คุณคิดเห็นอย่างไรกับการผลักดันจัดตั้ง กระทรวงรถไฟ

[Wisarut]

ก.คมนาคมมั่นใจตั้งกรมขนส่งทางรางธ.ค.59
INN News
ข่าวเศรษฐกิจ วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ.2559 7:09 น.

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มั่นใจ ตั้งกรมขนส่งทางราง ธ.ค. เตรียมชง ครม. เห็นชอบร่างกฎหมาย

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ว่า ขณะนี้ทางกระทรวงอยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง และจัดโครงสร้าง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ โดยหาก ครม.พิจารณาเห็นชอบแล้วมั่นใจว่า จะสามารถจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางอย่างเป็นทางการได้ ภายในเดือนธันวาคม 2559 หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการส่งมอบงานของแต่ละหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางราง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และคาดว่าจะประกาศรับพนักงานและบุคลากรที่จะเข้ามาดำเนินการได้ ในช่วงต้น ปี 2560 เบื้องต้นจะมาจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท

ด้าย นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการต่าง ๆ มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 เหลือเพียงการตรวจสอบข้อกฎหมาย ซึ่งจะพยายามเร่งรัดขั้นตอนทั้งหมดให้แล้วเสร็จและเสนอการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาปลายเดือนตุลาคม นี้

[Wisarut]

ครม.ไฟเขียวตั้ง "กรมขนส่งทางราง"-ผ่าทางตันแยกร่างการรถไฟฯ 3 บริษัทแก้หนี้ท่วม
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
27 ธันวาคม 2559 เวลา 15:33:29 น.


เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ .....) พ.ศ. ..... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง) และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ..... สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ .....) พ.ศ. ..... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง) ประกอบด้วย 1.ยกฐานะ "สำนักงานโครงการพัฒนาระบบราง" ที่เดิมสังกัด "สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ขึ้นเป็น "กรมการขนส่งทางราง" สังกัดกระทรวงคมนาคม เป็นส่วนราชการระดับกรม ทำหน้าที่หน่วยงานกลางเสนอแนะนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ วางแผนโครงข่าย บริหารงานด้านการขนส่งทางรางของประเทศ กำหนดและกำกับดูแลมาตรฐานระเบียบด้านความปลอดภัย / การซ่อมบำรุง / การประกอบการ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางของประเทศ

2.แยกหน่วยกำกับดูแล (Regulator) ออกจากหน่วยงานให้บริการ (Operator) โดยให้หน่วยงานกำกับดูแลทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานการให้บริการและความปลอดภัย กำหนดอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม การลงทุน การบำรุงรักษา และการบริหารจัดการ

3.มีแผนการจัดตั้งบริษัทใหม่ 3 บริษัท ได้แก่ "บริษัทเดินรถ (ภายใน พ.ศ.2567)" "บริษัทซ่อมบำรุงรางและล้อเลื่อน (ภายใน พ.ศ.2567)" และ "บริษัทบริหารทรัพย์สิน (ภายใน พ.ศ. 2563)" โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถือหุ้น 100% เพื่อฟื้นฟูกิจการการให้บริการขนส่งและโดยสารและแก้ไขปัญหาที่เป็นเหตุให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงภาพลักษณ์ ยกระดับการให้บริการทั้งเวลาและความปลอดภัย การบริหารจัดการทรัพย์สิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้

4.อัตรากำลังของกรมการขนส่งทางราง รวม 203 อัตรา มาจากการโอนอัตรากำลังของสำนักงานโครงการพัฒนาระบบราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จำนวน 20 อัตรา และสรรหาใหม่เพิ่มเติม 183 อัตรา

สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. ..... ประกอบด้วย

1.กำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางราง เพื่อกำกับดูแลมาตรฐานและความปลอดภัย / กำกับการประกอบกิจการ / วิจัยและพัฒนา / ส่งเสริมกิจการขนส่งทางรางให้สนับสนุนการพัฒนาการขนส่งรูปแบบอื่นๆ

2.มีคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบกิจการขนส่งทางราง โดยปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานฯ ทำหน้าที่ออกประกาศ กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำกับดูแลการประกอบกิจการขนส่งทางราง / กำกับดูแลการประกอบการเดินรถ / กำกับดูแลกิจการขนส่งทางราง / กำหนดโครงสร้างค่าโดยสาร ค่าระวาง และค่าธรรมเนียมต่างๆ

3.กรณีมีเหตุฉุกเฉินและจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์ของสาธารณะ อธิบดีอาจเข้าควบคุมดูแลกิจการขนส่งทางรางของผู้รับอนุญาตเป็นการชั่วคราวได้โดยให้สิทธิหน้าที่และอำนาจสั่งการเป็นของกรมการขนส่งทางรางจนกว่าเหตุจำเป็นหมดไป

4.อธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งผู้ตรวจการขนส่งทางรางเพื่อตรวจสอบควบคุมการประกอบกิจการการขนส่งทางราง

5.ผู้ประกอบการเดินรถจะเรียกเก็บค่าโดยสาร ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมเกินกว่าอัตราที่กำหนดไว้ไม่ได้

6.ผู้ประกอบการจะต้องจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ผู้ทุพพลภาพ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และเด็กอย่างเหมาะสม

7.อธิบดีอาจเพิกถอนอนุญาตได้หากผู้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิธีการประกอบกิจการที่ดีจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอย่างร้ายแรง และ

8. กำหนดบทลงโทษทั้งแพ่งและอาญากับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้

[Wisarut]

“สหภาพรถไฟฯ” ลั่น ค้านตั้งกรมการขนส่งทางรางอย่างถึงที่สุด
มติชน

วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา : 23:10 น.

“สหภาพรถไฟฯ” แสดงจุดยืน คัดค้านการตั้งกรมการขนส่งทางรางอย่างถึงที่สุด เตรียมประชุมหลังปีใหม่

วันนี้ (28 ธ.ค.) นายอำพน ทองรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า สหภาพฯรถไฟคัดค้านการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยากจะฝากข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลว่า บทบาทหน้าที่ของกรมขนส่งทางรางควรเป็นแค่ผู้กำกับดูแลนโยบาย ไม่ใช่เป็นผู้เข้ามาบริหารงานอย่างที่ระบุไว้ในเนื้อหาที่ครม.อนุมัติ นอกจากนี้มองว่าการเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งบันบนระบบรางอย่างเสรี การตั้งบริษัทลูกคือ บริษัทเดินรถและบริษัทซ่อมบำรุง เป็นการสอดไส้ในเนื้อหาที่ทางสหภาพฯ ไม่เห็นด้วย

“เนื้อหาที่สอดแทรกทั้งการให้อำนาจกรมการขนส่งทางรางเข้ามาบริหาร การตั้งบริษัทลูกคือ บริษัทเดินรถและบริษัทซ่อมบำรุง ทางสหภาพฯการรถไฟไม่เห็นด้วย และจะดำเนินการคัดค้านให้ถึงที่สุด เนื่องจากมองว่าจำเป็นต้องตั้งกรมการขนส่งทางราง ปัจจุบันสามารถดำเนินการบริหารจัดการภายในองค์กรได้อยู่แล้ว หากให้อำนาจในการบริหาร โดยเฉพาะการเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันบนระบบรางอย่างเสรีอาจจะเกิดปัญหากับการรถไฟฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากหยุดเทศกาลปีใหม่ทางสหภาพฯ จะนัดประชุมสมาชิกเพื่อหารือและกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกัน” นายอำพนกล่าว

นายอำพนกล่าวว่า สำหรับการตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สิน ทางสหภาพฯ เห็นด้วย เนื่องจากการบริหารพื้นที่รถไฟกว่าแสนไร่ ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ชำนาญการที่จะมาดูแลในเรื่องนี้ จึงมองว่าหากมีการตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สินนี้ขึ้นจะทำให้มีการจัดการที่ดินทางรถไฟให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินในเชิงพาณิชย์

[Wisarut]

หาก สร.รฟท.รักรถไฟ คิดถึงลูกหลานรถไฟจากใจจริง กรุณาอย่าคัดค้านการตั้งกรมการขนส่งทางราง เลยนะครับ !
ภาณุมาศ ทักษณา
วันที่: 29 ธันวาคม 2559




วานนี้ 28 ธันวาคม 2559 ผมเขียนบทความเรื่อง ขอแสดงความยินดีกับ “รถไฟไทย” ที่จะก้าวสู่ความทันสมัยเหมือนนานาอารยะ !

และเขียนทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า “และหวังอย่างยิ่งว่า “ไอ้พวกมือไม่พายแต่เอาตีนราน้ำใน ร.ฟ.ท.” คงไม่ออกมาคัดค้านนะ

หรือหากจะมีบางคนทำตัวเป็นตัวถ่วงความเจริญ ผมก็ขอให้ นายกฯลุงตู่ ใช้มาตรา 44 เฉือนเนื้อร้ายทิ้งไปเลยครับ ร.ฟ.ท.จะได้เจริญก้าวหน้าเหมือนนานาอารยะประเทศเสียทีครับ !”

เพราะคาดเดาได้ว่า น่าจะมีการเคลื่อนไหวของบรรดาสหภาพแรงานฯของ ร.ฟ.ท.ปรากฎว่าเช้านี้ 29 ธันวาคม 2559 มติชน พาดหัวข่าวหรา สหภาพ รฟ.ค้านตั้งกรมราง เล็งเคลื่อน-ชี้เข้าคุมบริหาร

รายละเอียดมีว่า คุณอำพน ทองรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย บอกว่าที่ผ่านมา สหภาพฯรถไฟคัดค้านการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางมาอย่างต่อเนื่อง หลังปีใหม่นี้จะกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกัน

และอื่น ๆ อีกหลายประเด็นสรุปคือ คนกลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่คนกลุ่มนี้ก็รู้ดีว่า การรถไฟฯมีหนี้สินเป็นแสนล้าน จน “เน่า” ไปทั้งตัวแล้ว

ผมขอสื่อสารถึง คุณอำพน และกรรมการ สร.ร.ฟ.ท.ว่า ควรศึกษาข้อดีข้อเสียในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างละเอียดเสียก่อน อย่ายึดแนวทางเดิม ๆ ของสหภาพฯ คือ “ต้องค้านไว้ก่อน”เลยครับ

ในฐานะลูก ร.ฟ.ท.คนหนึ่ง ผมเรียกร้องให้ “ผ่าตัด” องค์กรนี้มานานแล้ว และอยากเห็นการพัฒนาบ้านพัก ครฟ.กม.11 ให้ดีขึ้นไม่ใช่ปล่อยให้เป็นสลัม(หรือให้คนอื่นเช่า)อย่างทุกวันนี้

และนี่คือโอกาสดีของชาวรถไฟที่จะได้รับการรักษาเยียวยาจากรัฐบาล คสช.ที่ไม่ได้เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากรถไฟจนข้างในกลวงโบ๋อย่างที่เห็นกันอยู่นะครับ

อยากบอกคุณอำพน และกรรมการ สร.รฟท.ว่า ผมเคยเรียกร้องให้รัฐบาลที่ผ่านมา พัฒนาย่านพหลฯให้เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางบกมาแล้วด้วย

และเคยเรียกร้องให้ย้ายสถานีหัวลำโพงมาไว้บางซื่อ แล้วที่โน่นก็ทำพิพิธภัณฑ์รถไฟเอาไว้ให้คนได้ศึกษา เพราะถ้าพัฒนาย่านพหลฯได้จริงก็จะเป็นหน้าตาของคนรถไฟทุกคน

ทำไมคุณอำพนและเพื่อน ๆ ใน สร.รฟท.ไม่คิดถึงตรงนี้บ้าง เพราะถึงอย่างไรคุณและเพื่อน ๆ ก็ต้องเกษียณพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไม่ต่างจาก ประธานฯและกรรมการ สร.รุ่นก่อน ๆ หรอกนะครับ

อยากให้คิดถึงลูกหลาน ร.ฟ.ท.ที่ กม.11 ให้มากครับ หันกลับมาช่วยรัฐบาลด้วยการชี้ว่าควรปรับปรุง ร.ฟ.ท.ตรงไหนบ้างจะดีกว่าไหมมาตั้งแง่ว่า เขาจะมาทำอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ

แทนการเคลื่อนไหวคัดค้านรัฐบาล คสช.ซึ่งเสี่ยงกับการถูกมองว่า ขัดขวางการปฏิรูปประเทศแล้ว คนรถไฟด้วยกันเองที่อยากเห็น รถไฟไทยได้รับการพัฒนาก็อาจมองพวกคุณในแง่ร้ายก็ได้

อยากฝากบทความนี้ให้คุณอำพน นำไปให้เพื่อน ๆ ที่เป็นกรรมการ สร.รฟท.ได้อ่านในวันที่มีการประชุมทุกคนครับ หลังจากนั้นแล้ว ก็แล้วแต่พวกคุณจะตัดสินใจนะครับ !

[Wisarut]

พิชิต” สั่งรถไฟปั๊มรายได้เพิ่มปีละหมื่นล้าน ขีด 3 เดือนตั้ง บ.บริหารทรัพย์สินฯ พัฒนาทำเลทอง
โดย MGR Online
28 ธันวาคม 2559 16:16 น. (แก้ไขล่าสุด 28 ธันวาคม 2559 17:47 น.)

"พิชิต"ลั่นรฟท.ต้องมีรายได้เพิ่ม4เท่า/ปี
โพสต์ทูเดย์
28 ธันวาคม 2559 เวลา 16:18 น.



“พิชิต” สั่งรถไฟทำ 3 แผนหลักเพื่อปฎิรูปองค์กร ลดขาดทุน ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ปีละหมื่นล้าน พร้อมเร่งตั้ง บ.บริหารทรัพย์สินใน 3 เดือน ดึงมืออาชิพช่วยพัฒนาที่ดินทำเลทองและทั่วประเทศให้มีรายได้เพิ่มอีก 3-4 เท่าจากปัจจุบันที่มีรายได้แค่ปีละ 3 พันล้าน ชี้ศักยภาพที่ดินรถไฟสูงมากแต่บริหารได้ผลตอบแทนต่ำ ขณะที่สั่งทำแผนเพิ่มรายได้จากผู้โดยสารและสินค้า และพัฒนาโครงข่ายเชื่อม EEC ระบุอาจต้องปรับเพิ่มค่าเช่าที่ดินบ้างแบบทยอยเพื่อไม่ให้กระทบผู้เช่าเดิม

นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับคณะกรรมการ (บอร์ด) และผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่าได้ให้นโยบายและติดตามงานของ ร.ฟ.ท.ซึ่งพบว่าจะต้องเร่งปฏิรูปรถไฟให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง และลดการขาดทุนให้ได้ โดย ร.ฟ.ท.จะต้องสร้างรายได้เพิ่มให้ได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ขาดทุนจากการเดินรถประมาณ 7,500 ล้านบาทต่อปี จากกิจการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 280-300 ล้านบาทต่อปี จึงต้องขอรับการอุดหนุนจากรัฐทุกปี ซึ่งกลายเป็นภาระของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดย ร.ฟ.ท.จะต้องเร่งจัดทำแผนใน 3 เรื่อง คือ การบริหารทรัพย์สิน โดยให้เร่งรัดแผนการการจัดตั้งบริษัทพัฒนาสินทรัพย์ให้ได้ภายใน 3 เดือน เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินรถไฟที่มีจำนวนมากให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่ดินที่ไม่เกี่ยวกับการเดินรถอย่างน้อย 4 หมื่นไร่ที่มีศักยภาพ

2. แผนปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้จากการเดินรถโดยสารและรถสินค้า 3. ทำแผนการพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องกับแผนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยให้ส่งแผนภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะต้องตั้งคณะทำงานเรื่องปฏิรูปโดยตรง และทำงานประสานกับคณะทำงานของกระทรวง คมนาคม เพื่อเร่งนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป


โดยปัจจุบันผลตอบแทนจากที่ดินรถไฟทั่วประเทศ มีประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี หรือเพียง 1% เมื่อเทียบกับราคาตลาดขององค์กรอื่นๆ ที่เฉลี่ยมีถึง 4-5% ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทรัพย์สินได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตลาดมาก ดังนั้น การตั้งบริษัทพัฒนาสินทรัพย์จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้อีก 3-4 เท่าตัว และทำให้ ร.ฟ.ท.พลิกฟื้นสถานการณ์สร้างรายได้เพิ่ม โดยบริษัทพัฒนาสินทรัพย์จะเป็นบริษัทลูกที่ ร.ฟ.ท.ถือหุ้น 100% เพื่อดูแลในเชิงนโยบาย ส่วนการบริหารจัดการจะมีรูปแบบเป็นเอกชน มีความคล่องตัวเพราะแยกระบบบัญชี และดึงมืออาชีพ หรือ Outsource มาช่วย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาบุคลากรของ ร.ฟ.ท.อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้การพัฒนาที่ดินรถไฟนอกจากสร้างรายได้เพิ่มให้องค์กรแล้วยังเป็นการพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครของโลกอีกด้วย

ส่วนการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้จากการเดินรถโดยสารจะต้องแยกกลุ่มผู้โดยสาร เพื่อจัดรูปแบบการให้บริการให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า เช่น กลุ่มที่มีรายได้สูง สามารถสร้างรายได้จากลูกค้ากลุ่มนี้ โดยสร้างบริการที่ดี เช่น เชื่อมต่อเข้าสถานีสะดวก มีจุดจอดรถ และมีความปลอดภัยในการใช้บริการ เพราะรายได้จากผู้โดยสารกลุ่มนี้จะไปช่วยดูแลรายได้จากผู้โดยสารกลุ่มที่มีรายได้น้อยได้ ซึ่งจะนำ ข้อมูลจากการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลมาใช้ประโยชน์ ไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ในการใช้งบประมาณ ส่วนการขนส่งสินค้านั้นจะต้องพยายามให้เกิดการชิพโหมดจากรถบรรทุกมาใช้รถไฟให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ของ ร.ฟ.ท.แล้วยังเป็นการลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล อีกด้วย

สำหรับ EEC เขตเศรษฐกิจความหวังของประเทศในการดึงดูดการลงทุนจากประเทศ และยกระดับอุตสาหกรรมไทยจากระดับการพึ่งพาแรงงาน เป็นพึ่งพาองค์ความรู้ ซึ่ง ร.ฟ.ท.มีหน้าที่ในการเชื่อมต่อระบบลอจิสติกส์จากกรุงเทพฯ และทั่วทุกภาคของประเทศเข้าสู่ EEC

“แม้ ร.ฟ.ท.จะมีหนี้สินกว่าแสนล้านบาท แต่ยังน้อยเมื่อเทียบกับศักยภาพของสินทรัพย์ แม้จะโอนที่ให้คลัง เพื่อล้างหนี้ แต่ถ้าไม่หารายได้เพิ่มต่อไปหนี้จะกลับมาอีก จึงต้องแก้แบบยั่งยืน ซึ่งทรัพย์สินรถไฟมีจำนวนมาก ที่ดินแปลงใหญ่ เช่น บางซื่อ กม.11, สถานีแม่น้ำ อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอคณะกรรมการ PPP แล้ว ส่วนที่ดินมักกะสัน มติ คนร.เดิมต้องการโอนให้กระทรวงการคลังเพื่อล้างหนี้กว่า 6 หมื่นล้าน ล่าสุด ร.ฟ.ท.มีแนวคิดจะบริหารจัดการเอง เชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็ว ส่วนที่มีสัญญาผู้เช่าเดิมต้องยอมรับว่า ค่าเช่าต่ำเกินไป ดังนั้นต้องปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้เช่าเดิม ค่าเช่าจะต้องเป็นไปตามอัตราตลาด และหากสามารถตั้งบริษัทพัฒนาสินทรัพย์ได้ภายใน 3 เดือน เชื่อว่าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ปี 2560 นี้ และเป้าหมายแรกจะต้องแก้หนี้ 6 หมื่นล้านให้ได้ก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละหมื่นล้านนี้” นายพิชิตกล่าว

//------------

สั่งร.ฟ.ท.ตั้งบริษัทสินทรัพย์ หวังเพิ่มรายได้ปีละหมื่นลบ.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 29 ธันวาคม 2559, 08:45

"พิชิต" สั่ง "ร.ฟ.ท." เร่งแผนปฏิรูปตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ใน 3 เดือน ดันรายได้เพิ่มปีละ 1 หมื่นลบ. เตรียมถกคนร.พัฒนาที่ดินมักกะสัน 5 ม.ค.

กระทรวงคมนาคมเดินหน้าปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติขนส่งทางร่าง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเร่งให้จัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ให้เสร็จภายใน 3 เดือน

ตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะมีการปรับโครงสร้างร.ฟ.ท.ใหม่ โดยจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางขึ้นมากำกับดูแล ขณะที่ร.ฟ.ท.จะแยกการบริหารเป็น 3 บริษัทย่อย คือ บริษัทเดินรถ บริษัทซ่อมบำรุงและล้อเลื่อน และบริษัทบริหารสินทรัพย์

หลังจากครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯ เพียงวันเดียว นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้กำกับดูแลร.ฟ.ท. ได้ประชุมมอบนโยบายให้กับคณะกรรมการและผู้บริหารร.ฟ.ท.วานนี้ (28 ธ.ค.) โดยเร่งให้เร่งดำเนินการปฏิรูปให้เป็นรูปธรรม

นายพิชิต กล่าวว่า ร.ฟ.ท.ต้องดำเนินแผนปฏิรูปองค์กรให้เป็นรูปธรรมและลดการขาดทุนเนื่องจากการที่ ร.ฟ.ท. ขาดทุนในลักษณะนี้ทำให้ต้องขอเงินสนับสนุนจากภาครัฐอยู่ทุกปี ถือเป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนและทำให้องค์กรไม่มีโอกาสพัฒนาไปข้างหน้า จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงและอยากให้แก้ไขโดยเร็ว

“ตั้งเป้าหมายว่า ร.ฟ.ท.ต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างต่ำปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชดเชยผลขาดทุนปีละ 7,800 ล้านบาท มาจากจากการเดินรถ 7,500 ล้านบาทต่อปีและธุรกิจรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ราว 280-300 ล้านบาทต่อปี”

สั่งตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ใน3เดือน

นายพิชิต กล่าวว่า แนวทางคือ ร.ฟ.ท. ต้องจัดตั้งบริษัทพัฒนาบริหารสินทรัพย์การรถไฟให้แล้วเสร็จภายใน3เดือนและเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวทั้ง 100% แต่การบริหารจัดการจะมีความคล่องตัวแบบเอกชนเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดูแลและบริหารทรัพย์สินมากขึ้น

โดยเฉพาะการนำที่ดินเกือบ 40,000 ไร่ ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการเดินรถและคิดเป็น 80% ของทรัพย์สินทั้งหมดไปสร้างผลตอบแทนเชิงพาณิชย์อย่างคุ้มค่า เช่นบริเวณสถานีกลางบางซื่อ สถานีมักกะสัน และสถานีแม่น้ำ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่และควรเร่งเปิดประมูลทั้งหมดภายในปี 2560 ตลอดจนการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ตามแนวรถไฟความเร็วสูง

ทั้งนี้ปัจจุบัน ร.ฟ.ท. มีรายได้จากการบริหารที่ดินเพียง 3,000 กว่าล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่ต่ำกว่ามาตรฐานของตลาดค่อนข้างมาก และอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1% เท่านั้น ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับองค์กรอื่นๆ ซึ่งใกล้เคียงกับ ร.ฟ.ท. ที่ทำได้ถึง 4-5%

ชี้ปรับวิธีบริหารสินทรัพย์ดันรายได้เพิ่ม4เท่า

สำหรับกรณีที่มีผู้กังวลว่า การบริการจัดการแบบใหม่จะกระทบต่อค่าเช่าและผู้เช่าเดิมนั้น นายพิชิต ระบุว่า ได้ย้ำกับ ร.ฟ.ท. ว่าต้องดูแลให้เป็นไปตามอัตราของตลาด ไม่เอาเปรียบประชาชน และต้องไม่กระทบกับผู้เช่ามากเกินไป โดยอาจจะค่อยๆ ปรับขึ้น เพราะที่ผ่านมา ร.ฟ.ท. บริหารจัดการในลักษณะที่ต่ำเกินไปหรืออาจจะไม่ได้เก็บค่าเช่าในบางพื้นที่ ดังนั้นหากไม่มีการบริหารจัดการกันใหม่ก็เหมือนกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของ ร.ฟ.ท. ถูกคนอีกกลุ่มหนึ่งเอาเปรียบ

“การเปลี่ยนวิธีบริหารทรัพย์สินครั้งนี้จะทำให้รายได้ของการรถไฟฯ เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว ซึ่งจะช่วยให้สามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน โดยผมมั่นใจว่าภายในปี 2560 การรถไฟฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นและอีก2ปีน่าจะเห็นชัดเจนว่าสามารถปลดหนี้ได้หรือไม่” นายพิชิตกล่าว

ตั้งคณะทำงานร่วมเดินหน้าปฏิรูป

นายพิชิต กล่าวถึงการปฏิรูป ร.ฟ.ท.ว่ายังต้องดำเนินการอีกหลายด้าน ทั้งการปรับปรุงการเดินรถ เพราะปัจจุบัน ร.ฟ.ท. มีผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม ทั้งผู้มีรายได้น้อยและรายได้มาก แต่กลับได้รับการบริการแบบเดียวกัน ซึ่งทางการตลาดนั้นจำเป็นต้องมีการแบ่งกลุ่มผู้โดยสารเพื่อจะได้ให้บริการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

นอกจากนี้ ร.ฟ.ท. ต้องทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ด้วยการเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์จากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ รวมถึงทำให้สัดส่วนการขนส่งสินค้าระบบรางมากขึ้น เมื่อโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้วเสร็จ

นายพิชิตได้มอบหมายให้ ร.ฟ.ท. ไปจัดทำแผนและรายละเอียดของข้อสั่งการทั้งหมดมานำเสนอภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า พร้อมให้ ร.ฟ.ท. ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าวและทำงานร่วมกับคณะทำงานของกระทรวงคมนาคมที่นายพิชิตจะตั้งขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อให้การปฏิรูปเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

“เบื้องต้นจะเร่งปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่ประมาณแสนล้านบาท โดยนำกระแสรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากแผนฟื้นฟูไปยื่นพร้อมกับแนวทางการชำระเงินที่แน่นอนในแต่ละปีผมเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะบริหารจัดการได้ไม่อยาก เพราะการรถไฟฯ เป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูงในการทำรายได้ เนื่องมาจากทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยเฉพาะที่ดินมักกะสัน สถานีแม่น้ำ และบางซื่อ เป็นพื้นที่แปลงสวยที่สุด สามารถทำรายได้ให้การรถไฟฯ และประเทศได้มหาศาล” นายพิชิต กล่าว

ถกแนวทางพัฒนาที่ดินมักกะสัน5ม.ค.

นายพิชิตยังกล่าวถึงการพัฒนาที่ดินมักกะสัน ของ ร.ฟ.ท. ว่า ส่วนตัวเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ยังเปิดช่องให้ ร.ฟ.ท. และกระทรวงการคลังได้หารือกันว่าแนวทางใดจะทำให้เกิดประโยชน์ที่สุด

“การประชุมคนร. วันที่ 5 ม.ค.นี้ จะมีการหารือเรื่องดังกล่าวและคนร. ก็มีแนวโน้มที่จะมีความเห็นไม่ขัดข้องหาก ร.ฟ.ท. จะพัฒนาพื้นที่เอง เพียงแต่เวลานี้ ร.ฟ.ท.ต้องแสดงศักยภาพให้เห็นว่าสามารถทำได้”

สคร.ชี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพร.ฟ.ท.

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า การจัดตั้งกรมขนส่งทางรางเป็นหนึ่งในแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ เพราะเป็นการแยกส่วนกำกับดูแลและฝ่ายปฏิบัติการออกจากกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจน และ ในอนาคตอาจจะเปิดให้เอกชนมาร่วมเดินรถ ซึ่งก็เป็นไปตามแนวทางการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่แยกบทบาทการกำกับดูแล ผู้กำหนดนโยบาย และฝ่ายปฏิบัติการออกจากกัน

นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา รองผู้อำนวยการสคร. กล่าวว่า กรมขนส่งทางรางจะเป็นผู้กำหนดราคาค่าบริการ หลักการเดียวกับที่กรมขนส่งกำกับดูแลราคาค่าบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ส่วนเรื่องการลงทุนระบบรางในอนาคตว่าใครจะต้องเป็นผู้ลงทุนระหว่างการรถไฟ หรือกรมขนส่งทางรางนั้น ตามร่างกฎหมายเจตนาตอนแรกยังเป็นหน้าที่ของการรถไฟ แต่อาจจะมีการแบ่งว่าเป็นการลงทุนในอดีต และการลงทุนปัจจุบัน ซึ่งกระบวนการนำเสนอกฎหมายจากนี้ไปร่างพ.ร.บ.ก็อาจจะมีการปรับแก้ไขได้

[Wisarut]

กรมขนส่งทางรางช่วยกระตุ้นท่องเที่ยว
ข่าวเศรษฐกิจ
INN News
วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2559 14:05 น.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ชี้มติ ครม. ตั้งกรมการขนส่งทางราง ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้มีการเสนอร่างพ.ร.บ.การจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางขึ้นนั้น ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยในเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวเพราะเป็นการปฏิรูปการขนส่งทางราง และจะทำให้การท่องเที่ยวทางราง (Rail Tourism) ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ บูรณาการร่วมกันระหว่างคมนาคมและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สานต่อทำในสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น โดยปี 2560 นี้ มิติด้านพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทย จะเน้นสร้างการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลาง (Hubs) ใน 5 ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงในบริบทของการท่องเที่ยวที่สำคัญในปี 2559 และระยะต่อไปได้แก่รายได้จากนักท่องเที่ยวยุโรปขยายตัวร้อยละ 12 และนักท่องเที่ยว CLMV สร้างรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท, การแข่งขันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ด้วยการยกเว้นวีซ่ารุนแรงขึ้น และอีคอมเมิร์ซจีนบุกไทยและอาเซียน, การท่องเที่ยวในเมืองรอง (24 เมือง) สร้างรายได้ 1.47 แสนล้านบาท เร่งพัฒนาเมืองชายแดนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอาเซียน, ในปี 2560 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว และเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าและการแข่งขันรวมถึงการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำกระตุ้นการท่องเที่ยวโลก ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของการท่องเที่ยวไทยที่สำคัญในปี 2560 ได้แก่ การท่องเที่ยวโลกในปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 และนักท่องเที่ยวยุโรปจะมาเอเชียมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการท่องเที่ยวขยายตัว ช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว เศรษฐกิจไทยในปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 3 - 4 และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำและการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเริ่มเป็นรูปธรรม

[Wisarut]

[Wisarut]

สมาพันธ์คนงานรถไฟค้านตั้ง “กรมขนส่งทางราง”
Thai PBS
22 พฤษภาคม 2560 07:51 |

สมาพันธ์คนงานรถไฟ เดินหน้าค้านการจัดตั้งกรมขนส่งทางราง ระบุว่า กระบวนกฎหมายขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน และเชื่อว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน ให้เข้ามาบริหารงานแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทบทวน

วานนี้(21 พ.ค.2560) สมาพันธ์คนงานรถไฟไทย กว่า 20 คน ร่วมกันแสดงจุดยืนคัดค้านจัดตั้งกรมขนส่งทางราง และการจัดตั้งบริษัทการเดินรถบริษัทซ่อมบำรุงรางและล้อเลื่อน และบริษัทบริหารทรัพยสิน เพราะเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนรายใหญ่

นายสุวิช ศุมานนท์ ประธานสมาพันธ์คนงานรถไฟไทย บอกว่า ร่างพระราชบัญญัติกรมขนส่งทางราง พ.ศ...ที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเมื่อปลายปีก่อน พบความไม่โปร่งใสหลายอย่าง โดยเฉพาะการให้อำนาจกับ อธิบดีกรมขนส่งทางรางเข้ามาบริหารงาน แทนการกำกับดูแลนโยบาย และเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามาแข่งขันบนระบบราง แต่กลับเป็นวิธีการสอดแทรกให้กรมการขนส่งทางรางเข้ามาบริหารงาน ผ่านการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาถึง 2 บริษัท









เขามองว่า กฎหมายฉบับบนี้ ยังระบุถึงการโอนย้ายทรัพยสินทั้งหมด ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้บริษัทเอกชนเข้ามาบริหารแทน ทำให้สมาพันธ์คนงานรถไฟไม่เห็นด้วย และจะเดินหน้าคัดค้านให้ถึงที่สุด เพื่อให้รัฐบาลชะลอกระบวนการออกฎหมาย เพราะถ้าพ.ร.บ.นี้ออกมาแล้วกิจการทั้งหมดอยู่ในมือเอกชน จึงเรียกร้องให้นำกลับไปพิจารณาใหม่

ขณะที่นายอินทร์ แย้มบริบูรณ์ กรรมการสมาพันธ์คนงานรถไฟ บอกว่า การขาดทุนของรถไฟไทยที่ผ่านมา เกิดจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล เช่นการจัดขบวนรถไฟฟรี เพราะรัฐบาลไม่ยอมให้ขึ้นค่าโดยสารตามความเป็นจริง ต้องเรียกเก็บค่าโดยสารกิโลเมตรละ 2.40 บาทต่อคน แต่ยังให้จัดเก็บอยู่ราคาเดิม 0.24 สตางค์ จนถึงปัจจุบันนี้ แท้จริงแล้วรถไฟไม่ได้มีหนี้อะไรมากมาย แต่ แบกภาระการขาดทุนมา 30 -40 ปี

โดยเวลา 9.30 น.วันนี้ ตัวแทนสมาพันธ์คนงานรถไฟจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวรองทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นไปกระทรวงคมนาคม เป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันเพื่อคัดค้านกฎหมายกรมขนส่งทางราง

[Wisarut]

สนข.ไขข้อสงสัยตั้งกรมรางฯ ยันไม่แทรกแซงบริษัทลูกรถไฟฯ และไม่โอนทรัพย์สินให้เอกชน
โดย MGR Online

24 พฤษภาคม 2560 09:37 น. (แก้ไขล่าสุด 24 พฤษภาคม 2560 10:13 น.)
สนข.แจง 4 ประเด็นข้อสงสัยตั้งกรมการขนส่งทางราง เผยสมาพันธ์คนงานรถไฟไทยคัดค้านอาจยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ย้ำตั้งกรมรางเพื่อกำกับมาตรฐานบริการ ค่าโดยสาร ยกระดับขนส่งทางรางไทย ยืนยัน รับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามขั้นตอน ส่วนอำนาจอธิบดีสั่งการเฉพาะกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และกรมรางไม่มีสิทธิ์แทรกแซง 2 บริษัทลูกรถไฟ และไม่มีมาตราใดที่บัญญัติให้โอนย้ายทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท.ให้เอกชน

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงการจัดตั้ง “กรมการขนส่งทางราง” กรณีที่สมาพันธ์คนงานรถไฟไทยได้มีการคัดค้าน ซึ่งอาจจะยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ สนข.ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง) เพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานการให้บริการและความปลอดภัย โครงสร้างอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม การลงทุน การบำรุงรักษา และการบริหารจัดการ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบรางให้เป็นโครงข่ายการคมนาคมหลักของประเทศ ยกระดับมาตรฐานการขนส่งทางรางให้ทันสมัย มีความเป็นสากล สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของประชาชน และสามารถตอบสนองการดำเนินนโยบายการพัฒนาประเทศด้วยระบบการขนส่งทางรางได้อย่างมีประสิทธิผล

ซี่งประเด็นที่สมาพันธ์คนงานรถไฟไทยได้มีการยื่นหนังสือร้องทุกข์ไปยังทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม เพื่อคัดค้านการจัดตั้ง “กรมการขนส่งทางราง” นั้น มี 4 ข้อ คือ 1. ขาดการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ในการดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง) และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... นั้น สนข.ได้ดำเนินการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรอิสระ รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่สนใจ อย่างถูกต้องครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด จำนวนทั้งสิ้น 4 ครั้ง

โดยครั้งแรก หัวข้อ “กรมการขนส่งทางรางเพื่อการขนส่งในอนาคต” มีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมประมาณ 200 คน ได้ข้อสรุปว่า การจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในรูปแบบของส่วนราชการเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการให้บริการระบบขนส่งทางราง รวมทั้งมีบทบาทในการคุ้มครองผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางราง

ครั้งที่ 2 หัวข้อ “การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง” มีผู้เข้าร่วมประมาณ 450 คน พบว่า มีผู้เห็นด้วยกับการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง 46.7% ไม่เห็นด้วย 40% และไม่ออกความเห็น 13.3%

ครั้งที่ 3 รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อ “ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ....” มีผู้เข้าร่วมประมาณ 210 คน

ครั้งที่ 4 อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง) และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ซึ่งได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำและการเสนอร่างกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงคมนาคม (www.mot.go.th) และเว็บไซต์ของ สนข. (www.otp.go.th) ระหว่างวันที่ 17-31 พฤษภาคม 2560

2. ให้อำนาจอธิบดีกรมการขนส่งทางรางเข้ามาบริหารงานแทนการกำกับดูแลนโยบาย นั้น กรมการขนส่งทางรางมีภารกิจหลักในการจัดทำข้อเสนอแนะด้านนโยบายการพัฒนาระบบการขนส่งทางราง และการกำกับดูแลการขนส่งทางรางของประเทศ โดยอธิบดีฯ มีหน้าที่เสนอร่างนโยบายต่อคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางราง (Policy Maker) และกำกับดูแลการประกอบกิจการขนส่งทางราง ผ่านการดำเนินงานของคณะกรรมการกำกับการประกอบกิจการขนส่งทางราง (Regulator)

ทั้งนี้ ในร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... มีมาตรา 20 เกี่ยวกับการใช้อำนาจของอธิบดีฯ คือ กำหนดให้ “ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินและมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ อธิบดีอาจเข้าควบคุมดูแลกิจการขนส่งทางรางของผู้รับอนุญาตเป็นการชั่วคราวได้ และให้สิทธิหน้าที่และอำนาจสั่งการของผู้รับอนุญาตตกมาเป็นของกรมการขนส่งทางรางจนกว่าเหตุจำเป็นจะหมดไป

โดยให้อธิบดีรายงานต่อรัฐมนตรี” ซึ่งตามสารัตถะของมาตราดังกล่าวเป็นการกำหนดอำนาจให้อธิบดีมีหน้าที่และสามารถควบคุม สั่งการในกรณีมีเหตุฉุกเฉินเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ

3. การเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามาแข่งขันบนระบบราง คือการสอดแทรกให้กรมการขนส่งทางรางเข้ามาบริหารงาน ผ่านการตั้งบริษัทลูกขึ้นมา 2 บริษัท นั้น ขอชี้แจงว่า การจัดตั้งบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.เป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพองค์กรของ ร.ฟ.ท.ในการให้บริการขนส่งทางราง โดยกรมการขนส่งทางรางมีหน้าที่เฉพาะในการกำกับดูแลให้บริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.ที่ดำเนินกิจการให้บริการขนส่งทางราง ดำเนินการตามเกณฑ์และมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด กรมการขนส่งทางรางไม่มีอำนาจในการเข้าไปแทรกแซงการบริหารงานของบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท (บริษัทเดินรถ และบริษัทซ่อมบำรุง) ของ ร.ฟ.ท.แต่อย่างใดทั้งสิ้น

4. มีการระบุให้โอนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของ ร.ฟ.ท.ให้บริษัทเอกชนเข้ามาบริหารแทน ถ้า พ.ร.บ.นี้ออกมา กิจการทั้งหมดจะอยู่ในมือเอกชน ขอยืนยันว่าร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ....นั้น ไม่มีมาตราใดที่บัญญัติให้มีการโอนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของ ร.ฟ.ท.ให้บริษัทเอกชนเข้ามาบริหารแทนแต่ประการใด

[Mongwin]

“คมนาคม”ยังไม่เสนอครม.พิจารณาตั้งกรมรางรอกฤษฎีกาพิจารณา
มติชนออนไลน์ วันที่ 26 กันยายน 2560 - 17:49 น.

นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ยังไม่ได้มีการเสนอ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. … เพื่อจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในครั้งนี้ เนื่องจากพ.ร.บ.ดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยเฉพาะประเด็นในส่วนอำนาจหน้าที่ของกรมว่าจะดูแลในเรื่องใดบ้าง ทั้งข้อสรุปรวมกันเบื้องต้นของพ.ร.บ.ดังกล่าว คือ จะไม่มีการโอนทรัพย์สิน รวมถึงราง จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาสังกัดภายใต้กรมแต่อย่างใด ทรัพย์สินทั้งหมดจะยังอยู่กับ รฟท. กรมมีเพียงหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบและมาตรฐานการเดินรถในระบบราง เหมือนกับที่กรมขนส่งทางบก ควบคุมกฎระเบียบและการเดินรถบนท้องถนน

“คณะกรรมการการกฤษฎีกา อาจพิจารณานานพอสมควร เนื่องจากส่วนใหญ่จะพิจารณาอำนาจหน้าที่ที่จะบรรจุอยู่ใน พ.ร.บ.การขนส่งทางราง ซึ่งจำเป็นต้องมี เพราะจะเปรียบเสมือนกระบองที่ติดให้กับกรมในการปฏิบัติหน้าที่ หากเร่งรัดจัดตั้งกรม แต่ไม่มีอำนาจก็ไร้ประโยชน์”นายชาติชาย กล่าว