รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

[Mongwin]

ทางคู่ 14 สายใช้หมอนคอนกรีตหมด รถไฟฯ ยันโรงงานผลิตพอ
เดลินิวส์ 24 ม.ค. 61

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปิดตำนานหมอนไม้ของรางรถไฟเป็นหมอนคอนกรีตที่ดำเนินการครอบคลุมเกือบทุกเส้นทางทั่วประเทศแล้ว 99% ระยะทางรวมกว่า 4,000 กม. เหลือเพียงบริเวณที่เป็นทางหลีกที่ไม่ค่อยได้ใช้งานยังคงเป็นหมอนไม้เพราะสภาพยังดีอยู่ เนื่องจากหมอนคอนกรีตมีคุณภาพใช้งานที่ดีและทนทานกว่าหมอนไม้ที่มีปัญหาขาดแคลนว่า ในส่วนของโครงการก่อสร้างทางรถไฟอื่น ๆ จะใช้หมอนคอนกรีตทั้งหมด เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ประกอบด้วย
(1) ช่วงนครปฐม-หัวหิน
(2) ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์
(3) ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
(4) ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และ
(5) ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
รวม 688 กม. ขณะนี้ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างแล้ว

รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟสายใหม่และรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อีก 9 เส้นทาง ซึ่งประกอบด้วย
(1) ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
(2) ช่วงบ้านไผ่-นครพนม
(3) ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี
(4) ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา
(5) ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
(6) ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย
(7) ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
(8) ช่วงขอนแก่น-หนองคาย และ
(9) ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี
ระยะทางรวม 2,217 กม. ก็ได้ออกแบบหมอนรองรางรถไฟเป็นหมอนคอนกรีตทั้งหมดเช่นกัน

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางแรกที่ได้ตัวผู้รับจ้าดำเนินโครงการแล้วนั้น การจัดหาหมอนคอนกรีตจะรวมอยู่ในสัญญาก่อสร้าง ผู้รับจ้างต้องจัดหามาตามคุณสมบัติที่การรถไฟฯกำหนด ทั้งในส่วนของรูปแบบของหมอนคอนกรีต รวมไปถึงคุณภาพของหมอนคอนกรีตที่ต้องผ่านการทดสอบที่กำหนดให้ได้มาตรฐานการรองรับการถ่ายเทน้ำหนักจากรางสู่หมอนคอนกรีตได้ดี

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีโรงงานผลิตหมอนคอนกรีตในประเทศไทยกว่า 10 โรงงาน แต่ละโรงงานต้องผ่านการตรวจสอบว่าได้มาตรฐานและผลิตภัณฑ์หมอนคอนกรีตต้องผ่านการทดสอบคุณภาพในทุกขั้นตอนจากหน่วยงานที่เป็นกลาง เช่น สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ตามมาตรฐานที่กำหนด จึงจะสามารถนำมาใช้งานในทางรถไฟได้ ส่วนปัญหาที่จะขาดแคลนหมอนรถไฟในอนาคตหรือไม่นั้น น่าจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีโรงงานผลิตหมอนคอนกรีตในประเทศไทยที่มีมาตรฐานและมีความเชี่ยวชาญการทำหมอนคอนกรีตมากกว่า 10 โรงดังกล่าว.

[Mongwin]

รถไฟทางคู่ ไปถึงไหน ?
สยามรัฐออนไลน์ 24 มกราคม 2561 08:21 บทบรรณาธิการ

ผู้คนสังคมไทยดูเหมือนจะสนใจกับเรื่อง “รถไฟความเร็วสูง” มากกว่าเรื่อง “รถไฟทางคู่”

ทั้ง ๆ ที่การลงทุนทำรถไฟทางคู่ใช้งบประมาณน้อยกว่า และมีประโยชน์ทางโลจิสติคส์ขนส่งสินค้าได้มากกว่ารถไฟความเร็วสูง รวมทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนน้อยกว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงด้วย

ตามโรดแมปของโครงการรถไฟทางคู่นั้น จะเสร็จทุกสายใน พ.ศ. 2564

และที่สำคัญคือการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่นี้ มีความหมายทางเศรษฐกิจมาก คือเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2561 ตามที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มองว่า ปี 2561 นี้ หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยคือการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นทั้งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) , โครงการรถไฟทางคู่ , โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน โครงการพร้อมเพย์ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ตามแผนภายในกลางปี 2561 นี้ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลนเอเชียแน่นอน อันจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยทะยานสู่ความรุ่งโรจน์

โครงการรถไฟทางคู่จึงมีความหมายต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้มากทีเดียว

แต่ความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่กลับเงียบเชียบเกินไป

เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ได้สำเร็จไป ห้าเส้นทาง รวมเก้าสัญญา ประกอบด้วย เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหิน หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ลพบุรี-ปากน้ำโพ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงินราคาประมูลรวมทั้ง 9 สัญญาอยู่ที่ 70,104 ล้านบาท

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 อีก 7 เส้นทาง มูลค่าลงทุนรวม 3.98 แสนล้านบาทได้แก่

1. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 23,384.91 ล้านบาท,
2. ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กิโลเมตร วงเงิน 51,823.83 ล้านบาท,
3. ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 75 กิโลเมตร วงเงิน 7,941.80 ล้านบาท,
4. ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กิโลเมตร วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท,
5. ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กิโลเมตร วงเงิน 59,924.24 ล้านบาท,
6. ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร วงเงิน 26,065.75 ล้านบาท,
7. ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตรวงเงิน 35,839.74 ล้านบาท

จำนวน 7 เส้นทางนี้คาดว่าจะพร้อมเปิดประมูลในไตรมาสแรก

นอกจากนั้นยังมีรถไฟทางคู่ในฝันอีกสองเส้นทาง ได้แก่ 1. ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 วงเงิน 76,978.82 ล้านบาท 2. ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 60,351.91 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลได้ช่วงกลางปี 2561

เราเห็นว่ารถไฟทางคู่มีความสำคัญกว่ารถไฟความเร็วสูง จึงอยากเห็นรัฐบาลรายงานความคืบหน้าของโครงการรถไฟทางคู่ให้มากขึ้นกว่าเดิม

[Wisarut]

[Mongwin]

รมว.คมนาคมตรวจสะพานรถไฟศรีสะเกษ-ห้วยขะยุง
INN News ข่าวภูมิภาค วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ.2561 16:51 น.

"อาคม" นำตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟศรีสะเกษ-ห้วยขะยุง หลังล่าช้ากว่า 8 เดือน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าและรับฟังบรรยายสรุปโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บนทางหลวงหมายเลข 226 สายศรีสะเกษ - ห้วยขะยุง บริเวณ กม.310 + 639 บ้านหนองบัวไชยวาน ต.โนนสังข์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี นายวิชาญ พันธุ์เรณู ผอ.แขวงทางหลวงศรีสะเกษ ที่ 1 พร้อมด้วย ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ และนำตรวจติดตามการก่อสร้างดังกล่าว รมว.คมนาคม กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟศรีสะเกษ - ห้วยขะยุง ขณะนี้มีความล่าช้ากว่า 8 เดือน เพราะว่าติดอยู่ในเรื่องของแบบก่อสร้างที่มีการปรับแบบ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับรองแบบ เพราะว่าต้องกันพื้นที่ไว้สำหรับรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้วว่า ให้เร่งพิจารณาตัวแบบที่แก้ไขใหม่ และพื้นที่การก่อสร้างอยู่ในเขตของกรมป่าไม้ จึงได้ประสานงานไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอความกรุณาได้เร่งรัดในเรื่องของต้นไม้ที่จำเป็นต้องตัด เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับทางตัดรถไฟ

รมว.คมนาคม กล่าวต่อไปว่า สำหรับรถไฟรางคู่ จิระ - อุบลราชธานี อยู่ในขั้นตอนที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เสนอไปที่กระทรวงคมนาคมแล้ว ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร อยู่ในระหว่างการประมวลเรื่องเสนอกระทรวงให้พิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี คาดว่าในเรื่องของรถไฟทางคู่จิระ-อุบลราชธานี ตนจะพยายามเร่งรัดให้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2561 นี้

[Mongwin]

ลุ้นประมูลกลางปี 9สายทางคู่เฟส2
ฐานเศรษฐกิจ 27 January 2018



ร.ฟ.ท.ดีเดย์ทางคู่เฟสแรกเข้าพื้นที่ก่อสร้างก.พ.นี้จำนวน 7 เส้นทางประเดิม ส่วนอีก 2 สัญญายังดีเลย์ ส่วนทางคู่เฟส 2 คาดไตรมาส 2 นำเสนอครม.อนุมัติโครงการและกรอบวงเงิน ยังมีลุ้นซูเปอร์บอร์ดแบ่งซอยสัญญาก่อนเสนอประมูล

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าขณะนี้ชัดเจนแล้วสำหรับการเข้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ เฟสแรกจำนวน 9 สัญญา โดยเบื้องต้นนั้นมีจำนวน 7 สัญญาจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนที่เหลืออีก 2 สัญญาอยู่ระหว่างการรออนุมัติเข้าพื้นที่ต่อเนื่องกันไป โดยสัญญาที่ดีเลย์นี้จะเกี่ยวข้องกับอุโมงค์ ในเส้นทางช่วงลพบุรี-ปากนํ้าโพ ขณะนี้บริษัทที่ปรึกษากำลังพิจารณารายละเอียดก่อนนำเสนอต่อไป

โดยในส่วนโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 อีก 9 เส้นทางนั้นยังรอการตอบความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการออกแบบแล้วเสร็จ ดังนั้นเมื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินการแล้วจึงจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง (ซูเปอร์บอร์ด) เพื่อแบ่งย่อยสัญญางานโยธาและงานระบบไฟฟ้าต่อไป

“คาดว่าไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะสามารถเสนอประกวดราคาได้ และเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยยังไม่ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินออกมาจากครม.เนื่องจากอยู่ระหว่างการนำเสนอขออนุมัติโครงการและกรอบวงเงินไปดำเนินการนั่นเอง ทั้งนี้รถไฟทางคู่เฟส 2 ทั้ง 9 เส้นทางเบื้องต้นนั้นคิดเป็นกรอบวงเงินจำนวน 3.93 แสนล้านบาท”

สำหรับเฟสแรกที่ยังค้างประมูลงานระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณอีกจำนวน 3 สัญญานั้นคาดว่าช่วงไตรมาสที่ 2 จะสามารถดำเนินการเปิดประมูลได้เบื้องต้นนั้นได้ตัวบริษัทที่ปรึกษาจัดทำเอกสารประกวดราคาแล้ว

“กรอบวงเงินงานระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณของจำนวน 3 สัญญาเฟสแรกนั้นมีมูลค่าดังนี้คือ เส้นทางลพบุรี-ปากนํ้าโพ 3,000 ล้านบาท, เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 2,500 ล้านบาท และเส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 7,400 ล้านบาท รวมเป็นงบจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561

[Wisarut]

1 ก.พ. มอบพื้นที่สร้างทางคู่ 5 สาย 688 กม.
จันทร์ที่ 29 มกราคม 2561 เวลา 09.35 น.
1 ก.พ. การรถไฟฯ ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมา 7 สัญญา เข้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 สาย ระยะทางรวม 688 กม. งบประมาณ 70,104 ล้านบาท


รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า วันที่ 1 ก.พ.นี้ การรถไฟฯ จะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 5 สาย ระยะทางรวม 688 กม. งบประมาณ 70,104 ล้านบาทให้บริษัทผู้รับเหมาที่ได้ลงนามสัญญาไปแล้วเมื่อปลายปี 60 เพื่อเริ่มเข้าพื้นที่การก่อสร้างและเริ่มต้นนับสัญญา ซึ่งผู้รับเหมามีระยะเวลาก่อสร้าง 30-36 เดือนหรือประมาณ 3 ปี หลังจากให้เวลาผู้รับเหมาเตรียมเครื่องจักร อุปกรณ์ คนงาน 1 เดือน 
 
การเข้าพื้นที่ของผู้รับเหมาจะเริ่มจากการเคลียร์พื้นที่ตลอดสายทาง ก่อนนำเครื่องจักรหนักลงเพื่อก่อสร้างตามแผนงานแต่สัญญากำหนดไว้ โดยจะมอบพื้นที่ก่อน 7 สัญญา ที่ไม่ติดปัญหาใดๆได้แก่ 

1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์
2.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล  
3.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน  สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล - หัวหิน 
4.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-จิระ  สัญญาที่1 ช่วงมาบกะเบา–คลองขนานจิตร 
5.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ  
6.โครงการก่อสร้างทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร  สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบฯ-บางสะพานน้อย  และ
7.โครงการก่อสร้างทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 2 ช่วง บางสะพานน้อย-ชุมพร
 
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ส่วนอีก 2 สัญญาที่เหลือ การรถไฟฯ ยังไม่สามารถมอบพื้นที่ได้คือโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-จิระ สัญญาที่ 3 (งานอุโมงค์) อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดรถไฟ คาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนได้ปลายเดือน เม.ย.นี้  

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. สัญญา 1  ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม การก่อสร้างเป็นรถไฟยกระดับ (Viaduct) อยู่ระหว่างเจรจากับกรมทางหลวง (ทล.) เนื่องจากเขตการก่อสร้างต้องล้ำเข้าเขตทางของกรมทางหลวงเล็กน้อย  คาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนได้ต้นเดือน เม.ย.นี้
 
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทางคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดภายใน ปี 65 ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-จิระ สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร-ชุมทางจิระที่ปรับรูปแบบจากทางระดับดินเป็นทางยกระดับนั้นอยู่ระหว่างปรับแบบคาดว่าจะใช้เวลา 2 เดือน จากนั้นจะต้องเข้ากระบวนการจัดทำรายงานมาตรการผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใหม่ คาดว่าต้องใช้เวลาประมูล 3-4 เดือน หรืออาจจะใช้เวลานานถึงปลายปี ถึงจะได้ตัวผู้รับเหมา คาดว่าการรถไฟฯต้องแบ่งย่อยสัญญาเพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้เร็วขึ้น 

[Mongwin]

คมนาคมเร่งผลักดัน Action Plan ปี 60 เงินลงทุนกว่า 8.9 แสนล้านบ.
ฐานเศรษฐกิจ 29 January 2018

คมนาคม เร่งผลักดัน Action Plan ปี 60 วงเงินลงทุนกว่า 8.9 แสนล้านบาท จ่อเสนอรถไฟทางคู่เฟส 2 เข้าครม.

-29 ม.ค. 61-นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งว่า ตามแผนปฏิบัติการ(Action Plan) ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2560 จำนวน 36 โครงการ วงเงินลงทุน 895,757.55 ล้านบาท นั้น ในส่วนที่อยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 8 โครงการ นั้นกระทรวงคมนาคมให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ทำข้อมูลเพิ่มเติม ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย/ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี/ช่วงขอนแก่-หนองคาย/ช่วงชุมพร-สุราษฏร์ธานี/ช่วงสุราษฏร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา/ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ / ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ/ช่วงบ้านไผ่-นครพนม

รถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วง ตลิ่งชัน-ศาลายาและตลิ่งชัน-ศิริราช วงเงิน 17,671 ล้านบาทขณะนี้รอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง , สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มธ.(ศูนย์รังสิต) วงเงิน 7,596 ล้านบาท ขณะนี้รอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ,ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือวงเงิน 14,382 ล้านบาท ให้กทพ.ทำความเห็นประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม, รถเมล์ไฟฟ้า และสถานีประจุไฟฟ้า อยู่ระหว่างจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เพื่อเปลี่ยนแปลงการจัดหารถโดยสาร

ส่วนโครงการที่เตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ วงเงิน 80,600 ล้านบาท,มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย วงเงิน 30,500 ล้านบาท ,ทางด่วนสายกะทู้-ปาตอง วงเงิน 13,916 ล้านบาท ,ศูนย์ขนส่งนครพนม วงเงิน 1,239 ล้านบาท ,สถานีขนส่งภูมิภาคชายแดน วงเงิน 8,162 ล้านบาท และสถานขนส่งสินค้าภูมิภาคเมืองหลัก วงเงิน 7,793 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ วงเงิน123,354 ล้านบาท ,โครงการศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา MRO และท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 วงเงิน 35,099 ล้านบาท

ส่วน Action Plan จำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุน 1.383 ล้านล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างประกอบด้วย ทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น คืบหน้า 47.87% โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง A ที่ท่าเรือแหลมฉบัง คืบหน้า 99.14% โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพัทยา-มาบตาพุด 65.60% สายบางปะอิน-นครราชสีมา 24.87% โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี งานโยธา 4.66% ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ช่วงนครปฐม-หัวหินและช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ลงนามในสัญญาครบแล้ว

ด้านรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ส่วนงานโยธาเตรียมประกวดราคาภายในไตรมาส 1 ปีนี้โครงการระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2561 โครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง เตรียมประกวดราคาเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2561 และเริ่มก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2561 และในวันที่ 31 ม.ค.นี้กระทรวงฯจะเสนอข้อมูลเพิ่มเติมโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)พิจารณา รวมถึงช่วงกรุงเทพฯ-ระยอง ที่จะเชื่อมโยง 3 สนามบินอยู่ระหว่างขอความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอคระกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ตามขั้นตอนของ EEC Track

[Wisarut]

[Mongwin]

ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจันทบุรี ขอรับการสนับสนุนรถไฟรางคู่ต่อที่ประชุม ครม.สัญจร
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 30 ม.ค. 2561

ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจันทบุรี ขอสนับสนุนก่อสร้างรถไฟรางคู่ต่อเนื่องจากระยอง สู่จันทบุรีและตราด ต่อที่ประชุม ครม.สัญจรที่จันทบุรี

นางสาววนิชชา วัฒนพงษ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ว่า ได้ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนงบประมาณรถไฟรางคู่จากระยองมาถึงจันทบุรีและตราด เพราะจะเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่ง ท่องเที่ยว ซึ่งตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจันทบุรีเป็นไปอย่างก้าวกระโดด รถไฟเป็นอีกทางเลือกของนักท่องเที่ยวในการเดินทาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ หรืออู่ตะเภาสู่จันทบุรี ตราด โดยตรง และเป็นการกระจายการคมนาคมจากเมืองหลักสู่เมืองรอง

ด้านนายอนุชา เทียนชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี กล่าวเสริมว่า จะขอรับการสนับสนุนให้จัดตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในจันทบุรี เพราะปัจจุบันมีสำนักงานฯอยู่ระยอง ทำให้ไม่สะดวกในการติดต่อ ประสานงาน ทั้งนี้ เพื่อการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สู่ประชาคมอาเซียน อีกด้วย

[Mongwin]

“สมคิด” ติดเครื่องฟื้นฟูรถไฟ จ่อถก คนร.นัดพิเศษ-ยัน “กทม.-เชียงใหม่” ไม่ลดความเร็ว
เผยแพร่: 2 ก.พ. 2561 15:28:00 ปรับปรุง: 2 ก.พ. 2561 16:31:00 โดย: MGR Online

“สมคิด” ติดเครื่องแผนฟื้นฟูรถไฟ เตรียมประชุม คนร.นัดพิเศษ ถกรายละเอียดยกเครื่ององค์กร ลุยทางคู่เฟส 2 พร้อมปลดล็อกมติ ครม.เพิ่มคนอีกไม่น้อยกว่า 5 พันคนรองรับแผนงานอนาคต ยืนยันไม่ลดความเร็ว “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” ด้าน “อาคม” เตรียมถกญี่ปุ่นสรุปวงเงินลงทุน มี.ค.นี้ชง ครม.ได้ พร้อมดันรถไฟทางคู่ 9 สายกว่า 4.27 แสนล้านบาทเดินตามแผน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการดำเนินงานต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ร.ฟ.ท.ได้นำเสนอภาพรวมของแผนฟื้นฟู ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพ การสร้างรายได้การเดินรถจากเส้นทางรถไฟทางคู่และโครงการใหม่ ซึ่งเห็นว่า ร.ฟ.ท.มีโอกาสฟื้นตัว แต่ทั้งนี้จะต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กร เตรียมพร้อมด้านบุคลากร อัตรากำลังให้สอดคล้องกับแผนงานและโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต

ในส่วนของรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กม.นั้น จะไม่มีการปรับลดความเร็วลงแต่อย่างใด ซึ่งได้หารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว สำหรับการพัฒนาเส้นทางรถไฟนั้นต้องพิจารณาการเชื่อมโครงข่ายภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน จะมีทั้งรถไฟทางคู่ระยะ 2, รถไฟทางคู่สายใหม่, รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และรถไฟเชื่อมโยง 3 สนามบิน ซึ่งได้ให้เพิ่มเติมรถไฟเชื่อมเมืองหลักกับเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ เน้นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเชื่อมความเจริญสู่ชนบทและท้องถิ่น

เช่น ภาคเหนือ จะดึงนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักอย่างเชียงใหม่ เชียงราย ไปเมืองรองไหนบ้าง หรือภาคอีสาน จะเชื่อมจากเมืองหลักไหนไปเมืองรองใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งการวางเส้นทางเดิมจะเป็นการใช้สินค้ากับโดยสารท่องเที่ยวปนกัน ดังนั้น หากจะผลักดันในเรื่องเส้นทางท่องเที่ยวต้องออกแบบและจัดวางให้เหมาะสม

นายสมคิดกล่าวว่า แผนฟื้นฟูเบื้องต้นน่าพอใจ โดยให้ปรับปรุงอีกเล็กน้อยเน้นสิ่งที่สำคัญก่อน และให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงคมนาคม ช่วยดู ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งจะเป็นนัดพิเศษ เพื่อให้เวลาในการนำเสนอและหารือในรายละเอียดมากขึ้น โดยรัฐบาลต้องการสร้างรถไฟให้มีความแข็งแกร่งและพัฒนาโครงการต่างๆ ที่หยุดชะงักมาหลายปี ขณะที่การปรับค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงนั้น จะดำเนินการหลังจากที่มีการปรับปรุงพัฒนาบริการก่อน ซึ่งเมื่อปรับขึ้นตอนนั้นคงไม่มีใครคัดค้าน

ส่วนมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่จำกัดการรับพนักงานเพิ่มได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุนั้นเพื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน แต่หลังจากนี้เมื่อรถไฟมีเส้นทางใหม่ จึงต้องการกำลังคนเพิ่ม ดังนั้นมติ ครม.ไม่มีปัญหา ให้ไปทำแผนรายละเอียดและนำเสนอต่อไป

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ปัจจุบันมีพนักงาน 14,175 คน วางแผนเพิ่มเป็นระยะ โดยเฟสแรก รองรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสแรกแล้วเสร็จประมาณปี 2564 เพิ่มเป็น 16,000 คน และจะเพิ่มเป็น 19,000 คนเมื่อรถไฟทางคู่เฟส 2 แล้วเสร็จ

***ดันรถไฟทางคู่ 9 สายเข้า ครม.-ไม่ลดความเร็ว คงไฮสปีดสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในแผนฟื้นฟูรถไฟนั้นจะมีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟครั้งใหญ่ในรอบ 120 ปี ซึ่งจะทยอยนำเสนอ ครม.ขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะ 2 และรถไฟทางคู่สายใหม่รวม 9 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,174 กม. มูลค่ารวม 427,012.03 ล้านบาท ได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.นอกจากนี้ยังมีรถไฟเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด และเชื่อมเมืองหลักไปยังเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการใน EEC, รถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งนโยบายกำหนดเป็นความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 300 กม./ชม. อยู่ระหว่างวิเคราะห์ความเหมาะสมในเรื่องวงเงินลงทุน จะสรุปปลายเดือน มี.ค.เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป

ส่วนการปฏิรูปองค์กร จะมีการตั้งบริษัทลูกด้านบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะต้องทำการตลาดและธุรกิจต่อเนื่องจากกิจการเดินรถเชื่อมการท่องเที่ยวด้วย และบริษัทเดินรถจะแยกการบริหารรถไฟสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง ออกจากกันเพื่อวัดประสิทธิภาพในการบริหาร