รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

Mongwin · Posted: 23/04/2018 5:56 am Post subject:

ชูบอร์ดรฟท.ใหม่แก้งานอืด ดัน"วรวุฒิ"เร่งทางคู่เฟส2
MGR online 2018/04/22 22:51:00

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ได้ลงนามเมื่อ วันที่ 11 เม.ย.61 ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6 /2561 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่ง ที่ 10/2560 แต่งตั้ง คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชุดใหม่ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธาน ซึ่ง บอร์ด รฟท. ได้กำหนดประชุมนัดแรก วันที่ 27 เม.ย.นี้ โดยจะมีการคัดเลือกผู้ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟท. ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนจากนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็น นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าฯ รฟท. กลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน
ทั้งนี้ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 10/2560 ข้อ 4 เมื่อวันที่ 23 ก.พ.60 ให้ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟท. จนกว่านายกฯ จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น คาดว่าเพื่อแก้ปัญหาการดำเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐบาลที่ล่าช้า เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ที่มีข้อครหา ทีโออาร์ ล็อกสเปก จนสามารถประมูล และลงนามสัญญาก่อสร้างได้ ล่าสุดอยู่ระหว่างผลักดันรถไฟทางคู่เฟส 2 อีก 7 เส้นทาง และ สายใหม่ 2 เส้นทาง รวมถึงการจัดทำทีโออาร์ ประมูลโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

รายงานข่าวจาก รฟท. ระบุว่า ขณะนี้ยังมีความไม่ชัดเจนในคำสั่ง ตั้งรักษาการผู้ว่าฯรฟท. เนื่องจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6 /2561 ที่แก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 10/2560 เรื่องการปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟฯ โดยแก้ไข ข้อ 2 เพื่อปรับเปลี่ยนกรรมการ (บอร์ด) เท่านั้น ขณะที่ คำสั่ง คสช.ที่ 10/2560 ยังมีข้อ 4 ที่ให้ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ในขณะนั้น ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟท. ซึ่งยังไม่มีคำสั่งยกเลิกแต่อย่างใด และขณะนี้ นายอานนท์ ก็ยังคงทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟท. ตามปกติ
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวว่า ที่ประชุมคสช. มีมติแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 10/2560 เรื่องการปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟฯ โดยตั้งบอร์ดชุดใหม่ โดยให้คัดเลือกบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าฯ รฟท. และแจ้งให้คสช. และครม. รับทราบด้วย
ดังนั้น ต้องรอการประชุมบอร์ดรฟท. วันที่ 27 เม.ย.นี้ ว่า จะมีเปลี่ยนตัว รักษาการผู้ว่าฯรฟท. จาก นายอานนท์ เป็น นายวรวุฒิ หรือไม่ และจะใช้อำนาจ หรือระเบียบใด เพราะยังไม่มีการยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 10/2560 ข้อ4

**ทางคู่ เฟส 2 อืด “คมนาคม”เร่งรฟท.ทำการบ้าน

ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึง ความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 7 เส้นทาง และรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,174 กม. มูลค่า 427,012.03 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ สาย เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงิน 72,921 ล้านบาท ซึ่งเป็นเส้นทางสายใหม่ ได้ผ่านที่ประชุมอนุกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด สศช. ในต้นเดือนพ.ค.นี้ และจะเสนอครม. ขออนุมัติได้ในเดือนพ.ค.เช่นกัน ซึ่งหากไม่มีปัญหา จะได้เปิดประมูลก่อนเป็นสายแรกในปีนี้

ส่วนสายอื่นๆ อยู่ระหว่างให้ รฟท. ทำข้อมูลเพิ่มเติม 5 เส้นทาง ได้แก่ ชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 24,293.54 ล้านบาท, สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่ วงเงิน 51,823.28 ล้านบาท ทางถนนจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 37,431.22 ล้านบาท ช่วงเด่นชัย-เขียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 59,992.44 ล้านบาท และสายใหม่ช่วง บ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 65,738.91 ล้านบาท รวมถึงรถไฟสายสีแดงเข้ม รังสิต-มธ.รังสิต วงเงิน 7,596.94 ล้านบาท สายสีแดงอ่อน ศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 17,671.61 ล้านบาท อยู่ระหว่างให้ รฟท. ทำข้อมูลเพิ่มเติมเช่นกัน

"ทางกระทรวงฯ ได้เร่งรัดการทำงานของ รฟท. ในหลายเรื่องที่ยังล่าช้า ซึ่งยอมรับว่า เป็นปัญหาจากปริมาณงานมากกว่าคน ทำให้ผู้บริหารบางคนต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง ส่วนการขอยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 41 ที่ให้รับพนักงานด้านปฏิบัติการได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุ ได้ให้ รฟท.ทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการนำเสนอ ครม. เช่น การบรรจุพนักงานที่ผ่านมา อัตรา และตำแหน่งที่ต้องการ แผนการเพิ่มคนรองรับรถไฟสายสีแดง , รถไฟความเร็วสูง , รถไฟทางคู่ โดยได้นัดประชุมกับ รฟท. ในสัปดาห์หน้า เพื่อทำรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนเสนอครม."นายชาติชาย กล่าว

Wisarut · Posted: 23/04/2018 10:37 am Post subject:

Mongwin · Posted: 03/05/2018 5:37 pm Post subject:

เมกะโปรเจ็กต์คมนาคมอืด ลุ้นเปิดประมูลล็อต 2 ปีนี้ อีกกว่า 1 ล้านล้านบาท
ฐานเศรษฐกิจ 3 May 2018

Click on the image for full size

แผนขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์คมนาคมล่าช้า เผย ล็อต 2 ปี 61 รวม 12 โครงการ มูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท ปมปัญหาสะดุดพ.ร.บ.จัดซื้อฯและพ.ร.บ.ร่วมทุนพีพีพี คาดเสนอครม.เร่งเปิดประมูลให้ได้ในปีนี้ มีครบทั้งร่วม ลงทุนพี่พี่พี่และรัฐลงทุนเอง บิ๊กรับเหมายังหวังแนวโน้ม ปริมาณงานยังเพียบอีกใน 1-2 ปีนี้

นายพิเชฐ นิ่มพานิชย์ ผู้อํานวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท คริสเตียนและนีลเส้น(ไทย) จํากัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าภาคเอกชนยังติดตามความคืบหน้าการเร่ง ผลักดันโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคมที่จะเปิดประมูลในปี 2561 นี้ แต่ขณะนี้ผ่านไป 4 เดือนกลับพบว่าไม่มีโครงการนําเสนอเปิดประมูล

ทั้งนี้เพราะเห็นว่ามีความล่าช้าในขั้นตอนพ.ร.บ.จัดซื้อจัด จ้างซึ่งหน่วยงานต่างๆล้วนทราบ กันดีจากการปรับระบบของกรม บัญชีกลาง โดยในส่วนงานหลัก เมกะโปรเจ็กต์รัฐบาลจะนําเข้าสู่ รูปแบบการร่วมลงทุนภายใต้ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนใน กิจการของรัฐปี 2560 และจะ ต้องปฏิบัติตามระเบียบการให้ เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ที่เอกชนลงทุนก่อน แต่ยังเห็นว่า เรื่องการร่วมลงทุนรูปแบบพีพีพี ที่รัฐไม่ประกันรายได้จะเริ่มเห็น

แนวทางที่จะนําไปสู่ขั้นตอนปฏิบัติ ที่ยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น ต้อง พึ่งพานักลงทุนรายใหญ่จริงๆ มาพิจารณาความเป็นไปได้ เชื่อว่าการลงทุนรูปแบบนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างในเชิงรูปแบบแยก การลงทุน และแยกการประกอบ การ
“โครงการที่คาดว่าจะ สามารถเปิดประกวดราคาได้ในปีนี้ ยังคงให้ความหวังรถไฟฟ้า สายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ทั้ง 9 เส้นทางที่จะแบ่งโครงการตาม งบประมาณคาดว่าจะสามารถเปิดประกวดราคาในปีนี้ได้บางส่วน ส่วนรถไฟความเร็ว สูงเส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา ยังไม่มั่นใจว่าจะเปิดประกวด ราคาในปีนี้ได้ครบทั้งหมด อีกทั้ง รถไฟเชื่อม 3 สนามบินยัง จับตามองว่ารายไหนจะเป็นตัว เต็งที่สุด”

สอดคล้องกับความเห็น ของนายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทผลิตภัณฑ์ คอนกรีตชลบุรี จํากัด(มหาชน) หรือซีซีพี กล่าวว่า ยังเห็นว่าจะ มีปริมาณงานที่รัฐบาลเร่งผลัก ดันออกมาในปีนี้และปีหน้าอีก หลายโครงการ งานด้านถนนยัง คงเป็นที่ต้องการของซีซีพี อีกทั้ง เชื่อว่างานด้านนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจํานวนมาก

ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสํานักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวว่า โครงการของกระทรวงคมนาคม ที่อยู่ในการพิจารณาของสศช. ประกอบไปด้วย รถไฟทางคู่เส้น ทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จะเสนอบอร์ด สศช. วันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ส่วนรถไฟชานเมือง สายสีแดง (ตลิ่งชัน-ศาลายา) และสถานเพิ่มเติม 3 สถานี ตลอด จนรถไฟสายสีแดง (รังสิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ รังสิต) และสายสีแดง (ตลิ่งชันศิริราช) จะเสนอบอร์ด สศช.ใน เดือนมิถุนายน เช่นเดียวกับ โครงการจัดซื้อรถโดยสารของ บริษัท ขนส่ง จํากัด (บขส.) โครงการรถไฟทางคู่ตามแผนการ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ ร.ฟ.ท.ระยะที่ 2 พร้อมกับโครงการ จัดหารถดีเซลรางปรับอากาศของ ร.ฟ.ท. คาดว่าจะเสนอได้เดือน กรกฎาคมนี้

ด้านผศ.ดร.รัฐภูมิ ปริชาตปรีชา ผู้อํานวยการสถานวิจัยเพื่อ ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมถนนและระบบราง มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า กรณี พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง สําหรับโครงการที่ใช้งบประมาณ แผ่นดิน แต่กรณีการร่วมลงทุนพีพีพี สําหรับงานโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ความเสี่ยงของ ภาคเอกชนมีสูงและผลตอบแทน กลับคืนยังมีระยะเวลานาน ส่งผลให้บางโครงการอาจไม่มีผู้สนใจ ลงทุนได้เช่นกัน

“พ.ร.บ.จัดซื้อถูกนําออก มาประกาศใช้ยังเห็นว่าเท่ากับ เติมสถานการณ์ให้ล่าช้าไปอีก ระบบที่รองรับยังไม่พร้อมโดย เฉพาะหน่วยงานรัฐและเอกชน ข้อกําหนดต่างๆ จึงเข้มงวดมาก อีกทั้งหลายหน่วยงานยังสับสน จึงคงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วง หนึ่งกว่าที่จะลงตัว”

ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคําคูณ ผู้อํานวยการสํานักงาน นโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่าปมความ ล่าช้าจากกรณีจัดซื้อจัดจ้างนั้น เป็นเพราะว่าพ.ร.บ.ดังกล่าว มีขั้นตอนเพิ่มขึ้น และค่อนข้าง ละเอียด จึงต้องใช้ระยะเวลาใน การดําเนินการ แต่ยังเห็นว่าเป็น ข้อดีในแง่ความโปร่งใส ขณะนี้ ทุกโครงการ ทุกหน่วยงานยังเดิน หน้าต่อเนื่องและเร่งผลักดัน ส่วนโครงการตามแผนพีพีพียังเป็นไปตามแผนและกระบวนการที่กําหนด

“ล่าสุดพบว่ามีการเปิด รับฟังความเห็นนักลงทุนไปแล้ว 2-3 โครงการ อาทิ ท่าเรือแหลม ฉบังเฟส 3 โครงการมอเตอร์เวย์ สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย ส่วนโครงการระบบขนส่งมวลชน จังหวัดภูเก็ต การรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชนแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่าง การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาเพื่อ ศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชน ร่วมลงทุน”

......................
เชกชั่นเศรษฐกิจมหภาค | หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3362 หน้า 17 ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค.2561

Wisarut · Posted: 03/05/2018 8:48 pm Post subject:

ชาวบ้านโอด ถูกเวนคืนสร้างทางรถไฟทางคู่ ไร้ที่อยู่-ได้เงินน้อย วอนขอคำตอบชัดเจน
วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 - 14:16 น.

ภายหลังผู้สื่อข่าวจังหวัดนครราชสีมาได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านคุ้มมอหลักหิน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กว่า 50 ครอบครัว ว่า นอนผวาและได้รับความเดือดร้อน หลังจากมีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟและเจ้าหน้าที่จากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บริษัทผู้รับเหมาการสร้างทางรถไฟทางคู่ นำหลักคอนกรีตทางสีขาว-แดง มาปักหน้าบ้าน และในพื้นที่บริเวณบ้าน บางจุดปักตรงเสาบ้านบอกว่าเป็นแนวเขต จะทำการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกระเบา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึงชุมทางถนนจิระ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 134 กม.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม นายสฤษดิ์ ศรีสังข์ กำนันตำบลกลางดง และเป็นประธานชมรมผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมผู้สื่อข่าว และนายวิโรจน์ ศรีสังข์ นายกเทศบาลตำบลสีมามงคล ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหมู่บ้านที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มาเป็นประธานเปิดจุดการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เมื่อปลายปีก่อน จากการสอบถามชาวบ้านหลายคน ทราบว่า วันที่นายกฯมาเป็นประธานเปิดโครงการก่อสร้าง ชาวบ้านต่างต้อนรับ แต่ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่จะผ่านกลางหมู่บ้าน หากทราบ คงร้องเรียนกับท่านนายกฯแล้ว

นายชัด คุ้มกัน อายุ 53 ปี ชาวบ้านคุ้มมอหลักหิน หนึ่งในผู้ถูกเวนคืนและต้องรื้อบ้าน กล่าวว่า ครอบครัวตนอยู่มานานกว่า 30 ปี มีพื้นที่ปลูกบ้านอยู่อาศัย จำนวน 1 งาน 30 ตารางวา มีบ้านตนเอง ญาติ พี่น้อง รวม 3 หลัง ก็ถูกเวนคืน 1 งานเศษ ยังไม่รู้จะเหลือขนาดไหน จะสร้างบ้านได้หรือไม่ เมื่อมีเจ้าหน้าที่เอาหลักคอนกรีตมาปักผ่ากลางหมู่บ้าน ทำเอาชาวบ้านหลายคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ตกใจ พากันนอนผวา บางคนมีพื้นที่ก่อสร้างตัดผ่าน ต้องไปหาที่อยู่ใหม่ และการเวนคืนก็ได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายหาซื้อที่ดินปลูกบ้านใหม่คงไม่พอ เนื่องจากหลายคนมีอาชีพรับจ้าง รายได้พอมีพอกินเท่านั้น รวมถึงชาวบ้านบางรายต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะเครียดหนัก คิดว่าถ้าถูกไล่ที่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน

ด้าน นายสฤษดิ์กล่าวว่า พื้นที่หมู่บ้านทั้งหมดมีประมาณกว่า 1,000 ครอบครัว หลายหมู่บ้านในพื้นที่ ต.กลางดง รวมทั้งหมู่บ้านคุ้มมอหลักหินเป็นพื้นที่ของสวนป่าปางอโศก เป็นพื้นที่ปลูกป่าเสียดมานานกว่า 50 ปี เมื่อถูกเวนคืนก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะเจ้าหน้าที่การรถไฟบอกว่าจะไม่ผ่านหมู่บ้าน นั่นคือไปเส้นทางเดียวกับรถไฟความเร็วสูง ผ่านหลังหมู่บ้าน หากเป็นเช่นนั้นชาวบ้านจะไม่เดือดร้อนเลย แต่อยู่ๆ มาผ่านกลางหมู่บ้าน ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่การรถไฟและบริษัทที่ปรึกษาไม่มีความชัดเจนในการให้คำตอบชาวบ้านแต่อย่างใด

“เมื่อเดือนที่แล้วชาวบ้านต่างลงชื่อกันทำหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอความชัดเจนและตอบคำถามชาวบ้านให้เข้าใจด้วยว่า หากเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างแล้ว มีที่รองรับให้ชาวบ้านอยู่ที่ใหม่หรือไม่ ถึงแม้จะมีค่ารื้อถอนให้ แต่ชาวบ้านก็ยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงพากันเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อเป็นสื่อกลางประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง” นายสฤษดิ์กล่าว

Wisarut · Posted: 11/05/2018 2:36 pm Post subject:

ชาวบ้าน2พันรายขวางทางคู่ไม่ย้าย
ข่าวเศรษฐกิจ-โลจิสติกส์
เดลินิวส์
ศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561 เวลา 07.03 น.

ก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ทั้ง 5 สายระยะทางรวม 688 กม. ที่การถไฟฯได้ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาตั้งแต่วันที่1 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่าชาวบ้าน2 พันรายยังไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า การก่อสร้างรงการรถไฟทางคู่ทั้ง 5 สายระยะทางรวม 688 กม. งบประมาณ 70,104 ล้านบาท ที่การถไฟฯได้ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาตั้งแต่วันที่1 ก.พ. ที่ผ่านมา รวม3เดือนแล้ว ทุกโครงการอยู่ระหว่างเคลียพื้นที่สร้างไซต์ก่อสร้าง และขอพื้นที่คืนจากชุมชนบุกรุกที่รถไฟฯประมาณ 6 พันรายเนื่องจากมีเวลาก่อสร้าง30-36 เดือนหรือราว3 ปีให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายใน ปี 65

การเข้าพื้นที่ผู้รับเหมาจะเริ่มจากการเคลียร์พื้นที่ผู้บุกรุกตลอดสายทางก่อนนำเครื่องจักรหนักลงก่อสร้างตามแผนงานสัญญา จุดที่ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่แล้ว ได้แก่1.โครงการรถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 2.ทางคู่นครปฐม-หัวหิน สัญญา 1ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล 3.ทางคู่นครปฐม-หัวหิน สัญญา 2 ช่วงหนองปลาไหล-ปลาดุก 4.ทางคู่มาบกะเบา-จิระ สัญญา1 ช่วงมาบกะเบา–คลองขนานจิตร5.ทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญา 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ 6.ทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญา 1 ช่วงประจวบฯ-บางสะพานน้อย และ 7.ทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญา 2ช่วง บางสะพานน้อย-ชุมพร

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า การขอพื้นที่คืนจากชุมชนบุกรุกเป็นเรื่องยากมากโดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญา 2 ช่วงหนองปลาไหล-ปลาดุกเนื่องจากทำเลดีใกล้แหล่งท่องเที่ยว มีผู้บุกรุกราว 2 พันรายยังไม่ยอมย้ายออก ได้พยายามเจรจาชาวบ้านจะได้ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาได้ รวมทั้งอีก2สัญญาที่ยังส่งมอบพื้นที่ไม่ได้คือช่วงมาบกะเบา-จิระ สัญญา 3 (งานอุโมงค์)อยู่ระหว่างเจรจากรมอุทยานแห่งชาติฯ ก่อสร้างอุโมงค์ลอดรถไฟคาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จส่งมอบพื้นที่ได้ปลายเดือน มิ.ย.นี้

Mongwin · Posted: 14/05/2018 8:29 pm Post subject:

ประกาศเเล้ว! เวนคืนที่ดิน "เเปดริ้ว -สระบุรี- อยุธยา" สร้างรถไฟทางคู่
ฐานเศรษฐกิจ 13 May 2018

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ ราชกิจจานุเบกษา เผยเเพร่พระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลท่าไข่ และตําบลหน้าเมือง อําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมีทั้งหมดเจ็ดมาตรา

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ทําการสํารวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตําบลท่าไข่ และตําบลหน้าเมือง อําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อสร้างทางรถไฟ ทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเล ตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลท่าไข่ และตําบลหน้าเมือง อําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซ่ึงได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทําการสํารวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

รายละเอียดของพระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลท่าไข่ และตําบลหน้าเมือง อําเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๖๑ ติดตามได้ที่
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/033/129.PDF

ราชกิจจานุเบกษา เผยเเพร่พระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลตาลเดี่ยว อําเภอแก่งคอย และตําบลตลิ่งชัน อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
พ.ศ. ๒๕๖๑ มีทั้งสิ้นเจ็ดมาตรา

โดยระบุว่า สมควรกําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลตาลเดี่ยว อําเภอแก่งคอย และตําบลตลิ่งชัน อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง ที่สถานีชุมทางแก่งคอย ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย

รายละเอียดของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ติดตามได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/033/126.PDF

ราชกิจจานุเบกษา เผยเเพร่พระราชกฤษฎีกา กําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตําบลไผ่ล้อม ตําบลดอนหญ้านาง และตําบลหนองน้ําใส อําเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยมีทั้งสิ้นเจ็ดมาตรา

โดยระบุว่า สมควรกําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตําบลไผ่ล้อม ตําบลดอนหญ้านาง และตําบลหนองน้ําใส อําเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่ เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางบ้านภาชี ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย
รายละเอียดของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ติดตามได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/033/123.PDF

Wisarut · Posted: 19/05/2018 6:15 pm Post subject:

สถานีบ้านกระโดน ทางคู่ถนนจิระ - ขอนแก่น - ขณะการก่อสร้าง
https://www.youtube.com/watch?v=ibH1JZFylF4
https://www.youtube.com/watch?v=T3CM5yvBNgI

Mongwin · Posted: 22/05/2018 7:24 pm Post subject:

นาทีที่ 6.00 พูดถึงรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ครับ

เดินหน้าปฏิรูป 21 พ.ค. 61

https://www.youtube.com/watch?v=0NMQT-mZQpo

Wisarut · Posted: 23/05/2018 10:18 am Post subject:

ครม.อนุมัติงบกลางกว่า 145 ล้าน เพิ่มประสิทธิภาพรถไฟสายตะวันออก หนุน EEC
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 18:05:
ปรับปรุง: 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 18:15:

ครม.อนุมัติงบกลางกว่า 145 ล้านให้ ร.ฟ.ท.ศึกษาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพรถไฟช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด และออกแบบรายละเอียดการเพิ่มระบบอาณัติสัญญาณและระบบไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อกับสายสีแดง เพิ่มขีดความสามารถขนส่งสู่ท่าเรือแหลมฉบัง, สัตหีบ และมาบตาพุด

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 พ.ค. ได้อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับงานจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน 145,301,100 บาท ประกอบด้วย ค่าตอบแทนบุคลากรหลัก 62,814,573.00 บาท ค่าใช้จ่ายบุคลากรสนับสนุน 37,262,000.00 บาท ค่าใช้จ่ายตรง35,718,847.56 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 จำนวน 9,505,679.44 บาท

การขอรับการสนับสนุนงบกลางในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ที่มอบให้ ร.ฟ.ท.เร่งรัดจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม กรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน 200 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา ทบทวนรายละเอียดเพิ่มความจุของทางรถไฟ และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันมีทางรถไฟ 3 ราง) จะก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้น 1 ทาง โดยสามารถเชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟทางคู่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (แหลมฉบัง-ศรีราชา-ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย) และเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วงหนองคาย-ขอนแก่น-นครราชสีมา-แก่งคอย-ฉะเชิงเทรา

ศึกษาความเหมาะสม และออกแบบรายละเอียดการเพิ่มระบบอาณัติสัญญาณและระบบไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) เพื่อรองรับการให้บริการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับระบบรถไฟทางไกล และศึกษาความเหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ ช่วงฉะเชิงเทรา-ศรีราชา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการให้บริการ

ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด ศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้น 1 ทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟสู่ท่าเรือสำคัญทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด

ครม.อนุมัติงบฯ 145 ล.ศึกษารถไฟทางคู่เชื่อมท่าเรืออีอีซี
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 09:03:

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (22 พ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติงบประมาณเพื่อจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 145 ล้านบาท

ทั้งนี้จะก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มขึ้น 1 เส้นทาง เพื่อเชื่อมกับเส้นทางรถไฟทางคู่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (แหลมฉบัง-ศรีราชา-ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย) และเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟทางคู่ช่วงหนองคาย-ขอนแก่นนครราชสีมา-แก่งคอย-ฉะเชิงเทรา และเพิ่มรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด อีก 1 เส้นทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟสู่ท่าเรือสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด

ครม. อนุมัติ 145.3 ล้าน! ศึกษารถไฟทางคู่ 'อีอีซี'
23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อวันอังคารที่ 22 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือ จำเป็น จำนวน 145.3 ล้านบาท ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียดและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ใน 2 โครงการ ที่เกี่ยวกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คือ 1.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก–ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา เพื่อใช้ข้อมูลประกอบการดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟสู่ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และท่าเรือมาบตาพุด ตามแนวการพัฒนาพื้นที่อีอีซี และ 2.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด

โดยงบประมาณจำนวน 145.3 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.ค่าตอบแทนบุคลากรหลัก จำนวน 62.8 ล้านบาท 2.ค่าใช้จ่ายบุคลากรสนับสนุน 37.2 ล้านบาท 3.ค่าใช้จ่ายตรง 35.7 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จำนวน 9.5 ล้านบาท

โดยมติดังกล่าว สืบเนื่องจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2560 ที่มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ใน 2 โครงการดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท

Wisarut · Posted: 24/05/2018 12:15 pm Post subject:

รฟท.เร่งประมูลทางคู่เฟส2-3งบ4แสนล้าน

รักษาการผู้ว่าการ รฟท.เปิดใจ เร่งดันทางคู่เฟส 2-3 กว่า 4 แสนล้าน พร้อมเร่งแก้ปัญหาบุคลากรรถไฟ

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า จะเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูกิจการองค์กร ที่ได้คุยกับคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เอาไว้ ทั้งการเร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟส 2 รวม 9 เส้นทาง วงเงิน 3.9 แสนล้านบาท รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่เฟส 3 สายใหม่ ขณะที่แผนบริหารด้านการเงินขณะนี้กำลังทยอยดำเนินการควบคู่ไปกับกา

รพัฒนาที่เดินเชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้เพิ่ม ทั้งแผนแม่บทการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อโดยเฉพาะพื้นที่แปลงเอ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายอมรับว่ามีบางโครงการที่มีความล่าช้าแต่ได้ปรับแก้ไขไปกันบ้างแล้ว และได้มีการเสนอไปที่คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ครั้งที่ผ่านมา ขณะนี้บอร์ดอยู่ระหว่างการพิจารณา นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหา ที่ต้องดำเนินการในขณะนี้ โดยเฉพาะ ด้านการขาดแคลนบุคลากรของการ รถไฟฯ รวมถึงปัญหาภายในต่างๆ ต้องเร่งแก้ไข คาดว่าจะทำแผนเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อปลดล็อกมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วย เรื่องการรับสมัครบุคลากร รฟท.หาก ไม่รีบดำเนินการ ก็ไม่มีคนปฏิบัติงาน สำหรับแผนฟื้นฟูขณะนี้ยังเดินได้ตามแผนที่เสนอไป โดยมีความคืบหน้าของแต่ละแผน ซึ่งคณะอนุกรรมการ คนร. ได้ติดตามแผนว่าแต่ละโครงการ คืบหน้าถึงไหน อ
ย่างไร ส่วนโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่ติดปัญหามาก ขณะนี้ได้แก้ไขหมดแล้ว พร้อมดำเนินการต่อไป