View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 30/09/2019 10:01 am Post subject:
ปัญหาที่ดินทำกินสุราษฎร์ วุ่นหนักร้องถูกขู่ให้ออกจากพื้นที่หมดสัมปทาน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 29 กันยายน 2562 เวลา 17:39
สุราษฎร์ธานี - ปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีวุ่นหนัก แกนนำเข้าร้องสื่อ อ้างสมาชิกถูกข่มขู่ จนสมาชิกตกใจช็อกตายไป 1 คน วันจันทร์นี้เตรียมเข้าพบผู้ว่าขอความชัดเจน
วันนี้ (29 ก.ย.) ) ที่นางสาวนลิน คงทรัพย์ ประธานกลุ่มปฎิรูปที่ดินพันธ์ไทย 1 สุราษฎร์ธานี ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรมอ้างได้รับความเดือดร้อนและถูกข่มขู่จากหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนต้องถิ่นและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยระบุว่า ตนเองพร้อมกลุ่มชาวบ้านที่เป็นสมาชิกประมาณ 300 ครัวเรือน ที่ฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องเช่าบ้านอาศัยอยู่ในเขตรถไฟที่การรถไฟ แต่หลังจากการรถไฟขยายเขตก่อสร้างทางรถไฟคู่ ก็ขับไล่และอพยพเข้าไปอาศัยปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบ้านนา ป่าท่าเรือ และป่าเคียนซา ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านาสาร จังหวัดสุราษฎรธานี ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นเขตสัมปทานบัตรของเหมืองแร่ ต่อมาสัมปทานบัตรได้หมดอายุลงเมื่อปี 2558 ทางภาครัฐไม่ได้ต่อสัญญาให้ และ ได้ยึดพื้นที่คืนจากนายทุนเพื่อนำพื้นที่จำนวนเกือบ 300 ไร่มาจัดสรรให้กับประชาชนที่ฐานะยากจนไม่มีที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาลในปี 2558 โดยได้นำเนินการติดต่อประสานงานทำหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอใช้พื้นที่ให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่ได้เข้ามาปลูกอาศัยในพื้นที่เพื่อรอการจัดสรรที่ดินทำกินจากภาครัฐ
ต่อมาทางการเมืองได้เกิดการปฎิวัติ ตนจึงได้นำชาวบ้านออกจากพื้นที่เนื่องจากกลัวมาตรการ ม.44 หลังจากการเมืองเข้าสู่ระบบการเลือกตั้งและได้ พลเอก ประยุทธ จันโอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านจึงเคลื่อนไหวเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ตามเดิมเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา หลังจากชาวบ้านเข้ามาอยู่แล้วปรากฏว่าได้ถูกกลุ่มนายทุนและนักการเมืองท้องถิ่นต้องการพื้นที่นี้เช่นกันได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านนาสาร นำกำลังเข้ามากดดันและพูดจาข่มขู่ชาวบ้าน ให้เกิดความหวาดกลัวจน ถึงขั้นเสียชีวิต ไป 1 ราย
วันนี้จึงได้ร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และต้องการสื่อปัญหาไปถึงนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า นโยบานการจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชนผู้ยากไร้ยังมีอยู่หรือไม่ และต้องการที่จะรู้ว่าพื้นที่ที่ชาวบ้านเข้ามาอาศัยอยู่เป็นพื้นที่ของหน่วยงานใด ที่ผ่านมาทางป่าไม้ก็บอกว่าเป็นพื้นที่ของป่าไม้ ทาง สปก.ก็บอกว่าเป็นของ สปก. ทางเทศบาลเมืองนาสารก็บอกว่าเป็นพื้นที่ของเทศบาล
และ ล่าสุดเมื่อวันที่ศุกร์ที่ 27 ที่ผ่านมา ทางฝ่ายปกครอง นายกเทศบาลเมืองนาสาร ผู้กำกับ สภ.บ้านนาสาร ได้นำกำลังเข้ามากดดันกวาดต้อนชาวบ้าน ให้มาเซ็นต์ชื่อรับทราบข้อความในกระดาษ ที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมมา โดยระบุว่า พื้นที่นี้ ทาง สปก.ได้จัดสรรให้ผู้อื่นเข้าครอบครองแล้วและหากว่าได้สิทธิครอบครองจะดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้บุกรุก (ชาวบ้าน) ซึ่งข้อความดังกล่าวมีข้อไม่ถูกต้อง หาก สปก.จัดสรรให้ผู้ใดก็ควรต้องระบุมา และผู้นั้นต้องมาแสดงตนมิใช่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย
ดังนั้น ในวันจันทร์ที่จะถึงนิแกนนำจำเข้าพบนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมขอให้เร่งตรวจพื้นที่ดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใดเมื่อพบแล้วขอให้ดำเนินการนำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรให้กับชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินทำกิน พร้อมทั้งรับรองว่าชาวบ้านกว่าร้อยละ 50 เป็นคนในพื้นที่อำเภอบ้านนาสาร ส่วนที่เหลือก็เป็นคนในอำเภอต่างๆของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหากพบว่าพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่ทาง สปก.ได้จัดสรรให้ผู้อื่นมีสิทธิไปแล้วชาวบ้านพร้อมออกจากพื้นที่ แต่ขอให้เป็นเกษตรกรผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกินตามนโยบาลรัฐบาล มิใช่นำพื้นที่ดังกล่าวไปจัดสรรให้กลุ่มนายทุนจึงขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 11/10/2019 7:50 pm Post subject:
Mongwin wrote: รฟท.ทวงคืนพื้นที่การรถไฟฯ 35 ไร่ ให้ผู้ค้าย้ายสิ่งก่อสร้าง-ร้านค้าออกจากพื้นที่
สํานักข่าวไทย TNAMCOT Sep 19, 2019
ผู้บุกรุก ที่ดินรถไฟบางซื่อ หลังโรงซ่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง ยังเปิดวิกหมอลำ ท้าทายกฏหมาย ไล่ที่แล้วก็ยังไม่ไป อ้างยังไม่ได้รับค่าชดเชย ทั้งที่มีเอกสารรับเงินค่าชดเชยจาก การรถไฟ เรียบร้อยแล้ว
เมื่อวาน ผมขับรถผ่านบางซื่อ ตอนหัวค่ำ เจอคณะหมอลำ วิกบางซื่อ เปิดการแสดงกันอย่างคึกคัก ทั้งๆ ที่การรถไฟ ได้มีการไล่ที่แล้ว ปิดการเข้าพื้นที่เพื่อจะใช้พื้นที่ในการทำทางเข้าออกอาคารซ่อมบำรุง และอาคารจ่ายไฟฟ้าให้โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในอนาคต
ตามลิ้งค์นี้
https://www.facebook.com/491766874595130/posts/744866439285171?sfns=mo
ผมเลยสงสัยมากๆ ว่าตอนนี้ ประเทศเราเป็น Fail state ไม่สามารถบังคับใช้กฏหมายไปแล้วเหรอ ถึงปล่อยให้ผู้บุกรุกอยู่ได้โดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
จริงๆวันที่เอาแบริเอร์ไปกั้นแล้ว ใครมีสิทธิ์ในการเปิดแบริเอร์นั้น ผมเข้าใจฝั่ง รฟท ที่ไม่ใช่ผู้ที่สามารถ ปกป้องพื้นที่ได้เต็มที่เพราะไม่มีอาวุธป้องกันตัว และมีเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ก็รักชีวิตเหมือนกัน ไม่กล้าเข้าไปปะทะเต็มที่เพราะไม่รู้ว่าเกิดใครทำร้ายเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเราก็คงเกิดเรื่องเศร้าขึ้นมา
จริงๆอยากให้ รฟท ขอทหารไปคุ้มกันพื้นที่ จนกว่าจะมีการปรับพื้นที่และทำรั้วปิดทางเข้าออกถาวรจนเสร็จครับ
ดังนั้น ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการกดดันผ่านโซเชี่ยล เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงการเอาประโยชน์ส่วนตัวของผู้บุกรุก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อโครงการของประเทศ ซึ่งการเข้าพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้ อาจะส่งผลถึงการทดสอบเดินรถ และเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีแดงด้วย
ทางนึงที่เราทำได้คือการแบนด์ การเข้าร่วมงานหรือใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นชมการแสดง หรือใช้บริการอื่นๆในพื้นที่นั้น ถ้าไม่มีคนไปใช้บริการ ผู้บุกรุกก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปครับ
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/760183401086808?__tn__=H-R
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44329
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/10/2019 1:02 pm Post subject:
ไฟไหม้กลางดึก ชุมชนริมทางรถไฟตลิ่งชันวอด เสียหายประมาณ 10 หลัง
ข่าวอาชญากรรม ไทยรัฐออนไลน์
19 ต.ค. 2562 02:44 น.
ไฟไหม้ชุมชนริมทางรถไฟตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่ระดมน้ำสกัดเพลิงวุ่น เพราะ ที่เกิดเหตุเป็นซอยแคบ มีช่องทางเดียว ต้องใช้เครื่องสูบน้ำแบกหามเข้าไปฉีดน้ำดับด้วยความทุลักทุเล สุดท้ายไฟเผาวอดประมาณ 10 หลัง
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 19 ต.ค. ร.ต.ท.คฑาวัฒน์ นวลบัตร รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณชุมชนริมทางรถไฟตลิ่งชัน ถนนบรมราชชนนี แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมประสานรถน้ำจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร และอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่ริมทางรถไฟ ข้างยูเทิร์นใต้สะพานข้างทางรถไฟตลิ่งชัน ลักษณะเป็นชุมชนบ้านไม้ชั้นเดียวปลูกติดกันจำนวนหลายหลัง พบแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมาก การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีเพียงถนนช่องทางยูเทิรน์ช่องทางเดียว ทำให้รถน้ำไม่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำดับเพลิง ขนาดเล็กกว่า 10 เครื่อง สูบน้ำจากท่อระบายน้ำขึ้นมาทำการสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเพลิงสงบ มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายประมาณ 10 หลังคาเรือน เนื้อที่ประมาณ 400 ตารางวา
จากการสอบสวนนางเรียม แก้วทองสุข อายุ 67 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวทั่งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังนอนพักอยู่ภายในบ้าน จู่ๆได้ยินเสียงคล้ายไม้ลั่นเสียงดัง และมีกลิ่นเหม็น ต้นจึงลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างออกดูพบแสงเพลิงกำลังลุกไหม้ บริเวณหลอดไฟชายคาบ้านหลังที่ติดกัน โดยบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ เจ้าของบ้านใช้เป็นที่เก็บของเก่าจำพวกลังเบียร์ ตนจึงเรียกลูกชายให้ตื่นและพยายามจะหนีออกจากบ้านแต่แสงเพลิงลามมาปิดทางออก ตนและลูกชายจึงต้องปีนหน้าต่างหลังบ้านออกมาเพื่อหนีตาย ไม่ทันได้หยิบทรัพย์สินอะไรออกมานอกจากชุดที่ใส่นอน
ร.ต.ท.คฑาวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีบ้านที่ได้รับความเสียหายกี่หลัง ต้องรอให้เจ้าของบ้านแต่ละหลังมาแจ้งความเสียก่อน ในส่วนการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบแต่เพียงบ้านต้นเพลิงเป็นที่เก็บของเก่า ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้พักอาศัย อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44329
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/10/2019 6:10 pm Post subject:
สนข.เปิดโมเดล TOD อยุธยา พัฒนา 206 ไร่รอบสถานีรถไฟ
เผยแพร่: 20 ต.ค. 2562 18:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
สนข.เปิดผลศึกษา TOD อยุธยา ตีวงพื้นที่ 206 ไร่รอบสถานีรถไฟพัฒนา 4 โซน ผุดแหล่งธุรกิจ ศูนย์การค้า โรงแรม ชูศักยภาพพื้นที่ใกล้ กทม. ชูจุดแข็งท่องเที่ยว หนุนเมืองมรดกโลก
นายเริงศักดิ์ ทองสม ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบการขนส่งและจราจร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.ได้จัดสัมมนาเพื่อประเมินความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) ในพื้นที่เมืองต้นแบบ พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 1 ตามโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง TOD คมนาคม สร้างเมือง เมืองสร้างสุข สุขสร้างได้
ซึ่งผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเบื้องต้นบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟอยุธยาแบ่งออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 206 ไร่ มุ่งเน้นสนับสนุนธุรกิจการค้า การลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้แนวคิดของการพัฒนาที่เน้นรักษาทัศนียภาพที่งดงามของเมือง
โดยการพัฒนาโซนที่ 1 ย่านธุรกิจและพาณิชยกรรมแบบผสมผสาน (Mixed-Use Complex) ด้วยตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีรถไฟ จึงเหมาะสมกับการพัฒนาต่อยอดเป็นย่านพาณิชยกรรมแห่งใหม่เพื่อเป็นพื้นที่ธุรกิจการค้า และแหล่งการสร้างงาน ส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อเนื่องตลอดทั้งวันเพื่อดึงดูดการค้าการลงทุน สร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค จากปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีศูนย์การค้าปลีกระดับภูมิภาคเพียงแห่งเดียวซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่เมือง
โซนที่ 2 ย่านชุมชนการค้าแบบผสมผสาน (Mixed-Use Community) แนวคิดการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ผสมผสานกิจกรรมเชิงพาณิชย์และพื้นที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย เน้นการเข้าถึงพื้นที่ด้วยระบบขนส่งมวลชนหลักและระบบขนส่งมวลชนรองที่มีศักยภาพและครอบคลุมการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ (Non-Motorized Transport) เช่น การเดิน การใช้จักรยาน
โซนที่ 3 ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยคุณภาพ (Residential Cluster + Potential Education Campus) เน้นพัฒนาเป็นพื้นที่อยู่อาศัย รวมถึงการสร้างสรรค์พื้นที่เล่นและเรียนรู้ เป็นแหล่งให้ผู้คนได้พบปะ และทำกิจกรรมร่วมกันบนพื้นที่แหล่งใหม่ของเมือง
และโซนที่ 4 ย่านที่อยู่อาศัยและรองรับการขยายตัวของเมือง (Extended Township Development) เน้นพัฒนาเป็นพื้นที่อยู่อาศัย รวมถึงการสร้างสรรค์พื้นที่เล่นเรียนรู้
ผลการศึกษายังพบว่าการพัฒนา TOD พื้นที่ดังกล่าวมีที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม และอพาร์ตเมนต์ไม่เกิน 8 ชั้นในปริมาณอุปทานต่ำอยู่ สวนทางกับอุปสงค์ทั้งในด้านการลงทุน และความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้นเพิ่มขึ้นอีกหากมีการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เนื่องจากมีความต้องการที่อยู่อาศัยจากแรงงานในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อหลีกหนีความแออัด และต้องการพื้นที่สงบ
ทั้งยังพบว่าพื้นที่ดังกล่าวสามารถพัฒนาเป็นโรงแรมรองรับการประชุมระดับนานาชาติ และอุตสาหกรรมไมซ์ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงมากได้ เนื่องจากพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ในระยะที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการพัฒนารูปแบบใหม่ ซึ่งยังไม่มีผู้พัฒนามากจึงมีระดับการแข่งขันต่ำ
นายเริงศักดิ์กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่ TOD พระนครศรีอยุธยา คือ ภาครัฐต้องกำหนดกรอบนโยบายการลงทุน รูปแบบการสนับสนุน และข้อกฎหมายที่สนับสนุนให้มีความชัดเจน การมีหน่วยงานกลางทำหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบ มีช่องทางในการสร้างรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ ตลอดจนทุกภาคส่วนมีเครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านต่างๆ ของโครงการ และมีรูปแบบการลงทุนที่มีความเป็นธรรม และสอดคล้องกับลักษณะการพัฒนา TOD ในพื้นที่ และที่สำคัญคือต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ สนข.จะเปิดเวทีการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในลักษณะเดียวกันนี้ในเมืองต้นแบบ 3 จังหวัด โดยจังหวัดขอนแก่นกำหนดจัดงานวันที่ 29 ตุลาคม 2562 และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandtod.com
สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนา เนื่องจากมีศักยภาพหลายด้าน เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด (GPP) ปี 2560 สูงถึง 403,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ประชากรมีรายได้เฉลี่ย 465,972 บาทต่อคนต่อปี โครงสร้างประชากรมีคุณภาพซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
โดยข้อมูลปี 2561 พบว่ามีสูงถึง 800,000 คน และมีอัตราการเติบโต 0.6 % ต่อปีตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากการที่ยูเนสโกเสนอให้เป็นพื้นที่มรดกโลกในปี 2534 บนพื้นที่ 1,800 ไร่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 7,600,000 คน อัตราการเติบโต 5.2% ต่อปีตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ตั้งพื้นที่เขตอุตสาหกรรม 5 แห่ง และเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทางบก ทางราง และทางน้ำ รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างรถไฟฟ้าสายเหนือกับสายอีสาน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 30/10/2019 1:51 pm Post subject:
ต้นแบบ TOD พัฒนา 7 โซนที่ขอนแก่น
29 ตุลาคม 2562
สนข. เผยผลศึกษาพัฒนาขอนแก่น เมืองต้นแบบ TOD กำหนดพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟขอนแก่น 7 โซน สร้างมหานครน่าอยู่ เมืองอัจฉริยะ และศูนย์กลางจัดประชุมสัมมนา อนุภาคลุ่มน้ำโขง แนะรัฐต้องกำหนดกรอบพัฒนาชัดเจน
นายเริงศักดิ์ ทองสม ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบการขนส่งและจราจร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สนข.ได้จัดงานสัมมนาเพื่อประเมินความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) ในพื้นที่เมืองต้นแบบจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 1 ตามโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง TOD คมนาคม สร้างเมือง เมืองสร้างสุข สุขสร้างได้ เนื่องจากขอนแก่น เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนา TOD (Transit Oriented Development) ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยออกแบบพื้นที่รอบสถานีให้ผสมผสานระหว่างศูนย์พาณิชยกรรม ร้านค้า ที่พักอาศัย ที่ทำงาน เป็นต้น
การคัดเลือกขอนแก่นเป็นหนึ่งในต้นแบบการพัฒนา TOD เนื่องจากมีศักยภาพหลายด้าน เช่น การเป็นศูนย์กลางหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแผนการพัฒนาต่างๆ ทั้งในระดับชาติจนถึงระดับนานาชาติ ทำเลที่ตั้งมีความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคอีสาน รวมทั้งอยู่ในแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ตะวันตก (EWEC) และระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ ใต้ (NSEC) การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่มีความหลากหลาย มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคและการสื่อสาร เป็นต้น
ที่สำคัญคือ สถานีรถไฟขอนแก่นตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกต่อการคมนาคมขนส่ง อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายขอนแก่น (บ้านไผ่) มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ ขอนแก่น และภาคประชาสังคมมีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้จากผลการศึกษาเบื้องต้นได้กำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่บริเวณโดยรอบสถานีรถไฟจังหวัดขอนแก่นตามแนวคิดของ TOD แบ่งออกเป็น 7 โซน ซึ่งจะช่วยยกระดับและเสริมสร้างศัยกภาพขอนแก่นแบบครบวงจร ทั้งการเป็นศูนย์กลางการค้า การบริการ พาณิชยกรรม และการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉลียงเหนือ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่การเป็น สมาร์ท ซิตี้ หรือเมืองอัจฉริยะ และ ไมซ์ ซิตี้
สำหรับรายละเอียดทั้ง 7 โซน ประกอบด้วย
โซนที่ 1 ย่านสำนักงานกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเบา เพื่อให้สอดรับกับการเป็นเมืองเป้าหมาย 1 ใน 3 จังหวัด ตามโครงการสมาร์ท ซิตี้ ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) รวมทั้งพัฒนาเป็นสำนักงาน ร้านค้าปลีกสนับสนุนหรือร้านไฮสตรีท รวมทั้งจุดจอดแล้วจรเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะและลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และที่พักอาศัยให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์
โซนที่ 2 ศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ครบวงจร รองรับนโยบายของรัฐบาลในการคัดเลือกให้เป็นศูนย์กลางด้านการประชุม จัดแสดง และสัมมนาของภูมิภาค หรือ MICE CITY แห่งที่ 5 ของไทย
และรองกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณนักท่องเที่ยวจากศักยภาพด้านการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ
โซนที่ 3 ศูนย์กลางธุรกิจและพาณิชยกรรมแห่งใหม่ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีทำให้เหมาะสม ที่จะพัฒนาเชิงพาณิชย์ทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคเพื่อก้าวไปสู่เมืองศูนย์กลางการค้าการลงทุนระดับภูมิภาค ศูนย์กลางการค้าปลีก โรงแรมระดับบน (Hi-End) อาคารสำนักงาน เป็นต้น
โซนที่ 4 จุดเปลี่ยนถ่ายและศูนย์กลางเชื่อมต่อเดินทาง พื้นที่ตั้งติดกับสถานี จึงเหมาะสำหรับการเปลี่ยนถ่ายการเดินทางเชื่อมระหว่างขนส่งมวลชนหลักและขนส่งมวลชนรองเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางโดยรถไฟ และเหมาะสมเป็นที่ตั้งอาคารสำนักงานแนวราบเพื่อสนับสนุนกิจกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับราคาที่ดินเหมาะสมกับการพัฒนาสินทรัพย์อย่างมาก
โซนที่ 5 ย่านชุมชนเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นย่านที่พักอาศัยที่มีคุณภาพมาตรฐาน สะดวกสบาย ปลอดภัย เช่น เป็นที่พักอาศัยราคาประหยัด อาคารชุดที่พักอาศัยทั้งประเภทแนวราบและ แนวสูง วิทยาเขตการศึกษา สถานพยาบาล สนับสนุนการขายปลีก
โซนที่ 6 ชุมชนเมืองใหม่ภายใต้การพัฒนาแบบผสมผสาน เหมาะสำหรับการพัฒนาเป็นย่านที่อยู่อาศัย เช่น ที่พักอาศัยราคาประหยัด คอนโดมิเนียมประเภทแนวราบ อพาร์ตเมนต์ และทาวน์เฮาส์ รวมทั้งที่พักผู้สูงอายุ พื้นที่สาธารณะ และสวนสาธารณะใจกลางชุมชน เนื่องจากพื้นที่ใกล้กับสถานีรถไฟ
สุดท้าย โซนที่ 7 ชุมชนที่อยู่อาศัยคุณภาพดีผสมผสานศูนย์กลางเมืองเก่า ด้วยมีข้อจำกัดจากความหนาแน่นของพื้นที่ บริเวณนี้จึงเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นที่พักอาศัยราคาประหยัด โดยพัฒนาผสมผสานไปกับพื้นที่เมือง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้คนเมืองมีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยคุณภาพในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ภาครัฐต้องกำหนดกรอบนโยบายการลงทุน รูปแบบการพัฒนา และข้อกฎหมายที่สนับสนุนให้มีความชัดเจน การมีหน่วยงานกลางทำหน้าที่กำกับดูแลและรับผิดชอบ มีช่องทางในการสร้างรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ตลอดจนทุกภาคส่วนมีเครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านต่างๆ ของโครงการ และมีรูปแบบการลงทุนที่มีความเป็นธรรม สอดคล้องกับลักษณะการพัฒนา TOD ในพื้นที่ รวมถึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 05/11/2019 11:39 pm Post subject:
เทศบาลฯ ส่ง จนท.ตัดแผงเหล็กตอกพุกยึดติดถนนส่อฮุบตลาดรถไฟเมืองสองแคว แต่รื้อไม่สุด!
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: อังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 08:37
ปรับปรุง: อังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 2 09:41
พิษณุโลก - นายกเล็กนครพิษณุโลกสั่งเทศกิจรื้อแผงเหล็กกั้นทางม้าลายหน้าโรงเรียนดังออก หลังผู้กว้างขวางตอกพุกยึดติดพื้นถนนส่อฮุบตลาดรถไฟฯ แบบไม่สนอันตรายเด็กข้ามถนนเข้า-ออก ร.ร.ทุกเช้าและเย็น
กรณีผู้กว้างขวางอ้างว่าเป็นตัวแทนห้างหุ้นส่วนฯ แห่งหนึ่งที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย พากลุ่มบุคคลติดตั้งแผงเหล็กกั้นข้างถนนธรรมบูชา ซึ่งขวางทางม้าลายหน้าโรงเรียนผดุงราษฎร์ อ.เมืองพิษณุโลก ลักษณะข่มขู่ ขับไล่ ไม่ให้พ่อค้า-แม่ค้าจำนวน 22 รายที่ขายของมานาน 30 ปีให้ย้ายออก
คาดว่าจะนำสังกะสีมาตีปิดทับ 2 จุด คือ ทางมาลายหน้าโรงเรียนผดุงราษฎร์ และหน้าบริเวณบ้านพักอาศัยของนายสมพงษ์ คำสอน คนดูแลตลาดริมทางรถไฟ ที่มีภรรยาเป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วยนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 พ.ย.) นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก เปิดเผยว่า ได้สั่งให้เทศกิจเทศบาลนครพิษณุโลกไปรื้อแผงเหล็กกั้นหน้าตลาดบนที่ดินการรถไฟฯ บริเวณตรงจุดทางม้าลายหน้าโรงเรียนผดุงราษฎร์ออกแล้ว เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถเดินข้ามถนนทุกวันเช้า-เย็นได้สะดวก โดยถอดนอตที่ยึดพุกเหล็กติดกับพื้นคอนกรีตริมถนนพุทธบูชาเฉพาะช่วงทางมาลายเท่านั้น เพราะเกรงว่าเด็กอาจจะได้ร้บอันตรายระหว่างเดินข้ามถนนไป-มา
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เทศกิจได้รื้อแผงเหล็กกั้นบางส่วนออกไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้เด็กนักเรียนข้ามไป-มาได้เท่านั้น แต่ไม่รื้อออกทั้งแผง ส่วนแผงเหล็กความยาวประมาณ 8 เมตรที่กั้นหน้าบ้านผู้ป่วยติดเตียงยังไม่ได้รื้อออก
ขณะที่ทายาทของนายวาสิต กวยะปาณิก (เสียชีวิตแล้ว) อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำจังหวัดพิษณุโลก และอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น "ประชากร" จังหวัดพิษณุโลก ได้เตรียมต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม เพราะนายวาสิตเป็นผู้บุกเบิกถมดินและก่อสร้างอาคาร พร้อมจ่ายค่าเช่าวันละ 600 บาทให้นายสถานีรถไฟพิษณุโลก แม้นายวัลลภ ทองงามขำ นายสถานีรถไฟพิษณุโลกปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการออกหนังสือเป็นผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟฯ ก็ตาม
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 08/11/2019 11:40 am Post subject:
สนข.หนุนพระนครศรีอยุธยาเมืองต้นแบบทีโอดี
อาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลา 16.14 น.
สนข.จี้รัฐกำหนดกรอบลงทุนพัฒนาทีโอดีพระนครศรีอยุธยา หนุนเมืองมรดกโลก มุ่งสู่ธุรกิจการค้า- การลงทุน- แหล่งเรียนรู้ในอนาคต
นายเริงศักดิ์ ทองสม ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบ การขนส่งและจราจร สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง และจราจร (สนข.) เปิดเผยผลการศึกษาการพัฒนาเมืองควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งหรือทีโอดี จ.พระนครศรีอยุธยาว่า มีความพร้อมที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเบื้องต้นบริเวณ โดยรอบสถานีรถไฟอยุธยาของสนข. แบ่งออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 206 ไร่ มุ่งเน้นสนับสนุนธุรกิจการค้า การลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายใต้แนวคิดของการพัฒนาที่เน้นรักษาทัศนียภาพที่งดงามของเมือง
สำหรับโซนที่ 1 ย่านธุรกิจและพาณิชยกรรมแบบผสมผสาน (Mixed-Use Complex) ด้วยตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีรถไฟ จึงเหมาะสมกับการพัฒนาต่อยอดเป็นย่านพาณิชยกรรมแห่งใหม่ เพื่อเป็นพื้นที่ธุรกิจการค้า และแหล่งการสร้างงาน ส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดการค้าการลงทุน สร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค จากปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีศูนย์การค้าปลีกระดับภูมิภาคเพียงแห่งเดียวซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่เมือง
โซนที่ 2 ย่านชุมชนการค้าแบบผสมผสาน (Mixed-Use Community) แนวคิดการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ผสมผสานกิจกรรมเชิงพาณิชย์และพื้นที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย เน้นการเข้าถึงพื้นที่ด้วยระบบขนส่งมวลชนหลักและระบบขนส่งมวลรองที่มีศักยภาพและครอบคลุม การเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ (Non-Motorized Transport) เช่น การเดิน การใช้จักรยาน
โซนที่ 3 ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยคุณภาพ (Residential Cluster + Potential Education Campus)เน้นพัฒนาเป็นพื้นที่อยู่อาศัย รวมถึงการสร้างสรรค์พื้นที่เล่นและเรียนรู้ เป็นแหล่งให้ผู้คนได้พบปะ และทำกิจกรรมร่วมกันบนพื้นที่แหล่งใหม่ของเมือง และ
โซนที่ 4 ย่านที่อยู่อาศัยและรองรับการขยายตัวของเมือง (Extended Township Development) เน้นพัฒนาเป็นพื้นที่อยู่อาศัย รวมถึงการสร้างสรรค์พื้นที่เล่นเรียนรู้
" ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่ TOD พระนครศรีอยุธยา คือภาครัฐต้องกำหนดกรอบนโยบายการลงทุน รูปแบบการสนับสนุน และข้อกฎหมาย ให้มีความชัดเจน การมีหน่วยงานกลางทำหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบ มีช่องทางในการสร้างรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ ตลอดจนทุกภาคส่วนมีเครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านต่างๆ ของโครงการ และมีรูปแบบการลงทุนที่มีความเป็นธรรม และทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้เตรียมเปิดรับฟังความเห็นเมืองต้นแบบจังหวัดขอนแก่น วันที่ 29 ต.ค.62 และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในเดือนพ.ย.นี้
https://www.youtube.com/watch?v=_p2QcYmx3oo
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 15/11/2019 12:12 pm Post subject:
จงดีแทร็กเตอร์ คว้าสัมปทานที่ดินไข่แดงย่านรถไฟขอนแก่น ทุ่ม 600 ล้านผุดตลาดสดสุดโมเดิร์นในอีสาน
หน้าภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 14 พฤศจิกายน 2562 - 15:31
ปรับปรุง: 14 พฤศจิกายน 2562 - 18:45
ศูนย์ข่าวขอนแก่น - จงดีแทร็กเตอร์ คว้าสัมปทานที่ดินตลาดรถไฟขอนแก่น ทุ่มงบ 600 ล้านบาทรีโนเวตใหม่เป็นตลาดผลไม้และอาหารทะเลโมเดิร์นสุดในอีสาน ขึ้นอาคารพาณิชย์ 90 ยูนิต เริ่มสร้าง เม.ย. 63 มั่นใจโครงการไปโลดจากอานิสงส์รถไฟความเร็วสูง
โครงการให้สัมปทานที่ดินทำเลทอง สถานีรถไฟขอนแก่นที่มีรวมกว่า 108 ไร่ คืบหน้าแล้ว ล่าสุดพื้นที่โซนด้านหน้าสถานีฯ เนื้อที่ 18 ไร่ หรือที่เรียกกันติดปาก ตลาดรถไฟขอนแก่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ผู้สัมปทานรายใหม่เข้ามาพัฒนาพื้นที่แล้วเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน การรถไฟฯ พร้อมบริษัทที่ปรึกษาได้จัดประชุมโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเชิงความคิด โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณอาคารบ้านพักพนักงาน อาคารที่ทำการและสนามกอล์ฟสถานีขอนแก่นไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี ณ โรงแรมวิวิช ขอนแก่น โดยระบุว่าพื้นที่ย่านสถานีรถไฟขอนแก่น ประกอบด้วย พื้นที่บริเวณอาคารบ้านพักพนักงาน อาคารที่ทำการ สนามกอล์ฟสถานีรถไฟขอนแก่น รวม 108 ไร่ เป็นหนึ่งในผืนที่ดินที่มีศักยภาพพัฒนาเพิ่มรายได้ให้การรถไฟฯ เพื่อรองรับโครงการรถไฟทางคู่ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระบบขนส่งรถไฟรางเบา และโครงการรถไฟความเร็วสูงในอนาคต โดยมีเป้าหมายพัฒนาเป็นศูนย์แสดงสินค้า โรงแรม สวนสนุก ฯลฯ
ล่าสุด นายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น พร้อมด้วย ผศ.ดร.รัฐการ บัวศรี ที่ปรึกษาโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น ได้ให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนถึงการเตรียมความพร้อมเข้าพัฒนาพื้นที่ตลาดรถไฟขอนแก่นทั้งหมด 18 ไร่ หลังได้รับสิทธิ์เข้าบริหารจัดการพื้นที่จากการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาที่ดินเชิงธุรกิจบริเวณย่านสถานีรถไฟขอนแก่น
นายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยสถานีรถไฟขอนแก่นได้ส่งมอบพื้นที่เช่าให้กับ หจก. จงดีแทร็กเตอร์ ในฐานะผู้เช่ารายใหม่ สัญญาการครอบครองสิทธิ 34 ปี โดยแผนระยะแรกคือการพัฒนาพื้นที่ 4 ปีแรกจะปรับปรุงพื้นที่ทั้งหมด 18 ไร่ ทำไปทีละขั้น ในจำนวนนี้ 4 ไร่ด้านหน้าใกล้วงเวียนรถไฟจะกันพื้นที่ให้เป็นที่จอดรถยนต์ รองรับรถได้มากกว่า 500 คัน
การบริหารพื้นที่ตลาดรถไฟขอนแก่นจะให้ความสำคัญการออกแบบพื้นที่ คำนึงถึงความต้องการของผู้ประกอบการรายเดิม รวมถึงลูกค้าของตลาดรถไฟขอนแก่น ที่ผ่านมาเราได้สำรวจความต้องการและรับฟังทุกปัญหาจนนำมาสู่แผนพัฒนาและแนวทางพัฒนาที่สอดรับกับสภาพเมืองและผู้ประกอบการรายเดิม ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนอื่นของเมืองขอนแก่นอีกด้วย นายณจาวิชย์กล่าว และว่า
ผศ.ดร.รัฐการ บัวศรี ที่ปรึกษาโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น และนายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น ให้ข้อมูลถึงแผนพัฒนาตลาดรถไฟขอนแก่น
ผศ.ดร.รัฐการ บัวศรี ที่ปรึกษาโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น และนายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น ให้ข้อมูลถึงแผนพัฒนาตลาดรถไฟขอนแก่น
ภายในแผนพัฒนาตลาดรถไฟขอนแก่นจะสร้างอาคารพาณิชย์ 90 ยูนิต พร้อมอาคารโดมขนาดใหญ่พื้นที่รวมกว่า 9,000 ตารางเมตร ให้เป็นพื้นที่ค้าส่งและค้าปลีก ให้ผู้ค้ารายย่อยมาเช่าทำการค้า โดยจัดสรรพื้นที่ห้องน้ำ ที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ครบครัน ตลาดรถไฟขอนแก่นโฉมใหม่นี้มีกำหนดลงเสาเอกในราวเดือนเมษายน 2563 เมื่อแผนพัฒนาแล้วเสร็จจะเป็นตลาดค้าส่ง ค้าปลีก ผักผลไม้ และอาหารทะเล ที่ทันสมัยที่สุดและสวยงามที่สุดในภาคอีสาน
ด้าน ผศ.ดร.รัฐการ บัวศรี ที่ปรึกษาโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น กล่าวเสริมว่า ภายหลังได้รับสิทธิ ทาง หจก.จงดีแทร็กเตอร์ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการค้าขายรายเดิมที่มีอยู่กว่า 200 รายให้เข้าใจและรับทราบถึงแผนพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่ต้องการสื่อให้สังคมและผู้ค้าในตลาดรถไฟขอนแก่นรับทราบนั้น คือตลาดรถไฟขอนแก่นจะไม่ย้ายไปไหน ยังตั้งอยู่จุดเดิม
เพียงแต่ช่วงการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่โครงการอาจต้องย้ายพ่อค้าและแม่ค้าจากจุดเดิมไปอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาด คือบริเวณลานอเนกประสงค์ของสถานีรถไฟขอนแก่น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการค้าขายแต่อย่างใด
การก่อสร้างระยะแรก 4 ปี หจก.จงดีแทร็กเตอร์จะเน้นก่อสร้างในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แล้วเสร็จ หลังจากนั้นจะเป็นการพัฒนาพื้นที่การค้าขายสำหรับให้บริการผู้ค้ารายเดิมและรายใหม่ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการตลาดฯ โครงการนี้ใช้งบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ผู้ประกอบการเดิมจะได้รับสิทธิเลือกพื้นที่เช่าค้าขายเป็นกลุ่มแรก
มั่นใจโครงการนี้บรรลุตามเป้าหมาย เพราะเป็นทำเลทองใจกลางเมือง เป็นตลาดที่สวยทันสมัยของคนขอนแก่นอย่างแท้จริง ตลาดนี้มีพ่อค้า-แม่ค้ารายเดิมที่ค้าขายผักผลไม้มานานกว่า 30 ปี แต่ละรายก็มีฐานลูกค้าหนาแน่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะช่วยหนุนตลาดให้เติบโตต่อไปได้ในอนาคต
ทำเลที่ตั้งตลาดรถไฟขอนแก่นนั้นถือเป็นทำเลทอง เหมาะทำธุรกิจ ไม่มีปัญหารถติด ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้จะมีโครงการรถไฟความเร็วสูง จะส่งผลดีต่อฐานลูกค้าตลาดรถไฟขอนแก่นเติบโตอีกมาก จะขยายครอบคลุมประชากรตามเส้นทางรถไฟทั่วอีสาน, สปป.ลาว และจีนตอนใต้ สามารถแวะพัก ชอปปิ้งตลาดรถไฟขอนแก่นก่อนเดินทางต่ออีกด้วย ผศ.ดร.รัฐการกล่าว
ทั้งนี้ ตามแผนของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีแผนพัฒนาที่ดินในย่านสถานีรถไฟในหัวเมืองหลักทั่วประเทศ ซึ่งสถานีรถไฟขอนแก่นเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่มีที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาเชิงธุรกิจ ให้สัมปทานกับภาคเอกชน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ โดยฝ่ายบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ พร้อมบริษัทที่ปรึกษาเคยจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ในการพัฒนาพื้นที่ดินรอบสถานีรถไฟขอนแก่นเมื่อต้นปี 2562 ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี
จากผลการศึกษาของศูนย์วิจัยขีดความสามารถในการแข่งขัน สำนักวิจัยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พบว่าพื้นที่ของสถานีรถไฟขอนแก่นที่จะนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์นั้น เฉพาะที่ดินมีมูลค่าประเมินกว่า 2,800 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการลงทุนในแต่ละโซน รวมถึงค่าใช้จ่ายรื้อย้าย ก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาคารที่ทำการให้กับพนักงานรวม 200 ยูนิต รวมมูลค่าแล้วสูงกว่า 7,000 ล้านบาท โดยสามารถแยกพื้นที่การพัฒนาได้ทั้งหมด 5 โซน ประกอบด้วยโซน B, C, D, E และ F รวมพื้นที่ทั้งหมด 108.4 ไร่
แยกเป็น โซน B จำนวน 16.2 ไร่ จะพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์, โซน C จำนวน 15.6 ไร่ และโซน D จำนวน 10 ไร่ ทั้ง 2 โซนจะพัฒนาให้เป็นโรงแรม ศูนย์ประชุมและการแสดงสินค้า, โซน E พื้นที่กว่า 58.6 ไร่ จะพัฒนาให้เป็นสวนสนุกขนาดย่อมทันสมัยใจกลางเมือง รวมถึงเป็นพื้นที่สันทนาการ และโซนสุดท้ายโซน F ขนาด 8 ไร่ พัฒนาให้เป็นที่พักอาศัยของพนักงานการรถไฟฯ และกลุ่มอาคารสำนักงาน โดยโซน F จะได้รับการพัฒนาขึ้นก่อนโซนอื่น
สำหรับ หจก.จงดีแทร็กเตอร์ เป็นธุรกิจย่อยของบริษัท ไทยพิพัฒน์ฮาร์ดแวร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเก่าแก่ของเมืองขอนแก่นมานานมากกว่า 40 ปี นับเป็นบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างที่ประสบผลสำเร็จสูงมาก ขยายสาขาร้านค้าวัสดุก่อสร้างไป ยึดทำเลถนนสายหลักของเมืองขอนแก่นหลายสาขา รวมถึงขยายธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างไปยังจังหวัดอุดรธานี และแตกไลน์ธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ทุ่ม600ล้าน!ปรับโฉมตลาดรถไฟขอนแก่น
INN News
12 พฤศจิกายน 2562 - 17:35
จงดีแทร็กเตอร์ ทุ่มงบ 600 ล้านบาท ปรับโฉมตลาดรถไฟขอนแก่น ให้เป็นตลาดค้าส่ง-ค้าปลีก ผลไม้และอาหารทะเล
ที่ตลาดรถไฟขอนแก่น นายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น พร้อมด้วย ผศ.ดร.รัฐการ บัวศรี ที่ปรึกษาโครงการตลาดรถไฟขอนแกน ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพพื้นที่โดยรอบของตลาดรถไฟขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟขอนแก่น ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่ตลาดรถไฟขอนแกน หลังได้รับสิทธิ์เข้าบริหารจัดการพื้นที่จากกรรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาที่ดินเชิงธุรกิจ บริเวณย่านสถานีรถไฟขอนแก่น ท่ามกลางความสนใจจากผู้ประกอบการและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังแผนดำเนินการจำนวนมาก
นายณจาวิชย์ ทัตหิรัญรัตน์ ผู้จัดการโครงการตลาดรถไฟขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยสถานีรถไฟขอนแก่น ได้ส่งมอบพื้นที่เช่าให้กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จงดีแทร็กเตอร์ ในฐานะผู้เช่ารายใหม่ ในระยะสัญญาการครอบครองสิทธิ์ 34 ปี โดยในแผนการพัฒนาพื้นที่นั้นได้กำหนดออกเป็น 2 ขั้นตอนคือระยะแรกคือการพัฒนาพื้นที่ 4 ปี ที่จะเป็นการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดที่จะทำทีละขั้นตอน ซึ่งพื้นที่ของตลาดรถไฟขอนแก่นนั้นมีเนื้อที่รวม 18 ไร่ ในจำนวนนี้ 4 ไร่ เราได้จัดให้เป็นที่จอดรถ ซึ่งจะสามารถรองรับรถทุกประเภทได้มากกว่า 500 คัน ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญของการทำตลาดที่บริษัทฯให้ความสำคัญ
การออกแบบพื้นที่และความต้องการต่างๆจากผู้ประกอบการรายเดิม รวมไปถึงลูกค้าของตลาดรถไฟขอนแก่นนั้นที่ผ่านมา เราได้ทำการลงพื้นที่สำรวจความต้องการและรับฟังทุกปัญหาจนนำมาสู่แผนการพัฒนาและแนวทางในการพัฒนาที่สอดรับกับสภาพเมืองและผู้ประกอบการรายเดิม เพราะด้วยทำเลที่ตั้งแห่งนี้นั้นยอมรับว่าเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลได้อย่างลงตัวรวมทั้งเชื่อมโยงระบบขนส่งในด้านต่างๆ และที่สำคัญในพื้นที่ยังคงมีการจัดสร้างอาคารพาณิชย์รวม 90 ยูนิต พื้นที่ทางการค้าทั้งค้าส่งและค้าปลีกที่มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ 9,000 ตารางเมตร การจัดพื้นที่ห้องน้ำ ที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เรียกได้ว่าตลาดรถไฟขอนแก่นโฉมใหม่ที่มีกำหนดลงเสาเอก ในช่วงกลางปี 2563 นั้นจะเป็นตลาดค้าส่ง ค้าปลีก ผัก ผลไม้ และอาหารทะเล ที่ทันสมัยที่สุดและสวยงามที่สุดในภาคอีสาน
https://www.facebook.com/KhonkaenCity2560/posts/2957308110970613?hc_location=ufi
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 16/12/2019 11:56 am Post subject:
ร้องอิศรา!ป.ป.ช.สอบ 5 ปีได้แต่ความเงียบ! ปมการรถไฟฯให้เอกชนเช่าที่ดินเจ.เจ.เซ็นเตอร์
25 พฤศจิกายน 2562
กลุ่มผู้เสียหายกรณีการรถไฟฯทำสัญญาให้เอกชนเช่าที่ดินสร้างโครงการ เจ.เจ.เซ็นเตอร์ ร้องอิศรา หลังส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบ 5 ปี ยื่นหนังสือติดตาม 13 ครั้งได้แต่ความเงียบ ก่อนหน้าดีเอสไอระบุ ไม่ทำตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ วอนขอความเป็นธรรมมานานหลายปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา นางจารุวรรณ จาติเสถียร และกลุ่มผู้เสียหาย กรณีโครงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักข่าวอิศราว่า ตามที่กลุ่มผู้เสียหายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการกับเจ้าพนักงานของรัฐหรือบุคคลอื่นใดในข้อหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนกรณีโครงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โครงการอินสแควร์ จตุจักร) และพนักงานสอบสวนได้แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) 2 คดีคือคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนกรณี โครงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(โครงการอินสแควร์ จตุจักร) และคดี โครงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย(โครงการอินสแควร์ จตุจักร) และร้องเรียนต่อคณะกรรม ป.ป.ช.โดยตรงเมื่อปี 2557 จนถึงขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนของ ป.ป.ช. จึงเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
กลุ่มผู้เสียหายในคดีดังกล่าวได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษมาเป็นเวลานาน โดยมีการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมและให้มีการตรวจสอบการทุจริตกับทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปลายปี 2557 แต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และในคดีดังกล่าวกลุ่มผู้เสียหายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานสอบสวนไว้ด้วย โดยกองบัญชาการสอบสวนกลางได้รับเรื่องดังกล่าวและแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อการดำเนินการทางคดี พนักงานสอบสวนมีการแสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานอย่างเต็มความสามารถมาโดยตลอดจนได้ตัวผู้กระทำความผิด รวมทั้งการกระทำความความผิดทางคดีมีความเกี่ยวเนื่องกับบุคคลอื่นจำนวนมากในภาคเอกชน ผู้กระทำความผิดมีการกระทำความผิดจนเกิดความเสียหายมากมายต่อภาครัฐ และประชาชนผู้สุจริตได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพียงแสงความหวังเล็กๆว่าจะเกิดความเป็นธรรมและผู้กระทำความผิดจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าเมื่อเรื่องต้องส่งมาที่ คณะกรรมการป.ป.ช. ก็เข้าสู่ความมืดที่เรื่องจะถูกเงียบหายไปอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมและผู้กระทำความผิดไม่ได้รับโทษหนังสือร้องเรียนระบุ
และระบุอีกว่า เรื่องดังกล่าวมีการยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปลายปี 2557 มีการติดตามความคืบหน้าต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวม 13 ครั้งทุกครั้งจะมีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบใหม่ไม่น้อยกว่า 4 คน และแจ้งว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบหาข้อเท็จจริงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งคดีทั้ง 2 เรื่องมีความเกี่ยวข้อง และคดีแรกเป็นคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเป็นคดีหลักเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการทางคดีที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องของพนักงานสอบสวน กลุ่มผู้เสียหายขอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้โปรดพิจารณามอบหมายให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการต่อโดยส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากพนักงานสอบสวน แต่เรื่องเงียบอย่างมาก โครงการดังกล่าวมีมูลค่าเกินกว่าพันล้านบาทจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 แต่มีการเพิกเฉยไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้อง
กลุ่มผู้เสียหายขอความเมตตากรุณาจากท่านในฐานะสื่อมวลชนที่เป็นที่พึ่งของประชาชนตาดำๆที่ต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมมาด้วยความตั้งใจจริงที่จะให้เกิดความเป็นธรรมและผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษไม่ถูกเก็บเงียบไปบนความเสียหายของภาครัฐและประชาชนผู้สุจริตในการตีแผ่ความจริงให้ปรากฏและติดตามการทำงานของหน่วยงานรัฐที่มีความผิดปกติ ท่านคือความหวังเดียวที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดความเป็นธรรมหนังสือร้องเรียนระบุ
หนังสือระบุอีกว่า โครงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท เจ เจ เซ็นเตอร์ จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ดีดี มอลล์ จำกัด) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิการเช่าที่ดินของการรถไฟฯ ตามสัญญา 2 ฉบับ คือ 1) สัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคาร เลขที่ 902520965 ลงวันที่ 24 ส.ค.2552 อายุสัญญา 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2552 ถึงวันที่31 ส.ค.2556 และ 2 ) สัญญาเช่าที่ดินเพื่อดำเนินการจัดประโยชน์ เลขที่ 907520966 ลงวันที่ 24 ส.ค.2552 อายุสัญญาเช่า 30 ปี ตั้งแต่ 1 ก.ย.2556 -31 ส.ค.2586
ต่อมาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอาคาร บริษัทฯ ได้ประกาศเสนอขายสิทธิการเช่าพื้นที่อาคารตึก 8 ชั้น (ให้เช่าช่วง)ให้ประชาชนทั่วไป ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าบริษัทฯ ได้รับสิทธิการเช่าดังกล่าวจากการรถไฟฯ แล้ว จึงได้เข้าทำสัญญาตอบแทนสิทธิการเช่าและชำระเงินให้แก่บริษัทฯ และบริษัทฯ ได้ดำเนินการขายพื้นที่โดยตรงและผ่านตัวแทนซึ่งเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ พบว่า มีการขายพื้นที่ซ้ำซ้อนกันเป็นจำนวนมากผ่านตัวแทนดังกล่าว และบริษัทฯ ไม่สามารถจดทะเบียนโอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ซื้อได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบการทำสัญญาเช่าที่ดินรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ของ บริษัท เจ.เจ.เซ็นเตอร์ จำกัด (ต่อมา บริษัท อินสแควร์ ช้อปปิ้ง มอลล์ และ บริษัท อินสแควร์ จำกัด) และนำไปกู้เงินจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยกว่า 1,600 ล้านบาท (อ่านประกอบ: ดีเอสไอลุยสอบปมเช่าที่ดินรถไฟฯกู้แบงก์อิสลาม 1.6 พันล.บ.เจ.เจ.เซ็นเตอร์)
ต่อมา วันที่ 5 ม.ค.59 พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำหนังสือแจ้งผู้ร้องเรียน ว่า การจากการสืบสวนปรากฎพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าการดำเนินโครงการดังกล่าว ในขั้นตอนการบริหารสัญญาของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีลักษณะการกระทำอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ) อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้กรณีดังกล่าวยังมิใช่คดีความผิดทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เป็นกรณีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงยุติเรื่อง และส่งเรื่องให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ตั้งแต่ต้นปี 58 และผู้ร้องเรียนได้ติดตามการดำเนินการของ ป.ป.ช.หลายครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีความคืบหน้า
เมื่อวันที่ 10 ก.ค.58 กลุ่มผู้ได้รับความเสียหาย ได้ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านศูนย์บริการประชาชน 1111 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ตรวจสอบการทำสัญญาให้เอกชนเช่าที่ดินโครงการดังกล่าวด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 20/12/2019 10:30 am Post subject:
ยึดพื้นที่โรงแรมรถไฟหัวหิน รถไฟจ่อชง "เซ็นทรัล" ต่อสัญญา 30 ปี
ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 เวลา 09:15 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถึงความคืบหน้าในการสรรหาผู้รับสัมปทานรายใหม่สำหรับการเช่าที่ดินโรงแรมรถไฟ หัวหิน หรือโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน บนเนื้อที่ 71.65 ไร่ ว่า ปัจจุบัน รฟท.ได้ขยายอายุสัมปทานชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 ปี ให้ผู้เช่ารายเดิมคือ กลุ่มเซ็นทรัล คือบริษัท เซ็นทรัลหัวหินบีชรีสอร์ท จำกัด ซึ่งจะครบอายุสัญญาในวันที่ 15 พ.ค.63
โดยในเบื้องต้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้ส่งหนังสื่อยืนยันมาแล้วว่าโครงการดังกล่าว ไม่เข้าข่ายต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุน ระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ.2562 จึงให้ รฟท.สรรหาผู้รับสัมปทานตามระเบียบ เพื่อสรรหาเอกชนรายใหม่
ตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าฉบับเดิมที่ รฟท.ทำไว้ พบว่าได้กำหนดให้ รฟท.ต้องเปิดเจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิมก่อน หากเซ็นทรัลสนใจก่อนหากตกลงกับเซ็นทรัลได้ก็สามารถต่อสัญญาได้เลย แต่หากตกลงกันไม่ได้จะเปิดให้เอกชนรายอื่นเข้ามาร่วมรับการสรรหา โดย รฟท.ได้เริ่ม หารืออย่างไม่เป็นทางการแล้ว และเซ็นทรัลสนใจเช่าที่ดินต่อ ซึ่งขณะนี้คณะอนุกรรมการคัดเลือกได้ขอให้ รฟท.ไปพิจารณารายละเอียดเรื่องความคุ้มค่าของแผนการลงทุนเพิ่มเติมว่า เต็มศักยภาพของพื้นที่แล้วหรือไม่ โดยคาดว่า รฟท.จะเสนอโครงการให้บอร์ด รฟท.พิจารณาในวันที่ 16 ม.ค.63 หากบอร์ดเห็นชอบ รฟท.จะเปิดการเจรจากับเซ็นทรัลอย่างเป็นทางการเพื่อต่อสัญญาเช่าต่อไป
ทั้งนี้ การต่ออายุสัมปทานเช่าจะต่อในระยะ เวลา 30 ปี ผู้เช่าจะต้องเสนอผลตอบแทนจากค่าเช่าตลอดอายุสัญญาไม่ต่ำกว่า 5,727 ล้านบาท และจะต้องลงทุนเพิ่มเติมด้วยการปรับปรุงอาคารและก่อสร้างอาคารอีก 3,169 ล้านบาท ทำให้มูลค่า การให้เช่าโรงแรมรถไฟครั้งใหม่นี้จะสูงถึง 8,896 ล้านบาท.
Back to top