Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311277
ทั่วไป:13258759
ทั้งหมด:13570036
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ร.5 กับการเสด็จฯ ทางรถไฟ
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ร.5 กับการเสด็จฯ ทางรถไฟ
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 03/11/2015 9:46 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ส่วนการเสด็จฯเปิดรรถไฟสายแปดริ้วและการเสด็จเมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 24 มกราคม รศ. 126 ( นับอย่างใหม่ต้องปี 2451 ) นั้น ได้เขียนไว้แล้ว ค้นดูก็จะเจอ เพราะผมดูดมาที่นี่ด้วย Very Happy Laughing


นี่ครับ จดหมายเหตุ เรื่อง เปิดรถไฟสายตะวันออกและสายเหนือ และ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองฉะเชิงเทรา - ซึ่งเป็น บันทึกเหตุการณ์การเสด็จพระราชดำเนินเปิดรถไฟสายตะวันออก(ถึง ฉะเชิงเทรา)และสายเหนือ(ถึงพิษณุโลก) ณ พลับพลาพระราชพิธีสถานีรถไฟกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 มกราคม ร.ศ. 126 เวลาเช้า 3 โมงเศษ แล้วเสด็จพระราชดำเนินด้วยรถไฟพิเศษสายตะวันออกผ่านสถานีบางกระสัน (มักกะสัน) คลองแสนแสบ (คลองตัน) บ้านหัวหมาก บ้านทับช้าง สถานีที่ 2 (สถานีคลองสอง - ปัจจุบันคือสถานีลาดกระบัง) หัวตะเข้ คลองหลวงแพ่ง คลองพระยาเดโช (สถานีเปรง) ถึงสถานีฉะเชิงเทรา เวลาเช้า 5 โมงเศษ เสด็จลงจากรถไฟพระที่นั่งแล้วเสด็จลงเรือประทับล่องไปตามลำน้ำบางปะกงถึง ที่ว่าการมณฑล เสด็จประทับห้องประชุม พระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำเมือง แล้วจึงเสด็จประทับเรือพระที่นั่ง ประทับแรม ณ ตำหนักพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นมรุพงศ์ศิริพัฒน์เพื่อประพาสเมืองฉะเชิงเทรา
วันที่ 30 มกราคม ร.ศ. 126 เวลาเช้า 2 โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินกลับพระนคร โดยเสด็จประทับในเรือพระที่นั่งแจวขึ้นไปตาม แม่น้ำบางปะกง เข้าลองท่าไข คลองนครเนื่องเขตร เวลาค่ำประทับแรมที่วัดปากบึงในคลองนั้น รุ่งเช้าเสด็จพระราชดำเนินเข้าคลองแสนแสบ เวลาค่ำประทับแรมที่เมืองมีนบุรี เวลาเช้าเสด็จพระราชดำเนินจากเมืองมีนบุรีมาตามคลองแสนแสบ ถึงประตูน้ำ ปทุมวัน เสด็จฯ มาตามคลองมหานาค เลี้ยวไปตามคลองผดุงกรุงเกษม เลี้ยวเข้าคลองเม่งเสง ไปเสด็จขึ้น ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เวลาบ่าย 5 โมงเศษ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 01/02/2016 8:31 pm    Post subject: Reply with quote

วันนี้คุณพิเชษฐ์ไปค้นเจอของดีมา ต้องพูดถึงหน่อย

Pichet Chamneam wrote:
จากบันทึก"ฟื้นความหลัง" โดย เสถียรโกเศศ
สถานีรถไฟกรุงเทพ สถานีเดิมอยู่ถัดจากสะพานนพวงศ์ไม่ไกลนัก ปัจจุบันเป็นทางรถไฟไปแล้ว
ตัวสถานีรถไฟเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว ทาสีเหลือง ๆ มอ ๆ รูปทรงเป็นเรือนหลังคาปั้นหยา มีระเบียงดูเหมือนรอบตัว ถ้าผิดก็เป็นระเบียงสองด้านหน้าหลังเท่านั้น ส่วนระยะพื้นเรือนลงมาจนพื้นดิน ซึ่งเรียกว่า ล่องถุนมีระยะสูงมากกว่าเรือนธรรมดาเล็กน้อย เดินลอดเข้าออกได้สะดวก
ห้องขายตั๋วรถไฟ เข้าใจว่าอยู๋ในบริเวณนี้ด้วย พื้นทั้งหมดปูอิฐหรือลาดซิเมนต์ สมัยนั้นเรียก "สเตชั่นรถไฟ" คนสามัญเรียกว่า "สเตแท่นรถไฟ" หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "สเตแท่น" ก็เข้าใจกันดี

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1257482304265832&set=a.109195855761155.16402.100000122231436&type=3
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44465
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/10/2017 1:40 pm    Post subject: Reply with quote

ตามรอย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จฯประพาสเมืองโคราช ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเปิดทางรถไฟ สายนครราชสีมา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2443
เนื้อหาโดยสรุป (เส้นทาง และสถานที่เสด็จฯ)
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2443 (รศ.119)
เวลาเช้า 1 โมง 25 - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟ ออกจากกรุงเทพฯ มายังเมืองนครราชสีมา
เวลาเช้า 4 โมงเศษ - เสด็จฯถึงแก่งคอย ทรงเสวยกลางวัน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ที่ตามเสด็จ
- ถึงปากช่อง หยุดแวะเติมน้ำลงหม้อน้ำ(รถจักร) แล้วเดินทางต่อไป
- ถึงหลักศิลาที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนิน(มอหลักหิน) อยู่ข้างทางถัดสีคิ้วขึ้นไป รถหยุดแวะ ทรงเสด็จฯทอดพระเนตรหลักศิลา แล้วเสด็จฯเดินทางต่อ
- ถึงช่วงตำบลโคกกรวด เจ้าพนักงานกรมรถไฟจุดดินระเบิดศิลาถวาย เมื่อทอดพระเนตรแล้วจึงออกเดินทางต่อไป
เวลาบ่าย 4 โมงเศษ - เสด็จฯถึงเมืองนครราชสีมา อันเป็นที่สุดของทางรถไฟ ในที่นี้ พระเจ้าน้องยาเธอกรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยข้าหลวง และข้าราชการมณฑลนครราชสีมา และมณฑลใกล้เคียง มาคอยเฝ้ารับเสด็จเป็นอันมาก
- เสด็จมาตามทางถนนเข้าในตลาด ไปออกถนนราชดำเนินหน้ากำแพงเมือง ตรงมาพลับพลาค่ายหลวง(ค่ายสุรนารี ในปัจจุบัน) เสด็จลงจากม้าพระที่นั่ง ประพาสตามสนามหญ้าในบริเวณหน้าพลับพลาค่ายหลวง พระราชทานเสมาผูกคอเด็ก แก่บุตรข้าราชการ และราษฎรชาวเมือง
- ระหว่างหนทางที่เสด็จพระราชดำเนิน ราษฎร พ่อค้า ชาวตลาด ได้ตั้งโต๊ะเครื่องบูชาตลอดทาง พระสงฆ์จากวัดต่างๆ ในเมือง สวดชยันโตถวายชัยมงคล มีการเล่นเต้นรำของชนชาวเมืองตลอดทาง
- ในเวลาค่ำวันนี้ เสด็จออกทอดพระเนตรเพลง แล้วเสด็จขึ้นที่ประทับพัก เวลา 4 ทุ่ม
วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2443 (รศ.119)
เวลาเช้า 2 โมงเศษ - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพลับพลาในค่ายหลวง(ค่ายสุรนารี ในปัจจุบัน) ทรงม้าพระที่นั่งเสด็จไปทางถนนราชดำเนินหน้ากำแพงเมือง เลี้ยวเข้าประตูชุมพล ประพาสตามถนนในเมือง ตรงไปเลี้ยวถนนกำแหง ไปประทับที่ศาลาว่าการมณฑล(ศาลากลางจังหวัด) แล้วทอดพระเนตรที่ต่างๆในบริเวณนั้น
- เสด็จฯไปประพาสวัดกลาง(วัดพระนารายณ์มหาราช) เสด็จขึ้นบนวิหารใหญ่... เสด็จข้ามสะพานไปทอดพระเนตรอุโบสถอันตั้งอยู่กลางสระบัวด้านตะวันออก เสด็จเข้าในอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธรูป
- เสด็จฯไปหอนารายณ์(เทวสถานศาลพระนารายณ์) ทรงทอดพระเนตรเทวรูปต่างๆ ทรงจุดเทียนทองเทียนเงินบูชาเทวรูป
- เสด็จฯ ประพาสตามร้านขายผ้า และสิ่งของต่างๆ ...
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2443 (รศ.119)
เวลาเช้าโมงเศษ - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงม้าจากพลับพลาในค่ายหลวง(ค่ายสุรนารี ในปัจจุบัน) ไปตามถนนราชดำเนิน เลี้ยวเข้าประตูชุมพล ออกประตูพลแสนด้านเหนือ ตามทางที่เสด็จฯ มีพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ปลูกปะรำตั้งเครื่องบูชา สวดถวายชัยมงคล เมื่อถึงพลับพลาที่ประทับร้อนที่กระทาเกลือ เสด็จไปทอดพระเนตรชาวบ้านทำเกลือสินเธาว์
- เสด็จฯไปประพาสวัดพนมวัน (ปราสาทหินพนมวัน) ทอดพระเนตรวิหารโบราณ แล้วทรงจารึกพระบรมนามาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ในแผ่นศิลาฝาผนังวิหาร แลมีอักษรว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมื่อ รัตนโกสินทรศก ๑๑๙ แสดงวันตามจันทรคติ วัน ๒ เดือน ๒ ขึ้น ๔ค่ำ พุทธศักราช ๒๔๔๓ จุลศักราช ๑๒๖๒”
- เสด็จฯประทับพลับพลาที่ประทับร้อน ทรงแจกเสมาแก่บุตรราษฎร แล้วเสวยกลางวัน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ที่ตามเสด็จ แลมีการเลี้ยงข้าราชการด้วย
- เสด็จฯประทับทอดพระเนตร แห่บ้องไฟ แลตีกลองประชัน เรียกว่า ตีกลองเสง เป็นของข้างมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วมีพระราชดำรัสด้วยเจ้านาย ข้าราชการที่ตามเสด็จ
- เวลาบ่าย ทรงม้าพระที่นั่ง เสด็จฯกลับตามทางเดิม มาพลับพลาค่ายหลวง
- เวลาค่ำ เสด็จฯออกประทับหน้าพลับพลา ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่ข้าราชการ แลพระราชทานสัญญาบัตรฝ่ายทหาร สัญญาบัตรพลเรือน แล้วประทับทอดพระเนตรการเล่นต่างๆ ของชาวโคราช อยู่จนเวลา 4 ทุ่ม แล้วเสด็จขึ้น
ขอบคุณ ภาพเอกสารจาก - สัมพันธ์ รัตนจันทร์
ที่มาเอกสารจาก - จดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนินเปิดทางรถไฟ สายตะวันออกเฉียงเหนือ สมัย ร.5 (พระนิพนธ์ของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ)
เรียบเรียงสรุปข้อมูลโดย - เพจ โคราชในอดีต

Arrow https://www.facebook.com/korat.in.the.past/posts/1503861953015898
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 16/10/2019 3:16 pm    Post subject: Reply with quote

วันเสาร์ขึ้นสิบค่ำเดือนสิบ ปีวอกสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๗๐ ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๕ กันยายน ๑๒๗

เวลาบ่ายฝนตกไม่ได้เสด็จประพาศ เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งอภิเศกดุสิต เวลายามเศษเสด็จขึ้น

​วันนี้เวลาเช้าสมเด็จพระบรมราชินีนารถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จรถไฟพิเศษไปประพาศอรัญญิกแลพระนครหลวง เวลาบ่ายเสด็จกลับ

วันนี้เวลาบ่ายพระอรรคชายาเธอ ทรงพระศรัทธามีเทศน์ที่ท้องพระโรงเรือนต้นกัณฑ์หนึ่ง

จาก จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๗๐

วันศุกร์ขึ้นเจ็ดค่ำเดือนยี่ ปีมะแมนพศกศักราช ๑๒๖๙ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๑๒๖ (ปีที่ ๔๐)

ด้วยทางรถไฟสายตวันออกซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๒๔ แลทางสายเหนือซึ่งได้ทำต่อขึ้นไปตอนแต่นครสวรรค์ถึง​พิศณุโลกแล้วพอที่จะเปิดเดินรถได้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แต่งการเปิดเดินรถไฟทั้งสองสายนี้ แลในการเปิดรถคราวนี้จะเสด็จประทับแรม ณ เมืองฉเชิงเทราเยี่ยมเยือนมณฑลนี้ด้วย วันนี้เป็นวันกำหนดเปิดรถไฟแลจะเสด็จประทับแรม ณ เมืองฉเชิงเทรานั้น เวลาเช้า ๓ โมงเศษได้เสด็จไปประทับ ณ พลับพลาโรงราชพิธีที่สนามสเตชั่นรถไฟกรุงเทพ ฯ มีพระราชดำรัสสั่งให้เปิดรถไฟทั้งสองสายนี้ให้เป็นอันใช้เดินได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เปนต้นไปแล้ว เสด็จขึ้นประทับรถพิเศษซึ่งจะได้เดินในสายตะวันออกที่น่าพลับพลาโรงราชพิธีนี้ เวลาเช้า ๓ โมง ๒๐ นาที รถไฟสายเหนือแลสายตวันออกซึ่งเสด็จพระราชดำเนินด้วยนี้ได้ออกเดินเปนฤกษ์พร้อมกัน เมื่อถึงทางแยกรถไฟสายเหนือได้เดินตรงไปทางเหนือตลอดถึงพิศณุโลก ส่วนรถไฟสายตวันออกซึ่งเสด็จพระราชดำเนินแยกไปทางตวันออกผ่านสเตชั่นต่างๆ คือ สเตชั่นบางกระสัน คลองแสนแสบ บ้านหัวหมาก บ้านทับช้าง คลองที่สอง หัวตะเข้ คลองหลวงแพ่ง คลองพระยาเดโช คลองบางพระ ถึงสเตชั่นแปดริ้วเวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จลงที่สเตชั่นนี้ทรงพระดำเนินมาลงเรือพระที่นั่งประทีปทัศนาการที่ท่าริมแม่น้ำบางปะกงตรงหลังสเตชั่นลงมาๆ เสด็จขึ้นที่ท่าน่ามณฑล เสด็จขึ้นประทับที่ศาลาว่าการมณฑล มีการพิธีรับเสด็จในที่นี้ ครั้นแล้วเวลาเที่ยงเศษเสด็จทรงเรือพระที่นั่งกลไฟประทีปทัศนาการออกจากท่านั้นมาเสด็จขึ้นประทับ ณ ตำหนักพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ซึ่งจัดไว้เปนที่ประทับแรม เวลาบ่าย ๕ โมง ๒๐ นาทีเสด็จทรงเรือพระที่นั่งพายแต่ตำหนักที่ประทับแรมพายขึ้นไปประพาศทางเหนือน้ำ เข้าคลองท่าไข่ไปจนถึงประตูน้ำ แล้วเสด็จกลับตามทางเดิม มาประทับ ณ สพานน้ำน่าตำหนักที่ประทับแรมนั้น เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๖๙

วันเสาร์แรมหกค่ำเดือนสามปีมะแมนพศกศักราช ๑๒๖๙ ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๑๒๖ (ปีที่ ๔๐)

วันนี้ โปรดให้ชักศพเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์กับท่านผู้หญิงอู่มาทำการพระราชทานเพลิงในเมรุวัดเทพศิรินทร์ต่อไป เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้ชักศพทั้งสองนี้แต่เมืองเพ็ชรบุรีมาทางรถไฟ เวลาค่ำชักศพแต่สเตชั่นรถไฟบางกอกน้อย มาด้วยเรือม่านดาวกระจาย เข้าคลองผดุงกรุงเกษมเทียบท่าน่าวัดเทพศิรินทร์ ยกศพทั้งสองขึ้นตั้งเหนือเสลี่ยงแปลง ศพเจ้าพระยาสุรพันธ์ประกอบโกษไม้สิบสอง ศพท่านผู้หญิงอู่ประกอบโกษ ๘ เหลี่ยม มีเสลี่ยงโถงพระราชมุนีนำศพ แลมีเสลี่ยงโถงโปรยแลโยงเดินกระบวนแห่มารออยู่ที่ประตูสุสานด้านใต้ ในวันนี้เวลาบ่ายราว ๕ โมงครึ่งได้เสด็จไปประทับที่ที่เมรุจนเวลาทุ่มหนึ่งเสด็จกลับ ครั้นเวลายามเศษได้เสด็จไปประทับ ณ ศาลาดำรงธรรม โปรดให้เดินกระบวนเข้าเวียนเมรุ ในเวลานี้มีหนัง ๒ โรง ลงมือเล่นพร้อมกัน พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเวียนเมรุ แล้วยกโกษศพทั้งสองขึ้นตั้งบนชั้นแว่นฟ้า ๒ ชั้น มีฐานเขียงรอง มีเครื่องตั้งศพทรงจัดมาจากข้างในเปนพิเศษที่ชั้นแว่นฟ้า​ตั้งเครื่องเงิน ที่ม้าหมู่ตั้งเครื่องบรอนแลเครื่องถ้วย ตั้งศพเสร็จแล้วเสด็จประทับในเมรุ ทรงทอดผ้าไตรเปนส่วนพิเศษ บังสุกุลทั้ง ๒ พระศพรวมไตรพระสงฆ์ มีพระเทพกระวีเปนประธานบังสุกุลแล้ว เสด็จประทับเสวยเครื่องว่างที่ศาลาดำรงธรรม โปรดให้มีดอกไม้เพลิง เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จกลับวังสวนดุสิต

จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๖๙


วันจันทร์ขึ้นหกค่ำเดือนห้า ปีวอกยังเปนนพศกจุลศักราช ๑๒๖๙ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๖ เมษายน ๑๒๗

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนนครราชสีมา ซึ่งออกไปทรงศึกษาวิชา ณ ประเทศยุโรปขอพระบรมราชานุญาตกลับเข้ามากรุงเทพฯ ชั่วคราว โปรดให้กลับเข้ามาพร้อมกับพระยาวิสูตรโกษาซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เข้ามาเยี่ยมบ้านชั่วคราว นายอาจนักเรียนได้ตามเสด็จเข้ามาด้วย การเสด็จกลับนี้โปรดให้ข้าราชการหลายนายนำเรือมกุฎราชกุมารออกไปรับที่สิงคโปร์ วันนี้เวลาทุ่มเศษเรือมกุฎราชกุมารได้มาถึงเมืองสมุทปราการ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอได้เสด็จประทับรถไฟพิเศษถึงสเตชั่นหัวลำโพง เวลาทุ่ม ๔๕ นาที ได้มาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ที่พระที่นั่งอัมพรสถานแลเฝ้าสมเด็จพระบรมราชินีนารถ แล้วเสด็จไปประทับอยู่ตำหนักอัมพวาในสวนดุสิตต่อไป

จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๖๙
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 16/10/2019 7:16 pm    Post subject: Reply with quote

วันพฤหัสบดี แรมสองค่ำเดือนสาม ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๑๕ (ปีที่ ๒๙)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนานำบอก พระยาเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ ปลัดเมืองเพชรบุรี ผู้ว่าการแทนข้าหลวงเทษาภิบาลมณฑล สำเร็จราชการมณฑลเมืองเพชรบุรี ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่าได้รับหนังสือหลวงอร่ามเรืองฤทธิ ยกรบัตรผู้รักษาเมืองสมุทสงคราม ลงวันที่ ๒๕ มกราคม ร,ศ, ๑๑๕ ​ว่านายพริ้งลอบแทงเอานายชั้นตาย ได้ตัวนายพริ้งมาถามให้การสารภาพรับเปนสัตย์ จึ่งส่งตัวนายพริ้งมาปฤกษาโทษตามกฎหมาย

แล้วดำรัสถามพระยามหาโยธาว่า หายหน้าไปเจ้าป่วยเปนอไร พระยามหาโยธากราบบังคมทูลว่าป่วยเปนไข้

แล้วดำรัสถามพระยาสฤษพจนกรว่า กรมหมื่นดำรงมาถึงไหนจะกลับเมื่อไร
ได้ตีโทรเลขมาฤๅปล่าว พระยาสฤษพจนกรกราบบังคมทูลว่า เวลาพรุ่งนี้จะเสด็จลงรถไฟที่ปากเพรียว


วันอาทิตย์แรม ๑๒ ค่ำเดือน ๓ ปีวอกอัฐศก ๑๒๕๘ ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทรศก ๑๑๕ (ปีที่ ๒๙)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาราชเสนากระทรวงมหาดไทย นำบอกหลวงสรรพ์สารกิจฃ้าหลวงผู้ว่าราชการบริเวนนางรอง ขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่าวันที่ ๒๒ มกราคม ร.ศ. ๑๑๕ มีอ้ายผู้ร้าย ๔ คนขี่ช้างสีดอสูงสี่ศอกมาหนึ่งช้าง กำนันอำเภอแลผู้ใหญ่บ้านไล่จับตัวอ้ายผู้ร้ายหาได้ไม่ อ้ายผู้ร้ายทิ้งช้างให้แล้วก็หนีไป อ้ายผู้ร้ายรูปพรรณ์เปนลาวบ้างเปนตองซูบ้าง

จึ่งดำรัสถามกรมหมื่นดำรงว่า หลวงรังสรรพ์สารกิจนี้หลวงอไรกรมการหรือมิไชย กรมหมื่นดำรงกราบบังคมทูลว่า หลวงสัญญาบัตรที่กรมหลวงพิชิตคิดชื่อถวายที่เกาะสีชัง แล้วดำรัสถามกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดาว่า จะเปิดทางรถไฟเมื่อไรแน่ กรมหมื่นพิทยลาภกราบบังคมทูลว่า กำหนดในวันที่ ๒๖ มีนาคม จึงดำรัสถามต่อไปว่ากำหนดทางรถไฟไปถึงไหน กรมหมื่นดำรงกราบบังคมทูลว่า ทำไปถึงหินลับ เปนการลำบากที่หินลับเท่านั้น - ในเวลานั้นสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพ ฯ ไปนครราชสีมา ทางรถไฟช่วงแรกจากกรุงเทพถึงอยุธยาสำเร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปิดทางรถไฟตอนนี้ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงประกอบพิธีตรึงหมุดที่รางทองรางเงินให้ติดกับหมอนไม้มริดคาดเงินมีอักษรจารึกเป็นฤกษ์

จาก:จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-จุลศักราช-๑๒๕๗-๑๒๖๐/เดือน-๓-จุลศักราช-๑๒๕๘
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 16/12/2019 11:11 am    Post subject: Reply with quote

18 มีนาคม 2448 เสด็จเปิดถนนถวาย ที่ท่าฉลอม งานนี้เสด็จพระราชดำเนินทางรถไฟ จากคลองสานไปมหาชัยแล้วประทับเรือพระที่นั่งข้ามฟากไปท่าฉลอมด้วย
https://www.facebook.com/wisuwatbr1/posts/2645180985568850
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 23/12/2019 10:36 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
Wisarut wrote:
ส่วนการเสด็จฯเปิดรรถไฟสายแปดริ้วและการเสด็จเมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 24 มกราคม รศ. 126 ( นับอย่างใหม่ต้องปี 2451 ) นั้น ได้เขียนไว้แล้ว ค้นดูก็จะเจอ เพราะผมดูดมาที่นี่ด้วย Very Happy Laughing


นี่ครับ จดหมายเหตุ เรื่อง เปิดรถไฟสายตะวันออกและสายเหนือ และ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองฉะเชิงเทรา -

ดูนี่ก็ได้
https://www.facebook.com/pichet.chamneam/posts/4135828479764519


Last edited by Wisarut on 18/11/2020 8:53 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 08/04/2020 2:39 pm    Post subject: Reply with quote

จาก จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-ปีมะเมีย-จศ-๑๒๕๖

วันที่ ๗ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๔
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จทรงรถไฟจากพระราชวังบางปอิน มาประทับที่สะเตชันรถไฟน่าวัดเทพศิรินทราวาศข้าม พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา ทรงนำพระยาสโมสรสรรพการ๑ ถวายบังคมลาออกไปตรวจสายโทรเลขทางเมืองทวาย มีพระราชดำรัสไต่ถามด้วยตามสมควร แล้วเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวนข้างใน มาตามถนนบำรุงเมือง ลงถนนน่าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เลี้ยวลงถนนข้างศาลสถิตย์ยุติธรรม เลี้ยวลงถนนข้างคลอง ข้ามตะพานเสี้ยวถึงถนนอ้อมรอบกำแพงเลี้ยวลงถนนรอบพระนครทางลำน้ำ แล้วมาตามถนนข้างคลองหลอด ข้ามตะพานเสี้ยวเลี้ยวลงถนนน่าวัดมหาธาตุ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 18/11/2020 9:03 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
จากรายงาน ประจำปี ร.ศ 123



2) วันที่ 12 ตุลาคม 1904 เสด็จจากสถานีสามเสน บางปะอินด้วยรถไฟพิเศษ และได้เริ่มการเสด็จประพาสต้น เสด็จจากบางปะอินกลับ สถานีสามเสน ด้วยรถไฟพิเศษเมื่อ 22 ตุลาคม 1904


จาก จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน-ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-จุลศักราช-๑๒๖๕/
วัน พุธขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง ๑๒๖๖
วันที่ ๑๒ ตุลาคม รัตนโกสินทร๓๗ศก ๑๒๓
เวลาเช้าเสด็จทรงรถพระที่นั่งออกจากพระบรมมหาราชวัง และทอดพระเนตรวังพระองค์บุรฉัตรไปประทับที่สเตชั่นรถไฟสายนครราชสีมา เสด็จขึ้นรถกลไฟพิเศษแวะรับข้างในที่สเตชั่นสามเสน เสด็จไปลงรถที่สเตชั่นบางปอิน เสด็จประทับเรือพระที่นั่งแจวที่หลังสเตชันไปตามคลองราชดำริห์ เลี้ยวออกแม่น้ำบางปอินเสด็จขึ้นที่ท่าน่าพระราชวังบางปอินแล้วเสด็จทางพระที่นั่งวโรภาษพิมานประทับแรมที่นี้

เวลาเย็นเสด็จออกประทับที่ตะพานน้ำน่าพระที่นั่งวโรภาษพิมาน พระบรมวงษานุวงษ์ แลข้าราชการเฝ้า

วัน เสาร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง ๑๒๖๖
วันที่ ๒๒ ตุลาคม รัตนโกสินทร๓๗ศก ๑๒๓
วันนี้เปนวันเสด็จกลับกรุงเทพ ฯ เสด็จจากบางปอินเวลาบ่าย ๓ โมงเสศ มาเสด็จลงที่สเตชั่นสามเสน ประทับทอดพระเนตรรถออโตโมบิลกรมหมื่นราชบุรีแล่นถวาย แลทรงรถนั้นแสด็จประพาศสวนดุสิต แล้วเสด็จมาประทับในพระบรมมหาราชวัง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42686
Location: NECTEC

PostPosted: 18/11/2020 9:09 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
จากรายงาน ประจำปี ร.ศ 123

1) วันที่ 23 มิถุนายน 1904 เสด็จจากสถานีสามเสน บางปะอินด้วยรถไฟพิเศษ และได้เริ่มการเสด็จประพาสต้น เสด็จจากบางปะอินกลับ สถานีสามเสน ด้วยรถไฟพิเศษเมื่อ 7 สิงหาคม 1904

ระหว่างนั้นได้มีการแต่งตั้งนายหลุยส์ ไวเลอร์ เป้นเจ้ากรมรถไฟหลวงต่อจากนายเกิรตส์ เมื่อ 1 กรกฎาคม 1904


วัน พฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ๑๒๖๖
วันที่ ๒๓ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๓

วันนี้เปนวันที่จะเสด็จไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปอิน เวลา ๒ โมง ๔๕ นาที ได้เสด็จจากพระบรมมหาราชวังไปขึ้นรถพระที่นั่งพ่วง รถไฟพิเศษที่สเตชั่น รถไฟสายนครราชสีมา๒ รถไฟได้ใช้จักรออกจากสเตชั่นนี้ บ่าย ๓ โมง ๗ นาที ถึงสเตชั่นบางปอิน บ่าย ๔ โมง ๓๕ นาที ที่สเตชั่นมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช กรมหลวงดำรงกับข้าราชการที่ล่วงน่า แลข้าราชการมณฑลกรุงเก่ามาคอยเฝ้ารับเสด็จ ครั้นเสด็จลงจากรถพระที่นั่งแล้ว ได้มีพระสวดชยันโต แลมีพิณ แลแตรกองทหารรับเสด็จ แลพระยาโบราณ๓ ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายพระแสงสำหรับเมืองตามเคย แล้วเสด็จมาลงเรือพระที่นั่งแจวที่ท่าน้ำหลังสเตชั่น ที่ท่าน้ำนี้มีเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ แลพระองค์อาภากร๔ รับเสด็จอยู่ ณ เรือพระที่นั่ง แล้วเรือพระที่นั่งได้แจวออกคลองราชดำริห์ มาประทับที่ท่าน้ำพระที่นั่งวโรภาศ๕ เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งวโรภาศ ประทับแรมในพระราชวังนี้

วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ หนที่ ๒ ปีมะโรง ๑๒๖๖
วันที่ ๗ สิงหาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๓

เวลาเช้าเสด็จจากผักไห่ล่องลงมาขึ้นหัวเวียง ออกบางโผงเผง กระบวนใหญ่ล่องน้ำมาบางไทรขึ้นไปบางปอิน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกบางโผงเผงแล้วแยกเข้าทางบ้านกุมมาบางปอิน เสด็จขึ้นรถไฟที่สเตชั่นบางปอินกลับกรุงเทพ ประทับในพระบรมมหาราชวัง
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  Next
Page 5 of 7

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©