RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180505
ทั้งหมด:13491739
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 144, 145, 146 ... 197, 198, 199  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 17/08/2018 6:47 pm    Post subject: Reply with quote

'สามารถ' ปูดพิรุธ รฟท.ถูกสตง.ท้วงให้เอกชนลงทุนพัฒนาที่ดินรถไฟ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 สิงหาคม 2561 11:10
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 23/08/2018 12:30 pm    Post subject: Reply with quote

ปตท.ผนึกบริษัทลูกกทม.บูมสมาร์ทซิตี้ ผุด 40 ปั๊มทั่วกรุงลุยพัฒนาที่ดินบางซื่อสู่ฮับอาเซียน
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 21 สิงหาคม 2561- 11:30 น.


สมาร์ทซิตี้@บางซื่อ - ที่ดินของการรถไฟฯย่านบางซื่อกว่า 2.3 พันไร่ เตรียมจะนำมาพัฒนาเป็นย่านธุรกิจและสมาร์ทซิตี้ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน นำร่อง 35 ไร่ติดสถานีกลางบางซื่อ เตรียมจะเปิดประมูล PPP ให้เอกชนร่วมลงทุนโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่ง ปตท.มีความสนใจจะพัฒนาย่านบางซื่อเป็นสมาร์ทซิตี้ต่อยอดกับโครงการ "เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์" โดยจะร่วมกับนักลงทุนญี่ปุ่น
ปตท.ลุยสมาร์ทซิตี้เต็มสูบ ผนึกกรุงเทพธนาคมประเดิม 40 ปั๊มน้ำมันทั่วกรุง เป้าต่อไปยึดบางซื่อ 2.3 พันไร่ ร่วมญี่ปุ่นลงทุนระบบสาธารณูปโภค พลังงาน ขนส่งมวลชนขนาดรอง ต่อยอดโปรเจ็กต์ “เอ็นเนอร์ยี คอมเพล็กซ์” ขึ้นฮับเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน

นายกิติศักดิ์ อร่ามเรือง ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2561 บริษัทได้เซ็นบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือพัฒนาธุรกิจและสร้างนวัตกรรมทางด้านพลังงานและดิจิทัลเทคโนโลยี พัฒนาไปสู่กรุงเทพฯเมืองอัจฉริยะ มุ่งยกระดับสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ (Smart City) เชื่อมโยงคุณภาพชีวิตประชาชนที่ดียิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจและสร้างนวัตกรรมทางด้านพลังงานและดิจิทัลเทคโนโลยี สร้างมูลค่าเพิ่มตลอดการดำเนินธุรกิจและการให้บริการ โดยใช้ดิจิทัลและเทคโนโลยีมาเป็นพื้นฐานในการให้บริการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาไปสู่ สมาร์ทซิตี้ โดย ปตท.และกรุงเทพธนาคมจะร่วมกันส่งเสริมผลักดันการพัฒนานวัตกรรม และการใช้ประโยชน์บนพื้นที่ทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาเมืองทั้งในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและการขนส่งมวลชน

“การที่เราจับมือกับ ปตท.เพื่อพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ซึ่ง ปตท.จะเริ่มพัฒนาในปั๊ม ปตท.ในพื้นที่เขต กทม.กว่า 40 ปั๊มก่อน หลัง MOU จะลงรายละเอียดทันทีและจะนำร่องที่ไหนก่อน จากนั้นจะร่วมมือกันหลังพอ ปตท.ลงเรื่องงาน IOT แล้ว ความร่วมมือเป็นเรื่อการแชร์ใช้ network ต่าง ๆ เช่น กทม.อยากรู้คุณภาพอากาศในปั๊มก็ขอข้อมูลจากเขาได้ หรือแม้แต่การจราจรก็สามารถขอใช้ข้อมูลจากปั๊มน้ำมันได้” นายกิติศักดิ์กล่าวและว่า


ทั้งนี้ การพัฒนาสมาร์ทซิตี้แบบเต็มโครงการร่วมกับ ปตท.มีหลายเรื่องที่หารือร่วมกัน เช่น การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เรื่องการจัดการขยะ ด้านสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง โดยจะเริ่มจากการจัดทำข้อเสนอร่วมกัน มีกำหนดจะสรุปภายในเดือน ต.ค. 2561 นี้ ซึ่ง ปตท.จะเริ่มดำเนินการบริเวณศูนย์เอ็นเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ ย่านบางซื่อ ถนนวิภาวดีรังสิตที่ ปตท.มีแผนจะพัฒนาร่วมกับพันธมิตรต่างชาติคือญี่ปุ่น

“การทำงานร่วมกับเอกชนเพราะ กทม.เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ ใบอนุญาต จริง ๆ ก็เกี่ยวกับเขาหมด ทั้งการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ระบบสาธารณูปโภค ส่วนจะร่วมพัฒนาสมาร์ทซิตี้กับ ปตท.ด้วยไหมก็ดูเป็นเฉพาะเรื่องอีกทีหนึ่ง สมมุติเขาอยากทำระบบรถไฟฟ้าสายรองแบบที่ไอคอนสยามทำก็เป็นเรื่องที่ร่วมมือกันได้ในอนาคต”

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทาง ปตท.สนใจจะลงทุนสมาร์ทซิตี้ย่านบางซื่อ ซึ่งเป็นที่ดินของ ร.ฟ.ท.และได้ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ศึกษารูปแบบการพัฒนาโครงการครอบคลุมพื้นที่ 2,325 ไร่ รูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุน PPP 30-50 ปี หรือรายบุคคลแบบเฉพาะเจาะจง ใน 15 ปีแรกใช้เงินลงทุน 358,700 ล้านบาท

“ปตท.ร่วมกับญี่ปุ่นจะพัฒนาย่านบางซื่อเป็นสมาร์ทซิตี้ต่อยอดกับโครงการเอ็นเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ โดยจะเริ่มจากลงทุนด้านอินฟราสตรักเจอร์อุปโภคบริโภค เช่น ระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น ทดแทนการใช้แอร์ ช่วยประหยัดพลังงาน ระบบไฟฟ้า น้ำประปา อินเทอร์เน็ต และพลังงาน ขายในโครงการรองรับคนทำงานและอยู่อาศัยย่านบางซื่อ จากนั้นถึงจะเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ ซึ่ง ปตท.เสนอการร่วมทุนกับ ร.ฟ.ท.เป็นรูปแบบรัฐวิสาหกิจกับรัฐวิสาหกิจ”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ไจก้าได้นำโครงการสมาร์ทซิตี้ของ ปตท.ที่ศึกษาไว้ก่อนหน้านี้มารวมกับของ ร.ฟ.ท.เพื่อให้การพัฒนาที่ดินมีศักยภาพมากขึ้นใช้เวลาดำเนินการ 30 ปี แบ่งพัฒนา 3 เฟส เฟสละ 5 ปี พัฒนา 9 โซน จากเดิม 4 โซน ระยะสั้นลงทุน 40,100 ล้านบาท ระยะกลาง 167,100 ล้านบาท และระยะยาว 151,500 ล้านบาท

ในแต่ละเฟสมีการลงทุน 5 ส่วน 1.เชิงพาณิชย์ เช่น ออฟฟิศให้เช่า ร้านค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม ศูนย์ประชุม 2.สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ระบบสมาร์ทซิตี้ 3.โครงข่ายคมนาคม เช่น บีอาร์ที 4.โครงข่ายการพัฒนาเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น สวนสาธารณะ ระบบกักเก็บน้ำ และ 5.โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ

โดย 5 ปีแรกเริ่มพัฒนาโซน A 35 ไร่ ติดสถานีกลางบางซื่อ ขณะนี้ผ่านคณะกรรมการ PPP ไปแล้ว ให้สัมปทานเอกชนบริหาร 30 ปี ลงทุน 11,573 ล้านบาท จากนั้นเป็นโซน D บางส่วนที่จะพัฒนาเป็นทางเดินลอยฟ้าเชื่อมระหว่างบางซื่อกับหมอชิตเก่า และโซน D ย่านตึกแดง 119 ไร่ รูปแบบพัฒนาจะเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ มีศูนย์การค้า โรงแรม สำนักงาน รองรับรถไฟฟ้าสายสีแดงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต จะเปิดกลางปี 2563

อีก 5 ปีต่อมาจะพัฒนาโซน B (จตุจักร) โซน G ย่าน กม.11 และโซน C ตรง บขส.เป็นที่อยู่อาศัย สำนักงาน ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ขณะที่ 5 ปีสุดท้ายจะพัฒนาโซนที่เหลือเช่น โซน D อยู่ติดโรงซ่อม

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะที่ผลศึกษาของ ปตท.ที่เสนอมาเมื่อปี 2559 ใช้เงินลงทุน 52,361 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่เป็นเมืองใหม่รอบสถานีรถไฟ โดยมีการออกแบบอาคารที่ประหยัดพลังงาน และพัฒนาพื้นที่ติดสถานีรถไฟฟ้าให้เป็นย่านธุรกิจการค้าและบริการ โดยใช้ระบบการขนส่งขนาดรอง เช่น รถบีอาร์ทีที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาการลงทุนมารองรับการเดินทางภายในพื้นที่โครงการ มีทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ สำนักงาน และที่อยู่อาศัย

ในแผนแม่บทการพัฒนา กำหนดให้ย่านบางซื่อเป็นประตูสู่กรุงเทพฯเมืองสวรรค์ เพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทางด้านระบบราง มีทั้งรถไฟฟ้าในเมืองรถไฟชานเมือง รถไฟความเร็วสูง รถไฟขนส่งสินค้า รวมถึงเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน หรือ TOD และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 06/09/2018 7:33 pm    Post subject: Reply with quote

เร่งสูบน้ำออก ซากรถสาวไฮโซโผล่ในอุโมงค์มรณะ ชี้คิดว่ารถสูงจนลุยเข้าได้!

วันที่ 6 กันยายน 2561 - 18:01 น.

จากกรณีพบรถกระบะซึ่ง น.ส.ภานุมาศ แซ่แต้ อายุ 41 ปี เป็นคนขับ เสียชีวิตติดอยู่ในรถ โดยพบว่า อุโมงค์ดังกล่าว เป็นทางลอดรางรถไฟ ทางเข้าหมู่บ้านโกลเด้นนครา หลักกม. 3+800 ขาเข้า ถนนมอเตอร์เวย์ เชื่อมต่อไปยังซอยอ่อนนุช 65 แยก14 แขวง/ประเวศ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าเร่งสูบน้ำออกจากอุโมงค์ทางลอดทางรถไฟ ทางเข้าหมู่บ้านโกลเด้นนครา หลักกม 3+800 ขาเข้า ถนนมอเตอร์เวย์ ที่เชื่อมต่อไปยังซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวง ประเวศ เขต ประเวศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ พฐ.ทำการตรวจสอบสภาพรถของ.ภาณุมาศ แซ่แต้ 41 ปี ที่เป็นผู้ขับขี่ที่เสียชีวิตภายในรถเนื่องจากขาดอากาศหายใจ โดย พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วยนายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ ได้สั่งให้สูบน้ำเพื่อดึงรถกระบะขึ้นมา




นายธนะสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เกิดเหตุเป็นอุโมงค์ลอดทางรถไฟของหมู่บ้านหรูทำสัญญาเช่าขออนุญาตการรถไฟสร้างขึ้น โดยมีการติดตั้งระบบสูบน้ำตามมาตรฐาน เพราะหน้าฝนจะมีน้ำท่วมขังในอุโมงค์บ่อยครั้ง ช่วงเวลาเกิดเหตุมีปริมาณน้ำฝนเพียง 16.4 มม./ชม. แต่สงสัยว่า ทำไมถึงมีปริมาณน้ำไหลลงอุโมงค์เยอะขนาดนี้ ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่าเมื่อคืนท่อส่งน้ำของเครื่องสูบน้ำแตก หมู่บ้านจึงปิดเครื่องสูบน้ำ และเป็นจังหวะที่ผู้ตายขับรถออกจากหมู่บ้านลุยน้ำในอุโมงค์



“หมู่บ้านดังกล่าวสามารถเข้าออกได้ 2 ทาง คือทางซอยอ่อนนุช 65 และทางถนนเลียบมอเตย์เวย์ (วงแหวนกาญจนาฯ) โดยมีตัวหมู่บ้านอยู่ตรงกลาง เเต่การเข้าออกทางถนนเลียบวงแหวนฯ ต้องลอดอุโมงค์นี้ พยานบอกว่า ผู้ตายคงเห็นน้ำขังแล้วแต่เข้าใจว่าน่าจะสามารถขับรถลุยน้ำผ่านไปได้ เพราะขับรถกระบะที่ค่อนข้างสูงใหญ่ เเต่เมื่อลงไปกลางอุโมงค์เเล้วรถดับน้ำไหลทะลักเข้าอุโมงค์อย่างต่อเนื่อง ผู้ตายจึงโทรฯ กลับไปที่บ้านเรียกคนมาช่วย เเต่ระดับน้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็วจนทำให้ท่วมมิดทั้งคัน ประกอบกับว่ายน้ำไม่เป็นด้วยจึงจมน้ำเสียชีวิตอยู่ภายในรถ”นายธนะสิทธิ์ กล่าว

แฉเคยมีรถเสียในอุโมงค์ แต่รปภ.ไม่ทำป้ายเตือน ก่อนสาวไฮโซดับทุรนคากระบะ

วันที่ 6 กันยายน 2561 - 18:11 น.


‘อัศวิน’ แจงอุโมงค์ทางลอดเป็นของหมู่บ้านจัดสรร เหตุสาวดับในอุโมงค์เพราะเอกชนไม่เปิดเครื่องสูบน้ำ ตั้งข้อสังเกตทำไมรปภ.ไม่ห้ามรถลงอุโมงค์ ทั้งที่ก่อนหน้ามีรถขับลงไปแล้ว เกิดเสีย จนมาเกิดเหตุสลดซ้ำ

ภาพรถกระบะของไฮโซภายในอุโมงค์
กรณีน.ส.ภานุมาศ แซ่แต้ อายุ 41 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออพติโม (ประเทศไทย) จำกัด นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำหน่ายเครื่องสำอางนำเข้า อาศัยอยู่ในหมู่บ้านโกลเด้นนครา เสียชีวิตในรถกระบะ หลังจากขับรถลงอุโมงค์ทางลอดรางรถไฟ เข้าหมู่บ้านโกลเด้นนครา ก่อนพบว่าในอุโมงค์มีน้ำท่วม จึงขับรถลุยต่อ ก่อนเครื่องดับ น้ำทะลักเข้าอุโมงค์จนเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว สาวไฮโซพุ่งรถลงอุโมงค์รถไฟมรณะ! น้ำท่วมมิดคัน โทรหาคนช่วย-ไม่ทันกลายเป็นศพ



ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา พบว่าสวิทซ์เครื่องสูบน้ำปิดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงกดสวิทซ์เปิดเครื่องสูบน้ำก็พบว่าทำงานได้ปกติ เจ้าหน้าที่จึงนำเครื่องสูบน้ำของหมู่บ้านเร่งสูบเอาน้ำออก พร้อมทั้งเสริมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ของเขตเข้าไปอีก 1 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำภายในอุโมงค์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตว่ารปภ. ไม่หาอะไรมากั้นห้ามรถลงอุโมงค์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีรถยนต์เข้าไป 1 คัน แล้วเกิดขัดข้อง จึงต้องนำรถกระบะมาลากขึ้นไป นอกจากนี้ ปริมาณน้ำจำนวนมากมาจากที่ใด ขณะเดียวกันเหตุใดจึงแจ้งว่าเครื่องสูบน้ำของหมู่บ้านเสีย

นายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า ในพื้นที่กทม.มีทางอุโมงค์ทางลอดที่สำนักการระบายน้ำ รับผิดชอบอยู่ 8 แห่ง ประกอบด้วย 1.อุโมงค์ทางลอดราบ 11 2.อุโมงค์ทางลอดดินแดง 3. อุโมงค์ทางลอดรัชดา-ท่าพระ 4.อุโมงค์ทางลอดจรัญสนิทวงศ์-บางพลัด 5.อุโมงค์ทางลอดพระราม9 6.อุโมงค์ทางลอดรัชดา-ห้วยขวาง 7.อุโมงค์ทางลอดรัชดา-สุทธิสาร และ 8.อุโมงค์ทางลอดพัฒนาการ ซึ่งภายในอุโมงค์ทางลอดดังกล่าวจะมีระบบสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำออกจากอุโมงค์ทางลอด

นอกจากนี้ยัง มีระบบไฟฟ้าสำรอง ระบบไฟส่องสว่าง รวมทั้งกล้องซีซีทีวี เพื่อสังเกตการณ์และเฝ้าระวังกรณีฝนตกหนัก และมีแนวโน้มน้ำท่วมขังรอการระบาย

ซึ่งปัญหาที่พบส่วนใหญ่ช่วงฝนตก จะมีลมพัดแรง ทำให้เศษใบไม้และขยะ เข้าไปติดตะแกรง ปิดกั้นขวางทางระบายน้ำ จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ไปดำเนินการจัดเก็บเพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลอย่างสะดวก


อย่างไรก็ตาม การดูแลระบบต่างๆภายในอุโมงค์ทางลอดนั้นกทม.ได้ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยมากที่สุด

ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวพร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหาสาเหตุแล้ว เบื้องต้นทราบว่าอุโมงค์ดังกล่าวเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรร โดยลักษณะเป็นอุโมงค์ทางลอดรถไฟที่ทางหมู่บ้านขออนุญาตการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าหมู่บ้าน อุโมงค์มีความยาวประมาณ 200 เมตร ลึก 3 เมตร

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ปรากฎว่าฝนเกิดตกในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้น้ำบนพื้นดินไหลมารวมกันภายในอุโมงค์ทางลอด โดยปกติอุโมงค์จะต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งสูบน้ำออกขณะฝนตก ปราฏว่าระหว่างที่ผู้เสียชีวิตขับรถยนต์ออกจากบ้านพักลอดอุโมงค์นั้น เครื่องสูบน้ำไม่เปิดทำงาน

ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ก็ไม่ได้แจ้งต่อผู้ขับรถคันดังกล่าว เมื่อขับรถเข้าไปยังทางลอดเครื่องยนต์จึงเกิดดับกะทันหัน ส่วนปริมาณน้ำก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเต็มอุโมงค์ ทำให้หญิงผู้ขับรถเสียชีวิตในเวลาต่อมา

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า ส่วนเครื่องสูบน้ำภายในอุโมงค์นั้นเป็นของเอกชน ซึ่งขอติดตั้งพร้อมการก่อสร้างอุโมงค์ ไม่ใช่เครื่องสูบน้ำของกทม.แต่อย่างใด เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว สำนักงานเขตประเวศนำเครื่องสูบน้ำของกทม. ไปช่วยสูบน้ำออกจากอุโมงค์

ปัจจุบันมีรายงานว่าสามารถนำผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว กทม.ไม่นิ่งนอนใจ พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ร่วมสืบหาสาเหตุต่อไป

ขณะเดียวกันกทม.ยืนยันเครื่องสูบน้ำของกทม.พร้อมใช้งานทุกตัว ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำตรวจสอบเครื่องที่ชำรุดเสียหาย และซ่อมแซมให้พร้อมใช้งานได้ทุกตัว

ตร.แจงเหตุซีอีโอ.สาวขับรถกระบะจมน้ำตายขณะลอดอุโมงค์ ระบุท่อน้ำแตก ปั้มระบายน้ำถูกสั่งปิด
โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
เผยแพร่: 6 ก.ย. 2561 17:44
ปรับปรุง: 6 ก.ย. 2561 18:29

MGR Online - ตร.แจงเหตุหญิงนักธุรกิจวัย 41 ปี รับรถลงอุโมงค์ลอดทางรถไฟเข้าหมู่บ้านภายในซอยอ่อนนุช 65 ขณะที่ท่อส่งน้ำเครื่องสูบเกิดแตก ทำให้น้ำท่วมหลังคารถจนเสียชีวิต

จากกรณีร.ต.ท.ธนพล เฉลิมเพิ่มพล รอง สารวัตร( สอบสวน ) สน.ประเวศ ได้รับแจ้งเหตุมีรถกระบะจมน้ำ และมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในรถทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ภานุมาศ แซ่แต้ อายุ 41 ปี โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 02.00 น.ที่ผ่านมา บริเวณอุโมงค์ลอดทางรถไฟเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยอ่อนนุช 65 แขวงและเขตประเวศ กรุงเทพฯ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันนี้ (6 ก.ย.) พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ ได้เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุอีกครั้งพร้อมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ผู้ตายกำลังจะขับรถออกจากหมู่บ้าน เพื่อจะไปทำธุระโดยใช้เส้นทางดังกล่าวมุ่งหน้าถนนเลียบมอเตอร์เวย์ เมื่อมาถึงทางลงอุโมงค์เกิดน้ำท่วมขัง ผู้ตายอาจเข้าใจว่าจะสามารถขับรถลุยน้ำต่อไปได้ เเต่เมื่อลงไปถึงช่วงกลางอุโมงค์รถเกิดดับกระทันหัน เพราะน้ำท่วมสูง จึงอาจทำให้ไม่กล้าลงจากรถ ประกอบกับผู้ตายว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งขณะนั้นผู้ตายได้โทรศัพท์กลับไปที่บ้าน เพื่อให้เรียกคนในบ้านออกมาช่วย โดยญาติได้ตามคนงานที่อยู่ใกล้เคียงมาช่วยกันดำน้ำค้นหา แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะระดับน้ำท่วมจนมิดรถทั้งคัน จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาให้การช่วยเหลือ

นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตประเวศ ได้ร่วมเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า บริเวณที่เกิดเหตุเป็นอุโมงค์ลอดทางรถไฟของหมู่บ้านหรู ที่ขออนุญาตการรถไฟสร้างขึ้น โดยมีการติดตั้งระบบสูบน้ำไว้ เพราะมักเกิดน้ำท่วมอุโมงค์ในช่วงหน้าฝนอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่อส่งน้ำเครื่องสูบเกิดแตก หมู่บ้านจึงปิดเครื่องสูบน้ำ และเป็นจังหวะที่ผู้เสียชีวิตขับรถออกจากหมู่บ้านลุยน้ำในอุโมงค์ แต่เครื่องยนต์ดับกระทันหัน จึงโทรไปแจ้งครอบครัวให้ออกมาช่วยเหลือ ซึ่งขณะนั้นน้ำท่วมประมาณ 1 เมตร แต่อยู่ๆ น้ำเกิดทะลักเข้าท่วมอุโมงค์จนเต็ม ทำให้ผู้เสียชีวิตหนีออกมาจากรถไม่ทัน

สำหรับ น.ส.ภาณุมาศ แซ่แต้ ผู้เสียชีวิต เป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออพติโม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นนักธุรกิจประกอบกิจการเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ จำหน่ายเครื่องสำอางนำเข้า อยู่ในซอยกรุงเทพกรีฑา 19 นอกจากนี้ยังเป็น CEO บจก.แกรนด์ตันเวิลด์
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 07/09/2018 3:41 pm    Post subject: Reply with quote

รับศพซีอีโอสาว ขาดอากาศหายใจจมน้ำดับ เซ่นอุโมงค์ลอดทางรถไฟมรณะ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
7 กันยายน 2561 - 13:51
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 10/09/2018 1:04 pm    Post subject: Reply with quote

ตรวจอุโมงค์มรณะเจอตาน้ำผุด คาดเหตุท่วมCEOสาวดับ
เสาร์ที่ 8 กันยายน 2561 เวลา 15.01 น.

เจอตาน้ำผุดในอุโมงค์ทางลอดรถจมดับ คาดเป็นส่วนหนึ่งทำอุโมงค์น้ำท่วมสูงรวดเร็ว ผอ.เขตประเวศ รอแบบก่อสร้างอุโมงค์ ตรวจสาเหตุชัดเจน 10ก.ย.นี้


เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ กล่าวว่า หลังที่สำนักงานเขตประเวศได้ระดมเครื่องสูบน้ำ เร่งสูบน้ำออกจากอุโมงค์ทางลอด ภายในบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านโกลเด้น นครา ริมถนนขาเข้ามอเตอร์เวย์ เชื่อมต่อไปยังซอยอ่อนนุช 65 ที่เกิดเหตุน้ำท่วมอุโมงค์ เกิดรถจมน้ำและ มีผู้เสียชีวิตแล้วนั้น ขณะนี้ อุโมงค์ดังกล่าว เกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีกครั้ง แม้ไม่เกิดฝนตกใดๆ ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่อุโมงค์ พบตาน้ำผุดจากใต้ดินภายในพื้นที่อุโมงค์ดังกล่่าว ซึ่งคาดว่าอาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้เกิดน้ำท่วมสูงขึ้นในอุโมงค์ได้ แต่เขตฯก็ยังต้องตรวจสอบลึกลงไปอีกว่า พื้นที่มีท่อน้ำ หรือมีแหล่งน้ำใต้ดินอื่นๆอีกหรือไม่ และเกิดน้ำผุดจากธรรมชาติ หรือความบกพร่องของระบบระบายน้ำ ซึ่งขณะนี้ เขตฯยังคงประกาศปิดการใช้งานอุโมงค์ แบบไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขให้เกิดความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ 
             
สำหรับเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งเพื่อดูแลระบบรายน้ำในอุโมงค์นั้น ตนยืนยันว่าจากการตรวจสอบพื้นที่ พบเครื่องสูบน้ำสามารถใช้งานได้ ไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ แต่ก็ต้องตรวจสอบระบบอื่นๆรวมด้วยเช่นกัน ซึ่งอุโมงค์ทางลอดดังกล่าว ก่อสร้างมาแล้วกว่า 10 ปี แต่แบบการก่อสร้าง ต้องมีการตรวจสอบอย่างชันเจนอีกคร้ง ซึ่งเขตฯได้ประสานเจ้าของพื้นที่ คือการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อขอแบบก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดมาตรวจสอบการก่อสร้าง และระบบระบายน้ำโดยละเอียด โดยวันที่ 10 ก.ย.นี้ คาดว่าจะได้แบบก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดมาตรวจสอบว่ามีการก่อสร้าง และขออนุญาตก่อสร้างเมื่อใด และมีการขออนุญาตก่อสร้างอุโมงค์ถูกต้องหรือไม่ 


             
นายธนะสิทธิ์กล่าวต่อว่า พื้นที่ในส่วนของรฟท. เป็นพื้นที่ที่ตามมาตรา 7 ของพรบ.ควบคุมอาคาร ปี 2535 จะกำหนดข้อยกเว้น หรือผ่อนผัน ในการก่อสร้างใดๆ ซึ่งบางส่วนไม่ต้องผ่านการอนุญาตจากกทม. ซึ่งจะเป็นรูปแบบเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม ที่การก่อสร้างใดๆในนิคม จะมีเจ้าหน้าที่ วิศวกรของหน่วยงานนั้นๆ ดูแลควบคุมโดยตรง ซึ่งในพื้นที่เกิดเหตุ ต้องตรวจสอบว่าเป็นไปในรูปแบบดังกล่าวหรือไม่อย่างไร แต่ในขณะนี้ หน้าที่ของเขตฯคือการดูแลความปลอดภัยประชาชน หาสาเหตุของระบบระบายน้ำที่บกพร่อง และหามาตรการป้องกัน ซึ่งตนได้เรียกตัวแทนหมู่บ้านใกล้เคียง คือมาสเตอร์พีท และหมู่บ้านแฮปปี้เพอร์เฟค มาร่วมวางแนวทางและหามาตรการป้องกัน เช่น การติดตั้งกล้องซีซีทีวี มีอุปกรณ์ช่วยเหลือในกรณีที่มีการจมน้ำ เช่น ป้อมทางเข้าที่อยู่ใกล้อุโมงค์ทางลอดเพียง 50 เมตร จะสามารถติดตั้งรอกสลิงไฟฟ้าเพื่อลากรถขึ้นมาได้ การติดตั้งปั้มน้ำสำรอง และการตรวจสอบระบบปั๊มน้ำอยู่ตลอด หากมีระดับน้ำสูงจะต้องมีสัญญาณหรือป้ายเตือน รวมถึงมีแผงกั้นเพื่อไม่ให้รถวิ่งเข้ามา เนื่องจากหมู่บ้านดังกล่าว มีอุโมงค์ทางลอดคล้ายคลึงกับหมู่บ้านโกลเด้นนครา จึงได้ใช้อำนาจเจ้าพนักงานปกครองท้องถิ่น สั่งให้ตัวแทนหมู่บ้าน จัดทำแผนเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม เป็นต้น เพื่อป้องกันอันตรายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ส่วนในคดีความ ต้องเแป็นการพิจารณาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 12/09/2018 7:08 pm    Post subject: Reply with quote

มติให้กทม.บริหารตลาดจตุจักรแทนรฟท.
12 กันยายน 2561 เวลา 13:28
ที่ประชุมขับเคลื่อนปฏิรูปคณะที่ 5 แก้ขัดแย้งตลาดจตุจักร ให้ กทม. กลับมาบริหาร ผู้ค้าเฮ ค่าเช่าแผงลดลง


พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 8/2561 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ในส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาตลาดนัดจตุจักร ระหว่าง 3 ฝ่าย คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย กทม. และผู้ค้า ได้ข้อสรุปว่าให้ กทม. กลับมาบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรดังเดิม ทั้งเรื่องของการบริหารจัดการภาพรวม การเก็บขยะ และการเก็บค่าเช่า เนื่องจากเป็นองค์กรท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญการจัดการตลาดนัด

ส่วนการรถไฟฯ จะยังได้รับประโยชน์ค่าเช่าที่ดินจาก กทม. และยังได้พนักงานกลับไปปฏิบัติงานตามเดิม สามารถแก้ไขปัญหาพนักงานขาดแคลนได้

ทั้งนี้ ผู้ค้าจะได้รับประโยชน์เรื่องค่าเช่าจากเดิมที่จ่ายให้การรถไฟฯ 3,157 บาทต่อเดือน แต่ถ้า กทม. เข้ามาบริหารจัดการค่าเช่าจะลดลงเหลือ 1,800 บาท อย่างไรก็ตาม พล.อ ประวิตร ได้สั่งการให้ช่วยกันเจรจาตกลงว่าค่าเช่าจะสามารถลดลงได้อีกหรือไม่ เท่าที่จะทำได้ โดยทุกฝ่ายยังได้ผลประโยชน์

“บิ๊กป้อม” สั่งหาทางลดค่าเช่าแผงตลาดนัดจตุจักรเพิ่ม หลัง กทม.เข้าบริหารแทน รฟท.
วันที่ 12 กันยายน 2561 เวลา 14:34 น.
‘บิ๊กป้อม’ สั่งหาทางลดค่าเช่าแผงตลาดนัดจตุจักรเพิ่ม หลัง กทม.เข้าบริหารแทน รฟท.
วันที่ 12 กันยายน 2561 - 14:06 น.

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 กันยายน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.หญิงพรชนก อ่ำพันธุ์ ผู้ช่วยโฆษกกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า การแก้ปัญหาเรื่องตลาดนัดจตุจักร มีข้อสรุปว่าหลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรุงเทพฯ และสหกรณ์ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร พูดคุยเจรจาตกลงโดยทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน โดย กทม.จะเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรเหมือนเดิม เช่น การบริหารจัดการเก็บขยะ และเก็บค่าเช่าแผงต่างๆ เป็นต้น ส่วนการรถไฟฯ จะได้รับค่าเช่าที่ดินจากกทม. และได้พนักงานกลับไปปฏิบัติงานตามเดิม 100 กว่านาย ขณะที่ผู้ค้าฯ จากเดิมที่การรถไฟฯเข้ามาบริหารค่าเช่าแผงอยู่ที่ 3,157 บาท ปัจจุบันถ้ากทม.กลับเข้ามาบริหาร ค่าเช่าแผงจะลดลงเหลือ 1,800 บาท อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร สั่งการว่าให้ไปร่วมเจรจาตกลงว่ามีทางไหนที่ทำให้ค่าเช่าของประชาชนลดลงอีกได้ โดยทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน

“พี่ใหญ่” เก็บแต้ม สั่งลดค่าเช่าแผงจตุจักรเหลือ 1,800 บาท
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 12 กันยายน 2561 เวลา 13:12
ปรับปรุง: วันที่ 12 กันยายน 2561 เวลา13:37



“บิ๊กป้อม” สั่งปรับลดค่าเช่าแผงตลาดนัดจตุจักรเหลือ 1,800 บาท จากเดิม 3,157 บาท หลัง กทม.เข้าบริหารแทน ร.ฟ.ท.

วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.หญิง พรชนก อ่ำพันธุ์ ผู้ช่วยโฆษกกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่าการแก้ปัญหาเรื่องตลาดนัดจตุจักรมีข้อสรุปว่าหลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กรุงเทพฯ และสหกรณ์ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร พูดคุยเจรจาตกลงโดยทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

โดย กทม.จะเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรเหมือนเดิม เช่น การบริหารจัดการเก็บขยะ และเก็บค่าเช่าแผงต่างๆ เป็นต้น ส่วนการรถไฟจะได้รับค่าเช่าที่ดินจาก กทม. และได้พนักงานกลับไปปฏิบัติงานตามเดิม 100 กว่านาย ขณะที่ผู้ค้าจากเดิมที่การรถไฟฯ เข้ามาบริหารค่าเช่าแผงอยู่ที่ 3,157 บาท ปัจจุบันถ้ากทม.กลับเข้ามาบริหาร ค่าเช่าแผงจะลดลงเหลือ 1,800 บาท อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรสั่งการว่าให้ไปร่วมเจรจาตกลงว่ามีทางไหนที่ทำให้ค่าเช่าของประชาชนลดลงไปอีกให้ได้เท่าที่ทำได้ โดยทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 14/09/2018 6:30 pm    Post subject: Reply with quote

"กทม."รับลูก"บิ๊กป้อม" ดูแลจัดการตลาดนัดจตุจักร
พฤหัสบดีที่ 13 กันยายน 2561 เวลา 18.40 น.

ผู้ว่ากทม. เผยพร้อมเข้าดูแลตลาดนัดจตุจักร หลังรองนายกฯ ทุบโต๊ะสั่งโอนคืนจากรถไฟฯ ชี้เตรียมหารือหน่วยงานทุกฝ่ายเข้าดำเนินการโดยเร็วที่สุด


จากกรณี การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ได้มีการประชุมแก้ปัญหาเรื่องตลาดนัดจตุจักร โดยผลการประชุม มีข้อสรุปให้กรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรเช่นเดิม ทั้งการบริหารจัดการเก็บขยะ และเก็บค่าเช่าแผง ต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้รับค่าเช่าที่ดินจากกทม. และให้กทม.หาแนวทางลดอัตราค่าเช่าแผงค้า จากเดิมที่รฟท. เป็นผู้บริหารจัดการตลาด จัดเก็บค่าเช่าแผงอยู่ที่ 3,157 บาท ให้ลดลงเหลืออัตรา 1,800บาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า กทม.ไม่ขัดข้อง ในการเข้าไปบริหารจัดการ ดูแลตลาดนัดจตุจักร เนื่องจากมีประสบการณ์ในการทำงานดังกล่าวอยู่แล้วในอดีต และกทม.ก็มีหน่วยงานกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งด้านความสะอาด ความปลอดภัย หน่วยงานดูแลบริหารจัดการตลาดนัดโดยตรง ซึ่งก็สามารถดูแลงานได้ครอบคลุมทุกด้าน ส่วนการจัดเก็บอัตราค่าเช่าแผงค้า กทม.ก็จะพยายามวางแนวทางจัดเก็บค่าเช่า ให้ถูกลงกว่าอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งจะมีการหารือหน่วยงานทุกฝ่ายเพื่อเข้าดูแลบริหารจัดการตลาดโดยเร็วที่สุด 

สำหรับตลาดนัดจตุจักร ถือเป็นตลาดท่องเที่ยวอันดับ 1 ของกรุงเทพมหาคร ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 27 โครงการ มีสินค้ามากมายหลายชนิดโดยกทม.เป็นผู้เช่าพื้นที่ เนื้อที่กว่า 68ไร่ จากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ตั้งแต่ปี 2525 สัญญาเช่าเป็นเวลา30ปี ซึ่งกทม.ได้นำมาจัดสรรพื้นที่ให้ผู้ค้าทำการเช่าขายสินค้าและบริหารตลาดนัดจตุจักรในด้านอื่นๆอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อสัญญาเช่ากับรฟท.ได้หมดลงเมื่อวันที่ 1 ม.ค.55 มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.54 ให้รฟท.ทำหน้าที่บริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรเอง เนื่องจากตลอดระยะเวลา30ปีที่ผ่านมา ระบุข้อมูลว่า จากที่รฟท.ให้กทม.เช่าพื้นที่นั้น ได้รับเงินค่าเช่าเพียง147 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อรฟท.เข้ามาบริหารตลาดนัดจตุจักร กลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อขอให้ กทม. เข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรดังเดิม เนื่องจากระบุว่า การบริหารงานของรฟท.ซึ่งขาดความพร้อม ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการงานในหลายด้าน ทำให้ตลาดนัดจตุจักรในปัจจุบันเกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย โดยปัญหาหลักคือการ จัดเก็บค่าเช่าแผงค้าภายในตลาดนัดจตุจักร จำนวนกว่า 900 แผงค้า ที่มีการเพิ่มอัตราขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งในอดีต กทม.จัดเก็บค่าเช่าแผงค้าในอัตรา 600 บาท ต่อเดือน แต่เมื่อรฟท.เข้ามาบริหารจัดการนั้น จะเก็บค่าเช่าแผงค้า ตามพื้นที่ทำเล เริ่มตั้งแต่ 2,000-3,000บาทต่อเดือน โดยค่าเช่าอัตราดังกล่าวนั้น ผู้ค้าสามารถทำการค้าได้เพียง 8 วันต่อเดือนเท่านั้น กลุ่มผู้ค้าจึงเห็นว่า เป็นการ จัดเก็บค่าเช่าที่แพงเกินจริง 

นอกจากนี้ การบริหารจัดการภายในตลาด ทั้งการดูแลความปลอดภัย การจัดเก็บขยะดูแลความสะอาดเรียบร้อย รฟท.จ้างหน่วยงานภายนอกเข้ามาดำเนินการ ซึ่งการดูแลตลาดติดขัดปัญหาต่าง ๆ ทำให้ตลาดเกิดความสกปรก มีขยะตกค้าง มีภูมิทัศน์ที่ไม่น่ามองในหลายจุด แต่หากกทม. เป็นผู้บริหารจัดการตลาดดังเช่นที่ผ่านมา กทม.มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีประสบการณ์การทำงานดูแลตลาดนัดจตุจักรมาอย่างยาวนาน มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาด เจ้าหน้าที่เทศกิจที่จะช่วยกันดูแลตลาด ให้ครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักร ได้ทำสัญญาเช่าแผงค้า กับรฟท. ระยะเวลาสัญญาเช่า จะหมดสิ้นในปี 2562 นี้.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 17/09/2018 10:52 am    Post subject: Reply with quote

ตลาดนัดจตุจักร ขุมทรัพย์หมื่นล้าน 8 ปีในอ้อมกอดรฟท.ใกล้คัมแบ็กกทม.

โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 15 กันยายน 2561 เวลา 06:05

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นที่แน่นอนแล้วว่า อย่างเร็วปีหน้า 2562 ตลาดนัดขนาดใหญ่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 แห่ง คือตลาดนัดสวนจตุจักร แห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 (ตลาดนัดมีนบุรี) จะกลับมาอยู่ในมือ และบริหารโดย“สำนักงานตลาดกทม.”หน่วยราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครอีกครั้ง หลังจากไปอยู่ในมือของหน่วยงานอย่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตั้งแต่ปี 2554 หรือกว่า 8 ปี

ขณะที่ตลาดนัดจตุจักรมีนบุรี เป็นการยุบรวมระหว่าง“กองอำนวนการตลาดนัด กทม.”มาอยู่ในสังกัด “สำนักงานตลาด กทม.”เพื่อจัดตั้งเป็นการพาณิชย์ของ กทม. สาเหตุที่ต้องยุบรวม คือ ประสบสภาวะขาดทุนอย่างหนัก แว่วว่า ปีละมากกว่าหลักสิบล้านบาท

นอกจากนั้น ยังได้ขอคืนพื้นที่ตลาดนัดกลางคืนจตุจักร กรีน หรือ เจเจกรีน ให้กับมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพื่อจัดทำโครงการอุทยานสวนจตุจักร เชื่อมสวนสาธารณะ 3 แห่ง เข้าไว้ด้วยกัน

กลับมาดูว่า“ตลาดนัดสวนจตุจักร แห่งที่ 1”จะกลับมาอยู่กับ กทม.อย่างไร

วันก่อน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 8/2561 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน

สรุปได้ว่า ในส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาตลาดนัดจตุจักร ระหว่าง 3 ฝ่าย คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย กทม. และ ผู้ค้าตลาดนัดสวนจตุจักร ได้ข้อสรุปว่าให้ กทม. กลับมาบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรดังเดิม ทั้งเรื่องของการบริหารจัดการภาพรวม การเก็บขยะ และการเก็บค่าเช่า เนื่องจากเป็นองค์กรท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญการจัดการตลาดนัด

ส่วนการรถไฟฯ จะยังได้รับประโยชน์ “ค่าเช่าที่ดินจากกทม.”และยังได้พนักงานกลับไปปฏิบัติงานตามเดิม สามารถแก้ไขปัญหาพนักงานขาดแคลนได้

(ข้อมูลที่ รฟท.ในยุครัฐบาลเพื่อไทยรายงานพบว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปี หลังหมดสัญญา ที่ กทม.บริหาร รฟท.ได้รับเงินค่าเช่าจาก กทม.รวมทั้งหมด เพียง 147 ล้านบาท เท่านั้น)

ทั้งนี้ ผู้ค้าจะได้รับประโยชน์เรื่องค่าเช่าจากเดิมที่จ่ายให้การรถไฟฯ 3,157 บาทต่อเดือน แต่ถ้า กทม. เข้ามาบริหารจัดการค่าเช่าจะลดลงเหลือ 1,800 บาท

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้ช่วยกันเจรจาตกลงว่า ค่าเช่าจะสามารถลดลงได้อีกหรือไม่ เท่าที่จะทำได้ โดยทุกฝ่ายยังได้ผลประโยชน์

ด้าน กทม.เอง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ก็เคยพูดหลายครั้งว่า กทม.ไม่ขัดข้อง และยินดีที่จะบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร แต่ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ โดยได้รายงานไปยัง นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ หากมีคำสั่งให้ กทม. เข้าบริหารตลาดนัดจตุจักร กทม.ก็มีความพร้อม

หากจำได้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.54 เป็นวันแรกที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. ได้เข้าไปบริหารพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร ต่อจากกรุงเทพมหานคร หลังจากสัญญาเช่าพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร ของกรุงเทพมหานคร ได้หมดสัญญาลงเมื่อ วันที่ 1 ม.ค.54

หลังจากมีการคัดค้านจากผู้ค้ามาตลอด จนนำมาสู่การฟ้องร้องในศาลปกครองจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่ผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักร ยื่นฟ้อง รฟท. , ผู้ว่าฯ รฟท. และ ผอ.บริหารพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 กรณีขอให้ศาลเพิกถอนประกาศการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าแผงค้า ในตลาดนัดจตุจักร

ครั้งนั้น มีการลงทะเบียน ผู้ค้าเก่า-ใหม่ ทั้งผู้ค้าที่ติดปัญหาน้ำท่วมปี 2554 รวมถึงวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ 2554 มีผู้ค้ารายเดิมกว่า 8 พันราย ใช้สิทธิ์เช่าพื้นที่จตุจักรในขณะนั้น

ขณะที่การบริหาร มีการตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อสรุปเรื่องทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างของ กทม. ที่อยู่ในพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรทั้งหมด มีการรื้อถอนตามสัญญา มีการซื้อคืน

ฝ่ายบริหาร รฟท. ระบุว่า เป็นการเปลี่ยนตัวผู้บริหารเท่านั้น ซึ่งการค้าขาย จะยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม รวมถึงมีการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพนักงานทำความสะอาด 2 บริษัท

จากนั้นเป็นต้นมา กลุ่มผู้ค้า เข้าร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน เช่น กลุ่มสหกรณ์บริการผู้ค้าและผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. แจ้งความประสงค์ต้องการให้ กทม. กลับมาบริหารตลาดนัดจตุจักร

หลังจาก เมื่อปี 2557 นายเฉลิมชัย เขียวประดิษฐ์ ผอ.ตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ทำหนังสือถึง คสช. ขอให้ กทม. กลับเข้ามาเป็นผู้บริหารตลาดนัดจตุจักร แทนรฟท. ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน

ให้เหตุผลว่าเนื่องจาก รฟท.“มีการเก็บค่าเช่าแพง และการเก็บค่าสาธารณูปโภคไม่เป็นรูปธรรม อีกทั้งไม่ยังสามารถจัดการกับผู้เข้ามาเปิดท้ายขายสินค้าในตลาดได้”

ทุกครั้งจะระบุว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานของรฟท. ในประเด็นที่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินของ รฟท. ตารางเมตรละ 2,700 บาท ขณะที่ค่าเช่าที่ของตลาดเอกชน บริเวณรอบตลาดนัดจตุจักร มีค่าเช่าอยู่ที่ ตร.ม.ละ 1,100-1,400 บาท

มีปัญหา หลังรฟท.เริ่มเข้าบริหารจัดการและมีนโยบายเปิดให้กลุ่มผู้ค้าภายนอกเข้ามาตั้งแผงค้าริมถนนรอบพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร พร้อมส่งเสริมให้เป็นถนนคนเดิน ทำให้กลุ่มผู้ค้าภายในตรอกซอย ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากประชาชนได้เดินจับจ่ายใช้สอยแต่พื้นที่รอบนอก ไม่เดินเข้ามาภายใน ทำให้ ผู้ค้าขายสินค้าได้ลดลง และทยอยย้ายออกจากตลาดนัดหลายสิบราย

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ค้ามีค่าใช้จ่ายสูงมาก ในการบริหารจัดการ และดูแลตลาดนัดจตุจักร หรือแพงกว่าเดิมที่ กทม. เคยจัดเก็บถึง 7 เท่า จาก 470 บาท เป็น 3,600 บาท

อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ค้าในตลาดนัดสวนจตุจักร ยังเคยสะท้อนปัญหาต่อ นายนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ขณะลงพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร เพื่อดูประเด็นการท่องเที่ยว โดยสรุปคือ เรียกร้องให้ กทม. กลับบริหารตลาดเหมือนเดิม

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาต่อเนื่อง เช่น ผู้ประกอบการค้าตลาดนัดจตุจักร เข้ายื่นหนังสือถึง รมว.คมนาคม เพื่อขอให้รฟท. ยกเลิกการประมูลให้สิทธิ์เอกชนเข้ามาจัดตลาดปูผ้า รอบถนนภายในตลาดนัดสวนจตุจักร ที่จะปิดขายส่งประมูลในวันที่ 27 ก.ย.61

ยื่นกระทรวงคมนาคม เรียกร้องให้ รฟท.ไกล่เกลี่ยปัญหาการชำระเงินค่าเช่าแผงค้าให้ รฟท. หลังจากได้รับปัญหาจากการเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าราคาเอกชนที่อยู่ใกล้เคียง ขณะเดียวกัน ยังมีการบล็อกการชำระเงินในทุกช่องทาง ส่งผลให้ผู้ค้า มียอดค้างชำระและบีบบังคับให้ชำระเงินเป็นก้อนใหญ่ในครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รฟท.ระบุถึงการแก้ปัญหาผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร มาตลอด 8 ปี

เช่น ในปี 2558 สมัยที่นายประภัสร์ จงสงวน ยังดำรงตำแหน่ง“ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย”ระบุว่า มีผู้ที่คัดค้านเพียง 618 ราย และอีกส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีหนี้ค้างชำระรฟท.อยู่ และหากกทม.จะเข้ามาเป็นผู้บริหารตลาดแห่งนี้ มองว่าหากรฟท.เปิดให้เอกชนรายใหม่ที่มีความชำนาญเข้ามาร่วมประมูล และเข้ามาบริหารจัดการ น่าจะดีและเกิดประโยชน์กับตลาดนัดจตุจักร มากกว่า

"เงินรายได้ที่ รฟท. จัดเก็บค่าเช่านั้น ก่อนหน้านี้นำมาปรับปรุงตลาดให้มีสภาพที่ดีขึ้น เมื่อปี 2556 ติดตั้งทีวีวงจรปิด ปรับปรุงระบบกระจายเสียงในตลาด ปรับปรุงระบบไฟฟ้า และแสงสว่าง ก่อสร้างห้องน้ำเพิ่ม บริการฟรีให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ค้าในตลาด รวมทั้งการปรับเปลี่ยนหลังคาใหม่ และในปี 2557 ตั้งงบประมาณไว้ 70 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงทางเดิน เปลี่ยนสายไฟฟ้าเก่าทั้งหมด"

เช่นเดียวกับช่วงที่เกิดไฟไหม้ ตลาดจตุจักรนั้น รฟท. เข้าไปดูแลซ่อมแก้ไขทั้งหมด และจัดหาพื้นที่ชั่วคราวให้ผู้ค้าได้ขายของโดยไม่คิดค่าเช่า และไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ค้า ส่วนอัตราค่าเช่าแผงปัจจุบัน รฟท. กำหนดค่าเช่าแผง 3,157 บาท ค่าภาษีโรง 415 บาท รวมเป็น 3,562 บาท เป็นอัตราตามระเบียบ

"สมัยที่ กทม.บริหารตลาดจตุจักร แม้จะเก็บค่าเช่า แผงราคาถูกมาก แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วสูงกว่าที่ รฟท.เรียกเก็บ ส่วนการปรับปรุงตลาดหรือเพิ่ม สิ่งอำนวยความสะดวกก็เรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ค้าทั้งสิ้น ปัจจุบันตลาดนัดจตุจักร มีแผงค้าทั้งหมด 8,480 แผง หลังจากสัญญาเดิม 2 ปี (สิ้นสุดเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 58) บอร์ด รฟท. มีมติให้ผู้ค้ารายเดิมต่อสัญญาอีก 5 ปี ในอัตราค่าเช่าเดิม ผู้ค้ากว่า 80% ต่อสัญญาแล้ว"

บทสัมภาษณ์ นายประภัสร์ ที่ระบุในช่วงนั้นว่า รฟท.ได้เข้ามาพัฒนาอะไรบ้าง กับตลาดนัดสวนจตุจักร

หรือล่าสุด แม้ รฟท. จะพยายามแก้ปัญหามาโดยตลอด เช่าปัจจุบันในการจัดเก็บค่าเช่ารวมกับค่าบริหารจัดการ 3,157 บาทต่อล็อก ต่อเดือน เป็นค่าเช่าพื้นที่ 890 บาท ตามที่ นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผอ. ฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน รฟท. ให้ข้อมูลไว้

ยังมีค่าสาธารณูปโภคทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีต้นทุนเดือนละ 5.3 ล้านบาท ค่าจ้างจัดการเกี่ยวกับขยะเดือนละ 4.3 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามข้อเท็จจริงค่าเช่า 3,157 บาทต่อล็อก ต่อเดือน เฉลี่ยผู้เช่าจะได้ขายสินค้าเดือนละ 8 วัน พบว่าเป็นค่าเช่าวันละ 390 บาท ถือว่าราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับทำเลตลาดนัดจตุจักร ที่มีทั้งคนไทยและต่างชาติ มาจับจ่ายใช้สอย

ส่วนค่าเช่าที่ กทม. เคยจัดเก็บในอดีต 600 บาท ต่อล็อก ต่อเดือนนั้น เป็นค่าเช่าที่เคยทำสัญญาเช่ากับ รฟท. จ่ายค่าเช่าเพียงปีละ 1.6 ล้านบาท และในช่วงที่มีการขอพื้นที่คืนจากกทม.นั้น รฟท.ได้ยื่นข้อเสนอหาก กทม. จะบริหารพื้นที่ต่อต้องเสียค่าเช่าตามผลการศึกษาทางวิชาการที่มาจากสภาพทำเลปีละประมาณ 400 ล้านบาท

โดย กทม.ต่อรองขอเช่าราคา 79 ล้านบาท ดังนั้น หาก กทม.จะบริหารต้องจ่ายเพิ่มจากปีละ 1.6 ล้านบาท เป็น 79 ล้านบาท และจะต้องปรับขึ้นค่าเช่ากับผู้ค่าเช่นเดิม

ยืนยันว่า ค่าเช่าที่ รฟท. จัดเก็บเป็นราคาเหมาะสม กับการบริหารจัดการพื้นที่เช่าของผู้ประกอบการในตลาดนัดจตุจักรที่กว่า 10,000 ร้าน บนเนื้อที่ 70 ไร่

ล่าสุด การแก้ไขปัญหาน่าจะมาถึงจุดสิ้นสุด หลังจาก นายศิริพงศ์ ออกมาระบุว่า รฟท.ได้ตั้งคณะทำงานกำหนดอัตราการจัดเก็บค่าเช่าพื้นที่ภายในตลาดนัด โดยจะแบ่งพื้นที่เป็น 5 โซน คิดค่าเช่าตามทำเล เริ่มจาก โซน Aจะจัดเก็บค่าเช่าเท่ากับอัตราที่เรียกเก็บในปัจจุบัน ที่ 3,157 บาท ต่อพื้นที่ 5 ตารางเมตร ต่อเดือน ลดหลั่นลงไปขั้นละ 10-15% ต่ำสุดอาจไม่เกิน 1,700 บาทต่อเดือนคาดว่าตั้งแต่ต้นปีหน้า 2562 เป็นต้นไป จะสามารถจัดเก็บค่าเช่าอัตราใหม่ได้

นอกจากนี้ รฟท. จะผ่อนปรนให้ผู้ค้าสามารถเช่าช่วง หรือซื้อขายแผงค้ากันได้อย่างถูกต้อง แต่ต้องแจ้งรายละเอียดให้ รฟท. รับทราบก่อน และให้เลื่อนเวลาขายสินค้าริมทางเดิน จาก 19.00 น. เป็น 20.00 น. แทน เนื่องจากสัญญาค่าเช่าแผงที่จะหมดในเดือนก.พ.ปี 62(อายุสัญญา5ปี)

ประเด็นข้างต้นนี้ ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร แสดงความรู้สึกพอใจ กับแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว และขอบคุณที่ผู้บริหาร รฟท. เข้าใจปัญหาของผู้ค้า

ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งมายัง คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ได้ข้อสรุปข้างต้น ปีหน้า กทม.จะเข้ามาบริหารตลาดนัดจตุจักร 1 ที่มีรายได้มากกว่าหมื่นล้านบาท ต่อปีต่อจากรฟท. ที่จะกลับไปเก็บค่าเช่าเช่นเดิม
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 17/09/2018 3:28 pm    Post subject: Reply with quote

ส่อแข่งเดือดชิงสัมปทานเบ็ดเสร็จ 20 ปี ไอซีดีลาดกระบัง 4 หมื่นล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 17 กันยายน 2561 เวลา 07:20
ปรับปรุง: 17 กันยายน 2561 เวลา 08:44


ร.ฟ.ท.เปิดชิงสัมปทาน 20 ปีบริหาร “ไอซีดีลาดกระบัง” มูลค่า 4 หมื่นล้าน ส่อแววแข่งเดือด เอกชน 7 รายแห่ซื้อซองขณะที่เปิดขายตั้งแต่ 3 ก.ย.-1 พ.ย. 61 ยื่นซอง 30 พ.ย. คาดได้ตัวในต้นปี 62 ด้าน ร.ฟ.ท.หารืออัยการก่อนทำหนังสือแจ้งเลิกสัญญาเอกชนเดิม

นางสิริมา หิรัญเจริญเวช รองผู้ว่าการกลุ่มยุทธศาสตร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ว่า ได้เปิดขายเอกสารเชิญชวนผู้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 2561 ถึงวันที่ 1 พ.ย. 2561 ภายในวันและเวลาราชการ กำหนดยื่นข้อเสนอวันที่ 30 พ.ย. 2561 ซึ่งคาดได้ตัวผู้ประกอบการใหม่ต้นปี 2562

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.-14 ก.ย. มีผู้ซื้อซองแล้วจำนวน 7 ราย โดยในส่วนของเงื่อนไขในทีโออาร์หลักๆ ยังคงเป็นไปตามเดิม โดยเพิ่มความชัดเจนในบางเรื่อง เช่น การส่งมอบพื้นที่ ซึ่งจะส่งตามสภาพปัจจุบันเพื่อให้เอกชนที่ชนะประมูลรับไปปรับปรุงทั้งหมด โดยผู้ชนะการประมูลจะต้องดูแลปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน และบริหารการจราจร ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56) จะพิจารณาในเรื่องคุณสมบัติ เทคนิค และเลือกผู้เสนอราคาค่าบริการต่ำสุดเพื่อลดต้นทุนของผู้ใช้บริการ

สำหรับเอกชน 6 รายผู้บริหาร 6 สถานี ซึ่งสัญญาสัมปทานได้สิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2554 มีการต่อสัญญามาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เสนอไปยัง ร.ฟ.ท.ให้ทำหนังสือแจ้งบอกเลิกการใช้สิทธิ์แล้วเพื่อเป็นการแจ้งล่วงหน้าประมาณ 5-6 เดือนก่อนได้ผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่ง ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างทำหนังสือหารืออัยการเพื่อทำหนังสือบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการและมีผลทางกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการร่วมลงทุนประกอบการไอซีดี ลาดกระบัง มีพื้นที่ 647 ไร่ ระยะเวลา 20 ปี มูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ทีโออาร์กำหนดคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนต้องมีประสบการณ์ และผลงานบริหารจัดการตู้สินค้าย้อนหลัง 5 ปี กรณีเป็นนิติบุคคลรายเดียวเฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีละ 9 แสนทีอียู กรณีเป็นนิติบุคคลหลายรายที่ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนในนามกิจการร่วมค้า (Joint Venture /Consortium) ที่จดทะเบียนใหม่ รวมกันเฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีละ 9 แสนทีอียู กรณีไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ นิติบุคคลหลักเฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีละ 5 แสนทีอียู และเมื่อรวมทั้งกลุ่มเฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีละ 9 แสนทีอียู

กำหนดยื่นข้อเสนอ 3 ซอง โดยซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิค ซองที่ 3 ข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ โดยเป็นสัญญาสัมปทานเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตั้งข้อสังเกตและร้องเรียนประเด็นกรณีล็อกสเปก ปิดกั้น มีการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ ร.ฟ.ท.ยืนยันโมเดลสัมปทานเดียวมีความเหมาะสมและแก้ปัญหาการบริหารจัดการเพื่อให้บริการที่ดีกว่ารูปแบบเดิม

สำหรับผู้ประกอบการตามสัญญาสัมปทานเดิมมี 6 ราย ได้แก่
1. บริษัท สยามชอร์ไซด์ เซอร์วิส จำกัด (SSS)
2. บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด (ESCO)
3. บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด (ECTT)
4. บริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด (TIFFA)
5. บริษัท ไทยฮันจิน โลจิสติกส์ จำกัด (THL) และ
6. บริษัท เอ็น.วาย.เค. ดิสทริบิวชั่น เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด (NICD)
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/09/2018 12:18 pm    Post subject: Reply with quote

พังงาตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างรุกที่ดินรถไฟ
INN News 18 กันยายน 2018 - 12:09

ศูนย์ดำรงธรรมพังงาลงตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างรุกที่ดินรถไฟ และล่วงล้ำลำน้ำหลังมีผู้ร้องเรียนเข้าสำนักนายกฯ

เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา นำโดย นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ในฐานะ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา นายมนัส หนูรักษ์ หน.ศูนย์ดำรงธรรม เจ้าหน้าที่เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา ฝ่ายปกครอง อบต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา กำนัน ร่วมตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา หลังได้รับเรื่องร้องเรียนไปยัง สำนักนายกรัฐมนตรี ว่ามีสิ่งปลูกสร้างในเขตที่ดินรถไฟ ใกล้กับคลองพังงาคาดว่าบุกรุกล่วงล้ำลำน้ำ พบมีการปลูกสร้างในเขตที่ดินรถไฟ ใกล้กับเรือนจำจังหวัดพังงา(หลังใหม่) ริมถนนสายไร้ฝุ่นเชื่อมต่อถนนพังงา-ถ้ำน้ำผุด ลักษณะเป็นที่อยู่อาศัย จึงให้ทำการตรวจสอบว่ามีผู้ใดเป็นเจ้าของ ขณะตรวจสอบพบ น.ส.กรสิธร เปรมกุลนนท์ อ้างเป็นผู้เช่าที่ดินดังกล่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งดำเนินการก่อสร้างบ้านที่พักอาศัยและปลูกต้นไม้

ทางเจ้าหน้าที่ขอให้นำเอกสารแสดงสิทธิ์ในการครอบครอง พร้อมแบบแปลนการก่อสร้างขออนุญาตจาก อบต.ถ้ำน้ำผุด ตามระเบียบการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งขอให้คำนึงถึงกฎหมายของฝ่ายปกครอง และ กฎหมายกรมเจ้าท่า โดยห้ามทำการปลูกสิ่งก่อสร้างใกล้ริมตลิ่งเกินกว่า 6 เมตร ตามกฎหมายฝ่ายปกครอง และใกล้เกิน 3 เมตร ในกฎหมายเจ้าท่า ซึ่งทาง น.ส.กรสิธร เปรมกุลนนท์ ผู้อ้างสิทธิ์ครอบครองจากการเช่าที่ดินบริเวณดังกล่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย รับทราบโดยจะดำเนินการนำเอกสารต่างที่เกี่ยวข้องเข้าพบเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อรายงานให้สำนักนายกฯรับทราบการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 144, 145, 146 ... 197, 198, 199  Next
Page 145 of 199

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©