View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 05/04/2018 12:29 pm Post subject: |
|
|
ประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าโครงการฯ
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต added 9 new photos.
3 เมษายน พ.ศ. 2561 at 12:35pm
ภาพความก้าวหน้าการดำเนินงานก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้า ช่วงข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ต่อเชื่อมกับสถานีห้าแยกลาดพร้าว่ ได้ดำเนินการก่อสร้างเสาทางวิ่งรถไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว กำลังเร่งก่อสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าแบบหล่อในที่ มีส่วนของทางวิ่งได้ยื่นเข้าไปในเขตทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์แล้ว รฟม.ได้กำชับให้ควบคุมและตรวจสอบถึงมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สัญญาที่ 1 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 29-30 มีนาคม 2561 หากท่านไม่ได้ความสะดวกในการสัญจร รฟม. และโครงการฯ ต้องขออภัยมาในโอกาสนี้
ขอขอบคุณภาพถ่ายจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างสัญญาที่ 1 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 11/04/2018 10:34 am Post subject: |
|
|
"บีทีเอส" เปิดแผน 2 ปีชูขนส่งมวลชนหนุนรายได้โต
อังคารที่ 10 เมษายน 2561 เวลา 19.01 น.
บีทีเอส ยิ้มรับอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า หนุนจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เปิดแผน 2 ปี รายได้โต 200%
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าและการพัฒนาเมือง รวมไปถึงปัญหาการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังถือเป็นสาเหตุหลักให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น สำหรับรายได้จากการเดินรถ คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งเป็นผลจากการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบของส่วนต่อขยายใต้ที่กล่าวมาข้างต้น
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานปี 61-62 บริษัทคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานจะเติบโตถึง 200% เนื่องจากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนยังเป็นหลัก จากกำหนดการการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้เดือนธ.ค.61 ที่จะถึงนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้จากการเดินรถขึ้นถึง 30% จากปีก่อนแล้ว ยังช่วยส่งจำนวนผู้โดยสารเข้ามาที่เส้นทางสีเขียวสายหลักอีกด้วย ทำให้สิ้นปีงบประมาณ 62 เดือนมี.ค. บีทีเอสจะมีเส้นทางในการเดินรถรวมทั้งสิ้น 48.9 กม. รวม 43 สถานี จากปัจจุบันที่ 38.1 กม. อยู่ที่ 35 สถานี
สำหรับในรอบปีบัญชี 61-62 สิ้นสุดเดือน มี.ค.62 ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนของบีทีเอส คาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ 20,000-25,000 ล้านบาทจากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (มีนบุรี-แคราย) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ซึ่งบีทีเอส ในฐานะเป็นผู้เดินรถ พร้อมด้วย บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ที่ได้รับสัญญาสัมปทานทั้ง 2 สายในเดือน มิ.ย.60 ที่ผ่านมา บวกกับรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากปีก่อน 7,000-9,000 ล้านบาท จากการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าสำหรับสีเขียวส่วนต่อขยายและการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลสำหรับเส้นทางสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) และเหนือ (หมอชิต-คูคต) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดว่าจะมีรายได้จากดอกเบี้ยรับจากการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าสำหรับส่วนต่อขยายสายสีเขียว และจากงานก่อสร้างสายสีชมพูและสายสีเหลืองอีกประมาณ 600 ถึง 700 ล้านบาท
ขณะที่ จำนวนผู้โดยสารในส่วนของรถไฟฟ้าสายหลักคาดว่าจะเติบโต 4-5% จากปีก่อน ทั้งนี้จากข้อมูล 11 เดือนล่าสุดของปี 60/61 ที่ผ่านมา พบว่าบีทีเอสมียอดผู้โดยสารรวมกว่า 220.3 ล้านคน หรือเฉลี่ย 743,027 คนต่อวันทำการ โดยปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากการเติบโตตามธรรมชาติ รวมทั้งการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของส่วนต่อขยายสายสีเขียวฝั่งใต้ ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ ระยะทาง 12.6 กิโลเมตร จำนวน 9 สถานี ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนธันวาคม ปี 61 นี้ จะช่วยป้อนผู้โดยสารเข้ารถไฟฟ้าสายหลักและเป็นปัจจัยหนุนหลักของรายได้ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 61/62 อีกด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 20/04/2018 7:04 pm Post subject: |
|
|
ครม.ทุ่ม 903 ล้าน ไฟเขียว โครงการที่พักผู้มีรายได้น้อยแนวรถไฟฟ้าลำลูกกา คลองสอง
วันที่ 17 April 2018 - 17:34 น.
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ลำลูกกา คลองสอง) หรือเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จำนวน 860 หน่วย วงเงินลงทุนรวม 903.38 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินกู้ภายในประเทศ 814.56 ล้านบาท เงินรายได้ 88.81 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้จัดหาและเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน 814.56 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินงบประมาณ 2562 จำนวน 161.31 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2563 จำนวน 259.77 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 327.93 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2565 จำนวน 65.55 ล้านบาท
สำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยฯดังกล่าว ประกอบด้วย 1.โครงการลำลูกกาคลอง 2 ระยะที่ 1 ส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัยรวม 4 ชั้น 27 ตารางเมตร จำนวน 280 หน่วย ราคาขาย 868,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561-พฤษภาคม 2563
2.โครงการลำลูกกาคลอง 2 ระยะที่ 1 ส่วนที่ 2 เป็นอาคารชุดพักอาศัยรวม 4 ชั้น 27 ตารางเมตร จำนวน 336 หน่วย ราคาขาย 891,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่กันยายน 2562-กุมภาพันธ์ 2564
3.โครงการลำลูกกาคลอง 2 ระยะที่ 2 แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น 20 ตารางวา จำนวน 22 หน่วย ราคาขาย 3.28 ล้านบาท, ทาวส์เฮาส์ 3 ชั้น ห้องริม 28 ตารางวา จำนวน 12 หน่วย ราคาขาย 3.53 ล้านบาท และบ้านแฝดเชิงอิสระ 2 ชั้น 35 ตารางวา จำนวน 170 หน่วย ราคาขาย 3.5 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่กรกฎาคม 2563 ถึง ธันวาคม 2564 รวมอาคารชุดพักอาศัย และบ้านแฝด ทาวส์เฮาส์ จำนวน 820 หน่วย
ทั้งนี้ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 เห็นชอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ปี 2558-2560 จำนวน 116 โครงการ35,342 หน่วย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 23,234 ล้านบาท แหล่งที่มาของเงินลงทุนประกอบด้วย เงินกู้ภายในประเทศ 14,093 ล้านบาท เงินรายได้ของ กคช.2,484 ล้านบาท และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 6,657 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงข่ายคมนาคมโครงสร้างพื้นฐาน 4 พื้นที่ ได้แก่ โครงการลำลูกกา คลองสอง จังหวัดปทุมธานี โครงการเคหะร่มเกล้า ลาดกระบัง กทม. โครงการประชานิเวศน์ 3 จังหวัดนนทบุรี โครงการเคหะบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 เห็นชอบโครงการประชานิเวศน์ 3 แล้ว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 20/04/2018 7:05 pm Post subject: |
|
|
ประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าโครงการฯ
ภาพจำลองสะพานทางเดินยกระดับเชื่อมสถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชกับอาคารโรงพยาบาลฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สถานีรถไฟฟ้าและใช้สิ่งอำนวยสะดวกของสถานี เช่น ลิฟต์ บันได และบันไดเลื่อน เป็นสะพานลอยข้ามถนน เป็นทางขึ้น-ลง ในการเข้าไปใช้บริการโรงพยาบาลฯได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างฐานรากของตัวสะพานทางเดินยกระดับแล้ว รฟม.จะเร่งก่อสร้างเพื่อให้ประชาชนได้ใช้งานโดยเร็วต่อไป โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สัญญาที่ 2 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หากท่านไม่ได้ความสะดวกในการสัญจร รฟม. และโครงการฯ ต้องขออภัยมาในโอกาสนี้
ขอขอบคุณภาพถ่ายจากที่ปรึกษา PCGRN
https://www.facebook.com/Greenlinenorth/photos/rpp.1616638588617483/2085073955107275/?type=3&theater |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 23/04/2018 11:32 am Post subject: |
|
|
'ศรีสุวรรณ'เตรียมร้องนายกฯสอบรฟม.เปลี่ยนชื่อสถานีบีทีเอส'บางบัว'เป็น'ศรีปทุม'
23 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 10:19 น.
23 เม.ย. 61 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ด้วยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้รับการร้องเรียนจากชาวชุมชนบางบัว เขตจตุจักร กทม.ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ใช้อำนาจโดยพลการ ด้วยการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) จากเดิมที่เคยตั้งชื่อไว้ว่า สถานีบางบัว เปลี่ยนไปเป็น สถานีศรีปทุม ตามที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมร้องขอ โดยที่ชาวชุมชนบางบัวไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน ทั้งๆ ที่ชื่อบางบัวเป็นสถานที่ที่เป็นชุมชนใหญ่มีประวัติในเชิงภูมินิเวศน์ยาวนานมานับ 100 ปี มีหน่วยงานราชการและเอกชนใช้ชื่อบางบัวประกอบเป็นชื่อหน่วยงาน/องค์กรของตนมากมาย เช่น วัดบางบัว (สร้างปี 2380) โรงเรียนบางบัว การเคหะบางบัว ตลาดบางบัว แฟลตบางบัว ท่าเรือบางบัว ฯลฯ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งเหมาะสมดีอยู่แล้ว มากกว่าที่จะใช้ชื่อของมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งเขามาตั้งในพื้นที่ดังกล่าวไม่นาน
การใช้อำนาจดังกล่าวของ รฟม.น่าจะส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ เป็นการเอื้อให้กับมหาวิทยาลัยของเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจเพื่อกำไรและผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรืออาจเข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 อีกด้วย เพราะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ2535 ประกอบพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 เนื่องจากการใช้ชื่อ สถานีบางบัว ปรากฏอยู่ในเอกสารเผยแพร่เป็นการทั่วไปในการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) แล้ว แต่แล้วพอมหาวิทยาลัยศรีปทุมทำเรื่องขอให้เปลี่ยนไปใช้ชื่อศรีปทุมแทน รฟม.กลับยินยอมให้เปลี่ยนได้โดยง่าย โดยไม่มีการเปิดเวทีรับฟังเสียงคนบางบัว หรือผู้มีส่วนได้เสียและแก้ไข EIA ตามระเบียบของกฎหมายแต่อย่างใด
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยและชาวชุมชนบางบัว จึงจะเดินทางไปร้องเรียนต่อ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบผู้บริหาร รฟม. และ รมว.คมนาคม ว่าใช้อำนาจกระทำการในทางที่ชอบด้วยกฎหมายและเอื้อประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยของเอกชนหรือไม่ โดยจะเดินทางไปในวันอังคารที่ 24 เมษายน 2561 เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล ตึก กพร.เดิม ถ.พิษณุโลก เขตดุสิต กทม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44331
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 24/04/2018 1:05 pm Post subject: |
|
|
ไม่จบง่ายๆ กทม.ยังไร้คำตอบรับหนี้สีเขียว คค.ขีดเส้นพ.ค.ไม่จบ รฟม. พร้อมเดินรถเอง
เผยแพร่: 23 เม.ย. 2561 22:23: โดย: MGR Online
กทม.ยังยื้อรับหนี้สีเขียว อ้างรอสภากทม.ประชุม ในพ.ค.ก่อน คมนาคมเดินหน้า รฟม. เปิดPPP สรุป พ.ค. จ่อชงนโยบายเคาะ หากกทม.ยังไร้คำตอบ เร่งเปิดตามแผน ใน ธ.ค.61
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2561 ที่มีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ได้ติดตามผลการพิจารณา ข้อเสนอด้านการเงินสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต และ ช่วงแบริ่ง สมุทรปราการ ซึ่ง กรุงเทพมหานคร(กทม.) จะรับโอนการเดินรถจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่ง นายธนูชัย หุ่นนิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม.ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า กทม.จะต้องรอมติที่ประชุมสภากทม.ก่อน ซึ่งจะมีการประชุมในปลายเดือนเม.ย.-ต้นเดือนพ.ค. นี้
ในขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบแนวทางการที่ รฟม.จะเป็นผู้บริหารการเดินรถเอง ในรูปแบบ PPP ซึ่งรฟม.ได้เสนอผลการศึกษาวิเคราะห์การร่วมทุน (PPP) ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 แล้วตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2561 ขณะนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังพิจารณา โดยตามขั้นตอน PPP โดยรมต.คมนาคมจะพิจารณาภายใน 60 วัน ซึ่งจะปลายเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่ทางกทม.ระบุว่า สภากทม.จะมีการประชุมพิจารณาภาระหนี้สิน หากสภากทม.มีมติรับหนี้จะเดินหน้าต่อ หากสภากทม.ไม่รับหนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ รฟม.เดินรถ โดยรูปแบบ PPP ไปตามขั้นตอนได้ทันที
สำหรับ ภาระหนี้สินสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการนั้น กทม.ขอยืดเวลาชำระหนี้ 10 ปี และให้รัฐอุดหนุนการขาดทุน โดยให้กทม.เริ่มชำระหนี้ตั้งแต่ปี 2573 เป็นต้นไป เป็นวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา 44,429 ล้านบาท ส่วน ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 7,356 ล้านบาท
ส่วนค่าติดตั้งระบบไฟฟ้า (E&M) 32,373 ล้านบาท (แบ่งเป็นค่าระบบ 22,373 ล้านบาทและดอกเบี้ย 10,000 ล้านบาท) ซึ่งกทม.ได้ลงนามกับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้รับจ้างเดินรถแล้ว ซึ่ง กทม.ขอชำระค่าดอกเบี้ยก่อนช่วงปี 2562-2572 ปีละ 1,000 ล้านบาท ส่วนค่างานระบบ 22,373 ล้านบาทจะชำระคืนปี 2573-2576
ขณะนี้ต้องใช้แนวทางPPP รฟม.บริหารเดินรถเอง คู่ขนานไปด้วย เพราะที่ผ่านมา การพิจารณารับหนี้ของกทม.ล่าช้ามากแล้ว ขณะที่กำหนดเปิดเดินรถสายสีเขียวในเดือนธ.ค. 61 นี้แล้วหากไม่ตัดสินใจในเดือนพ.ค. จะไม่ทันแน่นอน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 24/04/2018 1:17 pm Post subject: |
|
|
สภากทม.โหวตรับ-ไม่รับหนี้สายสีเขียวพ.ค.61
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 14:00 น.
ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า ขณะนี้ให้ฝ่ายบริหาร กทม.เตรียมรายละเอียดการที่จะขออนุมัติจากสภาเรื่องรับโอนหนี้กว่า 8 หมื่นล้านบาทของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-คูคตและแบริ่ง-สมุทรปราการ คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมสภาพิจารณาต้นเดือน พ.ค.นี้
วงเงินสูงอยากให้ทำรายละเอียดให้ครบก่อนชี้แจงสภา รวมถึงข้อมูลการเจรจากับรัฐให้ช่วยรับภาระบางส่วนให้ กทม. เราก็เร่งไม่อยากให้ล่าช้า เพราะจะกระทบการเปิดบริการช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการใน ธ.ค.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า วันที่ 23 เม.ย. คณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) มีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน จะประชุมเพื่อหาข้อยุติโดยเร็วเกี่ยวกับชำระหนี้ของ กทม.ที่รับโอนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
การประชุมครั้งนี้ คมนาคมจะให้ได้ข้อยุติ หาก กทม.หาเงินมาชำระหนี้ไม่ได้ จะให้ รฟม.เปิดประมูลหาผู้เดินรถตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อให้เปิดบริการช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการให้ทัน ธ.ค.นี้
โดยผลการประชุมครั้งล่าสุดรับหลักการที่ กทม.ขอยืดเวลาชำระหนี้ 10 ปี และให้รัฐอุดหนุนการขาดทุน จะชำระคืนทั้งต้นและดอกเบี้ยหลังสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสิ้นสุดปี 2572 ซึ่งมอบให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) หาเงินอุดหนุนที่ กทม.ขอให้ช่วย เป็นค่าก่อสร้างงานโยธา 44,429 ล้านบาท ซึ่ง สบน.จะปรับโครงสร้างหนี้ให้ กทม.ชำระคืนปี 2573 เป็นต้นไป
ขณะที่ค่าติดตั้งระบบไฟฟ้า ไม่รวมขบวนรถ 32,373 ล้านบาท แยกเป็นค่าระบบ 22,373 ล้านบาทและค่าดอกเบี้ย 10,000 ล้านบาท กทม.ขอชำระค่าดอกเบี้ยปีละ 1,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2562-2572 ส่วนค่างานระบบจะคืนปี 2573-2576 และให้ กทม.หารือ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้รับจ้างเดินรถช่วย กทม.หาเงินจ่ายค่างานระบบทั้งหมดในปี 2563 จากนั้นกระทรวงการคลังจะหาแหล่งเงินกู้ให้ กทม.เพื่อชำระคืน จะทำให้ กทม.ประหยัดดอกเบี้ยได้ 1,500 ล้านบาท
แหล่งข่าวจาก กทม.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาบีทีเอสถึงแนวทางการหาเงินชำระหนี้ค่างานระบบ โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เป็นหัวหน้าคณะเจรจา โดย กทม.ขอให้ บีทีเอสจัดหาวงเงินให้แล้วจะชำระคืนภายหลัง เนื่องจาก กทม.ไม่สามารถกู้เงินเองได้ และไม่มีเงินงบประมาณเพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้คืน
ตอนนี้กำลังทำความเข้าใจกับสมาชิกสภา กทม. และทำรายละเอียดที่จะตอบคำถามสภากรณีที่รัฐไม่ช่วย กทม.รับภาระค่าก่อสร้างโครงสร้างเหมือนกับ รฟม. ทั้งที่เป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกัน จึงต้องเลื่อนการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภาออกไปก่อน แหล่งข่าวกล่าวย้ำ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 25/04/2018 9:57 am Post subject: |
|
|
รฟม.แจงเหตุเปลี่ยนชื่อส.รถไฟ "บางบัว" เป็น "ศรีปทุม" ยันไม่ได้เอื้อม.ดัง
การรถไฟฟ้าฯ ชี้แจงกรณีเปลี่ยนชื่อสถานีบางบัว เป็นส.ศรีปทุม เพราะเป็นชื่อพระราชทานฯ ยืนยันไม่ได้เอื้อม.เอกชนดัง
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. หลังจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าเตรียมรองเรียนนายกรัฐมนตรี ให้ตั้งกรรมการสอบผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หลังได้รับเรื่องร้องเรียบนว่ามีการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต จาก สถานีบางบัว เป็น สถานีศรีปทุม ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจแก่เอกชนนั้น
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า รฟม.พิจารณาเห็นการตั้งชื่อสถานีรถไฟฟ้าว่า ศรีปทุม ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมีความหมายว่า เป็นบ่อเกิดแห่งวิชาที่เบิกบาน เช่นดอกบัว และคำว่า ปทุม ก็มีความหมายว่า บัวหลวง ซึ่งมีความสอดคล้องกับชื่อของชุมชนในบริเวณดังกล่าว คือชุมชนบางบัว อีกทั้งคำว่า ศรีปทุม ยังเป็นที่รู้จักกันดีของประชาชนโดยรอบและประชาชนทั่วไป
ดังนั้น รฟม. จึงเห็นสมควรให้มีการตั้งชื่อสถานีศรีปทุม เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นการแสดงถึงอัตลักษณ์ของชุมชนบริเวณดังกล่าว ตลอดจนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมชน โดยไม่ได้จะใช้ชื่อว่า สถานีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนแต่อย่างใด ทั้งนี้ที่ผ่านมา รฟม.เคยเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้ามาแล้วหลายแห่ง เช่น สถานีสมุทรปราการ เป็น สถานีปากน้ำ (สายสีเขียว) สถานีวังบูรพา เป็น สถานีสามยอด (สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย) และสถานีศรีพรสวรรค์ เป็น สถานีบางกระสอ (สายสีม่วง) เป็นต้น
รฟม. แจงแล้ว!เปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าบางบัว เป็น ศรีปทุม ระบุเป็นที่รู้จักของปชช.โดยรอบ
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 17:26 น.
จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะร่วมกับชาวชุมชนบางบัว เข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24 เมษายน 2561 เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตั้งกรรมการสอบผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต จาก สถานีบางบัว เป็น สถานีศรีปทุม เป็นการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจแก่เอกชน นั้น
รฟม. ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า รฟม. ได้พิจารณาการตั้งชื่อสถานีรถไฟฟ้า โดยเห็นว่า นาม ศรีปทุม เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีความหมายว่า เป็นบ่อเกิดแห่งวิชาที่เบิกบาน เช่นดอกบัว และคำว่า ปทุม มีความหมายว่า บัวหลวง ซึ่งมีความสอดคล้องกับชื่อของชุมชนในบริเวณดังกล่าวคือชุมชนบางบัว
อีกทั้งคำว่า ศรีปทุม ยังเป็นที่รู้จักกันดีของประชาชนโดยรอบและประชาชนทั่วไป ดังนั้น รฟม.จึงเห็นสมควรให้มีการตั้งชื่อสถานีศรีปทุม เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นการแสดงถึงอัตลักษณ์ของชุมชนบริเวณดังกล่าว ตลอดจนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมชน โดยมิได้จะใช้ชื่อว่า สถานีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รฟม. ได้เคยเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้ามาแล้วหลายแห่ง เช่น สถานีสมุทรปราการ เป็น สถานีปากน้ำ (สายสีเขียว) สถานีวังบูรพา เป็น สถานีสามยอด (สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย) และสถานีศรีพรสวรรค์ เป็น สถานีบางกระสอ (สายสีม่วง) เป็นต้น
รฟม.ปัดเอื้อเอกชน แจงเปลี่ยนชื่อสถานีบางบัว เป็น ศรีปทุม เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 24 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 18:14:
รฟม.ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จาก สถานีบางบัว เป็น สถานีศรีปทุม เป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นการแสดงถึงอัตลักษณ์และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมชน ไม่ได้ใช้ชื่อว่า สถานีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนแต่อย่างใด
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชี้แจงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะร่วมกับชาวชุมชนบางบัวเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24 เมษายน 2561 เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตั้งกรรมการสอบผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จาก สถานีบางบัว เป็น สถานีศรีปทุม เป็นการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจแก่เอกชน
ข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว รฟม. ได้พิจารณาการตั้งชื่อสถานีรถไฟฟ้า โดยเห็นว่านาม ศรีปทุม เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีความหมายว่า เป็นบ่อเกิดแห่งวิชาที่เบิกบาน เช่นดอกบัว และคำว่า ปทุม มีความหมายว่า บัวหลวง ซึ่งมีความสอดคล้องกับชื่อของชุมชนในบริเวณดังกล่าวคือชุมชนบางบัว อีกทั้งคำว่า ศรีปทุม ยังเป็นที่รู้จักกันดีของประชาชนโดยรอบและประชาชนทั่วไป
ดังนั้น รฟม.จึงเห็นสมควรให้มีการตั้งชื่อสถานีศรีปทุม เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นการแสดงถึงอัตลักษณ์ของชุมชนบริเวณดังกล่าว ตลอดจนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมชน โดยมิได้จะใช้ชื่อว่า สถานีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รฟม.ได้เคยเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้ามาแล้วหลายแห่ง เช่น สถานีสมุทรปราการ เป็น สถานีปากน้ำ (สายสีเขียว) สถานีวังบูรพา เป็นสถานีสามยอด (สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย) และสถานีศรีพรสวรรค์ เป็นสถานีบางกระสอ (สายสีม่วง) เป็นต้น |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42625
Location: NECTEC
|
Posted: 27/04/2018 10:42 am Post subject: |
|
|
ขู่ร้องป.ป.ช.-ศาลปค.ปมรฟม.แก้ชื่อสถานีบางบัว-ศรีปทุม
พฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2561 เวลา 16.15 น.
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีร้องเรียนเรื่องการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต จาก สถานีบางบัว เป็น สถานีศรีปทุม นั้นว่า จากการชี้แจงของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่อ้างว่า ศรีปทุม ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและมีความสอดคล้องกับชื่อของชุมชนบางบัวนั้น ตนเห็นว่าเป็นการชี้แจงที่ไม่ใช่ตรรกะ เพราะการเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีศรีปทุมซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งในพื้นที่ จึงอาจจะมีการเอื้อผลประโยชน์เกิดขึ้นหรือไม่ ดังนั้นจึงควรตั้งชื่อสถานีบางบัวเช่นเดียวกับพื้นที่ ซึ่งมีชุมชนบางบัวตั้งอยู่ และหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานที่มีสำนักงานในพื้นที่ก็ใช้ชื่อบางบัวอย่างแพร่หลาย คนทั่วไปรู้จัก แต่การจะอ้างว่าศรีปทุมมีคนรู้จักแพร่หลาย ก็อาจจะเป็นตัวอย่างทำให้ธุรกิจเอกชนอื่นๆที่อยู่ใกล้สถานี และมีคนรู้จักแพร่หลาย ขอเปลี่ยนเป็นชื่อธุรกิจของตัวเองบ้างได้หรือไม่
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า หลังจากมีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว จะให้เวลา ผู้ว่า รฟม.ทบทวนเรื่องดังกล่าว 30 วัน หากเลยเวลาที่กำหนดแล้วไม่มีการดำเนินการทบทวน หรือแก้ไขใดๆ ตนจะนำเรื่องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีการเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชนจากการเปลี่ยนชื่อสถานีหรือไม่ รวมทั้งจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวว่าเป็นการใช้อำนาจโดยถูกต้องหรือไม่ด้วยเช่นกัน. |
|
Back to top |
|
|
|