รวมข่าวโครงการรถไฟทางคู่

Wisarut · Posted: 05/09/2020 1:00 am Post subject:

#ด่วน..4 ก.ย.63 เมื่อเวลา 22.00 น. ได้รับรายงานเกิดเหตุอุโมงค์รถไฟบันไดม้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ(สัญญา3) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาถล่ม เมื่อประมาณเวลา 20.23 น. มีคนงานบาดเจ็บ 10 ราย (ชาย7 รายและหญิง3 ราย) ถูกนำส่งโรงพยาบาลปากช่องนานา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทำแผลกลับบ้านได้ สาเหตุอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป
https://www.facebook.com/ake.bluechifamily/posts/3354422384604683

หลังคาอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางคู่ถล่มระหว่างก่อสร้าง คนงานเจ็บ 10 คน
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
5 กันยายน 2563 เวลา 01:55 น.

เกิดเหตุหลังคาอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางคู่ถล่มระหว่างก่อสร้าง ทำให้คนงานที่กำลังปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บกว่า 10 คน

เมื่อเวลา 20.50 น.วันที่ 4 กันยายน 2563 ร.ต.อ.ครรชิต พินิจ รอง สว.(สอบสวน)สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่ม บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า ช่วงเสาโทรเลข 174/3-174/4 บ้านบันไดม้า หมู่ที่ 4 ต.ปากช่อง มีคนงานได้รับบาดเจ็บ 10 คน หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังตำรวจ,หน่วยกู้ชีพ อบต.ปากช่อง,หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างวิชชาธรรมสถานปากช่อง และรถไฟส่องสว่าง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ รถบรรทุกปูนซีเมนต์ผสมเสร็จกำลังเทปูนให้คนงานของบริษัท อิตาเลี่ยน ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กว่า 20 คน ช่วยกันเกลี่ยและปาดปูนซีเมนต์บนหลังคาอุโมงค์ ขนาดความกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร หนาประมาณ 1 เมตรเศษ แต่น้ำหนักหลังคามากจนนั่งร้านรับไม่ไหวพังถล่มลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งอยู่ต่ำลงไป 6 เมตร ทำให้คนงานที่อยู่ด้านบนได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่ง รพ.ปากช่องนานา

สอบถามจากนายช่างและคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างไม่มีใครยอมให้รายละเอียด บอกต้องคุยกับนายช่างใหญ่เท่านั้น ส่วนคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ทั้งคนงานที่เป็นคนไทยและชาวเขมร คือ นางเตือยตวน ไม่มีนามสกุล อายุ 31 ปี, นางดา ลีจันดา อายุ 31 ปี, นายเสาเซียน ไม่มีนามสกุล อายุ 24 ปี, นายณัฐพล ไชยเสนา อายุ 28 ปี, นายห่วง โซ่ ไม่มีนามสกุล อายุ 38 ปี, นายทอง กองแก้ว อายุ 66 ปี, นายดี ไม่มีนามสกุล 25 ปี, นายอนุสิทธิ์ อิ่มสวัสดี อายุ 25 ปี, นางมัย เนียง ไม่มีนามสกุล อายุ 28 ปี และ นายไพฑูรย์ พรมโสภา อายุ 46 ปี หลังแพทย์ตรวจรักษาแล้วให้กลับบ้านได้ ส่วนหลังคาอุโมงค์ที่พังถล่ม รถน้ำดับเพลิงของ อบต.ปากช่อง ใช้น้ำฉีดปูนซีเมนต์โดยเกรงว่าจะมีทับร่างคนงาน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด

ทั้งนี้ อุโมงค์ที่เกิดเหตุมีไว้เพื่อให้รถยนต์ใช้ลอดใต้รางรถไฟทางคู่ ที่กำลังก่อสร้างจากสถานีรถไฟ มาบกะเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึง ชุมทางถนนจีระ นคราชสีมา โดยบริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) เมื่อเสร็จแล้วด้านบนหลังคาอุโมงค์จะเป็นรางรถไฟเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3240287092685460&id=447406605306870
https://www.youtube.com/watch?v=xKwXTjnuefI
https://www.thairath.co.th/clip/447227

อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่ถล่มขณะก่อสร้าง คนงานเจ็บ 10 คน
5 กันยายน 2563 เวลา 09:16

เกิดเหตุหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่เชื่อม จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา ถล่ม คนงานบาดเจ็บ 10 คน บริษัทฯ ที่ก่อสร้างยังไม่ออกมาให้ข้อมูลสาเหตุที่แน่ชัด

วันนี้ (5 ก.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่ม บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะที่รถบรรทุกปูนซีเมนต์กำลังเทปูน และมีคนงาน 20 คน ของบริษัท อิตาเลี่ยน ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ช่วยกันเกลี่ยและปาดหน้าปูนจุดก่อสร้างที่มีความกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร หนาประมาณ 1 เมตร

เบื้องต้นคาดสาเหตุการถล่ม เกิดจากหลังคามีน้ำหนักมากจนนั่งร้านรับไม่ไหวพังถล่มลงไปที่พื้นด้านล่างประมาณ 6 เมตร ทำให้คนงานที่อยู่ด้านบนทั้งคนไทยและชาวกัมพูชา ได้รับบาดเจ็บ 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลปากช่องนานา

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายช่างและคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครให้รายละเอียดเหตุการณ์ ระบุว่าต้องสอบถามกับนายช่างใหญ่เท่านั้น

สำหรับอุโมงค์ที่เกิดเหตุสร้างเพื่อให้รถยนต์ใช้ลอดใต้รางรถไฟทางคู่ อยู่ระหว่างก่อสร้างจากสถานีรถไฟมาบกะเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึงชุมทางถนนไฟจิระ จ.นครราชสีมา เมื่อสร้างแล้วเสร็จด้านบนหลังคาอุโมงค์จะเป็นรางรถไฟและให้รถยนต์วิ่งด้านล่าง

ระทึก !! งานสร้างอุโมงค์ลอดทางรถไฟ หลังคาปูนรับน้ำหนักไม่ไหว พังถล่ม คนงานเจ็บ 10 ราย จ.นครราชสีมา
FM 91 Trafficpro
5 กันยายน 2563 เวลา 05:26:28
เวลา 20.23 น. วันที 4 กันยายน 2563 รับแจ้งจาก หน่วยกู้ภัยสว่างวิชชาฯปากช่อง เกิดเหตุ คานปูนถล่ม ในงานก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางรถไฟรางคู่ ถนนภายในหมู่บ้านบันไดม้า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บ 10 ราย เป็นคนงานก่อสร้างดังกล่าว ให้การช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ปากช่อง ขณะเกิดเหตุยังไม่พบผู้ติดค้างหรือเสียชีวิต

ร.ต.อ.ครรชิต พินิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากช่อง เพิ่มเติม ที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า บ้านบันไดม้า หมู่ที่ 4 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากการตรวจสอบ ทราบว่า ขณะเกิดเหตุนั้น เป็นการทำงานของ รถบรรทุกปูนซีเมนต์ผสมเสร็จกำลังเทปูน และมีคนงานกว่า 20 คน ช่วยกันเกลี่ยและปาดปูนซีเมนต์บนหลังคาอุโมงค์ ด้วยน้ำหนักของหลังคาที่มากขึ้นจนนั่งร้านรับไม่ไหว จึงได้พังถล่มลงมา คนงานที่อยู่ด้านบนได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่ง รพ.ปากช่องนานา ส่วนสาเหตุนั้นต้องรอการสอบสวนต่อไป

https://www.facebook.com/fm91trafficpro/posts/3757623317581504

Wisarut · Posted: 05/09/2020 2:18 am Post subject:

ความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วง อ.ปะทิว จ.ชุมพร
https://www.facebook.com/TrainBusAirplane/posts/170555397974716

Wisarut · Posted: 05/09/2020 1:45 pm Post subject:

อุโมงค์ทางลอดรถไฟถล่ม! เจ็บเป็น 10
ข่าว #ปากช่องไทม์
5 กันยายน 2563 เวลา 08:27 น.

เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 4 ก.ย. ได้รับแจ้งหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่ม มีผู้รับบาดเจ็บหลายคน ที่เกิดเหตุบริเวณทางข้ามรถไฟ ก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า (วัดคลองตาลอง) บ้านบันไดม้า ต.ปากช่อง เบื้องต้นมีคนงานได้รับบาดเจ็บ 10 คน
.
ในที่เกิดเหตุพบหลังคาอุโมงค์ ที่รถบรรทุกปูนซีเมนต์ผสมเสร็จ กำลังเทให้คนงานของผู้รับเหมา บริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) กว่า 20 คน ที่ผูกเหล็กเตรียมไว้ ช่วยกันเกลี่ยและปาดปูนซีเมนต์ ขนาดมีความกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร หนาประมาณ 1 เมตรเศษ ที่มีน้ำหนักมาก
.
จนนั่งร้านรับน้ำหนักไม่ไหว พังถล่มลงไปที่พื้นที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร ทำให้คนงานที่อยู่ด้านบนได้รับบาดเจ็บ รวม 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่ง รพ.ปากช่องนานา
.
ทีแรกคนงานไม่ยอมให้คนเข้าไปช่วย (แอด ได้ยินวิทยุสื่ออสารฯ แว่วๆ เมื่อคืนตอนแรกไม่ยอมให้ทีมกู้ภัยฯ เข้าที่เกิดเหตุ และขอให้เป็น ว.5) สอบถามจากนายช่างและคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างไม่มีใครยอมให้รายละเอียด บอกต้องคุยกับนายช่างใหญ่เท่านั้น
.
ส่วนคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ทั้งคนงานที่เป็นคนไทยและชาวเขมร หลังแพทย์ตรวจรักษาแล้วให้กลับบ้านได้ ส่วนหลังคาอุโมงค์ที่พังถล่ม มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ กู้ชีพ รถน้ำดับเพลิงของ อบต.ปากช่อง พยายามใช้น้ำฉีดปูนซีเมนต์ ว่าจะมีทับร่างคนงานอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด
.
อุโมงค์ที่เกิดเหตุดังกล่าว มีไว้เพื่อให้รถยนต์ใช้ลอดใต้รางรถไฟทางคู่ ที่กำลังก่อสร้างจากสถานีรถมาบกระเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึง ชุมทางถนนจีระ นครราชสีมา โดยบริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) เมื่อเสร็จแล้วด้านบนหลังคาอุโมงค์ จะเป็นรางรถไฟ เพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน รถยนต์วิ่งลอดในอุโมงค์...

ระทึก! อุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่มขณะก่อสร้าง ทำคนงานเจ็บ 10 ราย
5 กันยายน 2563

นครราชสีมา-เกิดเหตุหลังคาอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางคู่ถล่มระหว่างก่อสร้าง ทำให้คนงานที่กำลังปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บกว่า 10 คน

วานนี้ (4 กันยายน 2563 ) ช่วงดึกที่ผ่านมา สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่ม บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า ช่วงเสาโทรเลข 174/3-174/4 บ้านบันไดม้า หมู่ที่ 4 ต.ปากช่อง มีคนงานได้รับบาดเจ็บ 10 คน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ รถบรรทุกปูนซีเมนต์ผสมเสร็จกำลังเทปูนให้คนงานของบริษัทแห่งหนึ่งกว่า 20 คน ช่วยกันเกลี่ยและปาดปูนซีเมนต์บนหลังคาอุโมงค์ ขนาดความกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร หนาประมาณ 1 เมตรเศษ แต่น้ำหนักหลังคามากจนนั่งร้านรับไม่ไหวพังถล่มลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งอยู่ต่ำลงไป 6 เมตร ทำให้คนงานที่อยู่ด้านบนได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่ง รพ.ปากช่องนานา

ทั้งนี้ อุโมงค์ที่เกิดเหตุมีไว้เพื่อให้รถยนต์ใช้ลอดใต้รางรถไฟทางคู่ ที่กำลังก่อสร้างจากสถานีรถไฟ มาบกะเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึง ชุมทางถนนจีระ นคราชสีมา เมื่อเสร็จแล้วด้านบนหลังคาอุโมงค์จะเป็นรางรถไฟเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน

หลังคาอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางคู่ถล่ม คนงานเจ็บนับสิบ
ข่าวทั่วไทย
เดลินิวส์
เสาร์ที่ 5 กันยายน 2563 เวลา 13.14 น.

เกิดเหตุก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางคู่ บ้านบันไดม้า ปากช่อง ถล่มทำให้คนงานที่กำลังปฏิบัติงานกันอยู่ เจ็บระนาวกว่า 10 คน

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ร.ต.อ.ครรชิต พินิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ ( 4 ก.ย.) ได้รับแจ้งเหตุหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมาทับคนงาน ที่กำลังก่อสร้าง ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายรายและยังติดอยู่ใต้ซากเหล็ก บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า ช่วงเสาโทรเลข 174/3-174/4 บ้านบันไดม้า หมู่ที่ 4 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่

ที่เกิดเหตุพบหลังคาอุโมงค์ที่รถบรรทุกปูนซีเมนต์ผสมเสร็จ กำลังเทให้คนงานของบริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด(มหาชน) กว่า 20 คน ผูกเหล็กเตรียมไว้ ช่วยกันเกลี่ยและปาดปูนซีเมนต์ ขนาดมีความกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร หนาประมาณ 1 เมตรเศษ ที่มีน้ำหนักมากจนนั่งร้านรับน้ำหนักไม่ไหวพังถล่มลงไปที่พื้นที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร ทำให้คนงานที่อยู่ด้านบนตกลงไปด้านล่างได้รับบาดเจ็บ โดยห้ามบุคคลภายนอกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปถ่ายภาพ มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือคนงาน พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่ง รพ.ปากช่องนานา

จากการสอบถามจากนายช่าง และคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างไม่มีใครยอมให้รายละเอียด บอกเพียงต้องคุยกับนายช่างใหญ่เท่านั้น ส่วนคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ทั้งคนงานที่เป็นคนไทยและชาวเขมร คือ 1.นางเตือยตวน ไม่มีนามสกุล อายุ 31 ปี 2.นางดา ลีจันดา อายุ 31 ปี 3.นายเสาเซียน ไม่มีนามสกุล อายุ 24 ปี 4.นายณัฐพล ไชยเสนา อายุ 28 ปี 5.นายห่วง โซ่ ไม่มีนามสกุล อายุ 38 ปี,6.นายทอง กองแก้ว อายุ 66 ปี 7.นายดี ไม่มีนามสกุล 25 ปี 8.นายอนุสิทธิ์ อิ่มสวัสดี อายุ 25 ปี 9.นางมัย เนียง ไม่มีนามสกุล อายุ 28 ปี และ 10.นายไพฑูรย์ พรมโสภา อายุ 46 ปี หลังแพทย์ตรวจรักษาแล้วให้กลับบ้านได้ ส่วนหลังคาอุโมงค์ที่พังถล่ม รถน้ำดับเพลิงของ อบต.ปากช่อง ใช้น้ำฉีดปูนซีเมนต์ว่าจะมีทับร่างคนงานอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด

อุโมงค์ที่เกิดเหตุดังกล่าวมีไว้เพื่อให้รถยนต์ใช้ลอดใต้รางรถไฟทางคู่ ที่กำลังก่อสร้างจากสถานีรถมาบกระเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึง ชุมทางถนนจีระ นคราชสีมา โดยบริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด(มหาชน)เมื่อเสร็จแล้วด้านบนหลังคาอุโมงค์จะเป็นรางรถไฟเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน

ระทึก! อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่พังถล่มขณะก่อสร้าง ทับคนงานนับ 10 คน
ทุกทิศทั่วไทย
5 กันยายน 2563 เวลา11:51 น.
ภาพบางส่วนจาก หน่วยกู้ชีพ อบต.ปากช่อง

อุโมงค์ลอดรถไฟทางคู่ถล่มขณะก่อสร้าง ทับคนงาน 10 คน ติดใต้ซาก เผยเป็นหลังคาอุโมงค์ที่เทปูนเสร็จมีน้ำหนักมาก นั่งร้านรับน้ำหนักไม่ไหว จึงถล่มจากความสูง 6 เมตร

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ร.ต.อ.ครรชิต พินิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมาทับคนงานที่กำลังก่อสร้าง ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายรายยังติดอยู่ใต้ซากเหล็ก บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า ช่วงเสาโทรเลข 174/3-174/4 บ้านบันไดม้า หมู่ที่ 4 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง
เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรีบรุดออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง, พ.ต.ท.บวร สมบัติธีระ รอง ผกก.(สอบสวน), พ.ต.ท.มนตรี บุญโสภา สวป. นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ นายอำเภอปากช่อง และกำลังตำรวจ, หน่วยกู้ชีพ อบต.ปากช่อง, หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างวิชชาธรรมสถานปากช่อง พร้อมรถไฟส่องสว่างรุดไปยังที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบหลังคาอุโมงค์ที่รถบรรทุกปูนซีเมนต์ผสมเสร็จกำลังเทให้คนงานของ บริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) กว่า 20 คน ผูกเหล็กเตรียมไว้ ช่วยกันเกลี่ยและปาดปูนซีเมนต์ ขนาดมีความกว้าง 12 เมตร ยาว 12 เมตร หนาประมาณ 1 เมตรเศษ ที่มีน้ำหนักมากจนนั่งร้านรับน้ำหนักไม่ไหว พังถล่มลงไปที่พื้นที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร

ทำให้คนงานที่อยู่ด้านบนตกลงไปด้านล่างได้รับบาดเจ็บ โดยห้ามบุคคลภายนอกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปถ่ายภาพ มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือคนงาน พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 10 คน เพื่อนคนงานต้องช่วยกันนำส่ง รพ.ปากช่องนานา

จากการสอบถามจากนายช่างและคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างไม่มีใครยอมให้รายละเอียด บอกต้องคุยกับนายช่างใหญ่เท่านั้น ส่วนคนงานที่ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ทั้งคนงานที่เป็นคนไทยและชาวเขมร คือ 1.นางเตือยตวน ไม่มีนามสกุล อายุ 31 ปี 2.นางดา ลีจันดา อายุ 31 ปี 3.นายเสาเซียน ไม่มีนามสกุล อายุ 24 ปี 4.นายณัฐพล ไชยเสนา อายุ 28 ปี

5.นายห่วง โซ่ ไม่มีนามสกุล อายุ 38 ปี 6.นายทอง กองแก้ว อายุ 66 ปี 7.นายดี ไม่มีนามสกุล 25 ปี 8.นายอนุสิทธิ์ อิ่มสวัสดี อายุ 25 ปี 9.นางมัย เนียง ไม่มีนามสกุล อายุ 28 ปี และ10.นายไพฑูรย์ พรมโสภา อายุ 46 ปี หลังแพทย์ตรวจรักษาแล้วให้กลับบ้านได้ ส่วนหลังคาอุโมงค์ที่พังถล่ม รถน้ำดับเพลิงของ อบต.ปากช่อง ใช้น้ำฉีดปูนซีเมนต์ว่า จะมีทับร่างคนงานอยู่หรือไม่ แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด

อุโมงค์ที่เกิดเหตุดังกล่าวมีไว้เพื่อให้รถยนต์ใช้ลอดใต้รางรถไฟทางคู่ ที่กำลังก่อสร้างจากสถานีรถมาบกระเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึง ชุมทางถนนจีระ นครราชสีมา โดยบริษัท อิตาเลี่ยน ดิเวล๊อปเม้นต์ จำกัด(มหาชน) เมื่อเสร็จแล้วด้านบนหลังคาอุโมงค์จะเป็นรางรถไฟเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่าน

โดยให้คนงานผูกเหล็กไว้และให้รถปูนวีเมนต์ผสมเสร็จจำนวนหลาย 10 คันมาจอดรอ แต่เมื่อเกิดเหตุถล่มรถปูนซีเมนต์ผสมเสร็จที่มาจอดรอ ต้องนำปูนผสมเสร็จทั้งหมดนับ 10 คันไปเทลานคอนกรีตของวัดคลองตาลอง ที่อยู่ใกล้อุโมงค์ดังกล่าวก่อนที่ปูนซีเมนต์จะแข็งตัว

ร.ต.อ.ครรชิต พินิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากช่อง เกี่ยวกับความคืบหน้าด้านคดี โดยแจ้งว่า หลังออกตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วได้เดินทางมาตรวจสอบผู้บาดเจ็บที่ รพ.ปากช่องนานา ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งพบว่าไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 10 คน และยังไม่ได้เรียกวิศวกรที่คุมงานและผู้ใดมาสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุทำให้อุโมงค์พัง

ด้านนายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ นายอำเภอปากช่อง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุออกตรวจสอบ เพื่อหาร่ายละเอียดเบื้องต้นที่เกิดขึ้น และในช่วงเช้าวันนี้ได้ออกไปตรวจสอบอีกครั้ง ก็พบว่า ทางบริษัท ผู้รับเหมาก่อสร้างได้นำรถแบ็คโฮมารื้อจุดซากเหล็กที่พังยุบลงออกเพื่อติดตั้งโครงเหล็กขึ้นใหม่ เพราะฝ่ายปกครองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมาก เพียงเข้าไปดูเนื่องจากมีผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนเรื่องคดี ก็เป็นเรื่องขอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการเมื่อเกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

Mongwin · Posted: 05/09/2020 4:41 pm Post subject:

https://www.facebook.com/pr.railway/posts/3834816113199898

การรถไฟฯ ชี้แจง กรณีเกิดเหตุอุโมงค์ทางลอดทางรถไฟทรุดตัว

การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2563 เวลาประมาณ 20.30 น. ได้เกิดอุบัติเหตุนั่งร้านที่กำลังเทคอนกรีตในส่วนหลังคา (Deck Slab) ของงานอุโมงค์ทางลอดรถไฟ (UNDERPASS) บริเวณสถานีรถไฟบันไดม้า ที่ กม.169+750 ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา – คลองขนานจิตร ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เกิดการทรุดตัว จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเกิดจากการเทคอนกรีตที่ไม่สมดุล มีการปล่อยปริมาณคอนกรีตเร็วเกินไป จนเกิดการกระจุกตัวของคอนกรีต ทำให้นั่งร้านบริเวณดังกล่าวเกิดการทรุดตัว และเกิดเหตุดังกล่าว

ทั้งนี้ มีคนงานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 10 ราย ซึ่งถูกนำส่งที่ รพ.ปากช่องนานา ได้รับการรักษา และออกจากโรงพยาบาลแล้วตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย จะดำเนินการตรวจสอบกับผู้รับเหมาถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น และรายงานความคืบหน้าต่อไป

Wisarut · Posted: 05/09/2020 9:21 pm Post subject:

จ่อเรียกค่าเสียหาย หลังอุโมงค์ทางลอดรถไฟรางคู่ถล่ม
เสาร์ที่ 5 กันยายน 2563 เวลา 13.39 น.

ผู้ว่าการรฟท.สั่งตรวจสอบหาสาเหตุอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่มด่วน จ่อเรียกค่าเสียหายผู้รับเหมา ย้ำงานก่อสร้างต้องไร้อุบัติเหตุ คุมเข้มทุกโครงการต้องปลอดภัย

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.นายนิรุต มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุหลังคาอุโมงค์ทางลอดรถไฟทางคู่ถล่ม บริเวณก่อนถึงสถานีรถไฟบันไดม้า ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟส1 ช่วงสถานีรถไฟมาบกะเบา ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ถึงชุมทางถนนไฟจิระ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมา ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นแล้ว จึงได้สั่งการให้ฝ่ายโยธาเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและสาเหตุ ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วโดยเร็วที่สุด แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่มีผู้เสียชีวิตแต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในงานก่อสร้าง

นายนิรุต กล่าวว่า ดังนั้นรฟท.จะกำชับไปยังผู้รับเหมาให้มากขึ้นไปอีก จากปกติที่เข้มงวดอยู่แล้วในเรื่องความปลอดภัย โดยนำเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนและหาแนวทางป้องกัน และต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก และต้องคุมเข้มไม่ให้มีอุบัติเหตุในงานก่อสร้างด้วย ทั้งนี้รฟท.จะกำชับให้ทุกโครงการก่อสร้างของรฟท.เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงานให้มากขึ้นไม่เฉพาะโครงการนี้เท่านั้น

เบื้องต้นคงต้องมีการเรียกค่าเสียหายกับผู้รับเหมากรณีที่ปฏิบัติงานด้วยความประมาทจนเกิดเหตุการณ์ถล่มขึ้น แต่จะเรียกเท่าไหร่อย่างไรจะต้องพิจารณาในรายละเอียดในสัญญาและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบก่อน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บก็ได้รับรายงานว่ากลับบ้านไปพักรักษาตัวหมดแล้ว.

Wisarut · Posted: 05/09/2020 9:59 pm Post subject:

Wisarut · Posted: 05/09/2020 10:17 pm Post subject:

ปลายปีหน้า รถไฟจีน-ลาว เดินรถ ดัน รถไฟ ทางคู่ “ขอนแก่น-หนองคาย”เชื่อม
เสาร์ที่ 5 กันยายน 2563 เวลา 14:12 น.

ธันวาคม 64 รถไฟ จีน-ลาวเปิดเดินรถ กรมราง -รฟท.ดันเต็มสูบ รถไฟทางคู่ “ขอนแก่น-หนองคาย” 167กม. เชื่อม ขนส่งสินค้า ดีเดย์ประมูลปีหน้า หนึ่งเดียว ในโปรเจ็กต์ ทางคู่เฟส2 7 เส้นทาง 2.7แสนล้าน ส่วน ที่เหลือ 1,316กม. รอไปก่อน

ถูกดองอยู่นานสำหรับ 7เส้นทางรถไฟทางคู่ เฟส2ระยะทางรวม 1,483 กิโลเมตรมูลค่า 2.71 แสนล้านบาท ในที่สุด สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ส่งเรื่องกลับ พร้อมกับความเห็น ให้กระทรวงคมนาคมและ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) .จัดลำดับความสำคัญ หยิบเส้นทางที่มีความพร้อมที่สุดลงมือก่อน โดยพิจารณาจาก 1.มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ชาติในด้านการขนส่งสินค้าเป็นหลักและมีความสามารถเปลี่ยนเส้นทางเดินรถจากระบบขนส่งทางถนนสู่ระบบขนส่งทางราง 2.จำนวนผู้โดยสาร 3.ความพร้อมของโครงการที่เร่งรัดในการขับเคลื่อน 4.ความสามารถในการดำเนินงานขับเคลื่อนในอนาคตที่มีจุดเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะโครงการเข้าเกณฑ์ มีเส้นทางเดียว รถไฟทางคู่ “ขอนแก่น –หนองคาย “ มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) อยู่ที่ 19% ผ่าน การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ เรียบร้อย แล้ว และยังเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟ จีน-ลาว ที่มีแผนเปิดเดินรถ เดือนธันวาคม 2564 มองว่า จะ เป็นเส้นทางขนส่งสินค้า คาดการณ์อยู่ที่ 12 ล้านตันต่อปี ถึงปี 2580 หลังเชื่อมต่อกับ รถไฟจีน-ลาว คาดว่าปีหน้าสามารถเปิดประมูลได้ ส่วนอีก6เส้นทาง ต้องชะลอออกไป และจัดลำดับความพร้อมอีกครั้ง

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทาง (ขร.) สะท้อนว่า กระทรวงคมนาคมเร่งรัดให้ขับเคลื่อนระบบขนส่งทางรางเพิ่มขีดความสามารถในการเดินรถทั้งโดยสารและขนส่งสินค้า แต่เนื่องจาก มีขีดจำกัดเรื่องหนี้สาธารณะจึงต้อง ดำเนินโครงการที่จำเป็นและชะลอ โครงการที่เหลือออกไป และมอบ รฟท.ไปตรวจสอบรายละเอียดและขอบเขตของการดำเนินโครงการที่ไม่ได้ก่อสร้างเพียงทางรถไฟเท่านั้น แต่ต้องมีการก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าอย่างครบวงจร และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่ง เช่น ด่านศุลกากร เป็นต้น จากเดิมมีแค่สถานีเปลี่ยนถ่ายสินค้า(คอนเทนเนอร์ยาด)เท่านั้น ซึ่งต้องข้อสรุปและนำเสนอที่ประชุมโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตามการทบทวนโครงการลงทุนรถไฟทาง เฟส 2 อาจส่งผลกระทบให้ต้องเลื่อนแผนการดำเนินงานจากเดิมออกไปและยังไม่สามารถบอกได้ว่าเลื่อนออกไปเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ยกเลิก ขึ้นอยู่กับ รฟท.ที่จะเร่งรัดจัดทำรายละเอียดทุกเรื่องให้สามารถตอบคำถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ รวมถึงความจำเป็นหากต้องเพิ่งวงเงินลงทุนในส่วนของไอซีดี เมื่อได้ข้อสรุปจะต้องรายงานกระทรวงคมนาคม ก่อนส่งเรื่องไปยังสภาพัฒน์ และ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ และอาจจะเห็นการประมูลโครงการแรกในปี 64

“ยื่นยันว่า การทบทวนโครงการลงทุนรถไฟทาง เฟส 2 อาจส่งผลกระทบให้ต้องเลื่อนแผนการดำเนินงานจากเดิมออกไปและยังไม่สามารถบอกได้ว่าเลื่อนออกไปเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ยกเลิก ขึ้นอยู่กับ รฟท.ที่จะเร่งรัดจัดทำรายละเอียดทุกเรื่องให้สามารถตอบคำถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ รวมถึงความจำเป็นหากต้องเพิ่งวงเงินลงทุนในส่วนของไอซีดี เมื่อได้ข้อสรุปจะต้องรายงานกระทรวงคมนาคม ก่อนส่งเรื่องไปยังสภาพัฒน์ และ คณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ และอาจจะเห็นการประมูลโครงการแรกในปี 64”

แหล่งข่าวจากรฟท. กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงต้องการ เร่งรัดระบบขนส่งทางราง ให้ เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด เศรษฐกิจชะลอตัว หนี้สาธารณะสูง งบประมาณมีจำกัด มองว่า ควรชะลอโครงการที่ไม่พร้อมออกไป

Mongwin · Posted: 07/09/2020 7:20 am Post subject:

รัฐถังแตก 'สภาพัฒน์' รื้อทางคู่-สนามบิน
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563

รัฐทุ่มงบประมาณเยียวยาโควิดเศรษฐกิจหมดหน้าตัก ป่วนแผนลงทุนเมกะโปรเจ็กต์คมนาคม "สภาพัฒน์" ตีกลับ "รถไฟทางคู่เฟส 2" ยกลอต 7 สาย เงินลงทุนกว่า 2.72 แสนล้าน สั่งจัดลำดับความสำคัญโครงการใหม่ ก่อนเสนอ ครม.อนุมัติ "กรมราง" เร่งสรุป 3 เดือน เผยช่วง "ขอนแก่นหนองคาย" พร้อมสุด เชื่อมโลจิสติกส์ ไทย-ลาว-จีน ด้าน ทอท.เตรียมรีวิวขยายสนามบินดอนเมือง เฟส 3

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2563 ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ได้นำโครงการรถไฟทางคู่ทั้ง 7 เส้นทาง มาพิจารณาใหม่อีกครั้ง หลังสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ส่งโครงการทั้งหมดกลับมายังกระทรวงคมนาคมให้ทบทวน เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

สภาพัฒน์ตีกลับทางคู่

ทั้ง 7 เส้นทางมีระยะทางรวม 1,483 กม. วงเงิน 272,219.14 ล้านบาท ประกอบด้วย ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กม. 62,859.74 ล้านบาท, ช่วงเด่นชัยเชียงใหม่ 189 กม. 56,837.78 ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 308 กม. 37,527.10 ล้านบาท, ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 167 กม. 26,663 ล้านบาท, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 168 กม. 24,294.39 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา 321 กม. 57,375.43 ล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 45 กม. 6,661.37 ล้านบาท

สาเหตุที่สภาพัฒน์ส่งกลับมา เนื่องจากโครงการนี้มีการสอบถามจากสภาพัฒน์อยู่หลายครั้ง แต่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ไม่ตอบ กลับประเด็นข้อสงสัยให้ครบ ทางสภาพัฒน์จึงตีกลับเรื่องดังกล่าวกลับมาที่กระทรวง เพื่อเริ่มกระบวนการเสนอโครงการใหม่อีกครั้ง

เร่งขอนแก่น-หนองคายเชื่อมลาว

"คณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องของเพดานหนี้สาธารณะ ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้การเสนอโครงการลงทุนจะเน้นเฉพาะโครงการมีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น จึงมีการคัดเลือกเส้นทางที่เห็นว่าควรมีการผลักดันก่อนอันดับแรก คือ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงินลงทุน 26,663 ล้านบาท"

นายสรพงศ์กล่าวอีกว่า เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงที่มาจากประเทศจีน และ สปป.ลาว ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปี 2564 จึงต้องเร่งผลักดัน และด้านหนึ่งเป็นโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุดด้วย ปัจจุบันการออกแบบและรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว รวมถึงโครงการมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ประมาณ 19% และมีปริมาณสินค้าที่จะขนส่งในอนาคตถึงปี 2580 ประมาณ 12 ล้านตัน/ปี

"ช่วงขอนแก่น-หนองคายยังมีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องก่อสร้างสถานีตู้สินค้าที่มีพิธีการศุลกากรทั้งสินค้าขาเข้าและสินค้าขาออก ที่บ้านนาทา จ.หนองคาย เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรทางรถไฟ มอบ ร.ฟ.ท.นำผนวกรวมกับแบบก่อสร้างให้เร็วที่สุด รวมถึงตรวจสอบ ดูว่าเงินลงทุนเพิ่มหรือไม่ เพราะเป็นงานเพิ่มเติม"

ส่วนเส้นทางอื่น ๆ ที่ประชุมมอบหมาย ให้กรมเป็นผู้ศึกษาตรวจสอบและทบทวนในส่วนของอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้า และเหตุผลความจำเป็น คาดว่าจะเริ่มศึกษาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ และจะสรุปผลการศึกษาให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือช้าสุดไม่เกิน 3 เดือน จะต้องตรวจสอบข้อมูลทุกอย่าง อีกครั้งถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ที่สภาพัฒน์ให้พิจารณา

ในเบื้องต้นมีจัดลำดับความสำคัญทั้ง 7 เส้นทางได้แล้ว ลำดับที่ 1 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ลำดับที่ 2 ช่วง ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ลำดับที่ 3 ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ลำดับที่ 4 ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ลำดับที่ 5 ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ลำดับที่ 6 ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดัง เบซาร์ และลำดับที่ 7 ช่วงเด่นชัยเชียงใหม่ ขณะที่ทางคู่สายใหม่ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 66,848.33 ล้านบาท และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงิน 85,345 ล้านบาท คาดว่าจะประมูลกลางปี 2564

รีวิวใหม่ดอนเมือง เฟส 3

ด้าน ร.ท.สัมพันธ์ ขุทรานนท์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าการลงทุนพัฒนาสนามบิน ดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงิน 38,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอแผนงานโครงการให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ในวันที่ 9 ก.ย.นี้

"ต้องเสนอแผนเข้าไปที่ กบร. เพราะมีข้อกังวลรายงาน EIA หากแผนการก่อสร้างสนามบินดอนเมือง เฟส 3 มีศักยภาพสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 40 ล้านคนต่อปี อาจจะต้องพิจารณา EIA ใหม่อีกครั้ง และสภาพัฒน์มีความคิดเห็นว่า การพยากรณ์และคาดการณ์ต่าง ๆ ควรจะปรับใหม่ หลังประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และสถานะทางการเงินของ ทอท.ที่มีแนวโน้มจะขาดทุนในปีนี้ จึงอยากให้ดำเนินการทุกอย่างอย่างรอบคอบ"

บิ๊ก ทอท.ย้ำโควิดไม่กระทบ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวว่า แผนการลงทุนระยะยาว 5-10 ปี วงเงิน 388,110 ล้านบาท พัฒนา 6 สนามบิน ในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ รวมถึงการก่อสร้าง สนามบินภูเก็ต และเชียงใหม่แห่งที่ 2 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารให้ได้ 243.7 ล้านคน/ปี ยังคงเดินหน้าโครงการเหมือนเดิม

แม้ปัจจุบันโควิด-19 จะส่งผลกระทบ ต่อปริมาณผู้โดยสารปี 2563 ลดลงเหลือ 38.81 ล้านคน/ปี จากปี 2562 อยู่ที่ 143.01 ล้านคน/ปี แต่กว่าการก่อสร้างจะเสร็จ ปริมาณผู้โดยสารคงจะกลับมาเป็นปกติ ในปี 2564 คาดว่าอยู่ที่ 55 ล้านคน/ปี ปี 2565 เปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 อยู่ที่ 128.64 ล้านคน/ปี ปี 2566 อยู่ที่ 150.61 ล้านคน/ปี

"ตอนนี้มีกระแสเงินสด 50,000 ล้านบาท ที่จะนำมาลงทุน หากไม่พอ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นโครงการที่คุ้ม จะกู้เงินมาลงทุน ก่อนหน้ามีโควิด เราลงทุนไม่ทันกับการเติบโตของผู้โดยสาร ตอนนี้ ทำให้เราต้องเร่งลงทุน รับกับการพลิกฟื้นกลับเข้าสู่สภาวะปกติในเดือน ต.ค. ปี 2565"

บรรยายใต้ภาพ
รีวิวใหม่ - รถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 7 เส้นทางและแผนพัฒนาสนามบินของ ทอท.ที่เตรียมไว้ในแผนงาน ล่าสุดสภาพัฒน์ให้กระทรวงคมนาคม ทบทวนความสำคัญของโครงการใหม่ หลังประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซาและโควิด-19 ก่อนที่ จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการต่อไป

Wisarut · Posted: 07/09/2020 10:23 pm Post subject:

ทางคู่ลพบุรี - ปากน้ำโพ ช่วงท่าแค
https://www.facebook.com/222323771159492/videos/319627675979153/

Wisarut · Posted: 07/09/2020 11:10 pm Post subject: