รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Mongwin]

ครม.อนุมัติค่าเวนคืนรถไฟทางคู่ “ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย” เพิ่มกว่า 243 ล้าน
โดย MGR Online 15 สิงหาคม 2560 18:24 น. (แก้ไขล่าสุด 15 สิงหาคม 2560 20:26 น.)

ครม.อนุมัติงบค่าเวนคืนรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยอีก 243.63 ล้าน เพื่อก่อสร้างในส่วนทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง ตามราคาประเมินที่ปรับใหม่ปี 2559-2562 เพื่อสะท้อนมูลค่าที่ดินแท้จริงและเป็นปัจจุบัน และเป็นธรรมต่อผู้ถูกเวนคืน ซึ่งทางคู่สายนี้จะแล้วเสร็จปี 62

นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ส.ค. ได้อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอวงเงินค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม จำนวน 243.63 ล้านบาท สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง จากเดิมที่มีค่าทดแทนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 128.82 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าเวนคืนทั้งสิ้น 372.45 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิมที่ 11,348.35 ล้านบาท ซึ่ง ครม.อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2555 โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศหรือแหล่งเงินที่เหมาะสม รวมทั้งค้ำประกันเงินกู้ให้ ร.ฟ.ท.เพื่อชำระคืนเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีความจำเป็นต้องเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณสถานีชุมทางแก่งคอย สถานีชุมทางบ้านภาชี และสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา โดยมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน พ.ศ. 2556 เพื่อก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Line) จำนวน 3 แห่ง จำนวน 3 ฉบับ มีกำหนดระยะเวลาใช้บังคับ 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2556 และสิ้นสุดระยะใช้บังคับวันที่ 30 สิงหาคม 2560 แต่เนื่องจากติดขัดในเรื่องงบประมาณ ร.ฟ.ท.จึงไม่สามารถดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์เวนคืนได้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จได้ทันภายในระยะเวลาใช้บังคับของพระราชกฤาฎีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนทั้ง 3 ฉบับให้มีผลบังคับต่อเนื่อง โดยกำหนดระยะเวลาอีก 4 ปี

สำหรับวงเงินเวนคืนและรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากวงเงินที่เสนอ ครม.เมื่อปี 2555 คำนวณโดยใช้ฐานราคาประเมิน พ.ศ. 2551-2554 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นได้วางหลังเกณฑ์การกำหนดราคาค่าทดแทนโดยนำราคาประเมิน พ.ศ. 2559-2562 มาพิจารณา และปรับเพิ่มค่าทดแทนตามสภาพทำเล เพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่แท้จริงและเป็นปัจจุบัน ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการได้รับค่าทดแทนที่เป็นธรรม สอดคล้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530

โดยคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น มีมติกำหนดค่าทดแทนที่ดิน อาคาร โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง และไม้ยืนต้น เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา จำนวน 221.71 ล้านบาท สถานีชุมทางแก่งคอย จำนวน 109.91 ล้านบาท สถานีชุมทางบ้านภาชี จำนวน 6.97 ล้านบาท เงินเผื่อเหลือเผื่อขาด 10% จำนวน 33.86 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 372.45 ล้านบาท

ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้ลงนามว่าจ้างผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562


https://www.youtube.com/watch?v=DpPES6RQ23M

[Mongwin]

ถึงกับซึม..ราคาค่าก่อสร้างยกระดับรถไฟทางคู่ไม่ให้ผ่าเมืองโคราช ต้องใช้งบกว่า 8,000 ล้าน แถมเวนคืนที่ดินย่านหัวรถไฟนับร้อยไร่ (มีคลิป)
77jowo 15 ส.ค. 60

คืบหน้ายกระดับรถไฟทางคู่ที่โคราช โดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ณ ห้องประชุมอาเซียน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นประธานในที่ประชุม พร้อมนำคณะวิศวกรออกแบบการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายมาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ มาชี้แจงถึงความคืบหน้าการแก้ไขแบบแปลนการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โดยมีแกนนำภาคประชาสังคม ที่อ้างว่าได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จะทำให้เกิดความเดือดร้อน ได้แก่ นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และนายกิติพงศ์ วงศ์สุเวท รองประธานหอการ และผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรม ฯลฯ และมีฝ่ายราชการประกอบไปด้วย นายสมบูรณ์ ศิริชัยนิรันดร์ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบท นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนจากสำนักงานทางหลวงจังหวัดนครราชสีมา และผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานอื่นๆรวมกว่า 30 คนเข้าร่วมประชุม

นายประเสริฐ รองผู้ว่าการรถไฟกล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟทางคู่นั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่หวังผลในการที่จะผลักดันให้เกิดการขนส่งสินค้ามากว่าการขนส่งผู้โดยสาร เพราะไปแข่งขันกับการขนส่งทางอื่นไม่ได้ เนื่องจากมีบริการ ที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ดีกว่ารวดเร็วกว่า จะเห็นได้ว่าการรถไฟมีผลประกอบการที่ขาดทุนมาโดยตลอด และการสร้างรถไฟทางคู่ก็มีขึ้นในสมัยรัฐบาลของ คสช. ที่ต้องการพัฒนาการขนส่งสินค้าในระบบราง ที่มีอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ การก่อสร้างเส้นทางทุกสายไม่มีปัญหา แต่เส้นทางในช่วง มาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทางประมาณ 132 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 24,115 ล้านบาท เกิดมีปัญหาโดยได้มีการเรียกร้องจากชาวโคราช ขอให้มีการยกระดับเส้นทางที่อำเภอสีคิ้ว และอำเภอเมืองนครราชสีมา และทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ส่งวิศวกรลงพื้นที่ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไขแบบก่อสร้าง และประมาณการค่าใช้จ่ายในเบื้องต้น และการรถไฟพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น จากภาคประชาสังคม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป จากนั้นได้มอบให้เจ้าหน้าที่จากการรถไฟชี้แจงต่อที่ประชุม

โดยเจ้าหน้าที่วิศวกรผู้เขียนแบบของ ร.ฟ.ท.ได้แจงรายละเอียดว่า โดยทางเลือกในเขตอำเภอเมืองมี 3 แนวทาง แนวทางแรกคือเหมือนเดิมที่ผ่านการทำ EIA ไปแล้ว และ แนวทางที่สองก็คือ ยกระดับรถไฟทางคู่มีความยาว 4.8 กม.ซึ่งจะต้องมีการออกแบบสถานีนครราชสีมาใหม่ ให้รองรับทางคู่ที่ยกระดับ ต้องเพิ่มวงเงินการก่อสร้างอีก 2,133 ล้านบาท ขยายเวลาการก่อสร้างออกไปอีก 17 เดือนจากเดิม และต้องมีการทำ EIA ใหม่อีกครั้ง ส่วนแนวทางที่สาม ทางคู่รถไฟยกระดับมีความยาว 12 กม. โดยจะต้องออกแบบสถานีชุมทางถนนจิระ และสถานีนครราชสีมาใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะสถานีนครราชสีมาต้องจัดตำแหน่งของสถานีรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และ สถานีรถไฟทางคู่ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากรถไฟทั้งสองโครงการ จะต้องมีทางวิ่งและชานชาลาอยู่ในระดับเดียวกัน และจะต้องมีการเพิ่มงบประมาณจากเดิมอีก 8,114 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างจะต้องเพิ่มขึ้นอีกถึง 46 เดือน และต้องทำ EIA ใหม่อีกเช่นกัน ทั้งนี้ไม่รวมผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินย่านสถานีนครราชสีมาอีกด้วย” โดยในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลายประเด็น ซึ่งทางรองผู้ว่าการรถไฟจะนำไปเสนอต่อคณะกรรมการบริหารกิจการรถไฟ เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป

ภาพ/ข่าว มานะ แย้มจะบก ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่างทีนิวส์ จังหวัดนครราชสีมา

[Wisarut]

รฟท.วางรางรถไฟทางคู่ฉลุย
เดลินิวส์
พุธที่ 16 สิงหาคม 2560 เวลา 08.00 น.

รฟท.เผยงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยเร็วกว่าแผน 17.83% ผู้รับเหมาเริ่มวางราง
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า การโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง 3 แห่ง ระยะทาง 97 กม. มีความคืบหน้า 51.59% จากแผนงาน 33.76% เร็วกว่าแผน 17.83% ขณะนี้ผู้รับเหมาเริ่มวางรางรถไฟแล้วบางส่วน โดยเฉพาะช่วงบริเวณ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนปัญหาอุปสรรคในช่วงนี้สามารถดำเนินการได้ตามปกติ ยกเว้นมีฝนตก ตามแผนใช้เวลาการก่อสร้าง 36 เดือน เริ่มมี.ค.59 และเสร็จ ก.พ. 62

ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ ระยะทาง 9 กม. พร้อมอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย ระยะทาง 1.2 กม.คืบหน้าผลงานรวม 82.25% ช้ากว่าแผนงาน 7.57% เนื่องจากก่อนหน้านี้ติดปัญหาขั้นตอนการขออนุญาตหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น จ.สระบุรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ เพื่อระเบิดจุดบริเวณดังกล่าว แต่ขณะนี้การเจาะอุโมงค์แล้วเสร็จ ผู้รับเหมากำลังตกแต่งอุโมงค์คาดว่า 45 วัน จะแล้วเสร็จ หลังจากนั้นปรับแผนดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น อาทิ การวางรางรถไฟต่างๆ เพื่อให้แล้วเสร็จตามแผนเดือน มี.ค. 61 เนื่องจากสัญญา 2 นี้ใช้เวลาดำเนินการ 25 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 59 ที่ผ่านมา

[Mongwin]

รฟท.แจงรูปแบบรถไฟยกระดับผ่านเมืองโคราช 4.3 กม. ใช้งบกว่า 2.1 พันล้าน โครงการช้า 17-18 เดือน
มติชนออนไลน์ วันที่ 16 สิงหาคม 2560 - 13:04 น.



รฟท.แจงรูปแบบรถไฟยกระดับผ่านเมืองโคราช ระยะ 4.3 กม. ใช้งบกว่า 2.1 พันล้าน โครงการช้า 17-18 เดือน บทสรุปถูกท้วงติงต้องนำไปปรับรูปแบบเล็กน้อย

ที่ห้องประชุมอาเซียน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมคณะทำงานแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ได้มาชี้แจงความคืบหน้าการแก้ไขรูปแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงผ่านเขตเมือง นครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา นายสมบูรณ์ ชัยศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 5 นครราชสีมา นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครราชสีมา นายศิระ บุญธรรมกุล ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา นายพรชัย ศิลารมย์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครราชสีมา ที่ 2 นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนคร (ทน.) นครราชสีมา นายชัชวาล วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟังบรรยายสรุปพร้อมเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและซักถามข้อสงสัย



นายประเสริฐ ฯ รองผู้ว่า รฟท. ในฐานะรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน กล่าวว่า รถไฟทางคู่ สามารถตอบโจทย์การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโดยสารทางรางได้รวดเร็ว ปลอดภัยและลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้ดีที่สุด แต่รูปแบบโครงการรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ซึ่งมีระยะทางทั้งสิ้น 132 กิโลเมตร มูลค่า 24,115 ล้านบาท โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ออกแบบเป็นทางรถไฟระดับพื้นดิน ซึ่งต้องปิดจุดตัดถนนข้ามทางรถไฟพร้อมสร้างรั้วกั้นสูง 2 เมตร และก่อสร้างทางข้ามรถไฟในบางจุด ทำให้มีปัญหาเรียกร้องจากชาวโคราชและชาวสีคิ้ว ขอให้ปรับรูปแบบเป็นทางรถไฟยกระดับช่วงผ่านเขตเมือง มิเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รฟท. จึงได้ตั้งคณะทำงาน ฯ ซึ่งเป็นวิศวกรผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่หาข้อมูลวิศวกรรมโครงสร้างและข้อดีข้อเสีย รวมทั้งผลกระทบทุกๆด้าน อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ทั้งงบประมาณ ระยะเวลาการดำเนินการและสัญญาจ้างงานของโครงการรถไฟทางคู่ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ กำหนดแล้วเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 62 และ ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี อยู่ระหว่างนำเสนอ ครม.ให้อนุมัติ คาดไม่เกิน 2 ปี และจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ที่สำคัญหัวรถจักรค่อนข้างเก่าและใช้น้ำมันดีเซลเป็นพลังงาน การยกระดับอาจมีปัญหาในสภาพความเป็นจริง ขบวนรถไฟไม่สามารถไต่ระดับได้ตามที่ต้องการ



คณะทำงานได้นำเสนอทางเลือกที่ 2 ซึ่งเป็นทางรถไฟยกระดับความยาว 4.3 กิโลเมตร งบประมาณ 2,133 ล้านบาท และทำให้โครงการต้องล่าช้า 17-18 เดือน รูปแบบเริ่มตั้งแต่หลักเสาโทรเลขรถไฟที่ 261+637 ลอดใต้ทางต่างระดับนครราชสีมาหรือสะพานถนนเลี่ยงเมือง จากนั้นจึงยกระดับความสูง 5-6 เมตร ซึ่งต้องทุบสะพานข้ามทางรถไฟโรงแรมสีมาธานีและก่อสร้างตัวอาคารสถานีรถไฟนครราชสีมา ความสูงที่สามารถรองรับ ทางรถไฟยกระดับ

จากนั้นเริ่มกดต่ำหลังผ่านจุดตัดทางข้ามรถไฟถนนพิบูลละเอียด บริเวณห้าแยกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครราชสีมา (กฟภ.) เพื่อมาลงระดับพื้นดินที่สถานีชุมทางถนนจิระ ซึ่งสร้างสูงจากเดิมประมาณ 1-2 เมตร สิ้นสุดที่หลักเสาโทรเลขรถไฟ 265/919 ทำให้ไม่ต้องทุบสะพานสูงหัวทะเล แต่จุดตัดทางข้ามรถไฟถนนไชยณรงค์ บริเวณด้านหลังโรงแรมปัญจดาราและถนนเบญจรงค์ จะไม่สามารถข้ามได้ต้องใช้ถนนเลียบทางรถไฟแทน ส่วนจุดตัดทางข้ามรถไฟถนนราชดำเนิน บริเวณหน้าทางเข้าค่ายสุรนารี สร้างเป็นบล็อคความสูงประมาณ 3 เมตร นายสุรวุฒิ ฯ นายก ทน. ฯ จึงขอให้เพิ่มงบ เพื่อสร้างทางยกระดับให้ข้ามถนนเบญจรงค์และถนนไชยณรงค์ รวมทั้งความสูงของทางรถไฟยกระดับหน้าทางเข้าค่ายสุรนารี อาจมีปัญหาทำให้รถยนต์ของทหารบกที่มีความสูงมากกว่า 3 เมตร เช่นการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จะไม่สามารถแล่นข้ามได้ นอกจากนี้นายพรชัย ฯ ผอ.แขวงทางหลวงนครราชสีมา ที่ 2 กล่าวถึงการทุบสะพานข้ามโรงแรมสีมาธานี สามารถดำเนินการได้หาก รฟท.ต้องการ แต่ต้องเตรียมแก้ปัญหาการจราจร เนื่องจากในแต่ละวันมียานพาหนะแล่นผ่านไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคัน และต้องจัดทำทางกลับรถให้ด้วย ที่สำคัญงบดำเนินการ รฟท.ต้องรับผิดชอบทั้งหมด นายประเสริฐ ฯ รอง ผู้ว่า รฟท. จึงแจ้งให้ที่ประชุมให้รับทราบ เบื้องต้นรูปแบบทางเลือกที่ 2 ภาพรวมค่อนข้างพอใจแต่มีบางจุดต้องปรับรูปแบบให้ตรงความต้องการและเหมาะสมที่สุด กำหนดให้เสร็จทันก่อนประชุม ครม.สัญจร ในวันที่ 21-22 สค.นี้

[Mongwin]

เปิดกำหนดการประชุม ครม.สัญจรโคราช “บิ๊กตู่” เน้นลงพื้นที่แก้จัดการน้ำ ผู้ว่าจ่อชงขอเพิ่มงบ 3,000 ล้าน แก้แบบรถไฟทางคู่ฯ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 16 สิงหาคม 2560 - 13:29 น.

วันนี้ (16 ส.ค. 60) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 เวลา 17.00 น. ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการประชุมร่วมกับคณะสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) โดยมี นายนริสชัย ป้อมเสือ และ นายสุจินต์ เพชรเนียน สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมซึ่งขณะนี้ได้มีกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.สัญจร) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 21 – 22 สิงหาคม 2560 แล้วโดยจะใช้ ห้องสุรนารี อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรานารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นสถานที่จัดประชุม

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ ในวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2560 เวลา 07.00 น. นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 1 นครราชสีมา

จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และเดินทางต่อไปที่เทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อไปมอบเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจะมารับประทานอาหารกลางวัน พร้อมหารือกับ กรอ. ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

หลังจากนั้นจะไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปที่ บึงกระโตน อ.ประทาย รับฟังรายงานการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดนครราชสีมา และ บ้านหนองขี้เหล็ก ต.วังหิน อ.โนนแดง ซึ่งเป็นหมู่บ้านประสบปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินโครงการภายใต้แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ ตามพระราชดำริ โครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล

ส่วนวันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2560 นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่ห้องสุรนารี อาคารสุรสัมมนาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมรับประทานอาหารกลางวันในห้องประชุม

จากนั้นจะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน และเวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี จะเดินทางไปที่ท่าอากาศยานกองบิน 1 ขึ้นเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ กลับกรุงเทพฯ

สำหรับเรื่องด่วนที่ชาวโคราชนำโดย นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วย หอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ ได้ยื่นคัดค้านการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ช่วงผ่านตัวเมืองโคราชโดยไม่ยกระดับ ที่มีการพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมผ่านมา 2 ครั้งแล้ว และคาดว่าการประชุม “ครม.สัญจร” จะมีการยื่นเสนอเรื่องนี้กับทาง นายกฯประยุทธ์ และครม. อีกด้วย

และเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560 ห้องประชุมอาเซียนฯ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรียกประชุมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขแบบก่อสร้างรถไฟรางคู่ที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ 5 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและ รองผู้ว่าการ รฟท. มีแนวทางข้อสรุปเรื่องการยกระดับผ่านตัวเมืองยาวประมาณ 5 กม. เริ่มยกจากสถานีศรีษะละเลิง ลอดผ่านใต้สะพานต่างระดับสี่แยกปักธงชัย แล้วยกขึ้นไปสถานีหัวรถไฟ (นครราชสีมา) ตรงไปสถานีจิระ แล้วลงก่อนถึงสะพานสูงหัวทะเล ซึ่งเหลือการแก้แบบช่วงลงเพื่อผ่านสะพานสูงหัวทะเล สำหรับอำเภอสีคิ้วมีแนวทางที่จะยกระดับบางช่วง ทั้งนี้สรุปตัวเลขงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ทั้ง 2 แห่งเกือบ 3,000 ล้านบาท โดยเป็นช่วง อ.เมืองนครราชสีมา ประมาณ 2,100 ล้านบาท และช่วง อ.สีคิ้ว 800 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาต่อไป

[Mongwin]

โคราชชงครม.ของบ3พันล้านยกระดับทางคู่
โพสต์ทูเดย์ 17 สิงหาคม 2560 เวลา 08:01 น.

ผวจ.นครราชสีมา จ่อชง ครม.สัญจรขอเพิ่มงบ 3,000 ล้าน แก้แบบยกระดับรถไฟทางคู่ผ่านตัวเมืองแก้รถติด

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่ผ่าน จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ในวันที่ 22 ส.ค.นี้

ทั้งนี้ การขอแก้ไขแบบก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าว เพื่อยกระดับเหนือพื้นดินช่วงผ่านตัวเมืองนครราชสีมาระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร คาดว่าใช้งบประมาณจำนวน 3,000 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจรในตัวเมืองนครราชสีมา

ขณะที่ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 21 ส.ค.จะมอบเอกสารสิทธิที่ดินให้ราษฎรในพื้นที่เทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา จากนั้นจะรับประทานอาหารกลางวันและหารือกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ช่วงบ่ายเยี่ยมชมบึงกระโตน อ.ประทาย และบ้านหนองขี้เหล็ก ต.วังหิน อ.โนนแดง ซึ่งเป็นหมู่บ้านประสบปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง และดำเนินโครงการภายใต้แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ ตามพระราชดำริ ส่วนวันอังคารที่ 22 ส.ค.จะประชุม ครม.และเดินทางกลับ กทม.ในเวลา 13.30 น.

[Mongwin]

ITD-CK-STEC-UNIQ-PLE-TRC ยื่นซองชิงรถไฟทางคู่ 5 สัญญา 3 เส้นทาง มูลค่ารวมกว่า 3.6 หมื่นลบ.
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 15 สิงหาคม 2560 10:57:52 น.

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยผลการยื่นซองข้อเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 สัญญา 3 เส้นทางรวมมูลค่ากว่า 3.6 หมื่นล้านบาท มีผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ยื่นเข้าประมูลทุกสัญญา ได้แก่ บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมต์ (ITD) บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บมจ.ช.การช่าง (CK) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)

ทั้งนี้ จะทราบผลผู้มีสิทธิเสนอราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในวันที่ 21 ส.ค.60 ทั้ง 5 สัญญา โดยกำหนดวัน e-Auction สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร ทั้งสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ , โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 เคาะราคาในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 กำหนดเคาะราคาในวันที่ 4 ก.ย.นี้

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา–คลองขนานจิตร ราคากลาง 7,721.13 ล้านบาท มีผู้ยื่นซองประมูล 10 ราย ได้แก่
- ITD
- UNIQ
- CK
- STEC
- TBTK Joint Venture (บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด และ บริษัท อึ้งทงกี่ จำกัด )
- TC Joint Venture (บริษัท ซีวิล เอนจิเนียริ่ง จำกัด และ บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด)
- บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง
- CT Joint Venture ( China Harbour Engineeing Co.,Ltd และ บริษัท ทิพากร จำกัด)
- KS-K Joint Venture (บริษัท เคเอสร่วมค้า และ บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด)
- TTN Joint Venture (Texmaco Rail & Engineering Limited
- บริษัท ธาราวัญ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นภาก่อสร้าง)

และ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร–ชุมทางถนนจิระ ราคากลาง 7,060.58 ล้านบาท มีผู้ยื่นซองประมูล จำนวน 11 ราย ได้แก่
- ITD
- UNIQ
- CK
- STEC
- TBTK Joint Venture (บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด และ บริษัท อึ้งทงกี่ จำกัด )
- TC Joint Venture (บริษัท ซีวิล เอนจิเนียริ่ง จำกัด และ บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด)
- บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด
- บริษัท เพาเวอร์ คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี จำกัด
- CT Joint Venture ( China Harbour Engineeing Co.,Ltd และ บริษัท ทิพากร จำกัด)
- บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1994) จำกัด
- KS-K Joint Venture (บริษัท เคเอสร่วมค้า และ บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด)

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร
สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย ราคากลาง 6,579.91 ล้านบาท มีผู้ยื่นซองประมูล 12 ราย ได้แก่
- ITD
- UNIQ
- CK
- STEC
- TBBT Joint Venture (บริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด)
- กิจการ่วมค้าไทยพีคอน-ซีวิล(บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท ซีวิลเอนจิเนียริ่ง จำกัด)
- บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด
- บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด
- PS Joint Venture (บริษัท สหการวิศกร จำกัด (บ.ย่อย TRC) และ บริษัท เพาเวอร์ คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี จำกัด )
- บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1994) จำกัด
- TTN Joint Venture (Texmaco Rail & Engineering Limited, บริษัท ธาราวัญ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นภาก่อสร้าง)
- KS-C Joint Venture (บริษัท เคเอสร่วมค้า และ China Railway 11th Bureau Group Corporation Ltd.)

สัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย-ชุมพร ราคากลาง 6,071.50 ล้านบาท มีผู้ยื่นซองประมูล 12 ราย ได้แก่
- ITD
- UNIQ
- CK
- TBBT Joint Venture (บริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด)
- บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด
- บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1994) จำกัด
- บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด
- PS Joint Venture (บริษัท สหการวิศกร จำกัด (บ.ย่อย TRC) และ บริษัท เพาเวอร์ คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี จำกัด )

- STPP Joint Venture (STEC และ บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด)
- PPD EMRAIL Joint Venture (บริษัท พี.พี.ดี. คอนสตัคชั่น จำกัด และ EMRAIL Sdn. Bhd (Company No. 13875-D)
-TTN Joint Venture (Texmaco Rail & Engineering Limited, บริษัท ธาราวัญ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นภาก่อสร้าง)
- KS-C Joint Venture (บริษัท เคเอสร่วมค้า และ China Railway 11th Bureau Group Corporation Ltd.)

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ ราคากลาง 8,813.30 ล้านบาท มีผู้ยื่นซองประมูล 12 ราย ได้แก่
- ITD
- UNIQ
- CK
- STEC
- TBBT Joint Venture (บริษัท บุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท กิจการร่วมค้า ทีบีทีซี จำกัด)
- TC Joint Venture (บริษัท ซีวิล เอนจิเนียริ่ง จำกัด และ บริษัท ไทยพีค่อนและอุตสาหกรรม จำกัด)
- บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด
- SPN Joint Venture (บริษัท ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่นลิมิเต็ด, บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE)และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นภาก่อสร้าง)
- PS Joint Venture (บริษัท สหการวิศกร จำกัด (บ.ย่อย TRC) และ บริษัท เพาเวอร์ คอนสตรัคชั่น เทคโนโลยี จำกัด)
- บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1994) จำกัด
- KS-K Joint Venture (บริษัท เคเอสร่วมค้า และ บริษัท กรุงธนเอนยิเนียริ่ง จำกัด)
- PPD-THERDTHAI-EMRAIL Joint Venture (EMRAIL Sdn. Bhd (Company No. 13875-D, บริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด และ บริษัท พี.พี.ดี.คอนสตัคชั่น จำกัด)

[Mongwin]

ความเห็นยกระดับรถไฟทางคู่ | 17 ส.ค. 60 | ปรากฏการณ์ข่าวจริง
SpringNews Published on Aug 17, 2017

วันที่ 17 ส.ค.60 โครงการรถไฟทางคู่เส้นชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ช่วงผ่าเข้าตัวเมืองนครราชสีมา กำลังเป็นข้อกังวลของผู้คนในท้องที่ เกรงว่าจะเป็นการแบ่งแยกเมืองเป็นสองฝั่ง และทำให้การสัญจรผ่านไปมายากลำบาก และล่าสุดทางจังหวัดนครราชสีมา เตรียมเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนโครงการฯ ถึงแนวทางที่จะแก้ปัญหาต่างๆในชุมชน หากมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ในการประชุม ครม.สัญจร วันที่ 21-22 สิงหาคมนี้


https://www.youtube.com/watch?v=8vligSrzWHM

[Mongwin]

นายกฯเตรียมบินประชุมบริกส์ลงนามสัญญารถไฟไทย-จีน2
คมชัดลึก 17 ส.ค. 60

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 17 ส.ค.60 ว่า ที่ประชุมฯ หารือเรื่องร่างสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ฉบับที่ 2.2 งานที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา ระยะเวลา 52 เดือน โดยสรุปวงเงินค่าจ้างตามสัญญาอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท วงเงินดังกล่าวสูงกว่างบประมาณที่กำหนดไว้เบื้องต้นจำนวน1,600 ล้านบาท เพราะค่าใช้จ่ายไปแฝงตัวกับรายงานต่างๆ จึงต้องดึงออกมาและจะรายงานรายละเอียดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ แต่ประเด็นนี้จะไม่กระทบต่อวงเงินก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมาในภาพรวม ซึ่งอยู่ที่ 179,413 ล้านบาท

หลังจากนี้ คณะทำงานฯ จะต้องสรุปรายละเอียดสัญญา 2.2 ให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ โดยที่ประชุมฯ สั่งให้ปรับลดบุคคลกรควบคุมงานในสัญญา 2.2 ลงอีก จากปัจจุบันมีบุคลากรฝ่ายไทย 400 คนและฝ่ายจีน 50 คน จากนั้นจะเสนอร่างสัญญา 2.2ให้คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เห็นชอบ ก่อนเสนอให้สำนักงานอัยการสูงสุดและ ครม. พิจารณาตามลำดับ

สำหรับร่างสัญญาฉบับที่ 2.1งานจ้างออกแบบรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา วงเงิน 1,706 ล้านบาท กระทรวงคมนาคมจะให้ ครม. สัญจรเห็นชอบในวันที่ 21-22 ส.ค.นี้ จากนั้นตั้งเป้าหมายให้ ร.ฟ.ท. และจีนจะลงนามสัญญาฉบับที่ 2.1 และ 2.2ได้พร้อมกัน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางเข้าร่วมประชุม BRICS Summit ครั้งที่ 9 ณ เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยนประเทศจีน ระหว่างวันที่ 4-5 ก.ย. นี้ โดยตอนนี้ยังคงเป้าหมายจะตอกเสาเข็มรถไฟไทย-จีน ระยะ 3.5 กิโลเมตรแรก ช่วงกลางดง-ปางอโศกในเดือน ต.ค.60 นี้

นายอาคม ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงที่ผ่านตัวเมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งจะปรับทางวิ่งจากระดับพื้นดินเป็นทางยกระดับว่า ประเด็นนี้ทำให้ต้องชะลอการประมูลรถไฟทางคู่ เส้นทางมาบกะเบา-จิระสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร–ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 70 กิโลเมตร มูลค่า 7,060 ล้านบาท เนื่องจากต้องออกแบบเพิ่มเติมและออกเงื่อนไขการประมูล (TOR) ใหม่

รายงานข่าวกล่าวว่า ตอนนี้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางมาบกะเบา-จิระ สัญญา 2 อยู่ระหว่างการประมูล โดยอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบข้อเสนอด้านคุณสมบัติและเทคนิคของเอกชน 11 ราย ซึ่งจะประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 21 ส.ค. นี้ และจะเปิดให้เสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์วันที่ 1 ก.ย. นี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าการออกแบบจะทำให้การประมูลต้องล่าช้าออกไปราว 1 ปีครึ่ง

[Mongwin]

คมนาคมสั่งชะลอทางคู่ แก้แบบก่อสร้าง
เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV18 สิงหาคม 2560 11:03 น.

คมนาคมสั่งชะลอทางคู่ผ่านเมืองนครราชสีมา เหตุแก้แบบก่อสร้าง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่จะตามมาและผลกระทบอื่นในอนาคต

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้สั่งให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. ชะลอการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ ช่วง มาบกะเบา ชุมทางถนนจิระ ในสัญญาที่ 2 ช่วงผ่านตัวเมืองโคราชออกไปก่อน จากเดิมเตรียมประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติภายในวันที่ 21 ส.ค. นี้ เพราะมีการปรับแก้แบบก่อสร้างทั้งนี้จะปรับแบบก่อสร้างเส้นทางช่วงผ่านเมืองให้เป็นทางยกระดับตามข้อเสนอประชาชนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่จะตามมาและผลกระทบอื่นในอนาคต