View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 14/08/2020 11:34 pm Post subject: |
|
|
ลุ้นบอร์ด รฟม. เคาะ ตั๋วร่วมข้ามระบบ ก.ย. เชื่อม BTS รอ พ.ย.นี้
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 14 สิงหาคม 2563 - 17:48 น.
วันที่ 14 สิงหาคม 2563 นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมรับทราบความคืบหน้าและติดตามแนวทาง บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สรุปดังนี้
1.ความคืบหน้าการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ.
. ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ไปร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการปรับร่างระเบียบฯ และจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
2.ความคืบหน้าการการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ (Interoperable Ticketing System) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการจัดทำคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (Variation Order : VO)
ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ
ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ
คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในเดือน ส.ค.นี้ และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ การพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบจะใช้เวลาดำเนินการ 8 เดือน คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานได้ภายในเดือน ก.ย.นี้
สำหรับ BTS ขณะนี้ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างพัฒนาระบบฯ แล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะพัฒนาระบบฯ แล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้ และทดสอบระบบได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งการทดสอบระบบระหว่างกันจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
3.การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ ขณะนี้ สนข. อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบที่เหมาะสม คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ภายในเดือน ก.ย.นี้
4.ความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบตั๋วร่วม
4.1 บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ได้ว่าจ้างพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) รองรับโครงการตั๋วร่วม ซึ่งผู้รับจ้างยังไม่สามารถส่งมอบแผนงานและส่งมอบงานจ้างพัฒนาระบบฯ ได้ตามสัญญา และยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ โดยผู้รับจ้างอ้างว่าประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ รฟฟท. เร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และให้ดำเนินการต่าง ๆ โดยยึดสัญญาเป็นหลัก
4.2 กรมเจ้าท่า (จท.) ได้ดำเนินการพัฒนาท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 17 ท่า ปัจจุบันมีท่าเรือที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ จำนวน 8 ท่า พร้อมรองรับการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมดำเนินการ จท. พร้อมจะสนับสนุน
ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยยึดถือข้อกฎหมายเป็นสำคัญ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 15/08/2020 10:47 am Post subject: |
|
|
เปิดแผนทะลวงรถติดแจ้งวัฒนะ 'ผุดฟีดเดอร์-สกายวอล์ก' เชื่อมศูนย์ราชการ 4 สถานีรถไฟฟ้า
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ร่วม 13 ปีที่ "ธพส.-บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด" บริษัทลูกของกรมธนารักษ์ ใช้เวลาพัฒนาศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะหลังจากเปิดใช้อาคารโซน A และโซน B ไปแล้ว
ล่าสุดกำลังเร่งขยายโซน C บนเนื้อที่ 81 ไร่ สุดท้ายในพิมพ์เขียวทั้งก่อสร้างอาคารใหม่และปรับปรุงพื้นที่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเม็ดเงิน 20,000 ล้านบาท
สำหรับส่วนต่อขยายโซน C ตั้งอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 7 ติดกับ สโมสรราชพฤกษ์ และโรงพยาบาล จุฬาภรณ์ ออกแบบเป็นอาคารสำนักงานของส่วนราชการ สูง 11 ชั้น และใต้ดิน 2 ชั้น รวม 5 อาคาร มีพื้นที่ใช้สอย 660,000 ตร.ม.ประกอบด้วย สำนักงาน 3 อาคาร ส่วน เอเทรียมและศูนย์ประชุม 2 อาคาร มีที่จอดรถ 4,600 คัน พร้อมมี พื้นที่สีเขียวระดับดินและบนหลังคาอาคาร พื้นที่สันทนาการ 50%
ความคืบหน้าล่าสุด "นาฬิกอติภัค แสงสนิท" เอ็มดี ธพส. ที่เข้ามาบริหาร งานได้ 1 ปีกล่าวว่า การพัฒนาศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะส่วนสุดท้ายนี้ ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ โดยทยอยกู้เป็นรายปี ในปี 2562 กู้ธนาคารออมสิน 1,500 ล้านบาท ปี 2563 กู้ธนาคารกรุงไทย 4,300 ล้านบาท ในปี 2564 มีแผนจะกู้อีก 4,800 ล้านบาท ทั้งโครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 60 เดือน แล้วเสร็จในปี 2567 รองรับข้าราชการและประชาชนมาใช้บริการประมาณ 30,000 คน/วัน
ได้แก่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตใน ภาครัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และศาลปกครองสูงสุด
ปัจจุบันกำลังดำเนินการงานเสาเข็ม จะเสร็จในเดือน ก.ย.นี้ และงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน ขณะที่งานอาคารอยู่ระหว่างออกแบบ จะทยอยดำเนินการในรูปแบบเทิร์นคีย์หรือออกแบบไปก่อสร้างไป ในเดือน ธ.ค.นี้จะเปิดประมูลอาคารด้านทิศเหนือ ค่าก่อสร้างประมาณ 6,800-7,000 ล้านบาท จากนั้นประมาณเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2564 จะประมูลก่อสร้างอาคาร ส่วนที่เหลือ
"ความกังวลเรื่องการจราจร จากปัจจุบันที่ประสบปัญหารถติดอยู่แล้ว หากสร้างอาคารแห่งใหม่จะมีคน มาใช้บริการเพิ่มอีกเป็น 30,000 คน จะมีวางผังการพัฒนา จัดระบบการจราจรภายในโครงการและเชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ถนนวิภาวดีฯ ถนนประชาชื่น และรถไฟฟ้า 4 สถานีของสายสีแดงที่สถานีทุ่งสองห้อง และสถานีหลักสี่ และสายสีชมพูที่ สถานีศูนย์ราชการและสถานีทีโอที เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว"
โดย "นาฬิกอติภัค" ขยายความว่า จะมีระบบขนส่งมวลชนรูปแบบรถเมล์ไฟฟ้าเป็นฟีดเดอร์รับส่งคนภายในศูนย์ราชการเชื่อมการเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้า ขณะนี้มีการเปิดเดินรถแล้ว 1 เส้นทาง สาย 1551 วิ่งบริการไปยังโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จะเจรจากับบริษัทเอกชนให้ลงทุนเพิ่ม จะมีการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (เดโป้) พร้อมที่จอดรถ 1,600 คัน ด้านหลังศาลปกครองสูงสุดและซื้อรถเพิ่ม 12 คัน รับสัมปทานวิ่งบริการ 3 เส้นทาง
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะสร้างทางเดินเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู และมีโครงการก่อสร้างถนนหมายเลข 10 เชื่อมถนนประชาชื่น ระยะทาง 1.6 กม. และถนนหมายเลข 11 เป็นการปรับปรุงถนนประชาชื่นจากเดิม 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจรของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่ง ธพส.จะไปเจรจากับการประปานครหลวง (กปน.) เพื่อขอตัดถนนผ่านพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงจะเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ติดสัญญาณไฟจราจรตรงแยกถนนสาย 8 จะไปเชื่อมกับถนนวิภาวดีฯ
ทั้งหมดมีแผนงานโครงการไว้อยู่แล้วเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เริ่มวางผังพัฒนาศูนย์ราชการเพื่อเป็นการระบายการจราจร คาดว่าภายในปีนี้ จะได้ข้อยุติทั้งหมด แต่ที่ล่าช้าเพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องขอจัดสรรงบประมาณมาก่อสร้าง ซึ่งถนนสาย 8 กว่าจะได้สร้างทาง กทม. ใช้เวลากว่า 10 ปี
ขณะที่การป้องกันน้ำท่วมทางกรมทางหลวงมีแผนปรับปรุงระบบระบายน้ำบนถนนแจ้งวัฒนะ และ กทม.ยังมีแผนจะก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองเปรมประชากรอีก ด้านการจัดการขยะมูลฝอยจะให้มีการคัดแยกขยะแต่ละประเภท
ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ ธพส.ฝ่ายเดียว ต้องบูรณาการร่วมกับทุกฝ่าย
บรรยายใต้ภาพ
นาฬิกอติภัค แสงสนิท
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 15/08/2020 10:29 pm Post subject: |
|
|
ตั๋วร่วมยังอืด! คมนาคม จี้ รฟม.เร่งปรับระบบเชื่อม MRT-BTS
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 14 สิงหาคม 2563 -16:24
คมนาคม เข็นใช้ ตั๋วร่วมข้ามระบบ เร่งสรุปอัตราค่าธรรมเนียมใน ก.ย. จี้ รฟม.ชงบอร์ดอนุมัติปรับปรุงหัวอ่าน ด้าน BTS ระบุ พ.ย.เริ่มทดสอบได้
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ครั้งที่ 32-5/2563 ว่าที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าและติดตามการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่จะมีการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ (Interoperable Ticketing System) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รฟม.) อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการจัดทำคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (Variation Order : VO) คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในเดือนสิงหาคม 2563 และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานได้ภายในเดือนกันยายน 2563 ซึ่งการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบจะใช้เวลาดำเนินการ 8 เดือน
สำหรับ รถไฟฟ้า BTS ได้มีการลงนามในสัญญาว่าจ้างพัฒนาระบบฯ แล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 คาดว่าจะพัฒนาระบบฯ แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2563 และทดสอบระบบได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่วนการทดสอบระบบเพื่อใช้ระหว่างกันแบบข้ามระบบจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
สำหรับ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบที่เหมาะสม คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ภายในเดือนกันยายน 2563
นายชัยวัฒน์กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบตั๋วร่วมว่า ในส่วนของรถไฟฟ้าแร์พอร์ตเรลลิงก์ ทาง บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ได้ว่าจ้างบริษัทฯเข้ามาพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) รองรับโครงการตั๋วร่วม ซึ่งปรากฏว่าผู้รับจ้างยังไม่สามารถส่งมอบแผนงานและส่งมอบงานจ้างพัฒนาระบบฯ ได้ตามสัญญา และยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยผู้รับจ้างอ้างว่าประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ รฟฟท. เร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และให้ดำเนินการต่างๆ โดยยึดสัญญาเป็นหลัก
สำหรับกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ดำเนินการพัฒนาท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 17 ท่า ปัจจุบันมีท่าเรือที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ จำนวน 8 ท่า พร้อมรองรับการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมดำเนินการ จท. พร้อมจะสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยยึดถือข้อกฎหมายเป็นสำคัญ
ส่วนความคืบหน้าการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ. ... ล่าสุด สนข.ได้ไปร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการปรับร่างระเบียบฯ และจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 16/08/2020 11:56 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมคาดทดสอบใช้งานตั๋วร่วมระบบรถไฟฟ้าพ.ย.63
วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม 2563 เวลา 02:25 น.
ปลัดคมนาคม คาดทดสอบใช้งานตั๋วร่วมระบบรถไฟฟ้าได้ในเดือนพฤศจิกายน 63
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ได้รับทราบความคืบหน้าและติดตามการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่จะมีการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ (Interoperable Ticketing System) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการจัดทำคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในเดือนส.ค.63 และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาให้เร็วที่สุ
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานได้ภายในเดือนก.ย.63 ซึ่งการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบจะใช้เวลาดำเนินการ 8 เดือน
สำหรับรถไฟฟ้า BTS ได้มีการลงนามในสัญญาว่าจ้างพัฒนาระบบฯ แล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.63 คาดว่าจะพัฒนาระบบฯ แล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.63 และทดสอบระบบได้ภายในเดือนพ.ย.63 ส่วนการทดสอบระบบเพื่อใช้ระหว่างกันแบบข้ามระบบจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบที่เหมาะสม คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ภายในเดือนก.ย.63
นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบตั๋วร่วมว่า ในส่วนของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์นั้น บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ได้ว่าจ้างบริษัทฯ เข้ามาพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) รองรับโครงการตั๋วร่วม ซึ่งปรากฎว่า ผู้รับจ้างยังไม่สามารถส่งมอบแผนงานและส่งมอบงานจ้างพัฒนาระบบฯ ได้ตามสัญญา และยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ โดยผู้รับจ้างอ้างว่าประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ รฟฟท. เร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการต่าง ๆ โดยยึดสัญญาเป็นหลัก
สำหรับกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ดำเนินการพัฒนาท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบจำนวน 17 ท่า ปัจจุบันมีท่าเรือที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ 8 ท่า พร้อมรองรับการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมดำเนินการ จท. พร้อมจะสนับสนุน
"ได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยยึดถือข้อกฎหมายเป็นสำคัญ" นายชัยวัฒน์ระบุ
ส่วนความคืบหน้าการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ. .... ล่าสุด สนข.ได้ไปร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการปรับร่างระเบียบฯ และจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 20/08/2020 10:32 am Post subject: |
|
|
กระทรวงคมนาคมจัดสัมมนาระดมความคิดเห็น โครงการศึกษาสำรวจเพื่อการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะและความปลอดภัยในการเดินทางทางถนนเพื่อเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะสำหรับคนพิการ เด็ก และผู้สูงอายุ ของกระทรวงคมนาคม ระยะที่ 4
ประชาสัมพันธ์ กระทรวงคมนาคม
วันที่ 18 สิงหาคม 2563
..วันที่ 18 สิงหาคม 2563 เวลา 09.00 - 12.00น. นายวัลลภ งามสอน รักษาการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาระดมความคิดเห็น โครงการศึกษา สำรวจเพื่อการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะและความปลอดภัยในการเดินทางทางถนนเพื่อเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะสำหรับคนพิการ เด็ก และผู้สูงอายุ ของกระทรวงคมนาคม ระยะที่ 4 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและการออกแบบของโครงการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน นำมาประกอบศึกษา ออกแบบ และปรับปรุงแผนฯ โดยมี นางสาวขนิษฐา พัวพันธ์พงษ์ ผู้อำนวยการกองกลางกล่าวรายงาน ผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ สมาคมคนพิการ ผู้สูงอายุ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการสัมมนา ณ โรงแรม สีมาธานี จังหวัดนครราชสีมา
กระทรวงคมนาคมจัดการสัมมนาระดมความคิดเห็น โครงการศึกษา สำรวจเพื่อการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะและความปลอดภัยในการเดินทางทางถนนเพื่อเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะสำหรับคนพิการ เด็ก และผู้สูงอายุ ของกระทรวงคมนาคม ระยะที่ 4 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยที่ผ่านมาแบ่งการดำเนินงานเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ดำเนินการในพื้นที่ 9 จังหวัด ในภาคตะวันออก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และตราด ระยะที่ 2 ดำเนินการในพื้นที่ 10 จังหวัด ในภาคตะวันตก และภาคใต้ ได้แก่ สมุทรสงคราม กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ตรัง และ สงขลา ระยะที่ 3 ดำเนินการในพื้นที่ 15 จังหวัด ในภาคเหนือและภาคกลาง ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุพรรณบุรี และ ลพบุรี และระยะที่ 4 ดำเนินการศึกษาและสำรวจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ศึกษาทั้งหมด 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น บุรีรัมย์ อุดรธานี ศรีสะเกษ นครพนม สกลนคร หนองคาย และมุกดาหาร ทั้งนี้ ผลการศึกษาระยะ 1 - 3 พบว่า หน่วยงานที่ให้บริการสาธารณะทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ ทางน้ำ ได้พัฒนาและให้ความสำคัญในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุอย่างมาก ซึ่งเป็นการดำเนินการในพื้นที่ที่รับผิดชอบของหน่วยงานนั้นๆ แต่จุดเชื่อมต่อของระบบขนส่งสาธารณะจากระบบขนส่งหนึ่งไปยังระบบขนส่งหนึ่งหรือจากหน่วยงานหนึ่งไปยังหน่วยงานหนึ่ง ยังไม่มีหน่วยงานหลักรับผิดชอบ จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาและจัดทำแผนงานโครงการที่จะช่วยบูรณาการการเชื่อมโยงการเดินทางของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การเดินทางของคนพิการ และผู้สูงอายุเป็นระบบสามารถเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง จากระบบขนส่งหนึ่งไปยังอีกระบบขนส่งหนึ่งได้อย่างไม่มีอุปสรรค และเอื้อต่อการเดินทาง ให้มีความเสมอภาค และเท่าเทียมกับประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ อย่างไม่เลือกปฏิบัติ กระทรวงคมนาคมจึงตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการมีส่วนร่วม อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดในการดำเนินงานโครงการให้ประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน จึงได้จัดให้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและการออกแบบของโครงการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับมาประกอบศึกษา ออกแบบ และปรับปรุงแผนฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในเรื่องการเดินทางของคนพิการและผู้สูงอายุให้เกิดความเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไปอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design: UD) ต่อไป
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3301454989901423&set=a.1969348579778744 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 20/08/2020 11:45 am Post subject: |
|
|
ดัน"รถไฟฟ้า " แสนล้าน บูม 7 เมืองใหญ่
หน้าเศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
ออนไลน์เมื่อ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11:20 น.
ตีพิมพ์ใน หน้า 19-20
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,602
วันที่ 20 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563
รฟม .-อบจ. ดัน รถไฟฟ้ารางเบา บูม 7 เมืองใหญ่ แสนล้าน แก้จราจร เปิดพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ โฟกัส เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา และภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี และสงขลา
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้รับมอบหมายดำเนิน โครงการระบบขนส่งมวลชน ทางราง หรือ รถไฟฟ้ารางเบา ภูมิภาค จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา และภูเก็ต ขณะที่ อีก 3 จังหวัดอยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี และสงขลา ไล่ตั้งแต่โครงการขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว ช่วงตลาดเซฟวัน-สถานคุ้มครองฯ บ้านนารีสวัสดิ์ ระยะทาง 11.17 กิโลเมตร จำนวน 20 สถานี วงเงินลงทุน 7,914.48 ล้านบาท มีความพร้อม มีลักษณะโครงสร้างแบบระดับพื้นดิน ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้า (Light Rail) ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบรายละเอียดรูปแบบการลงทุน PPP ในช่วงมิ.ย.63-ม.ค.64 หลังจากนั้นเตรียมคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนรูปแบบ PPP ภายในเดือน มี.ค.-มี.ค.65 โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนเม.ย.65-มิ.ย.68 ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ในปี 68
ขณะที่โครงการขนส่งมวลชนจังหวัดพิษณุโลก ช่วงมหาวิทยาลัยนเรศวร-เซ็นทรัลพิษณุโลก สายสีแดง เฟส1 ระยะทาง 12.6กิโลเมตร จำนวน 15 สถานี วงเงินลงทุน 1,666.76 ล้านบาท มีลักษณะโครงสร้างแบบระดับพื้นดิน ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้า (Auto Tram) ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการศึกษาแผนแม่บทของเส้นทางสายดังกล่าว โดยเลือกสายสีแดงเป็นเส้นทางที่สมควรดำเนินการเป็นเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นจะดำเนินการขออนุมัติรูปแบบการลงทุน ในเดือน พ.ค.64-มี.ค.65 และเตรียมคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนรูปแบบ PPP ภายในเดือน ก.ย.65-ก.ย.66 โดยจะก่อสร้างในเดือน ต.ค.66-พ.ย.69 ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค.69
นอกจากนี้โครงการขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง ระยะทาง 42 กิโลเมตร จำนวน 21 สถานี วงเงินลงทุน 35,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้า (LRT/Tram) ความคืบหน้าปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตาม พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2562 หลังจากนั้นเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เห็นชอบ และเสนอต่อคณะกรรมการ PPP หากผ่านความเห็นชอบจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในเดือน มี.ค. 68
สำหรับรูปแบบโครงการขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ นั้นเป็นระบบรถรางไฟฟ้า
(LRT/Tram) ทางวิ่งผสมระดับดินและใต้ดิน โดยแบ่งเป็นระบบ 3 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.สายสีแดง ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์-แยกแม่เหียะสมานสามัคคี 2.สายสีน้ำเงิน ช่วงสวนสัตว์เชียงใหม่-แยกศรีบัวเงินพัฒนา 3.สายสีเขียว ช่วงแยกรวมโชคมีชัย-ท่าอากาศยานเชียงใหม่
ความคืบหน้าอยู่ระหว่าง ออกแบบ ศึกษาความเหมาะสมและจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาตามแผนเมื่อการศึกษาออกแบบแล้วเสร็จคาดว่าจะสามารถนำเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการจากคณะรัฐมนตรีประมาณกลางปี 2564 และเริ่มก่อสร้างภายในปี 2565 คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2570 ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะเพิ่มอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางสะดวก รวดเร็วปลอดภัย ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงสามารถลดการใช้รถยนต์โดยรวมบนท้องถนน ซึ่งจะช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศที่เกิดจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้
ขณะที่ผ่านมา รฟม.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุนเอกชน พบว่ามีกลุ่มผู้ประกอบการและนักธุรกิจท้องถิ่นให้ความสนใจลงทุนโครงการนี้ เบื้องต้นมีกลุ่มธนาคารจากประเทศจีนที่สนใจสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศภาคเอกชน สนใจที่จะลงทุนในส่วนของซัพพลายเออร์และงานระบบ ส่วนด้านการเดินรถนักธุรกิจท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากเป็นสัญญาระยะยาว ซึ่งคล้ายกับการเดินรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ
นายสมชาติ วัฒนากล้า ผู้อำนวยการสำนักการช่าง องศ์การบริหารบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สะท้อนถึงแผนลงทุนระบบขนส่งทางรางในจังหวัดว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเชียงใหม่ประสบปัญหาด้านการจราจรหนาแน่นทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น เนื่องจากเป็นเมืองท่อง มีรายได้ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทต่อปี หากมีรถแทรมป์เข้ามาพัฒนาด้านขนส่งมวลชนสารธารณะ จะช่วยให้การเดินทางสำหรับประชาชนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่มีความสะดวกมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายสมชาย เอื้อวงษ์วงษ์ชัย กรรมการเลขาธิการหอการค้าเชียงใหม่ กล่าวว่า หากโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่จะสมบูรณ์ได้ทั้งระบบนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งรัดโครงการดังกล่าวทั้ง 3 เส้นทางสามารถเดินหน้าไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ ขณะเดียวกันทำให้ราคาที่ดินของภาคอสังหาฯ ปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต หลังจากที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมา |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 20/08/2020 12:55 pm Post subject: |
|
|
ทะลวงรถติดแจ้งวัฒนะ ผุดสกายวอล์ก เชื่อมศูนย์ราชการ 4 สถานีรถไฟฟ้า
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
วันที่ 19 สิงหาคม 2563 - 11:55 น.
ร่วม 13 ปีที่ ธพส.-บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด บริษัทลูกของกรมธนารักษ์ ใช้เวลาพัฒนาศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะหลังจากเปิดใช้อาคารโซน A และโซน B ไปแล้ว
ล่าสุดกำลังเร่งขยายโซน C บนเนื้อที่ 81 ไร่ สุดท้ายในพิมพ์เขียวทั้งก่อสร้างอาคารใหม่และปรับปรุงพื้นที่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเม็ดเงิน 20,000 ล้านบาท
สำหรับส่วนต่อขยายโซน C ตั้งอยู่ในซอยแจ้งวัฒนะ 7 ติดกับสโมสรราชพฤกษ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ออกแบบเป็นอาคารสำนักงานของส่วนราชการ สูง 11 ชั้น และใต้ดิน 2 ชั้น รวม 5 อาคาร มีพื้นที่ใช้สอย 660,000 ตร.ม.ประกอบด้วย สำนักงาน 3 อาคาร ส่วนเอเทรียมและศูนย์ประชุม 2 อาคาร มีที่จอดรถ 4,600 คัน พร้อมมีพื้นที่สีเขียวระดับดินและบนหลังคาอาคาร พื้นที่สันทนาการ 50%
ความคืบหน้าล่าสุด นาฬิกอติภัค แสงสนิท เอ็มดี ธพส. ที่เข้ามาบริหารงานได้ 1 ปีกล่าวว่า การพัฒนาศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะส่วนสุดท้ายนี้ ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ โดยทยอยกู้เป็นรายปี ในปี 2562 กู้ธนาคารออมสิน 1,500 ล้านบาท ปี 2563 กู้ธนาคารกรุงไทย 4,300 ล้านบาท ในปี 2564 มีแผนจะกู้อีก 4,800 ล้านบาท ทั้งโครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 60 เดือน แล้วเสร็จในปี 2567 รองรับข้าราชการและประชาชนมาใช้บริการประมาณ 30,000 คน/วัน
ได้แก่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และศาลปกครองสูงสุด
ปัจจุบันกำลังดำเนินการงานเสาเข็มจะเสร็จในเดือน ก.ย.นี้ และงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน ขณะที่งานอาคารอยู่ระหว่างออกแบบ จะทยอยดำเนินการในรูปแบบเทิร์นคีย์หรือออกแบบไปก่อสร้างไป ในเดือน ธ.ค.นี้จะเปิดประมูลอาคารด้านทิศเหนือ ค่าก่อสร้างประมาณ 6,800-7,000 ล้านบาท จากนั้นประมาณเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2564 จะประมูลก่อสร้างอาคารส่วนที่เหลือ
ความกังวลเรื่องการจราจร จากปัจจุบันที่ประสบปัญหารถติดอยู่แล้ว หากสร้างอาคารแห่งใหม่จะมีคนมาใช้บริการเพิ่มอีกเป็น 30,000 คน จะมีวางผังการพัฒนา จัดระบบการจราจรภายในโครงการและเชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ถนนวิภาวดีฯ ถนนประชาชื่น และรถไฟฟ้า 4 สถานีของสายสีแดงที่สถานีทุ่งสองห้อง และสถานีหลักสี่ และสายสีชมพูที่สถานีศูนย์ราชการและสถานีทีโอที เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
โดย นาฬิกอติภัค ขยายความว่า จะมีระบบขนส่งมวลชนรูปแบบรถเมล์ไฟฟ้าเป็นฟีดเดอร์รับส่งคนภายในศูนย์ราชการเชื่อมการเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้า ขณะนี้มีการเปิดเดินรถแล้ว 1 เส้นทาง สาย 1551 วิ่งบริการไปยังโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จะเจรจากับบริษัทเอกชนให้ลงทุนเพิ่ม จะมีการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (เดโป้) พร้อมที่จอดรถ 1,600 คัน ด้านหลังศาลปกครองสูงสุดและซื้อรถเพิ่ม 12 คัน รับสัมปทานวิ่งบริการ 3 เส้นทาง
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะสร้างทางเดินเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู และมีโครงการก่อสร้างถนนหมายเลข 10 เชื่อมถนนประชาชื่น ระยะทาง 1.6 กม. และถนนหมายเลข 11 เป็นการปรับปรุงถนนประชาชื่นจากเดิม 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจรของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่ง ธพส.จะไปเจรจากับการประปานครหลวง (กปน.) เพื่อขอตัดถนนผ่านพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงจะเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ติดสัญญาณไฟจราจรตรงแยกถนนสาย 8 จะไปเชื่อมกับถนนวิภาวดีฯ
ทั้งหมดมีแผนงานโครงการไว้อยู่แล้วเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ตั้งแต่เริ่มวางผังพัฒนาศูนย์ราชการเพื่อเป็นการระบายการจราจร คาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อยุติทั้งหมด แต่ที่ล่าช้าเพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องขอจัดสรรงบประมาณมาก่อสร้าง ซึ่งถนนสาย 8 กว่าจะได้สร้างทาง กทม.ใช้เวลากว่า 10 ปี
ขณะที่การป้องกันน้ำท่วมทางกรมทางหลวงมีแผนปรับปรุงระบบระบายน้ำบนถนนแจ้งวัฒนะ และ กทม.ยังมีแผนจะก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองเปรมประชากรอีก ด้านการจัดการขยะมูลฝอยจะให้มีการคัดแยกขยะแต่ละประเภท
ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ ธพส. ฝ่ายเดียว ต้องบูรณาการร่วมกับทุกฝ่าย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 21/08/2020 10:26 am Post subject: |
|
|
ตุลาคมนี้ ได้ใช้ ตั๋วร่วม รถไฟฟ้า
หน้าเศรษฐกิจมหภาค Mega Project
ออนไลน์เมื่อ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 12:08 น.
ตีพิมพ์ใน หน้า7
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,602
วันที่ 20 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563
"คมนาคม" เร่งคลอด ระบบตั๋วร่วม รถไฟฟ้า 1.2แสนใบ ภายใน ต.ค. นี้ เชื่อม ข้ามระบบ บีทีเอส-ใต้ดินของเอ็มอาร์ที อำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการใช้ระบบตั๋วร่วม ขณะนี้ติดปัญหาด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยี เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดความล่าช้า โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ในระยะแรกจะเร่งดำเนินการพัฒนาข้ามระบบเพื่อเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าของบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินของเอ็มอาร์ที ปัจจุบันมีบัตรโดยสารของบีทีเอส จำนวน 1 ล้านใบ ส่วนบัตรโดยสารของ BEM จำนวน กว่า 2 แสนใบ โดยจะเร่งดำเนินการให้ทันภายในเดือน ต.ค.2563 โดยตั้งเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 ทั้งนี้ในระยะที่สองจะดำเนินการพัฒนาระบบโดยใช้บัตรเดบิต วีซ่า โดยภาคธนาคารจะเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นระบบเปิดกว้างที่สามารถให้ชาวต่างชาติที่เดินทางในไทยสามารถใช้บัตรดังกล่าวแตะกับระบบเพื่อเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เอ็มอาร์ที เรือ แท็กซี่ ซึ่งระยะที่สองจะต้องใช้ระยะเวลาหารือเพื่อดำเนินการพอสมควร โดยจะเร่งดำเนินการในระยะแรก ให้แล้วเสร็จก่อน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ได้ติดตามผลการดำเนินงานพัฒนาตั๋วของระบบขนส่งสาธารณะประเภทต่างๆ ให้สามารถใช้ข้ามระบบกันได้ โดยจะเริ่มใช้ตั๋วร่วมข้ามระบบกับรถไฟฟ้า 3 สาย ประกอบด้วย บัตรแรบบิทของรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว บัตรแมงมุม และบัตร MRT plus ที่ใช้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน
แม้ว่าจะรับรายงานก่อนหน้านี้ว่า อาจไม่ทันตามเป้าหมายที่กำหนด วันที่ 1 ต.ค.63 ขณะเดียวกันบริษัทในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้รับจ้างพัฒนาระบบของบีอีเอส และ MRT ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ไม่สามารถเดินทางไปทดสอบระบบในแล็ปได้ ทำให้ เกิดความล่าช้า ทั้งนี้ได้สั่งการให้บีอีเอสและMRT ต่อรองกับผู้พัฒนาระบบให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 24/08/2020 10:34 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | ดัน"รถไฟฟ้า " แสนล้าน บูม 7 เมืองใหญ่
หน้าเศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
ออนไลน์เมื่อ วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11:20 น.
ตีพิมพ์ใน หน้า 19-20
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,602
วันที่ 20 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563 |
เปิดไทม์ไลน์รถไฟฟ้า เมืองกรุง-หัวเมืองใหญ่ เปิดหวูดยาวถึงปี71
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13:55 น.
ครบรอบ 28 ปี ไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2563 รฟม-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในยุค ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ นั่งเป็นผู้ว่าการรันภารกิจในการสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสีเป็นโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพและช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตเมืองทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ในภูมิภาค
ปลายปี 2562 รฟม. ได้เปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเชื่อมการเดินทาง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแบบวงกลม จาก สถานีหัวลำโพง ไปยัง สถานีหลักสอง และเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีม่วง(คลองบางไผ่-เตาปูน) จาก สถานีเตาปูน ไปยัง สถานีท่าพระ โดยมีสถานีท่าพระเป็นสถานีร่วม
นอกจากนี้ รฟม. ได้สร้างสายสีเขียวช่วงแบริ่ง สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต แล้วเสร็จ และส่งมอบให้ กทม.-กรุงเทพมหานคร เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยทั้ง2เส้นทางทยอยเปิดบริการไปแล้ว ล่าสุดปลายปีนี้กทม.จะเปิด ช่วงหมอชิต-คูคต ตลอดสาย
ยังเร่งรัดโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีรถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สายแรกของประเทศไทยสายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว สำโรง ทั้ง 2 สายทางจะทยอยเปิดปลายปี2564และมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบปี 2565
สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ มีนบุรี ที่สร้างผ่าเมืองเชื่อมการเดินทางกรุงเทพ โซนตะวันออก-ตะวันตกให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยแบ่งสร้าง 2 ช่วง
ส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีนบุรี มีความคืบหน้ากว่า60% มีกำหนดเปิดให้บริการปี 2567 ส่วนตะวันตกช่วงบางขุนนนท์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กำลังเปิดประมูลก่อสร้าง ตามแผนมีกำหนดเปิดให้บริการปี 2569
ล่าสุดเตรียมผลักดันโครงข่ายใหม่ขยายรอบคลุมพื้นที่มากขึ้น มี สายสีม่วง ช่วงเตาปูน ราษฎร์บูรณะ กำลังเร่งประมูลในปีนี้ จะเปิดให้บริการในปี 2570 และ สายสีน้ำตาล ช่วงแคราย ลำสาลี คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569
สำหรับการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนในเขตภูมิภาค รฟม. ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมให้กำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าในเมืองหลักภูมิภาค 4 จังหวัด
โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ห้าแยกฉลอง คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569
โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (สายสีแดง) ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์ แยกแม่เหียะสมานสามัคคี คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2571
โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา (สายสีเขียว) ช่วงตลาดเซฟวัน สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2568
และโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดพิษณุโลก (สายสีแดง) ช่วง ม.พิษณุโลก ห้างเซ็นทรัลฯ พิษณุโลก คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2571
ทั้งหมดเป็นภารกิจของ รฟม. ที่ดำเนินการมากว่า 2 ทศวรรษ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/08/2020 7:35 am Post subject: |
|
|
ได้ใช้ปี'68!รถรางไฟฟ้าโคราช รฟม.เปิดประเดิมสายแรก7,000ล้าน
ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รฟม. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ปชช.ครั้งที่ 2 สรุปผลการศึกษาโครงการระบบขนส่งมวลชนโคราชประเภทระบบรถรางไฟฟ้า Tram สายแรกสีเขียว มูลค่า7,000 ล้าน ระบุเป็นรูปแบบเอกชนร่วมลงทุน PPP ก่อสร้าง 4 ปี เริ่มปี'65 เปิดให้บริการปี'68 ชี้เพิ่มทางเลือกการเดินทางที่มีประสิทธิภาพสะดวกรวดเร็วปลอดภัยให้ชาวโคราชและนักท่องเที่ยว
วานนี้ (26 ส.ค.) นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเป็นประธานพิธีเปิด โครงการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน-สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์)
ภายในงานมีผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจรวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน ที่ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
การประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งนี้เป็นการนำเสนอผลการศึกษาแนวเส้นทาง สถานี รูปแบบโครงการ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบผลการศึกษา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงผลการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในลำดับต่อไป
สำหรับผลการศึกษาโดยสรุป คือ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สาย สีเขียว (ตลาดเซฟวัน-สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นประเภทระบบรถรางไฟฟ้า (Tram) มีลักษณะเป็นระบบรถไฟฟ้าที่วิ่งไปตามทางวิ่งหรือรางบนถนน มีรูปแบบที่คล้ายกับรถไฟฟ้า MRT แต่มีขนาดเล็กกว่า รวมระยะทางประมาณ 11.15 กิโลเมตร
ทั้งนี้ มีสถานีรับ-ส่งผู้โดยสาร 21 สถานี ได้แก่ สถานีมิตรภาพ 1 สถานีสามแยกปักธงชัย สถานีมิตรภาพ 2 สถานีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สถานีสวนภูมิรักษ์ สถานีหัวรถไฟ สถานีเทศบาลนคร สถานีศาลเจ้าวัดแจ้ง สถานีโพธิ์กลาง สถานีอนุสาวรีย์ ท้าวสุรนารี สถานีแยกประปา สถานีโรงเรียนสุรนารี วิทยา สถานีราชภัฏฯ สถานีราชมงคล สถานีบ้านเมตตา สถานีบ้านนารีสวัสดิ์ สถานีชุมพล สถานีศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา สถานีไปรษณีย์จอมสุรางค์ สถานีวัดแจ้งใน และสถานีดับเพลิง
ในด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น กรณีมีการพัฒนาโครงการ ได้แก่ ผลกระทบด้านคุณภาพอากาศ เสียงและความสั่นสะเทือน จากกิจกรรมในระยะก่อสร้างของโครงการ รวมทั้งปัญหาด้านการจราจรที่มีการรบกวนผิวจราจรปัจจุบัน ซึ่งโครงการได้มีการพิจารณาและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยจัดให้มีมาตรการป้องกันและบรรเทา ผลกระทบอย่างเต็มที่ อาทิ ฉีดพรมน้ำในบริเวณที่อาจเกิดฝุ่นละออง ฟุ้งกระจาย กำหนดช่วงเวลาที่อนุญาตให้มีกิจกรรมก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงดังผิดปกติเฉพาะช่วงเวลา 08.00-17.00 น.
อย่างไรก็ตาม หากมีกิจกรรมการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงที่มีความจำเป็นจะต้องดำเนินการ นอกช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องมีการประกาศแจ้งให้สาธารณชนทราบล่วงหน้า รวมถึงควบคุม/จำกัด ความเร็ว และตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกของรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และมีการจัดเตรียมแผนการจัดการจราจรให้สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนฯ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและเผยแพร่แผนการจัดการจราจรให้ประชาชนทั่วไปและผู้ใช้เส้นทางที่เกี่ยวข้องทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง อีกทั้งกำหนดช่วงเวลาในการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ของโครงการ นอกช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็น
ทั้งนี้ รฟม. ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ จัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยให้ดำเนินการก่อสร้าง ครั้งละ 1 เส้นทาง เริ่มจากสายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน-สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นลำดับแรกจากทั้งหมด 3 สาย คือ สายสีเขียว สีม่วงและสีส้ม ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจากการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ)
รฟม. จะจัดการประชุมเพื่อทดสอบความสนใจของภาคเอกชน และ/หรือ องค์กรครองส่วนท้องถิ่น (Market Sounding) ครั้งที่ 1 ในวันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.30-16.30 น. ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และ ครั้งที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อทดสอบความสนใจจากภาคเอกชน นักลงทุน ตัวแทนผู้ผลิต/จำหน่ายรถไฟฟ้า และงานระบบที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจากสถานทูตประเทศต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานราชการส่วนกลาง และสถาบันการเงิน ซึ่งจะนำไปประกอบในการจัดทำแนวทางการร่วมลงทุนของโครงการต่อไป
สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชน จังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว นับเป็นโครงการรถไฟฟ้า สายแรกของจังหวัดนครราชสีมา งบประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี โดยเริ่มงานก่อสร้างได้ ในปี พ.ศ. 2565 และสามารถเปิดให้บริการ พ.ศ. 2568
เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน รวมถึงมีความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัย ให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสามารถลดการใช้รถยนต์โดยรวมบนท้องถนนจึงช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศที่เกิดจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้อีกด้วย. |
|
Back to top |
|
|
|