RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181425
ทั้งหมด:13492663
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 375, 376, 377 ... 471, 472, 473  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 04/09/2020 1:17 am    Post subject: Reply with quote

ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจัดรถไฟรับชายไทยจากด้ามขวานสู่นักเรียนพลทหาร ทร.ผลัด 1/63
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: พุธที่ 2 กันยายน 2563 เวลา 18:33


ศูนย์ข่าว​ศรี​ราชา ​- วิถีชายไทย! ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จัดรถไฟ 2 ขบวน รับชายไทยจากด้ามขวาน อำลาครอบครัวเดินทางสู่ชายฝั่งตะวันออก เข้ารับใช้ชาติเป็นนักเรียนพลทหาร ทร.ผลัด 1/63

วันนี้ (2 ก.ย.)​ กองทัพเรือ โดยศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ศฝ.นย.) และศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ศฝ.สอ.รฝ.) ได้นำรถบัสกว่า 10 คัน รอให้การต้อนรับนักเรียนพลทหาร ทร.ผลัด 1/63 จำนวน 2,500 นาย ที่เดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จากภาคใต้ดินแดนด้ามขวานสู่ชายฝั่งตะวันออก ที่มีจุดหมายปลายทาง ณ สถานีรถไฟบ้านพลูตาหลวง ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

หลังกองทัพเรือได้เช่าเหมารถไฟ 2 ขบวนในการนำนักเรียนพลทหารออกเดินทางจากภาคใต้ตอนบนและภาคใต้ตอนล่าง เดินทางมารวมตัวกัน ณ ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการฝึก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคอีสาน จะทยอยเดินทางเข้าร่วมจนครบ 5,000 นาย



จากนั้นทั้งหมดจะผ่านกระบวนการคัดกรองป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงตรวจหายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย และในจำนวนนี้ 2,500 นาย จะถูกแยกไปฝึกยังศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิต จากลูกผู้ชายไทยสู่การเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ โดยทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกภาคสาธารณศึกษา เพื่อเรียนรู้วิถีชาวเรือ และหล่อหลอมให้เป็นทหารเรืออย่างเต็มภาคภูมิ

โดยจะมีพิธีเปิดการฝึกในวันที่ 8 ก.ย.นี้ และมีห้วงการฝึกเป็นเวลา 30 วัน จากนั้นทหารทุกนายจะแยกย้ายเข้าประจำการยังหน่วยกำลังรบของกองทัพเรือต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 04/09/2020 1:24 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟล่องใต้คนแน่น จนท.คุมเข้มโควิด-19
Sep 3, 2020
สํานักข่าวไทย TNAMCOT

รถไฟสายล่องใต้คึกคัก ประชาชนแห่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาว 4 วัน ด้านเจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มโควิด-19

บรรยากาศวันหยุดยาวชดเชยสงกรานต์ 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 กันยายนนี้ สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา คึกคัก หนาแน่นไปด้วยประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นครอบครัว โดยใช้ขบวนรถไฟสายยาวล่องใต้ ซึ่งหลังจากมีข่าวไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอีกครั้ง หลังปลอดโรคมาแล้ว 100 วัน ทำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มมากขึ้น ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย กำหนดให้ผู้เดินทางต้องเช็กอิน-เช็กเอาต์ เข้า-ออกสถานีรถไฟอย่างเคร่งครัด และในเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยังเพิ่ม อส. ดูแลความปลอดภัยเข้มด้วยเช่นกัน


https://www.youtube.com/watch?v=NdgzSoGKuSA
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 05/09/2020 1:28 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
รถไฟล่องใต้คนแน่น จนท.คุมเข้มโควิด-19
Sep 3, 2020
สํานักข่าวไทย TNAMCOT

https://www.youtube.com/watch?v=NdgzSoGKuSA

สถานีรถไฟหาดใหญ่คึกคัก ประชาชนแห่เดินทางช่วงหยุดยาว 4 วันชดเชยสงกรานต์
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 4 กันยายน 2563 เวลา 10:49

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่คึกคัก ประชาชนแห่เดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวชดเชยสงกรานต์ 4 วัน ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19 เข้มงวด

บรรยากาศวันหยุดยาวชดเชยวันสงกรานต์ 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 กันยายนนี้ ประชาชนเริ่มออกเดินทาง ทั้งกลับภูมิลำเนา และออกไปท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก เช่น ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (4 ก.ย.) มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่น ทั้งขบวนรถสายยาวเส้นทางกรุงเทพฯ และขบวนรถท้องถิ่นในภาคใต้ มีทั้งที่เดินทางกันมาเป็นครอบครัว คนหนุ่มสาวที่เดินทางท่องเที่ยวกันเป็นกลุ่ม และเป็นอีกหนึ่งวันหยุดยาวที่มีการเดินทางคึกคักอีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่เปิดเดินรถไฟสายใต้มาตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิด-19

โดยทางสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ยังคงมีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น ผู้โดยสารทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย เช็กอินเช็กเอาต์เข้าออกสถานี นอกจากนี้ ในเส้นทางขึ้นล่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางเจ้าหน้าที่ อส.ประจำขบวนรถไฟ ยังได้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน
https://mgronline.com/south/photo-gallery/9630000090753

รถไฟสายยาวล่องใต้คึกคัก! ปชช.แห่เที่ยวช่วงหยุดชดเชยสงกรานต์หนาแน่น
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 4 กันยายน 2563 เวลา 12:21

บรรยากาศช่วงหยุดยาว 4 วัน ชดเชยวันสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน ซึ่งวันนี้ (4 ก.ย.) เป็นวันแรกนั้น ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวกันหนาแน่น โดยใช้ขบวนรถไฟสายยาวล่องใต้

ทั้งนี้ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องเพิ่มมาตรการคุมเข้มป้องกันไวรัสโควิด-19 มากขึ้น ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย กำหนดให้ผู้เดินทางต้องเช็กอิน-เช็กเอาต์ เข้า-ออกสถานีรถไฟอย่างเคร่งครัด และในเส้นทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยังเพิ่มอาสาสมัครดูแลความปลอดภัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 05/09/2020 10:01 pm    Post subject: Reply with quote

5 ก.ย.63 เมื่อเวลา 16.40 น. ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟอุบลราชธานีว่าต้นไม้ล้มทับทางรถไฟ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 571/14-15 อยู่ในท้องถิ่น อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างสถานีรถไฟบุ่งหวาย กับ สถานีรถไฟอุบลราชธานี กีดขวางการเดินรถ เจ้าหน้าที่บำรุงทางของการรถไฟฯ เข้าดำเนินแก้ไขเปิดทางได้เวลา 17.35 น. ผลกระทบ ทำให้ขบวนรถไฟท้องถิ่นที่ 419 (นครราชสีมา - อุบลราชธานี) รอเปิดทางช้าเพิ่ม 36 นาที ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย และขบวนรถไม่ได้รับความเสียหายครับ
https://www.facebook.com/photo?fbid=3357046931008895&set=a.2791568790890048
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 07/09/2020 5:46 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟอุบลฯ คนเต็มเกือบทุกขบวน แต่น้อยกว่าก่อนเกิดระบาดโควิด-19 เหตุ ศก.ยังย่ำแย่
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 10:34

อุบลราชธานี - คนอุบลฯ เดินทางกลับทำงาน กทม.และเรียนหนังสือทางรถไฟหนาแน่น ที่นั่งเต็มเกือบทุกขบวน แต่หากเทียบก่อนเกิดระบาดไวรัสโควิด-19 ยังถือว่าน้อยกว่า เหตุเศรษฐกิจยังไม่ดี และอุบลฯ ตั้งห่างจากกรุงเทพมหานครมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีรถไฟอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกมาใช้บริการหนาแน่น ภายใต้มาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยผู้ใช้บริการทุกคนต้องสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ ก่อนขึ้นรถและหลังจากลงรถ หากไม่ได้โหลดแอปฯ ก็ให้เขียนลงในสมุด

รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยสแกนวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งขาลงรถและขาขึ้นรถ และผู้โดยสารทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทางและเข้ามาในอาคารสถานี เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวที่มีแนวโน้มจะกลับมาระบาดใหม่



สำหรับสถานีรถไฟอุบลราชธานี มีขบวนรถทั้งขาขึ้นและขาล่องวันละ 12 ขบวน โดยเป็นรถสายยาวอุบลราชธานี-กรุงเทพมหานคร และสายท้องถิ่นในภาคอีสาน ปรากฏว่าวันนี้ (7 ก.ย.) ขบวนรถเร็วและรถด่วนเที่ยวเช้าที่นั่งเต็มทั้งหมด ส่วนเที่ยวบ่าย 2 ขบวนมีที่นั่งเหลือในชั้นที่สามเท่านั้น สำหรับเที่ยวเย็นที่นั่งเต็มทั้งหมดแล้ว



อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณคนเดินทางมากกว่าช่วงของวันปกติ แต่หากเทียบก่อนมีการระบาดไวรัสโควิด-19 ยังถือว่ามีการเดินทางน้อย ทั้งนี้อาจมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี ไม่ค่อยมีเงินเหลือใช้จ่าย และทำเลที่ตั้งของจังหวัดอุบลราชธานี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเกือบ 700 กิโลเมตร ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวน้อยกว่าอีกหลายจังหวัด

ส่วนใหญ่จะเลือกเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนในพื้นที่ไม่ไกลจากภูมิลำเนาหรือแหล่งที่ทำงานอยู่มากกว่า ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย

บรรยากาศประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนา ที่หัวลำโพง
ในประเทศ
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 14:36 น.

วันที่ 7 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนา หลังจากวันหยุดยาว 4 วัน ทยอยเดินทางมาถึงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร แล้ว

เฉียด8ล้านคน! คมนาคมเปิดตัวเลขยอดใช้บริการรถสาธารณะช่วงหยุดยาว
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 19.02 น.



7 กันยายน 2563 นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และดูแลความปลอดภัยการเดินทางของประชาชนทั้งรถส่วนบุคคลและด้วยระบบการขนส่งสาธารณะ รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ในช่วงวันหยุดต่อเนื่องระหว่างวันที่ 4 - 7 กันยายน 2563

ทั้งนี้ ข้อมูลสะสมเมื่อวันที่ 3 - 6 กันยายน 2563 พบว่า มีประชาชนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ 7,968,080 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 10.63% มีปริมาณการจราจรเข้า - ออกกรุงเทพฯ จำนวน 11,215,836 คัน สูงกว่าประมาณการ 36.21% โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 10,538,851 คัน


ส่วนสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุบนโครงข่ายทางถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 3 - 6 กันยายน 2563 พบว่า มีจำนวนอุบัติเหตุเกิดขึ้น 325 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 48 คน บาดเจ็บ 309 คน บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เป็นทางตรง 81.18% สาเหตุสำคัญเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด โดยเกิดที่กรุงเทพฯ มากที่สุด จำนวน 32 ครั้ง สำหรับอุบัติเหตุที่มีรถจักรยานยนต์เกี่ยวข้อง จำนวน 92 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 25 คน บาดเจ็บ 115 คน เกิดที่จังหวัดราชบุรีและสุพรรณบุรี มากที่สุดจังหวัดละ 7 ครั้ง นอกจากนี้มีอุบัติเหตุโดยรถโดยสารสารธารณะ จำนวน 3 ครั้ง ทั้งนี้ ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุในบริการขนส่งสาธารณะทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ



สำหรับการเตรียมความพร้อมของระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ในวันที่ 3 - 6 กันยายน 2563 สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง นอกจากนี้ในการตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ ณ จุดตรวจความพร้อม 121 แห่ง จำนวน 50,523 คัน พบข้อบกพร่อง 20 คัน และได้สั่งให้แก้ไขแล้ว ส่วนความพร้อมของท่าเรือ/แพ ณ จุดตรวจความพร้อม 89 แห่ง จำนวน 1,152 ลำ พบมีเรือโดยสารไม่พร้อมใช้งาน จำนวน 1 ลำ และได้สั่งปรับปรุงแล้ว ด้านการปฏิบัติงานของพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่รถไฟ รถไฟฟ้า และผู้ประจำเรือไม่พบว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ทางกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การเดินทางและดำเนินการเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายของวันหยุดยาวตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 6 กันยายน ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 กันยายน นี้ ที่ประชาชนจะเริ่มทยอยเดินทางกลับจากทุกภูมิภาค ซึ่งจะมีปริมาณการเดินทางที่สูงขึ้น โดยเน้นย้ำการบริหารจัดการจราจรเส้นทางบนโครงข่ายคมนาคมจะต้องไม่ติดขัด มีความคล่องตัวสามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง เข้มงวดมาตรการด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

สำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถโดยสาร รถไฟ/รถไฟฟ้า เรือ เครื่องบิน ประชาชนจะต้องได้รับความสะดวกอย่างเพียงพอ ไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ต้องไม่เกิดการเอาเปรียบผู้โดยสารโดยเด็ดขาด และผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ผู้ประจำรถโดยสาร รถไฟ/รถไฟฟ้า เรือ เครื่องบิน จะต้องมีสภาพร่างกายที่พร้อมให้บริการ และรักษามาตรการด้านสาธารณะสุขเพื่อเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ขอให้ประชาชนชนเพิ่มความระมัดระวังการขับขี่ยานพาหนะมากขึ้น เนื่องจากหลายพื้นที่มีฝนตกทำให้ถนนลื่น และขอให้ขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัดนิรภัย

อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัดได้ตั้งศูนย์อำนวยการ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ให้บริการข้อมูล ประสานการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและรับเรื่องข้อร้องเรียนต่าง ๆ ดังนี้ ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โทร. 1356 ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ โทร. 1584 ศูนย์บัญชาการกรมทางหลวง โทร. 1586 ศูนย์ความปลอดภัยกรมทางหลวงชนบท โทร. 1146 ศูนย์ควบคุมทางพิเศษบูรพาวิถี การทางพิเศษแห่งประเทศไทย โทร. 1543 ศูนย์รัชดา ขสมก. โทร. 1348 และศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ รฟท. โทร. 1690


Last edited by Wisarut on 08/09/2020 12:27 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 07/09/2020 10:19 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟเสียในอุโมงค์ขุนตาน ควันคลุ้งต้องอพยพผู้โดยสาร
ประจำวันที่ 07 กันยายน 2563

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา รถไฟด่วนขบวนที่ 52 เชียงใหม่-กรุงเทพ เกิดเหตุขัดข้องขณะอยู่ภายในอุโมงค์ขุนตาน โดยหัวรถจักรหมายเลข 4512 มีอาการลมตก และระบบห้ามล้อทำงานทั้งขบวน ก่อนที่จะมีหัวรถจักรหมายเลข 4510 เข้ามาช่วยเหลือ ส่งผลให้ขบวนรถเกิดความล่าช้า แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ทั้งนี้ จากภาพที่ปรากฎบนโลกออนไลน์ของผู้อยู่ในเหตุการณ์พบว่า เกิดควันหนาแน่นภายในอุโมงค์ ก่อนที่จะมีรถจักรอีกหัวเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งขบวนรถที่ติดอยู่ภายในมีรถพัดลมชั้น 3 อยู่ในริ้วขบวนด้วย ส่งผลให้ผู้โดยสารที่อยู่ในขบวนรถประสบปัญหาการถ่ายเทอากาศ เนื่องจากอุโมงค์ดังกล่าวไร้ระบบเครื่องดูดควัน ทางพนักงานต้องให้ผู้โดยสารทั้งหมดทยอยเดินออกจากอุโมงค์จนที่สุดแล้วปลอดภัยทั้งหมด.

https://www.facebook.com/onenews31/posts/3508744815880635

กรณีศึกษา(Case Study) ขบวนรถไฟจอดขัดข้องในอุโมงค์ขุนตาน...ขอชื่นชม พรร. ขบวน52 ที่ตัดสินใจอพยพย้ายผู้โดยสารออกจากอุโมงค์ก่อน ไม่งั้นคงมีคนเป็นลมสลบเพราะควันเยอะมาก
... 6 ก.ย.63 ขบวน52 (เชียงใหม่-กรุงเทพ) ดีเซล 4512 ทำขบวน พ่วงยาว12 คันออกจากสถานีขุนตานเวลา 16.57 น. ช้า7 นาที ต่อมาเวลา 17.02 น. ได้รับแจ้งจากพนักงานรักษารถว่า ดีเซล4512 ลมตกและห้ามล้อจับทั้งขบวน ขยับไม่ได้จอดค้างที่เสาโทรเลขที่ 682 (ภายในอุโมงค์ขุนตาน) ระหว่างสถานีขุนตาน-สถานีแม่ตาลน้อย ไม่สามารถทำการแก้ไขได้ ขอดีเซลช่วยลากออกจาก สทล. 682 ภายในอุโมงค์ขุนตานมายังสถานีขุนตาน
ต่อมาผังควบคุมการเดินรถลำปางสั่งการให้ดีเซล4150 ช่วยเหลือโดยออกจากสถานีทาชมภูเวลา17.16 น. ถึงสถานีขุนตานเวลา 17.30 น.จากนั้นออกจากสถานีขุนตาน17.31 น. เข้าช่วยลากขบวน 52 ถึงที่เกิดเหตุเวลา17.37 น. ต่อมาขบวน52 ออกจากที่เกิดเหตุ 17.40 น. ถึงสถานีขุนตานเวลา17.46 น. ช้า 61 นาที และได้สั่งการให้ดีเซล4150 พ่วงพหุ4512 ออกจากขุนตาน-ลำปาง โดยออกจากสถานีขุนตานเวลา 17.55 น. ช้า65 นาที
ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และไม่มีขบวนอื่นได้รับผลกระทบจากเหตุนี้
Cr ภาพ: Amnuai Rattanakan
ป.ล. 1. อุโมงค์ขุนตานยังไม่มีระบบระบายควัน
2. ปัจจุบัน ขร. และ รฟท. อยู่ระหว่างจัดทำคู่มือการอพยพและกู้ภัยกรณีเกิดเหตุขบวนรถเสีย/อุบัติเหตุตกรางภายในอุโมงค์รถไฟ
https://www.facebook.com/ake.bluechifamily/posts/3360458210667767
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 12/09/2020 11:51 pm    Post subject: Reply with quote

กรมส่งเสริมสหกรณ์แจงปมปัญหา สอ.สรฟ.
หน้าข่าวทั่วไป
วันเสาร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 09:50 น.


กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขอชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีคอลัมน์โขลกข่าวตำทุกข์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้า 7 ฉบับวันที่ 3 กันยายน 2563 ได้เสนอข่าวการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ.) โดยระบุว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล ละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เกิดการทุจริตในสหกรณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อสหกรณ์เจ้าหนี้กว่า 90 แห่ง มูลค่าเสียหายกว่า 23,000 ล้านบาท และจนปัจจุบันยังไม่มีการแก้ไขปัญหาการทุจริตและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการชี้แจงนี้เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละช่วงเวลาและภารกิจ และเพื่อมิให้สมาชิก สอ.สรฟ.และสหกรณ์เจ้าหนี้เกิดความตื่นตระหนก ดังนี้

กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอยืนยันว่า นับแต่กรมได้รับรายงานการพบการกระทำส่อทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ (สอ.สรฟ.) ประมาณเดือน ต.ค.2559 กรณีกรรมการ สอ.สรฟ. อนุมัติเงินกู้พิเศษไม่เป็นไปตามระเบียบให้แก่สมาชิก 6 รายในช่วงปี 2556 - 59 รวม 199 สัญญา ยอดเงินกู้คงเหลือ 2,285 ล้านบาท กรมไม่ได้มีการละเลย หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่มีการสื่อข่าวออกมา ตรงกันข้ามกรมได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาทันทีที่ได้มีการตรวจพบและติดตามอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งวันที่ 2 ส.ค.61 คณะกรรมการ สอ.สรฟ. แจ้งความดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา กับกรรมการชุดที่กระทำผิดต่อพนักงานสอบสวน จนเสนอสำนวนให้พนักงานอัยการสั่งฟ้อง แต่มีปัญหาเรื่องเขตอำนาจสอบสวน จึงมีการส่งสำนวนกลับมาให้ สน.นพวงศ์ ดำเนินการสอบสวนต่อ ปัจจุบันเรื่องยังคงอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
ดังนั้น จึงไม่ได้มีการปล่อยให้เกิดการทุจริตแล้วไม่ดำเนินการตามข่าวแต่อย่างใด ขณะเดียวกันในระหว่างปี 61 จนถึงปัจจุบัน กรมได้จัดให้มีการหารือระหว่าง สอ.สรฟ. และสหกรณ์เจ้าหนี้เงินฝากและเงินกู้ทั้ง 15 แห่ง รวม 3,037.51 ล้านบาท (ณ เดือนตุลาคม 2562) เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของ สอ.สรฟ. จนนำมาสู่การทำข้อตกลงร่วมกันในการชำระเงินฝากคืนให้กับสหกรณ์เจ้าหนี้ 9 แห่ง และทยอยชำระหนี้เงินกู้ให้กับสหกรณ์เจ้าหนี้ 1 แห่ง ซึ่งตอนนี้มียอดหนี้คงเหลือตามบันทึกข้อตกลง 2,153 ล้านบาท และที่ สอ.สรฟ. ปฏิเสธหนี้ของ 5 สหกรณ์เจ้าหนี้ 747 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายของสหกรณ์เจ้าหนี้ ทั้งนี้ ปัจจุบัน สภาพคล่องของ สอ.สรฟ. ณ เดือน ส.ค.2563 พบว่า มีเงินเข้ามา 53.4 ล้านบาท ต่อเดือน สามารถจ่ายเงินกู้ให้สมาชิกประมาณ 18.5 ล้านบาท จ่ายคืนเงินฝากแก่สมาชิก 6.5 ล้านบาท ชำระหนี้/จ่ายคืนเงินฝากแก่สหกรณ์เจ้าหนี้ตามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน 25.48 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายบริหารจัดการ 1.03 ล้านบาท มีเงินสดเหลือ 1.86 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นผลดีของการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ทำให้ สอ.สรฟ. ดำเนินธุรกิจต่อไปและสามารถชำระหนี้กับสหกรณ์เจ้าหนี้ได้ตามข้อตกลง อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวจะมีการติดตามประมวลผลทุก 3 เดือน และทบทวนแผนทุก 1 ปี และประการสำคัญพบว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ของสหกรณ์เจ้าหนี้ทั้ง 15 แห่ง ที่ผ่านมา ทุกสหกรณ์มีผลกำไรสามารถจ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิกได้ ในขณะที่สหกรณ์ที่ถูกปฏิเสธการชำระหนี้ทั้ง 5 สหกรณ์ เนื่องจากกรรมการ สอ.สรฟ. ชุดที่ 13 พบว่าผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมาย โดยได้มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ทั้งนี้ กรมยืนยันว่าในการแก้ไขปัญหาตามลำดับเหตุการณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ยึดแนวการแก้ไขตามระเบียบและ พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 ที่ให้อำนาจไว้ทุกประการ



ลำดับเหตุการณ์วันที่ 10 – 13 ต.ค.2559 คณะผู้ตรวจการสหกรณ์เฉพาะกิจเข้าตรวจสอบการให้เงินกู้พิเศษ ตามที่ได้รับการประสานจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ที่พบว่า มีการอนุมัติเงินกู้พิเศษไม่เป็นไปตามระเบียบให้แก่สมาชิก 6 ราย ในช่วงปี 2556 - 59 รวม 199 สัญญา ยอดเงินกู้คงเหลือ 2,285 ล้านบาทหลังพบเหตุ 21 พ.ย.59 ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ ที่ได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้ระงับการให้เงินกู้พิเศษแก่ 6 ราย จากนั้น 29 พ.ย.59 นายทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการ สอ.สรฟ. แก้ไขข้อบกพร่องโดยให้ทั้ง 6 ราย ส่งเงินกู้พิเศษก้อนดังกล่าวคืนภายใน 60 วัน ในเดือน มี.ค.60 เมื่อกรมพบว่าคณะกรรมการ สอ.สรฟ. ยังแก้ไขไม่ครบถ้วน รองนายทะเบียนสหกรณ์ได้ให้กรรมการ สอ.สรฟ. และผู้จัดการสหกรณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่ง สอ.สรฟ. ได้ชี้แจงตอบกลับมาว่า มีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามทวงเงินจาก 6 รายแล้ว และพบว่าคณะกรรมการ สอ.สรฟ. ที่อนุมัติเงินกู้ผิดระเบียบ คือกรรมการ สอ.สรฟ. ชุดที่ 7,8,9,10 และชุดที่ 11 ดังนั้น วันที่ 11 ก.ค. 60 นายทะเบียนสหกรณ์จึงสั่งการให้คณะกรรมการฯ มีหนังสือเรียกให้อดีตกรรมการในชุดที่ 7 - 11 ชดใช้เงินคืนกับ สอ.สรฟ. ภายใน 30 วัน และให้ตรวจสอบว่ามีผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ สอ.สรฟ. มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป และหากว่าผู้กู้ทั้ง 6 ราย ไม่คืนเงินให้ดำเนินการร้องทุกข์ฟ้องคดีภายใน 15 วัน หรือหากผู้กู้ทั้ง 6 ราย อ้างว่ายังไม่ครบอายุสัญญาให้บอกเลิกสัญญาและเรียกคืนเงินกู้ทั้งหมดใน 30 วัน และฟ้องดำเนินคดีต่อไป

การติดตามการแก้ไขข้อบกพร่องของคณะกรรมการ สอ.สรฟ. และบริหารสภาพคล่องของสหกรณ์เมื่อพบว่ากรรมการ สอ.สรฟ. ไม่ปฏิบัติตามที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่ง วันที่ 19 ต.ค.60 นายทะเบียนสหกรณ์ จึงร้องทุกข์กล่าวโทษคณะกรรมการ สอ.สรฟ. ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ ต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.บางรัก จากนั้น สอ.สรฟ. ได้เลือกตั้งกรรมการชุดใหม่เมื่อ 25 ต.ค.60 ได้กรรมการชุดที่ 12 ภายหลังชุดที่ 12 เข้าทำงานเป็นระยะเวลา 1 เดือนผู้ตรวจการสหกรณ์ติดตามการแก้ไขพบว่า คณะกรรมการชุดที่ 12 ยังดำเนินการตามคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ไม่ครบถ้วน เป็นการขัดคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ จึงมีการใช้อำนาจตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีแทน สอ.สรฟ. ต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดีอาญาและแจ้งต่ออัยการสูงสุดพิจารณาให้พนักงานอัยการรับว่าต่างฟ้องคดีทางแพ่งต่อคณะกรรมการชุดที่ 7 - 11และผู้จัดการ รวม 26 ราย และใช้อำนาจมาตรา 22 (4) ให้คณะกรรรมการ สอ.สรฟ.ชุดที่ 12 พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะเนื่องจาก ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ และแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดชั่วคราวเข้ามาบริหารกิจการ 15 คน เป็นเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ 8 คน และตัวแทนสมาชิก สอ.สรฟ. 7 คน วาระทำงาน 180 วัน ภาระกิจหลักคือ การเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ที่ทำให้สหกรณ์เสียหายและฟ้องดำเนินคดี และแก้ไขสภาพคล่องเพื่อให้ สอ.สรฟ. ดำเนินธุรกิจได้ปกติ และจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการ สอ.สรฟ. ขึ้นมาบริหารต่อไป โดยระหว่างวันที่ 30 - 31 พ.ค.2561 คณะกรรมการ สอ.สรฟ. ชุดชั่วคราวได้จัดการหารือกับสหกรณ์เจ้าหนี้ทั้ง 15 แห่ง และมีการจัดทำ MOU กับสหกรณ์เจ้าหนี้ 12 สหกรณ์ และบันทึกช่วยจำกับสหกรณ์เจ้าหนี้ 2 สหกรณ์ รวม 14 สหกรณ์ (ยกเว้นสหกรณ์ออมทรัพย์วชิรพยาบาล จำกัด) ในประเด็นการจ่ายคืนเงินฝากและชำระหนี้เงินกู้ เพื่อรักษาสภาพคล่องของสหกรณ์และในวันที่ 2 ส.ค.61 คณะกรรมการชุดชั่วคราวมีมติมอบให้ทนายของสหกรณ์ดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งกับสมาชิก 6 รายที่ทำให้สหกรณ์เสียหาย และผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 2 ราย จากนั้น 31 ส.ค.61 คณะกรรมการชุดที่ 12 จัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการชุดที่ 13 และต่อมามีชุดที่ 14 เพื่อมาบริหาร สอ.สรฟ. และติดตามการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำให้สหกรณ์เสียหาย
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/09/2020 10:52 am    Post subject: Reply with quote

นิคมอุตฯอุดรธานีคาดเปิดให้บริการ 100 % ได้ในปี 64 เม็ดเงินสะพัด 2 หมื่นล้าน จ้างงาน 2 หมื่นคน
สยามรัฐออนไลน์ 14 กันยายน 2563 10:14 น. เศรษฐกิจ

Click on the image for full size

กนอ.เผยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี มีการพัฒนาไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ในส่วนของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจร และแนวกันชนพื้นที่สีเขียว เร่งเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ส่วนที่เหลือโดยคาดว่าหากเปิดให้บริการเต็ม 100% ในปี 2564 จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่ได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และทำรายได้ด้านภาษีอากรเข้ารัฐได้ประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปี

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นำคณะผู้บริหาร กนอ.และสื่อมวลชน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เป็นความร่วมมือระหว่าง กนอ.กับบริษัท เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จำกัด ที่ได้ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานเมื่อปี 2557 ภายใต้แนวคิดการเป็นนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ได้ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการความยั่งยืน เน้นหลักการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเจริญเติบโตให้กับคนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในบริบทพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความสอดคล้องกับกฎหมาย และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ในการมีช่องทางการประกอบอาชีพในถิ่นเกิดโดยไม่ต้องอพยพไปทำงานที่อื่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีมีความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์คือ มีทำเลที่ตั้งอยู่ในโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศ มีเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับจีนตอนใต้ โดยใช้เส้นทาง R12,R9 และ R8 อยู่ในเส้นทางรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคายที่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ไปยังท่าเรือแหลมฉบังและพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มีศูนย์กระจายสินค้าทางรางและศูนย์โลจิสติกส์ในพื้นที่กว่า 400 ไร่ อยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย

ขณะเดียวกันเพื่อให้การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี สามารถให้บริการแก่นักลงทุนและจูงใจนักลงทุนให้เข้ามาลงทุน จึงได้มีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ เช่น การศึกษาท่าเรือบก(Dry Port) จังหวัดอุดรธานี,พัฒนาระบบการเดินรถไฟจากสถานีหนองตะไก้เข้ามายังพื้นที่โครงการ 1.8 กิโลเมตร รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ผู้ประกอบการในนิคมฯ ให้เทียบเท่ากับผู้ประกอบการในเขตพื้นที่อีอีซี โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยางพาราขั้นปลาย อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมผลิตวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นปลาย ศูนย์โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นปลาย และอุตสาหกรรมสนับสนุนการผลิตในพื้นที่

“นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เป็นนิคมฯแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 56 ของประเทศ และเป็นจังหวัดที่ 16 ที่มีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ โดยนิคมฯแห่งนี้ ถือได้ว่ามีความได้เปรียบในแง่ของการขนส่งสินค้าได้อย่างดี เนื่องจากมีพื้นที่ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี เพียง 14 กิโลเมตร อยู่ห่างจากถนนทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่ทางทิศใต้อยู่ติดกับทางรถไฟสายกรุงเทพ-หนองคาย มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า(Distribution Center) ที่อยู่ห่างชายแดนจากด่านหนองคาย 53 กิโลเมตร โดยสามารถเชื่อมต่อเศรษฐกิจการค้า ขนส่งสินค้า และกระจายสินค้าผ่านไปทางกลุ่มประเทศ CLMV(กัมพูชา,ลาว,เมียนมา และเวียดนาม) ได้อย่างสะดวก”

อย่างไรก็ตามเพื่อให้การพัฒนานิคมฯเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการ ทางนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานียังมีแผนการพัฒนาระบบ Logistics ของนิคมฯแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 (2563-2565) จะทำเป็นอาคารคลังสินค้าให้เช่า การบริการรับและจ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ให้บริการเปิดตู้และบรรจุตู้คอนเทนเนอร์สำหรับสินค้านำเข้า-ส่งออกผ่านแดน มีการขออนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากรและพร้อมให้ใช้บริการ การให้บริการ Tuck Terminal และการให้บริการขนส่งสินค้าด้วยระบบขนส่งทางรางโดยเชื่อมกับสถานีหนองตะไก้

ส่วนระยะที่ 2(2565-2568) จะพัฒนาระบบรางภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมต่อกับสถานีหนองอุตสาหกรรมตะไก้ และเป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบ Freight Forwarder อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีการสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงภาคขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีกับประเทศลาว กัมพูชา และจีนมากขึ้น

โดยนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ตั้งอยู่ที่ตำบลโนนสูง อำเภอเมืองจังหวัดอุดรธานี พื้นที่ประมาณ 2,170 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขาย 1,635 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนโครงการประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกมี 1,000 ไร่ เป็นพื้นที่ขายจริง 700 ไร่ ที่เหลือเป็นระบบสาธารณูปโภค และเฟส 2 มี 1,000 ไร่ เช่นเดียวกัน ปัจจุบันความคืบหน้าการพัฒนาโครงการในภาพรวมไปแล้วกว่าร้อยละ 50 โดยเฉพาะในระบบสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่าในปี 2564 จะสามารถเปิดให้บริการได้ในส่วนของเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 ในระยะต่อไป

“หลังเปิดให้บริการครบ 100 % เชื่อว่านิคมฯแห่งนี้ จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท และเกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ขณะเดียวกันจะสามารถสร้างรายได้ด้านภาษีอากรให้กับภาครัฐได้ถึงประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปี”
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 14/09/2020 4:58 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
นิคมอุตฯอุดรธานีคาดเปิดให้บริการ 100 % ได้ในปี 64 เม็ดเงินสะพัด 2 หมื่นล้าน จ้างงาน 2 หมื่นคน


กนอ.ปลื้มนิคมฯ อุดรธานีคืบกว่า 50% จ่อเปิดเฟสแรกปี 64
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 14 กันยายน 2563 เวลา 12:36



กนอ.เผยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี พัฒนาไปแล้วกว่า 50% ในส่วนของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจร และแนวกันชนพื้นที่สีเขียว เร่งเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ส่วนที่เหลือ คาดเฟสแรกเปิดได้ปี 2564 พร้อมเร่งเครื่องเฟส 2 หวังดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่

น.ส. สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ซึ่ง กนอ.กับบริษัท เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จำกัด ได้ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานเมื่อปี 2557 ภายใต้แนวคิดการเป็นนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่าการพัฒนาโครงการมีพื้นที่รวม 2,170 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขาย 1,635 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนโครงการฯ ประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกมี 1,000 ไร่ เป็นพื้นที่ขายจริง 700 ไร่ ที่เหลือเป็นระบบสาธารณูปโภค และเฟส 2 มี 1,000 ไร่ ขณะนี้มีความคืบหน้ากว่า 50% โดยเฉพาะในระบบสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่าในปี 2564 จะสามารถเปิดให้บริการได้ในส่วนของเฟสที่ 1 ได้

“หลังเปิดให้บริการครบ 100% เชื่อว่านิคมฯ แห่งนี้จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท และเกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ขณะเดียวกันจะสามารถสร้างรายได้ด้านภาษีอากรให้กับภาครัฐได้ถึงประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปีอีกด้วย” ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว

ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ตั้งอยู่ที่ตำบลโนนสูง อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุดรธานี มีความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ คือ มีทำเลที่ตั้งอยู่ในโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศ มีเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับจีนตอนใต้ โดยใช้เส้นทาง R12, R9 และ R8 อยู่ในเส้นทางรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย ที่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มีศูนย์กระจายสินค้าทางรางและศูนย์โลจิสติกส์ในพื้นที่กว่า 400 ไร่ อยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย

รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ผู้ประกอบการในนิคมฯ ให้เทียบเท่ากับผู้ประกอบการในเขตพื้นที่อีอีซี โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยางพาราขั้นปลาย อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมผลิตวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นปลาย ศูนย์โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นปลาย และอุตสาหกรรมสนับสนุนการผลิตในพื้นที่ โดยนับเป็นนิคมฯ แห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 56 ของประเทศ และเป็นจังหวัดที่ 16 ที่มีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่

นิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกแดนอีสานสร้างเม็ดเงินกว่า 2.2 หมื่นล้าน
หน้าเศรษฐกิจมหภาค / อุตสาหกรรม

14 กันยายน 2563 เวลา 14:35 น.


“กนอ.” เผยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี มีการพัฒนาไปแล้วกว่า 50% คาดหากเปิดให้บริการเต็ม 100% ในปี 2564 จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่ได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ว่า ปัจจุบันความคืบหน้าการพัฒนาโครงการในภาพรวมไปแล้วกว่า 50% โดยเฉพาะในระบบสาธารณูปโภค ซึ่งคาดว่าในปี 2564 จะสามารถเปิดให้บริการได้ในส่วนของเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 ในระยะต่อไป


ทั้งนี้ หลังเปิดให้บริการครบ 100 % เชื่อว่านิคมฯแห่งนี้ จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในพื้นที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท และเกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ขณะเดียวกันจะสามารถสร้างรายได้ด้านภาษีอากรให้กับภาครัฐได้ถึงประมาณ 1.5-2 หมื่นล้านบาทต่อปีอีกด้วย

สำหรับนิคมดังกล่าวมีความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ คือ มีทำเลที่ตั้งอยู่ในโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงทั้งในและนอกประเทศ มีเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับจีนตอนใต้ โดยใช้เส้นทาง R12, R9 และ R8 อยู่ในเส้นทางรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย ที่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับจีนตอนใต้ไปยังท่าเรือแหลมฉบังและพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

มีศูนย์กระจายสินค้าทางรางและศูนย์โลจิสติกส์ในพื้นที่กว่า 400 ไร่ อยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ขณะเดียวกัน เพื่อให้การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี สามารถให้บริการแก่นักลงทุนและจูงใจนักลงทุนให้เข้ามาลงทุน จึงได้มีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ เช่น การศึกษาท่าเรือบก (Dry Port) จังหวัดอุดรธานี, พัฒนาระบบการเดินรถไฟจากสถานีหนองตะไก้เข้ามายังพื้นที่โครงการ 1.8 กิโลเมตร

รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ผู้ประกอบการในนิคมฯ ให้เทียบเท่ากับผู้ประกอบการในเขตพื้นที่อีอีซี โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยางพาราขั้นปลาย อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมผลิตวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นปลาย ศูนย์โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นปลาย และอุตสาหกรรมสนับสนุนการผลิตในพื้นที่

นางสาวสมจิณณ์ กล่าวต่อไปอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เป็นนิคมฯแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 56 ของประเทศ และเป็นจังหวัดที่ 16 ที่มีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ โดยนิคมฯแห่งนี้ ถือได้ว่ามีความได้เปรียบในแง่ของการขนส่งสินค้าได้อย่างดี เนื่องจากมีพื้นที่ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี เพียง 14 กิโลเมตร อยู่ห่างจากถนนทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่ทางทิศใต้อยู่ติดกับทางรถไฟสายกรุงเทพ-หนองคาย มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ที่อยู่ห่างชายแดนจากด่านหนองคาย 53 กิโลเมตร โดยสามารถเชื่อมต่อเศรษฐกิจการค้า ขนส่งสินค้า และกระจายสินค้าผ่านไปทางกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ได้อย่างสะดวก

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การพัฒนานิคมฯเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการ ทางนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานียังมีแผนการพัฒนาระบบ Logistics ของนิคมฯ แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 (2563-2565) จะทำเป็นอาคารคลังสินค้าให้เช่า การบริการรับและจ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ให้บริการเปิดตู้และบรรจุตู้คอนเทนเนอร์สำหรับสินค้านำเข้า-ส่งออกผ่านแดน มีการขออนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากรและพร้อมให้ใช้บริการ การให้บริการ Tuck Terminal และการให้บริการขนส่งสินค้าด้วยระบบขนส่งทางรางโดยเชื่อมกับสถานีหนองตะไก้ ส่วนระยที่ 2 (2565-2568) จะพัฒนาระบบรางภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อเชื่อมต่อกับสถานีหนองอุตสาหกรรมตะไก้ และเป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบ Freight Forwarder อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงภาคขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี กับ ประเทศลาว กัมพูชา และจีนมากขึ้น



หูตึงหรอ? หยดนี่สองหยดก่อนนอน หูจะดีขึ้นอีก 99% ใช้ได้ทุกวัย!ข่าวร้อน!
Style&beauty

“นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ตั้งอยู่ที่ตำบลโนนสูง อำเภอเมืองจังหวัดอุดรธานี พื้นที่ประมาณ 2,170 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขาย 1,635 ไร่ มีมูลค่าการลงทุนโครงการฯ ประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกมี 1,000 ไร่ เป็นพื้นที่ขายจริง 700 ไร่ ที่เหลือเป็นระบบสาธารณูปโภค และเฟส 2 มี 1,000 ไร่”

นางสาวสมจิณณ์ กล่าวอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เป็นความร่วมมือระหว่าง กนอ. กับ บริษัท เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จำกัด ที่ได้ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานเมื่อปี 2557 ภายใต้แนวคิดการเป็นนิคมอุตสาหกรรมสีเขียวแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการความยั่งยืน เน้นหลักการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเจริญเติบโตให้กับคนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในบริบทพื้นฐานความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความสอดคล้องกับกฎหมาย และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ในการมีช่องทางการประกอบอาชีพในถิ่นเกิดโดยไม่ต้องอพยพไปทำงานที่อื่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด


Last edited by Wisarut on 15/09/2020 11:15 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/09/2020 10:59 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟ จัดงาน “วันบุรฉัตร” น้อมรำลึกพระบิดาแห่งกิจการรถไฟ
บ้านเมือง วันจันทร์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2563, 15.12 น.

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ณ ตึกบัญชาการรถไฟ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์และวางพวงมาลาที่พระอนุสาวรีย์พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เนื่องใน “วันบุรฉัตร” โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยพระประยูรญาติ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟฯ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหาร พนักงานการรถไฟฯ เข้าร่วมพิธี

การรถไฟฯ ได้มีการจัดงาน “วันบุรฉัตร” ขึ้นในทุกวันที่ 14 กันยายนของทุกปี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน อดีตผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง พระบิดาแห่งกิจการรถไฟยุคใหม่ ตลอดจนพระกรณียกิจของพระองค์ที่มีต่อประชาชนและประเทศไทย โดยกิจกรรมในวันนี้ ได้จัดให้มีพิธีสงฆ์เพื่อทำบุญอุทิศถวาย พิธีวางพวงมาลาที่บริเวณหน้าพระอนุสาวรีย์ฯ และมีการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร โดย “บุรฉัตรมูลนิธิ”


นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรแก่พนักงานที่เกษียณอายุราชการ โดยมีนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวโอวาท ขอบคุณ่พนักงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นทำงานเพื่อกิจการรถไฟฯ ในการให้บริการแก่ประชาชนมาโดยตลอดอายุราชการ และนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้อย่างภาคภูมิ

สำหรับพระประวัติของ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ประสูติเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2424 และได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ระหว่างปี พ.ศ. 2460-2469 โดยพระองค์ได้ทรงวางรากฐานกิจการรถไฟให้เจริญรุดหน้าในหลายด้าน ทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนากิจการรถไฟให้บังเกิดผลดีรวดเร็ว และสะดวกในการปฏิบัติงาน ทรงปรับปรุงสัญญาณประแจกลและโทรคมนาคมของกรมรถไฟหลวง โดยริเริ่มใช้โทรศัพท์ทางไกล โทรศัพท์อัตโนมัติ และเครื่องตราทางสะดวกแทนการขอทางด้วยเครื่องโทรเลข พร้อมทั้งทรงวางแผนและดำเนินการนำรถจักรดีเซลมาใช้แทนรถจักรไอน้ำ

นอกจากนี้ ยังได้จัดให้มีพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟฯ ปี พ.ศ.2465 ให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อควบคุมคุ้มครองให้การรถไฟฯ ทางหลวง รถไฟเอกชนที่ได้รับอนุญาตดำเนินการและรถไฟอุตสาหกรรมให้มาขึ้นอยู่กับสภากรรมการรถไฟ ซึ่งเป็นการวางหลักการบริหารกิจการรถไฟของประเทศ จึงนับได้ว่าพระดำริของพระองค์ได้ก่อให้เกิดคุณประโยชน์ และความเจริญก้าวหน้าแก่กิจการรถไฟและบังเกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ตลอดจนประชาชนคนไทยอย่างมหาศาล
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 375, 376, 377 ... 471, 472, 473  Next
Page 376 of 473

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©