซน 4 Riverfront Residence มีพื้นที่รวม 55.63 ไร่ กลุ่มคอนโดมิเนียม กลุ่มอาคารพักอาศัย โซน 5 Affordable Community มีพื้นที่ 22.50 ไร่ เป็นที่พักของพนักงานและบุคลากรของการรถไฟฯ
ส่วน กม.11 พื้นที่รวม 359 ไร่ การศึกษาจะนำ 279 ไร่ให้เอกชนพัฒนา แบ่งเป็น 5 โซน ได้แก่ โซน 1 ออฟฟิศ เนื้อที่ 65 ไร่ โซน 2 ศูนย์แสดงสินค้าและโรงแรม 88 ไร่ โซน 3 โรงพยาบาลนานาชาติ 20ไร่ โซน 4 ที่พักอาศัย 40 ไร่ โซน 5 เป็นบ้านพักพนักงานการรถไฟฯ 66 ไร่ |
พื้นที่ แม่น้ำ ตรงส่วนที่เป็นที่เก็บซากรถสินค้าเก่าๆ ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา น่าจะให้เอกชนได้เช่าพื้นที่เพื่อทำอะไรก็ได้บนพื้นที่นั้น อาจจะไม่เกิดรายได้ให้กับ รฟท. ส่วนซากรถไฟที่ถูกทิ้งร้างไว้ อาจจะนำไปทำเป็นปะการังเทียมก็ได้ครับ และมีพื้นที่บางส่วนให้กับ รฟท. เป็นที่พักขบวนรถสินค้าและรถน้ำมันที่จะเข้ามายังคลังน้ำมัน ปตท. และท่าเรือครับ _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 19/07/2017 11:02 am Post subject: |
|
|
ซูเปอร์บอร์ดสั่งคมนาคมบี้การรถไฟฯ พัฒนาที่ดินนำรายได้ล้างหนี้คลังแสนล้าน
ข่าวสด
วันที่ 17 กรกฎาคม 2560 - 20:49 น.
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาตามแผนฟื้นฟู 7 รัฐวิสาหกิจ ที่ประชุมคนร. กำชับทั้ง 7 แห่ง ทำแผนดำเนินงานให้มีความยั่งยืนระยะยาว และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม กำกับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการตามแผนการพัฒนาที่ดินไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ (Non-Core) และให้จัดตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สินขึ้นมาดูแล Non-Core ภายใน 3 เดือน รวมทั้งให้มีแนวทางการนำรายได้ที่ได้รับจากการพัฒนาที่ดินมาชำระหนี้สินของรฟท. ที่มีกับกระทรวงการคลังอยู่กว่า 1 แสนล้านบาท
และคนร.ยังให้ รฟท. สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบ ผู้รับผิดชอบหลัก และแผนการบริหารจัดการรถไฟสายสีแดง รวมถึงแผนการบริหารที่ดินมักกะสัน เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองภายในเดือนส.ค. 2560
ส่วนความคืบหน้าองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ต้องเร่งดำเนินการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีให้ได้ภายในปีนี้ และจัดหารถเมล์ในประเภทอื่นๆ เช่น รถเมล์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดย คนร. กำชับ ขสมก. พิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการจัดหารถโดยสารแต่ละประเภท
ด้านบมจ. การบินไทย ในปี 2560 การบินไทยมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (CabinFactor) ดีขึ้นและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 82.8% โดยคนร. ขอให้การบินไทย เร่งเพิ่มรายได้จากผู้โดยสารและเร่งนำระบบการบริหารรายได้และโครงข่ายที่อยู่ระหว่างการพัฒนามาใช้
สำหรับความคืบหน้าธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มีความคืบหน้าดีที่สุด โดยจะขอดูการดำเนินการของธนาคารถึงเดือน ก.ย. 2560 ว่าเป็นอย่างไร ก่อนพิจารณาให้ออกจากแผนฟื้นฟู
ส่วนธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ดำเนินการโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในส่วนของลูกค้าที่ไม่ใช่มุสลิมไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (IAM) แล้ว 5 หมื่นล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการสรรหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ และให้ไอแบงก์จัดทำแผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วนเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องในระหว่างการสรรหาพันธมิตร รวมทั้งเร่งฟื้นฟูไม่ว่าจะหาพันธมิตรได้หรือไม่ แต่ต้องลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ได้
ขณะที่บมจ. ทีโอที และบมจ. กสท โทรคมนาคม คนร. รับทราบและสั่งการให้ทั้ง 2 แห่งจัดตั้งบริษัทลูก คือบริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN) ในการดำเนินธุรกิจเคเบิ้ลใยแก้วใต้น้ำและอินเตอร์เน็ตดาต้าเซ็นเตอร์และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC) ในการดำเนินธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ให้ได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ และเปิดบริการให้ได้ในวันที่ 1 พ.ย. 2560
นายเอกนิติ กล่าวว่า ที่ประชุม คนร. ยังรับทราบแนวทางการแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจใหม่ ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 18 ก.ค. 2560 สาระสำคัญเพื่อให้การสรรหากรรมการรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างโปร่งใส สอดคล้องกับแนวทางปฏิรูปและการกำกับกิจการที่ดี โดยการนำสมรรถนะหลักและความรู้ที่จำเป็น (skill matrix) มาใช้ในการสรรหากรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะทำให้กรรมการมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีความสามารถที่ตรงกับความต้องการของแต่ละแห่ง
โดยให้ สคร.ประสานกับผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจกำหนดสมรรถนะแต่งตั้งกรรมการของแต่ละแห่ง ซึ่งทุกรัฐวิสาหกิจจะต้องกำหนดด้านการเงิน บัญชี กฎหมาย ไอที เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนและเพิ่มประสิทธิภาพพัฒนารัฐวิสาหกิจ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 20/07/2017 7:28 am Post subject: |
|
|
ชาวชุมชนบ่อสีเสียดบุกสถานีรถไฟตรัง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมการรถไฟ
ช่อง 8 วันที่ลงข่าว 20 กรกฎาคม 2560 เวลา 05:34 น.
ชาวชุมชนบ่อสีเสียด อำเภอเมืองตรัง รวมตัวกันที่สถานีรถไฟตรัง เพื่อยื่นหลังสือเรียกร้องต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย หลังได้รับความเดือดร้อน จากการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำหนังสือแจ้งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัย และที่ทำกินในพื้นที่เขตรถไฟ
ชาวบ้านชุมชนบ่อสีเสียด ตำบลนาท่ามเหนือ อำเภอเมืองตรัง ประมาณ 100 คน ได้รวมตัวกันเดินทางไปที่สถานีรถไฟตรัง ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย
หลังมีหนังสือจากรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัย และที่ทำกินในพื้นที่เขตรถไฟ อ้างว่า ชาวบ้านบุกรุกทางรถไฟ และบดบังทัศนียภาพ และมีคำสั่งจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดตรัง ให้รื้อถอนภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จึงพากันมาเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย
1.ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสั่งการเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น ในสังกัดหยุดทำการไล่รื้อติดหมายไล่รื้อ หรือดำเนินคดีกับชาวบ้านทุกกรณีทันที
2.ชุมชนยื่นเช่าที่ดินที่อยู่อาศัยในระยะยาว ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง กับเครือข่ายสลัม 4 ภาค
3.ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย อนุญาตให้ชาวบ้าน สามารถซ่อมแซมที่อยู่อาศัยได้ชั่วคราว และหนังสือดังกล่าวได้ยื่นเสนอกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ให้เป็นผลกับการเรียกร้องของชาวบ้าน
โดยมีนายวิรัตน์ คงดี นายสถานีรถไฟจังหวัดตรัง เป็นตัวแทนผู้รับมอบหนังสือ พร้อมรับปากว่า จะรีบส่งหนังสือไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทยให้เร็วที่สุด เพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายเจริญพงศ์ มาชู ปลัดอำเภอเมืองตรัง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง ได้มาร่วมเป็นสักขีพยาน ในการ รับ - ส่ง หนังสือด้วย ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ของทหารจากค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ และ อาสาสมัครฝ่ายปกครอง |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 02/08/2017 7:28 pm Post subject: |
|
|
คมนาคม เล็งชง ครม.เสนอย้ายขนส่งหมอชิตไปอาคาร BKT ในปี 66, วางเป้าเปิดสถานีกลางบางซื่อปี 63
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 สิงหาคม 2560 18:32:04 น.
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเผย ภายหลังประชุมคณะกรรมการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อและพื้นที่ต่อเนื่องว่า เป็นไปตามนโยบายของ นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม ที่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการดำเนินการวางแผนในการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการต่างๆ ได้อย่างเชื่อมต่อ
โดยมีผู้แทนจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กรมธนารักษ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กรุงเทพธนาคม ร่วมกันผลักดันแผนงานโครงการให้แล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สนข.วางตารางการทำงานให้แผนงานโครงการแล้วเสร็จ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่
1. เป้าหมายเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อในปี 63 ในการให้บริการในภาพรวมจะเป็นอย่างไร กิจกรรมใดบ้างที่จะต้องแล้วเสร็จ และการเชื่อมโยงการเดินทางของประชาชนที่จะมาใช้บริการหลายแสนคนต่อวัน เพื่อให้สถานีกลางบางซื่อ เป็น Transportation Hub โดยไม่มีปัญหาอุปสรรค
2. ภายในปี 2566 จะย้ายสถานีขนส่งหมอชิตแห่งใหม่ไปอยู่ที่อาคารบางกอกเทอร์มินัล(BKT) บริเวณชั้น 4-5 (ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า BTS) แผนการบริหารจัดการจราจร ภายในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ ถนนพหลโยธิน จะมีแผนอย่างไร และกรณีมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ในย่านบางซื่อ การเชื่อมต่อเดินทางจะเป็นอย่างไร และอนาคตจะมีการก่อสร้างอีก ดังนั้นต้องบูรณาการแผนการทำงานในพื้นที่เดียวกัน และ 3. เป็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ที่มีทั้งหมด 3 โซน คือ A ,B และ C
นายพีระพล กล่าวว่า การย้ายสถานีหมอชิตไปอาคาร BKT นั้น กรมธนารักษ์จะพิจารณาและนำเรื่องเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทำสัญญา ได้รับแจ้งว่าจะเสนอ ครม.ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นจะออกแบบ 18 เดือน ก่อสร้าง 5 ปี จะต้องรอให้ BKT และกรมธนารักษ์ ลงนามสัญญาสัมปทานพัฒนาพื้นที่กันก่อน จากนั้นจะหารือในรายละเอียดในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกันในส่วนของการใช้พื้นที่ 112,000 ตารางเมตร สำหรับรถ บขส. ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงเดิม ในการย้าย สถานี บขส.ออกจากหมอชิตเก่า ซึ่งคาดว่าอาคาร BKT จะก่อสร้างเสร็จปี 66
ขณะที่ จะต้องทำแผนย้าย บขส.ให้สอดคล้อง โดยมี 2 ส่วน รถสายสั้น ระยะทาง 250-300 กม.ส่วนหนึ่งจะอยู่ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยจะเปลี่ยนแนวคิด เป็นแบบการจอดรับ-ส่ง ประมาณ 5 นาที (Sharing Gate) โดยภายในสถานีกลางบางซื่อจะมีจอบอกตารางรถ บขส. แต่ละเส้นทาง จอดช่องใด ส่วนอู่จอดถาวรอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ต้องอยู่นอกสถานีในรัศมี 5 กม. ส่วนรถสายยาวจะไปใช้พื้นที่อาคาร BKT ใช้แนวคิด Sharing Gate เช่นกัน แต่สามารถจอดรถได้นานกว่า แต่ละชานชลาอาจจะมีเวลาจอด 15 นาที และมีจอบอกตารางเส้นทางและชานชลาภายในตัวสถานี และสามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ได้ เป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น อาจจะมีพื้นที่รับไม่ถึง 50 ช่องจอด
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ ทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือศึกษาการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อเชิงพาณิชย์จะ นำผลการศึกษารายงานต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ซึ่งจะนำแผนมารวมกันกับสนข.น่าจะเกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 03/08/2017 11:29 am Post subject: |
|
|
คมนาคม สั่ง สนข. ทำกรอบเวลาพัฒนาพื้นที่สถานนีกลางบางซื่อ คาด 2 เดือนสรุปผล
ข่าวสด
วันที่ 2 สิงหาคม 2560 - 16:51 น.
วางกรอบพัฒนาสถานีบางซื่อ! รองรับผู้โดยสารหลายแสนคน
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
3 สิงหาคม 2560 - 05:30
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กลับไปจัดทำแผนการการดำเนินโครงการสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ระยะสั้น กลาง และยาว ดังนี้ 1. ระยะสั้นคือ ในปี 2563 ที่จะเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อ โดยต้องไปศึกษาว่าควรจะต้องมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อะไรก่อนได้บ้าง และควรวางโครงข่ายการเชื่อมต่อการเดินทางในระบบสาธารณะทั้งหมดว่าจะต้องวางแผนก่อสร้างอะไรก่อนบ้าง เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ทุกระบบ เนื่องจากในอนาคตคาดว่ามีประชาชนเข้ามาใช้บริการที่สถานีกลางหลายแสนคน
2. ระยะกลางคือในปี 2566 ที่ บริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด หรือบีเคที ผู้รับสัมปทานพื้นที่ บริเวณโรงซ่อมบีทีเอส จากกรมธนารักษ์ จะก่อสร้างอาคารบีเคที ซึ่งส่วนของอาคารในชั้น 3 และ 4 จะเป็นพื้นที่จอดรถแห่งใหม่ ของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จะแล้วเสร็จ โดยจะต้องดูว่าภายในจะต้องมีการจัดทำระบบขนส่งอะไรบ้างเพื่อรองรับการให้บริการช่วงแรกของอาคาร โดยขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดโครงการก่อสร้าง เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้มีการลงนามในสัญญาก่อสร้าง คาดว่าจะลงนามกับบีเคทีได้ในเดือนต.ค. นี้ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบก่อสร้างอีก 18เดือน และเริ่มดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี
โดยในส่วนนี้ สนข. ต้องจัดทำแผนการย้ายบขส. ออกจากสถานีกลางให้มีความชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ รถโดยสารสายสั้น หรือรถโดยสารสาธารณะที่วิ่งระหว่าง กทม.กับ ตจว. ที่มีระยะไม่เกิน 250-300 ก.ม. และรถสายยาวที่อยู่ห่างจาก กทม. เกินกว่า 300 ก.ม. เบื้องต้นกระทรวงเห็นชอบให้ใช้พื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อตามเดิม แต่จะไม่มีการจัดพื้นที่จอดรถไว้ให้ จะใช้ระบบจอดชั่วคราว 5-10 นาทีต่อเที่ยวบริเวณชานชลา เพื่อให้รถสามารถเข้ามารับและส่งผู้โดยสารเท่านั้น ซึ่งมีระบบคล้ายๆ กับภายในสนามบินในปัจจุบัน
ส่วนรถสายยาวจะจัดให้มีการจอดรับและส่งเฉพาะที่อาคารบีเคที ซึ่งเป็นอาคารจอดรถแห่งใหม่เท่านั้น และ 3. ระยะยาว คือช่วงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ จะต้องจัดทำแผนว่าจะมีพัฒนาจะพัฒนารูปแบบใด แบ่งออกเป็นประเภทใดบ้าง
นายชยธรรม์ พรหมศร รองผู้ อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและ จราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข. จะกลับไปศึกษาว่าควรจะเร่งรัดดำเนินโครงการใดก่อนบ้าง เพื่อให้รองรับการเปิดให้บริการสถานีกลางในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการ เช่น การให้บริการเชิงพาณิชย์ช่วงแรกควรจะมีอะไรบ้าง ซึ่งเบื้องต้นอาจจะต้องมี เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ห้องน้ำ เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนาระบบเชื่อมต่อการเดินทางให้สมบูรณ์ครอบคลุมได้ทุกระบบ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 2 เดือน จะสามารถนำกลับมาเสนอให้กระทรวงพิจารณาได้อีกครั้ง
ส่วนแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในภาพรวมนั้น องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า จะนำผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นมาเสนอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม พิจารณาในช่วงปลายเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งสนข. จะต้องนำมาบูรณาการกับการจัดทำแผนของ สนข. ต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 03/08/2017 11:30 am Post subject: |
|
|
เปิดสถานีกลางบางซื่อปี 63 คค.สั่งแบ่งเฟสจัดขนส่งเชื่อม-ย้ายหมอชิตปี 66
โดย MGR Online
2 สิงหาคม 2560 18:39 น. (แก้ไขล่าสุด 2 สิงหาคม 2560 19:04 น.)
คมนาคม สั่ง สนข.วางแผนรองรับการเปิดสถานีกลางบางซื่อปี 63 เน้นการใช้ประโยชน์พื้นที่และบูรณาการแต่ละโครงการเข้าด้วยกัน พร้อมระบบเชื่อมต่อให้ประชาชนสะดวกที่สุด ขณะที่ยันย้ายสถานีหมอชิตไปอาคาร BKT ในปี 66 คาดธนารักษ์ชง ครม. ต.ค.นี้ ก่อนเดินหน้าเซ็นสัมปทาน เผย บขส.ต้องเปลี่ยนแนวคิด จัดช่องจอดรับ-ส่งแบบรวดเร็วเพื่อใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุด
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ และพื้นที่ต่อเนื่องว่า จากนโยบายของ นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้ดำเนินการวางแผนพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการต่างๆ ได้อย่างเชื่อมต่อ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) วางตารางการทำงานให้แผนงานโครงการต่างๆ แล้วเสร็จ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1. เปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อในปี 2563 การให้บริการในภาพรวมจะเป็นอย่างไร โครงการใด กิจกรรมใดบ้างที่จะต้องแล้วเสร็จ และการเชื่อมโยงการเดินทางของประชาชนที่จะมาใช้บริการหลายแสนคนต่อวัน เพื่อให้สถานีกลางบางซื่อเป็น Transportation Hub โดยไม่มีปัญหาอุปสรรค
2. ภายในปี 2566 สถานีขนส่งหมอชิตแห่งใหม่จะย้ายไปอยู่ที่อาคารบางกอกเทอร์มินัล (BKT) บริเวณชั้น 4-5 (ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า BTS) แผนการบริหารจัดการจราจร ภายในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ ถนนพหลโยธินเป็นอย่างไร และกรณีมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในย่านบางซื่อ ต้องบูรณาการแผนการทำงานในพื้นที่เดียวกัน 3. เป็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่ออีก 3 โซน คือแปลง A, B และ C
ในส่วนของการย้ายสถานีหมอชิตไปอาคาร BKT นั้น ได้รับแจ้งว่ากรมธนารักษ์จะเสนอ ครม.ในเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นจะออกแบบ 18 เดือน ก่อสร้าง 5 ปี ซึ่งจะต้องรอให้ BKT และกรมธนารักษ์ลงนามสัญญาสัมปทานพัฒนาพื้นที่กันก่อน จากนั้นจะหารือในรายละเอียดในส่วนของการใช้พื้นที่ 112,000 ตารางเมตรสำหรับรถ บขส.ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงเดิม
ขณะที่จะต้องทำแผนย้าย บขส.ให้สอดคล้อง โดยมี 2 ส่วน รถสายสั้น ระยะทาง 250-300 กม. ส่วนหนึ่งจะอยู่ที่สถานีกลางบางซื่อ โดยจะเปลี่ยนแนวคิดเป็นแบบการจอดรับ- ส่งประมาณ 5 นาที (Sharing Gate) โดยภายในสถานีกลางบางซื่อจะมีจอบอกตารางรถ บขส.แต่ละเส้นทาง จอดช่องไหน ส่วนอู่จอดถาวรนั้นอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ต้องอยู่นอกสถานีกลางบางซื่อ รัศมี 5 กม. ส่วนรถสายยาวจะไปใช้พื้นที่อาคาร BKT แนวคิด Sharing Gate เช่นกัน แต่สามารถจอดรถได้นานกว่า โดยจะมีรูปแบบ Sharing Gate เช่นเดียวกัน แต่ละชานชาลาอาจจะมีเวลาจอด 15 นาที และมีจอบอกตารางเส้นทาง และชานชาลาภายในตัวสถานี และสามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าและรถไฟทางคู่ได้ เป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น อาจจะมีพื้นที่รับไม่ถึง 50 ช่องจอดน่าจะเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือศึกษาการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อเชิงพาณิชย์จะนำผลการศึกษารายงานต่อ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะนำแผนมารวมกันกับ สนข. น่าจะเกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 16/08/2017 6:15 pm Post subject: |
|
|
ผู้ค้าจตุจักร ร้องรถไฟกีดกันไม่ให้ซ่อมแซมร้านค้า
เดลินิวส์ พุธที่ 16 สิงหาคม 2560 เวลา 16.54 น.
ตัวแทนผู้ค้าจตุจักรรวมประมาณ 20 ยื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรม ห้ามไม่ให้ร้านค้าที่ไม่ได้จ่ายค่าเช่าสทำการซ่อมแซมแผงค้าที่ชำรุด ขณะที่อัตราค่าเช่าที่เป็นธรรมยังไม่ได้ข้อสรุป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.) เวลา 10.30 น.นายสงวน ดำรงไทย ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ได้นำตัวแทนผู้ค้าจตุจักรรวมประมาณ 20 คนได้เดินทางมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรม ต่อนายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม ซึ่งกระทรวงได้มอบหมายให้นายวรเดช หาญประเสิฐ ผู้ตรวจราชการ มารับหนังสือร้องเรียนแทน
นายสงวน กล่าวว่า กลุ่มผู้ค้ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร ได้ออกคำสั่งด้วยวาจาห้ามมิให้ร้านค้าที่ไม่ได้จ่ายค่าเช่าสถานที่ในอัตราค่าเช่าที่การรถไฟแห่ประเทศไทย(รฟท.) กำหนด ทำการซ่อมแซมแผงค้าที่ชำรุด เช่น ห้ามซ่อมแซมหลังคาแม้ว่าจะมีฝนรั่วหลายจุดในช่วงนี้ ห้ามซ่อมประตูที่พังเสียหาย หรือห้ามซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศที่เสีย โดยอ้างเหตุผลว่าร้านค้าดังกล่าวติดค้างค่าเช่าพื้นที่กับ รฟท. แม้ว่าขณะนี้อัตราค่าเช่าที่เป็นธรรมยังไม่มีข้อสรุป เพราะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาล
ผู้ค้ามองว่าแนวทางที่ตลาดปฏิบัติต่อผู้ค้าเป็นการขาดจริยธรรมคุณธรรม หลักธรรมมาภิบาลเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้ค้าจึงได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจาก รมช.คมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแล รฟท. ให้ช่วยเหลือผู้ค้าด้วย รวมทั้งขอให้ประกาศยกเลิกห้ามซ่อมแซมร้านค้าที่เสียหายเช่นกัน
นายสงวน กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ค้าเคยฟ้องร้อง รฟท.ต่อศาลปกครองสูงสุด กรณีที่รฟท. มีการปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่จากเดือนละ240บาท เป็นเดือนละ3,157 บาท ตั้งแต่ช่วงปี 55 ซึ่งเป็นช่วงที่ รฟท. เข้ามารับผิดชอบบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรแทนกรุงเทพมหานคร เพราะมองว่าเป็นอัตราที่ไม่เป็นธรรม โดยขณะนี้เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล คดียังไม่สิ้นสุด แต่ล่าสุด ผอ.ตลาดฯกลับออกมาประกาศว่าห้ามทำการซ่อมแซมพื้นที่ร้านค้า |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/08/2017 8:53 pm Post subject: |
|
|
ปรับแผนโครงการขยายถนนสุทธาวาส เร่งให้แล้วเสร็จปลายปีนี้ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรและเชื่อมโยงโครงข่ายถนนย่านฝั่งธนบุรี
กองประชาสัมพันธ์ กทม. วันเสาร์, 26 สิงหาคม 2560 20:47
(26 ส.ค.60) เวลา 12.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรถนนสุทธาวาสและสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยมีนายประชา พัฒนรัฐ ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตบางกอกน้อย สำนักการโยธา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ ณ บริเวณถนนสุทธาวาส เขตบางกอกน้อย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรถนนสุทธาวาสและสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ จากการรายงานของสำนักงานเขตบางกอกน้อยเกี่ยวกับการดำเนินการรื้อย้ายบ้านที่รุกล้ำแนวขยายถนนสุทธาวาสตั้งแต่บริเวณคลองวัดไชยทิศจนถึงคลองชักพระ พบว่ามีอาคาร บ้าน และสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินริมทางรถไฟ จำนวน 36 หลัง ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัย จำนวน 4 หลัง เป็นเพิงหลังคาสำหรับจอดรถ จำนวน 18 หลัง เป็นอาคารร้านค้า จำนวน 14 หลัง ที่ผ่านมาสำนักงานเขตบางกอกน้อยได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของอาคารมาแสดงตัวหรือมาพบเจ้าหน้าที่ภายใน 7 วัน เพื่อที่จะทำการออกคำสั่งตามกฎหมายควบคุมอาคารแก่บุคคลที่มาแสดงตัว หากไม่มีเจ้าของอาคารมาแสดงตัวจะทำการออกคำสั่งแจ้งการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อให้ดำเนินการรื้อถอนอาคารต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรถนนสุทธาวาสและสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการวางท่อระบายน้ำจากช่วงตั้งแต่ถนนจรัญสนิทวงศ์ถึงคลองชักพระในฝั่งขวาของถนนด้านที่ติดกับทางรถไฟสายใต้ ซึ่งเหลือความยาวท่อระบายน้ำที่ต้องดำเนินการอีกเพียงประมาณ 200 ม. แต่ติดขัดเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำแนวขยายถนนสุทธาวาส ส่วนในฝั่งซ้ายของถนนได้ดำเนินการวางท่อระบายน้ำและสร้างบ่อพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้ปรับผิวจราจรต่อไป อย่างไรก็ตามเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในระหว่างการก่อสร้างผู้รับจ้าง ได้ปรับและจัดทำแผนใหม่การทำงานใหม่ พร้อมทั้งเตรียมงานก่อสร้าง โดยจะเริ่มงานในช่วงต้นเดือน ก.ย.60 และเร่งให้แล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ ซึ่งเมื่อโครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรถนนสุทธาวาสและสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์แล้วเสร็จ จะสามารถบรรเทาปัญหาจราจรติดขัด ตลอดจนเชื่อมโยงโครงข่ายถนนเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรในพื้นที่ฝั่งธนบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 05/09/2017 10:16 am Post subject: |
|
|
ชาวชุมชนบ่อบัว เมืองแปดริ้ว ฮือปิดถนนหลังน้ำประปาไม่ไหล 4 วัน
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 4 กันยายน 2560 22:12:00
ฉะเชิงเทรา - ชาวชุมชนบ่อบัว เมืองแปดริ้ว (บริเวณสถานีรถไฟแปดริ้วในยุคเริ่มแรก เมื่อ 24 มกราคม 2450 ก่อนทืี่จะทีสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา ที่กม. 61 ขึ้นมาทดแทนเมื่อ 1 มกราคม 2467) ฮือปิดถนนเหตุไม่พอใจน้ำประปาไม่ไหล 4 วัน ระบุเดือดร้อนหนัก เหตุถูกกลั่น แกล้งจากข้อพิพาทกลุ่มนายทุนผู้ได้รับสัมปทานในที่ดินของการรถไฟฯ จนถูกฟ้องร้องขับไล่ ส่งผล จนท.หลายหน่วยงานต้องลงพื้นที่เจรจา ด้านการประปาแปดริ้ว รับปากเตรียมจ่ายน้ำให้หลังแก้ไขปัญหาท่อแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ ( 4 ก.ย. )ชาวบ้าน กว่า 80 คน ที่อาศัยอยู่บริเวณ ถนนนรกิจเลียบทางรถไฟ ด้านหลังตลาดสดบ่อบัว เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้รวมตัวกันนำยางรถยนต์ออกมาปิดกั้นเส้นทางจราจร จนทำให้ยานพาหนะที่กำลังสัญจรอยู่บนถนนไม่สามารถขับผ่านไปได้ ทั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เข้ามาแก้ไขปัญหาน้ำประปาไม่ไหลนานถึง 4 วัน จนทำให้ชาวบ้านในชุมชนกว่า 300 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน
นายสุวัฒน์ วงษ์ศรี อายุ 55 ปี ชาว ต.หน้าเมือง อ.เมือง ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นแกนนำกล่าวว่า เชื่อว่าสาเหตุที่น้ำประปาไม่ไหลมาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับสัมปทานในที่ดินของการรถไฟ และกำลังมีปัญหาฟ้องร้องขับไล่ที่ดินเพื่อให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงทำการตัดน้ำตัดไฟ ให้ชาวบ้านที่ยังคงอาศัยอยู่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกลั่นแกล้ง รังแก
พร้อมบอกว่า หากในเวลา 19.00 น. น้ำประปายังไม่ไหล วันพรุ่งนี้จะทำการเผายางรถยนต์ และปิดรางรถไฟสายตะวันออกที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือแหลมฉบัง
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การนำยางรถยนต์ปิดขวางเส้นทางการสัญจรบนถนนสายดังกล่าว ทำให้ยานพาหนะ ไม่สามารถผ่านจุดที่มีการชุมนุมได้ ทำให้การจราจรในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา ติดขัดสะสม และติดขัดอย่างหนักในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้ พ.ต.ต.ภูเบศร์ เขจรลัย สวป. สภ.เมืองฉะเชิงเทราพร้อมด้วย ร.ต.อ.อัณณพ จันทร์ภักดี รองสวป. ร้อยเวรงานป้องกันและปราบปราม ต้องกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินทางเข้าเจรจาเพื่อขอเปิดเส้นทาง ซึ่งกลุ่มชาวบ้าน ก็ยินยอมเปิดเส้นทางให้เพียง 1 ช่องทาง
กระทั่งมีการประสานเจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานและรักษาความสงบเรียบร้อย อ.เมืองฉะเชิงเทรา นำโดย ร.อ.อนุกูล วงษ์แม่น้อย สังกัด ร้อย รส. ร.111 พัน 1 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดย นายเอก อิทธิยาภรณ์ ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง และ พ.ต.อ.ณรงค์เดช ทัพพะจายะ ผกก. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เข้า เจรจากับชาวบ้าน เพื่อประสานงานไปยังการประปาส่วนภูมิภาคฉะเชิงเทรา ให้เปิดจ่ายน้ำแก่ชาวบ้าน โดยได้รับคำชี้แจงจากการประปา ว่าสาเหตุของน้ำไม่ไหลเกิดจากท่อน้ำประปาขนาดใหญ่แตก และยังมีปัญหาเรื่องกระแสไฟฟ้าดับเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา จึงทำให้ไม่สามารถจ่ายน้ำได้ พร้อมรับปากว่าจะเพิ่มแรงดัน และจ่ายน้ำเข้ามาสู่ชุมชนบ่อบัว โดยเร็ว จึงทำให้ชาวบ้านยอมสลายการชุมนุม |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 06/09/2017 7:31 am Post subject: |
|
|
แจงเหตุน้ำประปาชุมชนบ่อบัวไม่ไหล เพราะท่อแตก-ปรับปรุงโรงกรองน้ำ
ช่อง 8 วันที่ลงข่าว 6 กันยายน 2560 เวลา 04:21 น. 211
การประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดฉะเชิงเทรา ชี้แจงกรณีที่ น้ำประปาชุมชนบ่อบัวไม่ไหล เนื่องจากมีการปรับปรุงโรงกรองน้ำสวนสน เพื่อทำการซ่อมแซมบำรุงระบบ และท่อประปาแตก
จากกรณีที่เมื่อเย็นวันที่ 4 กันยายน 2560 ชาวบ้านชุมชนบ่อบัว เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เกือบ 100 คน รวมตัวกันที่บริเวณถนนนรกิจ เลียบทางรถไฟ เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมนำยางรถยนต์มาขวางถนน ไม่ให้รถสามารถวิ่งได้ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่รับฟัง และช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากชาวบ้านในชุมชน จำนวนกว่า 300 ครัวเรือน กำลังได้รับความเดือดร้อน เพราะน้ำประปาไม่ไหลมานาน 4 วันนั้น
การประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า สาเหตุเนื่องจากการประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ดำเนินการปรับปรุงโรงกรองน้ำสวนสน เพื่อทำการซ่อมแซมบำรุงระบบ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 จึงทำให้ต้องหยุดจ่ายน้ำ ซึ่งการประปาได้มีการประชาสัมพันธ์ แจ้งหยุดจ่ายน้ำชั่วคราวล่วงหน้าแล้ว
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 3 และ 4 กันยายน 2560 ท่อประปาแตก จึงต้องหยุดจ่ายน้ำ เพื่อซ่อมท่อ ดังนั้น เมื่อดำเนินการซ่อมท่อแล้วเสร็จ จำเป็นต้องส่งน้ำให้เต็มระบบในเส้นท่อก่อน จึงจะสามารถปรับแรงดัน เพื่อบริการน้ำประปาได้ตามปกติ และทางการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จ่ายน้ำให้ชุมชนบ่อบัวตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2560 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางการประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ลงพื้นที่ชี้แจ้งให้ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบเข้าใจแล้ว |
|
Back to top |
|
|
|