View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 23/06/2020 8:13 pm Post subject: |
|
|
โมเดล โดมครอบทางด่วน ลุ้น ม.เกษตร เปิดทางปักตอม่อ
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
วันที่ 23 มิถุนายน 2563 - 08:43 น.
ยังลูกผีลูกคนโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือช่วง N1-N2 และ E-W Corridor เชื่อมการเดินทางกรุงเทพฯ โซนตะวันออก-ตะวันตก ที่เขย่ารูปแบบก่อสร้างและแนวเส้นทางช่วง N1 อยู่หลายครั้ง
หลัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คัดค้านไม่เอาทางด่วนสร้างเป็นทางยกระดับพาดผ่านหน้ามหาวิทยาลัย หวั่นเกิดมลพิษทางเสียงและฝุ่นละออง แต่เห็นด้วยกับการสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล แคราย-ลำสาลี
ที่ สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ศึกษาภาพรวมจะลงทุนสร้างทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วนบนเส้นทางเดียวกัน ซึ่ง คจร.-คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เปิดไฟเขียวแล้ว เพื่อแก้ปัญหาการจราจรบนถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยใช้เงินลงทุนร่วม 1 แสนล้านบาท
ล่าสุด กทพ.-การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ปรับแนวช่วง N1 จากเดิมสร้างบนถนนรัตนาธิเบศร์ตรงไปเชื่อมกับวงแหวนตะวันตก เป็นเชื่อมทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก เลาะไปตามคลองเปรมประชากรจากจตุจักรผ่านหลังวัดเสมียนนารี แล้วเลี้ยวเข้าถนนงามวงศ์วาน ข้ามโทลล์เวย์ ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระยะทาง 7.1 กม. เงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท จากนั้นแนวจะสร้างบนตอม่อเดิมบนเกาะกลางถนนเกษตร-นวมินทร์ ไปบรรจบกับวงแหวนรอบนอกตะวันออก
ม.เกษตรฯ โอเครถไฟฟ้าสีน้ำตาล
ความคืบหน้าล่าสุด ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมาเชิญตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมประชุมพร้อมกับตัวแทนจาก 4 หน่วยงาน ได้แก่ กทพ. กรมทางหลวง (ทล.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ สนข.หารือถึงรูปแบบก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือและรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล
โดยได้ข้อสรุปร่วมกันในเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เห็นด้วยกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลและยินดีให้ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยในรูปแบบของการรอนสิทธิที่ดิน โดยภาครัฐจะจ่ายค่าใช้จ่ายสิทธิที่ดินให้
จากข้อมูล รฟม. ต้องใช้ที่ดินปักเสาตอม่อรถไฟฟ้า 2 จุด คือ บริเวณฝั่ง ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อสร้างทางรถไฟฟ้าจะต้องข้ามสะพานข้ามแยกบางเขนและโทลล์เวย์ ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นจุดที่ตั้งของสถานีร่วมสถานีบางเขนสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตด้วย และจุดที่ 2 คือบริเวณฝั่ง ถ.งามวงศ์วานสร้างทางขึ้นลงสถานีบริเวณประตูงามวงศ์วาน 2 ขณะที่สถานีจะอยู่กลาง ถ.งามวงศ์วาน มีทางขึ้นลงสถานี 2 ข้าง
สายสีน้ำตาลสร้างได้สำเร็จ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะมี 3 รถไฟฟ้าเชื่อมการเดินทาง 3 ด้าน ถ.พหลโยธิน มีสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ด้าน ถ.วิภาวดีรังสิต มีสายสีแดงและด้าน ถ.งามวงศ์วาน มีสายสีน้ำตาล จะไปเชื่อมกับสายสีชมพูและสีม่วงที่แครายอีกด้วย คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมทั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัย ชุมชนโดยรอบ และผู้ที่ต้องเรียน ทำงานในบริเวณเดียวกันมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ 80% หรือคิดเป็น 70,000-80,000 คน/วัน ปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวและว่า
ผุดโดมครอบทางด่วน
ส่วนการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 กทพ. เสนอควรทำเป็นทางยกระดับโดยใช้แนว N1 เดิมเพราะช่วงทดแทน N1 ผ่านคลองบางบัวมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและติดเรื่องใช้พื้นที่ของหน่วยราชการอื่น ๆ มากมาย ส่วนแนวคิดสร้างอุโมงค์ใต้ดินทาง กทพ.ศึกษาพบว่าต้องขุดอุโมงค์ลึกลงไปใต้อุโมงค์ลอดแยกเกษตรอีก จะเพิ่มความชันช่วงทางขึ้นลงทั้งสองด้านมาก และต้นทุนก่อสร้างแพงกว่าแบบยกระดับถึง 20,000 ล้านบาท และไม่เกิดการเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชตามที่วางเป้าหมายโครงการไว้ ทางออกคือต้องกลับมาใช้แนวและรูปแบบเดิมสร้างยกระดับ ผ่านแยกเกษตร เข้าสู่ ถ.งามวงศ์วาน และต้องใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สร้างตอม่อร่วมกับสายสีน้ำตาล
ข้อกังวลเรื่องมลพิษทางเสียงและอากาศ กทพ.ได้ออกแบบหลังคาครอบทางด่วนและรถไฟฟ้าตลอดแนวจากแยกเกษตรถึงแยกวิภาวดี โดยออกแบบลักษณะเป็นโดมครอบเพื่อป้องกัน ภายในมีติดตั้งเครื่องพ่นฝอยละอองน้ำดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีต้นทุนก่อสร้างเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ถูกกว่าสร้างอุโมงค์แน่นอน ให้ตั้งคณะทำงานย่อยหารือด้านเทคนิคร่วมกับเกษตรศาสตร์อีกครั้ง นำเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งในอีก 2-3 สัปดาห์
หากยังค้านไม่เลิกล้มโปรเจ็กต์
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ท่าทีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ยังไม่เห็นด้วยที่ให้มีโครงการดังกล่าว มองว่ารัฐบาลสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลแล้วควรส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนมากกว่า ขณะที่กระทรวงมองภาพใหญ่การก่อสร้างทางด่วนเพื่อให้เป็นทางเลือกในการเดินทาง รูปแบบใหม่ที่เสนอหากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไม่คัดค้าน จะเสนอให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับทราบต่อไปจากนั้นให้ กทพ.ออกแบบโครงการร่วมกับ รฟม.เพราะต้องใช้แนวร่วมกับรถไฟฟ้า
ขณะเดียวกันจะเริ่มทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เฉพาะช่วงทดแทน N1 พร้อมกันไปด้วย และนำโครงการช่วง N2 และต่อขยาย E-W Corridor ช่วง ถ.เกษตร-นวมินทร์-วงแหวนรอบนอกตะวันออก ระยะทาง 10.5 กม. วงเงิน 15,200 ล้านบาท ก่อสร้างก่อน เพราะ กทพ.มีเงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) สำหรับการก่อสร้างแล้ว แต่หากยังคัดค้านอาจจะยกเลิกโครงการนี้ไปเลย เพราะไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
เมื่อโปรเจ็กต์มาถึงทางตัน ต้อง วัดใจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะโอเคหรือเซย์โนโมเดลใหม่ และสุดท้าย กทพ.จะปิดมหากาพย์ปลุกผีตอม่อ 281 ต้น ที่ทุ่มเงินกว่าพันล้านสร้างไปเมื่อ 26 ปีที่แล้วได้สำเร็จ หรือจะตามหลอนคนกรุงต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 25/06/2020 11:04 am Post subject: |
|
|
BEM-BTS เดือด ชิงสัมปทานสายสีส้ม
หน้า เศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
ออนไลน์เมื่อ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 09:20 น.
ตีพิมพ์ใน ข่าวหน้า 1
ฐานเศรษฐกิจ
ฉบับที่ 3,586 วันที่ 25 - 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563
BEM-BTS เดือด ชิงดำงานโยธา-งานระบบเดินรถ สายสีส้ม-ม่วงใต้ 2 แสนล้าน ดับพิษโควิด สมบัติ ประกาศซิว 2 โครงการ ด้านบีทีเอสลั่น ส่วนต่อขยายสีม่วงยกให้ BEM ขณะสีส้ม สู้ไม่ถอย
สิ้นสุดการรอคอย สำหรับ โครงการรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง สายสีส้มตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม) และสายสีม่วงใต้ (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) มูลค่ากว่า 2 แสนล้าน เมื่อเจ้ากระทรวง คมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มีคำสั่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดับเครื่องชน วิกฤติโควิด-19 เปิดประมูลงานโยธาและงานระบบ รวดเดียว 2 เส้นทาง ภายในปลายปีนี้ เริ่มตั้งแต่
1) สายสีม่วงใต้ มูลค่า 1 แสนล้านบาท เดือนกันยายน ที่เพิ่งเคลียร์อีไอเอสำเร็จแล้ว ตามด้วย
2) สายสีส้มตะวันตก มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท ภายในเดือนตุลาคม ทั้งๆที่ EIA ยังไม่เรียบร้อย ประเมินว่าจะสร้างความคึกคักไม่น้อย ให้กับผู้รับเหมา คาดว่า การแข่งขันชิงงานจะรุนแรง มาก กว่าปกติ
ขณะหลักเกณฑ์เงื่อนไข ทีโออาร์ ที่จะประกาศเดือนกรกฏาคม ประกวดราคา งานโยธา (ส้มตะวันตก ) และ สัมปทานเดินรถทั้งระบบ (สายสีส้มตะวันตก-ตะวันออก) ระยะทาง 36 กิโลเมตร เข้าด้วยกัน ซึ่งมั่นใจว่า รัฐจะได้ประโยชน์สูงสุด และแน่นอนว่า คู่ชกสำคัญคงหนีไม่พ้น 2 ค่ายใหญ่ ได้แก่ BEM หรือบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้า กรุงเทพจำกัด (มหาชน) กับ บีทีเอสกรุ๊ป BTS ที่โลดแล่นในกิจการระบบราง คาดว่าจะสู้กันหนัก เพื่อให้ได้งาน แต่ทั้งนี้ ไม่ควรมองข้าม ยักษ์รับเหมาต่างชาติโดยเฉพาะจีน ที่ปักหลักรออยู่แล้ว
ชิงสีส้ม-ม่วงใต้
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BEM กล่าวว่า บีอีเอ็มร่วมกับบมจ.ช.การช่าง พร้อมประมูล รถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม- บางขุนนนท์ ระยะทาง 13 กิโลเมตร ที่รฟม. เตรียมเปิดประมูลงานโยธาวงเงิน 9 หมื่นล้านบาท รูปแบบPPP Netcost โดยบริษัทหาเงินกู้ดอกเบี้ยตํ่าจากธนาคาร ที่เจรจาไว้แล้ว ทั้งนี้หากชนะประมูล บริษัทต้องลงทุนก่อน และรัฐจ่ายคืนในภายหลัง
ขณะสายสีส้มตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร รูปแบบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง บมจ.ช.การช่างกับพันธมิตรอยู่ระหว่างก่อสร้าง ส่วนการสัมปทานเดินรถคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติผูกสายสีส้มตะวันออกและตะวันตก (สายสีส้มช่วงมีนบุรี-บางขุนนนท์) ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ไว้ด้วยกัน ซึ่ง BEM มั่นใจว่าน่าจะคว้าสัมปทาน งานโยธาและงานระบบเดินรถ ดังกล่าว
บีทีเอสสู้ไม่ถอยสายสีส้ม
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) BTS กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเพื่อเตรียมความพร้อมในการลงทุน สายสีส้มหากรฟม.มีการประกาศร่างทีโออาร์ เตรียมจัดทำข้อเสนอเพิ่มเติมต่อไป ขณะเดียวกันหากชนะประมูลทางบริษัทก็จำเป็นต้องหาเงินกู้เพื่อลงทุนเช่นกัน
ม่วงใต้ ยกให้บีอีเอ็ม
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน- ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1 แสนล้านบาท ที่จะมีการประมูลในปีนี้นั้น เราคงไม่ได้เข้าร่วม เนื่องจากเรามองว่าเป็นการประมูลด้านการก่อสร้าง คงเข้าร่วมการประมูลเพียงโครงการสายสีส้มเท่านั้น ซึ่งเราก็หวังว่าจะชนะการประมูลสายสีส้ม ทั้งนี้เราไม่ได้กังวลด้านการแข่งขันในการประมูล เพราะเราก็โปร่งใส ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
ซิโน-ไทย ลั่นไม่ยาก
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC กล่าวว่า การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งใช้รูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) นั้น เบื้องต้นการเข้าร่วมประมูลต้องมีทั้งผลงานก่อสร้างและเดินรถ โดยบริษัทคงเข้าร่วมกับ BTS ที่เป็นพันธมิตรเดิมของเรา ทั้งนี้ในปัจจุบันยังไม่มีการประกาศเชิญชวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องรอดูการประกาศคุณสมบัติและเงื่อนไขก่อนว่าเป็นอย่างไร
ส่วนแนวโน้มเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้คงไม่ยาก เนื่องจากเราก่อสร้างสายสีส้มตะวันออกอยู่แล้ว โดยคำนวณต้นทุนได้ไม่ยาก รวมถึงเรามีเครื่องมือเครื่องจักรและบุคลากรที่พร้อมจะเข้าร่วมประมูล และมีพันธมิตรในการเดินรถที่เชี่ยวชาญอย่าง BTS ด้วย ส่วนการประมูลสายสีม่วงใต้ ขณะนี้เข้าใจว่าเป็นการประมูลลักษณะประมูลด้านงานก่อสร้าง เรามีความพร้อมและไม่มีปัญหาอะไร ก็คงเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกันในทุกสัญญา
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า การทำงานก่อสร้างของบริษัทยังคงมีสภาพคล่องในการดำเนินงานได้โดยใช้เงินทุน หมุนเวียนของบริษัท ซึ่งไม่ต้องหาเงินกู้ ส่วนโครง การที่เป็นรูปแบบ PPP คงต้องคุยกับพันธมิตรที่ร่วมทุนกันและใช้เงินทุนจากแบงก์ตามความเหมาะสมอีกครั้ง ทั้งนี้ในปัจจุบัน ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับงานทั้ง 2 โครงการ ถ้าชนะการประมูลในครั้งนี้ ทางบริษัทก็มีความพร้อมที่จะรับงานได้ทั้ง 2 โครงการ
ขอเอกชนไทยได้ลงทุน
นายอังสุรัศมิ์ อารีกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สำหรับการประมูลทั้ง 2 โครงการ เชื่อว่าเอกชนไทยสนใจลงทุน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทั้งการลงทุนและการเดินรถ จะทำให้มีความพร้อมในการประมูลโครงการฯ เช่นกัน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 01/07/2020 11:51 am Post subject: |
|
|
ปลดล็อก เฟส 5-เปิดเทอม รถไฟฟ้ายกเลิกเว้นที่นั่ง ผับบาร์พร้อมเปิดคืนนี้
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563 เวลา 08:38 น.
บรรยากาศวันแรกเปิดเทอม หลังผ่อนคลายโควิดเฟส 5 รถไฟฟ้ายกเลิกเว้นที่นั่ง พบคนกทม.กลับมาเดินทางตามปกติ แต่ยังสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่ผับ บาร์ สถานบันเทิงเตรียมพร้อมเปิดรับลูกค้า หลังหงอยเหงามานาน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 บรรยากาศการเดินทางตอนเช้าของคนทำงาน และเปิดเรียนวันแรกของนักเรียน นักศึกษา บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามและหมอชิต
ภายในตู้โดยสาร หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เริ่มดีขึ้น จนรัฐบาลเริ่มคลายล็อกเฟส 5 วันแรก โดยวันนี้บีทีเอสได้ยกเลิกการเว้นที่นั่งและที่ยืนในตู้โดยสาร เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารช่วงเปิดเทอมที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมเน้นย้ำให้สวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการหันหน้าเข้าหากันในระหว่างเดินทาง
ทางด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ครั้งที่ 15/2563 โดยมีแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยประเด็นการพิจารณาในที่ประชุมหลัก คือมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 ได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ อาบอบนวด ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การผ่อนผัน คลายล็อกดาวน์เฟส 5 ที่จะมีผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ซึ่งจะอนุญาตให้กิจการ กิจกรรมความเสี่ยงสูง ได้แก่ 6 สถานที่ได้กลับมาเปิดทำการหรือให้บริการได้ แต่ก็ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ไทยชนะ ซึ่งจะต้องกำหนดจำนวนคนเข้าไป เบื้องต้นกทม.ขอให้ทุกสถานบริการให้ความร่วมมือ ด้วยการให้ผู้ใช้บริการเช็กอินในแอปพลิเคชันทั้งเช็กอินและเช็กเอาต์
สำหรับมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟส 5 โดยได้รับการผ่อนปรน จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดสำคัญดังนี้
1. เปิดโรงเรียนทั้งหมดทุกสังกัดในกรุงเทพฯ กลับมาเปิดได้ทั้งหมด
2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้ มอลล์ กลับมาเปิดให้บริการได้ทั้งหมด ซึ่งได้เพิ่มเวลาปิดเป็น 22.00 น.
3. ร้านสะดวกซื้อ สามารถเปิด 24 ชั่วโมง
4. สถานบริการ ผับ บาร์ และร้านคาราโอเกะ อนุญาตให้เปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 24.00 น. และขอให้เว้นระยะยืนนั่ง 1 เมตร
5. สถานอาบอบนวด เปิดให้บริการได้ โดยต้องสวมหน้ากากอนามัยหน้ากากผ้า ตลอดเวลา เว้นขณะอาบน้ำ
//------------------------------------------
รถไฟฟ้าทุกสายเพิ่มขบวนรถ-เลิกเว้นระยะห่างรับเปิดเทอม-ปลดล็อกเฟส 5
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เวลา 20:56 น.
หลังมีการ ผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมในระยะที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และเห็นชอบการขอยกเว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ตามที่กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง ได้นำเสนอเพื่อผ่อนปรนมาตรการการเว้นระยะห่างภายในขบวนรถของระบบขนส่งทางรางภายใน กทม. และปริมณฑล เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อสถานศึกษาทำการเปิดภาคเรียนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563
สีน้ำเงินเพิ่มรถ 9 ขบวน-สีม่วงเก็บ 20 บาท
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) เตรียมความพร้อมในมาตรการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ในช่วงเปิดภาคเรียน
โดยได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดและ จะทำการอนุญาตให้ผู้โดยสารนั่งติดกันได้ สำหรับการยืนจะกำหนดจุดยืนเว้นระยะและหันหน้าตามทิศทางที่แนะนำในขบวนรถ โดยจะควบคุมความหนาแน่นในขบวนรถไม่เกิน 70% ซึ่งปัจจุบันผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ได้กลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเฉลี่ย 250,000 คนต่อวัน
เมื่อผู้โดยสารเข้าสู่ในขบวนรถไฟฟ้าแล้ว ขอความร่วมมือสแกน QR CODE ไทยชนะที่ติดอยู่ในตู้โดยสาร ผู้โดยสารต้องสวมใส่หน้ากากผ้า หรือ หน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่เข้าใช้บริการรถไฟฟ้า และงดเว้นการพูดคุยภายในขบวนรถ
นอกจากนี้ได้จัดขบวนรถเสริมในระบบสายสีน้ำเงิน ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็นในระบบอีก 9 ขบวน จากปกติจะมีขบวนรถให้บริการ 40 ขบวน
และวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 รฟม. ได้ขยายระยะเวลาโปรโมชั่นลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง จ่ายสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2563 เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน และสำหรับผู้ที่เดินทางเชื่อมต่อ 2 สาย ระหว่างสายสีม่วง และสายสีน้ำเงิน จะจ่ายค่าโดยสารร่วมสูงสุดเพียง 48 บาท
บีทีเอสห้ามคุยโทรศัพท์
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมด้านการให้บริการช่วงเปิดเทอม คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการบีทีเอสเพิ่มมากขึ้น
และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร จะขอยกเลิก การเว้นที่นั่ง และที่ยืนในขบวนรถเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารช่วงเปิดเทอมที่เพิ่มสูงขึ้น
ควบคุมความหนาแน่นของผู้โดยสารที่จะเข้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ชั้นชานชาลา และภายในขบวนรถไฟฟ้า ไม่เกิน70 % พร้อมทั้งจำกัดจำนวนผู้โดยสารเข้าใช้บริการเป็นกลุ่ม ในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า และเย็น
เน้นย้ำให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย / หน้ากากผ้าทุกครั้ง งดการพูดคุยภายในขบวนรถและงดคุยโทรศัพท์ในขบวนรถไฟฟ้า 100 % พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการหันหน้าเข้าหากัน
คัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ จัดจุดบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า-ออกสถานี เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่น เช็ดทำความสะอาด ภายในขบวนรถ สถานี และรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกท่านลงทะเบียน ไทยชนะ เมื่อเข้า และออกจากขบวนรถไฟฟ้าขบวนนั้นๆ
แอร์พอร์ตลิงก์เสริม 24 เที่ยว/วัน
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าจะผ่อนปรนมาตรการการเว้นระยะห่างบนรถไฟฟ้า โดยกำหนดเพิ่มความหนาแน่นจากเดิมได้ไม่เกิน50 %เป็น 70 % กำหนดจุดยืนแบบหันหลังชนกันภายในรถ และอนุญาตให้นั่งในที่นั่งติดกันได้ แต่ยังคงเน้นย้ำมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อย่างเคร่งครัด เช่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าใช้บริการ และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing เว้นระยะห่าง 2 เมตรขณะรอซื้อตั๋วโดยสาร และตรวจวัดอุณหภูมิ
งดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร และหากในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น จะดำเนินการจำกัดปริมาณผู้โดยสารที่จะขึ้นสู่ชั้นชานชาลาและภายในขบวนรถไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ในช่วงเปิดภาคเรียนคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 34,000 คน/วัน เป็น 40,000 คน/วัน ได้เตรียมขบวนรถเสริม ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น วันจันทร์ ศุกร์ จำนวน 24 เที่ยว/วัน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 01/07/2020 11:51 am Post subject: |
|
|
ปลดล็อก เฟส 5-เปิดเทอม รถไฟฟ้ายกเลิกเว้นที่นั่ง ผับบาร์พร้อมเปิดคืนนี้
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563 เวลา 08:38 น.
บรรยากาศวันแรกเปิดเทอม หลังผ่อนคลายโควิดเฟส 5 รถไฟฟ้ายกเลิกเว้นที่นั่ง พบคนกทม.กลับมาเดินทางตามปกติ แต่ยังสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่ผับ บาร์ สถานบันเทิงเตรียมพร้อมเปิดรับลูกค้า หลังหงอยเหงามานาน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 บรรยากาศการเดินทางตอนเช้าของคนทำงาน และเปิดเรียนวันแรกของนักเรียน นักศึกษา บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามและหมอชิต
ภายในตู้โดยสาร หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เริ่มดีขึ้น จนรัฐบาลเริ่มคลายล็อกเฟส 5 วันแรก โดยวันนี้บีทีเอสได้ยกเลิกการเว้นที่นั่งและที่ยืนในตู้โดยสาร เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารช่วงเปิดเทอมที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมเน้นย้ำให้สวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการหันหน้าเข้าหากันในระหว่างเดินทาง
ทางด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ครั้งที่ 15/2563 โดยมีแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยประเด็นการพิจารณาในที่ประชุมหลัก คือมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 ได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ อาบอบนวด ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป
ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การผ่อนผัน คลายล็อกดาวน์เฟส 5 ที่จะมีผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ซึ่งจะอนุญาตให้กิจการ กิจกรรมความเสี่ยงสูง ได้แก่ 6 สถานที่ได้กลับมาเปิดทำการหรือให้บริการได้ แต่ก็ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ไทยชนะ ซึ่งจะต้องกำหนดจำนวนคนเข้าไป เบื้องต้นกทม.ขอให้ทุกสถานบริการให้ความร่วมมือ ด้วยการให้ผู้ใช้บริการเช็กอินในแอปพลิเคชันทั้งเช็กอินและเช็กเอาต์
สำหรับมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟส 5 โดยได้รับการผ่อนปรน จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดสำคัญดังนี้
1. เปิดโรงเรียนทั้งหมดทุกสังกัดในกรุงเทพฯ กลับมาเปิดได้ทั้งหมด
2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้ มอลล์ กลับมาเปิดให้บริการได้ทั้งหมด ซึ่งได้เพิ่มเวลาปิดเป็น 22.00 น.
3. ร้านสะดวกซื้อ สามารถเปิด 24 ชั่วโมง
4. สถานบริการ ผับ บาร์ และร้านคาราโอเกะ อนุญาตให้เปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 24.00 น. และขอให้เว้นระยะยืนนั่ง 1 เมตร
5. สถานอาบอบนวด เปิดให้บริการได้ โดยต้องสวมหน้ากากอนามัยหน้ากากผ้า ตลอดเวลา เว้นขณะอาบน้ำ
//------------------------------------------
รถไฟฟ้าทุกสายเพิ่มขบวนรถ-เลิกเว้นระยะห่างรับเปิดเทอม-ปลดล็อกเฟส 5
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เวลา 20:56 น.
หลังมีการ ผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมในระยะที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และเห็นชอบการขอยกเว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ตามที่กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง ได้นำเสนอเพื่อผ่อนปรนมาตรการการเว้นระยะห่างภายในขบวนรถของระบบขนส่งทางรางภายใน กทม. และปริมณฑล เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อสถานศึกษาทำการเปิดภาคเรียนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563
สีน้ำเงินเพิ่มรถ 9 ขบวน-สีม่วงเก็บ 20 บาท
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) เตรียมความพร้อมในมาตรการรองรับการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ในช่วงเปิดภาคเรียน
โดยได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดและ จะทำการอนุญาตให้ผู้โดยสารนั่งติดกันได้ สำหรับการยืนจะกำหนดจุดยืนเว้นระยะและหันหน้าตามทิศทางที่แนะนำในขบวนรถ โดยจะควบคุมความหนาแน่นในขบวนรถไม่เกิน 70% ซึ่งปัจจุบันผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ได้กลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเฉลี่ย 250,000 คนต่อวัน
เมื่อผู้โดยสารเข้าสู่ในขบวนรถไฟฟ้าแล้ว ขอความร่วมมือสแกน QR CODE ไทยชนะที่ติดอยู่ในตู้โดยสาร ผู้โดยสารต้องสวมใส่หน้ากากผ้า หรือ หน้ากากอนามัย ตลอดเวลาที่เข้าใช้บริการรถไฟฟ้า และงดเว้นการพูดคุยภายในขบวนรถ
นอกจากนี้ได้จัดขบวนรถเสริมในระบบสายสีน้ำเงิน ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็นในระบบอีก 9 ขบวน จากปกติจะมีขบวนรถให้บริการ 40 ขบวน
และวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 รฟม. ได้ขยายระยะเวลาโปรโมชั่นลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง จ่ายสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2563 เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน และสำหรับผู้ที่เดินทางเชื่อมต่อ 2 สาย ระหว่างสายสีม่วง และสายสีน้ำเงิน จะจ่ายค่าโดยสารร่วมสูงสุดเพียง 48 บาท
บีทีเอสห้ามคุยโทรศัพท์
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมด้านการให้บริการช่วงเปิดเทอม คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการบีทีเอสเพิ่มมากขึ้น
และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร จะขอยกเลิก การเว้นที่นั่ง และที่ยืนในขบวนรถเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารช่วงเปิดเทอมที่เพิ่มสูงขึ้น
ควบคุมความหนาแน่นของผู้โดยสารที่จะเข้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ชั้นชานชาลา และภายในขบวนรถไฟฟ้า ไม่เกิน70 % พร้อมทั้งจำกัดจำนวนผู้โดยสารเข้าใช้บริการเป็นกลุ่ม ในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า และเย็น
เน้นย้ำให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย / หน้ากากผ้าทุกครั้ง งดการพูดคุยภายในขบวนรถและงดคุยโทรศัพท์ในขบวนรถไฟฟ้า 100 % พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการหันหน้าเข้าหากัน
คัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ จัดจุดบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า-ออกสถานี เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่น เช็ดทำความสะอาด ภายในขบวนรถ สถานี และรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกท่านลงทะเบียน ไทยชนะ เมื่อเข้า และออกจากขบวนรถไฟฟ้าขบวนนั้นๆ
แอร์พอร์ตลิงก์เสริม 24 เที่ยว/วัน
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าจะผ่อนปรนมาตรการการเว้นระยะห่างบนรถไฟฟ้า โดยกำหนดเพิ่มความหนาแน่นจากเดิมได้ไม่เกิน50 %เป็น 70 % กำหนดจุดยืนแบบหันหลังชนกันภายในรถ และอนุญาตให้นั่งในที่นั่งติดกันได้ แต่ยังคงเน้นย้ำมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อย่างเคร่งครัด เช่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าใช้บริการ และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing เว้นระยะห่าง 2 เมตรขณะรอซื้อตั๋วโดยสาร และตรวจวัดอุณหภูมิ
งดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร และหากในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น จะดำเนินการจำกัดปริมาณผู้โดยสารที่จะขึ้นสู่ชั้นชานชาลาและภายในขบวนรถไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ในช่วงเปิดภาคเรียนคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 34,000 คน/วัน เป็น 40,000 คน/วัน ได้เตรียมขบวนรถเสริม ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น วันจันทร์ ศุกร์ จำนวน 24 เที่ยว/วัน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 09/07/2020 3:24 am Post subject: |
|
|
📣วันนี้น้องทันใจจะมาอัพเดท 🚧🚆
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563
ความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ รฟม. ประจำเดือน มิถุนายน 2563 🔛 ดังนี้
1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี 🏗ความก้าวหน้างานโยธา 64.21%
2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง 🏗ความก้าวหน้างานโยธา 60.94% 🚧ความก้าวหน้างานระบบรถไฟฟ้า 53.95% ความก้าวหน้าโดยรวม 57.90%
3. โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 🏗ความก้าวหน้างานโยธา 60.31% 🚧ความก้าวหน้างานระบบรถไฟฟ้า 53.91% ความก้าวหน้าโดยรวม 57.53%
https://www.facebook.com/MRTA.PR/photos/a.1409211292628934/2552579578292094/?type=3&theater |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 11/07/2020 3:07 pm Post subject: |
|
|
สนข. จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เศรษฐกิจ
Thailandplus
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พศ. 2563
วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม (คค.) จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ณ โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง จังหวัดระยอง โดยมีนายยุทธพล องอาทอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารสาธารณะ ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และสื่อมวลชน เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 120 คน
การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลการศึกษาขั้นสุดท้ายในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดย สนข. ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รูปแบบการลงทุน และวิธีการนำไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วยภาพรวมการเชื่อมโยงพื้นที่เมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะ 3 ระบบ ได้แก่
1) ระบบขนส่งสาธารณะหลัก เชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมสำคัญระหว่างภูมิภาค และโครงสร้างพื้นฐาน
2) ระบบขนส่งสาธารณะรอง เชื่อมโยงระบบหลักและแหล่งกิจกรรมสำคัญระหว่างเมืองในเขตเมือง
3) ระบบขนส่งสาธารณะเสริม เชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมย่อยในเขตเมืองหรือพื้นที่อยู่อาศัยเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะสายรอง
มีองค์ประกอบของระบบขนส่งสาธารณะ ประกอบด้วย โครงข่ายเส้นทางและตัวระบบ สาธารณูปโภคสนับสนุน ระบบตั๋วและค่าโดยสาร สิ่งแวดล้อมและการยอมรับของประชาชน การลงทุนและผลตอบแทน รวมถึงการบริหารจัดการ ซึ่งเป้าหมายของระบบขนส่งสาธารณะ ต้องมีความสะดวกเข้าถึงง่าย ปลอดภัย พัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างรูปแบบการขนส่ง ส่งเสริมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และมีความคุ้มค่า
ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบระบบขนส่งสาธารณะแบ่งเป็น ช่องทางเฉพาะ (Exclusive Lane) และช่องทางร่วมกับรถทั่วไป (Shared Lane) โดยมีแนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะที่เสนอในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ดังนี้
แนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ประกอบด้วย
แนวเส้นทางที่ 1 HSR ฉะเชิงเทรา-โรงเรียนเบญจมฯ ตะวันออกคอมเพล็กซ์
แนวเส้นทางที่ 2 HSR ฉะเชิงเทรา วัดโสธรฯ
,แนวเส้นทางที่ 3 รอบเมืองฉะเชิงเทรา
แนวเส้นทางที่ 4 HSR ฉะเชิงเทรา บางคล้า
แนวเส้นทางที่ 5 HSR ฉะเชิงเทรา บ้านโพธิ์ บางปะกง
โดย สนข. ได้คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1 HSR ฉะเชิงเทรา โรงเรียนเบญจมฯ ตะวันออกคอมเพล็กซ์ เป็นโครงการนำร่อง
แนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย
แนวเส้นทางที่ 1 HSR ชลบุรี เมืองชลบุรี (นิคมฯ อมตะซิตี้ชลบุรี)
แนวเส้นทางที่ 2 HSR ชลบุรี บางแสน/ตัดช่วง HSR ชลบุรี หนองมน
แนวเส้นทางที่ 3 HSR ชลบุรี บ้านบึง EECi
แนวเส้นทางที่ 4 HSR ศรีราชา แหลมฉบัง
แนวเส้นทางที่ 5 HSR ศรีราชา EECd
แนวเส้นทางที่ 6 เมืองศรีราชา HSR ศรีราชา นิคมฯ อมตะซิตี้ระยอง (ปลวกแดง)
แนวเส้นทางที่ 7 HSR พัทยา แหลมบาลีฮาย
แนวเส้นทางที่ 8 HSR พัทยา สวนนงนุช
โดย สนข. ได้คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 6 เมืองศรีราชา-HSR ศรีราชา-นิคมฯ อมตะซิตี้ระยอง (ปลวกแดง) เป็นโครงการนำร่อง แต่รถไฟฟ้า monorail พัทยา สาย HSR พัทยา แหลมบาลีฮาย ก็ยังดำเนินต่อไป
แนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดระยอง ประกอบด้วย
แนวเส้นทางที่ 1 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรม IRPC
แนวเส้นทางที่ 2 แหลมเจริญ สามแยกขนส่ง
แนวเส้นทางที่ 3 HSR อู่ตะเภา ระยอง บ้านเพ
แนวเส้นทางที่ 4 ระยอง บ้านค่าย EECi
แนวเส้นทางที่ 5 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมพัฒนา ปลวกแดง
แนวเส้นทางที่ 6 HSR อู่ตะเภา ระยอง EECi
โดย สนข. ได้คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรม IRPC เป็นโครงการนำร่อง
ในส่วนของการลงทุนนั้น รัฐบาลจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และบริษัทเอกชน ตามความเหมาะสม โดยในเบื้องต้นรูปแบบของรถโดยสารจะเป็นรถโดยสารไฟฟ้า EV BUS รถโดยสารขนาดเล็ก EV minibus และรถไฟฟ้าล้อยาง Trambus
อนึ่ง ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันเสนอข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างกว้างขวาง อาทิ อยากให้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยให้ขยายเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวจากสนามบินอู่ตะเภาไปบ้านเพ/เกาะเสม็ด และเส้นทางสำหรับประชาชนจากเมืองระยองไปตลาดตะพง มีการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือสัตหีบ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของ EEC รวมทั้ง ให้พิจารณาแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการ/สหกรณ์เดินรถโดยสารประจำทางเดิมเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการเดินรถใหม่ เพิ่มเติมเส้นทางคมนาคมเพื่อขยายโครงข่าย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจรารจร และลดปัญหาคอขวด เช่น ก่อสร้างถนนเลี่ยงเมือง และอยากให้มีการขยายเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 2 สถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้เดินทางเป็นวงรอบได้ตลอดจนอยากให้พัฒนาสถานีศรีราชาให้เป็น intermodal สำคัญของนักธุรกิจ และนักลงทุนในการเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือแหลมฉบัง ในส่วนของผู้แทนผู้ประกอบการเดินรถ ต้องการให้มีสถานีขนส่งผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสถานีรถไฟความเร็วสูง และให้จัดเตรียมพื้นที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้ง ระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อสุขอนามัยของประชาชน
ทั้งนี้ อยากให้ผลการศึกษาดังกล่าว ต้องเชื่อมโยงเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะเพื่อสนับสนุนการเดินทาง การพัฒนาอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว และให้รัฐสนับสนุนการดำเนินการให้เกิดขึ้นได้จริง โดย สนข. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ จากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน เพื่อจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ และ สนข. จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/971529326618880 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 11/07/2020 3:53 pm Post subject: |
|
|
ศักดิ์สยามคุยทูตญี่ปุ่นแย้มสัปดาห์หน้า สรุปผ่อนปรนการเดินทาง พอใจโครงการEEC คืบหน้า
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พศ. 2563 เวลา 21:01
ศักดิ์สยามคุยทูตญี่ปุ่น อัพเดทโครงการ EEC
แย้มสัปดาห์หน้าสรุปเงื่อนไขเดินทางไทย-ญี่ปุ่น ย้ำเกณฑ์ตรวจเชื้อโควิดต้นทาง พร้อมแจงสายสีแดงลงทุน PPP รวมแพคเกจ ก่อสร้าง-เดินรถ-บริหารสถานีบางซื่อ แก้ล่าช้าและลดภาระงบประมาณรัฐ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัง นายคาซูยะ นาชิดะ (H.E. Mr. NASHIDA Kazuya) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ว่า ญี่ปุ่นได้สอบถามถึงความคืบหน้า โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะโครงการที่มีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงทุน ประกอบด้วย โครงการถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งขณะนี้การส่งมอบพื้นที่งานก่อสร้างให้เอกชนเป็นไปตามกรอบเวลา
โครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งได้มีการลงนามกับเอกชนผู้ชนะการประมูลแล้ว และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ซึ่งอยู่ระหว่างตกลงราคากับผู้ประมูล โดยคาดว่า จะได้ข้อสรุปอย่างช้าในเดือนส.ค.นี้
ทั้งนี้ ทางญี่ปุ่นแสดงความพอใจภาพการดำเนินนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC ของไทยสามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริงโดยรัฐบาลไทยยืนยันว่าจะสามารถเปิดให้บริการโครงการต่างๆ ภายในปี 2568 ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อภาครัฐและนักลงทุนของญี่ปุ่น และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ
@ สัปดาห์หน้ามีข่าวดีผ่อนปรนเดินทางไทย-ญี่ปุ่น
สำหรับ การเดินทางระหว่างไทย- ญี่ปุ่น ทั้งทางอากาศและทางน้ำนั้น รมว.คมนาคมกล่าวว่า ไทยยังคงเน้นใช้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ในการคัดกรองบุคคล ซึ่งที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศได้มีการเจรจากัน โดยภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนถึงมาตรการผ่อนปรนการในการเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางญี่ปุ่นมีปัญหาเพราะระเบียบการตรวจโรคโควิดนั้น จะตรวจเฉพาะคนป่วยเท่านั้น ส่วนคนไม่ป่วย จะไม่ตรวจ ซึ่งจะมีปัญหากรณีที่เดินทางมาไทยแล้วตรวจพบว่าติดเชื้อและเกิดภาระค่าใช้จ่ายกับผู้เดินทางและสายการบิน ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาและทราบผลในสัปดาห์หน้า
ประเทศไทย มีมาตรการในการป้องกันโควิดที่ดี เป็นอันดับ 2 ของโลก และได้รับการ คาดหมายจากองค์กรระหว่างประเทศว่าไทยจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่นักลงทุนญี่ปุ่นต้องการเดินทางเข้ามาดูแลธุรกิจที่มีการลงทุนในประเทศไทย และไม่เฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นักลงทุนจากหลายประเทศ ต้องการเดินทางเช่นกัน ซึ่งได้มีการทำเรื่องที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย โดยจะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่ไทยกำหนด ซึ่งท่านทูตญี่ปุ่นยืนยันว่า นักลงทุนของญี่ปุ่นที่จะเข้ามาไทย จะมีการตรวจสุขภาพจากต้นทางที่ญี่ปุ่น มีการจัดซื้อประกันวงเงิน 1 แสนเหรียญสหรัฐ และเมื่อเข้ามาถึงไทย ก็ต้องรับการตรวจเชื้ออีก ซึ่งหากพบเชื้อจะทำไห้ไม่ต้องกระทบการเงินของไทย ซึ่งหากเงื่อนไขที่จะทำกับญี่ปุ่นเป็นผลดี จะสามารถนำไปใช้เป็นข้อตกลงกับประเทศอื่นๆ ต่อไป
การคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขที่ดี การเดินทางจะทำได้แน่นอน เพราะตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ฉบับล่าสุด ไม่ได้ห้ามทำการบินแล้ว เพียงแต่สายการบินจะต้องทำตามเงื่อนไขมาตรฐานสาธารณสุข คนจากต่างประเทศที่เข้ามา จะมีการปฏิบัติอย่างไร มีเงื่อนไข ไม่ได้เข้ามาแล้วจะไปไหนได้อย่างเสรี จะต้องกำหนดเส้นทางมีขอบเขตที่ชัดเจน จนกว่าจะพ้นระยะเวลา กักกันโรค หรือ Quarantine ซึ่งหากทำได้กับญี่ปุ่น จะได้ไปทำข้อตกลงกับประเทศอื่นต่อไป
@เปิดทางต่างชาติร่วมประมูลมอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งให้ญี่ปุ่นทราบถึงนโยบายของรัฐบาลไทยในการขยายพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) วางแผน
รวมถึงนโยบายการบูรณาการ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ กับโครงการรถไฟทางคู่ ระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตรทั่วประเทศ (MR-MAP) เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีการศึกษาออกแบบ ในปี 2564 และจะเปิดประมูล โดยคำนึงถึง Thai First ก่อนแต่หากศักยภาพนักลงทุนไทยมีไม่พอ อาจต้องใช้รูปแบบ ประมูลนานาชาติ แต่จะต้องมี Thai First และให้ต่างชาติเข้ามาร่วมเป็นกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ช่วยเพิ่มศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม ทางญี่ปุ่นระบุว่า พร้อมที่จะสนับสนุนด้านเทคโนโลยีระบบอุโมงค์ที่จะเชื่อมต่อทางด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของไทย ซึ่งญี่ปุ่นนั้นมีเทคโนโลยีที่จะช่วยประหยัดงบประมาณ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกับญี่ปุ่นเพื่อทำการศึกษาต่อไป รวมถึงการศึกษานำระบบ Big Data มาใช้ในระบบขนส่งทางราง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคล
@ปรับ สายสีแดง ลงทุน PPP รวมแพคเกจก่อสร้าง-เดินรถ-บริหารสถานีบางซื่อ
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งใช้เงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจก้า นั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ขณะนี้มีความล่าช้า ซึ่งได้ชี้แจงต่อญี่ปุ่นถึงปัญหาอุปสรรคที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางที่จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนเป็น PPP เพื่อลดภาระงบประมาณจากภาครัฐ โดยจะให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการก่อสร้าง สายสีแดงส่วนต่อขยายและบริหารสถานีบางซื่อ
ทั้งนี้ เนื่องจาก การดำเนินการรูปแบบเดิมจะขาดทุนใน 7 ปีแรก ในขณะที่งบประมาณรัฐจำกัด และเกิดโรคโควิด จึงต้องหาแนวทางที่คุ้มค่า เพื่อหาเงินคืนไจก้าโดยเร็วที่สุด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42739
Location: NECTEC
|
Posted: 13/07/2020 12:44 pm Post subject: |
|
|
ผุดระบบขนส่งสาธารณะ 3 จังหวัด EEC เชื่อมไฮสปีด-นิคมอมตะ-มาบตาพุด-IRPC
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 เวลา 18:51 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2563 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่2 โครงกาศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ที่โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง จ.ระยอง
มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารสาธารณะ ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 120 คนเป็นการนำเสนอผลการศึกษาขั้นสุดท้าย
@ ประเดิมรถโดยสารEV-Trambus
โดย สนข. ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รูปแบบการลงทุน และวิธีการนำไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วยภาพรวมการเชื่อมโยงพื้นที่เมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะ 3 ระบบ
ได้แก่ 1. ระบบขนส่งสาธารณะหลัก เชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมสำคัญระหว่างภูมิภาค และโครงสร้างพื้นฐาน 2.ระบบขนส่งสาธารณะรอง เชื่อมโยงระบบหลักและแหล่งกิจกรรมสำคัญระหว่างเมืองในเขตเมือง
และ 3.ระบบขนส่งสาธารณะเสริม เชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมย่อยในเขตเมืองหรือพื้นที่อยู่อาศัยเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะสายรอง
เบื้องต้นรูปแบบของรถโดยสารจะเป็นรถโดยสารไฟฟ้า EV BUS รถโดยสารขนาดเล็ก EV minibus และรถไฟฟ้าล้อยาง Trambus
โดยการลงทุน รัฐบาลจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และบริษัทเอกชน ตามความเหมาะ
@เคาะเส้นทางนำร่อง3จังหวัด
ขณะที่แนวเส้นทางสนข.เคาะเส้นทางนำร่องของทั้ง 3 จังหวัดแล้ว โดยจ.ฉะเชิงเทรา จาก 5 เส้นทางคัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1 สถานีรถไฟความเร็วสูงฉะเชิงเทรา-โรงเรียนเบญจมฯตะวันออกคอมเพล็กซ์ เป็นโครงการนำร่อง
จ.ชลบุรี มี 7 เส้นทาง คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 6 จากเมืองศรีราชา-รถไฟความเร็วสูงศรีราชา-นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง (ปลวกแดง) เป็นโครงการนำร่อง
จ.ระยอง มี 5 เส้นทาง คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรม IRPC เป็นโครงการนำร่อง
@ขอเชื่อมอู่ตะเภา-ไฮสปีด-แหล่งท่องเที่ยว
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันเสนอข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างกว้างขวาง อาทิ
1. อยากให้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ขยายเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวจากสนามบินอู่ตะเภาไปบ้านเพ เกาะเสม็ด และ
2. เส้นทางสำหรับประชาชนจากเมืองระยองไปตลาดตะพง
3. มีการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือสัตหีบ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของ EEC
@ปลดล็อกข้อกฎหมาย
4. รวมทั้ง ให้พิจารณาแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการ สหกรณ์เดินรถโดยสารประจำทางเดิมเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการเดินรถใหม่ เพิ่มเติมเส้นทางคมนาคมเพื่อขยายโครงข่าย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจรารจร และลดปัญหาคอขวด เช่น ก่อสร้างถนนเลี่ยงเมือง และ
5. อยากให้มีการขยายเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 2 สถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้เดินทางเป็นวงรอบได้ตลอดจนอยากให้พัฒนาสถานีศรีราชาให้เป็น intermodal สำคัญของนักธุรกิจ และนักลงทุนในการเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือแหลมฉบัง
ในส่วนของผู้แทนผู้ประกอบการเดินรถ ต้องการให้มีสถานีขนส่งผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสถานีรถไฟความเร็วสูง และให้จัดเตรียมพื้นที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้ง ระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อสุขอนามัยของประชาชน
และอยากให้ผลการศึกษาดังกล่าว ต้องเชื่อมโยงเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะเพื่อสนับสนุนการเดินทาง การพัฒนาอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว และให้รัฐสนับสนุนการดำเนินการให้เกิดขึ้นได้จริง
โดย สนข. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ จากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน เพื่อจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ และ สนข. จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป
//-----------------------------------------------------------
ผุด แทรมป์-รถเมล์ไฟฟ้า 3 สายนำร่อง อีอีซี ชงรัฐร่วมทุนท้องถิ่น
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 เวลา 09:07
ปรับปรุง: วันที่ 12 กรกฎาคม 2563 เวลา 17:53
สนข.สรุปนำร่องรถโดยสาร 3 เส้นทาง ใน 3 จังหวัดอีอีซี ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง ชงบอร์ดอีอีซี เคาะผุดแทรมป์-รถเมล์ไฟฟ้า เปิดรัฐลงทุนร่วมองค์กรท่องถิ่นและภาคเอกชน แนะขยายเส้นทางเชื่อมสถานีไฮสปีด และสนามบินอู่ตะเภา
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มจังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารสาธารณะ ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง เข้าร่วม จำนวน 120 คน
โดยได้มีการนำเสนอผลการศึกษาขั้นสุดท้ายและผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ รูปแบบการลงทุน และวิธีการนำไปสู่การปฏิบัติ โดยการลงทุนนั้น รัฐบาลจะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และบริษัทเอกชน ตามความเหมาะ โดยในเบื้องต้นรูปแบบของรถโดยสารจะเป็นรถโดยสารไฟฟ้า EV BUS รถโดยสารขนาดเล็ก EV minibus และรถไฟฟ้าล้อยาง Trambus
โดย สนข.ได้คัดเลือกโครงการนำร่องจังหวัดละ 1 เส้นทางวงเงินลงทนรวมประมาณ 1,867 ล้านบาท ซึ่งจะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ จากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน เพื่อจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ และ นำเสนอกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป
สำหรับผลการศึกษา จังหวัด ฉะเชิงเทรา จำนวน 5 เส้นทางประกอบด้วย
เส้นทางที่ 1 HSR ฉะเชิงเทรา-โรงเรียนเบญจมฯ-ตะวันออกคอมเพล็กซ์
แนวเส้นทางที่ 2 HSR ฉะเชิงเทรา-วัดโสธรฯ
แนวเส้นทางที่ 3 รอบเมืองฉะเชิงเทรา
แนวเส้นทางที่ 4 HSR ฉะเชิงเทรา-บางคล้า และ
แนวเส้นทางที่ 5 HSR ฉะเชิงเทรา-บ้านโพธิ์-บางปะกง
โดยคัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1 HSR ฉะเชิงเทรา-โรงเรียนเบญจมฯ-ตะวันออกคอมเพล็กซ์ เป็นโครงการนำร่อง ระยะทาง 7.97 กม.
จังหวัดชลบุรี ศึกษา 8 เส้นทาง ประกอบด้วย
แนวเส้นทางที่ 1 HSR ชลบุรี-เมืองชลบุรี-(นิคมฯ อมตะซิตี้ชลบุรี)
แนวเส้นทางที่ 2 HSR ชลบุรี-บางแสน/ตัดช่วง HSR ชลบุรี-หนองมน
แนวเส้นทางที่ 3 HSR ชลบุรี-บ้านบึง-EECi
แนวเส้นทางที่ 4 HSR ศรีราชา-แหลมฉบัง
แนวเส้นทางที่ 5 HSR ศรีราชา-EECd
แนวเส้นทางที่ 6 เมืองศรีราชา-HSR ศรีราชา-นิคมฯ อมตะซิตี้ระยอง (ปลวกแดง)
แนวเส้นทางที่ 7 HSR พัทยา-แหลมบาลีฮาย และ
แนวเส้นทางที่ 8 HSR พัทยา-สวนนงนุช
โดยคัดเลือกแนวเส้นทางที่ 6 เมืองศรีราชา-HSR ศรีราชา-นิคมฯ อมตะซิตี้ระยอง (ปลวกแดง) ระยะทาง 42 กม. เป็นโครงการนำร่อง
จังหวัดระยอง ศึกษา 6 เส้นทาง ประกอบด้วย
แนวเส้นทางที่ 1 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรม IRPC
แนวเส้นทางที่ 2 แหลมเจริญ-สามแยกขนส่ง
แนวเส้นทางที่ 3 HSR อู่ตะเภา-ระยอง-บ้านเพ
แนวเส้นทางที่ 4 ระยอง-บ้านค่าย-EECi
แนวเส้นทางที่ 5 นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมพัฒนา-ปลวกแดง และ
แนวเส้นทางที่ 6 HSR อู่ตะเภา-ระยอง-EECi
โดยได้คัดเลือกแนวเส้นทางที่ 1นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด-นิคมอุตสาหกรรม IRPC ระยะทาง 18.10 กม. เป็นโครงการนำร่อง
ทั้งนี้ ได้มีการเสนอข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น
1. ขยายเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวจากสนามบินอู่ตะเภา,
2. เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือสัตหีบ
3. รวมถึงให้พิจารณาแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการ/สหกรณ์เดินรถโดยสารประจำทางเดิมเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการเดินรถใหม่ |
|
Back to top |
|
|
|