View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 03/09/2018 12:41 pm Post subject:
คมนาคม จ่อตัดทะลุ รามคำแหง 118 เชื่อมศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เลี่ยงแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 2 กันยายน 2561 -10:07
ปรับปรุง: วันที่ 2 กันยายน 2561 - 10:09
คมนาคม เตรียมแผนลดผลกระทบจราจรแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า จ่อตัดถนนแก้ทางตัน เช่น ตัดทะลุซอยรามคำแหง 118 เชื่อมถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า และขยายเส้นทางเรือแสนแสบ และเรือในคลองอื่นๆ เพิ่มทางเลือกการเดินทางของประชาชน
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามแนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู เพื่อลดปริมาณการจราจรที่ผ่านพื้นที่ที่มีการก่อสร้างดังกล่าว รวมทั้งกำหนดมาตรการช่วยเหลือการเดินทางของประชาชนที่จำเป็นต้องสัญจรด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดแผนการดำเนินงาน
ได้แก่ แผนระยะสั้น 1. ปรับ/เพิ่มเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. ให้ใช้เส้นทางทางด่วน/ทางยกระดับ เพื่อหลีกเลี่ยงถนนที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนที่ต้องการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเดิมในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น ดังนี้
ปรับเพิ่มบริการรถโดยสารสาย 168 โดยใช้มอเตอร์เวย์สาย 7 และสาย 9 เพื่อหลีกเลี่ยงถนนรามคำแหงที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ปรับเพิ่มบริการรถโดยสารสาย 145 โดยใช้ทางพิเศษสายฉลองรัช เพื่อหลีกเลี่ยงถนนลาดพร้าวที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
ปรับเพิ่มบริการรถโดยสารสาย 32 โดยใช้ทางพิเศษศรีรัช เพื่อหลีกเลี่ยงถนนติวานนท์ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู
เพิ่มความถี่การเดินรถโดยสารสาย 166 และ 26
2. จัดรถโดยสารพิเศษ (Shuttle Bus) ในแนวก้างปลาจากถนนที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด เช่น จากถนนรามคำแหง ไปสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ลาดกระบัง สถานีบ้านทับช้าง จากสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เชื่อมกับสถานีรถไฟหัวหมาก และจากสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ เชื่อมกับวัดเทพลีลา เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และช่วยลดปริมาณการจราจรบนถนนที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า
3. เพิ่มเรือโดยสารด่วนพิเศษในคลองแสนแสบ โดยจอดเฉพาะท่าเรือที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า เช่น ท่าเรืออโศก ท่าเรือ มศว ประสานมิตร เป็นต้น เพื่อลดระยะเวลาเดินทาง และเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน
ส่วนแผนระยะต่อไป ได้แก่
1. ก่อสร้างตัดถนนที่เป็นทางตัน เช่น ถนนซอยรามคำแหง 118 เพื่อเชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เป็นต้น
2. ขยายเส้นทางบริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบ และเส้นทางเดินเรือในคลองอื่นๆ
//------------------------------
ขสมก.จัดรถแอร์พิเศษ 2 สาย ขึ้นทางด่วนเลี่ยงพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 1 กันยายน 2561 -13:02
ปรับปรุง: 2 กันยายน 2561 - 10:03
ขสมก.สนองนโยบายแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดเดินรถโดยสารให้บริการฟรี 2 เส้นทาง คือ สาย 145 และสาย 168 ขึ้นทางด่วน เลี่ยงแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า เริ่ม 3 ก.ย.นี้ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า และเย็น
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้มอบนโยบายให้ ขสมก.เร่งแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีส้ม ตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย ขสมก.ได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถโดยสารจำนวน 2 เส้นทางให้ขึ้นทางด่วนพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงจุดวิกฤตในบริเวณดังกล่าว ได้แก่ สาย 145 (อู่แพรกษาบ่อดิน- หมอชิต 2) และสาย 168 (ตลาดมีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) พร้อมจัดเดินรถโดยสารปรับอากาศให้บริการฟรีทั้ง 2 เส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเดินทางเลี่ยงบริเวณที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า เวลา 06.00-09.00 น. และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น เวลา 16.00-18.30 น. ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดราชการ
โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2561 เป็นต้นไป ซึ่งรถโดยสารที่วิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดิมยังคงให้บริการตามปกติ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. เส้นทางเดินรถโดยสาร สาย 145 อู่แพรกษาบ่อดิน-หมอชิต 2 (ทางด่วน) ระยะทาง 50 กม. เพื่อเลี่ยงเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 6 คัน (รับส่งระหว่างทาง) โดยปล่อยรถออกทุกๆ 30 นาที
เที่ยวไป เริ่มต้นที่อู่แพรกษาบ่อดิน ไปตามถนนเทศบาลบางปู 39 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนแพรกษา เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายลวด เลี้ยวขวาไปตามถนนศรีสมุทร แยกขวาถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านศรีนครินทร์ ไปตามทางพิเศษศรีรัช เข้าช่องทางรามอินทรา-บางนา เข้าด่านพระราม 9-1 (ฉลองรัช) ไปตามทางพิเศษฉลองรัช ลงทางด่วนฉลองรัช ไปตามถนนเลียบทางด่วนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร สิ้นสุดเส้นทางที่หมอชิต 2
เที่ยวกลับ เริ่มต้นที่หมอชิต 2 เข้าเส้นทางถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาไปตามถนนลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรมคู่ขนาน กลับรถบริเวณห้างโลตัส เข้าทางพิเศษฉลองรัช เข้าด่านประชาอุทิศ ไปตามทางพิเศษฉลองรัช ผ่านด่านพระราม 9-1 (ศรีรัช) แยกซ้ายเข้าทางพิเศษศรีรัช ลงทางถนนศรีนครินทร์ (พัฒนาการ) ไปตามถนนศรีนครินทร์ถึงแยกการไฟฟ้าฯ แยกขวาไปตามถนนสุขุมวิท แยกซ้ายไปตามถนนประโคนชัย เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายลวด เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาไปตามถนนแพรกษา สิ้นสุดเส้นทางที่อู่แพรกษาบ่อดิน
2. เส้นทางเดินรถโดยสาร สาย 168 ตลาดมีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) ระยะทาง 32 กม. เพื่อเลี่ยงเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 6 คัน (ไม่จอดรับส่งระหว่างทาง) โดยปล่อยรถออกทุกๆ 20 นาที
เที่ยวไป เริ่มต้นที่ตลาดมีนบุรี ไปตามถนนสีหบุรานุกิจ ถึงแยกสีหบุรานุกิจ แยกขวาไปตามถนนร่มเกล้า ถึงแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า แยกขวาไปตามถนนรามคำแหง แยกซ้ายไปตามทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) ผ่านด่านทับช้าง ไปตามทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ผ่านด่านศรีนครินทร์ ผ่านด่านอโศก 4 ลงด่านพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เที่ยวกลับ เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกซ้ายไปตามถนนราชวิถี ถนนดินแดง ถนนพระราม 9 ขึ้นด่านพระราม 9 ทางพิเศษศรีรัชไปตามทางพิเศษศรีรัช แยกซ้ายไปตามถนนกาญจนาภิเษก ผ่านด่านทับช้าง แยกขวาไปตามถนนรามคำแหง ถึงแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า แยกซ้ายไปตามถนนร่มเกล้า แยกซ้ายไปตามถนนสีหบุรานุกิจ สิ้นสุดเส้นทางที่อู่มีนบุรี
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 07/09/2018 10:23 am Post subject:
เคาะพรฎ.เวนคืนแนวรถไฟสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ฉบับที่2
6 กันยายน 2561 -
ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนแนวรถไฟสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ฉบับที่2 หลังรฟม.เวนคืนได้ไม่ถึง50% ด้านกระทรวงเกษตรแนะคำนึงผลกระทบการระบายน้ำ ด้านสำนักงบฯให้ประเมินความคุ้มค่า
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ.
. และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ.
. รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่องของร่างพระราชกฤษฎีการวม 2 ฉบับ เป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน และกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ตามโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี ซึ่งพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับจะสิ้นสุดการใช้บังคับในวันที่ 24 ธันวาคม 2561 แต่การสำรวจอสังหาริมทรัพย์และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี ยังไม่แล้วเสร็จ และมีบางพื้นที่อยู่ระหว่างการพิจาณาแก้ไขปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับแนวเขตทางที่ยังไม่ได้ข้อยุติ อันทำให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาใช้บังคับของพระราชกฤษฎีการวม 2 ฉบับดังกล่าว
ที่ผ่านมารฟม.ได้ดำเนินการสำรวจอสังหาริมทรัพย์และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายดังกล่าวเมื่อเดือนพ.ย. 2559 และมีการแก้ไขแบบแนวเขตล่าสุดเมื่อ 18 ม.ค. 2561 มีที่ดินอยู่ในแนวเขตเวนคืนจำนวน 54 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 613 หลัง มีผู้ถูกเวนคืนมาตกลงทำสัญญาแล้ว 203 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 278 หลัง และรฟม.ได้วางเงินค่าทดแทนแล้ว 18 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 22 หลัง เหลือผู้ถูกเวนคืนที่ยังไม่มาตกลงทำสัญญา 313แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 313 หลัง และมีบางพื้นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขปัญหาการร้องเรียนที่ยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องแนวทางเขตทางหลายบริเวณซึ่งรฟม.ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ได้ทันภายในกำหนดระยะเวลา
อย่างไรก็ตามในมติครม. ได้มีความเห็นจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเห็นว่ากระทรวงคมนาคมควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ด้านสำนักงบประมาณเห็นว่ารฟม.ควรจะประเมินความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสมและผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับรวมทั้งความเสี่ยงและภาระเพิ่มเติมที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ให้รฟม.ดำเนินการในปี 2560 และ 2561 รวม 5,972.48 ล้านบาท
__________________
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 03/10/2018 10:18 am Post subject:
รฟม.เล็งชง คจร.เคาะต่อขยายรถไฟฟ้าเข้าเมืองทองฯ
2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 09:05 น.
ชง สมคิด เคาะต่อขยายสายสีชมพู-เหลือง เร่งประมูลแทรมภูเก็ต 4 หมื่นล้านเป็นสายแรกก่อนเดินหน้าเคาะแทรมเชียงใหม่-โคราช ขีดเส้นเปิดใช้ปี 64
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานของการประชุมที่จะมาถึงนี้ กระทรวงคมนาคมเตรียมรายงานความคืบหน้าแผนแม่บทระบบขนส่งมวลขนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยเฉพาะความคืบหน้าการแก้ปัญหาจราจรตามแนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีเขียวและสายสีส้มตะวันออก
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีแผนแก้ไขปัญหามาแล้วหลายวิธีอีกทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ขณะนี้ก่อสร้างไป 77% แล้วและจะสามารถคืนพื้นผิวจราจรบนถนนพหลโยธินได้ภายในปีหน้าเช่นเดียวกับสะพานข้ามแยกสำคัญตามแนวก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวจะเปิดใช้บริการได้ครบภายในไตรมาสแรกของปี 2562
นายภคพงศ์กล่าวต่อว่านอกจากนี้เตรียมเสนอแผนลงทุนต่อขยายรถไฟฟ้าสองสาย วงเงินลงทุนราว 8 พันล้านบาทเข้าสู่ที่ประชุมคจร.เพื่อขอความเห็นชอบ หลังจากที่บอร์ดรฟม.อนุมัติให้ดำเนินการได้ เนื่องจากเเผนแม่บทที่ครม.เห็นชอบไปแล้วมีเงื่อนไขระบุว่าเอกชนสามารถยื่นข้อเสนอทางเทคนิคเพื่อให้โครงการมีความเหมาะสมได้ แบ่งเป็น ส่วนต่อขยายสายสีชมพูเข้าไปยังเมืองทองธานี วงเงิน 4 พันล้านบาท และส่วนต่อขยายสายสีเหลือง วงเงิน 4 พันล้านบาท จากบริเวณแยกรัชดา ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนรัชดาภิเษก จนถึงบริเวณแยกรัชโยธิน เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ
นอกจากนี้ยังเตรียมรายงานความคืบหน้ารายงานความคืบหน้าการพัฒนารถไฟฟ้ารางเบา(แทรม) จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ตและจ.นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้โครงการแทรมจ.ภูเก็ต วงเงิน 3.94 หมื่นล้านบาท จะเป็นโครงการแรกที่ได้เปิดประมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางเปิดให้เอกชนร่วมทุนPPP ก่อนเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และเร่งเปิดประมูลในปีหน้า ขณะที่แทรมจ.เชียงใหม่ วงเงินราว 8 หมื่นล้านบาท และแทรม จ.นครราชสีมา วงเงิน 3.26 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาออกแบบรายละเอียดและแนวทางการร่วมทุนก่อนเปิดประมูลต่อไปในปี 2562
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่าโครงการแทรมจ.ภูเก็ต ระยะทาง 58 กม. จำรวม 24 สถานี โดยมีสถานีใต้ดินคือสถานีถลาง ทางวิ่งระดับพื้นดินตลอดเส้นทางและเป็นทางยกระดับบริเวณหน้าสนามบินภูเก็ต มีทางลอดสำหรับรถไฟฟ้า 6 ทางลอด บน ถนนทางหลวงหมายเลข 402 ช่วงไม้ขาว แยกบางคู ใช้ความเร็วสูงสุดที่ 100 กม./ชม. และลดความเร็วลงเหลือ 20-4 กม./ชม. เมื่อเข้าเขตชุมชน คาดการณ์ผู้โดยสารที่เปิดใช้ในปีแรก (2564) รวม 7 หมื่นคน/วัน ก่อนเพิ่มเป็น 1.14 แสนคนในปี 2594 สำหรับระยะเวลาเดินทางแบ่งเป็น ช่วงสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง ใช้เวลา 1.08 ชั่วโมง และช่วง ห้าแยกฉลอง-ท่านุ่น(จ.พังงา) ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ทั้งนี้อัตราตัวเลขผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ(EIRR)มากกว่า 15%
ชง"สมคิด"เคาะส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าชมพู-เหลือง
อังคารที่ 2 ตุลาคม 2561 เวลา 14.02 น.
ชง สมคิด เคาะต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง พร้อมเร่งประมูลแทรมภูเก็ต 4 หมื่นล้านเป็นสายแรก ก่อนเดินหน้าลุยแทรมเชียงใหม่ และโคราช ตามลำดับ
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมรายงานความคืบหน้าแผนแม่บทระบบขนส่งมวลขนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมานครและปริมณฑล โดยเฉพาะความคืบหน้าการแก้ปัญหาจราจรตามแนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีเขียวและสายสีส้มตะวันออก เสนอที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีแผนแก้ไขปัญหามาแล้วหลายวิธี อีกทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ขณะนี้ก่อสร้างไป 77% แล้ว และจะสามารถคืนพื้นผิวจราจรบนถนนพหลโยธินได้ภายในปีหน้าเช่นเดียวกับสะพานข้ามแยกสำคัญตามแนวก่อสร้างเส้นทางดังกล่าวจะเปิดใช้บริการได้ครบภายในปี 62
นายภคพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังเตรียมเสนอแผนลงทุนต่อขยายรถไฟฟ้า2สาย งบประมาณ 8 พันล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุมคจร. เพื่อขอความเห็นชอบ หลังจากที่บอร์ดรฟม.อนุมัติให้ดำเนินการได้ เนื่องจากเเผนแม่บทที่ครม.เห็นชอบไปแล้วมีเงื่อนไขระบุว่าเอกชนสามารถยื่นข้อเสนอทางเทคนิค เพื่อให้โครงการมีความเหมาะสมได้ แบ่งเป็น ส่วนต่อขยายสายสีชมพูเข้าไปยังเมืองทองธานี งบประมาณ 4 พันล้านบาท และส่วนต่อขยายสายสีเหลือง งบประมาณ 4 พันล้านบาท จากบริเวณแยกรัชดา ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนรัชดาภิเษก จนถึงบริเวณแยกรัชโยธิน เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ นอกจากนี้ยังเตรียมรายงานความคืบหน้าการพัฒนารถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ตและจ.นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้โครงการแทรม จ.ภูเก็ต งบประมาณ 3.94 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 58 กม. จะเป็นโครงการแรกที่จะได้เปิดประมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางเปิดให้เอกชนร่วมทุน หรือ พีพีพี ก่อนเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และเร่งเปิดประมูลในปีหน้า ขณะที่แทรมจ.เชียงใหม่ งบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และแทรม จ.นครราชสีมา งบประมาณ 3.26 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาออกแบบรายละเอียดและแนวทางการร่วมทุนก่อนเปิดประมูลในปี 62 ต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 04/10/2018 11:45 am Post subject:
"ถนนรามอินทรา"สาหัสติดทั้งวัน ตร.กุมขบับ
อังคารที่ 2 ตุลาคม 2561 เวลา 18.31 น.
ถนนรามอินทรา-แจ้งวัฒนะรถติดวิกฤติจากแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เผยผลสำรวจประชาชนพบ62%อยากให้มีจุดจอด
เมื่อเวลา09.00น.วันที่2ต.ค.ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอกรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)ด้านจราจร ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลครั้งที่ 7/2561 เรื่องปัญหาจราจรติดขัดบนถนนรามอินทรา แจ้งวัฒนะ รามคำแหง และถนนลาดพร้าวเนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลากสี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ รฟม. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือขสมก. และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)
พล.ต.ท.ไกรบุญกล่าวว่า ขณะนี้ถนนรามอินทราและแจ้งวัฒนะ มีปัญหาวิกฤติมากเนื่องจากอยู่ในแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) ได้ให้ผู้รับเหมาปาดทางเท้า6จุดเพิ่มจุดจอดรับ-ส่งผู้โดยสารของรถตู้และรถประจำทางไม่ให้กีดขวางการจราจร และให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ลงพื้นที่กวดขันจราจร สำหรับถนนรามคำแหงที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ขสมก. ได้จัดรถชัตเติ้ลบัส สาย 168สวนสยาม-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) และสาย 145อู่แพรกษา-หมอชิต 2 (ทางด่วน) ให้ประชาชนป็นทางเลือก โดยสายสาย145 ได้รับความนิยมกว่าสาย168 อาจเพราะเดินทางสะดวกกว่า ได้ให้ขสมก.ไปสำรวจความต้องการและสาเหตุ ส่วนจุดจอดแล้วจรในถนนรามคำแหงและลาดพร้าวยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดเบื้องต้นห้างฯพาซิโอได้เสนอให้รถจอดได้ 500คัน และจะหารถประจำทางมารับส่งผู้โดยสารก่อน ขณะที่นิด้าโพลได้สำรวจความเห็นประชาชนพบ62%อยากให้มีจุดจอด
พล.ต.ท.ไกรบุญกล่าวต่อว่า ส่วนการเปิดเส้นทางลัดในรฟม.เมื่อช่วงเย็นวันที่1ต.ค.ตั้งแต่เวลา16.00น.-19.00น.เพื่อเลี่ยงถนนพระราม 9 ช่วงแยกพระราม 9-2โดยใช้ทางเข้าประตู 2 ฝั่งถนนพระราม 9ไปออกประตู 5 ฝั่งถนนวัฒนธรรมเลียบ รฟม. เพื่อมุ่งหน้าออกประชาอุทิศแยกเหม่งจ๋าย แยกประชาธรรม ออกเลียบด่วนรามอินทรา-เอกมัย หรือตรงเข้าซอยรามคำแหง 39ออกถนนรามคำแหงได้ นั้น พบว่าวันแรกมีรถใช้ 100คัน ต้องประชาสัมพันธ์มากขึ้น
ด้านพล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่า ขณะนี้กรุงเทพฯฝั่งตะวันออกถนนที่มีปริมาณรถติดสูงสุด
1.ถนนรามอินทรา
2.ถนนแจ้งวัฒนะ
3.ถนนรามคำแหง
4.ถนนลาดพรัาวและ
5.ถนนพหลโยธิน
เนื่องจากพื้นที่ถนนลดลงแต่ปริมาณรถยนต์เพิ่มขึ้นติดหนึบเกือบตลอดวันไม่ใช่แค่ช่วงเร่งด่วนเช้าเย็นอย่างเดียวแล้ว รวมทั้งส่งผลกระทบถึงเส้นทางต่อเชื่อมต้องประชุมแก้ปัญหาอย่างจริงจังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นจ.นนทบุรีได้เสนอเส้นทางลัดทางเลี่ยงให้จะร่วมกันพิจารณาต่อไป ทั้งนี้แต่เดิมถนนรถติดสูงสุดคือถนนลาดพร้าวและพหลโยธิน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 18/10/2018 9:49 am Post subject:
คจร.อนุมัติส่วนต่อขยายสีเหลือง สมคิด ผุดถนนเลียบเจ้าพระยา
18 ตุลาคม 2561 เวลา 08.34 น.
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานรับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม สำหรับการพัฒนาพื้นที่และทางสัญจรเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีเป้าหมายและกรอบแนวคิดหลักในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงมีความสวยงามและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ร่วมกันให้เกิดการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน
คจร.รับทราบผลการศึกษาการพัฒนาพื้นที่และทางสัญจรเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาครอบคลุม 4 จังหวัด คือ ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ระยะทางริมฝั่งยาว 67 กิโลเมตร แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 57 กิโลเมตร และอีก 3 จังหวัด 70 กิโลเมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เสนอโครงการนำร่องโปรเจกต์ 5 หรือ พี 5 บริเวณท่าน้ำนนท์ จากสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ ถึงสะพานพระราม 5 ระยะทางรวม 4.9 กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 5,000 ล้านบาท โดยจะทำทางสัญจรให้จักรยานและคนเดินได้ทั้ง 2 ริมฝั่งเจ้าพระยา โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2-3 ปี
ขณะเดียวกันที่ประชุม คจร.ยังมีมติเห็นชอบให้ขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอีก 2.6 กิโลเมตร กรอบวงเงินลงทุนรวมประมาณ 3,779 ล้านบาท เป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน มีแนวเส้นทางจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง (สายหลัก) บริเวณสถานีรัชดา โดยมีทางเดินเชื่อมยกระดับ (Skywalk) ไปยังสถานีพหลโยธิน 24 ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี เห็นชอบให้บรรจุโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยมีแนวเส้นทางเริ่มต้นบนถนนแจ้งวัฒนะเชื่อมต่อกับสถานีศรีรัช โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี (สายหลัก) ก่อนจะวิ่งเข้าสู่เมืองทองธานี ไปตามซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 ขนานไปกับทางพิเศษอุดรรัถยา ผ่านวงเวียนเมืองทองธานีและวิ่งต่อเนื่องถึงทะเลสาบเมืองทองธานี ระยะทาง 3 กิโลเมตร กรอบวงเงินลงทุนรวม 3,379 ล้านบาท.
คจร. ไฟเขียว ส่วนต่อขยายสีชมพู-เหลือง
พุธที่ 17 ตุลาคม 2561 เวลา 19.21 น.
คจร. ไฟเขียว ส่วนต่อขยายสีชมพู-เหลืองในแผนแม่บทรถไฟฟ้า ให้ รฟม. ไปหารือกับเอกชนเดินหน้าแผนก่อสร้าง
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 2/2561 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า มติที่ประชุม คจร. เห็นชอบ ให้บรรจุโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าวถึงแยกรัชโยธิน ระยะทางรวม 2.6 กม. กรอบวงเงินลงทุน รวม 3,779 ล้านบาท ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวเส้นทางจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง (สายหลัก) บริเวณสถานีรัชดา โดยแนวเส้นทางจะวิ่งไปตามแนวเกาะกลางถนนรัชดาภิเษก มีสถานีอยู่บริเวณหน้าอาคารจอดรถของสำนักงานศาลยุติธรรม และสถานีบริเวณสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน มีทางเดินเชื่อมยกระดับ (Skywalk) ไปยังสถานีพหลโยธิน 24 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้บรรจุโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ระยะทาง 3 กม. กรอบวงเงินลงทุน 3,379 ล้านบาท ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเช่นกัน มีแนวเส้นทางเริ่มต้นบนถนนแจ้งวัฒนะ เชื่อมต่อกับสถานีศรีรัช โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี (สายหลัก) ก่อนจะวิ่งเข้าสู่เมืองทองธานี ไปตามซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 ขนานไปกับทางพิเศษอุดรรัถยา ผ่านวงเวียนเมืองทองธานี และวิ่งต่อเนื่องไปยังจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี ทั้ง 2 โครงการ โดยให้ รฟม. ไปเจรจากับเอกชนในรายละเอียดดำเนินการต่อไป เมื่อได้ข้อสรุปแล้วต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็ว เพื่อให้เอกชนวางแผนการก่อสร้างได้ เพราะเอกชนเป็นผู้เสนอโครงการดังกล่าว ซึ่งรัฐไม่ขัดข้องเพราะได้ประโยชน์ 3 ด้าน คือ
1.รัฐได้ประโยชน์โครงข่ายรถไฟฟ้า
2.เอกชนได้ประโยชน์แง่จำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นในการใช้โครงข่าย และ
3.ประชาชนเดินทางสะดวกในการใช้ระบบรถไฟฟ้า
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 18/10/2018 9:25 pm Post subject:
คจร.อนุมัติส่วนต่อขยายสายสีเหลือง-สีชมพู "เมืองทอง" เฮ!เพิ่ม 3กม. ถึงทะเลสาบ
18 ตุลาคม 2561
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 2/2561 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561
ภายหลังการประชุม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึง แยกรัชโยธิน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บรรจุโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึง แยกรัชโยธิน ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีแนวเส้นทางจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว สำโรง (สายหลัก) บริเวณสถานีรัชดา โดยแนวเส้นทางจะวิ่งไปตามแนวเกาะกลางถนนรัชดาภิเษก มีสถานีอยู่บริเวณหน้าอาคารจอดรถของสำนักงานศาลยุติธรรม และสถานีบริเวณสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน มีทางเดินเชื่อมยกระดับ (Skywalk) ไปยังสถานีพหลโยธิน 24 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต มีระยะทางรวมประมาณ 2.6 กิโลเมตร
ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้บรรจุโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายช่วงสถานีศรีรัช เมืองทองธานี ของ รฟม. ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีแนวเส้นทางเริ่มต้นบนถนนแจ้งวัฒนะ เชื่อมต่อกับสถานีศรีรัช โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี (สายหลัก) ก่อนจะวิ่งเข้าสู่เมืองทองธานี ไปตามซอยแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด 39 ขนานไปกับทางพิเศษอุดรรัถยา ผ่านวงเวียนเมืองทองธานี และวิ่งต่อเนื่องไปยังจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
รถไฟฟ้าสายสีชมพู ต้องทำขาเข้าไปในเมืองทอง เพราะตรงนั้นมีสถานีศรีรัช แต่ไม่ได้หมายความว่าให้รถเลี้ยวเข้าไป รถสายหลักสีชมพูยังวิ่งเหมือนเดิม แต่เป็นอีกขบวนที่แยกออกไป ซึ่งผมเห็นว่าควรเป็นระบบเดียวกัน เพราะวิธีการจัดการระบบจะง่าย นายชัยวัฒน์ กล่าว
เพิ่มเพื่อนนายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการเดินทางของประชาชนจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีส้ม สายสีเหลือง และสายสีชมพู โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมการและดำเนินการ ดังนี้ 1.บริหารจัดการจราจร ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย บก.02 จะบริหารจัดการบูรณาการการทำงานร่วมกับสถานีตำรวจในพื้นที่เพื่อให้การจราจรคล่องตัว เมื่อก่อสร้างเสร็จจะต้องรีบคืนพื้นที่จราจรโดยเร็ว และให้ก่อสร้างในช่วงเวลากลางคืนเป็นหลัก 2.การจัดการขนส่งสาธารณะ โดยจัดให้มีรถบริการประจำทางรับ-ส่ง (Shuttle Bus) ในการรับ-ส่งประชาชนในเส้นทางที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สายดังกล่าว
ขณะเดียวกันจะมีการปรับเส้นทางเดินการรถโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพในบางเส้นทางปกติและทางด่วนควบคู่กัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเลี่ยงการจราจรติดขัดในช่วงการก่อสร้างรถไฟฟ้า เช่น เส้นทางรถโดยสารในแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม สาย 168 (ทางด่วน) โดยจะเดินรถจากมีบุรีเข้าถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 และมอเตอร์เวหมายเลข 7 เชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชเพื่อเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เส้นทางรถโดยสารในแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือ สาย 145 (ทางด่วน) โดยเดินรถผ่านถนนลาดพร้าวขึ้นทางด่วนบริเวณถนนลาดพร้าว 84 ใช้ทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษศรีรัช เพื่อเข้าสู่แยกพัฒนาการ ถนนศรีนครินทร์
รวมทั้งเพื่อเรือโดยสารด่วนพิเศษ (Express Boat) ในช่วงเร่งด่วนเช้าในคลองแสนแสบ โดยจอดเฉพาะท่าสำคัญซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อทางการเดินทาง ได้แก่ ท่าวัดศรีบุญเรือง ท่าราม 1 (เชื่อมต่อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์สถานีรามคำแหง) ท่าอโศก (เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำสถานีเพชรบุรี) ท่าประตูน้ำ เป็นต้น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
Posted: 14/11/2018 11:46 am Post subject:
เครนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สลิงขาด ล้มพาดเสาไฟฟ้าปากซอยรามอินทรา 87
โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
เผยแพร่: พุธที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เวลา 04:41
ปรับปรุง: พุธที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10:47
เครนเจาะเสาเข็มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สลิงดึงขาด เสียสมดุล ล้มพาดสายไฟฟ้า บริเวณปากซอยรามอินทรา 87 โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 14 พ.ย. ขณะที่ ร.ต.อ.สวภณ คะอังกุ รอง สว.จร.สน.คันนายาว กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้รับแจ้งเหตุเครนเจาะเสาเข็ม โครงการรถไฟฟ้าชมพู ล้มพาดสายไฟฟ้า บริเวณปากซอยรามอินทรา 87 ถนนรามอินทราขาออก แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. จึงรุดไปพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและรถเครนสำหรับยก 2 คัน
ที่เกิดเหตุเป็นบนถนน 3 ช่องทาง และเป็นพื้นที่กำลังก่อสร้าง พบรถเครนสำหรับเจาะเสาเข็ม ติดตั้งบนรถล้อตะขาบ สูงเท่าตึก 6 ชั้น เอียงไปพาดเสาไฟแรงสูง ปากซอยรามอนทรา 87 ทว่า โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ เสาไฟฟ้ายังไม่ล้ม อย่างไรก็ดีเพื่อความปลอดภัย ทางตำรวจได้แจ้งเจ้าหน้าการไฟฟ้านครหลวงมาตัดกระแสไฟ ตลอดจนปิดการจราจรตั้งแต่หน้า รพ.สินแพทย์ ส่งผลให้การจราจรติดยาวประมาณ 2 กิโลเมตร
จากการสอบสวน ทราบว่า คนงานขับรถเครนคันดังกล่าว เป็นของบริษัท สตีคอน รับสัมปทาน สร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ได้ดึงท่อแคสซิ่ง ซึ่งเป็นท่อเหล็กยาว 15 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 เมตร ที่ฝังในดินสำหรับเทคอนกรีตเสาเข็มรถไฟฟ้า เมื่อดึงท่อขึ้นจากดินแล้ว กำลังวางท่อลงกับพื้นสลิงดึงเกิดขาดจึงเสียสมดุล รถเครนเอียงไปทางซ้ายไปพาดสายไฟดังกล่าว ส่วนค่าเสียหาย ต้องให้ทางการไฟฟ้าฯตรวจสอบก่อนอีกครั้ง
https://www.youtube.com/watch?v=gQlk-dp4QJw
Back to top