RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13180103
ทั้งหมด:13491335
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 95, 96, 97 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 07/05/2018 5:03 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.บุรีรัมย์โปรย 2 หมื่นล้าน ไฮสปีดเฟส 2 เพิ่มสถานีบัวใหญ่เชื่อมชัยภูมิ
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 - 18:27 น.

ครม.สัญจรบุรีรัมย์ ทุ่มงบฯ 2 หมื่นล้าน 121 โครงการ ปั้น “นครชัยบุรินทร์” เพิ่มสถานีจอด “ไฮสปีดเทรน” โคราช-หนองคาย เฟส 2 เชื่อมต่อชัยภูมิ

พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (สัญจร) ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2561 ที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ เพื่อติดตามโครงการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่ 1.การพัฒนาโครงข่ายและคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางอากาศและทางถนน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน อาทิ การพัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ให้ได้มาตรฐานสากลนานาชาติ การก่อสร้างและขยายถนน 4 ช่องจราจร เชื่อมโยงจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดพื้นที่ติดต่อกัน รวมทั้งเพิ่มสถานีจอดรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วง นครราชสีมา-หนองคาย ณ อำเภอบัวใหญ่ นครราชสีมา เพื่อให้มีจุดเชื่อมต่อไปยังจังหวัดชัยภูมิและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาพรวม


2.การพัฒนาด้านการค้าชายแดน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ อาคารสำนักงานศูนย์กระจายสินค้าและระบบการอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว 3.การพัฒนาด้านการกีฬา อาทิ การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา 4.การส่งเสริมการท่องเที่ยว วัฒนธรรม 5.การอนุรักษ์และพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาด้านการทอผ้าไหมและการส่งเสริมการตลาดผ้าไหม 6.การบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และ 7.การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า สำหรับแผนงาน โครงการและงบประมาณ ตามข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 โดยผู้แทนกลุ่มจังหวัดนำเสนอขอรับการสนับสนุน ทั้งหมด 5 ด้าน รวม 121 โครงการ งบประมาณรวม 20,706.02 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ด้านการเกษตรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 73 โครงการ งบประมาณ 3,392.65ล้าน บาท อาทิ โครงการแก้มลิงลุ่มน้ำชี เพื่อป้องกันอุทกภัยในจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดใกล้เคียง โครงการยกระดับเมืองนวัตกรรมอาหารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ Northeastern Food Innopolis

2.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 21 โครงการ งบประมาณ 11,824.45 ล้านบาท เช่น โครงข่ายคมนาคมทางถนน 14 โครงการ อาทิ งานขยายทางหลวงหมายเลข 2445 ตอน บุรีรัมย์-ประโคนชัย ระหว่าง กม.10+750-กม.41+550 ระยะทาง 29.90 กิโลเมตร จาก 2 ช่อง เป็น 4 ช่องจราจร โครงการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนในกลุ่มจังหวัด โครงการปรับปรุงสนามบินบุรีรัมย์เป็นสนามบินศุลกากร เครื่องบินขนาดใหญ่และนักท่องเที่ยว ก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่

3.ด้านการค้า การลงทุนและการค้าชายแดน 4 โครงการ งบประมาณ 1,370.ล้านบาท อาทิ โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงนิทรรศการภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 โครงการก่อสร้างศูนย์รวบรวมตู้คอนเทรนเนอร์และเปลี่ยนโหมดขนส่ง Korat ICD : Inland Container Depot 4.ด้านการท่องเที่ยว 5 โครงการ งบประมาณ 496.34 ล้านบาท อาทิ โครงการสร้างพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์เฉลิมพระเกียรติ นครราชสีมา โครงการพัฒนาและฟื้นฟูเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างและการท่องเที่ยว

5.ด้านคุณภาพชีวิต 18 โครงการ งบประมาณ 3,622 ล้านบาท อาทิ โครงการจัดตั้งคณะพยาบาลศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โครงการศูนย์ดูแลส่งเสริมและฟื้นฟูสภาพผู้สูงอายุจังหวัดบุรีรัมย์
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/07/2018 3:02 pm    Post subject: Reply with quote

รมว.คค.โชว์4ปีลงทุนแล้ว9แสนลบ.
INN News 13 กรกฎาคม 2018 - 14:05 23

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โชว์ผลงาน 4 ปี ลงทุนแล้ว 9 แสนล้านบาท ดัน GDP ไตรมาส 1 โต 4.8%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการและการเสวนาสร้างการรับรู้เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย โดยระบุว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยกำหนแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (พ.ศ.2558-2565) วงเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งใน 4 ปีที่ผ่านมา กระทรวงได้เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบการเชื่อมต่อทางบก น้ำ ราง อากาศ

โดยมีการลงทุนไปแล้วประมาณ 800,000 – 900,000 ล้านบาท อาทิ การลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-นครราชสีมา เตรียมเปิดประกวดราคาไตรมาส 3 กรุงเทพ-เชียงใหม่อยู่ระหว่างเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาการออกแบบภายในปี2562 ซึ่งในสัปดาห์หน้านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินไปร่วมหารือกับญี่ปุ่นถึงการลงทุน มีผลงานที่เป็นชิ้นเอกจะเป็นระบบราง

ส่วนโครงการรถไฟเชื่อม3สนามบินหลังจากมีผู้มายื่นซื้อซองแล้วจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือนพิจารณาข้อเสนอ คาดว่าจะได้เอกชนมาลงทุนปลายปีนี้

ทั้งนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการและคณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้วประมาณ 10% ดังนั้นจะเร่งผลักดันโครงการที่เหลือในการออกร่างเอกสารประกวดราคา หรือ ทีโออาร์ ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเปิดประมูลต้นปีหน้าและเริ่มก่อสร้างในกลางปี2562

อย่างไรก็ตามการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐมีส่วนสำคัญทำให้จีดีพีของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 1 ปีนี้จีดีพีขยายตัวได้ 4.8% จากการเติบโตดังกล่าว 30% มาจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่เหลือเป็นเรื่องส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ พร้อมมั่นใจว่าโครงการลงทุนทุกโครงการมีความโปร่งใสสามารถผ่านขั้นตอนต่างๆ ได้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/07/2018 10:58 am    Post subject: Reply with quote

โชว์ 4 ปีสร้างความเจริญชาติ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 ก.ค. 61

คมนาคมลุยลงทุนหนุนส่งเศรษฐกิจเติบโต

คมนาคมคุยลั่นทุ่ง! 4 ปีผลงานอื้อ ทุ่มงบกว่า 1.09 ล้านล้านบาท ลงทุนเมกะโปรเจกต์กว่า 21 โครงการ ช่วยกระตุ้นจีดีพีโตทะลุเป้า มั่นใจในสิ้นปี 61 ทุ่มเงินอีก 7 แสนล้าน สร้างรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง-ขยายขนส่งทางอากาศ-ต่อขยายรถไฟฟ้า

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวในงานเสวนาการรับรู้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย "คมนาคม 4 ปี+ อนาคตไทยได้อะไร?" ว่า ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยปี 2558-2565 มีวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 2 ล้านล้านบาท โดยในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่เข้ามาดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงคมนาคมได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่รวมกว่า 21 โครงการมูลค่ารวม 1,099,677 ล้านบาท ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาถือว่าคมนาคมได้ดำเนินการเป็นไปตามกรอบระยะเวลาเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จ 100% และการลงทุนดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เห็นได้ว่าในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวได้ 4.8% ซึ่งสัดส่วนจีดีพีที่ขยายตัวขึ้นนั้นเป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 30%

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเหลือโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีกประมาณ 10% ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันโครงการที่เหลือ ทั้งในการออกร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2561 นี้ เพื่อเปิดประมูลต้นปีหน้า และเริ่มก่อสร้างในกลางปี 2562 โดยกระทรวงคมนาคมจะเร่งดำเนินการอีก 4 แผนงานหลัก มูลค่ารวมกว่า 700,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง มูลค่ารวม 393,354 ล้านบาท, โครงการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถขนส่งทางอากาศ 166,659 ล้านบาท, โครงการลงทุนขยายเส้นทางรถไฟส่วนต่อขยาย 4 โครงการ มูลค่ารวม 144,700 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก 2.สายสีแดงช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง 3.รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน และ 4.รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ

"4 ปีที่ทำงานมาจะเห็นได้ว่า กระทรวงคมนาคมได้ทำให้ระบบการคมนาคมขนส่งพัฒนาไปมาก ปัจจุบันโครงข่ายรถไฟฟ้าจากปี 2558-2561 มีระยะทางก่อสร้างและจะให้บริการรวม 349.8 กิโลเมตร (กม.) จากที่ก่อนหน้านี้มีรถไฟฟ้าให้บริการเพียง 84 กม.เท่านั้น และตามแผนจะต้องมีระยะทางให้บริการครอบคลุม กทม.และปริมณฑลรวมกว่า 464 กม. นอกจากนั้นยังได้เข้ามาแก้ไขการเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินให้สามารถเดินทางไร้รอยต่อ โดยเฉพาะช่วงเตาปูน-บางซื่อ ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อแล้วทำให้ปริมาณผู้โดยสารในรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้นจาก 20,000 คน/วัน เป็น 50,000 คน/วัน"

ส่วนความคืบหน้าในการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 เส้นทางนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างและจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2562-2566 โดยรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 18 กม.จะเปิดให้บริการได้ปี 2562-2563 รองรับปริมาณผู้โดยสารกว่า 160,000 คน/วัน, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เปิดให้บริการปี 2562, ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี อยู่ระหว่างก่อสร้าง ให้บริการได้ปี 2566 รองรับผู้โดยสารได้ 110,000 คน/วัน, รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-สุวินทวงศ์ เปิดให้บริการปี 2564, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง อยู่ระหว่างก่อสร้าง เปิดให้บริการปี 2564 รองรับผู้โดยสาร 220,000 คน/วัน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 67% เปิดให้บริการได้กลางปี 2563 และเมื่อสร้างรถไฟฟ้าครบ 10 สายทางแล้ว ระยะต่อไปกระทรวงคมนาคมจะเน้นสร้างรถไฟฟ้าสายย่อยเพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายหลัก

นายอาคม กล่าวต่อว่า ส่วนการพัฒนาระบบรางนอกจากโครงการรถไฟฟ้าแล้ว กระทรวงคมนาคมยังได้พัฒนาสร้างทาง ปรับปรุงทางรถไฟเพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันมีเส้นทางรถไฟเพิ่มขึ้นเป็น 8,150 กม. จากเดิมมีระยะทางเพียง 4,043 กม. ส่วนรถไฟทางคู่ก็มีระยะทางให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 3,157 กม. เพิ่มเป็น 3,514 กม. ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง ระยะทาง 2,217 กิโลเมตร มูลค่ารวม 393,000 ล้านบาท.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 16/07/2018 2:27 pm    Post subject: Reply with quote

ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ : ระบบรางใหม่ของไทยโฉมหน้าจะเป็นอย่างไร
ฐานเศรษฐกิจ 16 July 2018

รายการ ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 11 กรกฎาคม 2561 เวลา 13.00-14.00 น. ดำเนินรายการโดย คุณบากบั่น บุญเลิศ และ คุณกรรณิการ์ รุ่งกิจเจริญกุล สร้างโอกาสทางธุรกิจกับฐานเศรษฐกิจ เจาะลึกประเด็น ระบบรางใหม่ของไทยโฉมหน้าจะเป็นอย่างไร โดย ผศ.ดร.รัฐภูมิ ปริชาตปรีชา ผอ.สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมถนนและระบบรางมหาวิทยาลัยนเรศวร และ ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) รายละเอียดจะเป็นอย่างไรติดตามได้จากรายการ (ชมคลิป)


https://www.youtube.com/watch?v=oUMhZILcBCI
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 17/07/2018 7:37 pm    Post subject: Reply with quote

“สมคิด”ปั๊ม 2.4 ล้านล้านก่อนเลือกตั้ง คมนาคมรับลูกเทกระจาดประมูลบิ๊กโปรเจ็กต์จบสิ้นปี
วันที่ 17 July 2018 - 08:09 น.


ลุ้นโค้งสุดท้าย “สมคิด” ไล่บี้เมกะโปรเจ็กต์คมนาคม วงเงินกว่า 2.4 ล้านล้าน เดดไลน์สปีดประมูลให้เสร็จสิ้นปีนี้ก่อนเลือกตั้ง ครบทุกโหมด บก ราง น้ำ อากาศ หวังเป็นพระเอกขับเคลื่อนการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้าน “อาคม” จัดไทม์ไลน์ประมูลละเอียดยิบ ทั้งรถไฟฟ้าสารพัดสี ทางคู่เฟส 2 และสายใหม่ ท่าเรือ สนามบิน รถไฟรางเบา ลั่น พ.ย.นี้ชง ครม.เกลี้ยง ปีหน้าขายทีโออาร์

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 7-8 เดือนที่เหลือก่อนจะมีการเลือกตั้งภายในปี 2562 ได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ เนื่องจากโครงการใหญ่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผน ถ้าโครงการไหนที่จะต้องจัดซื้อจัดจ้าง ประมูล หรือเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้เสร็จสิ้นปีนี้ ห้ามล่าช้าอีกเด็ดขาด

เร่งเวนคืนบางใหญ่-กาญจน์

จากการติดตามงานของกรมทางหลวง (ทล.) มีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แต่ที่ยังล่าช้า เช่น มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ยังติดปัญหาเวนคืนที่ดิน ก็สั่งให้รีบเคลียร์ให้จบ เพื่องานก่อสร้างจะได้เดินหน้าต่อไป

ส่วนกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ให้คิดเส้นทางคู่ขนานเลียบชายฝั่งทะเลกับถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางในโครงการ “ไทยแลนด์ ริเวียร่า” หรือถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย เพราะรัฐบาลกำลังโปรโมตการท่องเที่ยวภาคใต้อยู่ จะให้เริ่มต้นภายในปี 2562 นี้ โดยให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อนำมาสนับสนุนโครงการนี้


สั่งสร้างไฮสปีดถึงสุราษฎร์

ขณะที่โครงการระบบรางถือว่าเป็นพระเอกของคมนาคม ภาพรวมคืบหน้าตามเป้าหมายทั้งสายเหนือและอีสาน แต่มีให้ศึกษาส่วนที่จะเชื่อมต่อลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ในอนาคต เช่น รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. ได้สั่งการให้ศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติมให้เชื่อมต่อลงไปถึง จ.สุราษฎร์ธานี ให้รับกับรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม.ที่มีแผนศึกษาจะตัดเข้า จ.ระนอง และต่อไปยังฝั่งทะเลอันดามัน

“หากเชื่อมต่อทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามันได้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุด ดังนั้นอย่างน้อยทั้งทางคู่และความเร็วสูงจะต้องถึง จ.สุราษฎร์ธานี ก่อน จะรับกับนโยบายของรัฐบาลกำลังส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ลูปรถไฟตามภาคต่าง ๆ จะต้องมีความคืบหน้า จึงให้เพิ่มเส้นทางรถไฟเข้าไปเสริม ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และการรถไฟฯจะต้องไปหารือร่วมกัน”

ยังเร่งรัดกรมการขนส่งทางบกพัฒนาโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า จะเป็นสถานีย่อย (sub terminal) สำหรับขนส่งสินค้า หากทำเองไม่ได้ก็เปิดให้เอกชนในระดับโลกเข้ามาประมูล

ยก 4 สนามบินภูธรให้ ทอท.

ด้านทางอากาศ เป็นที่สรุปว่า บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) จะรับ 4 สนามบินจากกรมท่าอากาศยานไทย (ทย.) ไปดูแลเพิ่ม 4 แห่ง ได้แก่ 1.ท่าอากาศยานอุดรธานี 2.ท่าอากาศยานสกลนคร 3.ท่าอากาศยานตาก และ 4.ท่าอากาศยานชุมพร ซึ่งภายในปีนี้จะเปิดประมูลให้เสร็จ พร้อมกันนี้ให้มีทางเลือก โดยให้ผู้ประกอบการภายนอกที่นอกเหนือจาก ทอท.เข้ามาดูแลสนามบินที่มีศักยภาพด้วย

งานของกรมเจ้าท่าต้องให้มองภารกิจที่กว้างและใหญ่ขึ้น เพราะมีเส้นทางทะเลที่ต้องดูแลค่อนข้างยาว เช่น เพิ่มเรือเส้นทางสัตหีบ-หัวหิน เปิดวิ่งเส้นทางอื่นจากภาคกลางลงไปตามแนวไทยแลนด์ ริเวียร่า และเส้นทางสุราษฎร์ธานี-เกาะสมุย เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนและเพิ่มการท่องเที่ยวทางน้ำให้มากขึ้น

“ทั้งหมดนี้จะชักช้าไม่ได้ เหลือแค่ 7-8 เดือนก่อนเลือกตั้ง ผมไม่อยากให้ปล่อยไว้เฉย ๆ ไปตามกระบวนการ อีกทั้งเศรษฐกิจที่เติบโตในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากโครงการของคมนาคมที่เชื่อมต่อกันได้หมด จึงไม่อยากให้ชักช้า อยากให้เร่ง และต้องคิดเป็นภาพใหญ่ทั้งประเทศ ถ้าเราสร้างเส้นทางที่เชื่อมต่อกันได้หมดและเกิดประโยชน์กับภูมิภาค เราจะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอย่างแท้จริง ทางเหนือและอีสานเชื่อมกับเส้นทาง belt and road ของจีน ทางใต้เชื่อมต่อได้ทั้งสองฝั่งทะเล ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของ CLMV”

เปิดไทม์ไลน์ประมูล

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คมนาคมมี 21 โครงการสำคัญจะต้องผลักดัน ซึ่งเดือน ส.ค.-ต.ค.นี้ จะมีโครงการเสนอ ครม.จำนวนมาก ประกอบด้วย 1.รถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง 2,217 กม. มูลค่ารวม 3.98 แสนล้านบาท ซึ่งเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ พร้อมมากที่สุด จะเสนอ ครม.สิ้นก.ค.นี้ วงเงินกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท อีก 8 เส้นทาง ให้คณะกรรมการ ร.ฟ.ท.ทำข้อมูลเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ซึ่งบอร์ด ร.ฟ.ท.ได้ทำข้อมูลเสร็จแล้ว รอส่งกลับให้คมนาคมพิจารณา เพื่อนำเสนอ ครม.ในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้

2.รถไฟฟ้ามีสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 23.6 กม. วงเงิน 101,112 ล้าน จะเปิดประมูลต.ค.นี้ ส่วนสายสีส้มตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี 23 กม. อยู่ระหว่างก่อสร้าง ขณะที่สายสีส้มตะวันตก ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ 13.4 กม. วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท จะเสนอ ครม.เดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ พร้อมกับสายสีแดงเข้มรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ วงเงิน 7,596 ล้านบาท กับสีแดงอ่อนตลิ่งชัน-ศิริราช-ศาลายา 19,042 ล้านบาท และยังได้เร่งการก่อสร้างสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ให้เสร็จตามกำหนดในปี 2563 ส่วนระบบอาณัติสัญญาณ กำลังเริ่มเข้าพื้นที่ ขณะที่ขบวนรถทางรองนายกฯสมคิดจะเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 17-21 ก.ค.นี้ เพื่อติดตามและเร่งรัดการผลิตจากบริษัทฮิตาชิ

ส่วนสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี 34.5 กม. วงเงิน 46,643 ล้านบาท และสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง 30.4 กม. วงเงิน 45,797 ล้านบาท กรมทางหลวงส่งมอบพื้นที่ให้แล้ว ยังเหลือพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้านโครงการรถไฟรางเบา จ.ภูเก็ต ระยะทาง 60 กม. กว่า 3.9 หมื่นล้านบาท จะเสนอ ครม.อนุมัติในสิ้นปีนี้และออกทีโออาร์ในปีหน้า

3.โครงการทางน้ำ จะเป็นโครงการใน EEC มีท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 จะเสนอ ครม.และประมูลสิ้นปีนี้ 4.ด้านการบิน มีจัดหาเครื่องบิน 23 ลำ กว่า 1แสนล้านบาทของการบินไทย อยู่ระหว่างการพิจารณาของบอร์ดสภาพัฒน์ จะเสนอครม.สิ้นปีนี้ ขณะเดียวกัน ให้ ทอท.แก้ปัญหาแออัดสนามบินภูเก็ต ถึงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศได้เปิดให้บริการแล้ว แต่ยังพบการใช้ระบบปรับอากาศเก่าและช่องตรวจคนเข้าเมืองแคบ ส่วนสนามบินดอนเมืองจะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมและมีทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/07/2018 8:51 am    Post subject: Reply with quote

ฝันรถไฟซีแอลเอ็มวีทีเชื่อมอินเดีย
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 19 ก.ค. 2561 08:32

ญี่ปุ่นผลักดันไทยเข้าร่วมซีพีทีพีพี "สมคิด" อ้อนลงทุนไฮสปีดเทรน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (High Level Joint Commissions-HLJC) ครั้งที่ 4 ที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายโยชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นประธานร่วมว่า การหารือได้ครอบคลุมความร่วมมือยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรอบด้าน โดยญี่ปุ่นรับปากที่จะผลักดันไทยเข้าสู่การเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกที่ครอบคลุมและก้าวหน้า (ซีพีทีพีพี) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 11 ชาติ โดยญี่ปุ่นกับประเทศสมาชิกอยู่ระหว่างการประชุม และยืนยันว่า ในการรับรองประเทศสมาชิกใหม่จะมีไทยในลำดับต้นๆ ซึ่งการเข้าร่วมในความตกลงนี้จะมีประโยชน์กับไทยมาก เห็นได้จากประเทศเวียดนามที่เจริญมาได้ก็เพราะอยู่ในกลุ่มนี้ ฉะนั้น ไทยจึงต้องเป็นสมาชิกกับกลุ่มนี้

"มีประเด็นที่สำคัญมากซึ่งไทยได้ชักชวนทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส ฮ่องกง ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือแอคเมคส์ ประกอบด้วย กลุ่มซีแอลเอ็มวีที คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย ซึ่งล่าสุดกับญี่ปุ่น ผมเสนอให้ร่วมมือกันทำโครงสร้างพื้นฐานด้วยระบบรถไฟทางคู่จากเวียดนาม ผ่านกัมพูชา ลาว ไทย เมียนมา ไปจนถึงอินเดีย ซึ่งมีการศึกษาเฟส 1 ไปแล้วจึงขอให้มาร่วมในเฟส 2 ซึ่งไทยเคยกระทุ้งไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ตอนนั้นญี่ปุ่นสนใจเส้นทางไปนิคมอุตสาหกรรมทวายของเมียนมา แต่ในตอนนี้ขอให้ญี่ปุ่นมองเน้นที่แอคเมคส์"

สำหรับการลงทุนในประเทศไทยนั้น ญี่ปุ่นสนใจทุกโครงการที่ไทยกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และที่ผลักดันมากคือ ขอให้ไทยเร่งรัดนำโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด เทรน) กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งใช้ระบบของรถไฟชินคันเซ็นของญี่ปุ่น เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็ว เนื่องจากมีผลการศึกษาออกมาแล้วภายใต้มูลค่าลงทุน 420,000 ล้านบาท ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ระบุว่าพร้อมนำเข้า ครม.ในเดือน ส.ค.นี้ ขณะที่ตนเองเสนอให้ญี่ปุ่นมาร่วมลงทุนกับไทยในเส้นทางนี้ แทนการขายเพียงอุปกรณ์และเทคโนโลยี ซึ่งต้องรอว่าญี่ปุ่นจะมีคำตอบอย่างไร.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 19/07/2018 1:06 pm    Post subject: โครงการรถไฟเฟส 3 Reply with quote

โครงการรถไฟเฟส 3
1. แม่สอด - ตาก - กำแพงเพชร - นครสวรรค์ คงต้องเร่งทำก่อน เพราะจะได้ ขนสินค้าไปฝั่งพม่า และ ขนคนงานกะนั่กท่องเที่ยวได้ง่ายๆ แต่ งานนี้กู้ ADB หรือ เจ้าอื่นที่คิดดอกเบี้ยไม่แพง
2. นครสวรรค์ - บ้านไผ่ - ต้องทำเพื่อเชื่อมกะสาย บ้านไผ่ - นครพนม โดยผ่านทางสายแก่งคอย - บัวใหญ่ช่วงลำนารายณ์ และ ทำทางคู่ จากลำรายน์ไปจตุรัส ก่อนทำทางไปชัยภูมิ ก่อนไปเชื่อมกะ ทางบ้านไผ่ - นครพนม เพราะ ต้องเร่งส่วน East - West Corridor ให้สำเร็จเพื่อ ให้ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี มาลงทุนในไทยเยอะกว่านี้ แต่ งานนี้กู้ ADB หรือ เจ้าอื่นที่คิดดอกเบี้ยไม่แพง

3. ศรีสะเกษ - ยโสธร - ร้อยเอ็ด เชื่อมสายอุบลเข้ากะสาย บ้านไผ่ - นครพนม ช้าหน่อยแต่คงได้ทำ
4. อุบล - ช่องเม็ก คงจะทำ เพื่อ เชื่อม จำปาศักดิ์ได้ ช้าหน่อยแต่คงได้ทำ
5. กาญจนบุรี - ท่ากิเลน - บ้านพุน้ำร้อน - ทำก่อน เพื่อเชื่อมทวาย และ อาจต้องทำทางเลี่ยงเมือง นอกเหนือจากทางคู่ เพราะ สะพานที่ท่ามะขามรับน้ำหนักรถสินค้าไม่ไหวแน่
6. กาญจนบุรี - สุพรรณบุรี - บ้านภาชี - คงได้ทำ ถ้า ลงท่าเรือซีพีที่ นครหลวงเพื่อ ขนน้ำตาลจากโรงงานแถววังขนาย (ท่าม่วง) เยื่อกระดาษ จากโรงงานที่กาญจนบุรี และ ข้าวจากเมืองสุพรรณบุรี งานนี้ซีพีขอสัมปทานแน่
7. ศรีราชา - นิคมอุตสาหกรรมบ่อวิน - ระยอง นี่ไปตามนิคมอุตสาหกรรมเช่นที่ บ่อวินนะครับนี่ว่าตามที่สืบค้นมาได้ - นี่ก็ต้องทำ จะได้ขนสินค้าไปขายเพื่อนบ้านได้ทันใจ
8. มาบตาพุด ระยอง จันทบุรี ตราด - งานนี้ ถ้าจะเชื่อมเขมร เพื่อ ขอเงินกู้ต่างประเทศได้ จะเชื่อมอย่างไรดี เพราะ สะดวกอยูที่บ้านผักกาด แถวโป่งน้ำร้อน จันทบุรี จะไปออกบ้านหาดเล็ก จะไหวหรือ?
9. ชุมพร - ระนอง คงทำแน่เพราะ หมายจะใช้ท่าเรือระนองขนสินค้าขายนเพื่อนบ้าน แต่ ต้องปรับปรุงท่าเรือระนอง รับเรือ Ro-Ro ระวางขับน้ำหลายหมื่นตัน จึงจะคุ้ม
10. สุราษฏร์ธานี - พังงา - ท่านุ่น - ได้เวลาฟื้นฟูโครงการเสียที แต่งานนี้จะให้ปลอดภัยก็ต้องเงินกู้ เสียดายที่มีปัญหากะ บรรดาชาวบ้านแถวท่าฉัตรไชย - ช่องปากพระไม่งั้น ข้ามไปภูเก็ตได้แล้ว - แต่กระนั้น เชื่อมกะ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อ ขนน้ำมันปาล์มไปแปลงเป็นไบโอดีเซลเติมรถจักร และ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หละก็เหมาะ
11. สุราษฏร์ธานี - ท่าเรือดอนสัก แม้จะเป็นส่วนต่อขยาย จาก สุราษฏร์ธานี - พังงา - ท่านุ่น ออกจะยุ่งเพราะ เล่นใช้ ถนน 44 เป็น right of the way แต่ จะให้ดี ต้องส่งเสริมการตั้งบ้านเรือน และ ชุมชนพร้อม อุตสาหกรรมแปรรูปน้ำมันปาล์มและยางพารา เพื่อ หาสินค้ามาป้อนรถสินค้าด้วย
12. ทับปุด - กระบี่ ถือว่า เป็นส่วนต่อขยายจาก สุราษฏร์ธานี - พังงา - ท่านุ่น ก็ดีเหมือนกัน แต่ จะให้ดีกว่า ต้องเชื่อมกะ ทางสายกันตัง เพื่อ ล่อใจคนจากฝั่งมาเลย์ให้ ขึ้นมาใช้ทางด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 07/08/2018 11:53 am    Post subject: Reply with quote

กางแผนลงทุนแสนล้าน ลุยสร้างถนน-รถไฟ-ไฮสปีด
จันทร์ที่ 6 สิงหาคม 2561 เวลา 09.53 น.

เปิดแผนการลงทุนแสนล้านบาท ตะลุยสร้างถนน-รถไฟ รับไทยแลนด์ริเวียร่า ระยะยาวต่อรถไฟความเร็วสูง ถึงปาดังเบซาร์


นายวรวุฒิ มาลา รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท.มีแผนลงทุนรถไฟทางคู่สายใต้ วงเงินลงทุนนับแสนล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่เฟส 1 วงเงินลงทุน 3.38 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง ประกอบด้วย รถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กม. วงเงิน 1.56 หมื่นล้านบาท, รถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. วงเงิน 5.8 พันล้านบาท, รถไฟทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167กม. วงเงิน 1.24 หมื่นล้านบาท โดยทั้ง 3 เส้นทางจะเปิดบริการปี 63-64

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า  ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จะเริ่มทยอยเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปี 61-62 ก่อนร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) และเปิดประมูลโครงการต่อไป ประกอบด้วย
รถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 2.33 หมื่นล้านบาท และ
รถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กม. วงเงิน 5.18 หมื่นล้านบาท,
รถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7.94 พันล้านบาท 

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังอยู่ระหว่างศึกษาและออกแบบโครงการรถไฟเชื่อมทะเลอ่าวไทย-ทะเลอันดามัน (Land-bridge) ช่วงชุมพร-ระนอง ระยะทาง 108 กม. วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท
 
ด้านนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ทช.ได้รับงบประมาณปี 62 พัฒนาเส้นทางสัญจรรองรับไทยแลนด์ริเวียร่า ราว 600 ล้านบาท รวม 3 โครงการได้แก่ 1.สายบ.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม -บางตะบูนอ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ระยะทาง 14.3 กม. 2.สายบ.ท่าม่วง-บ.บางเบิดอ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์  ระยะทาง 16.1 กม.3.สายทล.3201-บ.บางจากอ.ปะทิว จ.ชุมพร ระยะทาง 8.5กม. นอกจากนี้ยังมีโครงการถนนทางหลวงชนบทสาย 1012 แยกถนนหมายเลข 3 อ.เมือง จ.ระยอง วงเงิน 210 ล้านบาท และถนนสายแยกทางหลวง 231 ไปสนามบินอุบลราชธานี วงเงิน 231 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรที่จะเข้าสู่สนามบิน
 
รายงานข่าวกระทรวงคมนาคม  แจ้งว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม สั่งการรฟท.ศึกษาแนวทางก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเฟสที่ 2 ช่วงหัวหิน-สุราษฎร์ธานี และเฟสที่ 3 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ ต่อไป เพื่อวางรากฐานให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคใต้ในระยะยาวนอกจากนี้ยังตั้งเป้าเปิดประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงสายใต้เฟส 1 ช่วงกรุงเทพ-หัวหินภายในปีนี้อีกด้วย

ทั้งนี้โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ตามแนวคิดจะให้ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะเป็นแอ่งรองรับการลงทุนและการท่องเที่ยวเพื่อรองรับ แบ่งการพัฒนาเป็น 3 จุดคือ
1.ชุมพร ที่จะพัฒนาเป็นแอ่งผลไม้เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟที่ลงมาจากทางเหนือ
2.ระนอง ที่มีท่าเรือ พัฒนาให้เป็นท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันที่จะเชื่อมไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC ที่ประกอบด้วยบังคลาเทศ อินเดีย ศรีลังกาทำให้สินค้าในพื้นที่ภาคใต้มีประตูทางออกไปยังต่างประเทศได้ 
3.สุราษฎร์ธานี ที่มีความสมบูรณ์ด้านการเกษตรจะผลักดันเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมชีวภาพ ...
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 16/08/2018 10:43 am    Post subject: Reply with quote

เวนคืนที่ดิน “ชุมพร-ระนอง” 1.6 พันล้าน สร้างรถไฟเชื่อมท่าเรือ-หนุนเที่ยวอ่าวไทย-อันดามัน
พร็อพเพอร์ตี้
วัน ศุกร์ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561- 10:08 น.


การประชุม “ครม.-คณะรัฐมนตรี” นอกสถานที่ ระหว่างวันที่ 20-21 ส.ค.นี้ ที่ภาคใต้ปักหมุดจังหวัดชุมพร-ระนอง นอกจากแผนพัฒนาและการลงทุนในภาพรวมแล้ว

คาดว่าจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างการพัฒนาแนวเส้นทางรถไฟสายใหม่ เชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งทะเลอันดามันจากชุมพร-ระนอง สำหรับการคมนาคมขนส่ง ส่งเสริมการท่องเที่ยว 2 ฝั่งทะเล และเชื่อมโยงไปยังท่าเรือน้ำลึกระนอง รองรับการเป็นประตูเศรษฐกิจสู่กลุ่มประเทศ BIMSTEC



ที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ขุนพลเศรษฐกิจรัฐบาล คสช.กำลังเร่งผลักดัน โปรเจ็กต์นี้ “สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร” ศึกษาความเหมาะสมของโครงการแล้วเสร็จ หลังจากได้รับโจทย์จากที่ประชุม ครม. และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจส่วนกลางและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เมื่อปี 2559 ปัจจุบันเตรียมประมวลข้อมูลเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา

โดยโครงการมีมูลค่าลงทุน 45,844 ล้านบาท แยกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1.ช่วงก่อนก่อสร้าง จะมีค่าออกแบบ 300 ล้านบาท 2.ช่วงดำเนินการก่อสร้าง 29,222 ล้านบาท มีค่าชดเชยที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1,640 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง 692 ล้านบาท ค่าติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม 29.44 ล้านบาท ค่าปลูกป่าทดแทนและบำรุงรักษา 14.21 ล้านบาท ค่างานโยธา 21,548.16 ล้านบาท ค่างานระบบราง 1,859.12 ล้านบาท ค่างานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม 1,247.71 ล้านบาท ค่างานล้อเลื่อน 2,191.50 ล้านบาท

และ 3.ช่วงระหว่างเปิดบริการ 16,321 ล้านบาท มีค่าดำเนินการให้บริการเดินรถ 9,290.66 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษา 1,894.48 ล้านบาท ค่าติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม 10.53 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษางานปลูกป่าทดแทนตลอดระยะเวลาโครงการ 65.58 ล้านบาท ค่าจัดหาล้อเลื่อนเพิ่มเติม 1,244.74 ล้านบาท และค่าบำรุงรักษาล้อเลื่อน 3,815.36 ล้านบาท

สำหรับแนวเส้นทางอยู่บริเวณพื้นที่ทางใต้ของสถานีรถไฟชุมพร และอยู่ด้านเหนือของสถานีรถไฟแสงแดด ขนานไปกับถนนเพชรเกษม ผ่านพื้นที่เขต อ.เมือง จ.ชุมพร อ.กระบุรี อ.ละอุ่น และ อ.เมือง จ.ระนอง จนสิ้นสุดโครงการที่บริเวณท่าเรือน้ำลึกระนอง ระยะทาง 102.79 กม. และจากสถานีท่าเรือระนองจะมีเส้นทางแยก หรือ spur line เข้าสู่เมืองระนอง สิ้นสุดที่สถานีระนอง รวมเป็น 109 กม.

มี 9 สถานี ได้แก่ แนวทางที่ 1: แยกจากสถานีชุมพร (กม. 468.53) ทางด้านใต้ประมาณ 3.2 กิโลเมตร (บริเวณหัวประแจ ด้านเหนือ สถานีแสงแดด กม. 472.54) - ท่าเรือระนอง ระยะทาง 102.50 กิโลเมตร มี 9 สถานีได้แก่

1. สถานีขุนกระทิง ต. ขุนกระทิง อ. เมือง จ. ชุมพร
2. สถานีบ้านนา อ. เมือง จ. ชุมพร
3. สถานีวังใหม่ ต. วังใหม่ อ. เมือง จ. ชุมพร
4. สถานีปากจั่น ต. ปากจั่น อ. กระบุรี จ. ระนอง
5. สถานีกระบุรี ต. ตากแดด อ. กระบุรี จ. ระนอง
6. สถานีบางใหญ่ ต. บางใหญ่ อ. กระบุรี จ. ระนอง
7. สถานีละอุ่น อ. ละอุ่น จ. ระนอง
8. สถานีท่าเรือระนอง ต. เขานางหงส์ อ. เมือง จ. ระนอง
9. สถานีระนอง อ. เมือง จ. ระนอง

สร้างเป็นรถไฟทางเดี่ยว ขนาดทาง 1 เมตร วิ่งด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. และ 120 กม./ชม. ในพื้นที่มีข้อจำกัด เช่น ทางโค้ง ลาดชัน และ 80 กม./ชม. บริเวณสถานี ขนส่งสินค้า ตลอดเส้นทางจะมีทางรถไฟระดับดิน 67.01 กม. ทางยกระดับและสะพานรถไฟ 33.60 กม. และอุโมงค์ 8.40 กม. จำนวน 7 อุโมงค์

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจสรุปได้ว่า โครงการไม่มีความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากมูลค่าของผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้าน้อยกว่ามูลค่าการลงทุนและค่าใช้จ่ายโครงการ ส่งผลให้ผลตอบแทนด้านมูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการ (NPV) ในระยะเวลา 30 ปี มีค่าน้อยกว่าศูนย์ และผลตอบแทนด้านอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุนน้อยกว่า 1 และผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์น้อยกว่า 12%

หากชะลอโครงการออกไปอีก 9 ปี โดยกำหนดเปิดให้บริการในปี 2577 จะทำให้อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของโครงการเท่ากับ 12.19% จะมีความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ไทม์ไลน์การก่อสร้างจะเริ่มใน 2573 เมื่อผลศึกษาออกมาแบบนี้ ไม่รู้ว่ารัฐบาลทหารจะเร่งให้เร็วขึ้น หรือปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ


https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2518807424799974&set=a.213819491965457.68088.100000122231436&type=3&theater
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/08/2018 6:08 pm    Post subject: Reply with quote

อัพเกรดโลจิสติกส์ใต้ ชงครม.สัญจรตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนา 5 ด้าน
ฐานเศรษฐกิจ 20 August 2018

“เอกชนใต้” คึกคักเตรียมแผน 5 ด้านเสนอครม. สัญจรชุมพร ผนึกยุทธศาสตร์พัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน ทั้งด้านโลจิสติกส์เชื่อมโยงโหมดขนส่ง ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวสู่ระดับโลก สร้างนวัตกรรมสินค้าเกษตร ปักหมุดสุราษฎร์ฯ เมืองปาล์มนํ้ามัน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 20-21 สิงหาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหัวหน้าส่วนราชการทุกกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมครม.สัญจรที่ จ.ชุมพรและระนอง โดยจะพิจารณาโครงการตามยุทธศาสตร์ ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล เสนอทั้งหมด 5 ด้าน

ด้านแรก คือ ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ สนับสนุนด้านอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน และการค้าชายแดน ทั้งโครงข่ายถนน โครงข่ายระบบราง โครงข่ายทางนํ้า และโครงข่ายทางอากาศ อาทิ โครงการพัฒนาโครงข่ายเส้นทางเชื่อมต่อทั้งแนวตะวันตก-ตะวันออกและแนวเหนือ-ใต้ เร่งรัดก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าภาคใต้-ทุ่งสง 3 สายทาง โครงการโครงข่ายคมนาคมทางถนนเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและการเกษตร 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน

โครงการรถไฟทางคู่ชุมพร-สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา หาดใหญ่-ปาดังเบเซาร์ และเส้นทางรถไฟสายใหม่ สุราษฎร์ธานี-ท่านุ่น(พังงา) ดอนสัก-สุราษฎร์ธานี และชุมพร-ท่าเรือนํ้าลึกระนอง

Click on the image for full size

พัฒนาท่าเรือสำราญที่มีมาตรฐานในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีศักยภาพที่อำเภอสมุย เร่งรัดก่อสร้างท่าเรือนํ้าลึกสงขลาแห่งที่ 2 เพื่อเชื่อมแลนด์บริดจ์ของท่าเรือชุมพร-ระนอง รวมทั้งเร่งรัดการพัฒนาและปรับปรุงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา

ด้านการท่องเที่ยว จะยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำของโลก โดยคำนึงถึงความสามารถในการรองรับของพื้นที่อย่างยั่งยืน มีการพัฒนาศักยภาพการรักษาความปลอดภัยทางบกและทางนํ้า พัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว และพัฒนาเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว ที่จะมีโครงการพัฒนาทางหลวงชนบทริมทะเลสาบสงขลา จังหวัดพัทลุง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวทะเล สาบสงขลา นครศรีธรรมราช-พัทลุง-สงขลา โดยจะปรับปรุงผิวจราจร ก่อสร้างจุดพักรถ จุดชมวิว และปรับปรุงภูมิทัศน์ในส่วนที่ไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม 5 สายทาง

ด้านการยกระดับการ ผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เสนอให้พัฒนาพื้นที่ภาคใต้เป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ SEC (Southern Economic Corridor ) สู่การเป็นเมืองนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐาน Agro-Bio- Economy เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจของภาคใต้สู่การแข่งขันตลาดโลก

นอกจากนี้ยังเสนอให้ 1. จัดตั้ง Oil Palm City ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. การทำเกษตรแบบผสมผสาน หรือ วนเกษตร ในสวนยางพาราและสวนปาล์มนํ้ามัน 3. การพัฒนาฟาร์มต้น แบบที่มีความแม่นยำสูง เพื่อส่งเสริมศักยภาพการผลิตทางการเกษตร 4. เมืองนวัตกรรมและการออกแบบไม้ยางพาราเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการจัดทำมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน และรองรับอุตสาหกรรม 4.0

5. ส่งเสริมและพัฒนางานวิจัยทางด้านการยาง ปาล์ม พืชผักสมุนไพร ปศุสัตว์ และประมง เพื่อรองรับ Agro-Bio- Economy รวมทั้งสนับสนุนการผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อการ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพระดับโลก 6. จัดตั้งโครงงานต้นแบบสินค้าการเกษตร 4.0 แบบครบวงจร เพื่อยกระดับเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกษตร ได้แก่ พลู หมาก ปลานํ้ากร่อย ทุเรียน และสมุนไพร

7. ส่งเสริมการทำระบบก๊าซชีวภาพและชีวมวลจากกระบวนการผลิตปาล์มและยางพารา เพื่อเป็นพลังงานทด แทนในระบบอุตสาหกรรมและตามแนวประชารัฐ 8. จัดตั้งศูนย์ยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนตามแนวประชารัฐและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนทางการเกษตร และ 9. พัฒนานวัตกรรมดิจิตอลด้านการเกษตร สินค้า และ บริการภาคใต้

ส่วนด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต อาทิ ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย การส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครง การบริหารจัดการนํ้าเพื่อแก้ปัญหา อุทกภัย และปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

เอกชนใต้ขอเร่งเชื่อมโครงข่าย

การลงทุนโครงข่ายคมนาคมเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทรชุมพร-ระนอง เพื่อต่อยอดการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐ ทั้งรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ที่จะขยายถึงชายแดนภาคใต้ รถไฟทางคู่ ถนนเลียบฝั่งทะเลตะวันตกเพื่อการท่องเที่ยว (ไทยแลนด์ ริเวียรา) ที่ภาครัฐมีแผนดำเนินการ จะมีทั้งถนน 4 เลน ชุมพร-ระนอง ที่ดำเนินการอยู่จะแล้วเสร็จปี 2563 พัฒนาสนามบิน ท่าเรือ เป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชียใต้-ตะวัน ออกกลาง และแผนขยายเส้นทางรถไฟทางคู่สายใหม่ชุมพร-ระนอง

นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าฯ ระนอง เผยว่า จะเสนอของบเพื่อพัฒนาจังหวัด 3 โครงการใหม่คือ 1. ถนน 4 เลน อ.เมืองจ.ระนอง-อ.หลังสวน จ.ชุมพร เชื่อมกลุ่มภาคใต้ตอนล่างกับกลุ่มอันดามัน งบ 2.9 พันล้านบาท 2. โรงยิม 1,000 ที่นั่งและศูนย์ฟื้นฟูบำบัดด้วยนํ้าแร่ 140 ล้านบาท และ 3. อ่างเก็บนํ้า 2 แห่ง อ.กระบุรี และ อ.ละอุ่น แก้นํ้าท่วมนํ้าแล้ง รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินย่านสะพานปลา ต.ปากนํ้า อ.เมืองระนอง ที่มีปัญหาบุกรุกที่ป่า

ด้านนายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง และนายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ภาคเอกชนระนองสนับสนุนแนว ทางของรัฐบาลครั้งนี้ รวมถึงแผนพัฒนาท่าเรือนํ้าลึกระนอง เพื่อเป็นประตูการค้าฝั่งอันดามัน

นายศุภฤกษ์ ปิณฑะดิษ ผู้จัดการท่าเรือระนอง กล่าวว่า การพัฒนาท่าเรือระนอง จะขุดลอกร่องนํ้าที่กว้าง 120 เมตร ลึก 8 เมตร เพิ่มเป็นลึก 18 เมตร ยาว 28 กิโลเมตร การขยายหน้าท่าเรือที่ 2 เพื่อรองรับแผน การขุดร่องนํ้าลึก

เช่นเดียวกับแผนพัฒนาสนามบิน นายถาวร แสงอำไพ ผอ.ท่าอากาศยานระนอง กล่าวว่า จะเสนอขยายรันเวย์หรือทางวิ่งขึ้นลงของเครื่องบิน จากปัจจุบันที่มีความยาว 2,000 เมตร เพิ่มเป็น 2,500 เมตร เป็นมาตรฐานสากล และพัฒนาตัวอาคารต้อนรับผู้โดยสาร

ขณะที่นายสุพงศ์ เอื้ออารี ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การสร้างท่าเรือนํ้าลึกชุมพร เป็นกุญแจสำคัญด้านยุทธศาสตร์ขนส่งของชาติ ในการเชื่อม 2 ฝั่งทะเล รับ EEC เจาะตลาดกลุ่ม BIMSTEC ได้ศึกษาไว้ 3 จุด คือ บางสน คอกวาง และเขาพระตำหนัก มูลค่า 4,000 ล้านบาท มีระดับนํ้าลึก 10 เมตรขึ้นไป

นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จะเสนอครม.สัญจร ให้พัฒนาทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ที่บางช่วงมี 2 ช่องจราจร ให้เร่งก่อสร้างเป็น 4 ช่องจราจรตลอดสาย เพื่อเชื่อมทั้งจังหวัดสตูล ต่อกับมาเลเซีย และขยายถนนของภูเก็ตลดความแออัดโดยด่วน

ส่วนด้านการท่องเที่ยว ให้พัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวต่างๆ ให้ปลอดภัย รอง รับนักท่องเที่ยวที่มีปริมาณมากขึ้น ที่กระบี่ ภูเก็ต ตรัง รวมทั้งการพัฒนาสนามบินภูเก็ต นอกจากนี้ยังเสนอให้ขยายทางรถไฟไปถึงกันตรัง จ.ตรัง เพราะมีท่าเรืออยู่แล้วแต่รถไฟมาไม่ถึง

|เซกชั่น : การเมือง
| โดย : โดยโต๊ะข่าวการเมือง
|หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 16 ฉบับ 3393 ระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค2561
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 95, 96, 97 ... 121, 122, 123  Next
Page 96 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©