ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)

[Wisarut]

ทางเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดง - สนามบินดอนเมือง Terminal 2 อยู่ตรงไหน ต้องเดินไปอย่างไร
วันนี้ผมไปพิษณุโลก พึ่งกลับมา เลยไปสำรวจทางเดินเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง กับ Terminal 2 สนามบินดอนเมืองมาให้ชมกันซะหน่อย
** ใครจะบ่นว่ามันไกล บอกก่อนนะครับเค้าออกแบบเผื่ออนาคตที่จะรองรับการก่อสร้าง Junction Treminal และ Terminal 3 บริเวณอาคารในประเทศหลังเดิม **

ทางเชื่อมระหว่าง สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง กับสนามบินดอนเมือง
อยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร Termainal 2 ต่อจากทางเดินเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสารภายในประเทศหลังเดิม บริเวณสุดอาคารจอดรถ 6 ชั้น
สำหรับใครที่ไม่เข้าใจ ดูตามรูปและเส้นทางตามนี้ได้เลยครับ
- เมื่อออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าของอาคารในประเทศ เลี้ยวซ้าย แล้วขึ้นบันไดเลื่อนตัวซ้ายมือ มาที่ชั้น 2 หรือสำหรับขาออกชั้น 3 ก็ลงมาที่ชั้น 2 ได้เลยครับครับ
- จากนั้นก็เดินออกทางออกไปอาคารจอดรถ 6 ชั้น แล้วเลี้ยวอ้อม 7-11 จะเจอทางเดินยาวไปออกอาคารในประเทศหลักเก่า ซึ่งตรงนี้ติดแอร์หมดนะครับ
- เดินมาเรื่อยๆจะผ่าน ศูนย์อาคาร Magic foodcord (ราคาถูก ใครมีเวลาแนะนมากินที่นี่ ถูกกว่าข้างในเยอะครับ)
- พอเดินมาสุดอาคารจอด 6 ชั้น จะเจอทางแยก
*** มุ่งหน้าจะเป็นทางเดินไปอาคารในประเทศหลังเดิม และอาคารจอดรถเก่า
*** เลี้ยวขวาก็จะเป็นทางเดินเชื่อมไปสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมืองแล้ว
————————
ทางเชื่อมต่อนี้ออกแบบรองรับ Universal design มีทางลาด และลิฟต์บริการพี่ๆผู้พิการพร้อมครับ
มีหลายๆคนบอกว่าไกล ก็คงไกลจริง ยิ่งถ้ามาจากอาคารระหว่างประเทศ Terminal 1 ยิ่งไกล
แต่ตอนนี้ทนกันหน่อยนะครับ เค้าว่างแผนรองรับแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินดอนเมืองในอนาคตแล้วครับ จะมี Junction Terminal, Terminal 3 (ระหว่างประเทศหลังใหม่) รถไฟฟ้า APM เชื่อมต่อระหว่าอาคาร ครบครับ
ทางเชื่อมนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้รับเหมาจะส่งมอบพื้นที่ให้ภายในเดือนกันยายน แต่จะเปิดใช้ คงต้องฝากไปถามการรไฟ ว่าจะเปิดให้ใช้สะพานลอยนี้ได้เมื่อไหร่ เพราะทางลงฝั่งดอนเมืองไม่ค่อยสะดวก และไม่มีป้ายรถเมล์ ลงไปก็ไปไหนไม่ได้ ถ้าให้ดีอย่างน้อยๆก็ต้องข้ามไปฝั่งสถานีรถไฟดอนเมืองได้ครับ

https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/1009721759466303

[Wisarut]

เปิดรายงานกมธ. ศึกษาปม ‘โฮปเวลล์’(1) ชำแหละ 23 ข้อพิรุธ
หน้า Politics
พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563 เวลา 13:15 น.






คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายปิยะบุตร แสงกนกกุล (ก่อนจะพ้นส.ส.) เป็นประธาน ได้จัดทำรายงานการพิจารณาศึกษาการปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โฮปเวลล์) พร้อมข้อสังเกตสำคัญ ข้อสังเกตด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ และได้มีการบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว



ในรายงานฉบับนี้ ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ได้ชี้ข้อพิรุธ และสิ่งที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหลายประการ อาทิ



1.จุดเริ่มต้นโครงการไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี



2.บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง จำกัด (ฮ่องกง) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการโฮปเวลล์โดยไม่ชอบ



3.คณะรัฐมนตรีไม่เคยมีมติอนุมัติให้ บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง จำกัด (ฮ่องกง) และ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นการบังคับใช้หลักเกณฑ์ของประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2515



4.การรับจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ของกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย



5.การลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ของกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลเป็นโมฆะมาตั้งแต่วันลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533



6.การปฏิบัติผิดสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ ของ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) และการดำเนินการบอกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์



7.เหตุผลในการบอกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ถูกเปลี่ยนแปลงจนเป็นเหตุให้ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ใช้เป็นเหตุตามกฎหมายในการเรียกร้องเงินจากภาครัฐ



8.ผลทางกฎหมายระหว่างการบอกเลิกสัญญาสัมปทานด้วยเหตุที่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ปฏิบัติผิดสัญญา กับการบอกเลิกสัญญาตามกระบวนการของกฎหมายตามหลักเกณฑ์ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์



9.การยื่นเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการของ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) เป็นการใช้สิทธิเมื่อขาดอายุความแล้ว



10.การดำเนินการโครงการโฮปเวลล์ไม่เป็นไปตามมติครม.วันที่ 19 กันยายน 2532 มาแต่ต้น



11.บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับการเลือกจากคณะกรรมการดำเนินโครงการฯ และจากกระทรวงคมนาคมให้เป็นผู้ดำเนินการโครงการโฮปเวลล์









12.บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง จำกัด (ฮ่องกง) เป็นนิติบุคคลต่างด้าว และไม่เคยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้ประกอบธุรกิจ “ขนส่งทางบก” ตามบัญชี “ข” ท้ายประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 มาก่อน จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะยื่นข้อเสนอเข้าทำโครงการโฮปเวลล์



13.การเสนอเงื่อนไขดำเนินโครงการโฮปเวลล์ของ บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง จำกัด (ฮ่องกง) เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2533 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อระเบียบราชการและเป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การกระทำดังกล่าวและการดำเนินการอื่นๆ ต่อมา จึงเป็นโมฆะทั้งหมด



14.โครงการโฮปเวลล์เป็นโครงการของรัฐบาล ความรับผิดชอบในโครงการโฮปเวลล์จึงเป็นของรัฐบาล

[Wisarut]

“ระวี” แนะ “บิ๊กตู่” ตั้ง “วิชา” เช็กบิลผู้เกี่ยวข้องค่าโง่โฮปเวลล์ ชี้รัฐแพ้ทั้งที่ไม่ควรแพ้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เผยแพร่: พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563 เวลา 15:02


ส.ส.พลังธรรมใหม่ เสนอ “ประยุทธ์” ตั้ง “วิชา มหาคุณ” รับงานเผือกร้อนต่อ เช็กบิลค่าโง่โฮปเวลล์ สอบผู้เกี่ยวข้องย้อนหลังทั้งหมด ซัดรัฐแพ้ทั้งที่ไม่ควรแพ้คดี เพราะมีการเปลี่ยนเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญา ทั้งที่เขาผิดสัญญาแน่นอนอยู่แล้ว

วันนี้ (3 ก.ย.) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงโครงการก่อสร้างโฮปเวลล์มีปัญหาว่าจะเป็นโมฆะ เช่น การยื่นซองประมูลที่มีผู้ยื่นซองเพียงรายเดียว คือ บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง (ฮ่องกง) ขัดต่อกฎหมายพัสดุ อีกทั้งบริษัท โฮปเวลล์ เป็นนิติบุคคลต่างด้าวที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจขนส่งได้ โดยไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เป็นต้น แม้จะมีการจดทะเบียนในประเทศไทย แต่ก็ยังมีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว เพราะมีจำนวนหุ้นกับจำนวนผู้ถือหุ้นมีต่างด้าวเกินกว่าครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีการทำสัญญาเมื่อปี 2539 ซึ่งทำให้โครงการนี้อาจเป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น

นพ.ระวีกล่าวว่า ต่อมาปีในปี 2540 คณะรัฐมนตรีมีมติเลิกสัญญากับโฮปเวลล์ เพราะโฮปเวลล์ไม่ได้เร่งทำงานก่อสร้างซึ่งเป็นเหตุแห่งการผิดสัญญา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่มีการเปลี่ยนเหตุแห่งการยกเลิกสัญญา ให้มาเป็นการยกเลิกสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งๆ ที่ควรบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่โฮปเวลล์กระทำผิดสัญญา การบอกเลิกสัญญาด้วยเหตุที่โฮปเวลล์ผิดสัญญานั้นจะทำให้โฮปเวลล์รับผิดชอบต่อภาครัฐฝ่ายเดียว เรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐไม่ได้ และเรียกร้องงบประมาณที่จ่ายไปแล้วไม่ได้ ส่วนเลิกสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะมีผลแตกต่างกัน คือ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยไม่มีประเด็นการผิดสัญญาของโฮปเวลล์ ผลประโยชน์ที่รัฐได้มาต้องส่งคืนให้โฮปเวลล์ ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายต่างๆ คืนจากรัฐ และผลประโยชน์ที่โฮปเวลล์ได้รับก็ต้องส่งคืนรัฐ

นพ.ระวีกล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดการต่อสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ และศาลปกครองสูงสุด โดยโฮปเวลล์เรียกร้องค่าเสียหาย 14,700 ล้านบาท ซึ่งคดีมีการต่อสู้กันมาถึงปี 2562 ที่มีการพิพากษาโดยศาลปกครองสูงสุดให้รัฐต้องจ่ายเงินให้โฮปเวลล์ 24,000 ล้านบาท กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นตำนานอภิมหาค่าโง่ที่บัดซบที่สุดของประเทศไทย เพราะเขาผิดสัญญาแน่นอน เพียงแต่เราบอกเลิกสัญญาให้ถูกต้องเพื่อให้รัฐไม่ต้องเสียหาย ดังนั้น มีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ได้ข้อเท็จจริงที่อาจเป็นการทุจริตมิชอบของผู้เกี่ยวข้องย้อนหลังทั้งหมด และดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดและบริษัท โฮปเวลล์

นอกจากนี้ ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองสูงสุด้วยข้อมูลหลักฐานใหม่เพื่อพิจารณาตัดสินใหม่ว่าประเทศไทยไม่ควรผิดในเรื่องนี้ เร่งแก้ไข พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ และวิธีพิจารณาคดีของศาลปกครอง ไม่เพียงเท่านี้ ควรต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเลขานุการ รมว.คมนาคมของนายมนตรี พงษ์พานิช รมว.คมนาคมในเวลานั้น คณะกรรมการดำเนินโครงการโฮปเวลล์เมื่อปี 2532 เจ้าหน้าที่กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่รับจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วงปี 2533-2541 คณะกรรมการบอกเลิกสัญญาคมนาคม และ รมช.คมนาคม ที่เปลี่ยนเหตุแห่งการบอกเลิกสัญญา รวมไปถึงผู้แทนอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และปลัดกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2533 มาสอบว่าการจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ ประเทศไทย ถูกกฎหมายหรือไม่ โดยขอเสนอให้นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด

“ทนายนกเขา” ยื่น ดีเอสไอ รับคดีพิเศษ “ค่าโง่โฮปเวลล" พร้อมปลุกมวลชนถ้ารัฐจ่ายเงิน
โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
เผยแพร่: พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2563 เวลา 12:03


MGR Online - “ทนายนิติธร ล้ำเหลือ” รับมอบอำนาจจากกระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ร้องทุกข์ ดีเอสไอ เอาผิดผู้เกี่ยวข้องให้จัดตั้งบริษัทโฮปเวลล์ทั้งหมด เชื่อทำเป็นขบวนการ เสนอรัฐบาลไม่ควรจ่ายเพราะผลประโยชน์ชาติ

วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจกระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีเอาผิดผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และ เจ้าหน้าที่กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้กระทำความผิด กรณีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โฮปเวลล์ รวมทั้ง นักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวข้อง กระทำความผิดอาญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการโฮปเวลล์ โดยให้ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ

นายนิติธร กล่าวว่า ตนนำพยานหลักฐานเป็นทั้งเอกสารเก่าและเอกสารใหม่มามอบให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบโครงการโฮปเวลล์ ซึ่งมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายฝ่ายทั้ง ข้าราชการ นักการเมือง และเอกชน มีการจดทะเบียนบริษัทไม่ถูกต้องและไม่ทำตามมติ ครม. จนทำให้รัฐเกิดความเสียหาย โดยคดีอยู่ในอำนาจขอบเขตของดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษได้ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ควรจ่ายเงิน เพราะยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ แม้ศาลต่างๆ จะพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ฝากถึงรัฐบาลหลังแต่งตั้ง นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย มาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมแล้ว ควรให้มาดำเนินการตรวจสอบเรื่องโครงการโฮปเวลล์ด้วย อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีการจ่ายเงินตนจะนำมวลชนออกมาประท้วงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยสัปดาห์หน้าเตรียมจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยว่า เบื้องต้น ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเรียกร้องว่ามีประเด็นใดบ้างและเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ โดยจะดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด ตามขั้นตอนการรับเรื่องร้องทุกข์ของดีเอสไอ

[Wisarut]

เพิ่มงบสายสีแดง ต้องจบใน 2 เดือน คมนาคม ตั้ง กก.3 ชุด เคลียร์ “กม.-เทคนิค-การเงิน”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: พุธที่ 2 กันยายน 2563 เวลา 18:50



คมนาคม ตั้งคณะกรรมการ 3 ชุด เร่งพิจารณาปัญหาด้านกฎหมาย, เทคนิค และการเงิน กรณีเพิ่มงบค่าก่อสร้างสายสีแดง “อธิบดีกรมราง” เผย ค่า VO สัญญา 3 เหลือ กว่า 3 พัน ล. หวังเกลี่ยช่วยส่วนหนึ่ง เผย “ศักดิ์สยาม” ขีดเส้น 2 เดือนต้องมีข้อสรุป

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยถึงการขอขยายวงเงินดำเนินงานโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต เพิ่มเติมประมาณ 10,345 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศ (รฟท.) อยู่ระหว่างหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดกรณีงานก่อสร้างเพิ่มเติม หรือ Variation Order (VO) ในสัญญาที่ 1 (งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง) ได้ดำเนินการถูกต้องตามอำนาจหรือไม่ โดยต้องการให้กระบวนการทางกฎหมาย มีความชัดเจนก่อน จึงจะพิจารณาตัดสินเรื่องการเพิ่มงบประมาณต่อไป

ซึ่งขณะนี้ กระทรวงคมนาคม ตั้งคณะทำงานขึ้น 3 ชุด เพื่อพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมาย (พิจารณาการสั่งการ VO) ด้านเทคนิค (พิจารณาเนื้องานที่จำเป็นและความปลอดภัยในการเดินรถ) และด้านการเงิน (พิจารณาแหล่งเงินเพิ่มเติม) โดยจะเร่งสรุปภายใน 2 เดือนตามนโยบาย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

ซึ่งข้อมูล รฟท. พบว่า สายสีแดงทั้ง 3 สัญญาจะขอเงินเพิ่มประมาณ 10,345 ล้านบาท โดยเป็นงาน VO ประมาณ 6,220 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของสัญญาที่ 1 (งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง) จำนวน 194 รายการ ลดจากเดิมที่มีกว่า 200 รายการ มีวงเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท ขณะที่พบว่า สัญญาที่ 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลฯ สำหรับระบบรถไฟช่วงบางซื่อ-รังสิต) มีการสั่งงาน VO จำนวน 21 รายการ โดยทำไปแล้ว 5 รายการ รออนุมัติ 16 รายการ ซึ่งจะมีวงเงิน VO เหลือประมาณ 3,000 กว่าล้านบาทซึ่งอาจจะนำมาเกลี่ยใช้ได้ จะช่วยลดการขอเพิ่มงบ เป็นต้น

ส่วนการจะเปิดเดินรถได้เมื่อใดนั้น จะเป็นการพิจารณาของคณะทำงานด้านเทคนิค ซี่งมี นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง) เป็นประธาน ซึ่ง รฟท.มีแผนการเปิดทดลองเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในเดือน มี.ค. 2564 นั้น ยังไม่มีข้อติดขัดเพียงแต่ ต้องดูความพร้อมเปิดเดินรถ เชิงพาณิชย์เมื่อใดเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีรถส่งมอบ 19 ขบวน จากทั้งหมด 25 ขบวน ซึ่งที่เหลือจะมาครบเมื่อใดยังไม่ชัดเจน ซึ่ง รฟท.ต้องตอบให้ชัดแจน รวมถึงความปลอดภัยในการการเดินรถ จึงจะเปิดให้บริการได้

คมนาคม จี้รฟท.สรุปปมสายสีแดงภายใน2เดือนตั้งกรรมการสามชุดเคลียร์ปัญหา

03 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 08:33 น.


2 ก.ย.63-นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการหาที่มาของการเพิ่มงบประมาณการเปลี่ยนแปลงงาน (Variation order) หรือ VO ที่มีงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่า 10,345 ล้านบาทในโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต ว่าขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ต้องเคลียร์ตัวเองก่อนในกระบวนการในการสั่งงานต่างๆสอดคล้องตามสัญญาหรือไม่

"ตามที่รถไฟมีแผนการเดินรถเสมือนจริงภายในเดือน มีนาคม 2564 สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่เร่งให้เปิดบริการให้ประชาชนเร็วที่สุด ขณะเดียวกันรถไฟต้องทำแผนมาให้ละเอียดถึงแนวทางการบริหารจัดการเดินรถ-ระยะเวลาการรับขบวนรถ และการตรวจสอบความพร้อของรถไฟในการเปิดให้บริการได้เมื่อไร เรื่องนี้ต้องทำแผนให้เห็นภาพชัดเจน ซึ่งขณะนี้มีรถส่งมอบ 13 ขบวน จากทั้งหมด 25 ขบวนซึ่งรฟท.ต้องตอบให้ชัดแจน"นายสรพงษ์ กล่าว



อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสามชุด
เพื่อพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมาย พิจารณาการสั่งการ VOด้านเทคนิคพิจารณาเนื้องานที่จำเป็นและความปลอดภัยในการเดินรถและด้านการเงิน พิจารณาแหล่งเงินเพิ่มเติม โดยจะเร่งสรุปภายใน 2 เดือนตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ล่าสุด รฟท.ได้ส่งหนังสือหารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อสอบถามถึงกรณีงานก่อสร้างเพิ่มเติม(VO) ได้ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ เพื่อความชัดเจน และจะเดินหน้าต่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยขณะนี้สำนักอัยการสูงสุดยังไม่ได้ตอบกลับมา

[Wisarut]

คมนาคมตั้งคณะทำงานตรวจสอบงบฯ สายสีแดงบานหมื่นล้าน
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 8 กันยายน 2563 - 09:40 น.


การรถไฟฯ หอบข้อมูลงบฯสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงบาน 1 หมื่นล้านกลับไปทบทวนใหม่ ส่งอัยการสูงสุดตีความ หลังถูกบี้หนัก “คมนาคม” ตั้งคณะทำงาน 3 ชุด รีเช็กด้านกฎหมาย เทคนิค แหล่งเงินให้รอบคอบทุกด้าน เร่งให้เสร็จใน 45 วัน

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ประชุมคณะทำงาน พิจารณารถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต งบฯเพิ่มขึ้น 10,345 ล้านบาท มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ยังไม่มีข้อสรุปให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นำข้อมูลกลับไปทบทวนใหม่ให้รอบคอบว่าสุดท้ายค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นเท่าไหร่แน่ เนื่องจากข้อมูลล่าสุดที่ส่งให้พิจารณาคนละตัวเลขกับที่เสนอมาในตอนแรก และให้เสนอรายละเอียดกลับมาพิจารณาอีกครั้ง

“ที่ประชุมตั้งคณะทำงาน 3 คณะ ประกอบด้วย ด้านกฎหมาย ด้านเทคนิค และด้านการพิจารณาแหล่งเงิน พิจารณารายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันนับตั้งแต่ ร.ฟ.ท.เสนอเรื่องให้กระทรวงพิจารณา”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับวงเงิน 10,345 ล้านบาทที่ ร.ฟ.ท.ขอเพิ่มในครั้งแรก แยกเป็นสัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง มีกลุ่มกิจการร่วมค้า SU (ซิโน-ไทยฯ-ยูนิคฯ) เป็นผู้ก่อสร้าง ขอปรับกรอบวงเงินเพิ่ม 5,566 ล้านบาท



สัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางยกระดับและสถานีของ บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ขอปรับเพิ่ม 265 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 งานวางราง ระบบรถไฟฟ้า เครื่องกลและจัดหาขบวนรถ ของกิจการร่วมค้า MHSC (มิตซูบิชิ-ฮิตาชิ-สุมิโตโม) ขอปรับเพิ่ม 3,117 ล้านบาท

ยังมีค่าที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้าง 154 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ 106 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 1,133 ล้านบาท ทำให้งบฯก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 93,950 ล้านบาท เป็น 104,295 ล้านบาท

“ส่วนการเปิดบริการให้ทางรถไฟไปพิจารณาว่าจะยังยืนยันว่าจะเริ่มแกรนด์โอเพนนิ่งวันที่ 31 พ.ค. เปิดให้นั่งฟรี 5 เดือน ก่อนเปิดเชิงพาณิชย์ในเดือน พ.ย. 2564 ตามแผนที่จะดำเนินการคู่ขนานกับเนื้องานที่ยังต้องเคลียร์หรือไม่”

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างแก้ปัญหาค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 10,345 ล้านบาทของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ล่าสุดส่งข้อมูลในส่วนของคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (VO) ของสัญญาที่ 1 ที่พบเพิ่มประมาณ 194 รายการ วงเงิน 4,500 ล้านบาท ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบว่า การสั่งงานถูกต้องตามสัญญาหรือไม่ และรวมไปถึงอำนาจหน้าที่ผู้ที่จะกำหนดงาน VO ด้วย

“มีประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ คนที่ตอบแล้วชัดและทำงานต่อได้ก็ต้องเป็นอัยการสูงสุด เพราะเป็นผู้ตรวจร่างสัญญาตั้งแต่ต้น และเป็นผู้มีหน้าที่ให้ข้อหารือทางกฎหมายอยู่แล้ว” นายนิรุฒกล่าว

ส่วนกรอบวงเงินจะยังเป็น 10,345 ล้านบาทหรือไม่นั้น คงต้องรอการตรวจสอบตัวเลขค่างานของสัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟช่วงบางซื่อ-รังสิต และสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ที่ยังอยู่ระหว่างให้อัยการสูงสุดดูว่าใครเป็นผู้มีอำนาจสั่งเพิ่มงาน

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า กรมจะเร่งสรุปงบฯเพิ่มขึ้นของสายสีแดง 10,345 ล้านบาท ทั้ง 3 สัญญา ใน 2 เดือน ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีนโยบาย ล่าสุดตั้งคณะทำงาน 3 ชุด ด้านกฎหมายพิจารณาการสั่งงานเพิ่ม ด้านเทคนิคพิจารณาเนื้องานที่จำเป็นและความปลอดภัยเดินรถและด้านการเงิน พิจารณาแหล่งเงินเพิ่มเติม

[Wisarut]

เปิดรับสมัคร 156 คน ทดสอบรถไฟฟ้าสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” ปีหน้า
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 9 กันยายน 2563 - 15:22 น.

บริษัทลูกรถไฟ เปิดรับสมัครลูกจ้างชั่วคราว 156 คน หลายตำแหน่ง เตรียมพร้อมทดสอบเสมือนจริงรถไฟฟ้าสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื้อ-รังสิต” ปี’64



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 9-​20 กันยายน 2563 บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ผู้บริหารโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อสอบคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราว ปฎิบัติงานในโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง)​ ช่วงบางซื่อ -​ รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน เพื่อเตรียมดำเนินการทดสอบเสมือนจริงในปี 2564

ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า, เจ้าหน้าที่ควบคุมกระจายข้อมูลข่าวสาร, เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถด้านระบบวิศวกรรม, เจ้าหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้า, ผู้ช่วยนายสถานี, เจ้าหน้าที่ประจำสถานี, เจ้าหน้าที่อำนวยการและงานสารบรรณ


🚇🚇🚇🚇🚇
บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด รับสมัครบุคคลเพื่อสอบคัดเลือก #เป็นลูกจ้างชั่วคราว ปฎิบัติงานในโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง(สายสีแดง)​
ช่วงบางซื่อ -​ รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน
🔻เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า
🔻เจ้าหน้าที่รวบคุมกระจายข้อมูลข่าวสาร
🔻เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถด้านระบบวิศวกรรม
🔻เจ้าหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้า
🔻ผู้ช่วยนายสถานี
🔻เจ้าหน้าที่ประจำสถานี
🔻เจ้าหน้าที่อำนวยการและงานสารบรรณ
📌รับสมัครระหว่าง วันที่ 9 -​20 กันยายน 2563
☎️สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
แผนกบริหารทรัพยากรบุคคล
บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด
โทร.02-308-5600 ต่อ 1253
https://www.facebook.com/anwar.deae/posts/4092106577472205

[Mongwin]

"ศักดิ์สยาม" ระบุจะเปิดรถไฟชานเมืองสายสีแดงให้ได้ตามแผนปลายปีหน้า
ThaiPBS 19:15 | 10 กันยายน 2563

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันจะพยายามเปิดรถไฟชานเมืองสายสีแดงให้ได้ตามแผนปลายปี 2564 พร้อมเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษากฎหมายหวังใช้ศาลคุ้มครองสิทธิบริหารการเดินรถ หลังติดปัญหาด้านการเพิ่มงบประมาณการเปลี่ยนแปลงงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (10 ก.ย.2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องการขอขยายวงเงินดำเนินงานโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต เพิ่มเติมประมาณ 10,345 ล้านบาทว่า ขณะนี้โครงการมีความคืบหน้าของระบบโครงสร้างแล้วประมาณร้อยละ 99 แต่ยังติดปัญหาด้านการเพิ่มงบประมาณการเปลี่ยนแปลงงาน (Variation order หรือ VO) ที่มีงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น

โดยขณะนี้ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดูข้อกฎหมายและสรุปรายละเอียดกรณีงานก่อสร้างเพิ่มเติมให้จบโดยเร็วพร้อมยืนยันว่า เรื่องนี้การจะดำเนินการต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย ทุกฝ่ายยอมรับให้ได้ แต่ถ้าเจรจาแล้วไม่ได้ข้อสรุป ก็ต้องพยายามหาทางเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงให้ได้ตามแผนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ที่เปิดให้บริการภายในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า เนื่องจากงบประมาณงานด้าน VO ที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้การเปิดเดินรถล่าช้า โดยจะไปใช้สิทธิ์ด้วยการยื่นศาลปกครองในการคุ้มครองชั่วคราวไปก่อนเพื่อให้เปิดเดินรถได้

“เราจะไปพึ่งศาลปกครอง เพราะหากไม่ทำลักษณะนี้อาจจะถูกฟ้องร้องจากผู้รับเหมาได้เนื่องจากนำทรัพย์สินมาใช้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่อง VO แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลด้วย หากไม่คุ้มครองชั่วคราวก็ไม่สามารถจะไปเปิดเดินรถได้”

นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า เรื่องการเดินรถ ในระยะแรกยังคงเป็นบริษัทรถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จำกัดเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทราบว่าขณะนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ผู้บริหารโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อสอบคัดเลือกเป็นลูกจ้างชั่วคราว จำนวน 156 อัตรา เพื่อเข้ามาปฎิบัติงานในโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน เพื่อเตรียมดำเนินการทดสอบเสมือนจริงในปี 2564

ส่วนการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ แบบ PPP ทั้งการบริหารการเดินรถ สายสีแดงตลอดสาย และการก่อสร้างสายสีแดง ส่วนต่อขยายอีก 4 เส้นทางนั้น จะทำคู่ขนานกันไป หากได้เอกชนแล้วก็สามารถมาเดินรถแทนบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. ได้ ซึ่งเมื่อเอกชนมาร่วมทุนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่างานระบบเดินรถ 32,399 ล้านบาทด้วย

[Wisarut]

[Wisarut]

รถไฟฟ้าสายสีแดงจากทุ่งสองห้องมาบางซื่อ
https://www.youtube.com/watch?v=RINSMR7MHvw

[Wisarut]