RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180414
ทั้งหมด:13491648
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 63, 64, 65 ... 147, 148, 149  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/03/2019 6:10 pm    Post subject: Reply with quote

'บิ๊กตู่' คิวลงพื้นที่ 'กทม.-แปดริ้ว' พรุ่งนี้ แน่นเอี๊ยด
กรุงเทพธุรกิจ 19 มีนาคม 2562

“บิ๊กตู่” คิวลงพื้นที่ แน่นเอี๊ยด ลุย “สวนลุมฯ” เช้าตรู่ พรุ่งนี้ ต่อด้วย “สวนเบญจกิติ”-สถานีกลางบางซื่อ” ช่วงบ่ายไป “แปดริ้ว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันพรุ่งนี้ (20 มี.ค.) มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยในเวลา 06.30 น. นายกฯ เดินทางถึงสวนลุมพินี สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ก่อนชมกิจกรรมออกกำลังกาย พร้อมติดตามผลการปรับปรุงภูมิทัศน์สวนลุมฯ จากนั้นจะปลูกต้นรวงผึ้งร่วมกับภาคีเครือข่ายพื้นที่สีเขียว และจะเดินทางต่อไปยังสวนเบญจกิติเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่การยาสูบแห่งประเทศไทย บริเวณที่จะสร้างสวนป่าระยะที่ 2 และ3 ก่อนจะกล่าวมอบนโยบาย จากนั้น นายกฯจะเดินทางไปยังสถานีกลางบางซื่อเพื่อตรวจติดตามโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และจะตรวจเยี่ยมชานชาลารถไฟความเร็วสูงและรถไฟเชื่อม3สนามบิน

ส่วนภารกิจในช่วงบ่าย เวลา 12.55 น. นายกฯ เดินทางมายังศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ที่จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกล่าวให้ทิศทางการดำเนินงาน ลงนามในแบบจำลองศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ พร้อมชมนิทรรศการ จากนั้น จะได้พบปะผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และนายกฯ จะเดินทางต่อไปยังวัดโสธรวรารามวรวิหาร ก่อนเดินทางกลับกทม.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/03/2019 1:58 pm    Post subject: Reply with quote

นายกฯตรวจคืบหน้าสร้างรถไฟสายสีแดง
INN News 20 มีนาคม 2019 - 12:46

นายกรัฐมนตรี ตรวจความก้าวหน้ารถไฟสายสีแดง ชี้ อนาคตเป็นจุดเชื่อมระบบรางสู่อาเซียน ยัน ดิ้วตี้ฟรีเดินตามกฎหมายไม่เอื้อประโยชน์กลุ่มใด

Click on the image for full size

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ณ สถานีกลางบางซื่อ พร้อมกล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามแผนงาน โดยอนาคตพื้นที่สถานีกลางบางซื่อจะเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟไปหลายเส้นทาง และเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอาเซียนถือเป็นการยกระดับการเดินทางของประชาชน ขณะที่การพัฒนาพื่นที่เชิงพาณิชย์โดยรอบยืนยันไม่ได้ยกให้เอกชนแต่เป็นให้เอกชนเช่าพื้นที่ในการพัฒนาบริหารจัดการ

ขณะเดียวกันบริเวณพื้นที่แห่งนี้จะมีการพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวให้เป็นปอดของกรุงเทพ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พักผ่อน จึงอยากให้ร่วมกันสร้างประวัติ ศาสตร์ของการรถไฟไทย พร้อมขอสื่อมวลชนให้เผยแพร่ข่าวในเรื่องนี้ให้ดี

Click on the image for full size

ส่วนการคัดเลือกเอกชนเข้ามาบริการจัดการ และให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรีใหม่ ในสนามบินสุวรรณภูมิ, สนามบินภูเก็ต, สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินหาดใหญ่ จำนวน 1 สัญญา และการบริหารโครงการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิอีก 1 สัญญา

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหารือกัน ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทั้งผู้บริโภคและเอกชนที่จะเข้าประมูล และต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย โดยยืนยันไม่เอื้อผลประโยชน์กลุ่มใด

Click on the image for full size

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/03/2019 5:50 pm    Post subject: Reply with quote

นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ณ สถานีกลางบางซื่อ กรุงเทพฯ
ทำเนียบ รัฐบาล
Published on Mar 20, 2019
นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต บริเวณชานชาลา ชั้น 3
(ชานชาลารถไฟความเร็วสูง และรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน) ณ สถานีกลางบางซื่อ กรุงเทพฯ วันที่ 20 มีนาคม 2562


https://www.youtube.com/watch?v=XPTOHErAP1k
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 02/04/2019 6:19 pm    Post subject: Reply with quote

สัปดาห์สุดท้ายสำหรับการศึกษาดูงานของวิศวกรใหม่ ITD Training Academy รุ่น 6 ยังโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย

1. โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ (J.2343)
ศึกษาการประกอบ Tunnel Segment (ชิ้นส่วนผนัง) และการขุดเจาะอุโมงค์ ความคืบหน้าความยาว ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 600 เมตร

2. โครงการรถไฟฟ้ายกระดับสายสีแดง สัญญา 2 และงานวางรางสายสีแดง สัญญา 3 (J.2365)
ดูการติดตั้ง Ballastless Track (ทางรถไฟ) ณ สถานีดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานีขนาดใหญ่ 3 ชั้น โดยชั้นที่ 2 รองรับรถไฟชานเมือง และชั้นที่ 3 เป็นรถไฟฟ้า

3. โครงการรถไฟฟ้ายกระดับสายสีเขียวสัญญา 1 หมอชิต – คูคต (J.2146)
ศึกษาการทำ Flyover ณ สะพานข้ามแยกเสนานิคม ซึ่งมีกำหนดเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 เมษายน 2562 นี้

ITD Training Academy ขอขอบคุณนายช่างทุกโครงการที่ให้การต้อนรับ ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ตรงกับวิศวกรใหม่เป็นอย่างดี เพื่อการพัฒนาองค์กรของเราอย่างยั่งยืนสืบไป
(30 มีนาคม 2562)
https://www.facebook.com/csditd/posts/1885443474894504
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/04/2019 9:52 pm    Post subject: Reply with quote

"รฟฟท."ชูค่าตั๋วรถไฟสายสีแดงช่วงรังสิต-บางซื่อ15-60บาท
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 13 เม.ย. 2562 เวลา 20:06 น.

"รฟฟท."คาดรถไฟสายสีแดงช่วงรังสิต-บางซื่อรายได้ทะลุพันล้านต่อปี เล็งเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ เคาะค่าโดยสาร 60 บาทตลอดสาย กลายเป็นรถไฟฟ้าถูกสุดในกรุงเทพ

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท. )หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เปิดเผยว่าสำหรับการบริหารสายสีแดงช่วงรังสิต-บางซื่อนั้นบริษัทลูกจะเป็นผู้บริหารและรับความเสี่ยงการเดินรถทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้ค่าโดยสารมากกว่าปีละ 1 พันล้านบาท จากปริมาณผู้โดยสารราว 70,000-100,000 คน/วัน

ดังนั้นจึงคาดว่าโครงการนี้จะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 7-8 ปี ด้วยการกำหนดราคาค่าโดยสารไว้สูงสุดตลอดสายที่ 60 บาท หรือ 15-60 บาท ระยะทางรวม 41 กม. หรือเฉลี่ย 1.4 บาท/กม. และจะยังคงอัตราไปจนถึงช่วงตลิ่งชันในอนาคต ซึ่งจะกลายเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางที่ถูกสุดในกรุงเทพมหานคร จากปัจจุบันรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มีค่าโดยสารเฉลี่ย 1.6 บาท/กม.

สำหรับอัตราค่าโดยสารดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการจูงใจประชาชนและสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยตามแนวชานเมืองให้สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ อย่างไรก็ตามหากเปิดบริการแล้วพบว่าโครงการดังกล่าวขาดทุน ทางบริษัทจะพิจารณาพัฒนาฟีดเดอร์ระบบขนส่งเชื่อมต่อให้เข้าถึงแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง

นายสุเทพกล่าวต่อว่านอกจากการเดินรถแล้ว บริษัทลูก ยังได้รับสิทธิ์เป็นผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงจำนวน 10 สถานีจากทั้งหมด 13 สถานี ส่วนที่เหลือการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)จะดูแลพื้นที่พาณิชย์ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อ ดอนเมือง และรังสิต ทั้งนี้ คาดว่ารายได้เชิงพาณิชย์ จะมีสัดส่วนประมาณ 6% ของรายได้จากการเดินรถ โดยรายได้การเดินรถ หรือราว 60 ล้านบาท/ปี ซึ่งถือว่าเพิ่มเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 30 ล้านบาท/ปี สำหรับแนวทางการบริหารนั้นจะต้องแบ่งสัญญางานพัฒนาบางส่วนออกมาเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาดูแลเช่นพื้นที่จอดรถเป็นต้น โดยขั้นตอนการยื่นข้อเสนอนั้นจะต้องจบในปี 2562-2563 หรือก่อนเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายนี้

นายสุเทพกล่าวอีกว่า สำหรับโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ นั้นในปีที่ผ่านมามีรายได้ทั้งหมด 740 ล้านบาท คาดการณ์รายได้ปีนี้ขบายตัว 6% เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท ส่วนด้านทรัพย์สินของโครงการ อาทิรถไฟทั้ง9 ขบวน และทรัพย์สินอื่น จะถูกโอนไปรวมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง- สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา. ซึ่งคาดว่าการประกวดราคาและขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับซีพี.จะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ควบคู่ไปกับเสนอให้เอกชนพิจารณาลงทุนจัดซื้อรถไฟใหม่ 7 ขบวนรองรับการเติบโตของผู้โดยสารในระยะยาว

นายสุเทพกล่าวว่าส่วนเรื่องความพร้อมของบุคลากรนั้น ในช่วงเดือนเม.ย. นี้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ชุดแรก52 คนไปอบรมระบบเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตขบวนรถก่อนที่ในอนาคตพนักงาน 500 คนของ รฟฟท.ก็จะถูกโอนย้ายไปบริษัทบริหารรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งหมด อีกทั้งจะต้องเปิดรับเพิ่มอีก 200 คน เพราะจากการประเมินโครงการต้องมีพนักงานรวม 773 คนในช่วงเริ่มต้น

นายสุเทพกล่าวอีกว่าส่วนแผนดำเนินงานปี 2562ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ นั้นเตรียมปรับความถี่ในการเดินรถจาก 10 นาที เป็น 8.30 นาที เพื่อให้สามารถรองรับกับจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น รวมทั้งสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารเพิ่มเติม เช่น เตรียมติดตั้งยางปิดช่องระหว่างชั้นชานชาลา และประตูรถไฟฟ้า (Platform Gap Filler) บนชั้นชานชาลา 8 สถานี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2562

นอกจากนี้ยังมีแผนก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก และความปลอดภัยในการใช้บริการ ได้แก่ การติดตั้งราวกั้นสแตนเลสบนชั้นชานชาลาใน 7 สถานี , การสร้างบันไดเลื่อนระหว่างชั้นจำหน่ายตั๋ว และชั้นทางเดินเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีพญาไท คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2562 , การจัดทำระบบอินเตอร์เน็ตไร้สาย (WIFI) เพื่อให้ผู้โดยสารได้ใช้บริการฟรี , การติดตั้งจอ LED เพิ่มเติมเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับทราบข้อมูลการเดินทางอย่างทั่วถึง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 19/04/2019 2:16 pm    Post subject: Reply with quote

พ.ย.นี้รถ 2 ขบวนแรกสายสีแดงถึงเมืองไทย
วันที่ 19 เมษษยน 2562 - 11:40 น.


นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจบริหารทรัพย์สิน รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการจัดหาขบวนรถของรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต มีกลุ่ม MHSC (มิตซูบิชิ-ฮิตาชิ-สุมิโตโม) จากประเทศญี่ปุ่น ผู้รับจ้างสัญญาที่ 3 วงเงิน 32,399 ล้านบาท



ขณะนี้การประกอบขบวนรถที่ผลิตโดยบริษัท ฮิตาชิ จากทั้งหมดสั่งซื้อ 130 ตู้ ประกอบเสร็จแล้วจำนวน 2 ขบวน แบบ 4 ตู้ และแบบ 6 ตู้ โดยในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้จะเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น และมาถึงประเทศไทยประมาณเดือน พ.ย.นี้ จากนั้นจะนำขบวนรถมาทดสอบระบบประมาณปลายปีนี้ถึงปี 2563 เนื่องจากจะต้องมีการทดสอบระบบเสมือนจริงอย่างน้อย 6 เดือน ถึงจะเปิดให้บริการได้ ตามแผนจะเปิดบริการในเดือน ม.ค. 2564 คาดว่ามีปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 300,000 เที่ยวคนต่อวัน

สำหรับระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าสายสีแดงจะใช้ระบบ ETCS ตามมาตรฐานยุโรปที่สามารถใช้ได้กับหลายระบบ ซึ่งรูปแบบของขบวนรถไฟฟ้าที่จะใช้ให้บริการในโครงการ เป็นรถไฟฟ้าวิ่งบนรางขนาด 1 เมตร มีระบบสายส่งไฟเหนือศีรษะ วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ขบวนรถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภท 4 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,126 คน และประเภท 6 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,714 คน

นายวรวุฒิกล่าวว่า ทั้งนี้ สายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตที่กำลังก่อสร้าง แบ่งเป็น 3 สัญญา ได้แก่ งานสัญญาที่ 1 งานสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง เริ่มงานก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2556 มีกลุ่มกิจการร่วมค้า SU (บมจ.ซิโน-ไทยฯ และ บมจ.ยูนิคฯ) เป็นผู้ก่อสร้าง จะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2562

สัญญาที่ 2 งานโครงสร้างทางวิ่งยกระดับและระดับพื้น งานสถานี 8 แห่ง และถนนเลียบทางรถไฟและถนนทางข้ามไซต์ก่อสร้างของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ หลังเริ่มงานตอกเข็มเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2556 จะเสร็จในเดือน ก.ย. 2562 และสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้า เครื่องกล และจัดหาตู้รถไฟฟ้า ได้เริ่มงานเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2559 ตามสัญญาจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2563
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 22/04/2019 12:20 pm    Post subject: Reply with quote

ศาลปค.สูงสุดสั่งคมนาคม จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์1.2หมื่นล้าน
22 เมษายน 2562 6,858
ด่วน!ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาสั่งกระทรวงคมนาคมต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ จ่ายคืนเงิน 12,000 ล้าน ให้กับบริษัทโฮปเวลล์

วันนี้ (22เม.ย.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นยกฟ้องมีผลให้กระทรวงคมนาคม โดยการ รถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) ต้อง ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่8พ.ย.51โดย รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 ล้านบาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุด

BreakingNews: ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดสั่ง “คมนาคม – รฟท.” จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 12,000 ล้านบาท
22 เมษายน - 11:13 น.


จากกรณีที่ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคม โดยการ รถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) (ผู้ถูกฟ้องคดี) จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัทโฮปเวลล์รวม11,888ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ทำให้รฟท.ไม่ต้องจ่ายคืนเงินจำนวนดังกล่าว

โดยกระทรวงคมนาคม กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้องว่า คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดตามข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ให้ผู้ร้องทั้ง 2 คืนเงินค่าตอบแทนและเงินอื่นให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยอ้างว่าผู้ร้องทั้ง 2 บอกเลิกสัญญาสัมปทานระบบการขนส่งทางรถไฟ และถนนยกระดับในกรุงเทพมหานครและการใช้ประโยชน์จากที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยไม่ชอบ

ซึ่งผู้ร้องทั้งสองเห็นว่าข้อพิพาทดังกล่าวไม่อยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการที่สามารถระงับข้อพิพาททางอนุญาโตตุลาการได้ เนื่องจากมิใช่ข้อพิพาทในการปฏิบัติตามสัญญาฯ ในการนี้สำนักระงับข้อพิพาทในการปฏิบัติตามสัญญาฯ ในการนี้สำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม ได้ส่งสำเนาคำชี้ขาดให้ผู้ร้องทราบตามหนังสือลงวันที่ 3 ต.ค.51)


ทั้งนี้คดีดังกล่าวมีพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 กันยายน 2551 ทั้งหมด และเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 44/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 70/2551 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2551 ทั้งหมด และมีคำสั่งปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 กันยายน 2551 และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ร้องทั้งสอง เนื่องจากศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อคำนวณนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2541 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทแล้ว ระยะเวลาของการเสนอข้อพิพาทจะครบกำหนดห้าปี คือ ในวันที่ 30 มกราคม 2546 ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านยื่นข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2547 การเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ จึงเกินกว่ากำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดตามนัยมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 และเมื่อระยะเวลาการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการเป็นเรื่องสำคัญ ถือได้ว่าเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลปกครองสามารถยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ดังนั้น ศาลจึงเห็นว่าในกรณีนี้ คณะอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจรับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 ที่ผู้คัดค้านยื่นต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการไว้พิจารณาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดได้

ล่าสุด ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นยกฟ้องมีผลให้กระทรวงคมนาคม โดยการ รถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท) ต้อง ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่8พ.ย.51โดย รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 23/04/2019 10:34 am    Post subject: Reply with quote

เมื่อโฮปเวลล์ “พ่นพิษ”
23 เมษายน 2562
เป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาพิพากษาให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ่ายค่าเสียหายให้โฮปเวลล์เป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี จากกรณีบอกเลิกสัญญาโครงการโฮปเวลล์โดยไม่เป็นธรรม

โครงการโฮปเวลล์มีผลบังคับตามสัญญาตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2534 โดยต้องสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ภายใน 8 ปี หรือภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 มีอายุสัมปทาน 30 ปี นับแต่วันที่สัญญามีผลบังคับ โฮปเวลล์เป็นโครงการที่ประกอบด้วย 4 ระบบใน 1 โครงการ ได้แก่ (1) ทางด่วนอยู่ชั้นบนสุด (2) รถไฟฟ้าอยู่ชั้นรองลงมา (3) รถไฟของ รฟท.อยู่ชั้นเดียวกับรถไฟฟ้า และ (4) ถนนเลียบทางรถไฟหรือโลคอลโรด วิ่งอยู่บนพื้นดิน ซึ่งเปิดใช้มาตั้งแต่การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ปลายปี พ.ศ. 2541

บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับสัมปทานโครงการนี้จากกระทรวงคมนาคมและ รฟท. หมายมั่นปั้นมือที่จะพัฒนาโครงการนี้ควบคู่ไปกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ รฟท. หลายพื้นที่รวมกันประมาณ 600 ไร่ โฮปเวลล์รู้ดีว่าจะหวังผลตอบแทนการพัฒนาโครงการจากการเก็บค่าทางด่วนและค่าโดยสารรถไฟอย่างเดียวไม่เพียงพอแน่นอน ต้องหารายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยจึงจะช่วยทำให้โครงการคุ้มทุนได้

แต่การดำเนินงานของโฮปเวลล์ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สาเหตุหลักเกิดจากปัญหาทางการเงิน กอปรกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถึงจุดถดถอย ผลงานในช่วง 6 ปี (ถึงธันวาคม 2540) ของโฮปเวลล์ทำได้แค่ 13.8 % จากที่วางไว้ 89.9% แต่โฮปเวลล์อ้างว่าเป็นเพราะ รฟท.ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนงาน

กระทรวงคมนาคมและ รฟท.ได้ให้โอกาสโฮปเวลล์มาโดยตลอด มีหนังสือแจ้งเตือนเป็นระยะๆ แต่งานก่อสร้างก็ยังล่าช้าอยู่ ทั้งๆ ที่ในเดือนมกราคม 2540 กอร์ดอน วู ประธานบริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ได้ให้คำมั่นกับกระทรวงคมนาคมและ รฟท.ว่าจะสร้างให้เสร็จก่อนเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13

เมื่อรู้แน่ชัดว่า โฮปเวลล์ไม่สามารถสานฝันให้เป็นจริงได้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. จึงบอกเลิกสัญญาสัมปทานกับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2541 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2540 เป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันทั้งสองฝ่าย ในที่สุดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2551 คณะอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.จ่ายเงินชดเชยให้โฮปเวลล์เนื่องจากบอกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรมเป็นเงินจำนวน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

ต่อจากนั้นกระทรวงคมนาคมและ รฟท.ได้ฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งในวันที่ 13 มีนาคม 2557 ศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ทำให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท.ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้โฮปเวลล์ แต่โฮปเวลล์ไม่พอใจในคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น จึงได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งในวันที่ 22 เมษายน 2562 ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท.จ่ายค่าเสียหายให้แก่โฮปเวลล์เป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ดังกล่าวแล้วข้างต้น

การพิพากษาโดยศาลปกครองไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองชั้นต้นหรือศาลปกครองสูงสุดก็ตามเป็นการพิจารณาดูว่ากระบวนการทำงานของอนุญาโตตุลาการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เช่น อายุความของคดี เป็นต้น แต่ไม่ได้ดูเนื้อหารายละเอียดว่าฝ่ายใดปฏิบัติตามสัญญาหรือประพฤติผิดสัญญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของอนุญาโตตุลาการ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ศาลปกครองตรวจสอบลึกถึงคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสัญญาที่ระบุว่ากรณีมีข้อพิพาทเกิดขึ้นให้นำข้อพิพาทเสนอให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนั้นจะต้องใช้เวลาในการวินิจฉัยชี้ขาดนาน เนื่องจากจะต้องผ่านทั้งการวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการและการพิพากษาของศาลปกครอง

ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ของคู่สัญญา ผมขอเสนอแนะให้ระบุในสัญญาไว้ว่ากรณีมีข้อพิพาทเกิดขึ้นให้นำข้อพิพาทไปฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งมีตุลาการที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์คดีทางปกครองทุกประเภท ทำให้การไต่สวนได้ข้อเท็จจริงที่แท้จริงว่าฝ่ายใดปฏิบัติตามสัญญาหรือประพฤติผิดสัญญา การทำเช่นนี้มีข้อดีดังนี้

1. การพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งสามารถกระทำให้แล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องผ่านการวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ

2. ประหยัดดอกเบี้ยเนื่องจากคดีสิ้นสุดได้เร็วกว่า ทำให้ระยะเวลาที่ต้องชำระค่าดอกเบี้ยลดลง เป็นประโยชน์ต่อผู้แพ้คดี

3. เป็นการพิจารณาพิพากษาที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการถ่วงดุลการใช้อำนาจทั้งภายในองค์คณะตุลาการ และระหว่างองค์คณะกับตุลาการผู้แถลงคดี ทำให้ได้คำพิพากษาที่มีความยุติธรรมอย่างแท้จริง กล่าวคือมีการกำหนดให้มี “ตุลาการเจ้าของสำนวน” คนหนึ่งซึ่งแต่งตั้งจากตุลาการในองค์คณะ ทำหน้าที่แสวงหาและรวบรวมข้อเท็จจริง และมีตุลาการอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในองค์คณะ เรียกว่า “ตุลาการผู้แถลงคดี” ทำหน้าที่ตรวจสอบ และถ่วงดุลการทำหน้าที่ของตุลาการเจ้าของสำนวนและองค์คณะ เป็นผลให้องค์คณะต้องใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยคดี และใช้อำนาจในการตัดสินคดีอย่างรอบคอบและถูกต้องมากยิ่งขึ้น

หากสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนยังคงเป็นสัญญา “อนุญาโตตุลาการ” เช่นนี้ ในอนาคตเราจะต้องเสีย “ค่าโง่” จากอีกหลายโครงการ

รายละเอียดคำตัดสิน
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/651336965304786

https://drive.google.com/file/d/1kW67F0YtJxlTmybM0iMjF-EgsUrQhYda/edit
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 23/04/2019 1:42 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท. จ่อขอผ่อน ประนอมหนี้
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟฯ จ่ายค่าชดเชยแก่บริษัท โฮปเวลล์ เป็นวงเงินขั้นต่ำ 1.2 หมื่นล้านบาทว่า วันนี้ (23 เม.ย.) การรถไฟฯ จะหารือร่วมกับฝ่ายกฎหมาย ถึงรายละเอียดของโครงการก่อสร้างทางรถไฟและทางด่วนยกระดับ (โฮปเวลล์) และแนวทางการปฏิบัติหลังจากมีคำพิพากษา เพื่อให้ภาครัฐเกิดความเสียหายน้อยที่สุด

ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะพิจารณาว่า ควรจ่ายเงินชดเชยในรูปแบบไหนและอย่างไร โดยต้องประเมินข้อกฎหมายอย่างละเอียด และต้องหารือกับกระทรวงคมนาคมอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยในเวลา 17.00 น. วันนี้ การรถไฟฯ จะเข้าหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

“ทางภาครัฐ กระทรวงคมนาคม การรถไฟฯ จะต้องเข้ามาหารือร่วมกัน การรถไฟฯ อาจต้องไปประนอมหนี้หรือขอผ่อนชำระ เพราะรถไฟเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะจ่าย ขนาดปัจจุบันเงินที่ใช้ยังต้องกู้เงินมาใช้เลย” นายวรวุฒิกล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 24/04/2019 9:31 am    Post subject: Reply with quote

จี้บอร์ดรฟท.เร่งสรุปวิธีชำระเงินชดเชยโฮปเวลล์
พุธที่ 24 เมษายน 2562 เวลา 05.00 น.

คมนาคม จี้บอร์ดรฟท.เร่งสรุปวิธีชำระเงินโฮปเวลล์ ชี้แม้เป็นภาระจากรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่รัฐบาลนี้ก็ต้องเดินหน้าแก้ไขเพื่อประเทศชาติ


เมื่อวันที่ 24  เม.ย. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับฝ่ายกฎหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. คืนเงินชดเชยให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกัน 500 ล้านบาท โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับคดีถึงที่สุดว่า ทาง รฟท. ได้มารายงานข้อมูลเรื่องดังกล่าวในเบื้องต้น โดยทางคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. จะนัดประชุมในวันที่ 26 เม.ย. เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริง ตลอดจนวิธีการ และการเจรจาแนวทางในการชำระเงินต่อไปว่าต้องชำระอย่างไร
           
“ได้กำชับให้ รฟท. เร่งสรุป และเสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคมพิจารณาโดยเร็วที่สุด เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เนื่องจากศาลฯ กำหนดว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน อย่างไรก็ตามในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ ผมจะรายงานข้อมูลในเบื้องต้นให้ที่ประชุมครม.ทราบด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำ เป็นภาระที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ช่วงปี 33 แต่ถึงอย่างไรรัฐบาลนี้ก็ต้องแก้ไข ทำตามที่ศาลฯพิพากษา เพราะถือว่าสิ้นสุดแล้ว”นายอาคม กล่าว
           
นายอาคม กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าแม้ รฟท. ต้องชำระเงินตามที่ศาลพิพากษา แต่ในส่วนของการลงทุนโครงการต่างๆ ของ รฟท. ก็ยังจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป เพราะรัฐบาลชุดนี้มีนโยบายเน้นการลงทุน เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ เราต้องแยกส่วนกัน หนี้ก็ต้องชำระ งานก็ต้องเดินหน้าต่อ เพราะการทำโครงการแต่ละโครงการ ก็มีเรื่องของผลตอบแทนด้วย เมื่อกำหนดไว้แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อตามแผน.
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 63, 64, 65 ... 147, 148, 149  Next
Page 64 of 149

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©