RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13179688
ทั้งหมด:13490920
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 19, 20, 21 ... 89, 90, 91  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44318
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/09/2019 10:05 pm    Post subject: Reply with quote

‘ศักดิ์สยาม’ ชง รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.2 แสนล้าน เข้าครม.ศก. ไฟเขียวพรุ่งนี้
ข่าวสดออนไล์ วันที่ 19 กันยายน 2562 - 21:08 น.

‘ศักดิ์สยาม’ ชง รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.2 แสนล้าน เข้าครม.ศก. ไฟเขียวพรุ่งนี้ หากครม.ศก.อนุมัติจะเสนอครม.ชุดใหญ่พิจารณา
ชงรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้าครม.ศก. – นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขานุการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ก.ย. นี้ เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ซึ่งมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม ที่จะนำเสนอรายงานให้ ครม. เศรษฐกิจ รับทราบถึงโครงการที่ดำเนินการอยู่และโครงการที่จะดำเนินการใหม่มีอะไรบ้าง และติดปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับหน่วยใดจะได้ช่วยกันแก้ไข

“การลงทุนของกระทรวงคมนาคมมีมูลค่ามหาศาล ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้า และโครงการอื่นๆ อีกมาก ซึ่งเป็นเรื่องดีที่กระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ จะได้รับทราบ เพื่อมีปัญหาเกี่ยวข้องกับกระทรวงใดจะได้ช่วยกันเร่งแก้ไขให้การลงทุนเร็วขึ้น” นายกอบศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจ จะมีการประชุมวาระ มาตรการเร่งการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ได้รับการเห็นชอบจาก ครม. เศรษฐกิจใหญ่ไปแล้ว ซึ่งเป็นวาระการพิจารณาว่ากรรมการชุดต่างๆ ของการส่งเสริมการลงทุนจะทำงานประสานกันอย่างไรเท่านั้น


นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการกระตุ้นการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่มีการพิจารณาในการประชุมครม. เศรษฐกิจครั้งนี้ เนื่องจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ติดภารกิจเดินทางไปประเทศจีน คาดว่าจะมีการเสนอมาตรการกระตุ้นการส่งออก และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ในการประชุม ครม. เศรษฐกิจครั้งหน้า ที่คาดว่าจะเป็นต้นเดือน ต.ค. หลังจากที่นายกรัฐมนตรีกลับจากต่างประเทศเพื่อประชุมร่วมกับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.) วันที่ 20 ก.ย. กระทรวงคมนาคมจะเสนอขออนุมัติกรอบวงเงินลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (งานโยธา) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ รวมงานติดตั้งระบบรถไฟฟ้า ช่วงมีนบุรี-บางขุนนนท์ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท โดยหากครม.เศรษฐกิจ อนุมัติจะเสนอครม.ชุดใหญ่ เพื่อเปิดประมูลต่อไป

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หากรถไฟฟ้าสายสีส้มได้รับการอนุมัติ ก็จะเหลือโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (งานโยธา) วงเงินราว 7.7 หมื่นล้านบาท ที่ยังรอการอนุมัติ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุญาตขอใช้ที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในการก่อสร้างโครงการบางส่วน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 20/09/2019 3:53 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
‘ศักดิ์สยาม’ ชง รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.2 แสนล้าน เข้าครม.ศก. ไฟเขียวพรุ่งนี้
ข่าวสดออนไล์ วันที่ 19 กันยายน 2562 - 21:08 น.


ศักดิ์สยาม’ ชง รถไฟฟ้าสายสีส้ม เข้าครม.ศก. วันนี้
https://www.thebangkokinsight.com/210550/

ครม.ศก.ไฟเขียวรถไฟฟ้าสีส้ม-“อนุทิน” นัดเคลียร์ PPP 100% ก่อนชง ครม.ใหญ่ 1 ต.ค.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 20 กันยายน 2562 16:21
ปรับปรุง: 20 กันยายน 2562 17:41

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ วันนี้ (20 ก.ย.) ให้ความเห็นชอบโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่ารวม 122,041 ล้านบาทแล้ว โดยมอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเพื่อสรุปรายละเอียดอีกครั้ง ในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสรุปและนำเสนอโครงการต่อที่ประชุม ครม.ในวันที่ 1 ต.ค.

ที่ประชุม ครม.ศก. ทางสำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นในเรื่องกรอบวงเงินลงทุนว่าไม่สามารถดำเนินการในปี 2562 ได้ เนื่องจากวงเงินลงทุนเกินเพดานไป 8% ดังนั้นจะให้ใช้กรอบวงเงินในปี 2563 ดำเนินโครงการ ถือว่าเรื่องการลงทุนชัดเจนแล้ว

ส่วนกระทรวงการคลัง มีความเห็นในส่วนรูปแบบการดำเนินงานกรณีให้รัฐลงทุนก่อสร้างงานโยธาเองจะถูกกว่า เพราะรถไฟฟ้าที่ผ่านมามีการดำเนินงานในหลายรูปแบบ ทั้งที่รัฐลงงานโยธาเอง หรือให้เอกชน ดังนั้นจึงอยากให้พิจารณารูปแบบที่เหมาะต่อสายสีส้มมากที่สุด

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสอบถามเรื่องประมาณการจำนวนผู้โดยสารมีความแม่นยำแค่ไหน โดยตามข้อมูล สายสีส้มด้านตะวันออกจะเปิดเดินรถในปี 2566 และเมื่อเปิดครบสมบูรณ์ทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นไปอีก 3-4 เท่า



“หลักการ ครม.ศก.เห็นด้วยในการดำเนินโครงการ ส่วนที่ติด 2 เรื่อง คือ เพดานงบลงทุนปี 2562 ตอนนี้ชัดเจนแล้ว ให้ใช้ปี 63 ซึ่งในแง่การใช้เงินยังมีเวลา เพราะมีเวลาผ่อนชำระ 10 ปี ก็เหลือรูปแบบดำเนินโครงการจะทำแบบไหน เนื่องจากเส้นทางสายสีส้ม ตะวันออก ใช้วิธีรัฐลงทุนงานโยธา ที่ประชุมจึงสอบถามว่าทางด้านตะวันตกมีเหตุผลอย่างไรในการให้เป็นเอกชนลงทุนงานโยธา งานระบบและเดินรถ รวมทั้งด้านตะวันออกกับตะวันตก ซึ่งทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้รับฟังจากที่ประชุม ครม.ศก.อยู่ด้วย ก็ต้องทำข้อมูลเตรียมอธิบายว่าทำไมการก่อสร้างงานโยธาฝั่งตะวันตกจึงไม่ทำเหมือนฝั่งตะวันออก”

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) นั้น คณะกรรมการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน (PPP ) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2562 ให้ลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost

โดยภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ช่วง บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และลงทุนค่างานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งเส้นทางด้านตะวันตก-ตะวันออก จากบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี โดยมีระยะเวลาสัญญาเดินรถ 30 ปีนับตั้งแต่ได้เริ่มเปิดให้บริการโครงการในส่วนตะวันออก จากศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี



ลุ้น ครม.เศรษฐกิจ เคาะสายสีส้มตะวันตก 1.2แสนล้าน
20 กันยายน 2562

Click on the image for full size

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันนี้เวลา 09.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระที่สำคัญคือการพิจารณามาตรการรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ

และต่อนั้นเวลา 10.30 น. พลเอกประยุทธ์ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2562 หรือ ครม.เศรษฐกิจ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยวาระที่น่าสนใจ คือ บีโอไอ จะรายงานมาตรการรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ ที่บอร์ดแล้วมารายงานให้ครม.เศรษฐกิจรับทราบ

นอกจากนี้ในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้พิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยจะเสนอขออนุมัติกรอบวงเงินลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (งานโยธา) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ รวมงานติดตั้งระบบรถไฟฟ้า ช่วงมีนบุรี-บางขุนนนท์ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท โดยหากครม.เศรษฐกิจ อนุมัติจะเสนอครม.ชุดใหญ่ เพื่อเปิดประมูลต่อไป

และนอกจากนี้กระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้า และโครงการอื่นๆ
//----------------

ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ภาคตะวันตก และเร่งคมนาคมลงทุนโครงการขนาดใหญ่ 1.94 ล้านล้านบาท (โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือรายละเอียดกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และเสนอให้ ครม. ชุดใหญ่ในสัปดาห์ต่อไป)
https://www.posttoday.com/economy/news/601297


ครม.เคาะลงทุนสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้าน
20 กันยายน 2562
Click on the image for full size


ครม.เศรษฐกิจไฟเขียวนำโครงการรถไฟสายสีส้มตะวันตกวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท เข้า ครม.ในอีกสองสัปดาห์ หวังเร่งก่อสร้างเปิดให้บริการได้ในปี 2569 ตามแผน พร้อมติดตาม 44 โครงการเมกกะโปรเจ็ค ยัน 13 โครงการวงเงิน 5.5 แสนล้านบาทอนุมัติทันรัฐบาลชุดนี้

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันนี้ (20 ก.ย.) มีมติเห็นชอบให้เสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกศูนย์วัฒนธรรม - บางขุนนนท์ วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอีก 2 สัปดาห์ โดยโครงการนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ตั้งแต่รัฐบาลก่อน โดยในวันนี้ได้มีการหารือกันถึงการก่อหนี้ผูกพันในโครงการให้ได้ตาม พรบ.วินัยการเงินและการคลังซึ่ง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณชี้แจงว่าสามารถบรรจุไว้ในโครวการลงทุนปี 2563 ได้ นายกรัฐมนตรีจึงให้เร่งรัดนำโครงการนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.โดยเร็ว เพื่อให้โครงการก่อสร้างและเปิดบริการได้ภายในปี 2569 ตามกำหนด

“การเร่งรัดโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้มีการลงทุน จ้างงาน และมีการใช้โอกาสช่วงเงินบาทแข็งค่าเร่งรัดการลงทุนซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีโดยเฉพาะการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศ จะมีต้นทุนลดลง ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวต่อไปอีกระยะ” นายกอบศักดิ์กล่าว


Last edited by Wisarut on 25/09/2019 3:48 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 25/09/2019 1:11 pm    Post subject: Reply with quote

ไฟเขียวสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้าน ดันเข้าครม.
20 กันยายน 2562

-20 ก.ย.62-นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้นำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท นำเข้าพิจารณาในการประชุมครม.ต่อไป โดยในวันนี้กระทรวงคมนาคม นำมาหารือในรายละเอียด ที่นำมาหารือเพราะเป็นโครงการที่มีวงเงินจำนวนมาก ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้หารือโดยละเอียดก่อนเสนอเข้าครม. เพื่อเปิดให้ครม.เศรษฐกิจซักถามรายละเอียด เพื่อทราบปัญหาอุปสรรคและข้อกังวลใจ ให้แก้ปัญหาได้ชัดเจน ทั้งนี้จะมีการหารือเพิ่มเติมสัปดาห์หน้า แล้วจะนำเสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุมครม.ตามปกติต่อไป

สรุปความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้ม อุโมงค์เร็วกว่าแผน 2%, เดปโป้คืบ 50
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พุธที่ 25 กันยายน 2562 เวลา 07:58 น.

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรีว่า ภาพรวมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นไปตามแผนงาน ช่วงแรกจากสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ถึงสถานีรามคำแหง 12 ในส่วนของงานขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน โดยใช้หัวเจาะซึ่งเริ่มขุดจากสถานีพระราม 9 ขณะนี้ขุดทะลุผนังสถานีวัดพระราม 9 แล้ว เตรียมมุ่งหน้าต่อไปยังสถานีรามคำแหง 12 ช่วงที่ 2 จากสถานีรามคำแหง 12 ไปยังสถานีหัวหมาก อยู่ระหว่างก่อสร้างบ่อพักก่อนนำหัวเจาะลงเพื่อขุดอุโมงค์ใต้ดิน คาดว่าจะเริ่มงานได้ต้นปี 2563


นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า สำหรับช่วงที่3 จากสถานีหัวหมาก ถึงสถานีคลองบ้านม้าเริ่มขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน จากสถานีคลองบ้านม้า มายังสถานีหัวหมาก ขณะนี้ขุดมาถึงแยกลำสาลีแล้ว คาดว่าจะถึงสถานีหัวหมากเดือน พ.ย.นี้ ผลงานเร็วกว่าแผนงานจากเดิมจะถึงเดือน ม.ค.2563 ส่วนช่วงสุดท้ายจากสถานีคลองบ้านม้า-สถานีสุวินทวงศ์ ซึ่งเป็นโครงสร้างยกระดับ ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยติดตั้งคานทางรถไฟฟ้า และคานขวางตัวสถานี สำหรับงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมและอาคารจอดและจร คืบหน้าเกือบ 50% และงานระบบราง คืบหน้าประมาณ 45% ทั้งนี้ ผลงานรวมทั้งโครงการล่าสุดจนถึงวันที่ 31 ส.ค. คืบหน้า 44.43% เร็วกว่าแผนงาน 2.02%.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 25/09/2019 7:49 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟฟ้าสีส้มไม่จบ! จ่อปรับรูปแบบรัฐลงทุนโยธา-ติง PPP 100% ทำต้นทุนสูง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: พุธที่ 25 กันยายน 2562 เวลา 19:28
ปรับปรุง: พฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2562 เวลา 09:26


รถไฟฟ้าสายสีส้มยังไม่จบ “อนุทิน” สั่งถกรูปแบบลงทุนใหม่ สรุปใน 2 สัปดาห์ หลัง คลัง-งบ ติงรัฐลงทุนโยธาต้นทุนต่ำกว่า PPP เอกชน 100% “ศักดิ์สยาม” ระบุโมเดลสีส้มจะเป็นรูปแบบลงทุนสายอื่นๆ ต้องเลือกที่ได้ประโยชน์และเหมาะสมที่สุด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (25 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญผู้แทนกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ประชุมในเรื่องรูปแบบที่เหมาะสมในการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่ารวม 122,041 ล้านบาท โดยให้เวลาประเมินข้อมูลและสรุปภายใน 2 สัปดาห์

โดยรองนายกฯ อนุทินได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานในการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือในรายละเอียดทั้งหมดและสรุปแนวทางการลงทุนที่มีความเหมาะสม ภายใต้หลักการคือ 1. ประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด 2. ภาครัฐไม่เสียเปรียบและไม่เป็นภาระงบประมาณ 3. เอกชนมีผลประกอบการที่สามารถดำเนินการได้

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง และ สบน.ได้มีความเห็นว่ารูปแบบที่รัฐลงทุนก่อสร้างงานโยธาเองจะมีต้นทุนต่ำกว่าให้เอกชนลงทุน ต้องดูข้อมูลการศึกษาให้ชัดเจน เนื่องจากหากเลือกการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้มด้านตะวันตกรูปแบบใดแล้วจะเป็นโมเดลที่จะนำไปใช้กับการลงทุนรถไฟฟ้าสายต่อไป ดังนั้นต้องเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด และเป็นมาตรฐาน ซึ่งต้องตอบให้ได้ว่ ดีและเหมาะสมอย่างไร

“ต้องอธิบายได้ว่าทำไมเลือกรูปแบบที่ให้เอกชนลงทุน 100% เพราะแนวทางของสายสีส้มจะมีผลผูกพันไปถึงการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายอื่นๆ อีกที่ควรเป็นโมเดลเดียวกัน ไม่ใช่วันนี้สายสีส้มใช้แบบนี้ ต่อไปสายสีม่วงใต้ใช้อีกรูปแบบหนึ่ง จะอธิบายอย่างไร เรื่องสำคัญคือ 3 ฝ่ายต้องไปด้วยกันได้ ประชาชน รัฐ และเอกชนผู้ประกอบการ โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนก่อน”

@“ศักดิ์สยาม” ลั่นไฮสปีด 3 สนามบิน ใครเจรจานอก RFP ต้องรับผิดชอบ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ระยะทาง 220 กม. มูลค่า 224,544.36 ล้านบาทด้วย โดยนายศักดิ์สยามกล่าวว่าได้เสนอต่อที่ประชุมให้ทำตารางแยกเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารการคัดเลือกเอกชน หรือ REQUEST FOR PROPOSAL (RFP) แต่ละข้อ และทำข้อมูลความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน รวมถึงผลการเจรจาแต่ละข้อว่าได้มีข้อยุติแล้วอย่างไร เพื่อสรุปเสนอต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 26 ก.ย.

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ที่ให้แยกหัวข้อใน RFP ทำเป็นตาราง เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าแต่ละเงื่อนไขเป็นอย่างไร ซึ่งเท่าที่รับฟังเบื้องต้น การเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (ซีพี) และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ได้ข้อยุติแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งข้อสังเกตไปว่าต้องไม่มีอะไรที่นอกเหนือจาก RFP ใครเขียนเพิ่มเติมไปก็ต้องรับผิดชอบ เพราะต้องไม่มีค่าโง่ และหากเลยกำหนดการยืนราคาวันที่ 7 พ.ย. 2562 แล้วยังไม่แล้วเสร็จ ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ


Last edited by Wisarut on 26/09/2019 10:52 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 26/09/2019 10:46 am    Post subject: Reply with quote

“อนุทิน” สั่งรื้อวิธีลงทุนสายสีส้ม เหตุรูปแบบพีพีพีใช้เงินมหาศาล
ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
พฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2562 เวลา 08:33 น.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไปหาทางออกรูปแบบการลงทุนของรัฐบาลในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม จากเดิมใช้วิธีการร่วมลงทุนระหว่างรัฐบาลและเอกชน (พีพีพี) วงเงิน 122,000 ล้านบาท แต่กระทรวงการคลังรายงานว่าถ้ารัฐลงทุนงานโยธาและเอกชนลงทุนเดินรถ รัฐจะใช้เงินเพียง 90,000 ล้านบาท จึงขอให้ไปเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ให้ชัดเจนและเลือกที่ดีที่สุดมาเสนอภายใน 2 สัปดาห์ ฉะนั้นจะยังไม่นำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 1 ต.ค.นี้

“ผมต้องการทางเลือกที่คุ้มค่ามากที่สุด ขอให้ฟันธงมาและสงสัยว่าทำไมต้องเสนอใช้วิธีพีพีพี ในเมื่อสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ยังเลือกให้รัฐลงทุนงานโยธา 80,000 ล้านบาทไปแล้ว ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลก่อนคิดยังไง แต่ตอนนี้ผมมาดูตรงนี้ ก็ต้องการให้รัฐประหยัด แต่อย่าไปพาดหัวว่าผมไม่เอาพีพีพี สิ่งที่ผมต้องการคือทางเลือกที่ดีที่สุด”

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้สั่งการให้ยึดผู้ชนะการประมูลคือกลุ่มกิจการบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งและพันธมิตร (CPH) เป็นหลัก อะไรที่ยอมเขาได้ให้ยอม อะไรที่เจรจากันไม่จบให้ยึดเอาทีโออาร์เป็นหลัก เพื่อเซ็นสัญญาให้ได้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ส่วนค่าย้ายสาธารณูปโภค 200 ล้านบาท ได้บอกให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยอมๆไปดีกว่าไม่จบ แล้วไปเอาผู้แพ้ซึ่งราคาสูงกว่า 50,000 ล้านบาท ฉะนั้นไม่เอาผู้ประมูลแพ้ เพราะเงินลงทุนจะเพิ่มและไม่เปิดประมูลใหม่

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้สั่งให้คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน แจกแจงประเด็นข้อดีข้อเสียในเอกสารให้ครบถ้วน และชี้ให้ชัดเจนว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐหรือเอกชน เพื่อนำเสนอนายอนุทินพิจารณาภายในวันนี้ (26 ก.ย.) “เรื่องเงิน 200 ล้านบาท ท่านรองนายกฯอนุทิน บอกว่า ยินดีใช้เงินส่วนตัวจ่ายให้ ถ้าเป็นประเด็นที่จะทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อประโยชน์ของประเทศและพี่น้องประชาชน”.

//------------------------------------


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังการประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) หาแนวทางการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่ารวม 122,041 ล้านบาทว่า เรื่องของเรื่องคือ แรกเริ่มเดิมที่คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้ว จะให้รัฐกับเอกชนร่วมทุนกัน ในรูปแบบของ PPP Net Cost โดยเอกชนดูแลงานด้านโยธา ส่วนรัฐดูแลเรื่องจัดการที่ดิน

แต่ต่อมา มีปัญหาเรื่องงบประมาณ กระทรวงการคลัง มีข้อเสนอว่าให้รัฐลงทุนก่อสร้างงานโยธาเองจะถูกกว่า เพราะรถไฟฟ้าที่ผ่านมามีการดำเนินงานในหลายรูปแบบ ทั้งที่รัฐลงงานโยธาเอง หรือให้เอกชน ดังนั้นจึงอยากให้พิจารณารูปแบบที่เหมาะต่อสายสีส้มมากที่สุด นำมาซึ่งการหารือในวันนี้ ซึ่งได้มอบหมายให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปหาข้อสรุป มาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ อย่าไปมองว่า ถ้าให้เอกชนรายเดียวดูแลแบบรวบยอดงานจะเสร็จเร็ว มีประสิทธิภาพ เพราะเราต้องมองเรื่องความคุ้มค่า และเรื่องเสร็จเร็ว หรือช้ามันอยู่ที่การบริหารจัดการ เราเคยสร้างมอเตอร์เวย์ ร่วมมือกันตั้งหลายบริษัท ก็สร้างเร็จก่อนกำหนด ไม่มีปัญหา อย่าลืมว่านโยบายของรัฐคือ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ส่วนเรื่องใช้งบ อย่าไปกำหนดว่ามันต้องงบปีนี้ ปีหน้า แต่รอให้ได้ข้อสรุปเรื่องการลงทุนก่อน แล้วค่อยไปว่าเรื่องงบประมาณ สี่งที่ต้องใส่ใจคือความคุ้มค่าเงินภาษีของประชาชน

“ก็แปลกใจที่มีการเสนอให้ทำสัญญาแบบ PPP ให้เอกชนลงทุนงานโยธา แต่พอไปดูให้ทั่วปรากฎว่าหลายสัญญาก่อสร้างของรัฐ ก็ให้รัฐนี่เองลงทุน อาทิ การก่อสร้างรถไฟสายสีม่วงส่วนใต้ เลยงงว่าตกลงอะไรคือความเหมาะสมที่สุด ซึ่งมันคุยกันไม่จบในวันนี้แน่ และตอนนี้ ก็ไม่ได้อยากจะพูดเรื่องงบสาธารณะ เพราะแนวทางวการลงทุนยังไม่รู้เลย อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องอื่น”

นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการให้กลุ่มบริษัท CPH มาลงนามสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินว่า วันนี้ได้หารือกับคณะกรรมการคัดเลือกโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ให้เจรจากับผู้ชนะการประกวด คือกลุ่มซีพีให้จบด้วยความเรียบร้อย ซึ่งอะไรยอมได้ หากไม่ผิดกฎหมาย ก็ให้ยอมเสีย

ในส่วนของสัญญาแนบท้าย ทั้ง 2 ฝ่ายหารือมีความเห็นร่วมกันในหลายประเด็นแล้ว ธงที่มอบให้ไป คือต้องไม่มีการประมูลใหม่ คนที่ชนะ ต้องรับงานไปทำ แต่ถ้าหากบิดพลิ้ว ก็มีโทษรออยู่
https://www.thebangkokinsight.com/213419/
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 29/09/2019 11:04 pm    Post subject: Reply with quote

รื้อแผนลงทุน 'สายสีส้ม' ต้องปราศจากข้อกังขา
ออนไลน์เมื่อ 28 กันยายน 2562
ตีพิมพ์ใน บทบรรณาธิการ
ฐานเศรษฐกิจ
ฉบับ 3509 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 29 กันยายน 2562 -2 ตุลาคม 2562


นับจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ ระยะทาง 35.9 กิโลเมตรวงเงินลงทุนรวม 122,041 ล้านบาทจะลงทุนด้วยรูปแบบใด แม้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือคณะกรรมการพีพีพี ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบในหลักการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ในรูปแบบ PPP Net Cost

อย่างไรก็ตาม หลังจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562 ที่ประชุมกลับมีมติให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลับไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เพื่อหาข้อสรุปแนวทางดำเนินโครงการที่ชัดเจนอีกครั้งว่าจะเดินหน้าลงทุนตามมติคณะกรรมการพีพีพีต่อไปหรือเปลี่ยนแนวทางการลงทุนจากเดิม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคมอธิบายถึงสาเหตุที่ต้องทบทวนการลงทุน เพราะครม.ชุดที่แล้วให้รัฐกับเอกชนร่วมทุนในรูปแบบของ PPP Net Cost โดยเอกชนดูแลงานด้านโยธา ส่วนรัฐดูแลเรื่องจัดการที่ดินแต่ต่อมามีปัญหาเรื่องงบประมาณ กระทรวงการคลัง จึงมีข้อเสนอว่าให้รัฐลงทุนก่อสร้างงานโยธาเองจะถูกกว่า เพราะรถไฟฟ้าที่ผ่านมามีการดำเนินงานในหลายรูปแบบ ทั้งที่รัฐลงทุนงานโยธาเอง หรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนจึงต้องพิจารณารูปแบบที่เหมาะต่อสายสีส้มมากที่สุด

ต้องยอมรับว่าการทบทวนโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งนี้ ทำให้ภาคเอกชนเริ่มแสดงความกังวลและจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า จะส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ด้านคมนาคมอื่นๆ ที่ครม.อนุมัติไปแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการ หรือโครงการที่คณะกรรมการพีพีพีเห็นชอบแล้ว รวมไปถึงโครงการที่รอเสนอครม.อนุมัติกว่า 1.1 ล้านล้านบาทชะงักตามด้วยหรือไม่ ดังนั้นการพิจารณาทบทวนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจึงต้องรอบคอบและมีคำอธิบายที่ชัดเจนปราศจากข้อกังขา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าโครงการต่างๆ ที่วางแผนไว้จะเดินหน้าได้อย่างราบรื่น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 02/10/2019 12:53 pm    Post subject: Reply with quote

“ภูมิใจไทย” รื้อเค้กสายสีส้ม แยกสัญญา “ก่อสร้าง-ประมูลเดินรถ”
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 2 ตุลาคม 2562 - 10:29 น.

นึกว่าจะฉลุย แต่สุดท้ายมาสะดุดตอ 2 รัฐมนตรีดูโอ้ พรรคภูมิใจไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เจ้ากระทรวงคมนาคม

พลันที่กระทรวงการคลังมีข้อสังเกตติ่งท้ายแนบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กรณีแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก “ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์”

ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอรูปแบบ PPP ทั้งโครงการให้เอกชนสร้างช่วงตะวันตกและรับสัมปทาน 30 ปี เดินรถสายสีส้มตลอดสายมูลค่า 122,041 ล้านบาท โดยรัฐจ่ายเงินอุดหนุนเอกชนไม่เกินค่างานโยธา 96,000 ล้านบาท

โดยคลังมองว่างานโยธาควรให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ จะได้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าเอกชนกู้ และที่ผ่านมารัฐลงทุนในลักษณะนี้คือรัฐลงทุนงานโยธาและเปิดประมูลหาเอกชนเดินรถ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ “อนุทิน-ศักดิ์สยาม” เคลียร์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดยังไม่เคาะ

นายอนุทินกล่าวว่า ให้นายศักดิ์สยามกลับหารือ รฟม. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สรุปแนวทางที่ชัดเจนแล้วเสนอครม.ใน 2 สัปดาห์

“ส่วนใหญ่เห็นด้วยข้อเสนอคลัง เพราะประหยัดภาระงบประมาณ แต่ รฟม.เสนอให้ PPP ทั้งก่อสร้างและเดินรถด้วย กว่า 1.2 แสนล้าน แม้กระจายความเสี่ยงลงทุน แต่ผลตอบแทนให้รัฐต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะสุดท้ายรัฐต้องจ่ายเอกชนไม่ต่างจากที่รัฐทำเอง และซอยสัญญาก่อสร้างหลายสัญญา จะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น” นายอนุทินกล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า รฟม.เลือก PPP สายสีส้มทั้งโครงการ เพื่อลดภาระงบประมาณรัฐและเแก้ปัญหารถไฟฟ้าในอดีตที่สร้างเสร็จแต่ยังเปิดเดินรถไม่ได้ ทำให้รัฐมีภาระค่าบำรุงรักษาโครงสร้าง เช่น สายสีน้ำเงินที่ไม่เชื่อมต่อกับสายสีม่วง ติดคัดเลือกเอกชนเดินรถล่าช้าไป 2-3 ปี

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า ก่อนที่บอร์ด PPP จะอนุมัติโครงการเป็นรูปแบบ PPP net cost ได้เปรียบเทียบต้นทุนระหว่างรัฐลงทุนเองกับเอกชนลงทุนงานโยธาไปแล้วได้ข้อสรุปออกมา ควรจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน เพราะรัฐมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ

ก่อนเสนอ ครม.มีความเห็นของ สบน. ระบุเป็นข้อสังเกตว่า เนื่องจากโครงการนี้ให้เอกชนลงทุนไปก่อน แล้วรัฐจะจ่ายคืนทีหลัง โครงสร้างพื้นฐานก็จะกลับมาเป็นของรัฐ แต่เวลาที่รัฐจะจ่ายเงินคืนให้เอกชน สบน. เสนอแนะว่า ควรจะใช้งบประมาณ ไม่ควรใช้เงินกู้ เพราะมีดอกเบี้ย จึงอาจจะเป็นต้นทุน 2 ต่อ เพราะเอกชนจะบวกเพิ่มเข้ามา เป็นการเสนอแนะตามหลักการก่อนเสนอเข้า ครม.อนุมัติ ก็เข้าใจได้ว่า พอเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนคนกำกับกระทรวงคมนาคม ก็คงอยากเปิดประมูลเอง และความเห็นของ สบน.ก็เลยเข้าทาง

หากคมนาคมปรับรูปแบบลงทุนใหม่ ต้องเสนอบอร์ด PPP ขอถอนโครงการกลับไปศึกษา และทำข้อเสนอให้บอร์ด PPP พิจารณาใหม่ โครงการสายสีส้ม คงต้องดีเลย์ออกไประยะหนึ่ง

ต้องติดตามที่สุดแล้วรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะเดินหน้าหรือถอยหลังนับหนึ่งใหม่ ถ้าจะรื้อจริงต้องเร่งจัดหาเอกชนมาเดินรถช่วง “ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี” ให้ทันเปิดหวูดในปี 2566 เพราะตอนนี้งานก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 45%
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 03/10/2019 11:42 am    Post subject: Reply with quote

ส่องทำเลแนวรถไฟฟ้า สายสีส้มมาแรงสุด
วันที่ 2 ตุลาคม 2562 -


คอนโดฯแห่เกาะแนวรถไฟฟ้าสายที่กำลังก่อสร้าง สีน้ำเงิน-เขียวเหนือ-เขียวใต้ ทำเลยอดฮิต พบปีนี้บิ๊กเนมปักหมุดสายสีส้มมากที่สุด

แผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ศึกษาตลาดคอนโดมิเนียมช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มีโครงการเปิดขายใหม่ประมาณ 11,059 ยูนิตเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันปี 2561 ลดลงถึง 51% แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าของปีนี้ ประมาณ 1,424 ยูนิต หรือประมาณ 14.78%

การเพิ่มขึ้นของคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่นั้นเป็นเพราะว่าผู้ประกอบการทุกรายต้องการเปิดขายและทำกิจกรรมทางการตลาดในช่วงไตรมาสที่ 3 แทนที่จะรอเปิดขายในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งอาจจะส่งผลให้แผนการพัฒนาโครงการในภาพรวมทั้งปีไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายส่วนใหญ่ ในไตรมาส 3 ปีนี้หลายโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มียูนิตขายมากกว่า 1,000 ยูนิต ตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอก ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงพระราม 9 รามคำแหง พบว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลนี้เป็นจำนวนมาก และยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบโครงการสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลดังกล่าวในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ทำเลแนวรถไฟฟ้ายังคงเป็นทำเลยอดนิยมของผู้ประกอบการ โดยมีสายสีน้ำเงินเป็นแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ผู้ประกอบการพัฒนาคอนโดมิเนียมมากที่สุดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพัฒนาแล้วกว่า 37,197 ยูนิต คิดเป็น 25.7% ซึ่งตามแผนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหลังจากที่เริ่มทดลองใช้ในช่วงหัวลำโพง – หลัก 2 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้วในปัจจุบัน ส่วนแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ จะมีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2563

พบว่า แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินยังคงมีผู้ประกอบการรายใหญ่อีกเป็นจำนวนมากที่เตรียมแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสำน้ำเงินในปีนี้ถึงแม้ว่าซับพลายคงค้างในตลาดบนแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายนี่จะยังคงมีอีกเป็นจำนวนมากก็ตาม

อีกทำเลแนวรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างต่อขยายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงก็คือ สายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต พัฒนาไปแล้วเฉียด 25,000 ยูนิต และสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ พัฒนาไปแล้วกว่า 20,000 หน่วย และสายสีส้ม ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 07/10/2019 4:26 pm    Post subject: Reply with quote



เริ่มสร้างสถานีน้อมเกล้าแล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=OAHLzzgVvWY
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42623
Location: NECTEC

PostPosted: 08/10/2019 9:56 am    Post subject: Reply with quote

"อนุทิน" นั่งหัวโต๊ะหาข้อสรุปสายสีส้มตะวันตก
7 ตุลาคม 2562 เวลา 19:01

“อนุทิน” นัดหารือรูปแบบการดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกพรุ่งนี้ ก่อนเสนอ ครม. พร้อมยืนยันหากรัฐลงทุนก่อสร้างโยธา จะช่วยลดมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้าน

วันนี้ (7 ต.ค.2562) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วงเงิน 1.28 แสนล้านบาทว่า วันพรุ่งนี้ (8 ต.ค. 2562) เวลา 9.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) มาประชุม เพื่อหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด

หลังจากกระทรวงการคลังให้ความเห็นว่า หากรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของงานโยธาเอง จะทำให้มีมูลค่าของโครงการที่ถูกลงไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้าน ยืนยันว่า หากรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของงานโยธาเองนั้น จะไม่ทำให้โครงการล่าช้า เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาไว้แล้ว

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ สนข. และ ขร. ไปพิจารณาความแตกต่างระหว่างระบบรถไฟรางหนัก (Heavy Rail) กับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) พร้อมทั้งพิจารณาข้อกังวล ทั้งในส่วนเรื่องของค่าโดยสารของประชาชน และเพดานหนี้สาธารณะด้วย
และพิจารณาเรื่องจำนวนผู้โดยสารที่ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี เมื่อรวมกับฝั่งตะวันตก จะมีจำนวนผู้โดยสารวันละ 440,000 คนนั้น มองว่าตัวเลขผู้โดยสารยังน้อยไป เนื่องจากเส้นทางดังกล่าว ผ่านใจกลางเมือง จึงสั่งการให้ รฟม. ไปอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน

“ก็ต้องมาดูว่าอันไหนถูกกว่าและดีกว่า ก็จะเสนอข้อเท็จจริง และข้อเปรียบเทียบเสนอให้ ครม.พิจารณา ซึ่งตอนนี้มี 2 รูปแบบ คือ แยกการก่อสร้างออกจากการเดินรถ แต่ปัจจุบันรวมเป็นเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) 100% ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นว่า ถ้าแยกก่อสร้างออกมาจะถูกกว่า ซึ่งความเห็นนี้มีเป็นตัวหนังสืออยู่ในรายงานการประชุม”
สำหรับกรอบในการพิจารณาโครงการนั้น จะต้องเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อตอบโจทย์ 3 กลุ่มหลักที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) คือ ประชาชน ซึ่งจะต้องได้ประโยชน์สูงสุด และรับภาระน้อยที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของอัตราค่าโดยสาร ลำดับต่อมาคือ รัฐ จะต้องมีการลงทุนน้อย และลำดับที่ 3 เอกชนที่มาลงทุนจากรัฐจะต้องได้รับผลตอบแทน

แต่หากการพิจารณาดังกล่าว ได้ข้อสรุปออกมาว่า รัฐจะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของงานโยธาเอง ก็จะถอนเรื่องกลับมาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะส่งเรื่องกลับไปยังคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟม.) ก่อนที่จะเสนอให้ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณา เพื่อส่งไปยัง ครม.ชุดใหญ่ และเข้าสู่กระบวนการ PPP เฉพาะการเดินรถต่อไป ขณะเดียวกัน ถ้าพิจารณาแล้วว่า จะดำเนินการรูปแบบเดิมตามมติ ครม.ชุดก่อนเหมาะสมกว่านั้น ก็สามารถเสนอไปยัง ครม.ชุดใหญ่ได้ทันที อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสรุปรูปแบบการดำเนินการและเสนอ ครม. ได้ภายใน ต.ค. นี้

//------------------------------

พรุ่งนี้ “อนุทิน-ศักดิ์สยาม” เคาะแผนลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม-สคร.ห่วงนับหนึ่งใหม่ทำโครงการช้า
วันที่ 7 ตุลาคม 2562 เวลา 20:59 น.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เรียกกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มาให้ข้อมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีสมตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – บางขุนนนท์ ระยะทาง 27 กม. เงินลงทุน 122,041 ล้านบาทแล้ว โดยให้กรอบไปว่าต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3 ส่วนคือ ประชาชน รัฐบาล และเอกชน

โดยกรมราง ได้นำข้อมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) มาเปรียบเทียบ ก็พบว่าทั้งสองสายเป็นระบบโมโนเรลและใช้รูปแบบการลงทุนแบบ PPP เพราะว่าระบบโมโนเรล ขบวนรถจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดรูปแบบของการสร้างราง ซึ่งไม่สามารถแยกงานโยธาออกมาได้เหมือนการทำรางหนัก (Heavy Rail)

ส่วนสนข.เสนอมิติที่เป็นข้อกังวลในประเด็นต่างๆ เช่น ค่าโดยสารที่จะจัดเก็บ, เพดานหนี้สาธารณะ เป็นต้น แต่เมื่อดูต้นทุนแล้ว หากแยกงานโยธาออกมาจะทำให้ต้นทุนของโครงการถูกขึ้น จากเดิมประมาณ 120,000 ล้านบาท จะเหลือเพียง 90,000 ล้านบาท

อีกทั้งดอกเบี้ยเงินกู้ที่ได้ก็จะถูกกว่าให้เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบด้วย แต่ข้อมูลคาดการณ์ผู้โดยสารมองว่า ยังน้อยไป เพราะข้อมูลที่นำเสนอระบุว่า เมื่อรวมผู้โดยสารทั้งสองช่วงจะมีผู้โดยสารใช้งาน 440,000 คน/วัน จึงให้สนข.ไปปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยมากขึ้น เพราะควรจะต้องมีผู้โดยสารมากกว่านี้

ส่วนอัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return: IRR) ของโครงการอยู่ที่ 9.75% แต่ไม่ส่งลกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เพราะตอนนี้เพดานอยู่ที่ 42% จากเดิมที่ให้ 60% ยังไม่มีปัญหา

ในวันที่ 8 ต.ค.จะนำข้อมูลทั้งหมดเสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณา ตัดสินใจเลือกรูปแบบการลงทุนที่ดีที่สุด หากเลือก PPP เดิม ก็เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบได้เลย แต่หากจะแยกงานโยธาออก ก็จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) รับทราบ ยืนยันว่าหากแยกงานจริงก็ไม่ทำให้โครงการล่าช้า

ด้านนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร .) กล่าวกับ”ประชาชาติธุรกิจ”ว่า หากกระทรวงคมนาคมจะเสนอแยกงานโยธาออกจากงานระบบจริง ก็จะต้องทำความเห็นเสนอให้ครม.เห็นชอบก่อน เนื่องจากเรื่องนี้อยู่ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สรค.) จัดวาระรอเสนอ ครม.แล้ว

เมื่อครม.เห็นชอบ กระทรวงคมนาคมจะต้องนำเรื่องนี้ตีกลับไปที่ รฟม. เพื่อให้รฟม.แยกงานโยธาออกจากงานระบบ โดยงานโยธาที่จะให้รัฐทำเอง จะต้องเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560

ส่วนงานระบบที่จะนำมาลงทุนแบบ PPP จะต้องตีกลับมาให้บอร์ดรฟม.อัพเดทผลการศึกษาใหม่ และต้องปรับรูปแบบโครงการให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน 2562 (พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562) ด้วย เนื่องจากเดิมโครงการนี้อยู่ในพ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 ซึ่งโครงการจะอนุมัติได้ช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมว่าจะใช้เวลาศึกษานานหรือไม่ เพราะในกระบวนการพิจารณาของ สคร. ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 – 6 เดือนแล้ว

“ที่เรื่องนี้เป็นประเด็น ก็เนื่องจากในขั้นตอนขอรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอครม. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มีความเห็นว่า หากแยกงานโยธาออกมาให้รัฐทำเอง จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ลงได้มาก เพราะการทำ PPP รัฐอาจจะต้องชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้เอกชน ในกรณีที่เอกชนไปกู้เงินมาทำโครงการ แต่ สบน.บอกว่าไม่คัดค้านแค่มีข้อสังเกตเท่านั้น จึงเป็นประเด็นที่ประชุมครม.เศรษฐกิจสั่งการให้ทบทวนโครงการนี้ในที่สุด”

นายประภาศ กล่าวอีกว่า จริงๆแล้ว สคร.เคยทำความเห็นชี้แจง สบน.แล้วว่า การร่วมทุนแบบ PPP จะทำให้รัฐไม่ต้องมีภาระงบประมาณมาก ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เอกชนได้รับจะสูงและรัฐต้องชดเชยนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องชดเชยในคราวเดียว สามารถแบ่งชำระได้ ไม่เป็นภาระงบประมาณแน่นอน



//--------------------------

'อนุทิน' เรียกประชุม 8 ต.ค. เร่งสรุปสายสีส้ม เล็งรื้อแผนหั่นต้นทุนหมื่นล้าน
วันที่ 7 ตุลาคม 2562 เวลา 20:11 น.

คมนาคม เชื่อรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมยอดผู้โดยสารจ่อทะลุ 4.4 แสนคนต่อวัน เตรียมขยับแผนลงทุนแยกงานโยธา ลดค่าใช้จ่าย ชูค่าโดยสารถูกเป็นเกณฑ์เลือกเอกชนลงทุน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วงเงิน 1.28 แสนล้านบาท หลังจากกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นว่าหากรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของงานโยธาเองจะทำให้มีมูลค่าของโครงการที่ถูกลงไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 10% ของวงเงินค่าก่อสร้างทั้งหมด 90,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ยืนยันว่า หากรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของงานโยธาเองนั้นจะไม่ทำให้โครงการล่าช้า เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาไว้แล้ว พร้อมกันนี้ยังมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ กรมขนส่งทางราง(ขร.) ไปพิจารณาความแตกต่างระหว่างระบบรถไฟรางหนัก (Heavy Rail)กับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว(Monorail)พร้อมทั้งพิจารณาข้อกังวลทั้งในส่วนเรื่องของค่าโดยสารของประชาชน และเพดานหนี้สาธารณะด้วย

ขณะที่ในส่วนของจำนวนผู้โดยสารที่ระบุว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรีเมื่อรวมกับฝั่งตะวันตก จะมีจำนวนผู้โดยสาร 440,000 คนต่อวัน นั้น ตนมองว่าตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าความเป็นจริงเพราะตนเชื่อว่าผู้โดยสารจะมากกว่านี้เนื่องจากเส้นทางดังกล่าว ผ่านใจกลางเมือง จึงสั่งการให้ รฟม.ไปอัพเดทข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน

“หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ฝ่ายเศรษฐกิจให้กลับมาทบทวนโครงการรถไฟสายสีส้มว่าจะใช้รูปแบบไหน ก็ต้องมาดูว่าอันไหนถูกกว่าและดีกว่า ก็จะเสนอข้อเท็จจริงและข้อเปรียบเทียบเสนอให้ ครม.พิจารณา ซึ่งตอนนี้มี 2 รูปแบบคือ แยกการก่อสร้างออกจากการเดินรถ แต่ปัจจุบันรวมเป็นเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)100% ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นว่าถ้าแยกก่อสร้างออกมาจะถูกกว่าซึ่งความเห็นนี้มีเป็นตัวหนังสืออยู่ในรายงานการประชุม”นายศักดิ์สยาม กล่าว

สำหรับกรอบการพิจารณาโครงการนั้นจะต้องเรียงลำดับความสำคัญในการประมูลชิงเค้กโครงการ เพื่อตอบโจทย์ 3 กลุ่มหลักที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder)คือ ลำดับที่
1. ประชาชนจะต้องได้ประโยชน์สูงสุดและรับภาระน้อยที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของอัตราค่าโดยสาร ลำดับที่
2. รัฐจะต้องมีการลงทุนน้อย และลำดับที่ 3. เอกชนที่มาลงทุนจากรัฐจะต้องได้รับผลตอบแทน

ทั้งนี้ในวันที่ 8 ต.ค. 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาประชุมร่วมกันถึงโครงการดังกล่าวเพื่อหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดต่อไป หากได้ข้อสรุปออกมาว่ารัฐจะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของงานโยธาเอง จะถอนเรื่องกลับมาเพื่อพิจารณาอีกครั้งจากนั้นจะส่งเรื่องกลับไปยังคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟม.) ก่อนที่จะเสนอให้ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณา เพื่อส่งไปยัง ครม.ชุดใหญ่และเข้าสู่กระบวนการ PPP เฉพาะการเดินรถต่อไป ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาแล้วว่า จะดำเนินการรูปแบบเดิมตามมติครม.ชุดก่อนเหมาะสมกว่านั้น ก็สามารถเสนอไปยัง ครม.ชุดใหญ่ได้ทันที โดยคาดว่าจะสรุปรูปแบบการดำเนินการและเสนอ ครม. ได้ภายใน เดือนต.ค. นี้


__________________

ถกรื้อโมเดลรถไฟฟ้าสีส้ม-แยกงานโยธา ลดต้นทุนหมื่นล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 7 ตุลาคม 2562 เวลา 20:41
ปรับปรุง: 8 ตุลาคม 2562 เวลา 08:43


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ได้มอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สรุปรายละเอียดเรื่องรูปแบบการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่ารวม 122,041 ล้านบาท ภายหลังจากกระทรวงการคลังมีความเห็นว่ากรณีภาครัฐลงทุนงานโยธาเองจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าให้เอกชนลงทุนงานโยธาและระบบเดินรถรวมกันทั้ง 100%

วานนี้ (7 ต.ค.) ตนได้หารือกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ( สนข.) และกรมการขนส่งทางรางเพื่อพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นหากรัฐแยกงานโยธามาลงทุนเองจะทำให้ต้นทุนโครงการรวมลดลงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะประมวลข้อมูลทั้งหมดรายงานต่อนายอนุทินที่จะประชุมเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ (8 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหาข้อสรุปของรูปแบบที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ หากสรุปว่าใช้รูปแบบเดิม PPP 100% คือให้เอกชนลงทุนทั้งก่อสร้างงานโยธาและระบบบริหารเดินรถสายสีส้มตะวันออกและตะวันตกเหมือนเดิมซึ่งคณะกรรมการ PPP เห็นชอบแล้วจะเสนอ ครม.ได้ทันที แต่หากสรุปว่ารัฐควรแยกงานออกมาลงทุนเองจะต้องเสนอ ครม.ศก.เพื่อรายงานและเสนอ ครม.ให้พิจารณาและนำเรื่องกลับมาดำเนินการทบทวนใหม่ รวมถึงต้องเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทบทวนมติเดิมที่เห็นชอบดำเนินโครงการแบบร่วมทุนเอกชน (PPP) 100% เป็นรัฐลงทุนงานโยธาเอง และเอกชนลงทุนงานระบบและบริหารการเดินรถ

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า แม้จะปรับรูปแบบใหม่เป็นรัฐลงทุนโยธาเอง มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลทำให้โครงการต้องล่าช้า โดยเชื่อว่าในเดือน ต.ค.นี้จะสามารถนำเสนอ ครม.ขออนุมัติในส่วนของงานโยธาได้ ส่วนบอร์ด รฟม.ก็อยู่ระหว่างเสนอแต่งตั้งชุดใหม่แล้ว ดังนั้น เมื่อบอร์ด รฟม.เห็นชอบปรับรูปแบบการลงทุนแล้วจะเสนอส่วนของงานโยธาเข้า ครม.ได้เลย เพราะมีการออกแบบไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประมาณการจำนวนผู้โดยสาร จากการศึกษาเดิมในปีที่เปิดให้บริการส่วนของ สายสีส้มตะวันออก คาดว่าจะมีผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 1 แสนคนต่อวัน และหากเปิดให้บริการสายสีส้มด้านตะวันตกจะทำให้ตลอดสายมีผู้โดยสารรวมเพิ่มเป็น 4.4 แสนคนต่อวันนั้น เห็นว่าเป็นจำนวนที่อาจจะน้อยไป ซึ่ง รฟม.จะต้องอัปเดตข้อมูลจำนวนผู้โดยสารใหม่อีกครั้ง

“ในการเลือกรูปแบบการลงทุนนั้นจะมีกรอบในการพิจารณาจากผู้เกี่ยวข้อง 3 ส่วน คือ ประชาชน, ภาครัฐ, เอกชน โดยต้องมุ่งที่ประชาชนจะต้องได้รับบริการที่ดี มีค่าโดยสารที่เหมาะสม ส่วนภาครัฐจะต้องลงทุนเท่าไร ส่วนเอกชนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแค่ไหนจึงเหมาะสม

ชง 'อนุทิน' ตัดสินชะตา 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม' เผยแยกสัญญาใหม่ถูกลง 3 หมื่นล้านบาท
https://www.thebangkokinsight.com/219811/

รมว.คมนาคม เผย"อนุทิน"นัดเคาะรูปแบบลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม คง PPP หรือแยกงานโยธา
ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) --
อังคารที่ 8 ตุลาคม 2562 เวลา 09:09:02 น.

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีการหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ถึงรูปแบบการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่ารวม 122,041 ล้านบาท เพื่อหาข้อสรุป หลังจากกระทรวงการคลังมีความเห็นกรณีภาครัฐลงทุนงานโยธาเองจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าให้เอกชนลงทุนลงทุนงานโยธาและระบบเดินรถรวมกันทั้ง 100%

ทั้งนี้ ตนได้หารือกับ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรมการขนส่งทางราง เพื่อพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นหากรัฐแยกงานโยธามาลงทุนเอง จะทำให้ต้นทุนโครงการรวมลดลงกว่า 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากจะใช้รูปแบบเดิม PPP 100% คือให้เอกชนลงทุนทั้งก่อสร้างงานโยธาและระบบบริหารเดินรถสายสีส้มตะวันออกและตะวันตกเหมือนเดิมซึ่งคณะกรรมการ PPP เห็นชอบแล้ว จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ทันที แต่หากสรุปว่ารัฐควรแยกงานออกมาลงทุนเอง จะต้องเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เพื่อรายงานและเสนอครม.ให้พิจารณาและนำเรื่องกลับมาดำเนินการใหม่ และเสนอบอร์ดรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทบทวนมติเดิม PPP 100% เพื่ออนุมัติเป็นรูปแบบใหม่
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 19, 20, 21 ... 89, 90, 91  Next
Page 20 of 91

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©